ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC B.A.P] SELFISH LOVE { BangChan }

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 18 ม.ค. 57


    Chapter 2

    หลังจากที่ยงกุกกลับไปแล้วฮิมชานก็ถึงกับขาอ่อนล้มพับลงไปกองอยู่ที่พื้น กลีบปากโดนกัดเอาไว้อย่างแรง สายตาหลุบต่ำอย่างใช้ความคิด

     

    “ไว้จะมาฟังคำตอบวันหลังนะ”

     

    นั่นเป็นคำทิ้งท้ายก่อนที่ยังกุกจะถอยออกไปอยู่ในระยะที่เหมาะสม แต่ก็ยังไม่ใช่คำสุดท้าย และใช่ว่ามันจะจบง่ายๆ ฮิมชานได้ประเคนหมัดหนักๆเข้าใส่มุมปาดที่เอาแค่ยกยิ้มน่ารังเกียจ ยงกุกเซไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร

     

    ฮิมชานสังเกตเห็นเลือดที่มุมปาดซึมออกมา แต่นั่นดูเหมือนจะไม่ทำให้คนตรงหน้าสะทกสะท้าน ยงกุกทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ก่อนจะเดินออกไป

     

    “ครั้งหน้าขอกินหม้อไฟก็แล้วกันนะ”

     

    ไปกินที่บ้านมึงสิ !

     

    ฮิมชานกำมือจนรู้สึกชาไปหมด ไม่อยากจะเชื่อว่าการเจอกันครั้งที่สองจะจบลงไม่สวยแบบนี้ นี่เค้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ยังไม่ได้ถามเรื่องที่อยากรู้เลย แล้วนี่อะไรทำไมเค้าต้องตอบคำถามอะไรแบบนั้นด้วย

     

    อยากรู้ก็ถามพ่อแล้วก็เอ็นเทอร์ไป๊ !

     

    ใบหน้าหวานง้ำงอเหมือนคนจะร้องไห้ ริมฝีปากบวมช้ำเพราะกัดเอาไว้นานเกินไป มือขวายกขึ้นควานหาโทรศัพท์บนโต๊ะหมายจะกดโทรออก แต่ดันมีสายโทรเค้าแทน เบอร์ที่ไม่คุ้นปรากฏอยู่บนหน้าจอ ช่างใจเล็กน้อยก่อนจะกดรับสาย

     

    “สวัสดีครับ ฮิมชานครับ”

     

    (อ๊า ฮิมชานนี่พี่จุนฮีเองนะ)

     

    บุคคลที่โทรมาทักทายเสียงใสทำให้มือไม้ฮิมชานสั่นจนเกือบทำสมาทโฟนร่วงลงไปนอนบนพื้น มือขาวอีกข้างยกขึ้นมาช่วยประคองไว้ออกแรง

     

    หัวใจเต้นรัวเพราะความกลัว

     

    (พี่โทรมารบกวนรึเปล่า)

     

    “เอ่อ ผมยุ่งนิดหน่อยครับ”

     

     โกหกออกไปเพราะยังไม่พร้อมจะคุยอะไรทั้งสิ้น บังคับน้ำเสียงให้ปกติมากที่สุด

     

    (อ่า ขอโทษนะเดี๋ยวพี่โทรไปใหม่ละกัน)

     

    “ครับ”

     

    ตอบรับเพียงสั้นๆ ก่อนจะปล่อยแขนให้ร่วงลงข้างตัว ตอนนี้หัวจำลังเต้นแรงจนไม่รู้จะทำอย่างไร ร่างกายมันชาไปหมด คิดว่าพี่จุนฮีจะรู้เรื่องแล้วซะอีก

     

    เอามือทาบอกสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะลุกขึ้นยืน

     

    นาฬิกาบนผนังบอกเวลาว่าใกล้เที่ยงแล้ว แต่ฮิมชานยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ ทั้งๆที่ของบนโต๊ะเค้าทำเอง มีก็แต่น้ำซุปที่ยงกุกป้อนให้ช้อนเดียว

     

    คิดแล้วก็หงุดหงิดเว้ย

     

    มองซุปสาหร่ายในถ้วยที่เหลือนิดหน่อยแล้วหายใจทิ้งไปหลายๆที

     

    งดซุปสาหร่ายสักสามเดือนเลยละกัน

     

    ตอนนี้ความอยากอาหารของฮิมชานเป็นศูนย์และเหมือนมันกำลังติดลบ เค้าเลยตัดสินใจจัดทุกอย่างใส่กล่องเอาไปให้ยองแจกิน เพราะนี่ใกล้เที่ยงแล้ว และยองแจก็ไม่ค่อยออกไปกินข้าวยอกบ้านด้วย คงจะอยู่กับคุณเฟรดดี้

