หวานใจนายลึกลับ
ฉัน "ฟ้า" สาวน้อยวัย 16 ที่ต้องมาเจอเรื่องราวที่แสนวุ่นวาย จนทำให้หัวใจต้องปั่นป่วนจนแทบระเบิด
ผู้เข้าชมรวม
46
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
ค่ำคืนนี้มันเงียบเหงาเกินไปสำหรับคนๆนึง
คนที่กำลังจะหมดสิ้นแล้วซึ่งหัวใจและความรู้สึก
ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการที่หยาดฝนสาดเทลงมาหยดแล้วหยดเล่าทำให้ความรู้สึกจมดิ่งลงสู่ขุมนรกลงไปเรื่อยๆราวกับมีแรงดึงดูดมหาศาลดึงลงไป
พอแล้วทุกอย่างที่ฉันได้รับมันเจ็บปวดเกินไป ฉันก้าวขึ้นบันไดทีละก้าวทีละก้าว
จนพาตัวเองมาอยู่ขอบของชั้นดาดฟ้าเมื่อไรไม่รู้
ฝนยังคงกระหน่ำทิ่มแทงร่างกายจนเปียกปอนและหนาวไปถึงหัวใจ เบื้องล่างของตึกสูง 15 ชั้น
ทำให้ทุกอย่างดูเล็กจิ๋วแต่มองเห็นอะไรได้กว้างขึ้น
แสงไฟตามทางและบ้านเรือนระยิบระยับเหมือนรอคอยให้ฉันลงไปหา อีกไม่นานหรอก ...
อีกไม่นาน
“นี่จะทำอะไรน่ะ!?” เสียงใครบางคนหันเหความสนใจของฉันออกจากพื้นเบื้องล่าง “ห้ามทำอะไรโง่ๆอย่างนั้นนะ”
เขาย้ำชัดเสียงแข็งเป็นเสียงที่ทุ้มหล่อดีแต่มันไม่ดีพอที่จะยื้อชีวิตให้นานขึ้นได้อีกแล้ว
ฉันก้าวขาออกไปจากตัวตึก ร่างตัวเองร่วงลงไปด้วยความเร็ว
เอ๊ะ!
หรือว่าความเร่งกันนะ วูบวาบดีเหมือนกันแต่ทุกอย่างมันกำลังจะจบตรงนี้แล้วล่ะ
ขอโทษนะคะ พ่อ แม่
“ม่ายยยย!!” เสียงของเขายังคงตามมาหลอกหลอนฉันจนวินาทีสุดท้ายในชีวิต
ถ้าชาติหน้ามีจริงหวังว่าคงจะได้เห็นหน้าของพ่อหนุ่มเสียงหล่อคนนี้นะ ลาก่อน...
ติ๊ด ... ติ๊ด ... ติ๊ด ...
นี่ฉันอยู่บนสวรรค์หรือนรกกันแน่นะ
คงเป็นนรกสินะก็ฉันมันทำให้พ่อแม่เสียใจนี่นา ว่าแต่นรกมันมืดจัง
แถมยังมีเสียงน่ารำคาญดังตลอดเลย เสียงมันคล้ายๆกับ ... อะไรบางอย่างนึกไม่ออก
ช่างมันเถอะทุกอย่างบนโลกมนุษย์จบแล้ว เหลือแต่ต้องมาชดใช้กรรมในนรกต่อก็เท่านั้น
“ฟ้า! ฟ้าลูกแม่” นั่นเสียงแม่นิ!
“คุณหมอลูกผมฟื้นแล้ว!” พ่อก็ด้วย ฉันยังไม่ตายหรอ ไม่จริง!?
