ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Death Note 2

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 9 พ.ค. 48


    “เร็วๆซิครับลุง” เก่งกล่าวเร่งลุงคนขับรถแท็กซี่ที่ตนกับเวทโดยสารมาด้วย พวกเขาทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล D เนื่องจากมีโทรศัพท์จากทางบ้านของเก่ง บอกว่าพ่อและแม่ของเขาที่เป็นนักธุรกิจ  ได้ประสบอุบัติเหตุ รถยนต์พลิกคว่ำ และตอนนี้ได้เข้ารับการรักษาในห้อง ไอ ซี ยู ของโรงพยาบาล D



        แล้วในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล D



        ณ หน้าห้อง ไอ.ซี.ยู.โรงพยาบาล D



        “เจน คุณพ่อ กับคุณแม่เป็นไงมั่ง”เก่งกล่าวถามอาการของพ่อและแม่จากน้องสาวที่มาถึงก่อน ทันทีที่มาถึงหน้าห้อง ไอ ซี ยู



        “คุณหมอ ยังไม่ออกมาเลยค่ะ” เจนตอบด้วยหน้าตาเศร้าๆ



        “แล้วอาโรจน์ล่ะ”เก่งกล่าวถามเจน เมื่อไม่เห็นคนที่โทรไปบอกเขา



        “คุณอาออกไปทำธุระข้างนอกค่ะ” เจนกล่าวตอบ สีหน้าเธอยังคงเศร้าอยู่เช่นเดิม แล้วในขณะนั้นเอง ก็มีคุณหมอเดินออกมาจากห้อง ไอ ซี ยู



        “ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ เรารั้งชีวิตพวกเค้าไว้ไม่ทันจริงๆ”หมอคนนั้นกล่าวก่อนจะเดินจากไปและตอนนั้นเองที่น้ำตาของเก่งและน้องสาวของเขาก็เอ่อล้นออกมา



        เวททำท่าจะเข้าไปปลอบ แต่ไม่รู้จะปลอบยังไง เขาจึงปล่อยสองคนนั้นให้ร้องต่อไป เพราะเขาคิดว่าดีกว่าที่จะให้เก็บเอาไว้ในใจ



        แล้วครู่หนึ่งบุรุษพยาบาลก็เลื่อนเตียงที่มีศพที่คลุมหน้าไว้ออกมา และความรู้สึกแปลกๆ ก็เกิดขึ้นกับเวท



        “เก่ง นายมีพ่อแม่ 5 คนเลยเหรอ”เวทกล่าวถามทันทีที่เห็นว่ามีศพ ที่ถูกพาออกมาถึง 5 ศพ



        “หา นายว่าอะไรนะ”เก่งซึ่งยังคงเศร้าอยู่กับการจากไป ของผู้เป็นพ่อและแม่ เอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของเวท เพื่อนซี้ของตน



        “ก็ ชั้น ถามว่าพ่อกับแม่นายมี 5 คนเลยเหรอ”เวทกล่าวถามซ้ำ



        “พ่อแม่ชั้นก็ 2 คนน่ะซิ”เก่งกล่าว



        “งั้นทำไมมีศพ 5 ศพล่ะ”เวทกล่าว ซึ่งนั้นก็ทำให้เก่งต้องเบนสายตามองดู แล้วก็พบว่า มีศพ 5 ศพ ดั่งที่เพื่อนเขาว่าจริงๆ



        เก่งเดินเข้าไปที่เตียงนั้น แล้วบุรุษพยาบาลก็ถามขึ้น



        “ คุณเป็นเพื่อนของผู้ตายใช่มั้ยครับ เอ่อ ผมเสียใจด้วยจริงๆนะครับ”



        ‘เพื่อนของผู้ตายเหรอ’เก่งคิด แล้วในขณะนั้นเองที่มีเตียงคนไข้เข็นออกมาอีก 2 เตียง



        “ใครเป็นญาติคนไข้ครับ”บุรุษพยาบาล 1 ใน 2 คนที่เพิ่งเข็นเตียงคนไข้กล่าวถาม



        “คุณพ่อ” เก่งกล่าวทันทีที่เห็น คนที่นอนอยู่บนเตียง คนๆนั้นคือคนที่เขาคิดว่าตายไปแล้ว ถ้านั่นเป็นพ่อของเขาก็แสดงว่าอีกเตียงต้องเป็นแม่ของเขาแน่ งั้นศพบน 5 เตียง นี้ล่ะเป็นของใคร

        

        30 นาทีผ่านไป ตอนนี้พ่อและแม่ของเก่งได้ถูกย้ายมาอยู่ในห้องพิเศษของโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ห้องนี้มีเตียงสำหรับผู้ป่วย 2 เตียง และมีโซฟาที่ใหญ่พอจะให้คนนอนได้ 1 ตัว