     

    ฮิมชานรีบจัดการอาหารทุกอย่างใส่ถุงไว้แล้วสาวเท้าเร็วๆเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำใหม่อีกรอบเตรียมพร้อมไปข้างนอก

     

     

     

    ขับรถไม่นานด้วยความเร็วที่ ผู้ขับขี่รถบนถนนถึงกับสถบออกมาเสียงดังว่า

     

    มึงรีบไปตายหรอ

     

    ฮิมชานไม่แคร์เรื่องนั้นอยู่แล้ว พอดีโลกสวยและทำตัวใสใสก็เลยไม่รู้ว่าเค้ากำลังแช่งใครอยู่ ขอให้โชคดีไม่ตายก่อนผมละกันนะครับ

     

    แลกบัตรผ่านเข้ามาในหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่ใกล้ตัวเมืองมากที่สุดและแพงมากที่สุด เพราะอยู่ใกล้ตัวเมืองมากๆ ฮิมชานเลี้ยวเข้าซอยหลายๆซอยก่อนจะจอดลงตรงหน้าบ้านหลังหนึ่งที่ไม่ใหญ่และไม่เล็กเกินไป

     

    เปิดประตูพร้อมหิ้วถุงอาหารมากมายที่ตัวเองทำ(แล้วไม่กิน)ลงมาด้วย สุนัขตัวโตขนสีน้ำตาลแลดูสุขภาพดีวิ่งเข้ามาหาเค้าอย่างรวดเร็วพร้อมส่ายหางดุกดิกน่ารัก

     

    “สวัสดีคุณเฟรดดี้ ไปตามยองแจให้ฮิมชานทีสิ” ฮิมชานเกาะประตูรั้วคุยกับสุนัขพันธ์โกเด้นรีทรีฟเวอร์ ราวกับมันฟังเค้ารู้เรื่องและจะไปตามเจ้านายมา

     

    ยองแจวิ่งตามคุณเฟรดดี้มาเปิดประตูให้ฮิมชานเข้ามาในบ้าน

     

    “ทำไมพี่มาเร็วจังครับ ผมไม่ได้เตรียมตัวเลย” ยองแจเข้าไปช่วยฮิมชานหิวถุง

     

    “พอดีพี่ทำอาหารไว้เยอะเลยเอามาฝาก หวังว่าจะยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงนะ”

     

    ยองแจพยักหน้าน้อยๆก่อนจะตอบรับเบาๆว่ายังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลย

     

    “คุณเฟรดดี้วันนี้ต้องไปอยู่กับฮิมชานนะ สามวันแหนะดีใจป่าว” ฮิมชานเดินตามยองแจเข้าไปในครัว มองสุนัขตัวใหญ่ที่เดินตามเค้า หางก็ส่ายไปมาราวกับดีใจนักที่ต้องไปอยู่กับเค้า

     

    “เอ่อ พอดีผมกำลังติวหนังสือให้น้อง..”

     

    “อ๋อ จุนฮงอะหรอ บ้านตรงข้ามอะนะ”

     

    ฮิมชานพูดแทรกขึ้นมา โดยที่ตัวเองกำลังแกะถุงข้าวเทใส่จานสองจาน ฮิมชานแบ่งข้าวให้เท่าๆกันก่อนจะหันไปมองยองแจ

     

    “พี่จำได้ด้วยหรอครับ”

     

    “อาฮะ แหม ก็คราวที่เจอกันครั้งแรกหมอนั่นคิดว่าพี่เป็นแฟนนายนะสิ นี่แทบจะโดนต่อยอยู่ละ” ฮิมชานพูดไปขำไป

     

    นึกถึงตอนที่ครั้งก่อนเค้าเอาคุณเฟรดดี้มาส่งบ้าน เค้าเจอกับจุนฮงที่นั่งทำการบ้านอยู่ตรงโต๊ะเตี้ยๆที่ห้องรับแขก จุนฮงนี่ตีโพยตีพายคิดไปเองว่าเค้าเป็นแฟนยองแจ แต่ดีที่ยองแจลงมาจากชั้นบนและห้ามไว้พอดี เกือบจะได้เสียโฉมซะละ

     

    ยองแจแนะนำเค้าว่าเป็นพี่ชายที่รู้จัก สนิทแล้วก็ไว้ใจได้ แล้วก็บอกกับจุนฮงว่าตัวเองยังไม่มีแฟนอะไรทั้งนั้น

     

    “นี่ แล้วยังคบกับพี่อึนจีอยู่มั้ย” ฮิมชานถามขณะเอาถุงไปทิ้งขยะ

     