ฉันค่อยๆเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้งออกแสงไฟเจิดจ้ากระทบกับตาทำให้ต้องหรี่ตาในทันที
ฉันกดเปลือกตาแน่นอีกครั้งแล้วค่อยๆคลายออก เหมือนจะรับแสงได้ดีขึ้นแต่มองเห็นอะไรพร่ามัวไปหมดเหมือนคนสายตาสั้น
ที่ด้านซ้ายมือนั้นแม้จะเห็นลางๆแต่ฉันก็จำเขาได้ดี ใบหน้าของหญิงวัย 37
ปีที่ฉันรู้จักและรักเขามากที่สุด “แม่”
“ฟ้า...” แม้เรียกชื่อฉันเสียงสั่นเครือ
ใบหน้าของแม่เริ่มแจ่มชัดขึ้นท่านดูทรุดโทรมไปมากจากที่เห็นครั้งสุดท้าย
การกระทำที่ไม่ยั้งคิดทำให้คนที่รักฉันต้องเป็นห่วงอยู่แบบนี้ น่าจะตกนรกหมกไหม้ให้ได้รู้สำนึกซะบ้าง
“ฟ้า” พ่อเดินมากับหมอคนหนึ่ง
“ผมขอดูอาการคนไข้สักนิดนะครับ” หมอคนนั้นเดินมาใกล้ๆ
ใช้มือซ้ายเปิดเปลือกตาของฉันให้กว้างขึ้น แล้วใช้ไฟฉายส่องมา
มันแสบตามาจริงๆจนทำให้ต้องหลับตาปี๋เลย เขาทำอีกข้างเช่นเดียวกัน
ทำไมมันแสบตามากกว่าทุกทีนะ “คงต้องให้อยู่ที่นี่สองสามวันเพื่อดูอาการอย่างละเอียด
ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติก็ให้กลับบ้านได้ครับ”
“ขอบคุณมากนะคะหมอ ขอบคุณจริงๆ” แม่ร้องไห้แล้วหันมากอดพ่อ
“ฟ้าลูกอย่าคิดว่าลูกไม่มีใคร ยังไงฟ้าก็ยังมีพ่อกับแม่นะลูก”
พ่อผละออกจากแม่แล้วท่านทั้งสองก็กอดฉันเอาไว้อย่างแผ่วเบา
น้ำตาแห่งความรู้สึกผิดไหลลงอาบแก้มอย่างมิอาจรั้งไว้ได้
“หนูขอโทษค่ะ” เสียงแหบพร่าเหมือนไม่ได้ดื่มน้ำมานาน นานจนเกือบลืมวิธีพูดไปแล้ว
ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทำเรื่องโง่เง่าแบบนั้นไปได้ยังไง
ทำให้คนที่ฉันรักและเขาก็รักฉันมากที่สุดเสียใจ
กับแค่ผู้ชายคนเดียวมันไม่มีค่าพอจะมาทำลายชีวิตของฉันได้
ต่อไม่มีนี้จะไม่มีอีกแล้ว ... ไม่มีวัน!
คืนนี้ฉันสมควรนอนคนเดียวเพราะทำให้พ่อกับแม่ลำบากมามากพอแล้ว
ให้ท่านได้กลับบ้านพักผ่อนบ้างเถอะ
ยังไงก็ยังมีพยาบาลที่จ้างมาพิเศษคอยดูแลฉันตลอด 24 ชั่วโมง เพียงแค่กดปุ่มที่อยู่ข้างเตียงนอน
คิดถูกเหลือเกินที่ให้พยาบาลเปิดม่านทิ้งไว้
เพราะท้องฟ้ายามราตรีในค่ำคืนนี้มันสุกสกาวระยิบระยับไปด้วยหมู่ดาว
กลุ่มดาวหนาแน่นคล้ายแถบสีขาวบางๆพาดผ่านหมู่ดาวระยิบระยับนั่นอีกที
นี่สินะที่เขาเรียกว่าทางช้างเผือก มันสวยงามและไม่เงียบเหงาเหมือนคืนนั้น
คืนที่ฉันคิดผิด และเป็นคืนที่ฉันได้ยินเสียงใครบางคนร้องห้ามเอาไว้
แกร๊ก!
เสียงลูกบิดประตูถูกหมุนได้เวลาที่จะต้องเช็ดตัวอีกแล้วหรอ
เพิ่งเช็ดไปเมื่อหัวค่ำนี่เองนะ
เขาค่อยๆปิดประตูแล้วล็อคมันก่อนจะเดินมาหาฉันอย่างช้าๆ
“เปิดไฟได้นะคะฉันยังไม่นอน”
น่าแปลกที่ร่างนั้นเหมือนไม่ได้สนใจคำพูดของฉันเลย มันยังคงเดินมาเรื่อยๆ
และน่าแปลกเพราะเงาที่ฉันเห็นมันสูงกว่าพยาบาลที่จ้างไว้นิ ร...หรือว่า!! “ก...”
