ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 2
              “เราอยู่ที่ไหนกันเนี่ย”เก่งกล่าวถามตนเองในขณะที่ไม่รู้ว่าสิ่งแวดล้อมรอบข้างคือที่แห่งใดกัน ที่นี่มันมืดมากๆ มืดจริงๆ แล้วจู่ๆ ก็ปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้น
    “เป็นอะไรไป ไม่ดูหนังเหรอ”เสียงนั้นกล่าวถามเก่งเขาลองหันไปมองหาต้นเสียงก็พบว่ามันมาจากข้างๆ ตัวเขา เธอเป็นผู้หญิง แม้จะเห็นหน้าไม่ชัดเพราะอยู่ในความมืด แต่โครงหน้าที่เขาเห็นลางๆก็พอเดาได้ว่าเธอเป็น ผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง เขาจะไม่รู้จักเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะรู้จักเขาเป็นอย่างดี
    “ไม่ได้ยินที่ถามเหรอ”เธอกล่าวถามเขาซ้ำอีกครั้ง แล้วจู่ๆบรรยากาศรอบข้างก็เปลี่ยนไป ตอนนี้เก่งรู้แล้วว่าเค้าอยู่ที่ไหน
    “โรงหนัง”เก่งกล่าวเมื่อเห็นสิ่งแวดล้อมรอบข้างชัดขึ้น
    “ก็โรงหนังนะซิ เธอคิดว่าเป็นที่ไหนกันล่ะ กฤตย์”หญิงสาวผู้นั้นกล่าวอีกครั้ง
    \'กฤตย์\'ชื่อนี่ฟังคุ้นหูเก่งมาก แต่ในขณะนี้เขานึกไม่ออกว่าเป็นใคร
    “เงียบไปอีกแล้ว หรือยังโกรธที่หวานมาสาย”เธอกล่าวพร้อมสบตาเขา แล้วตานั้นอ่อนโยนมาก เก่งอยากจะบอกว่า เขาไม่ใช่คนที่เธอรู้จักและเขาก็ไม่รู้จักเธอ แต่แล้ว
    สิ่งแวดล้อมภายนอกเปลี่ยนไป ความมืดเดิมถูกปัดเป่ากลายเป็นความสว่าง สว่างจ้ามาก แสงสว่างนี้ทำให้เก่งแสบตาจนต้องเอาฝ่ามือของตนกั้นแสงที่จะเข้าสู่ตา
    แสงสว่างเริ่มลดความเข้มลง เก่งลดมือลง แล้วเขาก็พบว่าที่แห่งนี้คือ
    “ร้านหนังสือ”เก่งกล่าวกับตนเอง เมื่อพบว่าตอนนี้เขายืนอยู่ในร้านหนังสือแห่งหนึ่งที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ 
    เก่งมองไปรอบๆก็พบว่ามีคนอยู่ในร้านไม่กี่คน เขาลองมองดูนาฬิกาข้อมือ พบว่ามันกำลังบอกเวลา 10.15 น. แล้วนั้นก็ทำให้เก่งประหลาดใจอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะเวลา แต่เป็นตัวบอกเวลา
    \'ไม่ใช่นาฬิกาชั้น\'เก่งคิด เพราะหน้าตาของนาฬิกาเรือนที่เขาสวมอยู่ตอนนี้ไม่เหมือนกับนาฬิกาของเขาเลย แล้วยังไม่ทันที่เก่งจะได้หาคำตอบให้กับข้อสงสัยของเขาก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นในร้าน
    “ออกล่าเหยื่ออีกแล้วเหรอเนี่ย”เสียงของคนผู้นั้นกล่าวเขานั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ร้าน ทำให้เก่งพอจะเดาออกว่า ชายผู้นี้คงเป็นเจ้าของร้านและเขากำลังกำลังจับจ้องไปยังอะไรบางอย่างนอกร้าน
    ‘กำลังมองอะไรอยู่นะ’เก่งคิดก่อนจะมองออกไปข้างนอกตามเจ้าของร้าน แล้วเขาก็พบกับภาพของสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา
    กลุ่มตำรวจจราจร 4-5 คน กำลังโบกเรียกรถจักรยานยนต์คันแล้วคันเล่าอยู่กลางท้องถนน พร้อมกับเขียนใบสั่งเรียกเก็บเงินค่าปรับแจกจ่ายให้กับเจ้าของรถจักรยานยนต์เป็นว่าเล่น
    ‘นี่เป็นสิ่งที่สมควรทำเหรอ’เก่งคิด เพราะภาพที่เขากำลังมองมันไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย ตำรวจจราจรดูแลความเรียบร้อยบนท้องถนนคงไม่ผิดแต่นี้เล่นจับแล้วปรับรถทุกคันที่วิ่งผ่าน มันจะถูกต้องเหรอ ?
