ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC B.A.P] SELFISH LOVE { BangChan }

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 4 ม.ค. 57


     

     

    บทนำ

     

    “ลื้อนี่มังไม่ล่ายเรื่องอาอี้ อั๊วบอกให้ลื้อกลับบ้านเช้าๆทำไมลืมกลับมาเอาป่างนี้!?

     

    “นี่ก็เช้าแล้วนะเตี่ย ตีสี่แล้ว โอ้ยๆๆ”

     

    ผมยืนมองเพื่อนคนสนิทของผมโดนลงโทษอย่างเงียบๆโดยไม่สามารถจะเข้าไปช่วยอะไรเพื่อนตัวเองได้เลย เพราะว่ารู้ตัวว่ามีส่วนผิดที่ทำให้เพื่อนรักต้องมาโดนเตี่ยที่รักบิดหูอยู่อย่างงี้

     

    อาอี้ ฮิมชานขอโทษนะ

     

    ได้แต่กล่าวขอโทษในใจและมองดูเหตุการณ์ต่อไป นี่เป็นเวลาตีสี่ เช้าแล้วนั่นแหละอย่างที่บอก ถ้าถามว่าไปทำอะไรมาก็ต้องบอกเลยว่ามันไม่ใช่ความคิดของ คิมฮิมชานคนนี้แน่นอน ผมกับอี้ชิงไปเที่ยวมาและนั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ชายใช่มั้ยล่ะ แต่นี่มันไม่ค่อยธรรมดาตรงผมกับอี้ชิงกลับมาตอนตีสี่เนี่ยแหละ โถ่ อาอี้ช่างน่าสงสาร

     

    ซี้ดปากเบาๆเมื่ออาเตี่ยของอี้ชิงบิดริ้วหูขาวๆของอี้ชิงขึ้นสูงจนตอนนี้มันแดงไปทั้งใบ แค่เห็นก็รู้สึกเจ็บหูขึ้นมาตะหงิดๆ

     

    ผมที่พ่อแม่ไม่อยู่บ้านก็เลยไม่มีใครมาทำโทษแบบนี้ รู้สึกโล่งแฮะ เมื่อเตี่ยของอี้ชิงลงโทษเพื่อนรักของผมจนหนำใจแล้วก็หันมาอบรมสั่งสอนผมบ้าง

     

    และผมก็ก้มหน้ารับทันที จัดมาครับเตี่ย ฮิมชานพร้อมแล้ว

     

    “ลื้อก็เหมือนกังอาฮิมชาน รู้ว่ามันดึกแล้วก็ไม่ยอมกลับ อยากโดนคนอื่นลากไปข่งขืนรึงาย”

     

    มันคงไม่เลวร้ายขนาดนั้นมั้งครับเตี่ย

     

    “ลื้อกับอาอี้จำเอาไว้นะ อย่าให้อั๊วรู้ว่าพวกลื้อไปเที่ยวดึกๆดื่นๆอีก อั๊วจะไม่ให้เข้าบ้าน ถ้าอีตำรวจมาจับพวกลื้ออย่าหวังว่าอั๊วจะไปช่วย”

     

                ก็ไม่คิดจะให้เตี่ยมาช่วยอยู่แล้วล่ะครับ แหม่ =_=


     

    พออบรมลูกหลานเสร็จเตี่ยก็เดินกลับเข้าไปในบ้าน

     

    “มึงโอเคนะฮิมชาน”อี้ชิงเดินเข้ามาหาผมพลางลูบหูที่แดงป้านนั้นไปด้วย”เตี่ยกูก็เงี้ย”

     

    “เออ กูไม่เป็นไรสบายมากมึง กูเข้าใจเตี่ยมึง”ผมตบบ่าของอี้ชิงปุๆเป็นเชิงปลอบและให้กำลังใจอันมีน้อยนิดไป อย่างน้อยกูก็ไม่โดนเตี่ยมึงบิดหูล่ะวะ

     

    “พรุ่งนี้ทำไงวะ ไปเรียนมะ” อี้ชิงถามขณะที่ยังลูบหูของตัวเอง

     

