ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3
“เร็วๆซิครับลุง” เก่งกล่าวเร่งลุงคนขับรถแท็กซี่ที่ตนกับเวทโดยสารมาด้วย พวกเขาทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล D เนื่องจากมีโทรศัพท์จากทางบ้านของเก่ง บอกว่าพ่อและแม่ของเขาที่เป็นนักธุรกิจ  ได้ประสบอุบัติเหตุ รถยนต์พลิกคว่ำ และตอนนี้ได้เข้ารับการรักษาในห้อง ไอ ซี ยู ของโรงพยาบาล D
    แล้วในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล D
    ณ หน้าห้อง ไอ.ซี.ยู.โรงพยาบาล D
    “เจน คุณพ่อ กับคุณแม่เป็นไงมั่ง”เก่งกล่าวถามอาการของพ่อและแม่จากน้องสาวที่มาถึงก่อน ทันทีที่มาถึงหน้าห้อง ไอ ซี ยู
    “คุณหมอ ยังไม่ออกมาเลยค่ะ” เจนตอบด้วยหน้าตาเศร้าๆ
    “แล้วอาโรจน์ล่ะ”เก่งกล่าวถามเจน เมื่อไม่เห็นคนที่โทรไปบอกเขา
    “คุณอาออกไปทำธุระข้างนอกค่ะ” เจนกล่าวตอบ สีหน้าเธอยังคงเศร้าอยู่เช่นเดิม แล้วในขณะนั้นเอง ก็มีคุณหมอเดินออกมาจากห้อง ไอ ซี ยู
    “ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ เรารั้งชีวิตพวกเค้าไว้ไม่ทันจริงๆ”หมอคนนั้นกล่าวก่อนจะเดินจากไปและตอนนั้นเองที่น้ำตาของเก่งและน้องสาวของเขาก็เอ่อล้นออกมา
    เวททำท่าจะเข้าไปปลอบ แต่ไม่รู้จะปลอบยังไง เขาจึงปล่อยสองคนนั้นให้ร้องต่อไป เพราะเขาคิดว่าดีกว่าที่จะให้เก็บเอาไว้ในใจ
    แล้วครู่หนึ่งบุรุษพยาบาลก็เลื่อนเตียงที่มีศพที่คลุมหน้าไว้ออกมา และความรู้สึกแปลกๆ ก็เกิดขึ้นกับเวท
    “เก่ง นายมีพ่อแม่ 5 คนเลยเหรอ”เวทกล่าวถามทันทีที่เห็นว่ามีศพ ที่ถูกพาออกมาถึง 5 ศพ
    “หา นายว่าอะไรนะ”เก่งซึ่งยังคงเศร้าอยู่กับการจากไป ของผู้เป็นพ่อและแม่ เอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของเวท เพื่อนซี้ของตน
    “ก็ ชั้น ถามว่าพ่อกับแม่นายมี 5 คนเลยเหรอ”เวทกล่าวถามซ้ำ
    “พ่อแม่ชั้นก็ 2 คนน่ะซิ”เก่งกล่าว
    “งั้นทำไมมีศพ 5 ศพล่ะ”เวทกล่าว ซึ่งนั้นก็ทำให้เก่งต้องเบนสายตามองดู แล้วก็พบว่า มีศพ 5 ศพ ดั่งที่เพื่อนเขาว่าจริงๆ
    เก่งเดินเข้าไปที่เตียงนั้น แล้วบุรุษพยาบาลก็ถามขึ้น
    “ คุณเป็นเพื่อนของผู้ตายใช่มั้ยครับ เอ่อ ผมเสียใจด้วยจริงๆนะครับ”
    ‘เพื่อนของผู้ตายเหรอ’เก่งคิด แล้วในขณะนั้นเองที่มีเตียงคนไข้เข็นออกมาอีก 2 เตียง
    “ใครเป็นญาติคนไข้ครับ”บุรุษพยาบาล 1 ใน 2 คนที่เพิ่งเข็นเตียงคนไข้กล่าวถาม
    “คุณพ่อ” เก่งกล่าวทันทีที่เห็น คนที่นอนอยู่บนเตียง คนๆนั้นคือคนที่เขาคิดว่าตายไปแล้ว ถ้านั่นเป็นพ่อของเขาก็แสดงว่าอีกเตียงต้องเป็นแม่ของเขาแน่ งั้นศพบน 5 เตียง นี้ล่ะเป็นของใคร
   