ยังไม่ทันที่เสียงจะออกฝ่ามือที่ใหญ่แต่นุ่มก็มาปิดปากไว้
แต่ฉันยังไม่ยอมแพ้เลยดิ้นสุดชีวิตไม่รู้ว่าไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนคงเป็นอะดรีนาลินหลั่งล่ะมั้ง
“ชู่ววว~
จุ๊ๆ”
ไอ้บ้าไอ้โรคจิตใครจะเงียบให้แกทำอะไรฉันได้! “ใจเย็นๆก่อน
ฉันเอง” เขาพูดเสียงเบา และเสียงนั่น ...
ฉันจำเสียงเขาได้
“นี่จะทำอะไรน่ะ!?”
เสียงใครบางคนหันเหความสนใจของฉันออกจากพื้นเบื้องล่าง “ห้ามทำอะไรโง่ๆอย่างนั้นนะ”
เขาย้ำชัดเสียงแข็งเป็นเสียงที่ทุ้มหล่อดีแต่มันไม่ดีพอที่จะยื้อชีวิตให้นานขึ้นได้อีกแล้ว
ฉันก้าวขาออกไปจากตัวตึก
ร่างตัวเองร่วงลงไปด้วยความเร็ว เอ๊ะ! หรือว่าความเร่งกันนะ
วูบวาบดีเหมือนกันแต่ทุกอย่างมันกำลังจะจบตรงนี้แล้วล่ะ ขอโทษนะคะ พ่อ แม่
“ม่ายยยย!!”
ชายปริศนาปลดมือออกจากปากหลังจากที่อาการของฉันหายตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
ในเงามืดแบบนี้ทำให้ได้กลิ่นของเขาชัดเจน กลิ่นหอมๆคล้ายกับดอกไม้เมืองหนาวที่คุ้นเคย
“เธอรู้ได้ไงว่าฉันอยู่บนดาดฟ้าแล้วคิดจะฆ่าตัวตาย”
การยิงคำถามที่ตรงประเด็นทำให้เขาผงะเล็กน้อยแม้ในความมืดก็ยังรู้สึกได้
ชายหนุ่มลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียงดวงดาวนับล้านที่สว่างไสวบนท้องฟ้าทอแสงอ่อนๆเผยให้เห็นหน้าเขาได้ชัดเจน
ผมรองทรงปกติแต่กลับสวยงามด้วยสีผมดำขลับ ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลา สะอาดสะอ้าน
แต่งแต้มด้วยคิ้วดำเข้มที่สวยงามรับกับสันจมูกโด่งเป็นสัน
หน้าตาหล่อเหลาเหมือนหลุดมาจากภาพวาดกรีกโบราณ
นัยน์ตาสีฟ้าสดใสนั่นจ้องมาที่ฉันแต่ทำไมมันดูเศร้าสร้อยเหลือเกินนะ
“ฉันเฝ้ามองเธออยู่ตลอดไม่ว่าเธอจะทำอะไร
ที่ไหน กับใคร ฉันก็คอยตามดูเธออยู่ไม่ห่าง”
เสียงทุ้มนุ่มลึกหล่อเหลาไม่เปลี่ยนไปจากที่ฉันได้ยินเมื่อครั้งล่าสุด ...
และนั่นก็ครั้งแรกด้วย
“เธอเป็นพวกสต๊อกเกอร์โรคจิตหรอ”
“ป...เปล่า
ไม่ใช่แบบนั้น ฉันหมายถึงแอบดูเธออยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ไม่ได้ประสงค์ร้าย”
“ฮิๆ
ตลกจัง”
ภาษาของเขาเหมือนหลุดออกจากยุคหินแน่ะ
“เธอหัวเราะอะไรหรอ” สีหน้าของเขางุนงงยิ่งทำให้ตลกเข้าไปอีกนะ
“เธอพูดอะไรตลกจังเหมือนอยู่คนละยุคกับฉันเลย” เขายิ้มแหยๆ
ถ้าไม่มีใบหน้าที่หล่อราวกับเทพบุตรนั่นคงทำให้ยิ่งดูตลกมากไปกว่านี้แน่ๆ “แต่ยังไงก็ขอบคุณนะ”
“คือ...นับจากนี้ไปฉันจะมาหาเธอได้มั้ย”
เขากลอกตามองไปทางอื่นที่แก้มเริ่มสีชมพูระเรื่อทำให้ฉันเผลอยิ้มออกไป
“ได้สิทำไมจะไม่ได้ล่ะ” ฉันฉีกยิ้มให้กับท่าทีเคอะเขินของเขา
“ขอบคุณนะ” นัยน์ตาสีฟ้าของเขาจ้องมองฉันอีกครั้งดวงตาคู่นั้นดูสดใสขึ้นมาในทันที
“เธอชื่ออะไรหรอ
ส่วนฉันชื่อ...”