    “เรียนดิ เราเป็นใครอี้ชิง เราเป็นเซเลปของคณะนิเทศนะเว่ย” ผมพูดอย่างภาคภูมิใจ

     

    แน่นอนว่าเซเลปที่ว่านั่นผมเป็นคนสถาปนาตัวเองขึ้นมาเมื่อกี้นี่เอง

     

    “เอ่อ เอามึงว่าเลย กูไปละเดี๋ยวเตี่ยมาลากหูกูเข้าไปแล้วเจอกันมึง” อี้ชิงตบบ่าผมอีกทีแล้วโบกมือผมลาเข้าบ้านไปหาเตี่ย

     

    ผมพยักหน้าก่อนจะเดินออกมาที่หน้าบ้านที่มีรถบีเอ็มฯสีดำของผมจอดไว้ คือรูปหล่อพ่อรวยอะครับมันก็ต้องขับรถที่มันมีคลาส เสียแต่ว่าผมไม่ได้ล้างรถมาสองเดือนย่างสามเดือนแล้วมันก็เลยไม่มีออร่าเท่านั้นเองครับ -_-;;

     

    ผมขับรถกลับมาถึงคอนโดอย่างปลอดภัย แม้ว่าจะมีอาการหลับในเล็กน้อยแต่ก็ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ ยังพอขับรถรอดมาได้ พอเข้ามาถึงห้องผมก็ล้มตัวนอนแผละทันที ไม่อยากหรอกครับน้ำ คือมันง่วงมากเลยนะครับคงเข้าใจฟีลลิ่งของผมนะ

     

    ล้วงเอาไอโฟนสีขาวสุดที่รักโยนไว้ที่โต๊ะเล็กๆข้างเตียง มืออีกข้างก็ควานหารีโมทแอร์ที่เหมือนจำได้รางๆว่าเอาเว้าไว้ข้างๆหมอน พอเจอก็กดเปิดโดยที่ตายังคงปิดสนิทอยู่ไม่สนใจที่จะลืมตามามองดูว่าตอนนี้แอร์มีอุณหภูมิ19 องศา

     

    พรุ่งนี้ตอนบ่ายเจอกันครับ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    Rrrrrrrr

     

    “อะไรนักหนาวะ” บ่นอย่างงัวเงียพร้อมกับควานหาไอโฟนลูกรักที่ไม่รู้ตอนนี้มันอยู่ตรงไหน จำใจลืมตาขึ้นมาพอให้เห็นแล้วตะปบไอโฟนที่กำลังสั่นเป็นเจ้าเข้าเอาไว้ เลื่อนสไลด์รับสายทันที

     

    “ครับผม คิมฮิมชานสุดหล่อพูดครับ”

     

    “ครับๆพ่อสุดหล่อ เมื่อไหร่คุณมึงจะมามหาลัยครับ”

     

    จำเสียงได้ลางๆว่าเป็นเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม มันจะต้องเป็นไอ่นั่นแน่ๆ แน่ๆเลย

     

    “ใครวะ”

     

    ก็กูไม่รู้ว่าใครโทรหากู TvT

     

    “แหม่ จำเสียงเพื่อนมึงไม่ได้หรา นี่จางดงอูครับคุณฮิมชาน ตื่นโว้ยยยยยย”

     

    โถ่ไอ่สัส พูดเบาๆก็ได้ไอ่เหี้ย ขี้หูกูเต้นระบำหมดแล้ว TwT ตอบกลับไปเบาๆว่าครับๆแล้วก็วางสายไป ลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจเล็กหน่อยก่อนจะรู้สึกตัวว่าแม่งโคตรหนาว นี่กูอยู่ที่โซลหรือขั้วโลกเหนือครับ

     

    หันไปมองหารีโมทแอร์แล้วก็พบว่าอีกนิดเดียวกูก็ใกล้ขั้วโลกเหนือแล้วครับ 19องศา ตีหน้าผากตัวเองดังป้าบก่อนจะปรับแอร์ให้เหมือนกับชาวบ้านเค้า แล้วก็โยนรีโมทแอร์ไว้แถวนั้น ยีหัวตัวเองอีกรอบแล้วเดินไปเข้ห้องน้ำอาบน้ำแต่งตัว

