ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC B.A.P] SELFISH LOVE { BangChan }

    ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 4 ม.ค. 57


    SELFISH LOVE เห็นแก่ตัว

    ตอนที่ 1

     

    “ครับ”

    (...)

    “ผม..ไม่เป็นไรครับ”

    (...)

    “แล้วผมจะรอครับ”

    เสียงหวานปนแหบกล่าวจบบทสนทนาก่อนจะเหลือบตามองไปยังห้องกว้างของตัวเอง

     

    รู้สึกไม่สบายใจ

     

    ฮิมชานรู้สึกแบบนั้นตั้งแต่กลับมาจากสนามบิน ตั้งแต่ที่ได้เจอคนแปลกหน้าที่พึ่งจะเคยเห็นหน้าครั้งแรก ความรู้สึกตอนนี้คือความรู้สึกที่ว่าตัวเองกำลังถูกคุกคาม และไม่ปลอดภัย

     

    ต้องการอะไร ?

     

    สะบัดหัวไปมาไล่ความคิดที่น่าปวดหัวออกไป ก่อนจะโยนโทรศัพท์ไว้บนเตียงใหญ่ ความจริงการที่ตัดสินใจซื้อคอนโดเพื่อมาอยู่คนเดียวเป็นความคิดที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฮิมชานเป็นคนขี้เหงา และเขาต้องการเพื่อนคุย แถมยังเลือกซื้อเตียงขนาดใหญ่มาด้วย เพราะว่าเขามักจะชวนเพื่อนมานอนด้วยเสมอ

     

    แต่นั่นก็แค่เรื่องเมื่อหลายปีที่แล้ว

     

    ร่างบางเดินหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำจัดการตัวเองเงียบๆ ปล่อยสายน้ำไหลผ่านตัวไป เค้าไม่อยากแช่น้ำในอ่างเพราะคิดว่านั่นจะทำให้ ใครบางคนรอนาน

     

    เพียงไม่นานร่างบางก็ออกมาพร้อมกับชุดนอนลายการ์ตูนเต็มตัว ความจริงแล้วฮิมชานก็ค่อนข้างชอบพวกของมีลวดลายอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มาก การตกแต่งห้องจึงเป็นแบบเรียบๆ

     

    นั่นไม่ใช่ประเดน

     

    ดวงตาคู่สวยหันมองนาฬิกาที่กำลังบอกเวลาว่าตอนนี้เกือบเที่ยงคืนแล้ว

     

    พระอินทร์กำลังเรียกฮิมชาน ฮิมชานสัมผัสได้ ...

     

    ก๊อกๆๆ

     

    เสียงเคาะประตูทำให้ฮิมชานหายง่วง ขายาวก้าวไวๆไปเปิดประตูต้อนรับผู้มาใหม่

     

    ใครบางคนที่กำลังรออยู่เลย

     

    “นึกว่าเผลอหลับไปแล้ว”

     

    “ก็เกือบๆ”

     

    ร่างสูงดันตัวเจ้าของห้องเข้าไปก่อนจะปิดประตูเองเสร็จสรรพ

     

    “พี่จินอุน” มือเล็กคว้าแขนแกร่งไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลอย่างไม่ปิดบัง “เรื่องที่สนามบิน”

     

    “ยงกุกน่ะหรอ”

     

    นั่นเป็นเรื่องที่จินอุนกำลังจะมาคุยให้รู้เรื่องอยู่เหมือนกัน ร่างสูงดึงฮิมชานให้เข้าไปนั่งลงที่โซฟาแล้วทิ้งตัวลงข้างๆกัน

     

    “อยากรู้อะไรล่ะ” จินอุนถาม เค้าพร้อมที่จะตอบทุกคำถามที่ฮิมชานอยากรู้ เพราะยังไงสักวันทั้งสองก็ต้องรู้จักกัน จะช้าหรือเร็วเท่านั้นแหละ

     

    “ผม..อยากรู้ทั้งหมด อยากรู้ว่าเค้าต้องการอะไร”

     

    เป็นคำถามที่ให้ความรู้สึกเหมือนไม่สบายแล้วไปหาหมอ แล้วหมอถามกลับมาว่าเป็นอะไร ...ถ้ารู้กูไม่ไปหาหมอหรอก

     

    “ยงกุกเป็นน้องชายคนละพ่อกับจุนฮีน่ะ” มือใหญ่หยิบมือเล็กมากุมไว้แล้วค่อยๆเล่าเรื่องที่เค้ารู้ให้คนตัวเล็กฟัง

     

    “ไหนเค้าว่าเค้าเป็นน้องชายพี่?”

