ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love me Love my rabbit กามเทพตัวอ้วน

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4 ไม้แข็ง

    • อัปเดตล่าสุด 18 ก.ค. 56


                                

                       ทางด้านคนที่มารดาบอกว่าออกไปช้อปปิ้งนั้น นอนอยู่ในห้องนอนพร้อมกับเจ้ากระต่ายตัวอ้วนที่นอนซุกแขนเธออยู่ เธอคิดถึงทางออกของปัญหา เธอไม่อยากไปเดทหรือนัดดูตัวกับใครทั้งสิ้น เพราะเธอยังไม่คิดที่จะแต่งงาน อีกอย่างเธอแค่อายุ 24 เท่านั้น! ทำไมพ่อกับแม่ถึงอยากให้เธอมีแฟนแต่งงานมีครอบครัวไปสักทีก็ไม่รู้ เธอจึงลุกขึ้นไปส่องกระจกดูตนเอง ว่าเธอแก่แล้วหรือมีอะไรผิดปกตินัก รูปสะท้อนในกระจกบานใหญ่คือหญิงสาวใบหน้าสวยคมรูปไข่ คิ้วโก่งพาดผ่านได้รูป ดวงตากลมโตคล้ายกวาง ขนตางอนยาวแทบจะไม่ต้องปัดมาสคาร่าเลยแม้แต่น้อย จมูกโด่งเชิดรั้นบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าของนั้นเอาแต่ใจมากเพียงใด ริมฝีปากอิ่มบางสีสดใสราวกับผลเชอรรี่นั้นเม้มสนิท ผิวเธอขาวอมชมพูอย่างคนสุขภาพดีและที่สำคัญเรือนร่างบางระหงที่สูงถึง 175 เซนติเมตรมาพร้อมกับหุ่นทรงนาฬิกาทราย ที่หน้าอกหน้าใจแม่ให้มาถึงคัพC !

                    เธอยังสวยเป๊ะอยู่เลย

                    ไม่ว่าจะหมุนซ้ายหมุนขวา หันไปด้านใดเงาที่สะท้อนออกมาก็ไม่ได้มีสิ่งใดผิดปกติเลยแม้แต่น้อย! และแล้วก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว ทำให้หญิงสาวยิ้มแก้มแทบปริ วิ่งไปหาเจ้ากระต่ายตัวอ้วนที่นอนอยู่บนเตียงแล้วอุ้มมันขึ้นมาหยอกล้อ

    “เจ้าอ้วนฉันคิดว่ามีทางออกแล้วล่ะ เราจะไม่ต้องลำบากไปที่ร้านนั้นร้านนี้เพื่อไปเดทกับใครอีกแน่นอน ฮ่าๆ”เธอพูดแล้วก็หยอกล้อกับกระต่ายอย่างอารมณ์ดี กระต่ายตัวอ้วนก็ได้แต่งุนงงว่าวันนี้เจ้านายของมันเป็นอะไร เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย  กระต่ายไม่เข้าใจเลย!

    “ลัลลา ลัลลัลลา ฮาฮ้า ฮ้าฮาฮา”เสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์จากร่างบางที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนยังหงุดหงิดจนแทบจะกลายร่างอยู่เลย

    “เดี๋ยวเย็นนี้พี่ชินกลับมา เราก็จะมีทางรอดแล้ว!

    บรื้นบรื้นปิ๊นปิ๊น

    เสียงฝีเท้าวิ่งลงมาจากชั้นบนอย่างเร่งรีบ วิ่งตรงออกไปยังหน้าบ้านโดยไม่สนเสียงคนรับใช้ที่ห้ามปรามไม่ให้วิ่งเร็วนัก เสียงบอดี้การ์ดที่ส่งเสียงเตือน กลัวเจ้านายของตนจะได้รับอันตราย แต่หญิงสาวก็ไม่ได้สนใจ เพราะเสียงรถที่วื่งเข้ามาอาจจะเป็นทางรอดของปัญหาที่เธอกำลังประสบพบเจออยู่ในขณะนี้ รอยยิ้มแต้มอยู่บนใบหน้าสวย พร้อมกับความหวังที่เต็มเปี่ยม เธอออกมายืนรอที่หน้าบ้านพลางชะเง้อคอมอง ทันทีที่คนบนรถลงมาเธอจึงส่งเสียงทักทายทันที