     

     

     

     

     

     

    ขับรถมาจอดไว้ที่ประจำก่อนจะเดินไปหาเพื่อนฝูงที่นั่งม่อสาวอยู่หน้าคณะ ส่งยิ้มให้เพื่อนรักทุกคนก่อนจะโดนจางดงอูเพื่อนรักเข้ามาตบหัวดังป้าบ

     

    “โถ่ไอ่สัส” สถบออกมาอย่างเคืองๆก่อนจะตบคืนไปทีหนึ่ง ซึ่งดงอูก็ได้แต่หัวเราะชอบใจ

     

    ตอนนี้กลุ่มผมก็คนครบหมดแล้ว มีผม อี้ชิง ดงอู แล้วก็ จีน่าสาวคนเดียวในกลุ่ม เหตุผลมันก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่จีน่าเป็นคนดังของ รร. แล้วก็ไม่ต้องการคบเพื่อนผู้หญิงประจวบเหมาะกับผมและอี้ชิงเป็นเซเลปของคณะ เราเลยมารวมกลุ่มได้ งงใช่มั้ยครับ ผมก็งงครับ เอาเป็นว่าเราเป็นเพื่อนกันมาสองปีก็แล้วกันครับ =_=;

     

    ผมเรียนอยู่ ปี2 คณะนิเทศกับทุกๆคน อายุก็ 19 ย่าง 20แล้วในอีกไม่กี่เดือนส่วนคนอื่นก็20กันไปหมดแล้ว และเมื่อคืนก็ที่ว่าไปเที่ยวกันมาก็เป็นเลี้ยงวันเกิดของจางดงอู ที่มันเกิดอยากจะเลี้ยง ไม่อยากจะเอ่ยว่านั่นรอบที่หกแล้วล่ะครับที่แม่งเลี้ยงแบบนั้น คือคุณมึงกะจะไม่เกิดอีกเลยใช่มัยครับเพื่อนรัก

     

     

    .

    .

    .

    “มีใครว่างเย็นนี้บ้าง กูจะไปรับเพื่อนที่สนามบิน” อี้ชิงเอ่ยถามขณะที่เราทั้งสี่คนมานั่งที่ร้านกาแฟใต้ตึกของคณะ ผมหันไปมองดงอูที่หันไปมองจีน่าอีกทีและเจ้าหล่อนก็หันไปมองอี้ชิงอีกที คือเพื่ออะไรครับเพื่อนรัก -_-;;

     

    “เพื่อนอาอี้มาจากไหน จีนหรอ” จีน่าเอ่ยถามอย่างสนใจ ผมดูดกาแฟเข้าไปอึกหนึ่งก่อนจะมองอี้ชิงอย่างสนใจด้วยเช่นกัน ส่วนดงอูก็คาบหลอดไว้ในปากรอให้อี้ชิงพูด

     

    “อื้อ เค้ามาทำธุระให้ครอบครัวน่ะ” อี้ชิงพูดยิ้มๆ จีน่าพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเอ่ยถามต่อโดยมีดงอูพยักหน้าตาเหมือนกับว่าอยากรู้เหมือนกัน

     

    “แล้วมากี่คน หล่อมากป่าว”

     

    “ไม่แน่ใจว่าหล่อป่าว แต่มากัน2คน” อี้ชิงพูดก่อนจะหยิบโกโก้ปั่นมาดูด ผมก็พยักหน้าก่อนจะหันไปตามแรงสะกิดของดงอู

     

    “น้องฮิมชานไปปะครับ คือพี่จางไม่ใช่ไม่ว่างนะครับแต่น้องรู้ใช่มั้ยครับว่าพี่จางเป็นคนดัง..”