    30 นาทีผ่านไป ตอนนี้พ่อและแม่ของเก่งได้ถูกย้ายมาอยู่ในห้องพิเศษของโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ห้องนี้มีเตียงสำหรับผู้ป่วย 2 เตียง และมีโซฟาที่ใหญ่พอจะให้คนนอนได้ 1 ตัว
    คุณพ่อได้รับบาดเจ็บ ตรงส่วนหัวซึ่งกระแทกพวงมาลัยรถ คุณหมอจึงให้เฝ้าดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาล 2- 3วันแล้วถ้าไม่มีอะไรแทรกซ้อน หรืออาการร้ายๆตามมาก็คงให้กลับบ้านได้ ส่วนคุณแม่ ท่านมีแผลฟกช้ำตามลำตัว แต่คุณหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมากและก็คงจะกลับได้ก่อนคุณพ่อ
    “อ้าว เก่ง ลูกต้องไปเตรียมการแสดงไม่ใช่เหรอ” คุณแม่กล่าวถามเก่งที่นั่งอยู่บนโซฟาโดยที่มีเจนน้องสาวของเขาและเวทเพื่อนของเขาขนาบข้าง
    “ไม่เป็นไรหรอกฮะแม่ ผมกับเวทซ้อมกันเต็มที่แล้ว”เก่งกล่าวบอกเพื่อให้แม่ของเขาสบายใจ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วละครชมรมของเขายังไม่คืบหน้าไปไหนเลย
    “อย่าโกหกเลยเก่ง แม่รู้ว่างานละครของลูกยังไม่คืบหน้า กลับไปซ้อมต่อเถอะลูก”แม่ของเก่งกล่าวเหมือนกับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจของลูกชาย
    “นั่นซิ เก่ง กลับไปซ้อมละครกับเพื่อนๆเถอะ”พ่อของเก่งกล่าวเสริม
    “แต่....”เก่งกำลังจะกล่าวแต่ก็ถูกแย้งด้วยคำพูดของพ่อเขาอีก
    “อย่าให้เรื่องของคนๆเดียวทำร้ายเรื่องของส่วนรวมซิลูก”พ่อของเขากล่าว ซึ่งนั่นก็ทำให้เก่งต้องยอมจำนน
    “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนจะมีคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง
    “อาโรจน์”เก่งกล่าวทันทีที่เห็นตัวของผู้ที่เดินเข้ามา
    ชายหนุ่มในชุดตำรวจส่งรอยยิ้มให้เก่งก่อนจะเดินไปที่ข้างเตียงคนไข้ ก่อนจะวางกระเช้าผลไม้ลงบนโต๊ะข้างๆเตียง
    “พี่การณ์เป็นยังไงบ้างครับ”อาโรจน์กล่าวถามพ่อของเก่ง
    “ก็ไม่เป็นอะไรมากหรอกน่ะ”พ่อของเก่งกล่าวตอบ
    “แล้วพี่หมิงล่ะครับ”อาโรจน์กล่าวถามอีกครั้งพร้อมกับหันหน้าไปที่เตียงที่แม่ของเก่งนอนอยู่
    “ก็ไม่เป็นอะไรมากเหมือนกันแหละจ้ะ”แม่ของเก่งกล่าวตอบ
    “เหรอครับ”อาโรจน์กล่าว ก่อนจะครุ่นคิดอะไรอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันหน้าไปมองเก่งแล้วกล่าวว่า “เก่ง พวกหลานทานอะไรรึยังล่ะ”
    “อ๋อ ยังเลยค่ะ อา”เจนน้องสาวของเก่งวัย 15 ปีเป็นคนกล่าวตอบ
    “งั้นไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวอาจะอยู่เฝ้า พ่อกับแม่ของหลานเอง”อาโรจน์กล่าว
