คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 ประกาศิต
บทที่ 2
เจนีวาได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับเหม่อไปที่สนามหญ้าหน้าบ้าน โดยมีเจ้ากระต่ายตัวอ้วนกลมของเธอวิ่งเล่นไล่จับกับบรรดาคนรับใช้ในบ้านอีก 2 คนอยู่บริเวณนั้น กระต่ายตัวนี้หล่อนซื้อมาเลี้ยงตั้งแต่ 6 ปีที่แล้ว ก่อนที่เธอจะบินไปเรียนต่อปริญญาโทที่อังกฤษและนำมันไปด้วย ตลอดเวลาที่เธอเรียนอยู่ที่นั่นเธอก็เลี้ยงเจ้ากระต่ายตัวอ้วนกลมตัวนี้ด้วยความรักใคร่และอยู่กับมันตลอดเวลา เพราะเธออยู่ที่นั่นเธอแทบจะไม่ออกไปไหนเลยนอกจากไปเรียน เธอใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่แต่ในบ้านที่อังกฤษกับกระต่ายของเธอและคนที่บิดาส่งไปดูแลหล่อนอีก 3 คนพร้อมทั้งบอดี้การ์ดอีก 5 คน ในบ้านหลังขนาดกลางที่อังกฤษ เธอไม่เคยมีเพื่อนสนิทเพราะเธอไม่อยากจะสนิทกับใครให้ชีวิตวุ่นวาย ตลอดชีวิตที่ผ่านมา 24 ปีของเธอนอกจากครอบครัวและบอดี้การ์ดแล้วสิ่งมีชีวิตที่เธอไว้ใจก็คือเจ้ากระต่ายตัวอ้วนกลมตัวนี้ ทำให้เธอรักและพามันไปด้วยทุกที่ เธอไม่ออกไปไหนตั้งแต่ไปพบบิดาที่บริษัทเมื่อ 3 วันก่อน เก็บตัวแต่อยู่ในคฤหาสน์หลังโต
“คุณหนูคะ คุณผู้หญิงต้องการเรียนสายด้วยคะ”
คนรับใช้เดินมาบอกเธออย่างนอบน้อม ด้วยรู้นิสัยของเธอดี เธอลุกขึ้นจากโซฟาไปรับโทรศัพท์
“สวัสดีค่ะคุณแม่”
“เจนเหรอลูก คุณพ่อท่านมาบ่นให้แม่ฟังอีกแล้วนะลูกเรื่องเดทที่พังทุกครั้งของลูก”
น้ำเสียงที่เหนื่อยหน่ายดังมาจากปลายสาย ทำให้หญิงสาวขมวดคิ้วเป็นโบ
“คุณแม่คะ ทำไมไม่มีใครฟังเจนเลย เจนไม่อยากแต่งงานและไม่อยากเดทหรือคบหาดูใจกับผู้ชายคนไหน ที่สำคัญคนพวกนั้นรับไม่ได้ที่เจนพาเจ้าอ้วนไปทานอาหารด้วย”
“แต่เจนที่พ่อทำก็เพราะเป็นห่วงเจนนะ พ่ออยากให้หนูคบหาดูใจกับใครสักคน เพื่อที่จะสร้างครอบครัวในอนาคต ตลอดเวลาที่ผ่านมาหนูไม่เคยมีแฟนเลยนะ”
ประโยคหลังเสียงจากปลายสายเริ่มอ่อนลงแทบจะเป็นเสียงกระซิบ เพราะรู้ดีว่ามันคือสิ่งที่เจนีวาบุตรสาวคนสวยของหล่อนไม่เคยมี
“แล้วยังไงคะคุณแม่ ไม่มีแฟนก็ไม่เห็นจะเป็นไร เจนมีพ่อแม่ มีพี่ชิน”
“แต่ไม่มีใครอยู่กับหนูได้ไปจนตายหรอกนะ สักวันชินก็ต้องแต่งงาน”
“ไม่รู้ล่ะคะ เจนยังยืนยันคำเดิมว่าเจนยังไม่อยากมีแฟน ยังไม่อยากแต่งงาน”
น้ำเสียงของเธอเริ่มห้วนและแสดงออกถึงอาการไม่พอใจ ทำให้คนปลายสายได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะยื่นคำขาดมาว่า
“ถ้าเจนไม่ยอมเลือกคู่เดทที่พ่อหามาให้หรือไม่ยอมไปดูตัว ต่อไปนี้แม่จะยึดทุกอย่างที่เจนมีและเจนจะไม่ได้อะไรจากพ่อกับแม่อีก!”
