ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC B.A.P] SELFISH LOVE { BangChan }

    ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 57


    Chapter 3

    “เมียมีเมียพี่ต้องมา นี่เมียไม่มาก็เพราะว่าเมียไม่มี”

     

    “เมียมีเมียพี่ต้องมานี่เมียไม่ เฮ้ย! อะไรของมึงเนี่ย” เสียงเอ๊ะอะโวยวายของสองเพื่อนรักดังจนเป็นจุดสนใจของคนในคณะทันทีที่เพื่อนร่วมกลุ่มทำหน้าหงิกหน้างอโยนกองหนังสือลงกลางวง

     

    “เป็นเชี่ยอะไรครับตอบ” ดงอูหันไปถามเพื่อนตัวขาวที่นั่งลงข้างๆเขาด้วยใบหน้าที่บอกได้เลยว่า.. อุ่ยเงียบปากดีกว่า

     

    “กูเซ็งอะ ทำไมพี่จุนฮีเค้าต้องให้ไอบ้านั่นมารับส่งกูด้วยวะ กูมีรถปะ กูขับเองได้ปะ” บ่นด้วยความเซ็งระดับเจ็ดให้เพื่อนทั้งสองฟัง

     

    “เกิดอะไรขึ้นหรอฮิมชาน บอกอี้มาสิ” อี้ชิงนั่งเท้าแขนถามเพื่อนรักด้วยท่าทีน่ารักเหมือนเดิมอย่างทุกๆวัน

     

    “เฮ้อ ไม่มีอะไรแค่มีงานตอนบ่ายอะ” โบกมือไปมาอย่างไม่ใส่ใจมากกนักก่อนจะวางคางลงบนโต๊ะแล้วยู่ปากอย่างไม่ชอบใจ

     

    “อี๋ ฮิมชานเมื่อกี้นกมันขี้ใส่โต๊ะอะ” ดงอูชี้ไปตรงหน้าฮิมชานก่อนจะทำท่าทางขยะแขยง

     

    “สาดดด แล้วไม่บอก” ฮิมชานรีบยันตัวขึ้นและเอาหน้าไปถูกับไหล่ของดงอูอย่างรวดเร็ว สร้างเสียงหัวเราะให้คนที่อยู่รอบข้างได้มากเลยทีเดียว

     

     

    จะบอกว่ากูเป็นตัวตลกว่างั้นเถอะ -_-

     

    วันนี้เนื่องจากเพื่อนอี้ชิง ที่หล่อๆวันนั้นมารับอี้ชิงไปทำธุระเราเลยได้อานิสงเป็นกับข้าวชุดใหญ่ อะไรนะ อานิสง อะไรบ้าบอ

     

    “ทานกันเยอะๆนะครับ” พี่คริสนั่งเท้าคางมองสี่สหายกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะคุณจางดงอู

     

    “ดงอู คุณเพื่อนนี่อดอยากมาจากไหนคะเนี่ย” จีน่าเอ่ยปากถามเพื่อนรักที่เอาแต่คีบนั่นคีบนี่เข้าปาก

     

    “ไม่ได้อดอยาก กลัวมันเหลือ”

     

    จากนั้นทุกคนก็ร้องอ๋อออกมาทันที คิมฮิมชานรู้สึกมีความสุขปะปนความอิจฉาริษยาจัง ที่อี้ชิงมีคนมาคอยเอาอกเอาใจ ดูนี่สิซุบสาหร่ายยัง...

     

    แปปนะ

    ...

    ซุบ

     

    สาหร่าย

     

    งั้นหรอ ?

     

    “เฮ้ยยยย ฮิมชานเป็นไร แพ้ท้องหรอ” ดงอูรีบทิ้งช้อนกับตะเกียบมาดูเพื่อนรักที่จู่ๆก็ลุกขึ้นไปอ้วกตรงซิ้งน้ำข้างกำแพงโรงอาหาร

     

    “ไม่เป็นไร แค่รู้สึกไม่ดี” ตอบส่งๆไปพร้อมกับอ้วกเอาของที่พึ่งกินไปออกมา รู้สึกเสียดายนะมันไม่ใช่อะ

     

    “มึงแพ้สาหร่ายหรอเนี่ย เหยยยย” จางดงอูยังคงคิดเองเออเองไปเรื่อย

     

    ใครก็ได้เอามันไปเก็บที

     

    “คุณจางดงอูคะใจเย็นค่ะ ฮิมชานโทรศัพท์มา” เป็นสาวเพียงคนเดียวจีน่านั่นเองที่มาเอาจางดงอูไปเก็บ

     

    ฮิมชานรับโทรศัพท์และกระดาษทิชชู่มาเช็ดปากก่อนจะกดรับสายโดยที่ไม่ได้ดูเลยว่าใครโทรมา