    “แล้วคุณอาไม่ต้องเข้าเวรเหรอครับ”เก่งกล่าวถาม เพราะเขาคิดว่าอาโรจน์ที่เป็นตำรวจน่าจะอยู่เวรนี่นา
    “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกวันนี้อาลาไว้แล้วน่ะ”อาโรจน์กล่าว “พวกหลานไปทานข้าวกันเถอะ”
    “งั้นก็ได้ครับ เอ้า เวท ยัยเจนออกไปหาอะไรกินกัน”เก่งกล่าวก่อนจะเดินนำเพื่อนและน้องสาวของตนออกไปนอกห้อง
    พวกเขาเดินออกมาไกลจากหน้าห้องได้ครู่หนึ่ง ก็เดินสวนกับคนๆหนึ่ง ก่อนจะเกิดสายลมพัดผ่าน สายลมที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในช่องทางเดินหน้าห้องพักแบบนี้
    ‘ลมมาจากไหนวะ’เก่งคิดก่อนจะหันไปมองหาสิ่งที่ทำให้เกิดลม แต่กลับไม่พบ แต่แล้วจู่ๆสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่กับคนๆนั้นที่เพิ่งเดินผ่านตัวเขาไป
    ในขณะนั้นเก่งรู้สึกเหมือนเวลาหยุดนิ่ง
    ‘เขาเป็นใครกัน’เก่งคิด เขารู้สึกคุ้นเคยกับคนผู้นี้มาก แต่เขาคงไม่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นใครจนกว่าจะได้เห็นหน้า
    “เฮ้ย ลมหยุดแล้วนี่ เดินต่อไป กันเถอะ”เวทที่เห็นว่าลมที่พัดผ่านได้หยุดลงแล้วกล่าวออกมา แต่แล้วเขาก็พบกับสิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจ
    “พี่เก่ง หายไปไหนกันคะ”เจนเป็นคนกล่าวขึ้น ถึงสิ่งที่เวทสงสัย ใช่แล้วเก่งหายตัวไป หายตัวไปพร้อมกับสายลมที่พัดผ่าน แต่เขาหายไปไหนกันล่ะ
    *********************************
    อีกด้านหนึ่ง
    “จะเดินไปไหนกันนะ”เก่งกล่าวกับตัวเองขณะกำลังเดินตาม คนๆนั้นไป ดูเหมือนเขาจะใจจดใจจ่ออยู่กับการติดตามชายคนนั้นจนลืมเพื่อนและน้องสาวของเขาไปเลย
    เก่งเดินตามไปอีกครู่หนึ่ง คนๆนั้นก็หยุดที่หน้าห้องพักที่เก่งเคยเข้าไปแล้ว มันเป็นห้องพักของพ่อและแม่ของเขา
    “เฮ้ เดี๋ยวนายหยุดก่อน” เก่งกล่าวออกมา เมื่อเห็นว่า คนๆนั้นจะเดินจากไป แต่
    “วูบบบบบบบบบ”สายลมที่ไม่มีต้นลมก็พัดเขามาอีกครั้งพร้อมกับแสง แสงสว่างที่จ้าพอที่ทำให้เก่ง ต้องยกมือขึ้นบังหน้า แล้วเมื่อสายลมหยุดพัด
    “หายไปแล้ว”เก่งกล่าวเมื่อพบว่าคนที่เขากำลังตามอยู่ได้หายไปแล้ว แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงคนพูดดังออกมาจากในห้อง
    “ตอนนี้พวกพี่สืบ เรื่องอะไรอยู่กันแน่ครับ”เสียงนั้นกล่าว ซึ่งนั่นก็ทำให้เก่งรู้ทันทีว่าคนพูดคือใคร
    ‘เสียงของอาโรจน์’เก่งคิดเมื่อได้ยินเสียงนั้น แต่เขาพูดอะไรกันนะ สืบเหรอ สืบอะไรกัน
