คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER : 13,14
13
[dinner Talk]
วาเลนส์พาฉันมาที่ร้านอาหารแถวบ้านแห่งหนึ่งซึ่งนามของชื่อนั้นก็คือ ‘Foot Gun’ อาหารปืน ... เอ่อ ฉันว่าอย่าแปลทีละความหมายเลยนะ มันดูแปร่ง ๆ ไม่เข้าท่ายังไงก็ไม่รู้ ว่ามั้ย =_= เอาเป็นว่าตอนนี้วาเลนส์ได้พาฉันออกมากินข้าวข้างนอกอย่างสมอารมณ์หมายแล้ว สดชื่นนนนน
กลับมาจากโรงเรียนแล้วได้กินมื้อเย็นในบรรยากาศดี ๆ ตากแอร์เย็น ๆ แบบนี้ มันเป็นอะไรที่ฉันชอบสุด ๆ ไปเลยแหละ โดยเฉพาะวันนี้ดูเหมือนฉันโปรดปรานสิ่งนี้มากสักหน่อยก็เพราะว่า ... วันนี้มีคาบพละสองคาบเลยไง เล่นเอาเหนื่อยกันจนเหงื่อท่วมตัวเลยทีเดียว
คนตัวสูงเดินนำหน้าฉันเข้าไปภายในร้านอาหารปืนนี่เรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็มาหยุดฝีเท้าที่โต๊ะที่ติดกับกระจกซึ่งมองเห็นบรรยากาศภายนอกของร้าน ... ตามจริงฉันคิดว่าคนส่วนตัว ๆ อย่างวาเลนส์จะให้ฉันไปนั่นฟากซ้ายมือนั่นซะอีกนะนั่น ก็เขาค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูงนี่เนอะ
“นั่งตรงนี้แหละ เดี๋ยวอีกไม่นานบริกรก็เดินมาให้เมนูแล้ว”
“โอเคค้าบ ! เรื่องเมนูน่ะตามจริงไม่ต้องพูดก็ได้ ฉันก็พอรู้อยู่น่าว่าจะต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว”
“เถียงฉันทุกคำจริง ๆ เลยน่า”
วาเลนส์หัวเราะเบา ๆ ก่อนที่จะนั่งฟากตรงข้ามกับฉัน หลังจากที่เขาเลื่อนเก้าอี้ห่างโต๊ะพอสมควรเป็นนัย ๆ ให้ฉันนั่งแล้ว ... มันก็ไม่ได้โรแมนติกอะไรหรอก แต่ว่า อยู่ดี ๆ ฉันก็รู้สึกปลื้มเขาขึ้นมาน่ะ
ภายในร้านก็เป็นสไตล์การตกแต่งที่เรียบง่ายโดยใช้สีเหลืองออกน้ำตาลนิด ๆ ตัดเข้ากับสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งทำให้มองดูแล้วมันสบายตาและไม่แสบตาเกินไปดี และระหว่างรอเมนูอยู่นี้ฉันก็มองข้างนอกฆ่าเวลาไปด้วย
... ที่เขาเลือกที่จะนั่งตรงนี้ เหมือนกับรู้แน่ะว่าฉันชอบมองอะไรผ่านหน้าต่าง หรือว่า ... ฉันจะคิดไปเองคนเดียวนะ ??
“เป็นไง ชอบมั้ยร้านนี้น่ะ”
“ก็โอเคดี แต่ถ้าจะให้บอกว่าชอบมั้ย ... ต้องรอให้ฉันกินมื้อเย็นของที่นี่ให้เสร็จก่อนนะ”
“โธ่ ... เธอนี่มันไม่รู้จักคำว่า ‘ประเมิน’ เลย”
“ทำไมฉันจะไม่รู้จัก ก็ฉันบอกแล้วไงว่ารอให้กินอาหารให้เสร็จก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยบอก ... ซึ่งมันก็เหมือนการประเมินที่ว่านั่นแหละ”
“ไม่หรอกดินเนอร์ มันไม่เหมือนกันเลยเธออย่ามั่วสิ !”