    เก่งยังคงจ้องมองเหตุการณ์นั้น จนกระทั่งเวลาผ่านไปครู่หนึ่งก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเขา
    “คอยนานรึเปล่าคะ กฤตย์”เสียงนั้นกล่าว มันเป็นเสียงของใครบางคนที่เขาเคยได้ยินมาแล้วครั้งหนึ่ง เสียงที่เขาเคยได้ยินก่อนที่จะมาโผล่ในร้านหนังสือร้านนี้ และเมื่อเขาหันไปมองเจ้าของเสียง สิ่งที่เขาคาดไว้ก็ถูกต้อง
    “หวาน” เก่งกล่าวเมื่อหันไปเจอคนที่อยู่เบื้องหลังเขา เธอคือผู้หญิงคนที่เขาเคยเจอในโรงหนัง ผู้หญิงที่คิดว่าเก่งเป็นคนที่เธอรู้จัก \'กฤตย์\'ทั้งที่เขาไม่ใช่
    “ก็หวาน น่ะซิกฤตย์”เธอกล่าวกับเก่งด้วยสีหน้ามึนงงในการกระทำของชายหนุ่ม ที่เหมือนหยั่งกับไม่รู้ว่าจะเจอกับเธอทั้งที่ เขาเป็นคนนัดเธอมาเอง
    “คุณเข้ามาที่นี่ได้ยังไง”เก่งกล่าวถามเธอ เมื่อคิดว่าทั้งที่เขาจ้องมองภาพการกระทำของตำรวจจราจรผ่านทางประตูร้านอยู่ตลอด แต่ทำไมเขาไม่เห็นเธอที่เข้ามาในร้าน
    “อย่าเรียก \'คุณ\' ซิมันห่างเหินนะ คนเป็นแฟนกันไม่น่าจะเรียกกันแบบนี้เลย”หวานว่าเข้าไปนั่น เก่งจึงรู้ว่าเขาต้องหาคำพูดใหม่มาใช้ นั่นคือ
    “หวานเข้ามาในร้านตอนไหนกันทำไมผมถึงไม่เห็น”เก่งกล่าวและดูเหมือนว่าคำพูดแบบนี้จะใช้การได้เพราะทันทีที่เขาถามไปเธอก็ตอบมา
    “ก็เข้ามาอีกประตูน่ะซิ”หวานกล่าวตอบ
    “มีประตูอีกประตูเหรอ”เก่งกล่าวถามเธออีกครั้ง
    “ก็มีน่ะซิไอ้หนู โน้นไง”คนตอบไม่ใช่หวาน แต่เป็นเจ้าของร้าน ที่เป็นคนตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแบบแปลกๆ พร้อมชี้ประตูอีกประตูให้เก่งเห็น แล้วนั่นก็ทำให้หวานรีบดึงเขาไปที่วางหนังสืออีกโซนหนึ่ง   
    “ทำไมต้องลากมานี่ด้วย”เก่งถามเมื่อไม่เข้าใจในการกระทำของหญิงสาวที่ลากเขามาในโซนหนังสือที่อับจนผู้คน (  ไม่มีคนอยู่ในโซนนี้ ยกเว้นเก่งกับหวาน )
    “อายเขาน่ะซิ”หวานกล่าว ด้วยใบหน้าที่แดงพอๆกับมะเขือเทศ ก่อนที่จะค่อยๆจางหายไปกลับมาเป็นปกติ แล้วตอนนี้เองที่เก่งได้เห็นหน้าหวานชัดๆ ชัดกว่าที่พบเธอในโรงหนัง
    ‘สวยอะไรอย่างนี้’เก่งคิดเมื่อพบว่า หวาน เป็นคนที่สวย สวยมาก สวยจริงๆ สวยอย่างหาที่เปรียบมิได้ ( สวยจนคนเขียนบรรยายไม่ถูก )
    “เป็นอะไรไปอีกล่ะกฤตย์”หวานกล่าวถามหนุ่มตรงหน้าที่ยืนตะลึงในความงามของเธอ
    “ปะ ปะ ปล่าว”เก่งกล่าวตอบอย่างตะกุกตะกัก แล้วตอนนี้เองแผนบางอย่างก็ผุดขึ้นในสมองของเขา
    ‘เธอคิดว่าเราชื่อกฤตย์ เธอเป็นแฟนของกฤตย์ เธอไม่รู้ว่าเราไม่ใช่กฤตย์ งั้นถ้าเราสวมรอยเป็นกฤตย์ล่ะ’นี่คือสิ่งที่เก่งคิด
