คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2
Chapter 2
หลังจากที่ยงกุกกลับไปแล้วฮิมชานก็ถึงกับขาอ่อนล้มพับลงไปกองอยู่ที่พื้น กลีบปากโดนกัดเอาไว้อย่างแรง สายตาหลุบต่ำอย่างใช้ความคิด
“ไว้จะมาฟังคำตอบวันหลังนะ”
นั่นเป็นคำทิ้งท้ายก่อนที่ยังกุกจะถอยออกไปอยู่ในระยะที่เหมาะสม แต่ก็ยังไม่ใช่คำสุดท้าย และใช่ว่ามันจะจบง่ายๆ ฮิมชานได้ประเคนหมัดหนักๆเข้าใส่มุมปาดที่เอาแค่ยกยิ้มน่ารังเกียจ ยงกุกเซไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร
ฮิมชานสังเกตเห็นเลือดที่มุมปาดซึมออกมา แต่นั่นดูเหมือนจะไม่ทำให้คนตรงหน้าสะทกสะท้าน ยงกุกทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ก่อนจะเดินออกไป
“ครั้งหน้าขอกินหม้อไฟก็แล้วกันนะ”
ไปกินที่บ้านมึงสิ !
ฮิมชานกำมือจนรู้สึกชาไปหมด ไม่อยากจะเชื่อว่าการเจอกันครั้งที่สองจะจบลงไม่สวยแบบนี้ นี่เค้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ยังไม่ได้ถามเรื่องที่อยากรู้เลย แล้วนี่อะไรทำไมเค้าต้องตอบคำถามอะไรแบบนั้นด้วย
อยากรู้ก็ถามพ่อแล้วก็เอ็นเทอร์ไป๊ !
ใบหน้าหวานง้ำงอเหมือนคนจะร้องไห้ ริมฝีปากบวมช้ำเพราะกัดเอาไว้นานเกินไป มือขวายกขึ้นควานหาโทรศัพท์บนโต๊ะหมายจะกดโทรออก แต่ดันมีสายโทรเค้าแทน เบอร์ที่ไม่คุ้นปรากฏอยู่บนหน้าจอ ช่างใจเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย
“สวัสดีครับ ฮิมชานครับ”
(อ๊า ฮิมชานนี่พี่จุนฮีเองนะ)
บุคคลที่โทรมาทักทายเสียงใสทำให้มือไม้ฮิมชานสั่นจนเกือบทำสมาทโฟนร่วงลงไปนอนบนพื้น มือขาวอีกข้างยกขึ้นมาช่วยประคองไว้ออกแรง
หัวใจเต้นรัวเพราะความกลัว
(พี่โทรมารบกวนรึเปล่า)
“เอ่อ ผมยุ่งนิดหน่อยครับ”
โกหกออกไปเพราะยังไม่พร้อมจะคุยอะไรทั้งสิ้น บังคับน้ำเสียงให้ปกติมากที่สุด
(อ่า ขอโทษนะเดี๋ยวพี่โทรไปใหม่ละกัน)
“ครับ”
ตอบรับเพียงสั้นๆ ก่อนจะปล่อยแขนให้ร่วงลงข้างตัว ตอนนี้หัวจำลังเต้นแรงจนไม่รู้จะทำอย่างไร ร่างกายมันชาไปหมด คิดว่าพี่จุนฮีจะรู้เรื่องแล้วซะอีก
เอามือทาบอกสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะลุกขึ้นยืน
นาฬิกาบนผนังบอกเวลาว่าใกล้เที่ยงแล้ว แต่ฮิมชานยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ ทั้งๆที่ของบนโต๊ะเค้าทำเอง มีก็แต่น้ำซุปที่ยงกุกป้อนให้ช้อนเดียว
คิดแล้วก็หงุดหงิดเว้ย
มองซุปสาหร่ายในถ้วยที่เหลือนิดหน่อยแล้วหายใจทิ้งไปหลายๆที
งดซุปสาหร่ายสักสามเดือนเลยละกัน
ตอนนี้ความอยากอาหารของฮิมชานเป็นศูนย์และเหมือนมันกำลังติดลบ เค้าเลยตัดสินใจจัดทุกอย่างใส่กล่องเอาไปให้ยองแจกิน เพราะนี่ใกล้เที่ยงแล้ว และยองแจก็ไม่ค่อยออกไปกินข้าวยอกบ้านด้วย คงจะอยู่กับคุณเฟรดดี้