                    “พี่ชะ........อ้าว! คุณพ่อคุณแม่”

                    “ไงจ้ะเจนีวาลูกรัก มารอแม่กับพ่อที่หน้าบ้านเลยเหรอ”ผู้เป็นมารดาทักทายพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ แต่คนที่รอใบหน้าเต็มไปด้วยความบูดบึ้ง

                    “พี่ชินล่ะคะ นี่รถพี่ชินนี่ค่ะแล้วพี่ชินไปไหน ทำไมคุณพ่อคุณแม่นั่งรถพี่ชินกลับมา”เสียงคำถามมากมายดังขึ้น โดยไม่สนใจคนที่ถูกถามเลยแม้แต่น้อยว่าจะฟังทันหรือไม่

                    “เจนพ่อว่าเราเข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่านะ ตอนนี้พ่อเริ่มหิวแล้วล่ะ”อดิศรเดินมาโอบไหล่ลูกสาวพร้อมกับพาเดินเข้าไปที่โต๊ะรับประทานอาหาร แล้วสั่งคนรับใช้ให้เริ่มตั้งโต๊ะ นีนารถเดินตามหลังมาพร้อมกับซ่อนรอยยิ้มไว้

                    “ว่ายังไงล่ะคะคุณพ่อ พี่ชินไปไหน”

                    “แม่ว่าเราทานข้าวกันก่อนดีกว่า เดี๋ยวค่อยคุยกัน”

                    “ไม่ค่ะ ! เจนอยากรู้เดี๋ยวนี้!”เธอปฏิเสธมารดาด้วยเสียงที่เริ่มดังขึ้น แต่อดิศรและนีรนารถก็ไม่ได้ตกใจกลับยิ้มออกมาแทน

                    “ถ้าเจนไม่กิน เราก็ไม่ต้องคุย” อดิศรเอ่ยขึ้นอย่างเรียบๆ แล้วลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้า ส่วนคนที่ในชีวิตนี้ไม่เคยถูกขัดใจเลย ไม่ใช่สิวันนี้เธอก็ถูกขัดใจมาแล้วครั้งหนึ่งได้แต่มองบิดามารดาด้วยสีหน้าตกใจ แล้วกับไปจัดการอาหารด้วยอาการกระฟัดกระเฟียด แต่คนตรงหน้าก็ไม่ได้สนใจ กินอาหารไปแล้วพูดคุยเรื่องานกันไปอย่างมีความสุข ทำเหมือนว่าเธอไม่มีตัวตน

    1 ชั่วโมงผ่านไป....

                    “คุณพี่คะนีว่าโรงแรมทางใต้ของเราช่วงนี้อยู่ในช่วงไฮซีซั่นนะคะ นีคิดว่าเราน่าจะมีโปรโมชั่นสักเล็กน้อย เพื่อดึงดูดลูกค้าดะ.....”

    “คุณแม่คะ เจนรอมาเป็นชั่วๆโมงแล้วนะคะ ทานอาหารเสร็จแล้วตอบเจนสักทีสิคะ เรื่องที่คุยกันอยู่มันเป็นเรื่องของฝ่ายการตลาดที่ต้องจัดการ ไม่ใช่ท่านประธานแบบคุณพ่อคุณแม่!” เสียงหญิงสาวแหวออกมาดังลั่น ด้วยอารมณ์ที่ไม่พอใจ

                    “ก็เพราะเป็นผู้บริหารไงลูก เราก็ต้องช่วยกันคิด ไม่ใช่ให้แต่เขาทำ ถ้าคิดแบบนี้มันไม่ถูกนะลูก” อดิศรพูดโดยไม่มีอาการหงุดหงิดหรือไม่พอใจเลยแม้แต่น้อย กับสอนให้บุตรสาวเข้าใจด้วยท่าทางนิ่งๆเรียบๆแทน

                    “ไม่รู้ล่ะคะ แต่เจนอย่างรู้ว่าพี่ชินไปไหนคะ นี่ดึกมากแล้วทำไมพี่ชินไม่กลับบ้าน”

                    “อ๋อ ชินไปธุระที่อิตาลี แม่กับพ่อลืมบอก ไปเมื่อตอนเย็นนี่เอง เครื่องออกตอน 2 ทุ่มน่ะลูก ป่านนี้พี่เค้าขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้วล่ะจ้ะ”นีรนารถตอบด้วยใบหน้ายิ้มๆ แต่คนฟังถึงกับสำลักน้ำทันที

                    “คุณแม่ว่าอะไรนะคะ!