                “ทำไมเงียบอีกแล้วล่ะกฤตย์” หวานกล่าวถามเขาอีกครั้ง แล้วดูเหมือนว่าครั้งนี้เก่งจะเตรียมตัวทันจึงกล่าวตอบเธอไปว่า
    “ไม่มีอะไรหรอก กฤตย์คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ” นี่คือคำพูดที่เก่งใช้กล่าวกับเธอ
    “แล้ววันนี้เราจะไปไหนกันดีล่ะ”หวานกล่าวถามเก่งอีกครั้ง เธอเว้นจังหวะให้ชายหนุ่มตอบ
    ‘ไปไหนดีนะ’ เก่งคิดในใจ ‘เราเคยเจอเธอในโรงหนังมาแล้วนี่นา หรือจะชวนไปดูหนังดี’
    “ไปดูหนังกันดีกว่า”เก่งกล่าวทันทีที่คิดได้
    “ดูหนังเหรอ ก็ดีเหมือนกัน แต่ว่าเราจะดูเรื่องอะไรกันล่ะ”หวานกล่าวถามเก่ง คนที่เธอคิดว่าคือกฤตย์
    “เดี่ยวไปถึงโรงหนังแล้ว ค่อยเลือกกันก็ได้”เก่งกล่าว
    เมื่อทั้งสองตัดสินใจได้แล้วว่าจะไปทำอะไรกัน จึงชวนกันเดินออกจากร้าน แต่ไม่รู้ด้วยเหตุบังเอิญหรือความสะเพร่าของเก่ง ที่ทำให้เขาสะดุดกับกองหนังสือ ทำให้หนังสือกองนั้น กระจัดกระจายไปทั่ว
    เก่งพยายามเก็บกองหนังสือให้วางอย่างเป็นระเบียบอีกครั้ง แล้วสายตาของเขาก็มาสะดุดอยู่กับหนังสือเล่มสุดท้าย หนังสือเล่มดำที่เขียนหน้าปกไว้ด้วยคำว่า Death Note
              ‘Death Note นี่มันอะไรกัน’เก่งรู้สึกงงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า สิ่งที่เขาไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้พบ Death Note สมุดแห่งความตาย สิ่งที่เขาเห็นในฝันบ่อยครั้ง
              ‘หรือว่านี่จะเป็นฝันจริงๆ’เก่งคิด แต่เขาไม่อยากให้นี่เป็นฝันเลยเพราะ การที่เขาจะได้เจอผู้หญิงแบบหวานสักคนในโลกแห่งความเป็นจริง มันยากมากๆ
    “ เฟี้ยว ว  ว  ว” เสียงแห่งลมพายุที่พัดกระหน่ำอีกครั้ง ทั้งที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในตัวร้านหนังสือ แต่มันก็เกิดขึ้นมาแล้ว
    ภาพที่เก่งเห็นตรงหน้าค่อยๆเลือนหายไป ไม่ใช่แค่ตรงหน้า แต่มันเป็นทั้งหมด ทุกสิ่งรอบตัวเขากำลังเลือนหายไปอย่างช้าๆ  และปรากฏเป็นสถานที่ใหม่
    ริมถนนที่มีเหล่าไทยมุง อยู่แน่นไปหมด
    ‘มุงอะไรอยู่นะ’เก่งคิดเมื่อ เห็นกลุ่มคนที่ยืนมุง ใคร ? หรืออะไรบางอย่าง อยู่อย่างหนาแน่น เก่งพยายามฝ่าฝูงชนเข้าไป เพื่อจะได้รู้ว่าคนกลุ่มนี้กำลังมุงดูอะไรกันอยู่ แล้วภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้ชายหนุ่มแทบช็อค
    ร่างของหวานสาวน้อยที่เขาเพิ่งรู้จักนอนจมอยู่ในกองเลือด