    ยองแจชู่วปากบอกให้ฮิมชานพูดเบาๆก่อนจะตอบแบบไม่มีเสียงว่ายังคบกันอยู่ ฮิมชานขอโทษที่พูดเสียงดัง ทั้งสองช่วยกันยกกับข้าวออกไปยังสวนหลังบ้านของยองแจ เพราะคุณนายยูชอบจัดสวนม๊ากมากเลยทำให้บ้านลังนี้มีพื้นที่กว้างและเป็นสวนที่สวยและร่มรื่นมากๆด้วย

     

    ที่ยองแจไม่ให้พูดเรื่องแฟนเสียงดังก็เป็นเพราะว่า ไม่ว่ายองแจจะมีแฟนกี่คนกี่คนจุนฮงก็มักจะมาแย่งแฟนไปจากเค้าเสียทุกคน และผู้หญิงพวกนั้นก็ทิ้งเค้าเหมือนกระดาษทิชชู่ที่ใช้แล้วแผ่นหนึ่ง

     

    แฟนคนที่พึ่งเลิกไปก็คือโบมี เธอก็คบอยู่กับจุนฮงอย่างน้าชื่นตาบาน และดูเหมือนโบมีจะติดจุนฮงมากๆเสียด้วย นั่นเป็นเรื่องดีสำหรับยองแจที่กำลังหาแฟนใหม่ จุนฮงก็จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายแย่งผู้หญิงไปจากเค้าอีก เค้าคบกับอึนจีได้สองอาทิตย์แล้วโดยที่จุงฮงไม่รู้ และคนนี้ยองแจจริงจังมากด้วย

     

    จุนฮงที่นั่งเคาะปากกาอยู่คลี่ยิ้มเมื่อเห็นว่าเจ้าของบ้านที่เค้ามานั่งทำการบ้านอยู่เดินมาพร้อมอาหารกลางวัน

     

    “หอมจังหอมจัง” พูดด้วยความตื่นเต้นแล้วรีบเก็บหนังสือที่กางอยู่เต็มโต๊ะม้าหินอ่อนลงไปวางข้างๆตัวเอง ยองแจวางจานลงอย่างเบามือ

     

    ฮิมชานยิ้มให้จุนฮงก่อนจะวางจาดข้าวไว้ตรงหน้ายองแจและจุนองคนละจาน

     

    “อ้าวพี่ฮิมชานไม่กินรอครับ”

     

    “พี่กินมาแล้ว อิ่มมากๆเลย กินกันเถอะฝีมือเชฟคิมเลยนะ”

     

    อิ่มมาก น้ำซุปช้อนเดียวกูอิ่มโคตรๆเลยครับ แหม่

     

    “มันต้องอร่อยมากแน่ๆ” จุนฮงทำจมูกฟุดฟิดแล้วยกช้อนชึ้นตักบิบิมบับชิม

     

    “พี่แน่ใจนะครับว่าไม่กิน ผมกินหมดเลยนะ” จุนฮงคาบช้อนไว้ แล้วหันมาถามฮิมชานด้วยแววตาใสซื่อ มันอร่อยมากนะแล้วเค้าก็อยากกินเยอะๆด้วย มาที่บ้านยองแจตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรมาเลยด้วย

     

    “หมดไม่กลัว กลัวไม่หมด กินเถอะน่าพี่อิ่มแล้ว”

     

    ฮิมชานยังโกหกได้แนบเนียนต่อไปว่าเค้าอิ่มแล้วและก็ไม่ได้เครียดหรือกังวลเรื่องอะไร เค้าดีใจที่ได้มารับคุณเฟรดดี้ไปอยู่ด้วยแบบสุดๆ แม้จะเสียดายซี่โครงทอดราดซอส แต่ก็ต้องทำเป็นว่ากินมาแล้วมันอร่อยมากมายโดยเฉพาะซอสเลยยืมช้อนจากยองแจตักชิ้นที่ติดเนื้อมากที่สุดใส่จานจุนฮงไป

     

    กูจะร้องไห้

     

    “น้องแจกินเยอะๆจะได้โตไวๆ” จุนฮงตักเนื้อใส่จานยองแจ

     

    “นี่ยังไม่เลิกเรียกยองแจว่าน้องแจอีกหรอจุนฮง”

     

    ฮิมชานกลั้นขำและถามออกไป เค้าเห็นยองแจจิ๊ปากอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ตักข้าวเข้าปากอย่างเดียว ฮิมชานรู้ว่ามันอร่อยแต่ช่วยกินช้าๆเถอะนะเดี๋ยวติดคอ ฮิมชานยังไม่พร้อมจะเป็นเจ้านายใหม่คุณเฟรดดี้