ฮิมชานรีบจัดการอาหารทุกอย่างใส่ถุงไว้แล้วสาวเท้าเร็วๆเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำใหม่อีกรอบเตรียมพร้อมไปข้างนอก
ขับรถไม่นานด้วยความเร็วที่ ผู้ขับขี่รถบนถนนถึงกับสถบออกมาเสียงดังว่า
มึงรีบไปตายหรอ
ฮิมชานไม่แคร์เรื่องนั้นอยู่แล้ว พอดีโลกสวยและทำตัวใสใสก็เลยไม่รู้ว่าเค้ากำลังแช่งใครอยู่ ขอให้โชคดีไม่ตายก่อนผมละกันนะครับ
แลกบัตรผ่านเข้ามาในหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่ใกล้ตัวเมืองมากที่สุดและแพงมากที่สุด เพราะอยู่ใกล้ตัวเมืองมากๆ ฮิมชานเลี้ยวเข้าซอยหลายๆซอยก่อนจะจอดลงตรงหน้าบ้านหลังหนึ่งที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กเกินไป
เปิดประตูพร้อมหิ้วถุงอาหารมากมายที่ตัวเองทำ(แล้วไม่กิน)ลงมาด้วย สุนัขตัวโตขนสีน้ำตาลแลดูสุขภาพดีวิ่งเข้ามาหาเค้าอย่างรวดเร็วพร้อมส่ายหางดุกดิกน่ารัก
“สวัสดีคุณเฟรดดี้ ไปตามยองแจให้ฮิมชานทีสิ” ฮิมชานเกาะประตูรั้วคุยกับสุนัขพันธ์โกเด้นรีทรีฟเวอร์ ราวกับมันฟังเค้ารู้เรื่องและจะไปตามเจ้านายมา
ยองแจวิ่งตามคุณเฟรดดี้มาเปิดประตูให้ฮิมชานเข้ามาในบ้าน
“ทำไมพี่มาเร็วจังครับ ผมไม่ได้เตรียมตัวเลย” ยองแจเข้าไปช่วยฮิมชานหิวถุง
“พอดีพี่ทำอาหารไว้เยอะเลยเอามาฝาก หวังว่าจะยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงนะ”
ยองแจพยักหน้าน้อยๆก่อนจะตอบรับเบาๆว่ายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย
“คุณเฟรดดี้วันนี้ต้องไปอยู่กับฮิมชานนะ สามวันแหนะดีใจป่าว” ฮิมชานเดินตามยองแจเข้าไปในครัว มองสุนัขตัวใหญ่ที่เดินตามเค้า หางก็ส่ายไปมาราวกับดีใจนักที่ต้องไปอยู่กับเค้า
“เอ่อ พอดีผมกำลังติวหนังสือให้น้อง..”
“อ๋อ จุนฮงอะหรอ บ้านตรงข้ามอะนะ”
ฮิมชานพูดแทรกขึ้นมา โดยที่ตัวเองกำลังแกะถุงข้าวเทใส่จานสองจาน ฮิมชานแบ่งข้าวให้เท่าๆกันก่อนจะหันไปมองยองแจ
“พี่จำได้ด้วยหรอครับ”
“อาฮะ แหม ก็คราวที่เจอกันครั้งแรกหมอนั่นคิดว่าพี่เป็นแฟนนายนะสิ นี่แทบจะโดนต่อยอยู่ละ” ฮิมชานพูดไปขำไป
นึกถึงตอนที่ครั้งก่อนเค้าเอาคุณเฟรดดี้มาส่งบ้าน เค้าเจอกับจุนฮงที่นั่งทำการบ้านอยู่ตรงโต๊ะเตี้ยๆที่ห้องรับแขก จุนฮงนี่ตีโพยตีพายคิดไปเองว่าเค้าเป็นแฟนยองแจ แต่ดีที่ยองแจลงมาจากชั้นบนและห้ามไว้พอดี เกือบจะได้เสียโฉมซะละ
ยองแจแนะนำเค้าว่าเป็นพี่ชายที่รู้จัก สนิทแล้วก็ไว้ใจได้ แล้วก็บอกกับจุนฮงว่าตัวเองยังไม่มีแฟนอะไรทั้งนั้น
“นี่ แล้วยังคบกับพี่อึนจีอยู่มั้ย” ฮิมชานถามขณะเอาถุงไปทิ้งขยะ
