คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 3
Chapter 3
“เมียมีเมียพี่ต้องมา นี่เมียไม่มาก็เพราะว่าเมียไม่มี”
“เมียมีเมียพี่ต้องมานี่เมียไม่ เฮ้ย! อะไรของมึงเนี่ย” เสียงเอ๊ะอะโวยวายของสองเพื่อนรักดังจนเป็นจุดสนใจของคนในคณะทันทีที่เพื่อนร่วมกลุ่มทำหน้าหงิกหน้างอโยนกองหนังสือลงกลางวง
“เป็นเชี่ยอะไรครับตอบ” ดงอูหันไปถามเพื่อนตัวขาวที่นั่งลงข้างๆเขาด้วยใบหน้าที่บอกได้เลยว่า.. อุ่ยเงียบปากดีกว่า
“กูเซ็งอะ ทำไมพี่จุนฮีเค้าต้องให้ไอบ้านั่นมารับส่งกูด้วยวะ กูมีรถปะ กูขับเองได้ปะ” บ่นด้วยความเซ็งระดับเจ็ดให้เพื่อนทั้งสองฟัง
“เกิดอะไรขึ้นหรอฮิมชาน บอกอี้มาสิ” อี้ชิงนั่งเท้าแขนถามเพื่อนรักด้วยท่าทีน่ารักเหมือนเดิมอย่างทุกๆวัน
“เฮ้อ ไม่มีอะไรแค่มีงานตอนบ่ายอะ” โบกมือไปมาอย่างไม่ใส่ใจมากกนักก่อนจะวางคางลงบนโต๊ะแล้วยู่ปากอย่างไม่ชอบใจ
“อี๋ ฮิมชานเมื่อกี้นกมันขี้ใส่โต๊ะอะ” ดงอูชี้ไปตรงหน้าฮิมชานก่อนจะทำท่าทางขยะแขยง
“สาดดด แล้วไม่บอก” ฮิมชานรีบยันตัวขึ้นและเอาหน้าไปถูกับไหล่ของดงอูอย่างรวดเร็ว สร้างเสียงหัวเราะให้คนที่อยู่รอบข้างได้มากเลยทีเดียว
จะบอกว่ากูเป็นตัวตลกว่างั้นเถอะ -_-
วันนี้เนื่องจากเพื่อนอี้ชิง ที่หล่อๆวันนั้นมารับอี้ชิงไปทำธุระเราเลยได้อานิสงเป็นกับข้าวชุดใหญ่ อะไรนะ อานิสง อะไรบ้าบอ
“ทานกันเยอะๆนะครับ” พี่คริสนั่งเท้าคางมองสี่สหายกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะคุณจางดงอู
“ดงอู คุณเพื่อนนี่อดอยากมาจากไหนคะเนี่ย” จีน่าเอ่ยปากถามเพื่อนรักที่เอาแต่คีบนั่นคีบนี่เข้าปาก
“ไม่ได้อดอยาก กลัวมันเหลือ”
จากนั้นทุกคนก็ร้องอ๋อออกมาทันที คิมฮิมชานรู้สึกมีความสุขปะปนความอิจฉาริษยาจัง ที่อี้ชิงมีคนมาคอยเอาอกเอาใจ ดูนี่สิซุบสาหร่ายยัง...
แปปนะ
...
ซุบ
สาหร่าย
งั้นหรอ ?