     

    จุนฮงยักคิ้วให้ฮิมชานก่อนจะกินข้าวต่อ มีแอบชำเลืองมองยองแจนิดนึงแล้วขำกับตัวเอง ความจริงแล้วยองแจอายุมากกว่าจุนฮงสามปี แต่เพราะเมื่อก่อนแม่ของเค้าพามาเล่นกับยองแจเพราะบ้านอยู่ตรงข้ามกันบ่อยๆและได้ยินหม่ามี๊เรียกยองแจว่าน้องแจบ่อย เลยทำให้เค้าติดเรียกยองแจว่าน้องแจไปด้วย ตอนเด็กๆก็ยังไม่รู้อะไรหรอก พอโตขึ้นมาเท่านั้นแหละ การเรียกยองแจว่าน้องแจเลยเป็นอะไรที่สนุกสุดๆไปเลยล่ะ

     

    จุนฮงเคยโดนยองแจบ่น(ความจริงคือดุ)บ่อยๆว่าให้เลิกเรียกเค้าว่าน้องแจเพราะยองแจอายุมากกว่าก็ควรเรียกว่าพี่ยองแจหรือไม่ก็เรียกว่ายองแจเฉยๆก็ยังได้ แต่จุนฮงไม่ทำ

     

    จุนฮงเรียนเกรด11แล้ว เป็นเพราะแดดดี้และหม่ามี๊ของจุนฮงไม่ค่อยมีเวลาเลี้ยงดูจนฮงมากเลยให้เข้าเรียนเร็วกว่าเด็กทั่วไป ในขณะที่ยองแจเรียนแค่เกรด12 ใกล้ที่จะต้องสอบเข้ามหาลัยแล้วแต่ก็ยังอุส่าแบ่งเวลามาสอนการบ้านให้จุนฮง

     

    ความจริงทำเองก็ได้ปะนาย

     

    ข้ออ้างสารพัดที่จุนฮงนำมาอ้างเพื่อที่จะได้มาทำการบ้านที่บ้านยองแจมีมากมายจนยองแจจำได้ไม่หมดและครั้งนี้รู้สึกจะบอกว่า อยากมานั่งในสวนสัมผัสบรรยากาศร่มรื่นของต้นไม้ที่เค้ามาช่วยรดน้ำเมื่อสองวันก่อน จะได้ดูด้วยว่าสูงขึ้นกี่เซน

     

    คือมันก็สรรหาข้ออ้างนะ

     

    “นี่น้องแจ ชิ้นนี้อร่อยพี่ฮิมชานตักให้ ชิมๆ” จุนฮงตักเนื้อไปจ่อปากยองแจ

     

    ยองแจมองหน้าของจุนฮงสลับกับเนื้อที่อยู่ตรงหน้า ชั่งใจมองคนข้างๆที่ได้แต่ยิ้มให้และไม่เอ่ยอะไรออกมา แล้วจึงอ้าปากลองชิมเนื้อที่จุนฮงป้อนให้ เด็กหนุ่มอารมณ์ดียิ้มตาหยี๋แล้วตักข้าวเขาปากตัวเองบ้าง

     

    ยองแจคนโง่ โดนหลอกให้จูบทางอ้อมยังไม่รู้ตัวอีก

     

    ฮิมชานได้แต่ระบายยิ้มออกมา ยองแจภายนอกดูเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงและมุ่งมั่นตั้งใจกับการทำกิจกรรมต่างๆแม้จะดูหยิ่ง แต่ความจริงคือเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงและหัวอ่อนเชื่อคนง่ายไปหน่อย ตามใครไม่ค่อยทัน ไร้เดียงสา แต่นั่นเป็นเสน่ห์ของยองแจ

     

    ตอนแรกฮิมชานก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าเห็นยองแจแบบนี้จะมีแฟนมาแล้วหลายคน ยองแจมักจะมาปรึกษาเรื่องแฟนที่โดนจุงฮงแย่งไปบ่อยๆ ฮิมชานก็ให้คำแนะนำไปว่าถ้าคบใครก็อย่าไปบอกให้จุนฮงรู้ และตอนนี้ก็อย่างที่รู้ว่ากำลังคบกับพี่อึนจี พี่ที่คณะเค้าเองจบไปหลายปีแล้วแต่ยังคงวนเวียนทำตัวเนียนๆปะปนไปกับนักศึกษา จนบางคนคิดว่าพี่อึนจีคือเพื่อนร่วมเมเจอร์

     