    “สืบอะไร โรจน์ เธอก็รู้ว่าพวกพี่เป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่นักสืบจะได้ไปสืบหาอะไร”เสียงนี้เป็นเสียงพ่อของเก่ง
    “อย่า หลอกผมพี่ ก็ถ้าพี่ไม่ได้ไปสืบอะไรอยู่ หรือเข้าไปพัวพันกับอะไรอยู่ แล้วรถของพี่จะถูกตัดสายเบรคทำไมกัน”เสียงของอาโรจน์กล่าวอย่างหนักแน่น และด้วยเนื้อความที่กล่าว ก็ทำให้เก่งเกิดความฉงน
    ‘รถของคุณพ่อถูกตัดสายเบรค’ เก่งคิดในใจ แต่ทำไมล่ะทำไมต้องถูกตัดสายเบรค
    “เป็นอย่างที่ชั้นคิดจริงๆ”เสียงพ่อของเก่งกล่าวอย่างยอมรับ
    “กรุณาบอกผมหน่อยเหอะว่า พวกพี่กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ท่านอดีตหัวหน้าและรองหัวหน้ากรมสอบสวน”เสียงอาโรจน์กล่าวอย่างหนักแน่นอีกครั้ง และครั้งนี้ก็สร้างคำถามในใจของเก่งเพิ่มเข้าไปอีก
    ‘อดีตหัวหน้ากับรองหัวหน้ากรมสอบสวนเหรอ มันอะไรกันเนี่ย ใครเป็นกัน อาโรจน์กำลังพูดกับคุณพ่อคุณแม่ หรือว่าคือพวกท่าน’คำถามเหล่านี้กำลังท่วมหัวเขา
    “อย่าเรียกพี่แบบนั้นอีก โรจน์”เสียงพ่อของเก่งกล่าว “โอเคพี่ยอมบอกเธอก็ได้ ใช่ตอนนี้พี่กำลังสืบเรื่องๆหนึ่งอยู่”
    “แล้วมันเรื่องอะไรล่ะครับ ถึงต้องมีการลอบฆ่ากันแบบนี้ด้วย”เสียงอาโรจน์กล่าวถามอีกครั้ง
    “องค์กรค้าอาวุธชีวภาพและค้นคว้าเรื่องพลังจิต กลุ่มนักฆ่า D.E.T”เสียงแม่ของเก่งกล่าว
***********************************************************
D.E.T คืออะไรกันนะ คนเขียนเรื่องเวียนศีรษะแล้ว
       
    แล้วในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล D
    ณ หน้าห้อง ไอ.ซี.ยู.โรงพยาบาล D
    “เจน คุณพ่อ กับคุณแม่เป็นไงมั่ง”เก่งกล่าวถามอาการของพ่อและแม่จากน้องสาวที่มาถึงก่อน ทันทีที่มาถึงหน้าห้อง ไอ ซี ยู
    “คุณหมอ ยังไม่ออกมาเลยค่ะ” เจนตอบด้วยหน้าตาเศร้าๆ
    “แล้วอาโรจน์ล่ะ”เก่งกล่าวถามเจน เมื่อไม่เห็นคนที่โทรไปบอกเขา
    “คุณอาออกไปทำธุระข้างนอกค่ะ” เจนกล่าวตอบ สีหน้าเธอยังคงเศร้าอยู่เช่นเดิม แล้วในขณะนั้นเอง ก็มีคุณหมอเดินออกมาจากห้อง ไอ ซี ยู
    “ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ เรารั้งชีวิตพวกเค้าไว้ไม่ทันจริงๆ”หมอคนนั้นกล่าวก่อนจะเดินจากไปและตอนนั้นเองที่น้ำตาของเก่งและน้องสาวของเขาก็เอ่อล้นออกมา
    เวททำท่าจะเข้าไปปลอบ แต่ไม่รู้จะปลอบยังไง เขาจึงปล่อยสองคนนั้นให้ร้องต่อไป เพราะเขาคิดว่าดีกว่าที่จะให้เก็บเอาไว้ในใจ
    แล้วครู่หนึ่งบุรุษพยาบาลก็เลื่อนเตียงที่มีศพที่คลุมหน้าไว้ออกมา และความรู้สึกแปลกๆ ก็เกิดขึ้นกับเวท