    ‘นี่มันเรื่องอะไรกัน’สิ่งเดียวที่เก่งคิดได้ในขณะนั้น เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองว่า เด็กสาวที่เขาเพิ่งรู้จัก คนที่เขาอยากจะทำความรู้จัก คือคนๆเดียวกับที่นอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้าเขา
    น้ำตาเอ่อไหลล้นออกจากนัยน์ตาของเก่ง ทั้งที่เขารู้แล้วว่านี่คือความฝัน แต่มันก็ไม่อาจคลายความเศร้าของเขาลงได้ เก่งพยายามเดินเข้าไปประคองร่างของหวาน แต่เขาก็ไม่มีโอกาส เมื่อพบว่าขณะนี่มีคนทำหน้าที่นั้นแล้ว
    ชายหนุ่มที่เก่งเห็นแค่แผ่นหลัง แต่รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ชายผู้ร้องไห้ฟูมฟายยิ่งกว่าเขา
    “ฟื้นซิหวาน เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ” เสียงชายคนนั้นกล่าว แต่ก็ไม่มีปฎิกิริยาตอบรับใดๆจากร่างของสาวน้อย
    “ทำไมกัน”ชายหนุ่มยังคงกล่าวต่อไป เก่งรู้ว่าความรู้สึกของคนๆนั้นในตอนนี้เป็นอย่างไร แต่บุรุษผู้นี้เป็นใครกันล่ะ ? สิ่งนี้ยังคงคั่งค้างอยู่ในใจเก่ง
    ‘ใครคนที่รักหวานอย่างหมดใจ ใครที่เสียใจต่อการจากไปของเธอ’ เก่งเริ่มขบคิดอีกครั้ง แล้วในตอนนั้นเองชายคนนั้น ก็หันมามองคนรอบๆ พร้อมเสียงตะโกนที่ดังกึกก้อง
    “ใครเป็นคนทำ”นี่เป็นเสียงตะโกนของชายผู้นั้น
    เก่งแทบจะหยุดหายใจเมื่อเห็นใบหน้าของชายคนดังกล่าว
    ‘ตัวชั้น’เก่งคิด เมื่อปรากฏว่าชายคนนั้น มีหน้าตาเหมือนตนเองอย่างไม่ผิดเพี้ยน นี่มันอะไรกัน นี่มันอะไรกัน
    ร่างของเก่งน็อคทั้งยืน เขาพยายามจะทรงตัวให้ได้ แต่มันก็ไม่เป็นผล และเมื่อร่างของเก่งจะถึงพื้นตอนนั้นเอง ที่สิ่งรอบตัวเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง แล้ว
    “ตึง !”เสียงเหมือนอะไรบางอย่างหล่นกระทบพื้นอย่างจัง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโอดครวญ
    “ โอ้ยยยยยยยยยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของเก่งที่นอนตกเตียง แต่ก็สร้างเสียงหัวเราะให้ใครบางคน
    “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากเวท เพื่อนรวมห้องของเก่งนั่นเอง
    แล้วหลังจากนั้นเก่งก็พยุงตัวขึ้นไปนอนบนเตียงอีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่า เช้าวันต่อมาตนจะได้รับข่าวร้าย
    “เป็นอะไรไป ไม่ดูหนังเหรอ”เสียงนั้นกล่าวถามเก่งเขาลองหันไปมองหาต้นเสียงก็พบว่ามันมาจากข้างๆ ตัวเขา เธอเป็นผู้หญิง แม้จะเห็นหน้าไม่ชัดเพราะอยู่ในความมืด แต่โครงหน้าที่เขาเห็นลางๆก็พอเดาได้ว่าเธอเป็น ผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง เขาจะไม่รู้จักเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะรู้จักเขาเป็นอย่างดี