วาเลนส์ทำท่าเอื้อมมือจะเข้ามาตบหัวฉันเบา ๆ แต่ฉันก็เอนตัวหลบฝ่ามือหนานั่นทัน อะไรเนี่ย ... พูดเป็นตบอยู่เรื่อยเลย ผู้ชายคนนี้ ! เห็นหัวฉันเป็นอะไร
ทะเลาะกันได้ไม่นานบริกรของที่นี่ก็เดินเข้ามาที่โต๊ะที่ฉันนั่งกับวาเลนส์ พร้อมกับนำเมนูอาหารมาให้พวกฉันสองคน ซึ่งสิ่งนี้มันก็ทำให้ฉันกับวาเลนส์เลิกเถียงกันโดยทันที และพอกวาดสายตาดูไปได้ไม่นานนัก ฉันก็รู้แล้วว่าตัวเองควรจะกินเมนูอะไรของร้านนี้ ...
สปาเก็ตตี้หน้าข้าวสวย ... แปลกดีแฮะ ลองสักหน่อยล่ะกันนะ ...
“ฉันเอาสปาเก็ตตี้หน้าข้าวสวยค่ะ / ผมเอาสปาเก็ตตี้หน้าข้าวสวยครับ”
ฉันกับวาเลนส์หันมามองหน้ากันทันที เมื่อต่างฝ่ายต่างพูดชื่อเมนูอาหารเดียวกันออกมา! นี่ฉันคิดว่าเมนูไม่น่าจะซ้ำกับวาเลนส์และแปลกประหลาดที่สุดแล้วนะ ไหงกลับกลายเป็นว่าเขามาสั่งเมนูเดียวกันกับฉันได้เนี่ย
ถึงแม้ว่าฉันกับวาเลนส์จะทำสีหน้าแปลกประหลาดใจมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าบริกรที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นี้ก็เลคเชอร์ใส่กระดาษโน้ตเล็ก ๆ ลงไปแล้ว
“ตกลงว่าเป็นสปาเก็ตตี้หน้าข้าวสวยสองที่นะครับ”
“เดี๋ยวฉัน ... !”
“ครับ เอาตามนั้นล่ะครับ”
วาเลนส์ยกมือขึ้นมาห้ามฉันทันที ก่อนที่จะพยักหน้าตอบรับบริกรตรงหน้านี้ไป ... เอ้ย ! ฉันอุตส่าห์พยายามจะเปลี่ยนเมนูใหม่แล้วนะ ก็ถูกขัดขวางซะได้ ... ที่ฉันไม่อยากกินเมนูที่ซ้ำกับวาเลนส์อย่างนี้ ก็เพราะว่า ... ฉันอยากจะลองกินเมนูของที่ร้านอาหารนี้หลาย ๆ เมนูไง อย่างน้อยสองเมนูก็ยังดี เพราะแต่ละเมนูในร้านอาหารนี้ล้วนแปลกแหวกแนวกว่าร้านอาหารทั่วไปไม่เบาเลย
เมื่อบริกรเดินออกไปแล้ว ฉันก็ค่อย ๆ ยื่นขาใต้โต๊ะเข้าไปเตะขาวาเลนส์เบา ๆ อย่างเคืองนิด ๆ
“วาเลนส์ ! นายจะขัดฉันทำไมเนี่ย เห็นมั้ย ... ฉันอดกินเมนูที่แตกต่างเลย !”
“ทำไมล่ะ ? กินเมนูที่เหมือนกันก็ดีออกนะ เผลอ ๆ จานของเธอมีเครื่องน้อย เธอก็จะได้มาเอาเครื่องปรุงจากฉันไง ไม่ดีเหรอ ??”
“ไม่ดี ! นายจะมากินเมนูเดียวกันกับฉันทำไมเนี่ย ใจจริง ๆ แล้วฉันอยากจะลองกินหลาย ๆ เมนูของที่นี่มากกว่านะ”
“งั้นก็สั่งอีกสิ เรื่องนี้ไม่เห็นจะน่ามีปัญหาตรงไหนเลย”
“เหรอ ... พูดอย่างนี้นี่นายรวยมากนักหรือไงฮะ”
“ก็คงจะประมาณนั้น ... แต่ฉันมั่นใจล้านเปอร์เซนต์เลยว่า ... ฉันจะต้องมีเงินในกระเป๋ามากกว่าเธอแน่นอน”
ดูถูกกันได้เจ็บแสบดีเหลือกินนะ ! ฮึ่ยยยยยยยยยยย !
วาเลนส์ยักคิ้วส่งมาให้ฉันอย่างกวนประสาท ก่อนที่จะหยิบเมนูตรงหน้าขึ้นมาเปิดอ่านอย่างชิล ๆ ดูถูก ! นี่ถ้าไม้หน้าสามมาอยู่ข้าง ๆ ฉันล่ะก็ ป่านนี้ฉันคว้ามันขึ้นมาตีหัวเขาแล้ว แต่ว่าถ้าเขาพูดแบบนี้ ... ก็แสดงว่า มื้อนี้เขาจะเป็นคนเลี้ยงน่ะสิ ! ไชโยโห่ฮิ้ววววว ถ้าเป็นอย่างนั้นมื้อนี้ฉันจะจัดให้เต็มหนำเลย !