    “เก่ง นายมีพ่อแม่ 5 คนเลยเหรอ”เวทกล่าวถามทันทีที่เห็นว่ามีศพ ที่ถูกพาออกมาถึง 5 ศพ
    “หา นายว่าอะไรนะ”เก่งซึ่งยังคงเศร้าอยู่กับการจากไป ของผู้เป็นพ่อและแม่ เอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของเวท เพื่อนซี้ของตน
    “ก็ ชั้น ถามว่าพ่อกับแม่นายมี 5 คนเลยเหรอ”เวทกล่าวถามซ้ำ
    “พ่อแม่ชั้นก็ 2 คนน่ะซิ”เก่งกล่าว
    “งั้นทำไมมีศพ 5 ศพล่ะ”เวทกล่าว ซึ่งนั้นก็ทำให้เก่งต้องเบนสายตามองดู แล้วก็พบว่า มีศพ 5 ศพ ดั่งที่เพื่อนเขาว่าจริงๆ
    เก่งเดินเข้าไปที่เตียงนั้น แล้วบุรุษพยาบาลก็ถามขึ้น
    “ คุณเป็นเพื่อนของผู้ตายใช่มั้ยครับ เอ่อ ผมเสียใจด้วยจริงๆนะครับ”
    ‘เพื่อนของผู้ตายเหรอ’เก่งคิด แล้วในขณะนั้นเองที่มีเตียงคนไข้เข็นออกมาอีก 2 เตียง
    “ใครเป็นญาติคนไข้ครับ”บุรุษพยาบาล 1 ใน 2 คนที่เพิ่งเข็นเตียงคนไข้กล่าวถาม
    “คุณพ่อ” เก่งกล่าวทันทีที่เห็น คนที่นอนอยู่บนเตียง คนๆนั้นคือคนที่เขาคิดว่าตายไปแล้ว ถ้านั่นเป็นพ่อของเขาก็แสดงว่าอีกเตียงต้องเป็นแม่ของเขาแน่ งั้นศพบน 5 เตียง นี้ล่ะเป็นของใคร
   
    30 นาทีผ่านไป ตอนนี้พ่อและแม่ของเก่งได้ถูกย้ายมาอยู่ในห้องพิเศษของโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ห้องนี้มีเตียงสำหรับผู้ป่วย 2 เตียง และมีโซฟาที่ใหญ่พอจะให้คนนอนได้ 1 ตัว
    คุณพ่อได้รับบาดเจ็บ ตรงส่วนหัวซึ่งกระแทกพวงมาลัยรถ คุณหมอจึงให้เฝ้าดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาล 2- 3วันแล้วถ้าไม่มีอะไรแทรกซ้อน หรืออาการร้ายๆตามมาก็คงให้กลับบ้านได้ ส่วนคุณแม่ ท่านมีแผลฟกช้ำตามลำตัว แต่คุณหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมากและก็คงจะกลับได้ก่อนคุณพ่อ
    “อ้าว เก่ง ลูกต้องไปเตรียมการแสดงไม่ใช่เหรอ” คุณแม่กล่าวถามเก่งที่นั่งอยู่บนโซฟาโดยที่มีเจนน้องสาวของเขาและเวทเพื่อนของเขาขนาบข้าง
    “ไม่เป็นไรหรอกฮะแม่ ผมกับเวทซ้อมกันเต็มที่แล้ว”เก่งกล่าวบอกเพื่อให้แม่ของเขาสบายใจ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วละครชมรมของเขายังไม่คืบหน้าไปไหนเลย
    “อย่าโกหกเลยเก่ง แม่รู้ว่างานละครของลูกยังไม่คืบหน้า กลับไปซ้อมต่อเถอะลูก”แม่ของเก่งกล่าวเหมือนกับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจของลูกชาย
    “นั่นซิ เก่ง กลับไปซ้อมละครกับเพื่อนๆเถอะ”พ่อของเก่งกล่าวเสริม
    “แต่....”เก่งกำลังจะกล่าวแต่ก็ถูกแย้งด้วยคำพูดของพ่อเขาอีก
    “อย่าให้เรื่องของคนๆเดียวทำร้ายเรื่องของส่วนรวมซิลูก”พ่อของเขากล่าว ซึ่งนั่นก็ทำให้เก่งต้องยอมจำนน