     

    “ก็เป็นน้องชายแบบผู้ชายไง” จินอุนยกยิ้ม “ที่พี่ไปรับเค้าวันนี้จุนฮีเค้าไม่ว่างน่ะ ติดถ่ายละคร”

     

    ฮิมชานพยักหน้ารับ ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกแล้ว ไม่รู้ว่าควรจะถามอะไรอีก

     

    รู้สึกหายใจไม่ออกเมื่อได้ยินชื่อของคนที่ไม่อยากได้ยิน แค่ได้ยินชื่อก็ไม่อยากหายใจแล้ว

     

    ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ

     

    แต่รู้สึกละอายใจ

     

    “แล้วเค้ารู้เรื่องของเรามั้ยครับ”

     

    ริมฝีปากรูปกระจับเม้มเข้าหากันด้วยความรู้สึกกังวล

     

    “พี่ไม่แน่ใจ ...แต่เราก็รู้ใช่มั้ยว่าพี่รักเราน่ะ ฮิมชาน”

     

    ฮิมชานพยักหน้ารับ ได้แต่พร่ำฟังความหวานที่ชายหนุ่มป้อนให้ ลุ่มหลง มัวเมา ตกหลุมพรางในที่สุด ทั้งที่รู้อยู่แต่ใจว่ามันเป็นแค่วาจาหว่านล้อม กักขังไม่ให้เค้าไปไหน รู้ดีแต่ก็ยอม

     

    ความรักทำให้คนตาบอด เรื่องนั้นฮิมชานรู้ดี

     

    “คืนนี้ค้างได้มั้ยครับ”

     

     เอ่ยถามออกไปทั้งที่รู้ว่าคำตอบคืออะไร หัวทุยเอียงซบลงกับไหล่กว้าง ท่าทางออดอ้อนทำให้จินอุนยกยิ้มกว้าง ลูบหัวนั้นเบาๆก่อนจะกบจูบที่กลุ่มผมนั้นค้างไว้เนิ่นนาน

     

    “วันนี้คงไม่ได้ครับ ไว้วันหลังนะ”

     

    รู้อยู่แล้วล่ะ

     

    “ครับ... ขับรถดีๆละครับ”

     

    เดินจับมือลงมาส่งจินอุนที่ด้านล่างของคอนโดที่เงียบสงบ แม้จะยังมีนักศึกษาเข้าออกบ้างแต่พวกเค้าก็ไม่ใช่จุดสนใจ

     

    “ถ้าไม่สบายใจพี่จะไปคุยกับยงกุกเองนะ เลิกทำหน้าแบบนี้ได้แล้ว”

     

    ฮิมชานหัวเราะออกมา จินอุนไม่ชอบให้เค้าทำหน้าบึ้งตึงเค้าก็ควรจะร่างเริงสดใสในแบบที่จินอุนชอบ

     

    จินอุนดึงฮิมชานเข้าไปกอด ลูบศีรษะเบาๆอย่างต้องการปลอบประโลม ฮิมชานยกแขนขึ้นกอดตอบ ความรู้สึกอบอุ่นส่งผ่านถึงกันและกัน รู้สึกดีจนอยากจะรั้งเอาไว้ รู้สึกดีจนอยากจะได้เป็นเจ้าของและครอบครองอ้อมกอดนี้ตลอดไป

     

    เกือบลืมไปแล้ว ว่าอ้อมกอดนี้มีเจ้าของแล้ว

     

    จินอุนจูบเบาๆที่กลีบปากบางเป็นการบอกลา ร่างบางส่งยิ้มหวานอย่างที่ชอบทำให้ก่อนจะมองรถสีดำขับออกไปจนลับตา ถอนหายใจกับตัวเองก่อนจะพาร่างที่อ่อนล้าขึ้นไปนอนพัก

    .

