[SF] Hey,Bus STOP !! - [SF] Hey,Bus STOP !! นิยาย [SF] Hey,Bus STOP !! : Dek-D.com - Writer

    [SF] Hey,Bus STOP !!

    โดย SaNooKiiZ

    ผู้เข้าชมรวม

    1,164

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    1.16K

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    13
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 มี.ค. 57 / 09:35 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

     

     

    :) Shalunla
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Title : Hey,Bus STOP !!

      Pairing : Kageyama x Hinata  [Haikyuu !]

      Rate : PG

      Genre : Comedy

      Writer : SaNooKiiZ

       

       

       

       

      “เฮ้ย ออกขวาเลยป้ายนี้ไม่มีคนลง”

       

      “ขับเร็วๆ หน่อยเซ่ เดี๋ยวก็ไม่ทันไฟเขี— นั่นไง บ้าเอ๊ย เหลืองแล้ว ไอ้เต่า ฮินาตะ ไอ้เต่า !

       

      “ขึ้นใหม่ชิดในด้วยครับ ชิดใน— เฮ้ย แกจะเบรคแรงไปไหนเนี่ย ถ้ามีใครล้มขึ้นมาจะทำยังไง !

       

                และอีกมากมายที่ผมทนฟังไม่ไหว ฮินะจะไม่ทน ! บ้าเอ๊ย แกลองมาขับเองเลยมั้ยล่ะจะได้รู้ว่ารถใหญ่แบบนี้มันขับยากน่ะ หา !

                  หืม ? อะไรกัน ผมว่าผมเห็นสายตาสงสัยประหลาดใจและเจือความสมเพชมาจากพวกคุณหลายๆ คนนะ สงสัยล่ะสิว่าผมที่ในตอนนี้ควรจะเป็นนักวอลเล่ย์บอลดาวรุ่งพุ่งแรงแซงทางโค้ง (แบบที่ผมกำลังพยายามทำอยู่ตอนนี้ แต่ไอ้รถแท็กซี่ข้างหน้านี่มันก็จึ๊กจั๊กซะจนน่าเบียดตูด) ดันมากลายเป็นคนขับรถไปซะได้ แถมไม่ใช่รถธรรมดา ยังเป็น “รถเมล์” ที่ประชาชนให้ความไว้วางใจสูงสุดถึงขนาดที่ว่าพอเข้าไปจอดเทียบป้ายปุ๊ปก็รีบกรูกันเข้ามาเหมือนรถเมล์คันนี้มีทองคำฝังอยู่ที่ใต้เบาะยังไงยังงั้น หึๆ เหตุผลน่ะมันง่ายนิดเดียว

                  เพราะเล่นกีฬามันไม่รุ่ง มาเหยียบคันเร่งให้รถมันพุ่งนี่สิ เจ๋งกว่าเยอะ !

                  อะไรนะ ? เหตุผลไม่เข้าท่า ? ไม่เอาน่า นี่น่ะเข้าท่าที่สุดแล้วนะครับ พอวนรถเสร็จรอบนึงก็เข้าท่าเข้าอู่พอดีไง...

                  โอเค มุขผมมันไม่ฮาและพาทุกคนเครียดผมเข้าใจ แต่ถ้าคุณบอกว่าคุณเครียดล่ะก็ ผมโคตรมั่นใจเลยว่าไอ้กระเป๋ารถเมล์ของผมนี่มันเครียดกว่าพวกคุณล้านเท่า เพราะเท่าที่มองจากกระจกนี่ก็...เห็นชะตากรรมตัวเองอยู่รำไร...

      “เฮ้ย แกจะจอดแช่อีกนานมั้ย คันหลังมันจะแซงแล้วนะเว้ย จะเอามั้ยผู้โดยสารน่ะ ?!