    “ไม่ได้ยินที่ถามเหรอ”เธอกล่าวถามเขาซ้ำอีกครั้ง แล้วจู่ๆบรรยากาศรอบข้างก็เปลี่ยนไป ตอนนี้เก่งรู้แล้วว่าเค้าอยู่ที่ไหน
    “โรงหนัง”เก่งกล่าวเมื่อเห็นสิ่งแวดล้อมรอบข้างชัดขึ้น
    “ก็โรงหนังนะซิ เธอคิดว่าเป็นที่ไหนกันล่ะ กฤตย์”หญิงสาวผู้นั้นกล่าวอีกครั้ง
    \'กฤตย์\'ชื่อนี่ฟังคุ้นหูเก่งมาก แต่ในขณะนี้เขานึกไม่ออกว่าเป็นใคร
    “เงียบไปอีกแล้ว หรือยังโกรธที่หวานมาสาย”เธอกล่าวพร้อมสบตาเขา แล้วตานั้นอ่อนโยนมาก เก่งอยากจะบอกว่า เขาไม่ใช่คนที่เธอรู้จักและเขาก็ไม่รู้จักเธอ แต่แล้ว
    สิ่งแวดล้อมภายนอกเปลี่ยนไป ความมืดเดิมถูกปัดเป่ากลายเป็นความสว่าง สว่างจ้ามาก แสงสว่างนี้ทำให้เก่งแสบตาจนต้องเอาฝ่ามือของตนกั้นแสงที่จะเข้าสู่ตา
    แสงสว่างเริ่มลดความเข้มลง เก่งลดมือลง แล้วเขาก็พบว่าที่แห่งนี้คือ
    “ร้านหนังสือ”เก่งกล่าวกับตนเอง เมื่อพบว่าตอนนี้เขายืนอยู่ในร้านหนังสือแห่งหนึ่งที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ 
    เก่งมองไปรอบๆก็พบว่ามีคนอยู่ในร้านไม่กี่คน เขาลองมองดูนาฬิกาข้อมือ พบว่ามันกำลังบอกเวลา 10.15 น. แล้วนั้นก็ทำให้เก่งประหลาดใจอีกครั้ง ไม่ใช่เพราะเวลา แต่เป็นตัวบอกเวลา
    \'ไม่ใช่นาฬิกาชั้น\'เก่งคิด เพราะหน้าตาของนาฬิกาเรือนที่เขาสวมอยู่ตอนนี้ไม่เหมือนกับนาฬิกาของเขาเลย แล้วยังไม่ทันที่เก่งจะได้หาคำตอบให้กับข้อสงสัยของเขาก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นในร้าน
    “ออกล่าเหยื่ออีกแล้วเหรอเนี่ย”เสียงของคนผู้นั้นกล่าวเขานั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ร้าน ทำให้เก่งพอจะเดาออกว่า ชายผู้นี้คงเป็นเจ้าของร้านและเขากำลังกำลังจับจ้องไปยังอะไรบางอย่างนอกร้าน
    ‘กำลังมองอะไรอยู่นะ’เก่งคิดก่อนจะมองออกไปข้างนอกตามเจ้าของร้าน แล้วเขาก็พบกับภาพของสิ่งที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา
    กลุ่มตำรวจจราจร 4-5 คน กำลังโบกเรียกรถจักรยานยนต์คันแล้วคันเล่าอยู่กลางท้องถนน พร้อมกับเขียนใบสั่งเรียกเก็บเงินค่าปรับแจกจ่ายให้กับเจ้าของรถจักรยานยนต์เป็นว่าเล่น
    ‘นี่เป็นสิ่งที่สมควรทำเหรอ’เก่งคิด เพราะภาพที่เขากำลังมองมันไม่ควรจะเกิดขึ้นเลย ตำรวจจราจรดูแลความเรียบร้อยบนท้องถนนคงไม่ผิดแต่นี้เล่นจับแล้วปรับรถทุกคันที่วิ่งผ่าน มันจะถูกต้องเหรอ ?