    .

    .

    อีกมุมหนึ่งไม่ไกลนัก มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งมองเหตุการณ์ในรถด้วยความใจเย็น เค้ารับรู้ และเห็นทุกเหตุการณ์ตั้งแต่มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาและจนถึงมีอีกคนเดินลงมาส่ง แล้วแยกย้ายกันไป

     

    “คิม ฮิมชานหรอ เป็นผู้ชายที่น่าสนใจดีนี่”

     

    รอยยิ้มร้ายปรากฏก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์ใดใดออกมา สายตาที่คาดเดายากมองขึ้นไปยังตึกสูงตรงหน้า

     

    “พรุ่งนี้เจอกัน คิม ฮิมชาน”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เช้าวันใหม่ที่อากาศแสนจะสดใส วันนี้เป็นวันหยุดเพราะที่มหาลัยของฮิมชานใช้เป็นสถานที่ประชุมอะไรสักอย่างที่เค้าไม่ได้ฟังต่อ แค่รู้ว่าหยุดสองวันก็ดีใจจนจะบินได้อยู่แล้ว ต้องขอบคุณดงอูเจ้าเก่าที่โทรมาบอกตั้งแต่ไก่โห่ ขืนช้ากว่านี้ฮิมชานคงได้ไปยืนเก้ออยู่หน้าประตูมหาลัยเป็นแน่

     

    ฮิมชานที่โดนดงอูปลุกตั้งแต่ไก่โห่ตัดสินใจไปเดินซื้อของสดที่ตลาดใกล้ๆคอนโดของเค้า ฮิมชานทำอาหารเป็นและคิดว่ามันอร่อยมากด้วย อย่างน้อยกินแล้วไม่ตายก็โอเคนี่นา ของอย่างนี้ต้องลองฮะ

     

    ริมฝีปากสีชมพูยกยิ้มอย่างอารมณ์ดีพรางฮัมเพลงไปเรื่อยๆ คุยกับแม่ค้าอย่างเป็นมิตร ฮิมชานมาตลาดนี้บ่อยๆแม่ค้าบางคนก็จำฮิมชานได้เพราะฮิมชานเป็นคนช่างคุยจึงได้ของแถมเพราะความเอ็นดูบ่อยๆ

     

    “วันนี้อยากได้อะไรเป็นพิเศษรึป่าวลูก” แม่ค้าขายเนื้อถามฮิมชานด้วยความเอ็นดู เธอเคยบอกว่าฮิมชานหน้าตาคล้ายลูกของเธอ

     

    “ขอสันนอกละกันครับ ซี่โครงด้วยก็ดีครับ”

     

    เธอพยักหน้ารับก่อนจะหันเนื้อให้ฮิมชาน เธอเลือกชิ้นที่ดีที่สุดให้ฮิมชาน มือขาวยืนไปรับถุงมาก่อนจะจ่ายเงินครบตามจำนวนแล้วเดินช้อปต่อ

     

    ที่ฮิมชานคิดไว้ว่าจะทำบิบิมบับ ซี่โครงราดซอส และซุปสาหร่าย แคคิดแล้วก็น้ำลายไหล ฮิมชานไม่ใช่คนที่เก่งอะไรมากเค้าแค่เปิดตำราดูนิดๆหน่อยๆแล้วก็ทำ อีกอย่างเค้าก็ชอบเข้าครัวช่วยแม่และพี่สาวของเค้าทำอาหารประจำ ทำให้คนกินมั่นใจได้เปราะหนึ่งว่าอาหารมันน่าจะออกมาไม่เลวร้าย

     

    ตอนนี้แม่และพี่สาวของฮิมชานอยู่ที่ญี่ปุ่น พี่สาวของฮิมชานทำธุรกิจทัวร์กับสามีของเธอที่ญี่ปุ่น ตอนนี้กำลังปได้สวย แต่แม่ของฮิมชานก้คอยช่วยรับแขกอยู่ที่นั่นด้วยทำให้ไม่เบื่อ

     