      “รู้แล้วน่า พูดมากจริง” ผมบ่นอุบอิบออกมาเบาๆ พร้อมกับเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งทะยานออกไปแบบเร้าใจพ่อกระเป๋าหน้าบึ้ง มันทำหน้าเหมือนอยากเดินมาตบหัวผมให้ทิ่มกับพวงมาลัยเสียเต็มประดา เหอะๆ

                  อ้อ คุณคงสงสัยล่ะสิว่าใครกันน้อออ คือ (ไอ้) คุณกระเป๋ารถเมล์ผู้โชคดีซ้ำซ้อนได้มาร่วมงานกับผม แหม แต่ผมว่าพวกคุณคงรู้แล้วล่ะนะ จากไอ้วาจาหยาบคายโหวกเหวกโวยวายเรียกคนอื่นแบบจิกหัวแบบนี้ ใช่แล้ว ไอ้ราชาหน้าเหี่ยวก่อนวัย คาเงยามะ โทบิโอะ ไงล่ะ !

                ไม่ต้องมาถามผมนะครับว่ามันเกิดอาเพศอะไรขึ้น ทำไมไอ้คนบ้าวอลเล่ย์ที่คิดอยากจะเป็นแต่ป้อมปราการหรือป้อมสั่งการสุดเท่ห์อะไรของมันซักอย่างที่มันชอบพูดบ่อยๆ ทำไมคนแบบนี้ถึงกลายมาเป็นกระเป๋ารถเมล์หน้าถมึงทึงไล่ผู้โดยสารไปได้ อย่ามาถามผม เพราะผมก็ไม่รู้ ! จำได้แค่ตอนไปสมัคร มันยื่นใบสมัครไปแล้วตะโกนใส่หน้าคุณลุงเจ้าหน้าที่ว่า “จะเป็นกระเป๋าให้ไอ้ทึ่มนี่ ไม่งั้นไม่รับงานไหนทั้งนั้น ! เออ เอากับมันสิ ไม่รู้มันบ้าหรือมันบ้ากันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือมันบ้า คือผมว่าที่มันว้อนท์อยากจะมาเป็นกระเป๋าให้ผมเนี่ย คงเพราะมันขับรถไม่เป็น ไม่งั้นก็ขับได้ห่วยแตกชนิดที่พี่ตำรวจยังต้องส่ายหน้า ไม่งั้นมันคงไม่ยอมมายืนขาแข็งตะโกนชิดในเลยเพ่ๆ แบบนี้แน่ๆ แล้วคุณก็รู้ๆ กันอยู่ใช่มั้ยว่าไอ้คาเงยามะนี่มันค่อนข้างจะมีปัญหาเรื่องการเข้าสังคมเพราะมันเข้ากับคนอื่นยาก (อันที่จริงผมว่ามันชอบคิดว่าคนอื่นคือขี้ที่ติดรองเท้าของมัน) มันก็เลยมาเป็นแพ็คคู่กับผม เพราะผมเป็นคนเดียวที่มันรู้จักไง แหม่ ผมนี่ช่างเป็นบุคคลผู้ส่องสว่างสดใสในโลกมืดมนของมันจริงๆ

                  อ้าว เมาท์เพลินไปหน่อย มาถึงป้ายซะแล้ว ป้ายนี้คนเยอะซะด้วย จอดรับซะหน่เดี๋ยวนะ ผมว่าผมเห็นสิ่งของอันตรายจากระยะ 300 เมตร และถ้าผมมองไม่ผิดไปล่ะก็ นั่นมัน...

                  บ้าเอ๊ย ใช่จริงๆ ด้วย นั่นมัน โออิคาวะ !

                ไอ้คนที่เป็นถึงนักวอลเล่ย์บอลชื่อดัง แต่ดันทำตัวโรคจิตตามมาดักรถเมล์ของผมแทบทุกป้ายที่พี่แกจะไปได้ เพื่อที่จะได้...ขึ้นมาลวนลามเร้าหรือพ่อกระเป๋ารถเมล์ผู้อาภัพของผม...