     

    “พอครับไอ่พี่จาง พี่ไม่อยากไปเจอป้าจางที่ทำงานอยู่ที่สนามบินก็บอกมา อ้างอะไรนักหนา” ผมยกมือห้ามไม่ให้ปากกว้างๆนั้นพูดอ้างไปเรื่อย คุณป้าที่เป็นพี่สาวของแม่ดงอูทำงานเป็นหัวหน้าแอร์ฮอตเตจสายการบินหนึ่ง ดงอูกลัวว่าจะต้องเจอป้าจางที่พูดมากตามประสาคนรักหลานเลยกำลังหาข้ออ้างที่จะไม่ไป จริงแล้วดงอูป๊อปในหมู่สาวๆรุ่นใหญ่น่ะครับพวกอาจารปลื้มดงอูเอามากเลยล่ะ

     

    “จีน่าล่ะไปป่าว” ผมหันไปถามจีน่าที่นั่งเงียบๆ ดงอูก็เอาแต่เอาหน้ามาถูมือผมด้วยความรักใคร่และขอบคุณที่ผมเข้าใจมัน คือถูได้แต่ระวังน้ำลายหน่อยนะเว่ย

     

    “คงไปไม่ได้อะพอดีมีถ่ายแบบนิดหน่อย โทษนะอาอี้” จีน่าเอ่ยขอโทษอี้ชิง ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้าและยิ้มให้ ก็เหลือแต่ผมล่ะสิ

     

    “ฉันไปด้วยก็ได้อี้ชิง ฉันว่าง” คือไม่ว่างก็ต้องว่างแหละครับ อี้ชิงยิ้มกว้างให้ผมก่อนจะรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมาพอดิบพอดี

     

    ผมดึงมือออกจากการเกาะกุมของดงอุก่อนจะตีหัวไปป้าบหนึ่ง เล่นอะไรไม่เข้าท่าว่ะ แล้วก็หันมาสนใจแก้วกาแฟของตัวเองต่อ แต่ทำไมรู้สึกว่าลางสังหรณ์มันไม่ค่อยดียังไงก็ไม่รู้ว่ะ

     

    “คิดไปเองมั้ง” เอ่ยกับตัวเองเบาๆ

     

     

    .

    .

    .

     

    “เครื่องลงรึยังอาอี้”

     

    ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบินอินชอนกับอี้ชิง คนเยอะเหมือนกันแฮะ เดินไปยังประตูทางออกหนึ่งที่นัดกันไว้กับเพื่อนของอี้ชิงที่โทรมาหาก่อนหน้าที่จะมา อี้ชิงดูจะไม่ได้สนใจที่ผมถามด้วยซ้ำ คือคุณเพื่อนช่วยสนใจคิมฮิมชานคนนี้สักนิดเถอะครับ ไอ่อาการที่ชะเง้อมองหาเหมือนเด็กหลงทางที่กำลังหาแม่อยู่นี่คืออะไรกันเนี่ย

     

    “อาอี้ มานั่งรอนี่มา” ผมเดินเข้าไปลากแขนอี้ชิงให้มานั่งรอด้วยกัน ตอนนี้คนก็เริ่มทยอยเดินออกมากันแล้ว เดี๋ยวก็คงได้เซอร์ไพรส์

     

    นั่งได้ไม่นานเพื่อนตัวขาวของผมก็ลุกขึ้นอีกครั้ง “นั่นไงๆมาแล้วๆ”

     

    ผมลุกขึ้นตามแล้วมองหาเพื่อนคนจีนของอี้ชิง ไหนฟระไม่เห็นจะมีใครหน้าเหมือนคนจีนเลย แต่เดี๋ยวนะ หันไปหาอี้ชิงเพื่อจะถามว่าคนไหนเจ้าตัวก็ไม่อยู่ให้ถามกลับวิ่งเข้าไปสวมกอดคนคนหนึ่งก่อนจะกอดรัดเหวี่ยงกันไปมา คือทิ้งเพื่อนเลยเรอะ =[]=

     

    และแล้วคนจีนที่ไม่ได้เจอกันนานก็ทักทายกันด้วยภาษาจีนที่ผมไม่เข้าใจ เพื่อนคนนี้ของอี้ชิงเป็นคนตัวเล็กๆขาวๆแก้มป่องเหมือนลูกซาลาเปาน่ารักเหมือนกันนะเนี่ย แต่แล้วก็มีผู้ชายอีกคนตัวสูงอย่างกับนายแบบเดินมาหยุดมองอยู่ข้างๆอี้ชิง แม้ใบหน้าจะถูกซอนไว้ใต้แว่นกันแดดนั้นก็ไม่ได้ทำให้คนคนนี้ดูดีน้อยลงไปเลยสักนิด