     คุณนายคิมมักจะถามฮิมชานเสมอว่าต้องการเงินมั้ย แต่ฮิมชานมักจะตอบไปว่าไม่เป็นไรเค้าหาเงินเองได้ ทุกวันนี้เงินที่ฮิมชานได้มาก็ได้มจากเงินที่เค้าทำงานเป็นนักดนตรีที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เค้าทำงานที่นั่นมาเกือบปีหนึ่งแล้ว แค่เล่นกีต้าร์ธรรมดาเท่านั้น เค้าทำงานตั้งแต่สองทุ่มถึงห้าทุ่มเท่านั้นเพราะหลังจากนั้นลูกค้าจะเริ่มเมาและอันตราย

     

    ลำพังเงินค่าจ้างเล่นดนตรีมันก็ไม่พอยาไส้ได้ทั้งเดือน มันก็ได้ทิปจกลูกค้าที่ถูกใจฮิมชานบ้าง บางทีเค้าก็โดนเรียกไปนั่งดื่มด้วยทั้งๆที่ไม่เต็มใจ เพราะเค้ามักจะถูกลวนลามเสมอ มันน่าเอาส้นเท้าสแครชหน้าพวกหื่นกามแบบนี้สักห้าหกทีจริงๆ

     

    Rrrrrrr

    เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้ฮิมชานต้องรีบหลบเข้ามุมวางของลงใกล้ๆตัว แล้วรับโทรศัพท์

     

    “ฮัลโหลว่าไงครับ ยองแจ”

     

    (สวัสดีครับพี่ฮิมชาน คือผมโทรมารบกวนเรื่อง..)

     

    “คุณเฟรดดี้อะหรอ ฝากพี่เลี้ยงใช่มั้ยเอาสิกำลังว่างเลย”

     

     ยังไม่ทันที่ปลายสายจะได้พูดเรื่องของตัวเอง ฮิมชานก็แทรกขึ้นเสียก่อน ปลายสายหัวเราะก่อนจะเอ่ยต่อ

     

    (พอดีพรุ่งนี้ผมนอนบ้านเพื่อนน่ะครับ เอ่อ สักสามวันพอได้มั้ยครับ)

     

    “อื้อ ได้สิไม่ต้องเกรงใจน่า นานกว่านั้นก็ได้พี่ช่วยเลี้ยงได้นะ”

     

    ฮิมชานรู้ว่ายองแจกำลังเกรงใจเค้ามาก แต่ฮิมชานเต็มใจจะช่วยน้องชายคนนี้อยู่แล้ว เค้ารู้ว่ายองแจเรียนหมอและเรียนหนัก หนำซ้ำเป็นแพทย์ปีหนึ่งก็ยิ่งต้องขยันเข้าไว้

     

    (อา..ผมเกรงใจจัง)

     

    “น่าๆ พี่ดูแลให้ เราก็ห่วงเรื่องเรียนไปเถอะ เรื่องคุณเฟรดดี้นั่นจิ๊บๆ”

     

    (งั้นฝากด้วยนะครับ)

     

    “งั้นเดี๋ยวบ่ายๆพี่ไปรับคุณเฟรดดี้ละกัน”

     

    (ขอบคุณนะครับ)

     

    “ครับผม”

     

    ฮิมชานยิ้มให้โทรศัพท์ก่อนจะหยิบข้าวของ ในใจก็คิดถึงคุณเฟรดดี้หมาพันธุ์โกเด้นรีทรีเวอร์ตัวใหญ่ สัตว์เลี้ยงของยองแจ คุณเฟรดดี้เป็นหมาที่ฉลาดมาก ฮิมชานอาสารับเลี้ยงคุณเฟรดดี้แทนยองแจมาได้สักพักแล้ว บางทียองแจติดเรียนติดอ่านหนังสือที่บ้านเพื่อนก็จะไม่มีใครดูแลเจ้าสี่ขา หรือบางวันที่คุณนายยูต้องการจัดสวนใหม่ก็ต้องพาเจ้าสี่ขาไปอยู่ที่อื่นก่อนเพราะบ้านของมันอยู่ในสวน แล้วคุณนายยูก็จัดสวนเป็นวันๆ เดือดร้อนทั้งคนทั้งหมาเลยทีเดียว...