                    “ก็ชินไปอิตาลี” เสียงคนเป็นมารดาตอบเรียบๆ คล้ายกับบอกเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป โดยไม่สนใจสีหน้าตกใจของบุตรสาวแม้แต่น้อย

    “แล้วทำไม...” เจนีวาพึมพำเบาๆ

                    “ก็พี่เค้ารีบน่ะลูก เลยฝากพ่อกับแม่มาบอก กลับเดือนหน้าน่ะ ไม่นานหรอก” นีรนารถบอกอย่างปลอบใจ

                    เจนีวาก้มหน้าลงแล้วเงียบ สักพักไหล่บางก็สั่นสะท้านเล็กน้อย ทั้งอดิศรและนีรนารถหันหน้ามามองหน้ากัน ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ อดิศรโบกมือไล่คนรับใช้ให้ออกไปรอด้านนอก สองสามีภรรยาไม่ได้พูดอะไรออกมา พอๆกับหญิงสาวที่ไม่ได้เอ่ยคำพูดใดออกมานอกจากก้มหน้าลง เวลาผ่านไปนานจนคนเป็นบิดาทนไม่ได้จึงเอ่ยปากออกมาก่อน

                    “เจนพะ......”

    “เป็นแผนของคุณพ่อคุณแม่ใช่ไหมคะ คุณพ่อคุณแม่กันให้พี่ชินไปไกลๆ จะได้ช่วยเจนไม่ได้ คุณพ่อส่งพี่ชินไปอิตาลีใช่ไหม!” เธอเงยหน้าขึ้นมาแล้วตัดพ้อต่อว่าบิดามารดาด้วยความน้อยใจ ในดวงตากลมโตมีน้ำใสๆคลอหน่วยตาและใบหน้าขาวใสเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา เมื่ออดิศรและนีรนารถเห็นบุตรสาวคนเดียวร้องไห้ถึงกับตกใจจนใบหน้าซีดขาว

    “เอ่อ...ไม่ใช่อย่างนั้นนะลูก พี่เขาไปทำงาน” อดิศรพูดปลอบใจลูกสาว

                    “ทำไมคุณพ่อต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย เจนเกลียดคุณพ่อคุณแม่!” เสียงหวานตะวาดขึ้นอย่างเดือดดาลพร้อมกับวิ่งขึ้นไปบนห้องนอนของตนและล๊อกอย่างแน่นหนา ทั้งอดิศรและนีรนารถรีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องบุตรสาวพยายามเคาะให้เปิด

                    “เจนออกมาคุยกันก่อนสิลูก พ่อกับแม่ไม่ได้ให้พี่เขาไปนะ เขาต้องไปดูงานอยู่แล้ว”

                    “ใช่ลูก เปิดประตูให้แม่เข้าไปหน่อยนะเจน”

       ก๊อกๆๆๆๆ

                     เสียงเคาะประตูดังขึ้นรัวๆ หญิงสาวที่อยู่ในห้องหันไปมองทางหน้าประตูพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินด้วยความน้อยใจ ที่บิดามารดาอยากผลักไสให้ตนแต่งงานมีครอบครัวจนถึงขนาดให้พี่ชายของเธอไปต่างประเทศเพื่อที่จะได้ไม่มีคนคอยช่วยเหลือเธอ และยังถ่วงเวลาจนเครื่องออกยิ่งคิด ยิ่งน้อยใจ น้ำตาไหลรินเป็นสาย เธอทรุดตัวลงกับพื้น พร้อมกับปิดตาสะอื้น เจ้ากระต่ายตัวอ้วนที่นอนอยู่ตรงมุมห้องมองด้วยความสงสัยแล้วกระโดดเข้ามาหา พร้อมกับซุกตัวข้างๆตัวเธอ เจนีวาหันไปมองเจ้ากระต่ายตัวอ้วนกลมแล้วลูกที่ตัวมันเบาๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างกั้นไม่อยู่ เมื่อเสียงเคาะประตูเงียบลงไป เธอจึงอุ้มเจ้ากระต่ายไปที่เตียงแล้วล้มตัวลงนอน