ยองแจชู่วปากบอกให้ฮิมชานพูดเบาๆก่อนจะตอบแบบไม่มีเสียงว่ายังคบกันอยู่ ฮิมชานขอโทษที่พูดเสียงดัง ทั้งสองช่วยกันยกกับข้าวออกไปยังสวนหลังบ้านของยองแจ เพราะคุณนายยูชอบจัดสวนม๊ากมากเลยทำให้บ้านลังนี้มีพื้นที่กว้างและเป็นสวนที่สวยและร่มรื่นมากๆด้วย
ที่ยองแจไม่ให้พูดเรื่องแฟนเสียงดังก็เป็นเพราะว่า ไม่ว่ายองแจจะมีแฟนกี่คนกี่คนจุนฮงก็มักจะมาแย่งแฟนไปจากเค้าเสียทุกคน และผู้หญิงพวกนั้นก็ทิ้งเค้าเหมือนกระดาษทิชชู่ที่ใช้แล้วแผ่นหนึ่ง
แฟนคนที่พึ่งเลิกไปก็คือโบมี เธอก็คบอยู่กับจุนฮงอย่างน้าชื่นตาบาน และดูเหมือนโบมีจะติดจุนฮงมากๆเสียด้วย นั่นเป็นเรื่องดีสำหรับยองแจที่กำลังหาแฟนใหม่ จุนฮงก็จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายแย่งผู้หญิงไปจากเค้าอีก เค้าคบกับอึนจีได้สองอาทิตย์แล้วโดยที่จุงฮงไม่รู้ และคนนี้ยองแจจริงจังมากด้วย
จุนฮงที่นั่งเคาะปากกาอยู่คลี่ยิ้มเมื่อเห็นว่าเจ้าของบ้านที่เค้ามานั่งทำการบ้านอยู่เดินมาพร้อมอาหารกลางวัน
“หอมจังหอมจัง” พูดด้วยความตื่นเต้นแล้วรีบเก็บหนังสือที่กางอยู่เต็มโต๊ะม้าหินอ่อนลงไปวางข้างๆตัวเอง ยองแจวางจานลงอย่างเบามือ
ฮิมชานยิ้มให้จุนฮงก่อนจะวางจาดข้าวไว้ตรงหน้ายองแจและจุนองคนละจาน
“อ้าวพี่ฮิมชานไม่กินรอครับ”
“พี่กินมาแล้ว อิ่มมากๆเลย กินกันเถอะฝีมือเชฟคิมเลยนะ”
อิ่มมาก น้ำซุปช้อนเดียวกูอิ่มโคตรๆเลยครับ แหม่
“มันต้องอร่อยมากแน่ๆ” จุนฮงทำจมูกฟุดฟิดแล้วยกช้อนชึ้นตักบิบิมบับชิม
“พี่แน่ใจนะครับว่าไม่กิน ผมกินหมดเลยนะ” จุนฮงคาบช้อนไว้ แล้วหันมาถามฮิมชานด้วยแววตาใสซื่อ มันอร่อยมากนะแล้วเค้าก็อยากกินเยอะๆด้วย มาที่บ้านยองแจตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรมาเลยด้วย
“หมดไม่กลัว กลัวไม่หมด กินเถอะน่าพี่อิ่มแล้ว”
ฮิมชานยังโกหกได้แนบเนียนต่อไปว่าเค้าอิ่มแล้วและก็ไม่ได้เครียดหรือกังวลเรื่องอะไร เค้าดีใจที่ได้มารับคุณเฟรดดี้ไปอยู่ด้วยแบบสุดๆ แม้จะเสียดายซี่โครงทอดราดซอส แต่ก็ต้องทำเป็นว่ากินมาแล้วมันอร่อยมากมายโดยเฉพาะซอสเลยยืมช้อนจากยองแจตักชิ้นที่ติดเนื้อมากที่สุดใส่จานจุนฮงไป
กูจะร้องไห้
“น้องแจกินเยอะๆจะได้โตไวๆ” จุนฮงตักเนื้อใส่จานยองแจ
“นี่ยังไม่เลิกเรียกยองแจว่าน้องแจอีกหรอจุนฮง”
ฮิมชานกลั้นขำและถามออกไป เค้าเห็นยองแจจิ๊ปากอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ตักข้าวเข้าปากอย่างเดียว ฮิมชานรู้ว่ามันอร่อยแต่ช่วยกินช้าๆเถอะนะเดี๋ยวติดคอ ฮิมชานยังไม่พร้อมจะเป็นเจ้านายใหม่คุณเฟรดดี้