    เก่งยังคงจ้องมองเหตุการณ์นั้น จนกระทั่งเวลาผ่านไปครู่หนึ่งก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเขา
    “คอยนานรึเปล่าคะ กฤตย์”เสียงนั้นกล่าว มันเป็นเสียงของใครบางคนที่เขาเคยได้ยินมาแล้วครั้งหนึ่ง เสียงที่เขาเคยได้ยินก่อนที่จะมาโผล่ในร้านหนังสือร้านนี้ และเมื่อเขาหันไปมองเจ้าของเสียง สิ่งที่เขาคาดไว้ก็ถูกต้อง
    “หวาน” เก่งกล่าวเมื่อหันไปเจอคนที่อยู่เบื้องหลังเขา เธอคือผู้หญิงคนที่เขาเคยเจอในโรงหนัง ผู้หญิงที่คิดว่าเก่งเป็นคนที่เธอรู้จัก \'กฤตย์\'ทั้งที่เขาไม่ใช่
    “ก็หวาน น่ะซิกฤตย์”เธอกล่าวกับเก่งด้วยสีหน้ามึนงงในการกระทำของชายหนุ่ม ที่เหมือนหยั่งกับไม่รู้ว่าจะเจอกับเธอทั้งที่ เขาเป็นคนนัดเธอมาเอง
    “คุณเข้ามาที่นี่ได้ยังไง”เก่งกล่าวถามเธอ เมื่อคิดว่าทั้งที่เขาจ้องมองภาพการกระทำของตำรวจจราจรผ่านทางประตูร้านอยู่ตลอด แต่ทำไมเขาไม่เห็นเธอที่เข้ามาในร้าน
    “อย่าเรียก \'คุณ\' ซิมันห่างเหินนะ คนเป็นแฟนกันไม่น่าจะเรียกกันแบบนี้เลย”หวานว่าเข้าไปนั่น เก่งจึงรู้ว่าเขาต้องหาคำพูดใหม่มาใช้ นั่นคือ
    “หวานเข้ามาในร้านตอนไหนกันทำไมผมถึงไม่เห็น”เก่งกล่าวและดูเหมือนว่าคำพูดแบบนี้จะใช้การได้เพราะทันทีที่เขาถามไปเธอก็ตอบมา
    “ก็เข้ามาอีกประตูน่ะซิ”หวานกล่าวตอบ
    “มีประตูอีกประตูเหรอ”เก่งกล่าวถามเธออีกครั้ง
    “ก็มีน่ะซิไอ้หนู โน้นไง”คนตอบไม่ใช่หวาน แต่เป็นเจ้าของร้าน ที่เป็นคนตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มแบบแปลกๆ พร้อมชี้ประตูอีกประตูให้เก่งเห็น แล้วนั่นก็ทำให้หวานรีบดึงเขาไปที่วางหนังสืออีกโซนหนึ่ง   
    “ทำไมต้องลากมานี่ด้วย”เก่งถามเมื่อไม่เข้าใจในการกระทำของหญิงสาวที่ลากเขามาในโซนหนังสือที่อับจนผู้คน (  ไม่มีคนอยู่ในโซนนี้ ยกเว้นเก่งกับหวาน )
    “อายเขาน่ะซิ”หวานกล่าว ด้วยใบหน้าที่แดงพอๆกับมะเขือเทศ ก่อนที่จะค่อยๆจางหายไปกลับมาเป็นปกติ แล้วตอนนี้เองที่เก่งได้เห็นหน้าหวานชัดๆ ชัดกว่าที่พบเธอในโรงหนัง
    ‘สวยอะไรอย่างนี้’เก่งคิดเมื่อพบว่า หวาน เป็นคนที่สวย สวยมาก สวยจริงๆ สวยอย่างหาที่เปรียบมิได้ ( สวยจนคนเขียนบรรยายไม่ถูก )
    “เป็นอะไรไปอีกล่ะกฤตย์”หวานกล่าวถามหนุ่มตรงหน้าที่ยืนตะลึงในความงามของเธอ
    “ปะ ปะ ปล่าว”เก่งกล่าวตอบอย่างตะกุกตะกัก แล้วตอนนี้เองแผนบางอย่างก็ผุดขึ้นในสมองของเขา