“เฮ้ยยยย ฮิมชานเป็นไร แพ้ท้องหรอ” ดงอูรีบทิ้งช้อนกับตะเกียบมาดูเพื่อนรักที่จู่ๆก็ลุกขึ้นไปอ้วกตรงซิ้งน้ำข้างกำแพงโรงอาหาร
“ไม่เป็นไร แค่รู้สึกไม่ดี” ตอบส่งๆไปพร้อมกับอ้วกเอาของที่พึ่งกินไปออกมา รู้สึกเสียดายนะมันไม่ใช่อะ
“มึงแพ้สาหร่ายหรอเนี่ย เหยยยย” จางดงอูยังคงคิดเองเออเองไปเรื่อย
ใครก็ได้เอามันไปเก็บที
“คุณจางดงอูคะใจเย็นค่ะ ฮิมชานโทรศัพท์มา” เป็นสาวเพียงคนเดียวจีน่านั่นเองที่มาเอาจางดงอูไปเก็บ
ฮิมชานรับโทรศัพท์และกระดาษทิชชู่มาเช็ดปากก่อนจะกดรับสายโดยที่ไม่ได้ดูเลยว่าใครโทรมา
“ฮิมชานพูดครับ”
(รออยู่หน้าคณะนะ)
“ใครอะ” เอ่ยถามออกไปทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว แถมยังชะเง้อคอมองออกไปยังหน้าคณะด้วย นี่ไม่อยากรู้สักนิดว่าใคร
(เจอกันเมื่อวานนี่ลืมกันแล้วรึไง ให้ไวครับหน้าคณะ)
“เดี๋ยวๆ รถคันไหน” ฮิมชานรีบเดินไปหยิบกระเป๋าและดื่มน้ำ โดยสายตาทั้งส่คู่มองอยู่ด้วยความไม่เข้าใจ
อย่าพึ่งสงสัยได้ปะ
(มีคันเดียว)
ตอบสั้นๆและสายก็ตัดไปอย่างไร้เยื่อใย ฮิมชานสบถในใจก่อนจะยัดไอโฟนลูกรักลงกระเป๋ากางเกง โบกมือลาเพื่อนๆที่ทำหน้าก่งก๊งอยู่แล้วเดินจากไป
ประหนึ่งกูกำลังไปกู้โลก
ไอ้ที่ว่ามันคันเดียวมันก็มีคันเดียวจริงๆนั่นแหละ โถเจ้าพระคุณรุนช่อง คือแค่มารับกูนี่คือต้องถอยออร์ดี้สีดำรุ่นใหม่มาเลยหรอครับ
มองกูใหญ่เลย
ฮิมชานรีบก้มหน้าสาวเท้าก้าวขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบสายตาอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนพี่น้องร่วมคณะ สงสัยจะได้กลายเป็นประเดนฮอตซะแล้ว
“กินอะไรรึยัง” เป็นยงกุกที่เริ่มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ รถค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากมหาลัย ไปตามเส้นทาง โชคดีที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีรถมาก แค่ตอนนี้อะนะ
“กินแล้ว แล้วก็อ้วกออกหมดแล้ว” ฮิมชานตอบไปตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะบังยงกุกล่ะก็ คิมฮิมชานก็คงไม่ต้องเอาของอร่อยๆย้อนออกมาสู่ธรรมชาติหรอก
“เป็นอะไร ไม่สบายรึไง” ประโยคคำถามที่แฝงไปด้วยความเป็นห่วงทำให้เอาฮิมชานหันมามองตาโต
“เป็นห่วงหรอ”
“เออ”
เขินได้ปะ
/)///(\
“เฮ้ย นี่ถามว่ากินอะไรรึยัง เหม่ออะไร” ยงกุกโบกมือไปมาตรงหน้าฮิมชานที่เหม่อลอยไม่รู้ตัวถามอะไรก็ไม่ตอบ
กรรม
นี่มโนไปเองเรอะ สงสัยเมาซุบสาหร่าย
“กินแล้ว ถามมากจัง” ฮิมชานขมวดคิ้วด้วยความรำคาญ หันหน้ามองวิวทิวทัศน์ด้านนอกไม่สนใจสบตากับคนขับรถนี่กำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์เชี่ยนเดียวกัน
ไม่นานก็มาถึงสตูดิโอแห่งหนึ่ง
“นี่ยงกุก ฉันเอาของไว้ในรถนายได้ปะ” ฮิมชาน ชูกระเป๋าที่มีของอยู่เต็มให้ยงกุกดู เจ้าของรถมองก่อนจะพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร
“เข้าไปข้างในแล้วช่วยเรียกฉันว่าพี่ด้วยละกัน เดี๋ยวคนอื่นจะมองนายแย่ๆ”
ยงกุกเปิดประตูออกไป เดินนำเข้าตึกไปก่อน ฮิมชานที่มัวแต่แบะปากก็รีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