“ฉันชื่อดิน
และเธอชื่อฟ้า ฉันรู้จักเธอแล้ว”
วูบหนึ่งที่ใจของฉันกระตุกหลังจากได้เห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนของดินเป็นครั้งแรก “และฉันขอนะฟ้าอย่าทำอะไรบ้าๆแบบนั้นอีก”
น้ำเสียงของเขาเศร้าสร้อยดวงตาหลบมองลงไปด้านล่าง
“อื้ม
พอย้อนกลับไปคิดก็รู้ว่าตัวเองบ้าเหลือเกิน”
ใช่ชีวิตของฉันมีค่ามากกว่าผู้ชายโง่ๆคนนั้น
“บ้ามาก...เธอหลับไปเป็นเดือน
พ่อแม่เธอสวดมนต์อ้อนวอนภาวนาทุกวันให้เธอฟื้นขึ้นมา”
“ฉันเสียใจจริงๆ
มันจะไม่มีอีกแล้วล่ะ ว่าแต่...เธอมาหาฉันด้วยหรอ”
“ฉันเฝ้าดูอยู่เธอตลอด” เขายิ้มอีกครั้ง
ก่อนจะเอื้อมมือมาสัมผัสที่เส้นผมของฉันอย่างแผ่วเบา “ฟ้าควรจะพักผ่อนได้แล้วหลับซะนะ” จู่ๆความง่วงก็เข้าครอบงำๆ
เปลือกตาก็เกิดหนักอึ้งขึ้นมาเสียเฉยๆ เดี๋ยวสิฟ้าฉันยังอยากคุยกับเธออยู่เลยนะ
ภาพสุดท้ายก่อนที่ดวงตาจะปิดสนิทคือดวงหน้านั้นมองฉันอย่างอ่อนโยนและห่วงใย
แววตาของฟ้าในคืนนั้นยังแจ่มชัดภายในใจ
รอยยิ้มที่อ่อนโยนกับดวงตาเศร้าสร้อยที่มองมาคู่นั้น ทำเอารู้สึกหวั่นๆ ไม่น้อยแต่ก็ไม่ถึงขั้นชอบอะไรหรอกนะก็ฉันเพิ่งผิดหวังกับมันมาเองนี่
“น้องฟ้าคะได้เวลาตรวจร่างกายแล้วค่ะ”
พยาบาลสาวเดินมาพร้อมกับพ่อแม่สีหน้าของท่านดูปีติระคนตระหนกถึงแม้จะพยายามปิดบังยังไงความรู้สึกก็ยังส่งผ่านทางแววตา
พ่อค่อยๆพยุงฉันลงจากเตียงแล้วพาลงนั่งที่รถเข็น ท่านเข็นรถออกไปโดยมีเดินข้างๆและมีพยาบาลคอยตามหลัง
เรามาหยุดอยู่หน้าห้องตรวจก่อนที่แม่จะผลักประตูเปิดไว้แล้วให้พ่อเข็นรถฉันเข้าไป
พบคุณหมอคนเมื่อวานนั่งอ่านเอกสารอะไรบางอย่าง
เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าฉันแล้วยิ้มให้
“สีหน้าดูดีขึ้นนะครับน้องฟ้า” ฉันยิ้มตอบ
“เดี๋ยวหมอจะเอ๊กซ์เรย์สมองและแสกนสมองนะ”
ฉันพยักหน้าหงึกๆเป็นการตอบรับก่อนจะหันไปหาพ่อแม่พวกท่านส่งยิ้มหวานมาให้เป็นกำลังใจ
พยาบาลสาวพาฉันมาหยุดที่เครื่องอะไรก็ไม่รู้สิเครื่องใหญ่ๆ
มีอะไรคล้ายๆอุโมงค์ด้วยซึ่งอยู่ห้องถัดไป
บุรุษพยาบาลที่ประจำห้องนี้ช่วยพยุงฉันขึ้นไปจัดระเบียบท่าโดยให้ฉันนอนหงายพับแขนเก็บข้างลำตัวและหนีบขาให้ชิดกัน
“ไม่ต้องกลัวนะครับน้องฟ้านอนสบายๆไม่ต้องเกร็งนะ” คุณหมอยืนยันให้ฉันคลายกังวลแม้จะพูดแบบนั้นแต่มันก็เป็นการเข้าเครื่องนี่ครั้งแรกจึงยังไม่สามารถทำให้ร่างกายผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่