    ‘เธอคิดว่าเราชื่อกฤตย์ เธอเป็นแฟนของกฤตย์ เธอไม่รู้ว่าเราไม่ใช่กฤตย์ งั้นถ้าเราสวมรอยเป็นกฤตย์ล่ะ’นี่คือสิ่งที่เก่งคิด
                “ทำไมเงียบอีกแล้วล่ะกฤตย์” หวานกล่าวถามเขาอีกครั้ง แล้วดูเหมือนว่าครั้งนี้เก่งจะเตรียมตัวทันจึงกล่าวตอบเธอไปว่า
    “ไม่มีอะไรหรอก กฤตย์คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ” นี่คือคำพูดที่เก่งใช้กล่าวกับเธอ
    “แล้ววันนี้เราจะไปไหนกันดีล่ะ”หวานกล่าวถามเก่งอีกครั้ง เธอเว้นจังหวะให้ชายหนุ่มตอบ
    ‘ไปไหนดีนะ’ เก่งคิดในใจ ‘เราเคยเจอเธอในโรงหนังมาแล้วนี่นา หรือจะชวนไปดูหนังดี’
    “ไปดูหนังกันดีกว่า”เก่งกล่าวทันทีที่คิดได้
    “ดูหนังเหรอ ก็ดีเหมือนกัน แต่ว่าเราจะดูเรื่องอะไรกันล่ะ”หวานกล่าวถามเก่ง คนที่เธอคิดว่าคือกฤตย์
    “เดี่ยวไปถึงโรงหนังแล้ว ค่อยเลือกกันก็ได้”เก่งกล่าว
    เมื่อทั้งสองตัดสินใจได้แล้วว่าจะไปทำอะไรกัน จึงชวนกันเดินออกจากร้าน แต่ไม่รู้ด้วยเหตุบังเอิญหรือความสะเพร่าของเก่ง ที่ทำให้เขาสะดุดกับกองหนังสือ ทำให้หนังสือกองนั้น กระจัดกระจายไปทั่ว
    เก่งพยายามเก็บกองหนังสือให้วางอย่างเป็นระเบียบอีกครั้ง แล้วสายตาของเขาก็มาสะดุดอยู่กับหนังสือเล่มสุดท้าย หนังสือเล่มดำที่เขียนหน้าปกไว้ด้วยคำว่า Death Note
              ‘Death Note นี่มันอะไรกัน’เก่งรู้สึกงงกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า สิ่งที่เขาไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้พบ Death Note สมุดแห่งความตาย สิ่งที่เขาเห็นในฝันบ่อยครั้ง
              ‘หรือว่านี่จะเป็นฝันจริงๆ’เก่งคิด แต่เขาไม่อยากให้นี่เป็นฝันเลยเพราะ การที่เขาจะได้เจอผู้หญิงแบบหวานสักคนในโลกแห่งความเป็นจริง มันยากมากๆ
    “ เฟี้ยว ว  ว  ว” เสียงแห่งลมพายุที่พัดกระหน่ำอีกครั้ง ทั้งที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในตัวร้านหนังสือ แต่มันก็เกิดขึ้นมาแล้ว
    ภาพที่เก่งเห็นตรงหน้าค่อยๆเลือนหายไป ไม่ใช่แค่ตรงหน้า แต่มันเป็นทั้งหมด ทุกสิ่งรอบตัวเขากำลังเลือนหายไปอย่างช้าๆ  และปรากฏเป็นสถานที่ใหม่
    ริมถนนที่มีเหล่าไทยมุง อยู่แน่นไปหมด
    ‘มุงอะไรอยู่นะ’เก่งคิดเมื่อ เห็นกลุ่มคนที่ยืนมุง ใคร ? หรืออะไรบางอย่าง อยู่อย่างหนาแน่น เก่งพยายามฝ่าฝูงชนเข้าไป เพื่อจะได้รู้ว่าคนกลุ่มนี้กำลังมุงดูอะไรกันอยู่ แล้วภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้ชายหนุ่มแทบช็อค