จุนฮงยักคิ้วให้ฮิมชานก่อนจะกินข้าวต่อ มีแอบชำเลืองมองยองแจนิดนึงแล้วขำกับตัวเอง ความจริงแล้วยองแจอายุมากกว่าจุนฮงสามปี แต่เพราะเมื่อก่อนแม่ของเค้าพามาเล่นกับยองแจเพราะบ้านอยู่ตรงข้ามกันบ่อยๆและได้ยินหม่ามี๊เรียกยองแจว่าน้องแจบ่อย เลยทำให้เค้าติดเรียกยองแจว่าน้องแจไปด้วย ตอนเด็กๆก็ยังไม่รู้อะไรหรอก พอโตขึ้นมาเท่านั้นแหละ การเรียกยองแจว่าน้องแจเลยเป็นอะไรที่สนุกสุดๆไปเลยล่ะ
จุนฮงเคยโดนยองแจบ่น(ความจริงคือดุ)บ่อยๆว่าให้เลิกเรียกเค้าว่าน้องแจเพราะยองแจอายุมากกว่าก็ควรเรียกว่าพี่ยองแจหรือไม่ก็เรียกว่ายองแจเฉยๆก็ยังได้ แต่จุนฮงไม่ทำ
จุนฮงเรียนเกรด11แล้ว เป็นเพราะแดดดี้และหม่ามี๊ของจุนฮงไม่ค่อยมีเวลาเลี้ยงดูจนฮงมากเลยให้เข้าเรียนเร็วกว่าเด็กทั่วไป ในขณะที่ยองแจเรียนแค่เกรด12 ใกล้ที่จะต้องสอบเข้ามหาลัยแล้วแต่ก็ยังอุส่าแบ่งเวลามาสอนการบ้านให้จุนฮง
ความจริงทำเองก็ได้ปะนาย
ข้ออ้างสารพัดที่จุนฮงนำมาอ้างเพื่อที่จะได้มาทำการบ้านที่บ้านยองแจมีมากมายจนยองแจจำได้ไม่หมดและครั้งนี้รู้สึกจะบอกว่า อยากมานั่งในสวนสัมผัสบรรยากาศร่มรื่นของต้นไม้ที่เค้ามาช่วยรดน้ำเมื่อสองวันก่อน จะได้ดูด้วยว่าสูงขึ้นกี่เซน
คือมันก็สรรหาข้ออ้างนะ
“นี่น้องแจ ชิ้นนี้อร่อยพี่ฮิมชานตักให้ ชิมๆ” จุนฮงตักเนื้อไปจ่อปากยองแจ
ยองแจมองหน้าของจุนฮงสลับกับเนื้อที่อยู่ตรงหน้า ชั่งใจมองคนข้างๆที่ได้แต่ยิ้มให้และไม่เอ่ยอะไรออกมา แล้วจึงอ้าปากลองชิมเนื้อที่จุนฮงป้อนให้ เด็กหนุ่มอารมณ์ดียิ้มตาหยี๋แล้วตักข้าวเขาปากตัวเองบ้าง
ยองแจคนโง่ โดนหลอกให้จูบทางอ้อมยังไม่รู้ตัวอีก
ฮิมชานได้แต่ระบายยิ้มออกมา ยองแจภายนอกดูเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงและมุ่งมั่นตั้งใจกับการทำกิจกรรมต่างๆแม้จะดูหยิ่ง แต่ความจริงคือเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงและหัวอ่อนเชื่อคนง่ายไปหน่อย ตามใครไม่ค่อยทัน ไร้เดียงสา แต่นั่นเป็นเสน่ห์ของยองแจ
ตอนแรกฮิมชานก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าเห็นยองแจแบบนี้จะมีแฟนมาแล้วหลายคน ยองแจมักจะมาปรึกษาเรื่องแฟนที่โดนจุงฮงแย่งไปบ่อยๆ ฮิมชานก็ให้คำแนะนำไปว่าถ้าคบใครก็อย่าไปบอกให้จุนฮงรู้ และตอนนี้ก็อย่างที่รู้ว่ากำลังคบกับพี่อึนจี พี่ที่คณะเค้าเองจบไปหลายปีแล้วแต่ยังคงวนเวียนทำตัวเนียนๆปะปนไปกับนักศึกษา จนบางคนคิดว่าพี่อึนจีคือเพื่อนร่วมเมเจอร์
ยองแจบอกว่าพี่อึนจีคือคนที่เค้าแอบชอบมาตั้งแต่เจอฮิมชานครั้งก่อน แบบรักแรกพบอะไรแบบนั้นยองแจว่ามางี้ ฮิมชานก็เป็นพ่อสื่อให้ทั้งสองได้คบกัน ดูเหมือนจะไปได้สวยและความลับก็ยังไม่แตกด้วย เจ๋งที่สุดเลยพ่อสื่อคิม