    “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนจะมีคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง
    “อาโรจน์”เก่งกล่าวทันทีที่เห็นตัวของผู้ที่เดินเข้ามา
    ชายหนุ่มในชุดตำรวจส่งรอยยิ้มให้เก่งก่อนจะเดินไปที่ข้างเตียงคนไข้ ก่อนจะวางกระเช้าผลไม้ลงบนโต๊ะข้างๆเตียง
    “พี่การณ์เป็นยังไงบ้างครับ”อาโรจน์กล่าวถามพ่อของเก่ง
    “ก็ไม่เป็นอะไรมากหรอกน่ะ”พ่อของเก่งกล่าวตอบ
    “แล้วพี่หมิงล่ะครับ”อาโรจน์กล่าวถามอีกครั้งพร้อมกับหันหน้าไปที่เตียงที่แม่ของเก่งนอนอยู่
    “ก็ไม่เป็นอะไรมากเหมือนกันแหละจ้ะ”แม่ของเก่งกล่าวตอบ
    “เหรอครับ”อาโรจน์กล่าว ก่อนจะครุ่นคิดอะไรอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันหน้าไปมองเก่งแล้วกล่าวว่า “เก่ง พวกหลานทานอะไรรึยังล่ะ”
    “อ๋อ ยังเลยค่ะ อา”เจนน้องสาวของเก่งวัย 15 ปีเป็นคนกล่าวตอบ
    “งั้นไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวอาจะอยู่เฝ้า พ่อกับแม่ของหลานเอง”อาโรจน์กล่าว
    “แล้วคุณอาไม่ต้องเข้าเวรเหรอครับ”เก่งกล่าวถาม เพราะเขาคิดว่าอาโรจน์ที่เป็นตำรวจน่าจะอยู่เวรนี่นา
    “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกวันนี้อาลาไว้แล้วน่ะ”อาโรจน์กล่าว “พวกหลานไปทานข้าวกันเถอะ”
    “งั้นก็ได้ครับ เอ้า เวท ยัยเจนออกไปหาอะไรกินกัน”เก่งกล่าวก่อนจะเดินนำเพื่อนและน้องสาวของตนออกไปนอกห้อง
    พวกเขาเดินออกมาไกลจากหน้าห้องได้ครู่หนึ่ง ก็เดินสวนกับคนๆหนึ่ง ก่อนจะเกิดสายลมพัดผ่าน สายลมที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในช่องทางเดินหน้าห้องพักแบบนี้
    ‘ลมมาจากไหนวะ’เก่งคิดก่อนจะหันไปมองหาสิ่งที่ทำให้เกิดลม แต่กลับไม่พบ แต่แล้วจู่ๆสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่กับคนๆนั้นที่เพิ่งเดินผ่านตัวเขาไป
    ในขณะนั้นเก่งรู้สึกเหมือนเวลาหยุดนิ่ง
    ‘เขาเป็นใครกัน’เก่งคิด เขารู้สึกคุ้นเคยกับคนผู้นี้มาก แต่เขาคงไม่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นใครจนกว่าจะได้เห็นหน้า
    “เฮ้ย ลมหยุดแล้วนี่ เดินต่อไป กันเถอะ”เวทที่เห็นว่าลมที่พัดผ่านได้หยุดลงแล้วกล่าวออกมา แต่แล้วเขาก็พบกับสิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจ
    “พี่เก่ง หายไปไหนกันคะ”เจนเป็นคนกล่าวขึ้น ถึงสิ่งที่เวทสงสัย ใช่แล้วเก่งหายตัวไป หายตัวไปพร้อมกับสายลมที่พัดผ่าน แต่เขาหายไปไหนกันล่ะ
    *********************************
    อีกด้านหนึ่ง