                  อนาถดีมั้ยล่ะครับ พ่อคนหล่อคนดังของสาวๆ ทั่วประเทศ แต่ตัวจริงเป็นแค่ไอ้หื่นกามที่ขอแค่ได้ลูบไล้ต้นแขน “โทบิโอะจัง” ซัก 2 ป้ายรถเมล์ก็พอใจ...

                  แต่ ! ผมคนนี้ ฮินาตะ โชโยว คนนี้ จะ-ไม่-ทน ! ผมทนเห็นไม่ได้ ผมทนเห็นภาพบาดตาบาดใจบาดไปถึงหูรูด...เอิ่ม ขอโทษครับ ก็แค่แบบว่า...ผมไม่ชอบน่ะ แหม ถึงผมกับมันจะกัดกันแทบตาย แต่เราก็กัดกันด้วยความรักล้วนๆ เลยนะครับขอบอก !

                ว่าแล้วผมก็ตบเกียร์เลียนแบบพี่วิน ดีเซล ในฟาสต์ไฟว์ (ถึงมันจะเป็นแค่รถเมล์เก่าๆ ส่งเสียงกึงๆๆ ตอนขับ แต่มันก็ตบเกียร์ได้นะครับ !) เตรียมตัวดริฟต์เหินเวหาออกขวาเต็มที่ประหนึ่งรถเมล์ฟรีขับหนีประชาชนที่เขาร่ำลือกัน ขอโทษนะครับผู้โดยสารที่รักยิ่งทุกท่าน ผมยอมเสียสละให้พวกคุณทุกคนขึ้นคันหลัง เพราะผมจะไม่ยอมให้ไอ้โออิคาวะมันขึ้นมาเด็ดขาด ขอสาบานด้วยเกียรติของลูกเสือสำรองและสามัญทุกรุ่นทั้งเล็กกลางใหญ่เลย สาบานว่าผมจะไม่รั—

       

      ตี้ดดดดดดดด ๆๆๆๆๆๆๆๆ

       

      แต่เสียงกดกริ่งรัวๆ ของไอ้กระเป๋ามืดมนที่ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยก็ทำเอาคำสาบานของผมกลายเป็นฟองน้ำลายไปในทันใด บ้าเอ๊ย นี่ฉันกำลังช่วยแกอยู่นะ !

      “แกจะออกขวาไปไหนวะไอ้บ้านี่ ไม่เห็นรึไงว่าป้ายนี้คนเยอะแยะน่ะ แกจะไม่เอาผู้โดยสารเรอะ จะปล่อยให้ไอ้คันที่จี้ตูดอยู่ข้างหลังนี่มันแย่งไปใช่มั้ย ?! เออ ได้ แกลุก ฉันจะขับเอง แกไปยืนเก็บเงินซะไป !” มันเดินดุ่มๆ เข้ามาแว้ดๆ ใส่ผมที่ตอนนี้กำลังพยายามจะกลับเข้าเลนซ้ายเพื่อไปรับผู้โดยสารตามที่พี่ท่านบัญชามา พร้อมกับพูดประโยคที่ทำเอาผู้โดยสารทั้งคนรถถึงกับสติแตกมองหน้ากันเลิกลั่ก

                  นี่แกไม่รู้หรือไงว่าไอ้การที่กระเป๋ากับคนขับแท็คมือแล้วเปลี่ยนโพซิชั่นกันมันเป็นอะไรที่สยองที่สุดน่ะ !