     

    “ฮิมชานพูดครับ”

     

    (รออยู่หน้าคณะนะ)

     

    “ใครอะ” เอ่ยถามออกไปทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว แถมยังชะเง้อคอมองออกไปยังหน้าคณะด้วย นี่ไม่อยากรู้สักนิดว่าใคร

     

    (เจอกันเมื่อวานนี่ลืมกันแล้วรึไง ให้ไวครับหน้าคณะ)

     

    “เดี๋ยวๆ รถคันไหน” ฮิมชานรีบเดินไปหยิบกระเป๋าและดื่มน้ำ โดยสายตาทั้งส่คู่มองอยู่ด้วยความไม่เข้าใจ

     

    อย่าพึ่งสงสัยได้ปะ

     

    (มีคันเดียว)

     

    ตอบสั้นๆและสายก็ตัดไปอย่างไร้เยื่อใย ฮิมชานสบถในใจก่อนจะยัดไอโฟนลูกรักลงกระเป๋ากางเกง โบกมือลาเพื่อนๆที่ทำหน้าก่งก๊งอยู่แล้วเดินจากไป

     

    ประหนึ่งกูกำลังไปกู้โลก

     

    ไอ้ที่ว่ามันคันเดียวมันก็มีคันเดียวจริงๆนั่นแหละ โถเจ้าพระคุณรุนช่อง คือแค่มารับกูนี่คือต้องถอยออร์ดี้สีดำรุ่นใหม่มาเลยหรอครับ

     

    มองกูใหญ่เลย

     

    ฮิมชานรีบก้มหน้าสาวเท้าก้าวขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบสายตาอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนพี่น้องร่วมคณะ สงสัยจะได้กลายเป็นประเดนฮอตซะแล้ว

     

    “กินอะไรรึยัง” เป็นยงกุกที่เริ่มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ รถค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากมหาลัย ไปตามเส้นทาง โชคดีที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีรถมาก แค่ตอนนี้อะนะ

     

    “กินแล้ว แล้วก็อ้วกออกหมดแล้ว” ฮิมชานตอบไปตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะบังยงกุกล่ะก็ คิมฮิมชานก็คงไม่ต้องเอาของอร่อยๆย้อนออกมาสู่ธรรมชาติหรอก

     

    “เป็นอะไร ไม่สบายรึไง” ประโยคคำถามที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วงทำให้เอาฮิมชานหันมามองตาโต

     

    “เป็นห่วงหรอ”

     

    “เออ”

     

    เขินได้ปะ

     

    /)///(\

     

     

    “เฮ้ย นี่ถามว่ากินอะไรรึยัง เหม่ออะไร” ยงกุกโบกมือไปมาตรงหน้าฮิมชานที่เหม่อลอยไม่รู้ตัวถามอะไรก็ไม่ตอบ

     

    กรรม

     

    นี่มโนไปเองเรอะ สงสัยเมาซุบสาหร่าย

     

    “กินแล้ว ถามมากจัง” ฮิมชานขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ หันหน้ามองวิวทิวทัศน์ด้านนอกไม่สนใจสบตากับคนขับรถนี่กำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์เชี่ยนเดียวกัน

     

     

     

     

     

    ไม่นานก็มาถึงสตูดิโอแห่งหนึ่ง

     

    “นี่ยงกุก ฉันเอาของไว้ในรถนายได้ปะ” ฮิมชาน ชูกระเป๋าที่มีของอยู่เต็มให้ยงกุกดู เจ้าของรถมองก่อนจะพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร

     

    “เข้าไปข้างในแล้วช่วยเรียกฉันว่าพี่ด้วยละกัน เดี๋ยวคนอื่นจะมองนายแย่ๆ”

     

    ยงกุกเปิดประตูออกไป เดินนำเข้าตึกไปก่อน  ฮิมชานที่มัวแต่แบะปากก็รีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว

     

    เท่าที่รู้คือนี่คือสตูดิโอทั่วไป และที่ฮิมชานต้องทำก็เป็นตัวประกอบเสริมในการถ่ายแบบลงนิตยสารฉบับหนึ่งที่มีธีมเป็นความสดใสของแต่ละวัย

     

    สงสัยว่าจะได้กินน้ำจนอิ่มแทนข้าวแล้วล่ะ

     

    ฮิมชานเดินตามร่างสูงไปเงียบๆ ลักเลาะไปยังทางต่างๆ ที่นี่เป็นแค่ตึกสองชั้นที่กว้างๆมากเลยทีเดียว ถ้าหากคลาดสายตาจากยงกุกคิดว่าต้องหลงทางแน่ๆ

     