    “จะเดินไปไหนกันนะ”เก่งกล่าวกับตัวเองขณะกำลังเดินตาม คนๆนั้นไป ดูเหมือนเขาจะใจจดใจจ่ออยู่กับการติดตามชายคนนั้นจนลืมเพื่อนและน้องสาวของเขาไปเลย
    เก่งเดินตามไปอีกครู่หนึ่ง คนๆนั้นก็หยุดที่หน้าห้องพักที่เก่งเคยเข้าไปแล้ว มันเป็นห้องพักของพ่อและแม่ของเขา
    “เฮ้ เดี๋ยวนายหยุดก่อน” เก่งกล่าวออกมา เมื่อเห็นว่า คนๆนั้นจะเดินจากไป แต่
    “วูบบบบบบบบบ”สายลมที่ไม่มีต้นลมก็พัดเขามาอีกครั้งพร้อมกับแสง แสงสว่างที่จ้าพอที่ทำให้เก่ง ต้องยกมือขึ้นบังหน้า แล้วเมื่อสายลมหยุดพัด
    “หายไปแล้ว”เก่งกล่าวเมื่อพบว่าคนที่เขากำลังตามอยู่ได้หายไปแล้ว แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงคนพูดดังออกมาจากในห้อง
    “ตอนนี้พวกพี่สืบ เรื่องอะไรอยู่กันแน่ครับ”เสียงนั้นกล่าว ซึ่งนั่นก็ทำให้เก่งรู้ทันทีว่าคนพูดคือใคร
    ‘เสียงของอาโรจน์’เก่งคิดเมื่อได้ยินเสียงนั้น แต่เขาพูดอะไรกันนะ สืบเหรอ สืบอะไรกัน
    “สืบอะไร โรจน์ เธอก็รู้ว่าพวกพี่เป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่นักสืบจะได้ไปสืบหาอะไร”เสียงนี้เป็นเสียงพ่อของเก่ง
    “อย่า หลอกผมพี่ ก็ถ้าพี่ไม่ได้ไปสืบอะไรอยู่ หรือเข้าไปพัวพันกับอะไรอยู่ แล้วรถของพี่จะถูกตัดสายเบรคทำไมกัน”เสียงของอาโรจน์กล่าวอย่างหนักแน่น และด้วยเนื้อความที่กล่าว ก็ทำให้เก่งเกิดความฉงน
    ‘รถของคุณพ่อถูกตัดสายเบรค’ เก่งคิดในใจ แต่ทำไมล่ะทำไมต้องถูกตัดสายเบรค
    “เป็นอย่างที่ชั้นคิดจริงๆ”เสียงพ่อของเก่งกล่าวอย่างยอมรับ
    “กรุณาบอกผมหน่อยเหอะว่า พวกพี่กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ท่านอดีตหัวหน้าและรองหัวหน้ากรมสอบสวน”เสียงอาโรจน์กล่าวอย่างหนักแน่นอีกครั้ง และครั้งนี้ก็สร้างคำถามในใจของเก่งเพิ่มเข้าไปอีก
    ‘อดีตหัวหน้ากับรองหัวหน้ากรมสอบสวนเหรอ มันอะไรกันเนี่ย ใครเป็นกัน อาโรจน์กำลังพูดกับคุณพ่อคุณแม่ หรือว่าคือพวกท่าน’คำถามเหล่านี้กำลังท่วมหัวเขา
    “อย่าเรียกพี่แบบนั้นอีก โรจน์”เสียงพ่อของเก่งกล่าว “โอเคพี่ยอมบอกเธอก็ได้ ใช่ตอนนี้พี่กำลังสืบเรื่องๆหนึ่งอยู่”
    “แล้วมันเรื่องอะไรล่ะครับ ถึงต้องมีการลอบฆ่ากันแบบนี้ด้วย”เสียงอาโรจน์กล่าวถามอีกครั้ง
    “องค์กรค้าอาวุธชีวภาพและค้นคว้าเรื่องพลังจิต กลุ่มนักฆ่า D.E.T”เสียงแม่ของเก่งกล่าว
***********************************************************
D.E.T คืออะไรกันนะ คนเขียนเรื่องเวียนศีรษะแล้ว
       
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น