ฉันหยิบเมนูขึ้นมาเปิดอ่านตาม ก่อนที่จะใช้คางเท้ากับมือ และกวาดสายตาไปรอบ ๆ เมนูอย่างใช้ความคิดว่าควรจะสั่งเมนูอะไรออกไปดี ... อา เลือกไม่ถูกเลยแฮะ อันนี้หน้าตาก็ดีชื่อก็สะท้านฟ้า ส่วนอันนี้ชื่อก็งาม แต่หน้าตาก็กึกก้องสะท้านโลก เอาอันไหนดี ... จิ้มไม่ถูก
♫~
สันหลังของฉันตั้งตรงเกือบดังกร๊อบ ! เมื่อจู่ ๆ ก็มีเสียงเหมือนโทรศัพท์มือถือของใครสักคนดังขึ้น และเมื่อเสียงมันดังขึ้นมาเรื่อย ๆ ปรากฏว่าเป็นของวาเลนส์นั่นเอง เขาหยิบมันขึ้นมาดูที่หน้าจอก่อนที่จะต้องขมวดคิ้วมุ่น และเงยหน้าขึ้นมาหาฉัน
“ดินเนอร์ ... เธอนั่งดูเมนูไปก่อนนะเดี๋ยวฉันมา”
“อือ”
ฉันพยักหน้ารับสั้น ๆ ไปก่อนที่จะกวาดสายตามองดูเมนูต่ออย่างไม่สนใจวาเลนส์ต่อไปอีก แต่พอเขาเดินออกไปจากตรงนี้เท่านั้นแหละ ฉันก็เอาเมนูอาหารออกจากสายตาลง ก่อนที่จะชะเง้อคอมองว่าเขาไปคุยโทรศัพท์ตรงไหน ... อา ตรงหัวมุมข้างนอกร้านนั่นเอง ที่ทำอย่างนี้ไม่ใช่อะไรหรอก ถ้าเกิดเขาชิ่งหนีฉันไปแล้วฉันจะกลับบ้านยังไงล่ะ จริงมั้ย ??
ฉันถอนหายใจโล่งอก ก่อนที่จะกวาดสายตามองเมนูต่อ แต่ทว่าทันใดนั้น ... !
“สาวน้อย ~ จำกันได้มั้ยเอ่ย !”
ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาพร้อมกับที่เก้าอี้ตรงข้ามก็ถูกผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่วาเลนส์มานั่งแทน ! เขามีเรือนผมสีดำไฮไลท์สีน้ำตาลเข้มนิด ๆ ที่เสยขึ้นไปเผยให้เห็นหน้าผากที่ไม่กว้างไม่แคบจนเกินไปนัก พร้อมกับเสื้อเชิ้ตสีเทาที่ดูแล้วเข้าบุคคลิกเจ้าเล่ห์ของเขาสุด ๆ เขาส่งยิ้มให้ฉันอย่างมีเลศนัย ก่อนที่จะเปิดเมนูและเก๊กท่าทำเท่
“จำกันได้มั้ย ? อะไรเหรอคะ ?”
“เอ้า ! ก็ตอนที่เราเจอกันที่ร้านเหล้าเพนโทรอนนั้นไง เธอจำไม่ได้แล้วเหรอ”
“เอ๋ ?”
ฉันครางออกไปเบา ๆ อย่างสงสัยพร้อมกับชะเง้อคอเข้าไปนิด ๆ เพื่อต้องการจะสแกนหน้าเขาว่าเราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า เอาอีกแล้ว ... ร้านเหล้าเพนโทรอนอีกแล้ว เฮ้อ ทำไมจะต้องมีอะไรที่เกี่ยวกับร้านเหล้าเพนโทรอนมาให้ฉันนึกบ่อย ๆ จังเนี่ย ฉันเองก็ยิ่งเป็นคนขี้ลืมที่ไม่ลืมขี้อยู่ด้วยนะ
คนตรงหน้าฉันวางเมนูลง ก่อนที่จะหันหน้ามาหาฉันเพื่อให้ฉันได้จับจ้องมองขุดความจำของตัวเองขึ้น ... เอ ดูเลา ๆ แล้วฉันว่า ฉันน่าจะนึกออกแล้วแหละ ว่าเราเคยเจอกันที่ไหน ...