Rrrrrrr
เสียงเรียกข้าวของฮิมชานดังขึ้น เค้าเลยขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ที่อื่นเพราะไม่อยากรบกวนน้องทั้งสอง เดินออกมานั่งที่ขั้นบันไดหน้าบ้านแล้วกดรับสาย ข้างๆมีคุณเฟรดดี้ที่ตามมาด้วย
“ผมว่าจะโทรหาพี่อยู่เลยครับ”
(งั้นหรอ คิดถึงพี่ล่ะสิ)
ฮิมชานยิ้มเขิน “ก็คิดถึงครับ มากๆ”
(เดี๋ยวเย็นนี้พี่ไปหานะว่างรึเปล่า)
“ว่างสิครับ สำหรับพี่จีฮุนผมว่างเสมอแหละ” พูดไปเขินไป มือขาวเลยจัดการขยี้ขนของคุณเฟรดดี้แก้เขิน แค่ได้ยินเสียงคนรักก็ลืมเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นเสียเสียสนิท
(โอเค พอดีจุนฮีเค้ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย)
!
ฮิมชานรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง พยายามคิดในแง่ดีว่าพี่จุนฮีเค้าอาจจะอยากคุยเรื่องทั่วไป แต่ก็ใช่ว่าสนิทกันถึงกับจะต้องมาขอคุยส่วนตัวอะไรแบบนี้ เบอร์โทรก็ยังไม่เมมไว้ด้วยซ้ำ
ฮิมชานหลังจากวางสายไปก็ขอตัวพาคุณเฟรดดี้กลับคอนโดพร้อมกับถุงอาหารของโปรดคุณเฟรดดี้ ขอบอกเลยว่าคุณเฟรดดี้คือหมาที่โชคดีที่สุดที่ได้กินข้าวคลุกฝีมือคิมฮิมชาน
กลับมาถึงห้องก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างอ่อนล้า พยายามไม่กังวลถึงเรื่องของผู้หญิงคนนั้น ฮิมชานหลับตาลงทำจิตใจให้สงบเค้าต้องไม่หวั่นไหวหรือแสดงพิรุธใดๆให้คนที่กำลังจะมาเห็น เค้าต้องเป็นฮิมชานที่สดใสร่าเริงมีความสุขที่สุด
เพียงไม่นานก็มีเสียงกดกริ่ง ร่างบางพาตัวเองเดินไปเปิดประตูให้ผู้มาใหม่ แต่ก็เห็นคุณเฟรดดี้กระดิกางอยู่หน้าประตู ฮิมชานเลยล่อให้คุณเฟรดดี้ไปอยู่ในห้องตัวเองรอ ถ้าแขกมาเจอคุณเฟรดดี้ปั่นป่วนมันจะดูไม่ดีเอา หมาตัวนี้ขี้เล่นมาก
ปั้นยิ้มที่กว้างและดูเป็นธรรมชาติให้มากที่สุดก่อนจะเอ่ยทักทายและเชิญแขกให้เข้ามาในห้อง
พี่จุนฮีมากับพี่จีฮุน
“ห้องฮิมชานสะอาดจังเลยนะ” จุนฮีเอ่ยชม ดวงตาที่ถูกกรีดอายไลน์เนอร์มาอย่างสวยงามมองสำรวจไปรอบๆห้อง แม้จะรู้จักกันมานานก็พึ่งได้เห็นห้องของฮิมชานก็วันนี้ ช่างเป็นผู้ชายที่รักความสะอาดเรียบร้อยจริงๆ
“ก็รกๆนิดหน่อยครับ” ส่งยิ้มบางๆให้ทั้งสอง
จุนฮีเดินไปนั่งที่โซฟา โดยมีฮิมชานนั่งลงตรงข้างๆ ร่างโปร่งพยายามไม่สบตาร่างสูงที่เดินประกบหลังมาติดๆ เพราะความประหม่ากลัว
“เดี๋ยวพี่คุยโทรศัพท์แปปนะคุยกันเลย” จีฮุนลูบหัวจุนฮีก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยนให้ แล้วจึงเดินออกไปที่ระเบียงห้อง
“เข้าเรื่องเลยละกัน พอดีว่ารุ่นน้องของพี่เค้าอยากได้นายแบบอะ”
คือมันเกี่ยวอะไรกับผม ?