                    “อ้วนทำไมคุณพ่อคุณแม่ใจร้ายกับเจนจังเลย ทำไมถึงอยากไล่ให้เจนไปอยู่กับคนอื่น” เสียงพึมพำเบาๆ ดังอยู่หลายครั้งจนเจ้าของเสียงเหนื่อยอ่อนจากการร้องไห้และหลับไป

                    “คุณพี่คะ นีว่าเราทำเกินไปหรือเปล่าคะ” นีรนารถพูดขึ้นหลังจากกลับมาที่ห้อง

                    “เอาน่าเราต้องค่อยๆปรับนิสัยลูกไป ที่เป็นแบบนี้เพราะเราเลี้ยงแกมาผิดนะนี”

                    “แต่นีสงสารลูก แกไม่อยากแต่งก็อย่าไปบังคับแกเลยนะคะ”

                    “โธ่ นีพี่ว่าลองดูสักตั้งก่อน พี่ไม่ได้อยากให้แกแต่งงานไปหรอก แต่อยากให้มีเพื่อน มีสังคมบ้าง นอกจากไปไหนมาไหนกับบอดี้การ์ด”

                    “นีว่าเราพาลูกสาวเราไปเปิดตัวที่งานสังคมจะไม่ดีกว่าเหรอคะ ไม่ต้องให้ดูตัวหรอกคะ” นีรนารถบอกกับสามี ในฐานะที่เธอเป็นแม่เธอก็หวงลูกสาวอยู่บ้าง ไม่อยากให้แต่งงานออกไป

                    “นีเคยทำมากี่ครั้งแล้วล่ะวิธีนี้ตั้งแต่ลูกกลับมาอยู่เมืองไทย ลูกเราก็ไม่เคยจะยอมไป ถึงไปก็ไม่สนใจที่จะพูดคุยหรือมีไมตรีกับบรรดาลูกท่านหลานเธอทั้งหลายสักคน”

                    “ถือว่านีขอนะคะ นีเห็นลูกร้องไห้แล้วนีไม่สบายใจเลย แกไม่ร้องไห้มาหลายปีแล้วนะคะ”

                    “พี่รู้ แต่ว่า....”อดิศรเริ่มอึกอักเมื่อภรรยาคู่ใจพูดถึงเรื่องที่เห็นน้ำตาลของบุตรสาวในรอบหลายปี คนเป็นพ่อก็เริ่มใจไขว่เขว

                    “นะคะ คุณพี่ นีไม่สบายใจเลย”

                    “แต่ลูกเราแทบจะไม่คบค้าสมาคมกับใครเลยนะ อีกหน่อยถ้าเจนทำงาน เจนก็ต้องมีสังคม จะให้ลูกใช้ชีวิตแบบไม่คบค้าสมาคมกับใครไปทั้งชีวิตไม่ได้หรอก บอกตรงๆนะ พี่ไม่อยากให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ที่ให้ดูตัวพี่ก็หวังว่าจะมีคนมาละลายน้ำแข็งในใจเจนลงได้นะ พี่คิดว่าต้องมีสักคนแหละน่าจะทำให้เจนเหมือนคนปกติ ไปเที่ยวกับเพื่อน ไปกับแฟน”อดิศรร่ายยาวเรื่องที่ค้างคาในใจให้ภรรยาฟังอย่างกลุ้มใจ ในตัวลูกสาวคนเล็กของเขา

                    “นีรู้ แต่นีว่าอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ พี่กับนีไม่เคยขัดใจแกเลย เราหาวิธีอื่นดีไหมคะ”

    นีรนารถพยายามโน้มนาวให้สามีเปลี่ยนใจ เพราะเธอเปลี่ยนใจไปตั้งแต่เห็นน้ำตาของลูกสาวเมื่อตอนที่รับประทานอาหารด้วยกันแล้ว หล่อนล้มเลิกความตั้งใจที่จะบังคับให้บุตรสาวไปดูตัวกับบรรดาชายหนุ่มที่หล่อและสามีคัดเลือกมา เพราอยากให้ลูกสาวเป็นฝังเป็นฝาเสียที อยากให้ท่าทีเย็นชาที่ไม่สนใจใครของบุตรสาวหายไป แต่เมื่อเห็นน้ำตาความตั้งใจทั้งหมดก็มลายหายไปทันที

                    “ลองอีกสักทีได้ไหม พี่เชื่อว่าต้องมีสักคนน่าจะเอาใจและเข้าใจเจนได้นะ”

                    “ว่าไงก็ว่าตามค่ะ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×