     

    แม่งโคตรเท่

     

    และเหมือนอี้ชิงจะรู้สึกตัวว่ายังมีผมอยู่ตรงนี้อีกคน ได้เวลาคุณเพื่อนอี้ชิงแนะนำเพื่อนแล้วครับ ผมรอฟังอยู่

     

    “นี่เพื่อนฉันทั้งสองคนเลย นี่ซิ่วหมิน ซิ่วหมินนี่ฮิมชานเพื่อนอี้เอง” ผมโค้งให้ซิ่วหมินเป็นการทักทายและส่งยิ้มในแบบที่ผมชอบทำไปให้อย่างเป็นมิตร “และนี่อี้ฟาน”

     

    อี้ชิงแนะนำอี้ฟานให้ผมสั้นๆ ผมยิ้มให้เค้าก่อนจะแอบใช้สายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า ท่าทางจะอายุมากกว่าผมเสียด้วย แต่งตัวแม่งโคตรเซเลปอะครับพี่ชาย ผมรู้สึกเป็นด้อยขึ้นมาทันที TwT

     

    “ไม่คิดจะกอดฉันบ้างรึไง” เสียงทุ้มมีเสน่ห์เอ่ยถามอี้ชิงที่เอาแต่กอดซิ่วหมินครั้งแล้วครั้งเล่า ผมมองอี้ฟานด้วยความสนใจ นึกว่าจะเป็นคนจีนเสียอีกนะเนี่ย แต่หน้าตาท่าทางไม่เห็นเหมือนคนจีนเลย

     

    “อยากให้ฉันกอดรึไง พี่โตแล้วนะ” อี้ชิงเอียงคอมองอี้ฟานก่อนจะหัวเราะออกมา”ให้ฮิมชานเรียกว่าคริสได้รึป่าว”

     

    อะไรนะครับเพื่อนอี้

     

    “เอาสิ” อี้ฟานตอบสั้นๆโดยที่ไม่มองหน้าผมที่ยืนให้ความสนใจอยู่ตรงนี้สักนิด พี่ชายครับหันมามองผมหน่อยสิครับพี่ ทุกคนกำลังทำให้ฮิมชานรู้สึกเหมือนโดนทอดทิ้งนะครับ T_T

     

    ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่ได้สนใจ ฮิมชานคนนี้เลยสักนิด คงจะลืมไปแล้วว่ามีฮิมชานอยู่ตรงนี้ด้วย ไม่เป็นไรครับฮิมชานเข้าใจ

     

    ผมปล่อยให้เพื่อนรักคุยกันเป็นภาษาจีนกันแต่ไปโดยสายตาก็มองผู้คนที่เดือนออกมาจากเกต บางคนที่เดินลิ่วๆไปเลยไม่สนใจใครบางคนก็มีครอบครัวมารอรับเป็นภาพที่อบอุ่นมากครับ ผมหวังว่าสักวันพ่อแม่จะกลับมาบ้างและผมจะได้มีโอกาศมารับพวกท่านบ้าง

     

    “อ้าว ฮิมชานมาทำอะไรที่นี่”

     

    เสียงหนึ่งทำให้ผมละสายตาจากภาพที่สองแม่ลูกสวมกอดกันทั้งน้ำตาหันไปมองทางต้นเสียงผมก็พบกับเจ้าของเสียง

     

    “พี่จินฮุน”

     

    ผมเอ่ยออกมาเสียงเบา ผมไม่คิดเลยว่าจะได้เจอคนๆนี้ตอนนี้ที่นี่และเวลานี้ ผมมองไปข้างๆก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนถือกระเป๋าลากอยู่

     

    “ผมมาส่งอี้ชิงมารับเพื่อนน่ะครับ” เอ่ยตอบไปด้วยน้ำเสียงสดใส ผมรู้สึกตกใจและประหม่ามากๆเลยตอนนี้