    ยองแจบอกว่าพี่อึนจีคือคนที่เค้าแอบชอบมาตั้งแต่เจอฮิมชานครั้งก่อน แบบรักแรกพบอะไรแบบนั้นยองแจว่ามางี้ ฮิมชานก็เป็นพ่อสื่อให้ทั้งสองได้คบกัน ดูเหมือนจะไปได้สวยและความลับก็ยังไม่แตกด้วย เจ๋งที่สุดเลยพ่อสื่อคิม

     

    Rrrrrrr

     

    เสียงเรียกข้าวของฮิมชานดังขึ้น เค้าเลยขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ที่อื่นเพราะไม่อยากรบกวนน้องทั้งสอง เดินออกมานั่งที่ขั้นบันไดหน้าบ้านแล้วกดรับสาย ข้างๆมีคุณเฟรดดี้ที่ตามมาด้วย

     

    “ผมว่าจะโทรหาพี่อยู่เลยครับ”

     

    (งั้นหรอ คิดถึงพี่ล่ะสิ)

     

    ฮิมชานยิ้มเขิน “ก็คิดถึงครับ มากๆ”

     

    (เดี๋ยวเย็นนี้พี่ไปหานะว่างรึเปล่า)

     

    “ว่างสิครับ สำหรับพี่จีฮุนผมว่างเสมอแหละ” พูดไปเขินไป มือขาวเลยจัดการขยี้ขนของคุณเฟรดดี้แก้เขิน แค่ได้ยินเสียงคนรักก็ลืมเรื่องร้ายๆที่เกิดขึ้นเสียเสียสนิท

     

    (โอเค พอดีจุนฮีเค้ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย)

     

     

    !

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ฮิมชานรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง พยายามคิดในแง่ดีว่าพี่จุนฮีเค้าอาจจะอยากคุยเรื่องทั่วไป แต่ก็ใช่ว่าสนิทกันถึงกับจะต้องมาขอคุยส่วนตัวอะไรแบบนี้ เบอร์โทรก็ยังไม่เมมไว้ด้วยซ้ำ

     

    ฮิมชานหลังจากวางสายไปก็ขอตัวพาคุณเฟรดดี้กลับคอนโดพร้อมกับถุงอาหารของโปรดคุณเฟรดดี้ ขอบอกเลยว่าคุณเฟรดดี้คือหมาที่โชคดีที่สุดที่ได้กินข้าวคลุกฝีมือคิมฮิมชาน

     

    กลับมาถึงห้องก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างอ่อนล้า พยายามไม่กังวลถึงเรื่องของผู้หญิงคนนั้น ฮิมชานหลับตาลงทำจิตใจให้สงบเค้าต้องไม่หวั่นไหวหรือแสดงพิรุธใดๆให้คนที่กำลังจะมาเห็น เค้าต้องเป็นฮิมชานที่สดใสร่าเริงมีความสุขที่สุด

     

    เพียงไม่นานก็มีเสียงกดกริ่ง ร่างบางพาตัวเองเดินไปเปิดประตูให้ผู้มาใหม่ แต่ก็เห็นคุณเฟรดดี้กระดิกางอยู่หน้าประตู ฮิมชานเลยล่อให้คุณเฟรดดี้ไปอยู่ในห้องตัวเองรอ ถ้าแขกมาเจอคุณเฟรดดี้ปั่นป่วนมันจะดูไม่ดีเอา หมาตัวนี้ขี้เล่นมาก

     

    ปั้นยิ้มที่กว้างและดูเป็นธรรมชาติให้มากที่สุดก่อนจะเอ่ยทักทายและเชิญแขกให้เข้ามาในห้อง

     

    พี่จุนฮีมากับพี่จีฮุน

     

    “ห้องฮิมชานสะอาดจังเลยนะ” จุนฮีเอ่ยชม ดวงตาที่ถูกกรีดอายไลน์เนอร์มาอย่างสวยงามมองสำรวจไปรอบๆห้อง แม้จะรู้จักกันมานานก็พึ่งได้เห็นห้องของฮิมชานก็วันนี้ ช่างเป็นผู้ชายที่รักความสะอาดเรียบร้อยจริงๆ

     

    “ก็รกๆนิดหน่อยครับ” ส่งยิ้มบางๆให้ทั้งสอง

     

    จุนฮีเดินไปนั่งที่โซฟา โดยมีฮิมชานนั่งลงตรงข้างๆ ร่างโปร่งพยายามไม่สบตาร่างสูงที่เดินประกบหลังมาติดๆ เพราะความประหม่ากลัว

     

    “เดี๋ยวพี่คุยโทรศัพท์แปปนะคุยกันเลย” จีฮุนลูบหัวจุนฮีก่อนจะส่งยิ้มอ่อนโยนให้ แล้วจึงเดินออกไปที่ระเบียงห้อง

     

    “เข้าเรื่องเลยละกัน พอดีว่ารุ่นน้องของพี่เค้าอยากได้นายแบบอะ”

     

    คือมันเกี่ยวอะไรกับผม ?