ยังไม่ทันที่จะได้โต้ตอบอะไรกับไป คนที่ปลายสายก็วางสายไปก่อน ทำให้เธออ้าปากค้างและงุนงง พร้อมทั้งใช้สมองประมวลผลสิ่งที่ได้ยินมาก่อนจะส่งเสียงกรีดร้องออกมาลั่นบ้าน
“กรี๊ดดดดดดดดดดดด”
เสียงฝีเท้าไม่ต่ำกว่า 5 คู่วิ่งมาตามเสียงกรี๊ดที่ได้ยินและทุกคนก็หยุดนิ่งราวกับถูกสาปเมื่อเห็นสีหน้าของเจ้านายในขณะนี้ สีหน้าของเจนีวาบิดเบี้ยวราวกับอยากจะระบายอารมณ์ใส่อะไรสักอย่างในขณะนี้ เมื่อเธอตวัดสายตากลับมามอง เหล่าบอดี้การ์ดและคนใช้จึงรีบย้ายตัวเองออกไปจากแนวสายตาของเธอทันที เมื่อทกคนออกไปเจนีวาได้แต่กระแทกเท้าปึงๆเดินไปนั่งที่โซฟา พยายามจะคิดในแง่บวกว่าแม่ของเธออาจะพูดเล่นตามอารมณ์โกรธจึงต่อสายไปหาท่านใหม่
แต่....
“ถ้าเจนไม่ทำตามที่แม่กับพ่อบอก แม่ก็ไม่มีอะไรจะคุยกับเจน!ตู๊ดๆๆๆ”
ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยปากอะไรออกมา ปลายสายก็รีบตัดบทใส่เธอแล้วชิงวางสายไป ทำให้เธอเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้อย่างแจ่มแจ้งเลยว่า
พ่อกับแม่จะไม่มีวันเข้าข้างเธออีก!
ก่อนที่เธอจะได้จมอยู่กับความเสียใจ คนรับใช้ก็รู้งานพาเจ้ากระต่ายตัวอ้วนเข้ามา มันก็วิ่งมาหาเธอทันทีและกระโดดขึ้นบนตักเอาหน้าคลอเคลียกับแขนเธออย่างออดอ้อน ทำให้เธอลืมความเสียใจไปชั่วขณะแล้วหันมาเล่นกับมันแทน โดยเหล่าบรรดาบอดี้การ์ดและคนรับใช้ที่แอบดูอยู่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกกันถ้วนหน้า และหวังว่าคุณหนูของพวกเขาจะลืมความเสียใจไปเลยและไม่ลุกมาอาละวาดให้พวกเขาก็ปวดหัวและตกใจกันตลอดทั้งวัน
“จะดีหรือคะคุณอิฐ นีว่าสงสารลูกนะคะ”
เสียงของหญิงอายุราวๆ 50 กว่าๆดังขึ้นภายในห้องของท่านประธานบริษัทในเครือเจโล
“ผมก็ไม่แน่ใจเท่าไรหรอก แต่ว่าเราตามใจเจนมากจนเจนเสียคนแล้ว เราไม่เคยขัดใจแกเลย”
“ค่ะ นีกลัวแกจะรับไม่ได้ ที่ถูกขัดใจ แต่นีไม่อยากให้ลูกเราอยู่กับเจ้ากระต่ายตัวอ้วนนั่นไปจนตายหรอกนะคะ นีอยากให้แกเข้าสังคมอย่างน้อยก็อยากได้คนที่มาดูแลแกได้”
สองสามีภรรยาสบตากันด้วยความหนักใจ ก่อนที่โทรศัพท์ภายในจะดังขึ้น
“ครับคุณวิ”
“คุณชินดนัยมาขอพบค่ะ”
“เชิญเขาเข้ามาในห้องเลยครับ”
เมื่อสายถูกตัดสักพักประตูก็ถูกผลักเข้ามา พร้อมกับร่างสูงเจ้าของใบหน้าคมคายเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจส่งให้ทั้งคู่ แล้วมานั่งเก้าอี้อีกตัวที่ว่างอยู่
“ทำหน้าตาไม่สดใสกันเลยนะครับคุณพ่อคุณแม่ หุ้นตกหรือครับ”
เขาเอ่ยกระเซ้าผู้เป็นบิดามารดาอย่างอารมณ์ดี แต่ทั้งสองกับไม่หัวเราะตาม
“เป็นแบบนั้นก็ยังไม่หนักใจเท่าเรื่องนี้เลยชิน”
“.........”
