ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนต์หมอกแห่งรัก

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ

    • อัปเดตล่าสุด 6 ม.ค. 62


            ตะวันสาวน้อยผู้มีเรือนผมยาวสลวยแต่งแต้มด้วยสีน้ำเงินที่เจ้าตัวชื่นชอบกำลังขับรถคันเก่งมุ่งหน้าเข้าจังหวัดกาญจนบุรี ใบหน้าสวยเข้มคมคายมีแว่นตาสีชาปกปิดดวงตาขี้เล่นเอาไว้เจ้าตัวหันไปมองเพื่อนสาวข้างๆแว่บนึงก่อนจะนึกถึงสมัยเรียนมัธยมใครๆก็ขำชื่อของพวกเธอทั้งสองที่เข้ากันซะนี่กะไรแถมยังเป็นเพื่อนซี้กันซะด้วยแถมนิสัยก้อต่างกันสุดขั้ว ตะวันเป็นสาวสวยมั่นใจ คล่องแคล่ว ขี้เล่น ในขณะที่จันทรานั้นเรียบร้อยน่ารัก แล้วก็อ่อนหวาน จนหนุ่มๆในโรงเรียนรุมตอมกันมากมายแต่จันทราก็ไม่เคยหวั่นไหวจนได้พบ เดนนิส หนุ่มลูกครึ่งที่คบกันมา7ปีแต่ถูกบอกเลิกด้วยเหตุผลง่ายๆคือดีเกินไป ตะวันถอนหายใจด้วยความสงสารเพื่อนก่อนจะเรียกเพื่อนที่กำลังขยับตัวลุกขึ้น"ตื่นแล้วเหรอจันทร์"จันทราพยักหน้าก่อนจะถาม"ตะวันเมื่อยมั้ยเปลี่ยนกันขับหรือเปล่า"
    ตะวันชำเลืองมองหน้าเพื่อนที่ยังมีร่องรอยจากการร้องไห้อย่างหนักก่อนจะตอบ"ไม่เมื่อยหรอกจันทร์ว่าแต่เราไปแวะเที่ยววัดถ้ำเสือกันก่อนมั้ย" ตะวันเอ่ยถามเพื่อนสาวอย่างขอความเห็น
    "ใช่วัดที่มี"หลวงพ่อชินประทานพร"ใช่มั้ย" หญิงสาวถามอย่างตื่นเต้น
    ตะวันหัวเราะท่าทีตื่นเต้นของเพื่อน"ใชๆว่าแต่จันทรารู้ได้ไงอ่ะ"
    "เมื่อคืนค้นหาข้อมูลเรียบร้อยแล้ว"จันทราบอกเพื่อนอย่างภูมิใจ
    "โอเค งั้นมุ่งหน้าวัดถ้ำเสือเล้ยย"สองสาวประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะเบนเข็มสู่เส้นทางไปสู่ "วัดถ้ำเสือ"