     

    จุนฮีดูลำบากใจที่จะพูดเล็กน้อย ฮิมชานพยักหน้าเชิงบอกว่าพูดได้ไม่เป็นไร เธอยิ้มก่อนจะพูดต่อ

     

    “พี่อยากจะให้ฮิมชานช่วยไปเป็นนายแบบให้รุ่นน้องของพี่หน่อย ได้มั้ย”

     

    เธอขยับตัวเข้ามาใกล้ฮิมชาน จนคนตัวขาวถึงกับกระถดหนีแทบไม่ทัน สมองกำลังประมวลผลคำพูดเมื่อครู่ก่อนจะเอ่ยออกมา

     

    “จะดีหรอครับ ผมไม่เคย”

     

    ฮิมชานแสดงสีหน้ากังวลอย่างชัดเจน ความจริงแล้วเคยเป็นนายแบบให้พวกดีไซเนอร์คณะศิลปกรรมอยู่บ่อยๆเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่ไปออกงานใหญ่อะไร แค่ภายในมหาลัยเท่านั้น

     

    “มันก็ไม่ใช่งานใหญ่อะไรหรอก ฮิมชานลองไปคุยกับเจ้าตัวเค้าดูก่อนมั้ย พี่แค่อยากช่วยรุ่นน้องน่ะเลยรับปากไป”

     

    ฮิมชานอยากจะยกมือตบหน้าผากตัวเองลูบหน้าลงมายาวๆแล้วตบท้ายด้วยการทิ้งหัวตัวเองแรงๆสุดๆ คือถ้าพี่ไม่แน่ใจว่าจะช่วยใครได้แล้วพี่จะรับปากเค้ามาซี้ซั้วทำไมครับ ใครลำบากครับ คิมฮิมชานไงครับ แหม่

     

    ในขณะที่ฮิมชานกำลังลำบากใจมากๆและมีนางเอกสาวขวัญใจมหาชนนั่งกดดันทางอ้อมอยู่ คนที่ไปคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงห้องก็เข้ามาพร้อมหน้าตายิ้มแย้ม

     

    “ว่าไงฮิมชานตกลงใช่ปะ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงและแววตาที่คาดหวัง ไม่ต่างจากพี่จุนฮีที่กำลังมองผมด้วยสายตาขอร้อง

     

    นี่ก็กดดันกูจริง

     

    “ผมยัง...”

     

    “เถอะน่าฮิมชาน เป็นประสบการณ์ไง” จีฮุนเดินมานั่งข้างหญิงสาว และกำลังทำการเกลี้ยกล่อมฮิมชานทางสายตา

     

    ฮิมชานหลุบตาลงต่ำอย่างใช้ความคิด ตอนแรกก็ว่าจะปฎิเสธอยู่หรอก เค้ายังไม่อยากทำงานอย่างอื่น แค่เรียนก็จะตายอยู่แล้ว แต่พอเงยน้าขึ้นมา สมองกลับลืมทุกสิ่งอย่าง

     

    “ก็ได้ครับ จะลองดู”

     

    เมื่อฮิมชานตอบตกลงสีหน้าของคนอายุมากกว่าทั้งสองก็เปลี่ยนไป จุนฮีคว้ามือฮิมชานไปกุมไว้และกล่าวขอบคุณซ้ำไปซ้ำมาจนฮิมชานต้องรีบห้าม ไม่งั้นได้ขอบคุณกันทั้งวันแน่ๆ

     

    “เดี๋ยวพี่จะไปทานข้าวข้างนอกไปด้วยกันมั้ย” จุนฮีชวนฮิมชานอย่างอารมณ์ดี เธอยังคงรู้สึกขอบคุณฮิมชาน และอยากจะเลี้ยงข้าวฮิมชานเพื่อเป็นการขอบคุณอีกที

     

    “คงไม่รบกวนดีกว่าครับ พอดีนัดกับเพื่อนไว้ครับ”

     

    โกหกออกไปอีกแล้ว นัดเพื่อนไว้ที่ไหนล่ะ ตั้งแต่เช้าก็ไม่รับโทรศัพท์เพื่อนไม่อ่านไลน์ของใครสักคนแหละ

     

    “งั้นตอนเช้าพี่จะให้ยงกุกมารับนะ”

     

    ห้ะ ??