จุนฮีดูลำบากใจที่จะพูดเล็กน้อย ฮิมชานพยักหน้าเชิงบอกว่าพูดได้ไม่เป็นไร เธอยิ้มก่อนจะพูดต่อ
“พี่อยากจะให้ฮิมชานช่วยไปเป็นนายแบบให้รุ่นน้องของพี่หน่อย ได้มั้ย”
เธอขยับตัวเข้ามาใกล้ฮิมชาน จนคนตัวขาวถึงกับกระถดหนีแทบไม่ทัน สมองกำลังประมวลผลคำพูดเมื่อครู่ก่อนจะเอ่ยออกมา
“จะดีหรอครับ ผมไม่เคย”
ฮิมชานแสดงสีหน้ากังวลอย่างชัดเจน ความจริงแล้วเคยเป็นนายแบบให้พวกดีไซเนอร์คณะศิลปกรรมอยู่บ่อยๆเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ไปออกงานใหญ่อะไร แค่ภายในมหาลัยเท่านั้น
“มันก็ไม่ใช่งานใหญ่อะไรหรอก ฮิมชานลองไปคุยกับเจ้าตัวเค้าดูก่อนมั้ย พี่แค่อยากช่วยรุ่นน้องน่ะเลยรับปากไป”
ฮิมชานอยากจะยกมือตบหน้าผากตัวเองลูบหน้าลงมายาวๆแล้วตบท้ายด้วยการทิ้งหัวตัวเองแรงๆสุดๆ คือถ้าพี่ไม่แน่ใจว่าจะช่วยใครได้แล้วพี่จะรับปากเค้ามาซี้ซั้วทำไมครับ ใครลำบากครับ คิมฮิมชานไงครับ แหม่
ในขณะที่ฮิมชานกำลังลำบากใจมากๆและมีนางเอกสาวขวัญใจมหาชนนั่งกดดันทางอ้อมอยู่ คนที่ไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงห้องก็เข้ามาพร้อมหน้าตายิ้มแย้ม
“ว่าไงฮิมชานตกลงใช่ปะ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและแววตาที่คาดหวัง ไม่ต่างจากพี่จุนฮีที่กำลังมองผมด้วยสายตาขอร้อง
นี่ก็กดดันกูจริง
“ผมยัง...”
“เถอะน่าฮิมชาน เป็นประสบการณ์ไง” จีฮุนเดินมานั่งข้างหญิงสาว และกำลังทำการเกลี้ยกล่อมฮิมชานทางสายตา
ฮิมชานหลุบตาลงต่ำอย่างใช้ความคิด ตอนแรกก็ว่าจะปฎิเสธอยู่หรอก เค้ายังไม่อยากทำงานอย่างอื่น แค่เรียนก็จะตายอยู่แล้ว แต่พอเงยน้าขึ้นมา สมองกลับลืมทุกสิ่งอย่าง
“ก็ได้ครับ จะลองดู”
เมื่อฮิมชานตอบตกลงสีหน้าของคนอายุมากกว่าทั้งสองก็เปลี่ยนไป จุนฮีคว้ามือฮิมชานไปกุมไว้และกล่าวขอบคุณซ้ำไปซ้ำมาจนฮิมชานต้องรีบห้าม ไม่งั้นได้ขอบคุณกันทั้งวันแน่ๆ
“เดี๋ยวพี่จะไปทานข้าวข้างนอกไปด้วยกันมั้ย” จุนฮีชวนฮิมชานอย่างอารมณ์ดี เธอยังคงรู้สึกขอบคุณฮิมชาน และอยากจะเลี้ยงข้าวฮิมชานเพื่อเป็นการขอบคุณอีกที
“คงไม่รบกวนดีกว่าครับ พอดีนัดกับเพื่อนไว้ครับ”
โกหกออกไปอีกแล้ว นัดเพื่อนไว้ที่ไหนล่ะ ตั้งแต่เช้าก็ไม่รับโทรศัพท์เพื่อนไม่อ่านไลน์ของใครสักคนแหละ
“งั้นตอนเช้าพี่จะให้ยงกุกมารับนะ”
ห้ะ ??