แต่เอาเถอะในเมื่ออยู่ในมือหมอเราก็ปลอดภัยจริงๆ ... ใช่มั้ย
ทุกอย่างใช้เวลาไม่นานก็เสร็จสิ้นบุรุษพยาบาลกับนางพยาบาลเข้ามาประคองร่างให้นั่งบนรถเข็นก่อนจะพาไปหาคุณหมอ
เขานั่งจ้องคอมพิวเตอร์อยู่สักครู่แล้วภาพที่มอนิเตอร์ขนาดใหญ่ถูกฉายโดยลิ้งก์มาจากคอมพิวเตอร์ของคุณหมอ
มันเป็นภาพสมองซึ่งฉันเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอกแต่เคยเห็นในหนังในละคร
พ่อกับแม่นั่งอยู่ที่โต๊ะมองมันอย่างวิตกไม่น้อยแต่พยายามฝืนเก็บมันไว้
“ก่อนหน้านี้ช่วงที่คนไข้ไม่ได้สตินั้นหมอเช็คดูแล้วคาดว่าคนไข้จะเป็นเจ้าหญิงนิทราหรือไม่ก็ความจำเสื่อมเนื่องจากสมองหลายส่วนได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงและมีบางจุดที่มีเลือดคั่ง
ผมทำการผ่าตัดอยู่หลายครั้งเพื่อระงับเลือดคั่งในสมอง แต่ตอนนี้เท่าที่ดูแล้วสมองของคนไข้ฟื้นฟูกลับสู่สภาวะปกติอย่างรวดเร็ว
น่าแปลกมากที่ตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้นแต่ร่างกายกลับได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย
สรุปคือสมองและร่างกายของน้องฟ้าสมบูรณ์เกือบ 100% แล้ว เหลือเพียงทำกายภาพอีกเล็กน้อยก็สามารถกลับบ้านได้ครับ”
“จริงหรอคะหมอ” แม่ย้ำกับคุณหมอ เขาพยักหน้ารับด้วยสีหน้ายินดี
น้ำตาไหลอาบสองแก้มของแม่ ท่านโผกอดฉันอย่างแนบแน่นเพราะนี่เป็นกอดแรกหลังจากที่ไม่ได้กอดฉันเป็นเดือน
ฉันพยายามยกแขนอันไร้เรี่ยวแรงกอดแม่อยากกระชับให้แน่นกว่านี้แต่ทำไม่ได้น้ำตาหลั่งไหลลงบนบ่าของแม่เท่านั้น
“ขอบคุณมากนะครับหมอ
ขอบคุณจริงๆ” ถึงพ่อจะไม่แสดงออกทางสีหน้า
แต่น้ำเสียงสั่นเครือก็บอกทุกอย่างว่าเขาดีใจจนเก็บไว้ไม่อยู่ ปกติแล้วพ่อจะไม่แสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นเพราะท่านต้องทำงานบริษัทที่ตัวเองเป็นเจ้าของมีลูกน้องมากมายหลายพันคนท่านจึงต้องมีความเด็ดขาดเข้มงวด
หลังจากที่ฟังคุณหมอพูดเสร็จพ่อกับแม่ก็พาฉันกลับไปที่ห้องพักของตัวเองโดยมีพยาบาลเดินตามมาเหมือนเดิม
เมื่อถึงเตียงเธอกับพ่อก็ช่วยกันพยุงร่างฉันขึ้นไปนอนพยาบาลสาวปรับเตียงส่วนแผ่นหลังให้สูงขึ้นจนเป็นท่านั่ง
“เดี๋ยวจะทำการกายภาพบำบัดให้กับคนไข้นะคะ
เดี๋ยวดิฉันจะทำให้ดูเบื้องต้นนะคะสามารถนำไปบำบัดต่อได้ที่บ้านหลังจากออกโรงพยาบาลค่ะ” นางพยาบาลเดินมาที่ด้านขวามือประคองแขนฉันขึ้น
ขยับขึ้นลงช้าๆ