     

    จุนฮีเห็นหน้างงๆของฮิมชานก็เลิกคิ้วถามฮิมชาน “พี่ยังไม่ได้แนะนำยงกุกให้ฮิมชานหรอจ๊ะ”

     

    ฮิมชานส่ายหน้าไปมาอย่างแรง คือเค้าไม่ต้องการรู้จักไม่ต้องแนะนำไม่ได้อยากรู้จักสักนิด แต่เค้าก็พลาดรู้จักไปแล้วนี่นะ จะว่าไงดีล่ะคือก็ไม่อยากรู้จักอะครับพี่สาว ได้โปรดอย่าทำแบบนี้กับคิมฮิมชาน

     

    “งั้นเดี๋ยวพี่แนะนำให้รู้จักวันหลังนะ ยงกุกเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เองแหละ เป็นคนที่ไว้ใจได้ แถมตั้งใจทำงานเอาใจใส่คนรอบข้างมากๆ ใจดีด้วย” เธอดูภูมิใจในตัวน้องชายของเธอมากเลยทีเดียว “แถมที่ทำงานของยงกุกก็ทางผ่านสตูดิโอที่ฮิมชานต้องไปอยู่แล้ว”

     

    “ผมขับรถไปเองก็ได้ครับ” ยื่นข้อเสนอที่จะได้ไม่ต้องปะทะคารมกับคนไม่พึ่งประสงค์จะเจอหน้า “รบกวนน้องพี่จุนฮีเปล่าๆ”

     

    “ไม่ได้ๆ ไหนๆพี่ก็เป็นคนมาขอให้ฮิมชานช่วย พี่ว่าให้น้องชายพี่ไปส่งแหละดีแล้ว”

     

    “ไม่ดีมั้งครับ” พี่จุนฮีทำหน้าจริงจัง จนผมอยากจะหลบๆไปจากตรงนี้ พี่กำลังบังคับผมด้วยสายตานะครับ “ถ้าพี่ว่าดี เอางั้นก็ได้ครับ”

     

    “พี่ว่าถ้าฮิมชานเจอน้องชายพี่แล้วต้องเข้ากันได้ดีแน่ๆเลย”

     

    จุนฮีหันไปยิ้มให้กับจีฮุนที่นั่งฟังเงียบๆมานาน ซึ่งคนตัวสูงก็ยิ้มตอบกลับมาแถมยังเผื่อยิ้มมาให้ฮิมชานที่นั่งทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วย

     

    บอกเลยว่า ซวย ! โคตร โคตร !

     

    .

    .

    .

    ร่างสูงของยงกุกก้าวเข้าไปในตึกสูงหลายชั้น ที่ที่เป็นบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของเกาหลี มาร์กปิดปากและฮู้ดสีดำช่วยปกปิดร่องรอยการโดนทำร้ายเอาไว้ เดินผ่านยามหน้าตึกไปอย่างสบายๆเพราะนี่ก็เป็นสไลต์การแต่งตัวของโปรดิวเซอร์สุดจะติสแห่งค่ายนี้อยู่แล้ว

     

    นิ้วเรียวกดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้นชั้นหนึ่งอย่างไม่รีบร้อน ประตูลิฟต์เปิดออกช้าๆ ขายาวก้าวออกเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่นที่มีคนสองคนนั่งสนทนากันอยู่ก่อนแล้ว

     

    “เฮ้ยมาแล้วเว้ยยย” เสียงของพีโอทำให้ซิโค่หันมามองตามๆกัน

     

    “วันนี้คุณมึงแต่งตัวได้ติสแตกมากครับ มีใครตายรึไงครับดำทมิฬมาเชียว”

     

    ซิกโค่เอ่ยแซวยงกุก คนโดนแซวยักไหล่อย่างไม่แคร์ก่อนจะนั่งลงตรงโซฟาที่ว่างอยู่ ดึงฮู้ดออกตามด้วยมาร์กปิดปากเผยให้เห็นรอยแดงช้ำตรงมุมปาก ทำเอาเพื่อนรักทั้งสองตาโต

     

    “เชี่ยยยย มึงดู มึงดูหน้ายงกุกพึ่งกลับมาจากจีน อย่าบอกว่ามึงโดนเจ๊กซ้อมอะ” ซิกโค่หันไปหัวเราะพ้องเสียงกับแคปเสียงดัง

     

    ยงกุกได้แต่หัวเราะในลำคอ ไม่ใช่เจ๊กที่ไหนซ้อมเค้าทั้งนั้นแหละ แต่เมื่อเช้าไปให้กระต่ายต่อยมา หมัดหนักเป็นบ้า นี่เราก็เก็กทำเป็นไม่เจ็บอยู่ตั้งนาน พอพ้นประตูเท่านั้นแหละซี๊กปากอย่างแรง

     