      “แต่ฉันว่าให้คันหลังไปก็ได้ เพราะว่าป้ายนี้มัน—”

      “ทำไม มันมีขี้หมาเรอะ ?! ล้อรถเมล์เหยียบไปก็ไม่มีใครเหม็นหรอก”

      “ไม่ใช่ ฉันจะบอกว่าป้ายนี้—”

      “ป้ายนี้มันทำไม ? คนเยอะ ? ก็ดีแล้วไง ผู้โดยสารเยอะๆ สิถึงจะดี เป็นคนขับรถเมล์ประสาอะไรถึงอยากให้รถมันโล่งโจ้งวะ”

      “เปล่า แต่ป้ายนี้—”

      “มันทำไมเล่า แกนี่พูดอึกอักๆ ฟังไม่รู้เรื่องมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ มีอะไรก็รีบพูด—”

      “โว้ยยยย ! ปัดโธ่ ! แกก็อย่าขัดสิวะ บ้าชิบ ถึงป้ายแล้วด้วย ฉันจะบอกว่า ป้ายนี้โออิคาวะดักอยู่ !

      “........แล้วทำไมแกถึงไม่รีบบอก”

      “แล้วแกเปิดโอกาสให้ฉันบอกไหมล่ะ...แย่ล่ะ มันเดินมาต่อแถวแล้ว”

      “ออกขวาซะ ทิ้งมันไว้นี่แหละ”

      “จะบ้าหรือไง ผู้โดยสารยังขึ้นไม่หมดนะ”

      “ก็ปิดประตูใส่มันไปเลยสิ ไม่ต้องให้มันขึ้นมา”

      “แกติงต๊องรึเปล่าเนี่ย ถ้าปิดตอนนี้มันก็หนีบหน้าคุณป้าที่ยืนอยู่ข้างหน้ามันน่ะสิ”

      “แล้วจะให้ทำยังไง ?!

      “ปล่อยมันซะ Let it go แกเป็นคนบอกให้จอดเอง รับกรรมไปซะเถอะ” คาเงยามะทำหน้าเหมือนกำลังจะประสาทเสียเข้าไปทุกที แต่สุดท้ายก็จำใจเดินไปเก็บค่าโดยสารตามหน้าที่กิตติมศักดิ์ของตัวเองเหมือนเดิม แล้วคนที่เสนอหน้ามาจ่ายคนแรกจะเป็นใครไปได้ล่ะครับ นอกเสียจากคุณพี่โออิคาวะสุดหล่อผู้ซึ่งทำตาเยิ้มยิ่งกว่าคนเมายาใส่คาเงยามะที่ทำท่าทางขนลุกขนชันอย่างน่าสงสาร (แต่ผมดันสะใจอยู่ลึกๆ เนี่ยสิ แย่จริงๆ)

       

      “โทบิโอะจัง วันนี้ก็น่ารักอีกแล้วน้า ~

      “หยุดเรียกผมแบบนั้นซะทีเถอะครับ มันน่าอายน่ะ”

      “ก็แหม โทบิโอะจังก็คือโทบิโอะจังนี่ จะให้เรียกเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไง”

      “ถ้าตัด จัง ออกไปได้จะดีมากเลย...นี่ตั๋วครับ”

      “ตัดทำไมล่ะ น่ารักดีออก เนอะ ฮินะจัง” นั่นแน่ มีส่งบทต่อมาให้ผมซะด้วย ว่าแต่ ฮินะจังนั่นมันอะร้ายยยยยยย

      “อย่าเรียกแบบนั้นเลยครับ...น่าเกลียดกว่าชื่อผมซะอีก” อ้าว ไอ้นี่ เดี๋ยวปั๊ดเหยียบเบรกเป็นจังหวะอาร์แอนด์บีซะหรอก

      “แหม จะให้เรียกแค่โทบิโอะจังคนเดียวก็ไม่บอก” นี่ก็มโนไปถึงไหนแล้วล่ะนั่น อาการท่าจะหนักอยู่นา

      “เปล่าครับ ผมแค่ไม่ชอบให้เรียกแบบนั้น”

      “เห ทำไมล่ะ น้อยใจเหรอ ? ถ้างั้นฉันจะเรียกแค่โทบิโอะจังคนเดียวก็ได้น้า ~” เฮ้ยๆๆ มือน่ะเริ่มเลื้อยแล้ว เห็นนะเฟ้ย ว่าแต่แกได้หันมองรอบข้างกันบ้างรึเปล่าว่าเขาตีวงออกไปแบบหวาดผวากันแล้วน่ะ หา !