     

    ยองแจเป็นเด็กที่เก่งมาก ฮิมชานรู้จักยองแจเพราะงานวิชาการที่มหาลัย ตอนนั้นยองแจเข้ามาถามทางไปห้องแข่งทักษะวิชาการ ได้โอกาศจึงคุยกันและสนิทกันในที่สุด

     

    ฮิมชานเดินไปซื้อขนมไว้กินเล่นอีกแปปหนึ่ง แล้วจึงขับรถกลับมาที่คอนโด มือเรียวรวบถุงมากมายถือขึ้นห้องไป ไม่ทันได้สังเกตว่ามีรถคันหนึ่งขับมาจอดข้างๆกัน

     

    พ่อครัวหนุ่มกำลังง่วนกับการเตรียมวัตถุดิบที่จะทำเมนูเด็ดในวันนี้ ฮิมชานไม่ได้รีบร้อนอะไร เค้าไม่คิดจะชวนเพื่อนรักทั้งสามของเค้ามากินด้วยด้วยซ้ำ เพราะเค้าเคยชวนมาครั้งหนึ่งแล้วปรากฏว่าเค้าได้กินอยู่ไม่กี่อย่าง ที่เหลือนั้นโดนเพื่อนรักเขมือบไปหมด

     

    รู้สึกอนาถ

     

    วันนี้ฮิมชานเลยตั้งใจจะทำกินเองทั้งหมดเลย วัตถุดิบที่ไม่ได้กะปริมาณเพราะคนซื้อเอาแต่ใจตัวเองกองทั่วโต๊ะ ก่อนจะหายไปทีละอย่าง ฮิมชานเริ่มตั้งหม้อต้มซุปก่อนตามด้วย การทำบิบิมบับ และทำซี่โครงทอดราดซอสเป็นเมนูสุดท้าย

     

    กิ๊งก่องๆ

     

    ฮิมชานว่าจะเป็นออดหน้าห้องใหม่ เพราะตอนนี้เสียงมันเริ่มเพี้ยนแล้วจากเสียงปิ้งป่องๆกลายเป็นกิ๊งก่องๆแปลกๆ

     

    ขมวดคิ้วสงสัยว่าใครกันที่มาเวลานี้ ทั้งๆที่บอกดงอูว่าตัวเค้าเองมีนัดทั้งวันแล้วแท้ๆ โกหกไม่เนียนรึไงนะ ?

     

    ตัดสินใจไปเปิดประตูรับแขก แต่แล้วก็ต้องผงะถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความตกใจ

     

    “ยงกุก?”

     

    “ตกใจขนาดนั้นเลยหรอ” ร่างสูงหัวเราะในลำคอก่อนจะแทรกตัวเข้าห้องมาอย่างเนียนๆ เจ้าของห้องได้แต่อึ้งทำตัวไม่ถูกเพราะแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาถึงที่พัก มาได้ยังไงเนี่ย ?

     

    “กลิ่นหอมๆ นายทำอาหารหรอ”

     

    แขกมาใหม่ถือวิสาสะเดินสำรวจห้องไปเรื่อย ก่อนจะหลุบหายเข้าไปในห้องครัวที่มีของกินส่งกลิ่นหอมย้ำยวนวางอยู่

     

    ฮิมชานตั้งสติก่อนจะสาวเท้าตามไป

     

    “นายมาที่นี่ได้ยังไง แล้วใครอนุญาตให้เข้าห้องคนอื่นไม่ทราบ” ฮิมชานยืนเท้าเอวมองยงกุกที่ได้นั่งลงประจำที่ตรงโต๊ะอาหาร ในมือมีช้อนถืออยู่

     

    “มานี่” ยงกุกกวักมือเรียกร่างบางที่กำลังจะวีนมาให้นั่งลงข้างๆเค้าอีกด้านหนึ่งของโต๊ะ ฮิมชานที่ยังงงๆยอมเดินมากระแทกตัวนั่งลง “ชิมนี่”

     

    ยงกุกใช้ช้อนตักซุปสาหร่ายที่เจ้าของห้องทำส่งเข้าปากเจ้าตัวที่ยังทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่เค้า ใบหน้าหวานง้ำงอ