จุนฮีเห็นหน้างงๆของฮิมชานก็เลิกคิ้วถามฮิมชาน “พี่ยังไม่ได้แนะนำยงกุกให้ฮิมชานหรอจ๊ะ”
ฮิมชานส่ายหน้าไปมาอย่างแรง คือเค้าไม่ต้องการรู้จักไม่ต้องแนะนำไม่ได้อยากรู้จักสักนิด แต่เค้าก็พลาดรู้จักไปแล้วนี่นะ จะว่าไงดีล่ะคือก็ไม่อยากรู้จักอะครับพี่สาว ได้โปรดอย่าทำแบบนี้กับคิมฮิมชาน
“งั้นเดี๋ยวพี่แนะนำให้รู้จักวันหลังนะ ยงกุกเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เองแหละ เป็นคนที่ไว้ใจได้ แถมตั้งใจทำงานเอาใจใส่คนรอบข้างมากๆ ใจดีด้วย” เธอดูภูมิใจในตัวน้องชายของเธอมากเลยทีเดียว “แถมที่ทำงานของยงกุกก็ทางผ่านสตูดิโอที่ฮิมชานต้องไปอยู่แล้ว”
“ผมขับรถไปเองก็ได้ครับ” ยื่นข้อเสนอที่จะได้ไม่ต้องปะทะคารมกับคนไม่พึ่งประสงค์จะเจอหน้า “รบกวนน้องพี่จุนฮีเปล่าๆ”
“ไม่ได้ๆ ไหนๆพี่ก็เป็นคนมาขอให้ฮิมชานช่วย พี่ว่าให้น้องชายพี่ไปส่งแหละดีแล้ว”
“ไม่ดีมั้งครับ” พี่จุนฮีทำหน้าจริงจัง จนผมอยากจะหลบๆไปจากตรงนี้ พี่กำลังบังคับผมด้วยสายตานะครับ “ถ้าพี่ว่าดี เอางั้นก็ได้ครับ”
“พี่ว่าถ้าฮิมชานเจอน้องชายพี่แล้วต้องเข้ากันได้ดีแน่ๆเลย”
จุนฮีหันไปยิ้มให้กับจีฮุนที่นั่งฟังเงียบๆมานาน ซึ่งคนตัวสูงก็ยิ้มตอบกลับมาแถมยังเผื่อยิ้มมาให้ฮิมชานที่นั่งทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วย
บอกเลยว่า ซวย ! โคตร โคตร !
.
.
.
ร่างสูงของยงกุกก้าวเข้าไปในตึกสูงหลายชั้น ที่ที่เป็นบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของเกาหลี มาร์กปิดปากและฮู้ดสีดำช่วยปกปิดร่องรอยการโดนทำร้ายเอาไว้ เดินผ่านยามหน้าตึกไปอย่างสบายๆเพราะนี่ก็เป็นสไลต์การแต่งตัวของโปรดิวเซอร์สุดจะติสแห่งค่ายนี้อยู่แล้ว
นิ้วเรียวกดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นชั้นหนึ่งอย่างไม่รีบร้อน ประตูลิฟต์เปิดออกช้าๆ ขายาวก้าวออกเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่นที่มีคนสองคนนั่งสนทนากันอยู่ก่อนแล้ว
“เฮ้ยมาแล้วเว้ยยย” เสียงของพีโอทำให้ซิโค่หันมามองตามๆกัน
“วันนี้คุณมึงแต่งตัวได้ติสแตกมากครับ มีใครตายรึไงครับดำทมิฬมาเชียว”
ซิกโค่เอ่ยแซวยงกุก คนโดนแซวยักไหล่อย่างไม่แคร์ก่อนจะนั่งลงตรงโซฟาที่ว่างอยู่ ดึงฮู้ดออกตามด้วยมาร์กปิดปากเผยให้เห็นรอยแดงช้ำตรงมุมปาก ทำเอาเพื่อนรักทั้งสองตาโต
“เชี่ยยยย มึงดู มึงดูหน้ายงกุกพึ่งกลับมาจากจีน อย่าบอกว่ามึงโดนเจ๊กซ้อมอะ” ซิกโค่หันไปหัวเราะพ้องเสียงกับแคปเสียงดัง
ยงกุกได้แต่หัวเราะในลำคอ ไม่ใช่เจ๊กที่ไหนซ้อมเค้าทั้งนั้นแหละ แต่เมื่อเช้าไปให้กระต่ายต่อยมา หมัดหนักเป็นบ้า นี่เราก็เก็กทำเป็นไม่เจ็บอยู่ตั้งนาน พอพ้นประตูเท่านั้นแหละซี๊กปากอย่างแรง