    ร่างของหวานสาวน้อยที่เขาเพิ่งรู้จักนอนจมอยู่ในกองเลือด
    ‘นี่มันเรื่องอะไรกัน’สิ่งเดียวที่เก่งคิดได้ในขณะนั้น เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองว่า เด็กสาวที่เขาเพิ่งรู้จัก คนที่เขาอยากจะทำความรู้จัก คือคนๆเดียวกับที่นอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้าเขา
    น้ำตาเอ่อไหลล้นออกจากนัยน์ตาของเก่ง ทั้งที่เขารู้แล้วว่านี่คือความฝัน แต่มันก็ไม่อาจคลายความเศร้าของเขาลงได้ เก่งพยายามเดินเข้าไปประคองร่างของหวาน แต่เขาก็ไม่มีโอกาส เมื่อพบว่าขณะนี่มีคนทำหน้าที่นั้นแล้ว
    ชายหนุ่มที่เก่งเห็นแค่แผ่นหลัง แต่รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ชายผู้ร้องไห้ฟูมฟายยิ่งกว่าเขา
    “ฟื้นซิหวาน เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ” เสียงชายคนนั้นกล่าว แต่ก็ไม่มีปฎิกิริยาตอบรับใดๆจากร่างของสาวน้อย
    “ทำไมกัน”ชายหนุ่มยังคงกล่าวต่อไป เก่งรู้ว่าความรู้สึกของคนๆนั้นในตอนนี้เป็นอย่างไร แต่บุรุษผู้นี้เป็นใครกันล่ะ ? สิ่งนี้ยังคงคั่งค้างอยู่ในใจเก่ง
    ‘ใครคนที่รักหวานอย่างหมดใจ ใครที่เสียใจต่อการจากไปของเธอ’ เก่งเริ่มขบคิดอีกครั้ง แล้วในตอนนั้นเองชายคนนั้น ก็หันมามองคนรอบๆ พร้อมเสียงตะโกนที่ดังกึกก้อง
    “ใครเป็นคนทำ”นี่เป็นเสียงตะโกนของชายผู้นั้น
    เก่งแทบจะหยุดหายใจเมื่อเห็นใบหน้าของชายคนดังกล่าว
    ‘ตัวชั้น’เก่งคิด เมื่อปรากฏว่าชายคนนั้น มีหน้าตาเหมือนตนเองอย่างไม่ผิดเพี้ยน นี่มันอะไรกัน นี่มันอะไรกัน
    ร่างของเก่งน็อคทั้งยืน เขาพยายามจะทรงตัวให้ได้ แต่มันก็ไม่เป็นผล และเมื่อร่างของเก่งจะถึงพื้นตอนนั้นเอง ที่สิ่งรอบตัวเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง แล้ว
    “ตึง !”เสียงเหมือนอะไรบางอย่างหล่นกระทบพื้นอย่างจัง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงร้องโอดครวญ
    “ โอ้ยยยยยยยยยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของเก่งที่นอนตกเตียง แต่ก็สร้างเสียงหัวเราะให้ใครบางคน
    “ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เสียงหัวเราะนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากเวท เพื่อนรวมห้องของเก่งนั่นเอง
    แล้วหลังจากนั้นเก่งก็พยุงตัวขึ้นไปนอนบนเตียงอีกครั้ง โดยไม่รู้เลยว่า เช้าวันต่อมาตนจะได้รับข่าวร้าย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น