     

    น่าแกล้ง

     

    “อ้าปาก” เอ่ยเสียงแข็งบังคับให้ปากรูปกระจับนั้นอ้าออกยอมลิ้มรส รสชาติของซุปอุ่นๆที่ไหลผ่านเข้าไปในปาก “อร่อยมั้ย”

     

    “แน่สิ ก็ฉันเป็นคนทำ” ฮิมชานตบโต๊ะเสียงดัง

     

    “ก็ดี ฉันมีสองเรื่องอยากจะคุย”

     

    หยุดพูดแล้วใช้ช้อนเดิมเมื่อกี้ที่ตักซุปให้ฮิมชาน ตักซุปสาหร่ายเข้าปาก เคี้ยวช้าๆไม่รีบร้อนแล้วพูดต่อโดยไม่สนใจสายตาของฮิมชานที่มองมาแม้แต่น้อย

     

    นายไม่รังเกียจแต่ฉันรังเกียจนะว้อยยยย

     

    “เรื่องแรกคือฉันอายุมากกว่านาย วันนี้ที่ฉันบอกนายว่าฉันอายุ23..”

     

    “ไร้สาระมากเถอะ” ฮิมชานเกาหัวอย่างเซ็งๆ เค้าลืมเรื่องพวกนั้นปหมดแล้วเถอะไม่เคยจะใส่ใจอะไรทั้งนั้นแหละ เมื่อเห้นว่ายงกุกเอาแต่ตักซุปเข้าปากไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกินเค้าก็จับแขนที่กำลังเอื้อมไปตักซุปให้หยุด “พูดต่อแล้วหยุดกินของของคนอื่นสักที”

     

    ยงกุกเลิกคิ้วมอง

     

    “ก็นายบอกว่าไร้สาระก็เลยไม่พูดต่อ”

     

    “ขอร้องเถอะ” ฮิมชานลูบหน้าตัวเองแรงๆสองสามที เค้ากำลังพยายามอดกลั้น

     

    “ความจริงแล้วฉันอายุ 25 แล้วนะพอดี พี่จีฮุนพึ่งเตือนฉันเมื่อวาน”

     

    จงใจเน้นชื่อหนึ่งให้คนฟังได้ยินชัดๆ ตาคมจ้องมองดูปฎิกิริยาตอบรับของคนตรงหน้า ผลที่ได้คือ นิ่งเฉย มีวูบหนึ่งที่แววตาสั่นไหว แต่ก็ไม่แสดงอาการอื่น

     

    เก็บอาการเก่งนี่

     

    “ดังนั้นนายควรจะเรียกฉันว่าพี่นะฮิมชาน” ยงกุกใช้ช้อนชี้หน้าฮิมชานค้างไว้ ได้รับความเงียบมาเป็นคำตอบก็หันมาตักอย่างอื่นกินแทน

     

    “นายไม่เห็นทำตัวให้น่าเรียกว่าพี่เลย” ฮิมชานกอดอกมองคนที่พึ่งบอกว่าตัวเองอายุมากกว่าไปเมื่อกี้ นั่นหมายความว่าเค้ากับยงกุกห่างกัน 6 ปี ครึ่งโหลเลยนะนั่น ไม่มีความรู้สึกเคารพเลยสักนิด

     

    ยงกุกเลียริมฝีปากก่อนจะวางช้อนลงบนโต๊ะ หมุนตัวมานั่งมองหน้าร่างบางอย่างจริงจัง แววตาที่แสนเย็นตากรีดมองโครงหน้าสวยอย่างพิจารณา ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก

     

    “เดี๋ยวนายก็เรียกฉันว่าพี่ นายได้เรียกแน่นอนฮิมชาน” ยงกุกลุกขึ้นยืน สายตายังคงไม่ละไปจากคนอายุน้อยกว่าตรงหน้า

     

    “เรื่องที่ฉันจะพูดอีกเรื่องคือเรื่อง พี่จีฮุน”

     

    “ฉันไม่มีอะไรจะพูด” ฮิมชานสวนขึ้นทันที ใบหน้าหวานเบือนหนีไปทางอื่น

     