... (เวลาผ่านไปหนึ่งนาที)
ปิ๊งป่อง ! ฉันจำได้แล้ว ! ฉันเคยเจอเขาที่ร้านเหล้าเพนโทรอนตอนวันเกิดของฉันนี่เอง เขาเป็นคนช่วยให้ฉันเข้ามาในร้านนั่นเพื่อมาหาของสิ่งนั้น ก่อนที่จะออกค่าใช้จ่ายให้ฉันกับไดอาร์ทั้งหมดภายในร้านเหล้านั่นโดยที่ไม่คิดอะไรย้อนหลังกับพวกฉันสองคนเลย
อา ... เขาคนนี้นี่เองที่เป็นตัวช่วยของพวกฉัน
“อ๋อ ! ฉันจำนายได้แล้ว นายใช่มั้ย ! ที่พาเราเข้าไปในร้านเหล้าเพนโทรอนนั่นน่ะ”
“ใช่ ! ความจำสั้นจังเลยนะเธอเนี่ย ผ่านไปแค่อาทิตย์กว่า ๆ เองฉันยังจำได้เลยนะว่าเคยเจอเธอ”
“โทษทีน่ะ ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ แล้ว ... นายรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่น่ะ”
“ต้องเป็นความบังเอิญมากกว่านะ ที่ฉันเห็นเธอ และที่สำคัญ ... ฉันก็ดันมาเห็นเธอ ‘หมอนั่น’ ซะด้วยสิ”
คนตรงหน้าฉันเน้นคำว่า ‘หมอนั่น’อย่างต้องการจะสื่อความนัยว่าเขาหมายถึงคนที่มากับฉันด้วย ซึ่งนั่นก็คือวาเลนส์ ... ถ้าฉันเดาไม่ผิด ฉันมองหน้าเขาอย่างสงสัยแกมจับผิดนิด ๆ ก่อนที่จะกำเมนูในมือตัวเองแน่นด้วยความไม่ไว้วางใจทันที เมื่อเขาแสยะยิ้มเหมือนโรคจิตขึ้นมา
“ทำสีหน้าอย่างนั้นหมายความว่ายังไงน่ะ ? ฉันไม่ได้มาทำอะไรเธอหรอกนะไม่ต้องห่วงไปหรอก”
“แล้วนาย ... นาย ...”
“มีเรื่องที่อยากจะให้เธอช่วยหน่อยน่ะ หวังว่าเธอคงจะช่วยฉันได้นะ”
“ช่วย ? ช่วยนาย ?”
“ใช่ ... ช่วยฉัน ... ฉันมีร์แซนยินดีที่ได้รู้จักนะ”
บุคคลตรงหน้ายื่นมือมาทำท่าจะเช็กแฮนด์กับฉัน แต่ดูท่าทางของเขาแล้ว ... มันไม่น่าจะเช็กแฮนด์ด้วยเลยอ่ะ ฉันก็เลยได้แต่ยิ้มแหย ๆ ตอบกลับไป เรื่องอะไรที่ฉันจะเช็กแฮนด์ด้วยล่ะ คนสมัยนี้ยิ่งไว้ใจกันไม่ได้อยู่
“ส่วนฉัน ... ดินเนอร์ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
“นี่คือนามบัตรฉันมีปัญหาอะไรก็โทรมาได้” มีร์แซนยื่นบัตรที่ผ่านการเคลือบมาแล้ว ก่อนที่จะกดอกและหรี่ทำท่าจะพูดเรื่องต่อไปต่อ “และระหว่างที่เธอกำลังจะช่วยฉันนี้ เธอจะต้องโทรมารายงานฉันทุกวัน”
“เดี๋ยว ... !”
“หยุด ! เธอคือผู้โชคดีที่ถูกฉันรับเลือกมาแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าปฏิเสธ ... ไปทำทุกวิถีทางวิธีไหนก็ได้เพื่อให้ได้ขวานทองคำนั่นมาซะ ... ไม่ว่าวิธีนั้นจะโจ่งแจ้งหรือลึกลับก็ตาม แต่เธอก็ต้องทำนะ โอเค้”
“แต่ว่า ... !”