      “ผมหึงน่ะครับ” ห้ะ หึง ? แกหึงบ้าอะไรของแกวะ กระทิงแดงทำพิษรึไง

      “หึง ? หึงฉันเหรอ ? แหม แล้วก็ไม่รีบบอก—”

      “ผมหมายถึงฮินาตะน่ะครับ อย่าเรียกว่าฮินะจังอีก เพราะผมหึง ผมไม่ชอบ” เอาล่ะสิครับ ดอทๆๆ กันทั้งคันรถ กระทั่งโออิคาวะผู้มาดมั่นก็ยังทำหน้าเงิบระดับสิบ ส่วนผมน่ะเหรอ ? เหยียบเบรคแทนคันเร่งไปเรียบร้อยแล้วล่ะ...

      “เฮ้ย คาเงยามะ ฉันว่าเรื่องนี้มัน—”

      “แกน่ะเงียบปากไปเลย แล้วรถน่ะจะหยุดทำไม ขับต่อไปเซ่ คนอื่นเขาเสียเวลานะเฟ้ย” ครับพี่ เงียบก็ได้ครับ อารมณ์โรมานซ์ลดลงจนแห้งเหือดหมดกราฟแล้วครับพี่

      “อ้าว นี่ทั้งสองคนเป็น...แบบนั้น...กันเหรอ ?” แบบนั้นนี่มันแบบไหนครับพี่ พูดมาให้ชัดๆ พูดกำกวมแบบนี้คนเขาเข้าใจผิดหมดนะครับ !

      “แล้วคิดว่าใช่มั้ยล่ะครับ” ไอ้นี่ก็ยังไปเล่นตามบทเค้าอีก แกก็แก้ตัวหน่อยเซ่ เพราะว่า...

                  ฉันเขินจนเหยียบผิดๆ ถูกๆ ไม่รู้อันไหนเบรกอันไหนคันเร่งแล้วเว้ยยยยย !

       

      “เอ่อ เหรอ งั้น...เดี๋ยวฉันจะลงตรงนี้ล่ะ จอดให้ทีนะ...” โออิคาวะพูดเสียงเจ็บปวดแสนสาหัสราวกับโดนหักอกจนถึงขนาดที่ป้าคนข้างๆ ถึงกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตา โธ่ อะไรจะอินขนาดนั้นครับคุณป้า !

                หลังจากโออิคาวะผู้ช้ำรักได้เดินจากไปพร้อมกับความขมขื่น (เพราะจ้องจะข่มขืนคาเงยามะแต่ไม่สำเร็จ) เดินลงจากรถไป ผมก็วนส่งจนผู้โดยสารคนสุดท้ายลงจากรถ จากนั้นก็กลับมาเข้าอู่ เสร็จแล้วสำหรับงานวันนี้ เฮ้อ ปวดขาจริงๆ ถ้ามีคนมานวดให้ล่ะก็...

      “ไปกินข้าวกันมั้ย ?” วันนี้มาแปลกแฮะ ชวนไปกินข้าวด้วย ทุกทีแค่ซาลาเปาอันเดียวยังให้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

      “หืม ที่ไหนล่ะ ?” ถามไปงั้นแหละ ผมว่าอย่างไอ้คาเงยามะนี่อย่างมากก็ร้านราเมงล่ะ

      “บ้านฉัน ไปมั้ย ?” ห้ะ เดี๋ยว นี่ผมโดนมันเอากระบอกตั๋วมาเขย่าใส่หูบ่อยๆ จนหูเพี้ยนไปแล้วเรอะ เหมือนจะได้ยินมันชวนไปบ้าน

      “......”