    ณ วัดถ้ำเสือ
         สองหนุ่มเหล่าทัพและชัชกำลังเดินอยู่รอบๆบริเวณวัดเพื่อเก็บรูปจากด่านล่าง เมื่อมองขึ้นไปจะเห็นพระเจดีย์และหลวงพ่อชินประดิษฐานอยู่เคียงข้างกันอย่างงดงาม 
    "โอ๊ย!!!สวยจังเลยเหล่าเคยเห็นแต่ในรูปว่าสวยแล้วนะมาจริงๆแล้วสวยกว่าในรูปอีก"หนุ่มชัชพูดอย่างตื่นเต้นขณะเก็บรูปภาพอย่างเอาเป็นเอาตายทำเอาเพื่อนที่เดินด้วยข้างๆส่ายหัวอย่างนึกขำ
    "ไปอ่านประวัติตรงป้ายนั่นกันดีกว่าแล้วค่อยขึ้นไปข้างบนดีมั้ย"เหล่าทัพถามความเห็นเพื่อน ก่อนจะหันไปเจอเรือนผมยาวสลวยสีน้ำเงินสะดุดตาที่ทำให้เขาชะงักก่อนจะยิ้มออกมาจนทำให้เพื่อนที่เดินมาด้วยข้างๆหันไปมองตาม
    "เอ!!เหล่าทัพเพื่อนเกลอนายถูกใจสาวผมสีน้ำเงินคนนั้นล่ะสิ"ชัชแซวเพื่อนอย่างรู้ใจเพราะเพื่อนเขาคนนี้ชอบผู้หญิงผมยาวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
    "555555แค่สะดุดตาน่ะผมเขาสีไม่เหมือนใครดี"เหล่าทัพบอกกับเพื่อนหนุ่มแก้เขินที่จับสังเกตุอาการของเขาได้ก่อนจะลากเพื่อนไปยังป้ายประวัติความเป็นมาของวัด ก่อนจะคิดในใจเขินๆ "ไอ้เพื่อนบ้านี่รู้ใจจริงๆ "
         ตะวันกำลังยืนฟังจันทราอ่านป้ายประวัติความเป็นมาอย่างตั้งอกตั้งใจ "วัดถ้ำเสือ เป็นวัดที่มีชื่อเสียงไม่น้อย รวมถึงยังถือว่าเป็นวัดที่มีพระที่มีองค์ใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี พระเจดีย์ที่มีความสวยงามโดดเด่น สามารถมองเห็นได้จากในระยะไกล เพราะตั้งอยู่บนเนินเขา ใครที่มาเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี สามารถแวะเยี่ยมชมวัด สักการะพระบรมสารีริกธาตุภายในพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท และนมัสการหลวงพ่อชินประทานพร

         วัดถ้ำเสือตั้งอยู่บนเนินเขา ในตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง เป็นอำเภอที่อยู่ก่อนถึงตัวเมืองกาญจนบุรี เดิมเป็นเพียงสำนักสงฆ์เล็กๆ ที่อยู่ในบริเวณถ้ำเสือด้านล่างริมเนินเขา ต่อมาได้แรงศรัทธาจากชาวบ้าน ร่วมกันสร้างและบูรณะ จนกลายเป็นวัดที่ใหญ่โต และมีความวิจิตรงดงาม

          ศาลาด้านล่างติดกับบริเวณที่จอดรถ เป็นศาลาการเปรียญประดิษฐานสังขารหลวงปู่ชื่น ที่บรรจุอยู่ในโลงแก้ว มีศาลาประดิษฐานรูปหล่อเจ้าอาวาสหลวงพ่อสิงห์ หลวงพ่อชื่น ซึ่งหลวงพ่อสิงห์เป็นพระธุดงค์ที่มาพบถ้ำเสือ ส่วนหลวงพ่อชื่นเป็นผู้บูรณะปฏิสังขรวัด และยังมีส่วนที่เป็นถ้ำ ที่แบ่งออกเป็น 4 ห้อง มีห้องโถงใหญ่ประดิษฐานพระประธาน 2 ห้องสำหรับหลวงพ่อชื่นมาบำเพ็ญภาวนา และห้องประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม

    การขึ้นไปบนเขาที่ประดิษฐานหลวงพ่อชินประทานพร และพระเจดีย์ ทำได้ทั้งเดินขึ้นบันไดนาคด้านหน้า ที่มีจำนวน 157 ขั้น ชันประมาณ 60 องศา  เมื่อขึ้นไปถึงบนเขาบริเวณวัด ด้านซ้ายติดกับบริเวณรถรางจะเป็นพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท

         เดินตรงไปด้านหน้าจุดเด่นจุดแรกคือ พระชินประทานพร พระพุทธรูปองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ด้านซ้ายขององค์พระเป็นวิหาร ส่วนด้านขวาเป็นพระอุโบสถอัฏมุข นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่วัดมักจะสักการะพระชินประทานพรก่อน แล้วค่อยขึ้นไปยังพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท เพื่อนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ และชมวิวทิวทัศน์ แบบ 360 องศา ซึ่งด้านหน้าวัดจะเห็นลำน้ำแม่กลอง ด้านหลังเป็นท้องทุ่งนาเขียวขจี ส่วนด้านข้างติดกับองค์พระเจดีย์ เป็นเก๋งจีนของวัดถ้ำเขาน้อยที่มีความงดงามตระการตาไม่แพ้กัน" 
    "ฮ้าววว!!!" เสียงหาวของตะวันดังขึ้นข้างๆทำให้จันทราหันไปหยิกเพื่อนด้วยความหมั้นไส้ทำเอาคนที่เพิ่งหาวเมื่อกี้ตาสว่างขึ้นมาทันตา
    "โอ๊ยยย!!! "สาวน้อยอุทานเสียงหลงจนเพื่อนสาวหัวเราะออกมาอย่างขำขันในท่าทีแกล้งเจ็บของตะวัน
    "ตะวัน ตะวัน ใช่ตะวันหรือเล่า" เจ้าของชื่อหันไปตามเสียงเรียกก่อนจะพบกับชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบทหารลายพราง รูปร่างกำยำยืนเรียกอยู่ไม่ไกลนัก ตะวันหรี่ตามองอย่างครุ่นคิดก่อนจะยิ้มออกมาอย่างตื่นเต้น"พี่สงคราม"
    ชายหนุ่มผู้ถูกเรียกขานยิ้มอย่างดีใจก่อนจะเดินไปหาหญิงสาว"ว่าไงเจ้าตะวัน"เขาเอ่ยทักก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวอย่างเอ็นดู
    "พี่สงครามไปไงมาไงคะนี่" ตะวันเอ่ยทักชายหนุ่มอย่างสนิทสนมขณะที่จันทรายืนงงๆอยู่ข้างๆก่อนจะหันมองเพื่อนทีมองชายหนุ่มทีอย่างสงสัย
    "จันทรานี่พี่สงครามรุ่นพี่ตั้งแต่เรียนประถม ส่วนนี่จันทราเพื่อนรักของตะวันเองค่ะ"ตะวันแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักทำให้จันทราหายสงสัยในทันทีก่อนจะทำความเคารพผู้สูงวัยกว่าตรงหน้า
    "สวัสดีค่ะ ตะวันเคยเล่าเรื่องของพี่ให้ฟังบ่อยๆยินดีที่ได้พบนคะ"   ชายหนุ่มรับไหว้อย่างอารมณ์ดีก่อนจะหันไปถามสาวน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆ"ไปไงมาไงล่ะนี่เจ้าตัวแสบ"
    สาวเจ้ายิ้มกว้างขวางก่อนจะตอบ"พอดีลาหยุดน่ะค่ะก็เลยจะพาเพื่อนมาเที่ยวแล้วก็จะเลยไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่บ้านด้วย แล้วพี่สงครามไปไหนเหรอคะ"
    "พี่พานักศึกษาวิชาทหารมาเที่ยว นี่ก็เพิ่งมาจากสะพานข้ามแม่น้ำแควแล้วก็จะพากลับค่ายแยกย้ายกันกลับน่ะ แล้วเราจะไปเที่ยวที่ไหนกันต่อ"
    "ยังไม่รู้เลยค่ะ"ตะวันยิ้มจนตาหยีตอบอย่างมั่นใจทำเอาทั้งรุ่นพี่และเพื่อนหัวเราะจนตัวงอกับท่าทีของเธอ
    "จ่าสงคราม ไปไหนเหรอครับ" เสียงเรียกขานจากด้านหลังทำให้ชายหนุ่มหันไปมองอย่างสงสัยก่อนจะทักทายผู้เรียกอย่างสนิทสนม
    "หมวดเหล่าสวัสดีครับ"
    หมวดเหล่ายิ้มอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเอ่ยถามผู้อวุโสกว่าตรงหน้า"พี่จ่าพาเด็กๆมาเที่ยวก่อนจะกลับเหรอครับ"
    "ใช่ครับหมวด พอดีเจอกับรุ่นน้องสมัยเรียนเลยเดินมาทัก"พูดแล้วก็เลยแนะนำตัว2สาวให้รู้จัก"เจ้าคนผมสีน้ำเงินนั่นชื่อตะวันครับส่วนนั่นก็จันทรา"ชายหนุ่มแนะนำสองสาวให้ผู้บังคับบัญชารู้จัก


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×