     

    “หรอ พี่มารับลูกพี่ลูกน้องของจุนฮีน่ะ นี่ บังยงกุก” พี่จินอุนแนะนำคนข้างๆให้ผมรู้จัก ผมโค้งทักทายตามมารยาทก่อนจะแนะนำตัวเอง

     

    “ผมคิมฮิมชาน”

     

    “ยงกุกแก่กว่าฮิมชานใช่ปะ” พี่จินอุนถามยงกุก รายนั้นมองหน้าผมก่อนจะตอบคำถาม

     

    “คิดว่างั้นครับ ผม23แล้ว” ยงกุกเอ่ยเรียบๆ

     

    “งั้นก็แก่กว่าผม” ผมสรุปเองเสร็จสรรพ ยิ้มบางๆให้คนตรงหน้า ตอนนี้หัวของผมกำลังตีกันความคิดเริ่มยุ่งเหยิงจนเริ่มเวียนหัว ตอนนี้ผมรู้แค่ว่ามีตัวปัญหาเกิดขึ้นแล้ว “ผม19นะ”

     

    “งั้นพี่กลับแล้วนะฮิมชาน เดี๋ยวพี่โทรหานะ” พี่จินอุนเข้ามาลูบหัวผมอย่างเอ็นดู แวบหนึ่งผมเห้นสายตาที่เป็นกังวลไม่ต่างงจากผมมองมา

     

    “ทำไมต้องโทรหาครับ” เสียงของยงกุกเอ่ยถามขึ้นมาทำให้พี่จินอุนชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะรีบชักมือกลับ “เป็นอะไรกันงั้นหรอ”

     

    หมายความว่ายังไง ?

     

    “ก็ฮิมชานเหมือนเป็นน้องชายของพี่นิ พี่ก็ต้องโทรหา”พี่จินอุนตอบ

     

    ผมก้มหน้าลง ตอนนี้ผมรู้สึกอยากกลับบ้านมากๆ อยากไปจากตรงนี้ จากไปจากตรงนี้ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ตรงนี้ มันจะอึดอัดเกินไปแล้ว

     

    “งั้นหรอครับ ผมก็น้องชายพี่นะครับพี่จินอุน ทำไมพี่ไม่โทรหาบ้างล่ะ” เสียงนั้นยังคงดังต่อไป และเหมือจะจงใจพูดให้ผมได้ยินเต็มๆ “ถ้าไม่ได้เป็นอะไรกันไม่จำเป็นก็ไม่ต้องโทรหาหรอกครับ นอกจากว่าจะมีอะไร....มากกว่านั้น”

     

    มันอะไรกัน ?

     

    คำพูดแบบนั้นมันอะไรกัน ?

     

    พูดเหมือนรู้อะไรอย่างงั้นแหละ

     

    “กลับก่อนนะฮิมชาน” ผมเงยหน้าขึ้นมาโบกมือที่รู้สึกไร้เรี่ยวแรงออกไป ยิ้มที่ฝืนๆถูกส่งออกไปเช่นเดียวกัน

     

    “ฮิมชานกลับกันเถอะ รบกวนนายไปส่งฉันที่บ้านซิ่วหมินทีนะ เฮ้ ฮิมชาน” อี้ชิงเดินเข้ามาเขย่าตัวผมที่กำลังเหม่อลอย ผมหันไปรับคำก่อนจะเดินไปยังที่จอดรถ โดยมีสายตาที่งุนงงและสงสัยของอี้ชิงมองมา

     

    ในหัวว่างเปล่า ผมไม่ได้สนใจเสียงอี้ชิงที่บอกทางไปเรื่อยๆและเสียงชวนคุยของซิ่วหมินสักนิด ตอนนี้คิดถึงแต่คำพูดของคนคนนั้น

     

    “ถ้าไม่ได้เป็นอะไรกันไม่จำเป็นก็ไม่ต้องโทรหาหรอกครับ นอกจากว่าจะมีอะไร....มากกว่านั้น”

     

    ผู้ชายคนนั้นรู้อะไร ต้องการอะไรกันแน่ ?

     

    CRY .q
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×