มันไม่ได้เหมือนคนเป็นอัมพาตซะทีเดียวนะยังมีความรู้สึกเมื่อมีคนมาสัมผัสโดนแต่แค่ไม่มีแรงจะขยับไปไหนมาไหน
ให้เปรียบความไร้เรี่ยวแรงก็คล้ายกับตอนเราเป็นเหน็บที่ขาแล้วมันจะรู้สึกจั๊กจี้จนไม่มีแรงยังไงอย่างงั้น
นางพยาบาลยังสอนพ่อแม่ทำกายภาพอยู่เปลี่ยนจากมือขวาไปมือซ้ายเปลี่ยนจากมือซ้ายไปขาซ้ายและสุดท้ายก็มาจบที่ขาขวา
พ่อเริ่มเป็นคนทำก่อนทำเหมือนที่นางพยาบาลสอนและแม่ทำเป็นคนสุดท้าย
ยิ่งเห็นภาพแบบนี้น้ำตาฉันมันก็เอ่อล้นขึ้นมายิ่งทำให้รู้ว่าตัวเองเป็นลูกที่เลวแค่ไหนในเดือนก่อน
ฉันกล้าทำร้ายคนที่ฉันรักและเขาก็รักฉันได้ยังไง หนูเสียใจจริงๆค่ะ พ่อ...แม่
คืนนี้ดวงดาวยังทอแสงอยู่เต็มท้องฟ้าเหมือนเคยและเป็นอีกหนึ่งคืนที่ฉันนอนคนเดียวเพราะพ่อแม่ของฉันต้องทำงานไหนยังจะต้องมาดูแลฉันอีก
ฉันอยากให้ท่านได้พักผ่อนมากๆ ไม่รู้ทำไมฉันแอบหวังจะได้เห็นดินอีกครั้งในค่ำคืนนี้
อยากพบดวงตาสีฟ้าเศร้าคู่นั้น
อยากเห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนที่มีให้กันในวันที่ฉันอ่อนแอ
แกร๊ก!
เมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตูร่างกายกลับตื่นตัว
เลือดในกายสูบฉีดอย่างไม่น่าเชื่อ ทำไมจิตใจของฉันมันกระวนกระวายได้ขนาดนี้
ประตูเปิดออกแล้ว แต่ ... ไฟก็ถูกเปิดด้วยเช่นกัน
“เช็ดตัวหน่อยนะคะน้องฟ้า” นางพยาบาลนำผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดตามผิวกาย
ทำไมฉันต้องรู้สึกผิดหวังด้วยนะ
“เอ่อ...พี่พยาบาลคะ”
“ว่าไงคะ”
“หนูอยากรู้ว่าที่โรงพยาบาลมีคนไข้ชื่อดินรึเปล่าคะ”
“ดินไหนคะ
ถ้าเป็นน้องดินที่เป็นเด็กผู้หญิง 10 ขวบก็มีนะคะมีอะไรรึเปล่าน้องฟ้า”
“อ...เอ่อ...เปล่าค่ะ
ไม่มีอะไร” ฉันยิ้มแหยๆให้นางพยาบาล
เธอยิ้มตอบกลับแบบไม่สงสัยอะไร อาจจะคิดว่าฉันกำลังเพี้ยนเพราะพิษไข้ หรือได้รับการกระแทกอย่างหนักที่สมองก็ได้
“เช็ดตัวเสร็จแล้วนะคะ
แล้วก็พักผ่อนได้แล้วนะคะน้องฟ้า”
“ค่ะ”
พยาบาลสาวฉีกยิ้มให้ฉันอีกครั้งก่อนจะเก็บข้าวของที่นำเข้ามากลับออกไป...ดินคืนนี้เธอจะไม่มาจริงๆ
หรอ
คิดไม่ทันขาดคำเสียงลูกบิดก็ถูกบิดออกอีกครั้ง
เงาของชายร่างสูงโปร่งเดินเข้ามา ย่ามกรายผ่านความมืดตรงมาหาฉันด้วยความเงียบ
รู้ได้ทันทีว่าต้องเป็นคนที่ฉันรอคอยแน่ๆ
ริมฝีปากเรียวเล็กอมชมพูยิ้มกว้างมาแต่ไกล ก่อนที่แสงจากภายนอกจะส่องให้เห็นดวงตาสีฟ้าเศร้าสร้อยคู่นั้น
“ขอโทษนะที่มาช้า