    “ช่างเถอะน่า” ยงกุกปัดมือสองเพื่อนรักที่พยายามจะเข้ามาสัมผัสแผล คือพวกมึงไม่เคยโดนต่อยปากแตกหรอวะ

     

    “มึงเอามาเลยครับว่าเอาหน้าไปให้ใครเสยมา” แคปถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น คบกันมาตั้งหลายปีนานๆทีเพื่อนคนนี้จะโดนต่อย ครั้งล่าสุดมีเรื่องกับสตาฟของสถานีสถานีนึงที่บังอาจตัดเพลงที่เค้าแต่งเองออกไปตั้งสามท่อนเพราะมันหยาบคายมากเกินไป เหอะ ถ้ามันหยาบคายมากจะจ้างศิลปินค่ายเค้าไปร้องออกอากาศหาพระแสงอะไร พูดแล้วอยากจะขับรถไปต่อยอีกหมัดสองหมัด

     

    “ก็เรื่องส่วนตัวว่ะ” ตอบเลี่ยงๆครอบคลุมไป

     

    “ครอบครัวมึงอะหรอ” ซิกโค่ถาม ถึงจะไม่รู้เรื่องอะไร แต่ก็ไม่คิดจะก้าวก่ายเรื่องของเพื่อนสนิทมาก “คุยกันดีๆนะเว่ย อย่าใช้กำลัง”

     

    ยงกุกพยักหน้ารับ ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับเค้าแต่มันก็เกี่ยวข้องกับพี่สาวของเค้า ก็เป็นครอบครัวเดียวกันอยู่ดี

     

    Rrrrrrr

     

     ยังไม่ทันที่สองเพื่อนจะได้ถามถึงเรื่องที่ไปทำงานที่จีน ก็มีเสียงโทรศัพท์ของยงกุกเข้าเสียก่อน เจ้าตัวกดรับตรงนั้นด้วยท่าดีสบายๆไม่ออกไปคุยด้านนอก

     

    “ว่าไงครับพี่สาว”

     

    (ยงกุกพรุ่งนี้ไปรับน้องของจีฮุนหน่อยสิ)

     

    “ใครครับ” ยงกุกขมวดคิ้วเข้าหากัน เท่าที่รู้มาจีฮุนไม่มีน้องชายหรือน้องสาวเลยนะหรือจะเป็นญาติ

     

    (น้องที่ชื่อฮิมชานอะ พอดีพี่ขอให้เค้าช่วยงานอนยูหน่อย)

     

    แจ๊กพอร์ตแตก !

     

    “ผมไม่เห็นรู้จักเลย” ไม่รู้จักเลยครับพึ่งโดนเค้าต่อยหน้าแหกมาเมื่อเช้า

     

    (เดี๋ยวก็รู้จักกันเองน่า ฮิมชานนะเป็นคนน่ารักมากเลยแถมยังว่านอนสอนง่ายด้วย)

     

    ผมว่าพี่โดนหลอกแล้วล่ะครับ

     

    “แล้วจะให้ผมไปส่งที่สตูอนยูเลยหรอครับ” ยงกุกเหล่มองเพื่อนรักทั้งสองที่พากันซุบซิบนินทาเค้าอยู่ ชี้หน้าคาดโทษเอาไว้ และกลับมาสนใจฟังพี่สาวตัวเองพูดต่อ

     

    (ฮิมชานบอกว่าบ่ายไม่มีเรียน ไปรับน้องเค้าที่คณะแล้วกัน แล้วตอนหกโมงมาส่งน้องเค้าที่เดิมเพราะมีเรียนต่อ)

     

    “แล้วพี่ล่ะ ไม่ไปด้วยหรอครับ”ยงกุกหันไปมองเพื่อนรักทั้งสองที่ทำท่าทางเลียนแบบเค้าอยู่ ขายาวยกขึ้นเตะเพื่อนรักไปคนละที

     

    ล้อเลียนหรอสัส

     

    พูดแบบไม่มีเสียงใส่ ก่อนจะแอบหัวเราะเบาๆเมื่อแคปทำท่าทางจะร้องไห้

     

    (พี่ติดถ่ายละครเช้าเย็นเลย จีฮุนก็ทำงาน น่านะยงกุกช่วยพี่หน่อยไปส่งน้อง)

     

    "อืมมมมมม" ทำเป็นเล่นตัวสงเสียงในลำคอยาวๆ ได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะจากปลายสายแล้วก็เลยรู้สึกว่าถ้าไม่ยอมตอบตกลงคงมีงอนง้อยาว “ก็ได้ครับ”

     

    ถ้าไม่ขอก็ยอมไปส่งอยู่แล้วได้ปะ

     

    J



     

    [100%]

    CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×