“ช่างเถอะน่า” ยงกุกปัดมือสองเพื่อนรักที่พยายามจะเข้ามาสัมผัสแผล คือพวกมึงไม่เคยโดนต่อยปากแตกหรอวะ
“มึงเอามาเลยครับว่าเอาหน้าไปให้ใครเสยมา” แคปถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น คบกันมาตั้งหลายปีนานๆทีเพื่อนคนนี้จะโดนต่อย ครั้งล่าสุดมีเรื่องกับสตาฟของสถานีสถานีนึงที่บังอาจตัดเพลงที่เค้าแต่งเองออกไปตั้งสามท่อนเพราะมันหยาบคายมากเกินไป เหอะ ถ้ามันหยาบคายมากจะจ้างศิลปินค่ายเค้าไปร้องออกอากาศหาพระแสงอะไร พูดแล้วอยากจะขับรถไปต่อยอีกหมัดสองหมัด
“ก็เรื่องส่วนตัวว่ะ” ตอบเลี่ยงๆครอบคลุมไป
“ครอบครัวมึงอะหรอ” ซิกโค่ถาม ถึงจะไม่รู้เรื่องอะไร แต่ก็ไม่คิดจะก้าวก่ายเรื่องของเพื่อนสนิทมาก “คุยกันดีๆนะเว่ย อย่าใช้กำลัง”
ยงกุกพยักหน้ารับ ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับเค้าแต่มันก็เกี่ยวข้องกับพี่สาวของเค้า ก็เป็นครอบครัวเดียวกันอยู่ดี
Rrrrrrr
ยังไม่ทันที่สองเพื่อนจะได้ถามถึงเรื่องที่ไปทำงานที่จีน ก็มีเสียงโทรศัพท์ของยงกุกเข้าเสียก่อน เจ้าตัวกดรับตรงนั้นด้วยท่าดีสบายๆไม่ออกไปคุยด้านนอก
“ว่าไงครับพี่สาว”
(ยงกุกพรุ่งนี้ไปรับน้องของจีฮุนหน่อยสิ)
“ใครครับ” ยงกุกขมวดคิ้วเข้าหากัน เท่าที่รู้มาจีฮุนไม่มีน้องชายหรือน้องสาวเลยนะหรือจะเป็นญาติ
(น้องที่ชื่อฮิมชานอะ พอดีพี่ขอให้เค้าช่วยงานอนยูหน่อย)
แจ๊กพอร์ตแตก !
“ผมไม่เห็นรู้จักเลย” ไม่รู้จักเลยครับพึ่งโดนเค้าต่อยหน้าแหกมาเมื่อเช้า
(เดี๋ยวก็รู้จักกันเองน่า ฮิมชานนะเป็นคนน่ารักมากเลยแถมยังว่านอนสอนง่ายด้วย)
ผมว่าพี่โดนหลอกแล้วล่ะครับ
“แล้วจะให้ผมไปส่งที่สตูอนยูเลยหรอครับ” ยงกุกเหล่มองเพื่อนรักทั้งสองที่พากันซุบซิบนินทาเค้าอยู่ ชี้หน้าคาดโทษเอาไว้ และกลับมาสนใจฟังพี่สาวตัวเองพูดต่อ
(ฮิมชานบอกว่าบ่ายไม่มีเรียน ไปรับน้องเค้าที่คณะแล้วกัน แล้วตอนหกโมงมาส่งน้องเค้าที่เดิมเพราะมีเรียนต่อ)
“แล้วพี่ล่ะ ไม่ไปด้วยหรอครับ”ยงกุกหันไปมองเพื่อนรักทั้งสองที่ทำท่าทางเลียนแบบเค้าอยู่ ขายาวยกขึ้นเตะเพื่อนรักไปคนละที
ล้อเลียนหรอสัส
พูดแบบไม่มีเสียงใส่ ก่อนจะแอบหัวเราะเบาๆเมื่อแคปทำท่าทางจะร้องไห้
(พี่ติดถ่ายละครเช้าเย็นเลย จีฮุนก็ทำงาน น่านะยงกุกช่วยพี่หน่อยไปส่งน้อง)
"อืมมมมมม" ทำเป็นเล่นตัวสงเสียงในลำคอยาวๆ ได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะจากปลายสายแล้วก็เลยรู้สึกว่าถ้าไม่ยอมตอบตกลงคงมีงอนง้อยาว “ก็ได้ครับ”
ถ้าไม่ขอก็ยอมไปส่งอยู่แล้วได้ปะ
J
CRY .q
ความคิดเห็น