      “ว่าไง จะไปรึเปล่า ฉันจะได้นวดขาให้ด้วย แกปวดขาใช่มั้ยล่ะ เดินกะเผลกแปลกๆ นี่” ถ้าผมยิ้มตอนนี้ มันจะหาว่าผมบ้ามั้ยเนี่ย

      “.....อืม ไปก็ได้”

      “ยิ้มบ้าอะไรของแก ไปก็ไปสิ จะมายิ้มทำไม ไปบ้านฉันไม่ใช่ดิสนี่ย์แลนด์นะ”

      “เออ ไม่ยิ้มก็ได้ แกก็นำไปสิ คิดว่าฉันรู้ทางเรอะ”

      “เออๆ ไปกันได้แล้ว ฉันคงไม่ต้องจูงมือใช่มั้ย เตี้ยแล้วยังชอบหลงทาง”

      “ฉันไม่ใช่เด็กนะเว้ย ! ไปสิ หิวแล้ว”

      “เออ ตามมาดีๆ ละกัน ถ้าตามไม่ทัน หลงไปฉันไม่ไปตามหาหรอกนะ”

      “เออน่า เดินไปๆ”

       

      แต่ผมรู้ ว่าถ้าผมหายไปจริงๆ ล่ะก็ คาเงยามะจะต้องตามหาผมจนกว่าจะเจอแล้วถามว่า “ไอ้บ้าเอ๊ย แกหายไปไหนมา ตามหาแทบแย่” แน่ๆ เลยล่ะ ทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอ ?

                  เพราะคนๆ นั้นคือ คาเงยามะ โทบิโอะ ยังไงล่ะครับ.

       

       

       

      End.

       

       

      Talk.

      สวัสดีค่า โผล่มาลงฟิคล่ะ ปั่นเสร็จภายในวันเดียว 5555555555

      จริงๆ แล้วอยากลงฟิคดราม่าก่อนนะ แต่ช่วงนี้งานเข้ามาเยอะ-มาก ราวกับอาจารย์ทุกวิชานัดกันขโมยเวลาว่างของเราไป ฟิคก็เลยไม่กระเตื้องไปไหนเลย ฮืออออออออออ

       

      สำหรับฟิคเรื่องนี้ เกิดจากที่อยู่ดีๆ เราก็นึกอยากเล่นแท็ค #ถ้าโทบิโอะเป็นกระเป๋ารถเมล์ ในทวิตเตอร์ค่ะ แล้วถ้าฮีเป็นกระเป๋า แน่นอนว่าคนขับต้องเป็นฮินะ มันถึงจะเคมีเข้ากัน กร๊ากกกกกก

      แล้วทีนี้ มันก็ต่อยอดกลายมาเป็น #มหกรรมเปลี่ยนหนุ่มวอลเล่ย์ให้เป็นหนุ่มบขส. แล้วก็กลายมาเป็นฟิคบขส.สไตล์แบบตอนนี้ค่ะ กุบกิบใช่ม้าาาาา อิ___อิ

      แล้วก็ เรื่องสำคัญตอนนี้...กราบขอโทษแม่ยกโออิคาวะทุกคนเลยนะคะ ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายนะ แง้ แต่แบบ เคยได้ยินกันใช่มั้ยคะ เรื่องผู้โดยสารที่ลวนลามกระเป๋ารถเมล์ คือถ้ากระเป๋ารถเมล์เป็นโทบิโอะแล้วล่ะก็ คนเดียวที่อยากลวนลามก็ต้องเป็นโออิคาวะนี่แหละค่ะ (สถิตินี้ไม่นับรวมแฟนเกิลที่เลือดลมเดือดพล่านตอนเห็นขาอ่อนโทบิโอะ)

      ยังไงก็ขอขอบคุณทุกท่านที่หลงเข้ามาอ่าน จะด้วยกดผิด กดโดน หลงมา โดนบังคับยังไงก็แล้วแต่ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ  โอกาสหน้าฟ้าใหม่แต่อากาศยังร้อนเหมือนเก่า มาเจอกันใหม่นะคะ *โค้ง*


       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×