ฉันตั้งใจว่าจะเข้ามาหาเธอตั้งแต่เมื่อกี้แล้วแต่พี่พยาบาลเข้ามาซะก่อน” ดินอธิบายก่อนจะหยิบเก้าอี้มานั่งข้างๆ
“ไม่เป็นไร
ทำไมเธอไม่เข้ามาพร้อมพี่พยาบาลเลยล่ะ”
“ฉันไม่ให้ใครเห็นนอกจากเธอ” เขากระตุกมุมปากขึ้นเป็นยิ้มอบอุ่นที่พอดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน
อ่าวไม่ใช่และ “เธอเป็นไงบ้าง”
“อีกวันสองวันก็กลับบ้านได้แล้วแหละ
เหลือแต่ทำกายภาพบำบัดให้กลับมาเดินได้อีกครั้งน่ะ”
“ฉันช่วยนะ” เขาบีบหนวดแขนอย่างเบามือ
ขยับแขนขึ้นลงเหมือนที่ทำตอนบ่ายแต่กลับรู้สึกเหมือนมีพละกำลังมากขึ้น “ดีขึ้นมั้ย”
ฉันพยักหน้ารับเขาวางแขนฉันลงที่ข้างลำตัว
“งั้นลองยกแขนขึ้นเองได้มั้ย”
แขนมันหนักจริงๆ ไม่ใช่เพราะฉันอ้วน
แต่เป็นเพราะกล้ามเนื้อไม่มีแรงพอจะขยับได้ดั่งใจคิด
ฟ้าเอามือมาแตะที่แขนเบาๆเพียงครู่เดียวแขนของฉันก็เบาขึ้นอย่างน่าประหลาด
มันขยับได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม
“ทำได้แล้ว! ฉันทำได้แล้ว!”
“พยายามดีมากเลย”
ดินยังคงทำแบบนี้กับแขนอีกข้างเขาพยายามช่วยฉันซึ่งก็น่าแปลก
ทุกครั้งที่เขาช่วยและเราสัมผัสกันเหมือนมีมนต์อะไรบางที่ทำให้ฉันรู้สึกดีและแข็งแรงขึ้น
เราใช้เวลาเกือบทั้งคืนในการบำบัดร่างกายของฉันให้สามารถเดินเหินได้
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเดินได้คล่องแคล่วเหมือนแต่ก่อน
ก็อย่างว่าและนะมันต้องใช้เวลาพอสมควร
“ฟ้า
ค่อยๆเดินมา จะถึงแล้ว อีกนิดเดียว” ดินอยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว
ฉันต้องทำได้ ต้องทำให้ได้ “ถึงแล้ว!” ดินรี่เข้ามาประคองฉัน
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะผ่านมันมาได้ ขอบคุณนะ
ฉันเงยหน้ามองชายที่อยู่ตรงหน้า
ในยามนี้ดวงดาวช่างงดงามเหลือเกิน แสงสว่างอ่อนๆนับล้านดวงที่สุกสกาวอยู่บนท้องฟ้ามืดดำแสงของมันสาดส่องลงมาผ่านหน้าต่างโดยมีชายหญิงคู่หนึ่งจ้องมองกัน
นัยน์ตาของคนทั้งคู่ระยิบระยับเป็นประกาย ดวงหน้าของชายหนุ่มเขยิบเข้าหาใบหน้าอันอ่อนหวานของหญิงสาว
จนริมฝีปากของเขาสัมผัสกับริมฝีปากอันอ่อนหนุ่มของเธออย่างแผ่วเบา
หัวใจของคนทั้งคู่สั่นคลอนไม่เป็นจังหวะ คล้ายกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังก่อเกิดระหว่างคนแปลกหน้าทั้งสองคนซะแล้ว
ผลงานอื่นๆ ของ TheLittL3z ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ TheLittL3z
ความคิดเห็น