        คุณพ่อได้รับบาดเจ็บ ตรงส่วนหัวซึ่งกระแทกพวงมาลัยรถ คุณหมอจึงให้เฝ้าดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาล 2- 3วันแล้วถ้าไม่มีอะไรแทรกซ้อน หรืออาการร้ายๆตามมาก็คงให้กลับบ้านได้ ส่วนคุณแม่ ท่านมีแผลฟกช้ำตามลำตัว แต่คุณหมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมากและก็คงจะกลับได้ก่อนคุณพ่อ



        “อ้าว เก่ง ลูกต้องไปเตรียมการแสดงไม่ใช่เหรอ” คุณแม่กล่าวถามเก่งที่นั่งอยู่บนโซฟาโดยที่มีเจนน้องสาวของเขาและเวทเพื่อนของเขาขนาบข้าง



        “ไม่เป็นไรหรอกฮะแม่ ผมกับเวทซ้อมกันเต็มที่แล้ว”เก่งกล่าวบอกเพื่อให้แม่ของเขาสบายใจ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วละครชมรมของเขายังไม่คืบหน้าไปไหนเลย



        “อย่าโกหกเลยเก่ง แม่รู้ว่างานละครของลูกยังไม่คืบหน้า กลับไปซ้อมต่อเถอะลูก”แม่ของเก่งกล่าวเหมือนกับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจของลูกชาย



        “นั่นซิ เก่ง กลับไปซ้อมละครกับเพื่อนๆเถอะ”พ่อของเก่งกล่าวเสริม



        “แต่....”เก่งกำลังจะกล่าวแต่ก็ถูกแย้งด้วยคำพูดของพ่อเขาอีก



        “อย่าให้เรื่องของคนๆเดียวทำร้ายเรื่องของส่วนรวมซิลูก”พ่อของเขากล่าว ซึ่งนั่นก็ทำให้เก่งต้องยอมจำนน



        “ก๊อก ก๊อก ก๊อก”เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนจะมีคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง



        “อาโรจน์”เก่งกล่าวทันทีที่เห็นตัวของผู้ที่เดินเข้ามา



        ชายหนุ่มในชุดตำรวจส่งรอยยิ้มให้เก่งก่อนจะเดินไปที่ข้างเตียงคนไข้ ก่อนจะวางกระเช้าผลไม้ลงบนโต๊ะข้างๆเตียง



        “พี่การณ์เป็นยังไงบ้างครับ”อาโรจน์กล่าวถามพ่อของเก่ง



        “ก็ไม่เป็นอะไรมากหรอกน่ะ”พ่อของเก่งกล่าวตอบ



        “แล้วพี่หมิงล่ะครับ”อาโรจน์กล่าวถามอีกครั้งพร้อมกับหันหน้าไปที่เตียงที่แม่ของเก่งนอนอยู่



        “ก็ไม่เป็นอะไรมากเหมือนกันแหละจ้ะ”แม่ของเก่งกล่าวตอบ



        “เหรอครับ”อาโรจน์กล่าว ก่อนจะครุ่นคิดอะไรอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันหน้าไปมองเก่งแล้วกล่าวว่า “เก่ง พวกหลานทานอะไรรึยังล่ะ”



        “อ๋อ ยังเลยค่ะ อา”เจนน้องสาวของเก่งวัย 15 ปีเป็นคนกล่าวตอบ



        “งั้นไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวอาจะอยู่เฝ้า พ่อกับแม่ของหลานเอง”อาโรจน์กล่าว



        “แล้วคุณอาไม่ต้องเข้าเวรเหรอครับ”เก่งกล่าวถาม เพราะเขาคิดว่าอาโรจน์ที่เป็นตำรวจน่าจะอยู่เวรนี่นา



        “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกวันนี้อาลาไว้แล้วน่ะ”อาโรจน์กล่าว “พวกหลานไปทานข้าวกันเถอะ”



        “งั้นก็ได้ครับ เอ้า เวท ยัยเจนออกไปหาอะไรกินกัน”เก่งกล่าวก่อนจะเดินนำเพื่อนและน้องสาวของตนออกไปนอกห้อง



        พวกเขาเดินออกมาไกลจากหน้าห้องได้ครู่หนึ่ง ก็เดินสวนกับคนๆหนึ่ง ก่อนจะเกิดสายลมพัดผ่าน สายลมที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในช่องทางเดินหน้าห้องพักแบบนี้



        ‘ลมมาจากไหนวะ’เก่งคิดก่อนจะหันไปมองหาสิ่งที่ทำให้เกิดลม แต่กลับไม่พบ แต่แล้วจู่ๆสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่กับคนๆนั้นที่เพิ่งเดินผ่านตัวเขาไป



        ในขณะนั้นเก่งรู้สึกเหมือนเวลาหยุดนิ่ง



        ‘เขาเป็นใครกัน’เก่งคิด เขารู้สึกคุ้นเคยกับคนผู้นี้มาก แต่เขาคงไม่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นใครจนกว่าจะได้เห็นหน้า