เท่าที่รู้คือนี่คือสตูดิโอทั่วไป และที่ฮิมชานต้องทำก็เป็นตัวประกอบเสริมในการถ่ายแบบลงนิตยสารฉบับหนึ่งที่มีธีมเป็นความสดใสของแต่ละวัย
สงสัยว่าจะได้กินน้ำจนอิ่มแทนข้าวแล้วล่ะ
ฮิมชานเดินตามร่างสูงไปเงียบๆ ลักเลาะไปยังทางต่างๆ ที่นี่เป็นแค่ตึกสองชั้นที่กว้างๆมากเลยทีเดียว ถ้าหากคลาดสายตาจากยงกุกคิดว่าต้องหลงทางแน่ๆ
แล้วจู่ๆฮิมชานก็สะดุดตาเข้ากับโปสเตอร์แผ่นหนึ่งที่ติดอยู่ข้างประตูห้องห้องหนึ่งมันเป็นโปสเตอร์ที่ฮิมชานเคยเห็นมาก่อนแต่จำไม่ได้ว่าเห็นที่ไหน
“เหมือนเคยเห็นมาก่อนเลย”
“อย่าเหม่อลอยได้มั้ยฮิมชาน”
เป็นยงกุกที่เดินย้อนกลับมาคว้ามือเล็กไปกุมไว้ คนอายุมากตกใจแทบตายที่พึ่งรู้สึกตัวว่าคนที่มาด้วยหายไป ถ้าฮิมชานหายไปแล้งงานไม่เสร็จคนที่จะถูกตำหนิก็คือพี่สาวของเค้า
ฮิมชานหันมามองยงกุกอย่างงงๆแต่ก็ยอมเดินตามไปอย่างว่าง่าย ร่างสูงพาเค้าเข้าไปให้ห้องห้องหนึ่ง ทุกคนกำลังดูวุ่นวายกับการเตรียมฉากและนักแสดงที่เดินวุ่นไปมามีทั้งเด็กเล็กๆและคุณแม่ที่ถือขวดนมวิ่งไปมา ยงกุกดึงฮิมชานให้เดินตามไปหาผู้ชายคนหนึ่งที่ชี้ไม้ชี้มือไปมาอยู่ตรงข้างๆฉากสีเขียว
“เฮียอนยูสวัสดีครับ” นิ้วยาวยื่นไปสะกิดที่แขนเสื้อสีฉุดฉาดของโปรดิวเซอร์ที่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าตลอดเวลา
“อ้าว ยงกุกมาแล้วหรอ ดีเลยๆ พาน้องไปห้องแต่งตัวทีสิ” อนยูโบกมือทักทายฮิมชานเล็กน้อยก่อนจะหันไปสั่งทีมงานเครื่องจัดฉากก้อนเมฆต่อ
“วันนี้เหม่อลอยบ่อยจัง” ยงกุกบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะลากฮิมชานผ่านเด็กน้อยที่กำลังเล่นตัวต่อเลโก้อยู่ด้วยกัน หรือกำลังวิ่งไล่แปะกันอยู่
เรียกได้ว่าตอนนี้มีเด็กทุกรูปแบบจริงๆ
“นี่ยง..พี่ยงกุก” ฮิมชานเกือบเผลอเรียกยงกุกว่ายงกุกเฉยๆแล้วถ้าไม่เข้าห้องแต่งตัวมาเจอช่างแต่งหน้าที่กำลังแต่งหน้าให้กับนายแบบทั้งหลาย “ทำไมด้านนอกวุ่นวายจัง”
“เอาน่า” ยงกุกตอบก่อนจะเอามือมายีหัวของฮิมชานจนยุ่งไปหมด ตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ
“ต๊ายยยย ตายละไม่ได้เห็นหน้าตั้งนาน บังยงกุกกนี่เองนี่พาใครมาจ๊ะ” เสียงแหลมของใครบางคนเรียกความสนใจของฮิมชานให้หันไปมอง
“พี่โจวควอนฝากน้องฮิมชานด้วย คนของพี่จุนฮีครับ” ยงกุกดึงฮิมชานให้มาใกล้ๆ คนโดนดึงโค้งทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับ ผมคิมฮิมชาน เรียกฮิมชานก็ได้ครับ” แนะนำตัวด้วยเสียงสดใสตามแบบฉบับคิมฮิมชาน
“น่ารักน่าชังจัง มาๆเดี๋ยวเปลี่ยนชุดก่อนนะ นี่จ้า” โจวควอนหยิบไม้แหวนที่มีชุดสีสันอ่อนๆส่งให้ฮิมชานด้วยรอยยิ้ม
มือขาวรับมาก่อนจะเดินเข้าห้องเปลี่ยนชุดไป แต่ยังไม่ทันจะปิดประตูก็มีใครอีกคนแทรกตัวเข้ามาด้วย
“ยงกุกเข้ามาทำไมเนี่ย!” ฮิมชานเบิกตาโตพร้อมโวยวาย
นี่คนเค้าจะเปลี่ยนชุดนะเว้ย
“ชู่ววว” มือใหญ่ทาบปิดปากคนตัวเล็กไว้ไม่ให้ส่งเสียงดัง แถมไม่พูดพร่ำอะไรดันร่างบางให้ไปชิดติดกับผนังห้องแคบๆนี่อีก
เกิดอะไรขึ้น !?
30%
ความคิดเห็น