“เครียดอะไรกันครับ”
ชินหรือชินดนัย รัตนดิเรก บุตรชายคนโตของพวกเขา ถามขึ้นอย่างห่วงใย เพราะไม่เห็นบิดามารดาเครียดกับเรื่องใดมานานมากแล้ว
“ก็เรื่องเจนน้องสาวเราไงล่ะ”คนเป็นพ่อตอบขึ้น
“เจนทำอะไรให้หนักใจอีกเหรอครับ”
“ก็คู่เดททุกคนของเจนน่ะสิ โดนสาดน้ำใส่หรือไม่ก็ไล่ตะเพิดตลอดเลย พ่อกับแม่ไม่รู้จะมีใครเขามาดูตัวกับน้องเราแล้วนะ”มารดาเขาเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหนักใจ
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ครับน้องก็ยังเด็ก เพิ่งจะ 24 เองนะครับ มีเวลาอีกตั้งนาน ผมว่าคุณพ่อคุณแม่อย่าเพิ่งรีบเลยครับ”และเป็นอีกครั้งที่เขาออกตัวแทนน้องสาวของเขา เขาเป็นอีกคนที่ทำให้เจนีวาเสียคน เพราะเขาตามใจน้องสาวทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องอะไร
“ชินก็แบบนี้ทุกที เฮ้อ! ว่าแต่วันนี้มีเรื่องอะไรล่ะลูกถึงมาพบพ่อด้วยตัวเองแบบนี้ มีโครงการไหนไม่ผ่านเหรอหรือจะให้พ่อช่วยอะไร”คนเป็นพ่อเปลี่ยนเรื่อง เพราะคิดว่าถ้าคุยเรื่องเจนีวายังไงชินย่อมเข้าข้างน้องสาวของเขาเป็นแน่แท้ จึงตัดบท
“ผมว่าจะเดินทางไปดูโรงแรมที่อิตาลีสักหน่อยนะครับแล้วขอลาพักร้อนสักเดือนไปเลย เพราะ...”สองสามีภรรยาได้ยินถึงกันหันขวับมาจ้องหน้าลูกชายทันที
“ลูกว่าอะไรนะชิน!”อดิศรตกใจจนเผลอขึ้นเสียงดังโดยไม่รู้ตัว แต่บุตรชายเขาก็ยังยิ้มๆและตอบมาด้วยเสียงขบขันว่า
“ผมขอลาพักร้อน 1 เดือนครับ”
“จะบ้าเหรอชิน ไม่ๆยังไงพ่อก็ไม่ยอม ใครจะช่วยพ่อบริหารงานกันล่ะ”อดิศรรีบท้วงบุตรชายด้วยความว่องไว
“ใช่ๆ แม่ไม่เห็นด้วยหรอกนะ ตั้งเป็นเดือน ใครจะมาทำแทนลูก”เมื่อเห็นหน้าตาและท่าทางตกอกตกใจของบิดามารดา เขาจึงหัวเราะขึ้น
“ผมล้อเล่นนะครับ ผมแค่จะบอกคุณพ่อว่าผมจะต้องไปดูงานและประชุมสรุปรายได้ประจำปีของโรงแรมที่อิตาลีน่ะครับ”อดิศรและนีรนารถถอนหายใจพร้อมกันด้วยความโล่งอก
“ชินนี่นะ เล่นอะไรก็ไม่รู้พ่อกับแม่ตกใจหมด”นีรนารถพูดดุบุตรชายเบาๆ
“ก็เห็นพ่อกับแม่เครียดกันนี่ครับ เลยอยากให้ทำหายเครียด”
“แล้วจะไปเมื่อไรละ ไปกับใครบ้าง”อดิศรถามขึ้นหลังจากหายตกใจแล้ว และได้รับคำตอบจากบุตรชายมาว่า
“วันนี้ครับ เครื่องออกตอน2 ทุ่มครับ ไปกับเลขาผมครับ เลยมาบอกคุณพ่อกับคุณแม่ก่อน ผมกะว่าจะแวะไปหาน้องก่อนไปด้วยครับ”
“ไม่ต้องๆ เดี๋ยวพ่อบอกน้องให้ ชินรีบไปเถอะ เตรียมตัวหรือยัง นี่ก็เย็นแล้วนะ เดี๋ยวไม่ทันนะลูก”อดิศรรีบออกปากบอกบุตรชาย เนื่องด้วยในใจของตนนั้นมีแผนการบางอย่างอยู่ นีรนารถที่มองตาสามีอยู่กรับรู้ทันทีว่าสามีเธอต้องมีแผนอะไรบางอย่างใจจึงช่วยพูดกับบุตรชายอีกทาง
“แม่ก็เห็นด้วยกับพ่อนะ ชินไปเตรียมตัวดีกว่า วันนี้น้องคงจะช้อปปิ้งยังไม่กลับหรอก”
“แต่.....” เขายังอึกๆอักๆ เพราะอยากไปบอกน้องสาวก่อนไป เพราะคราวนี้เขาไปนานและเขายังสังหรณ์ใจแปลกๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ไม่ต้องแต่หรอกลูก ไปเถอะ เดี๋ยวแม่จะบอกน้องให้ ยังไงตอนเย็นก็เจอกัน ลูกไม่ต้องเสียเวลาหรอก วันนี้รถยิ่งติดอยู่ด้วย”นีรนารถพูดจาหว่านล้มบุตรชายจนสีหน้าทีมีแววลังเลในตอนแรกหายไป เธอจึงแอบลอบยิ้มกับสามี
“ครับ งั้นผมไปก่อนะครับ”พูดจบก็เข้ามาสวมกอดบิดามารดาแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องไปสองสามีภรรยาหันมายิ้มให้กันแล้วเริ่มต้นพูดคุยถึงแผนการที่วางไว้ เมื่อไม่มีคนที่จะคอยขัดขวางแผนการของพวกเขาอีกแล้ว อะไรๆคงจะง่ายขึ้น
ความคิดเห็น