        “เฮ้ย ลมหยุดแล้วนี่ เดินต่อไป กันเถอะ”เวทที่เห็นว่าลมที่พัดผ่านได้หยุดลงแล้วกล่าวออกมา แต่แล้วเขาก็พบกับสิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจ



        “พี่เก่ง หายไปไหนกันคะ”เจนเป็นคนกล่าวขึ้น ถึงสิ่งที่เวทสงสัย ใช่แล้วเก่งหายตัวไป หายตัวไปพร้อมกับสายลมที่พัดผ่าน แต่เขาหายไปไหนกันล่ะ



        *********************************

        อีกด้านหนึ่ง



        “จะเดินไปไหนกันนะ”เก่งกล่าวกับตัวเองขณะกำลังเดินตาม คนๆนั้นไป ดูเหมือนเขาจะใจจดใจจ่ออยู่กับการติดตามชายคนนั้นจนลืมเพื่อนและน้องสาวของเขาไปเลย



        เก่งเดินตามไปอีกครู่หนึ่ง คนๆนั้นก็หยุดที่หน้าห้องพักที่เก่งเคยเข้าไปแล้ว มันเป็นห้องพักของพ่อและแม่ของเขา



        “เฮ้ เดี๋ยวนายหยุดก่อน” เก่งกล่าวออกมา เมื่อเห็นว่า คนๆนั้นจะเดินจากไป แต่



        “วูบบบบบบบบบ”สายลมที่ไม่มีต้นลมก็พัดเขามาอีกครั้งพร้อมกับแสง แสงสว่างที่จ้าพอที่ทำให้เก่ง ต้องยกมือขึ้นบังหน้า แล้วเมื่อสายลมหยุดพัด



        “หายไปแล้ว”เก่งกล่าวเมื่อพบว่าคนที่เขากำลังตามอยู่ได้หายไปแล้ว แต่แล้วเขาก็ได้ยินเสียงคนพูดดังออกมาจากในห้อง



        “ตอนนี้พวกพี่สืบ เรื่องอะไรอยู่กันแน่ครับ”เสียงนั้นกล่าว ซึ่งนั่นก็ทำให้เก่งรู้ทันทีว่าคนพูดคือใคร



        ‘เสียงของอาโรจน์’เก่งคิดเมื่อได้ยินเสียงนั้น แต่เขาพูดอะไรกันนะ สืบเหรอ สืบอะไรกัน



        “สืบอะไร โรจน์ เธอก็รู้ว่าพวกพี่เป็นนักธุรกิจ ไม่ใช่นักสืบจะได้ไปสืบหาอะไร”เสียงนี้เป็นเสียงพ่อของเก่ง



        “อย่า หลอกผมพี่ ก็ถ้าพี่ไม่ได้ไปสืบอะไรอยู่ หรือเข้าไปพัวพันกับอะไรอยู่ แล้วรถของพี่จะถูกตัดสายเบรคทำไมกัน”เสียงของอาโรจน์กล่าวอย่างหนักแน่น และด้วยเนื้อความที่กล่าว ก็ทำให้เก่งเกิดความฉงน



        ‘รถของคุณพ่อถูกตัดสายเบรค’ เก่งคิดในใจ แต่ทำไมล่ะทำไมต้องถูกตัดสายเบรค



        “เป็นอย่างที่ชั้นคิดจริงๆ”เสียงพ่อของเก่งกล่าวอย่างยอมรับ



        “กรุณาบอกผมหน่อยเหอะว่า พวกพี่กำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ท่านอดีตหัวหน้าและรองหัวหน้ากรมสอบสวน”เสียงอาโรจน์กล่าวอย่างหนักแน่นอีกครั้ง และครั้งนี้ก็สร้างคำถามในใจของเก่งเพิ่มเข้าไปอีก



        ‘อดีตหัวหน้ากับรองหัวหน้ากรมสอบสวนเหรอ มันอะไรกันเนี่ย ใครเป็นกัน อาโรจน์กำลังพูดกับคุณพ่อคุณแม่ หรือว่าคือพวกท่าน’คำถามเหล่านี้กำลังท่วมหัวเขา



        “อย่าเรียกพี่แบบนั้นอีก โรจน์”เสียงพ่อของเก่งกล่าว “โอเคพี่ยอมบอกเธอก็ได้ ใช่ตอนนี้พี่กำลังสืบเรื่องๆหนึ่งอยู่”



        “แล้วมันเรื่องอะไรล่ะครับ ถึงต้องมีการลอบฆ่ากันแบบนี้ด้วย”เสียงอาโรจน์กล่าวถามอีกครั้ง



        “องค์กรค้าอาวุธชีวภาพและค้นคว้าเรื่องพลังจิต กลุ่มนักฆ่า D.E.T”เสียงแม่ของเก่งกล่าว





    ***********************************************************



    D.E.T คืออะไรกันนะ คนเขียนเรื่องเวียนศีรษะแล้ว





            
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×