    แล้วจู่ๆฮิมชานก็สะดุดตาเข้ากับโปสเตอร์แผ่นหนึ่งที่ติดอยู่ข้างประตูห้องห้องหนึ่งมันเป็นโปสเตอร์ที่ฮิมชานเคยเห็นมาก่อนแต่จำไม่ได้ว่าเห็นที่ไหน

     

    “เหมือนเคยเห็นมาก่อนเลย”

     

    “อย่าเหม่อลอยได้มั้ยฮิมชาน”

    เป็นยงกุกที่เดินย้อนกลับมาคว้ามือเล็กไปกุมไว้  คนอายุมากตกใจแทบตายที่พึ่งรู้สึกตัวว่าคนที่มาด้วยหายไป ถ้าฮิมชานหายไปแล้งงานไม่เสร็จคนที่จะถูกตำหนิก็คือพี่สาวของเค้า

     

    ฮิมชานหันมามองยงกุกอย่างงงๆแต่ก็ยอมเดินตามไปอย่างว่าง่าย ร่างสูงพาเค้าเข้าไปให้ห้องห้องหนึ่ง ทุกคนกำลังดูวุ่นวายกับการเตรียมฉากและนักแสดงที่เดินวุ่นไปมามีทั้งเด็กเล็กๆและคุณแม่ที่ถือขวดนมวิ่งไปมา ยงกุกดึงฮิมชานให้เดินตามไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ชี้ไม้ชี้มือไปมาอยู่ตรงข้างๆฉากสีเขียว

     

    “เฮียอนยูสวัสดีครับ” นิ้วยาวยื่นไปสะกิดที่แขนเสื้อสีฉุดฉาดของโปรดิวเซอร์ที่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าตลอดเวลา

     

    “อ้าว ยงกุกมาแล้วหรอ ดีเลยๆ พาน้องไปห้องแต่งตัวทีสิ” อนยูโบกมือทักทายฮิมชานเล็กน้อยก่อนจะหันไปสั่งทีมงานเครื่องจัดฉากก้อนเมฆต่อ

     

    “วันนี้เหม่อลอยบ่อยจัง” ยงกุกบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะลากฮิมชานผ่านเด็กน้อยที่กำลังเล่นตัวต่อเลโก้อยู่ด้วยกัน หรือกำลังวิ่งไล่แปะกันอยู่

     

    เรียกได้ว่าตอนนี้มีเด็กทุกรูปแบบจริงๆ

     

    “นี่ยง..พี่ยงกุก” ฮิมชานเกือบเผลอเรียกยงกุกว่ายงกุกเฉยๆแล้วถ้าไม่เข้าห้องแต่งตัวมาเจอช่างแต่งหน้าที่กำลังแต่งหน้าให้กับนายแบบทั้งหลาย “ทำไมด้านนอกวุ่นวายจัง”

     

    “เอาน่า” ยงกุกตอบก่อนจะเอามือมายีหัวของฮิมชานจนยุ่งไปหมด ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ

     

    “ต๊ายยยย ตายละไม่ได้เห็นหน้าตั้งนาน บังยงกุกกนี่เองนี่พาใครมาจ๊ะ” เสียงแหลมของใครบางคนเรียกความสนใจของฮิมชานให้หันไปมอง

     

    “พี่โจวควอนฝากน้องฮิมชานด้วย คนของพี่จุนฮีครับ” ยงกุกดึงฮิมชานให้มาใกล้ๆ คนโดนดึงโค้งทำความเคารพอย่างนอบน้อม

     

    “สวัสดีครับ ผมคิมฮิมชาน เรียกฮิมชานก็ได้ครับ” แนะนำตัวด้วยเสียงสดใสตามแบบฉบับคิมฮิมชาน

     

    “น่ารักน่าชังจัง มาๆเดี๋ยวเปลี่ยนชุดก่อนนะ นี่จ้า” โจวควอนหยิบไม้แหวนที่มีชุดสีสันอ่อนๆส่งให้ฮิมชานด้วยรอยยิ้ม

     

    มือขาวรับมาก่อนจะเดินเข้าห้องเปลี่ยนชุดไป แต่ยังไม่ทันจะปิดประตูก็มีใครอีกคนแทรกตัวเข้ามาด้วย

     

     

    “ยงกุกเข้ามาทำไมเนี่ย!” ฮิมชานเบิกตาโตพร้อมโวยวาย

     

    นี่คนเค้าจะเปลี่ยนชุดนะเว้ย

     

    “ชู่ววว” มือใหญ่ทาบปิดปากคนตัวเล็กไว้ไม่ให้ส่งเสียงดัง แถมไม่พูดพร่ำอะไรดันร่างบางให้ไปชิดติดกับผนังห้องแคบๆนี่อีก

     

    เกิดอะไรขึ้น !?

     

     

     

    30%

    CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×