    “นายรู้จักพี่จีฮุนงั้นหรือ” ยงกุกถามต่อ จับตามองอย่างไม่คลาดสายตา ตอนนี้ฮิมชานก็เหมือนลูกไก่ตัวน้อยๆ และเค้ากำลังบีบมันช้าๆ

     

    “ฉันจะไปรู้จักได้ยังไง” ฮิมชานหันกลับมามองยงกุกตาขวาง รู้สึกเกลียดชื่อขี้ขึ้นมาตะหงิดๆ

     

    “แน่ใจงั้นหรอว่าไม่รู้จัก” ยงกุกโน้มตัวลงไปใกล้ฮิมชาน ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดใบหน้าหวานที่ใจกล้าไม่หลบไปไหน “แล้วถ้าเปลี่ยนเรื่องมาพูดเรื่องพี่จินอุนนี่จะรู้จักมั้ย”

     

    “ต้องการอะไร!

     

    ฮิมชานลุกพรวดขึ้นมาประจันหน้ากับร่างสูงตรงหน้า ใบหน้าหวานบึ้งตึงบงบอกว่าเค้าตัวกำลังโกรธมากมายแค่ไหน

     

    “ตอบมาสิว่านายเป็นอะไรกับพี่จินอุน ถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้” ยงกุกยังคงมีใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

     

    รอยยิ้มโง่ๆในสายตาของฮิมชาน

     

    “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย” ฮิมชานกัดฟันถาม เค้ากำลังพยายามใจเย็นถึงที่สุด เพราะถ้าเปิดพลั้งมือไป อาจจะส่งผลเสียต่อเค้า รวมถึงความสัมพันธ์ของเค้ากับจินอุน

     

    “ตอนแรกมันก็ไม่เกี่ยวหรอก แต่พี่จุนฮีเป็นพี่สาวของฉัน”

     

    “นายจะบอกว่านายเดือดร้อนแทนพี่สาวงั้นสิ”

     

    ยงกุกยกยิ้มกว้าง นายพลาดแล้วฮิมชาน

     

    “หืม นายรู้ได้ไงว่าฉันเดือดร้อนแทนพี่สาว นี่ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ”

     

    ฮิมชานกัดริมฝีปากแน่น เค้ารู้สึกประหม่า รู้สึกกลัวในทุกคำพูดที่จะพูดต่อไป เมื่อกี้เค้าใจร้อนเกินไป ต้องไม่ให้คนตรงหน้ารู้ นายจะไม่ได้เค้นความจริงอะไรจากปากฉันอีก ยงกุก

     

    “ช่วยตอบทีสิว่านายเป็นอะไรกับพี่จินอุน” ยงกุกยังคงวนเวียนมาที่คำถามเดิมๆ

     

    นั่นสินะ เค้ากับจินอุนเป็นอะไรกัน ... จนป่านนี้เค้ายังไม่รู้เลย

     

    “ถ้าฉันบอกว่าฉันเป็นแค่พี่น้องกับเค้านายจะเชื่อรึป่าวล่ะ” เลือกที่จะตอบคำถามเดิมๆเวลาใครถามถึงความสัมพันธ์

     

    ความสัมพันธ์ที่กำกวม

     

    ความสัมพันธ์ที่ไม่มีคำตอบ

     

    ยงกุกเลิกคิ้ว เค้ารู้สึกสนใจในคำตอบ และพร้อมที่จะเล่นตามน้ำ แต่ถ้าเล่นตามน้ำมันจะไปสนุกอะไรล่ะ

     

    “ไม่เชื่อ แต่ ...ถ้าฉันเชื่อจะเกิดอะไรขึ้นนายรู้มั้ย” ยงกุกก้าวเข้าไปใกล้ร่างบางที่เริ่มสั่น แขนที่ยกขึ้นมากอดอกแน่นแต่แรกร่วงลงข้างลำตัว ยามที่ได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู

     

     

     


















     

     

     

    “ถ้าฉันเชื่อ พี่สาวฉันก็เป็นคนโง่ที่ไม่รู้ว่าผัวของตัวเองกำลังมีชู้น่ะสิ”

    CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×