“ไม่มีแต่ นี่คือคำสั่งทางอ้อม ... เพราะฉะนั้นจงทำซะนะ ดินเนอร์ ~”
มีร์แซนพูดทิ้งท้ายไว้อย่างร่าเริง ก่อนที่จะเดินออกไปเฉยเลยโดยที่ไม่หันมาสนใจเลยสักนิดว่าฉันจะตกลงหรือเปล่า ! จะถามคำถามอะไรไป หมอนี่ก็เอาแต่ยกมือห้ามตลอด ชิทเอ๊ย ! มานั่งกินข้าวข้างนอกอยู่ดี ๆ ฉันก็โดนใครไม่รู้มาเผด็จการเข้าให้ซะเฉยเลย ...
อา ... ให้ตายสิ ทำไมทุกอย่างต้องมาลงที่ฉันอย่างนี้นะ พี่เก็นก็จะเอาขวานทองคำนั่น มีร์แซนก็จะเอาขวานทองคำนั่นอีกเหมือนกัน ชิทเอ๊ยยยยยยยยย
14
ฉันค่อย ๆ ลืมเปลือกตาตัวเองขึ้น เมื่อรู้สึกว่าชาร์จแบตตัวเองเต็มที่เรียบร้อยมาประมาณสิบชั่วโมงกว่าแล้ว อา ... ความรู้สึกที่หลับเต็มอิ่มเหมือนนอนหลับไปสิบชาติแบบนี้ มันเป็นอะไรที่ฉันต้องการมานานแสนนานแล้วล่ะ ฮ้าววววว วันหยุดทีไรฉันก็ได้นอนหลับเต็มอิ่มแบบนี้ทุกทีเลยชอบจัง
ไม่นอนระลึกความหลังกับเพดานอยู่นานนัก ฉันก็ยันตัวเองลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินไปเข้าห้องอาบน้ำที่อยู่ภายในห้องนอนของฉันนี้ แต่ทว่า ... ฉันก็ต้องชะงักฝีเท้าเอาไว้ที่หน้ากระจกแบบกระทันหันซะก่อน เมื่อรู้สึกว่าตอนเดินผ่านกระจกมานั้น ... มันเหมือนกับมีอะไรสีเหลือง ๆ อยู่บนหัวฉันเลยหว่า เอ๊ะ หรือว่า ... ไอ้สีเหลือง ๆ ที่แวบ ๆ เนี่ยฉันจะตาฝาดไปเองนะ ?
ด้วยความไม่แน่ใจฉันก็เลยรีบหมุนลำตัวให้เข้าหากับกระจกบานใหญ่ที่เห็นได้ทั้งตัวทันที ! และเมื่อทำแบบนั้นปุ๊บ สีเหลืองที่ฉันเห็นแวบ ๆ ก็เฉลย ... คำเฉลยที่ได้รับจากกระจกก็คือ ... ผมของฉันในตอนนี้ได้กลายเป็นผมสีเหลืองอำพันทั้งหัวเลยตอนนี้ !
หะ ... ฮะ ผมของฉันกลายเป็นสีเหลืองงั้นเหรอ ... ได้ไงอ่ะ ก็เมื่อวานนี้ผมฉันยังเป็นสีดำอยู่เลยหนิ มันจะไปเป็นสีเหลืองได้ยังไงกัน !!!!!! ฉันสาบานได้เลยนะว่าเมื่อวานไม่ได้เข้าร้านทำผมหรือทำอะไรเลยกับทรงผมของตัวเองจริง ๆ แล้วสีเหลืองนี่มันจะมาครอบครองพื้นที่ในหัวของฉันได้ยังไง ในเมื่อฉันไม่ได้ไปทำอะไรกับมัน ! กรี๊ดดดดดดดดดด ! มันจะเป็นแบบนี้ไม่ได้นะ ไม่ได้ ! ใครก็ได้ช่วยเอามันออกไปที ฉันไม่ชอบเลย TTOTT !
หลายครั้งที่ฉันพยายามขยี้ตาตัวเองและผมตัวเองไปพร้อม ๆ กันจนฉันรู้สึกเจ็บแสบกับทั้งสองอย่างไปหมด จนต้องปล่อยลงออกจากสองสิ่ง ... เฮ้ย นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดจริง ๆ เหรอเนี่ย ขยี้ตาจนเจ็บไปหมดหวังว่าผมสีดำของฉันจะกลับมา แต่สีเหลืองก็ยังอยู่ยงคงกะพันอ่ะ ! ไม่เอานะ ! ไม่เอา ! ถ้าเป็นแบบนี้ฉันคงออกไปจากบ้านไม่ได้แล้วล่ะ ฉันไม่ชอบแบบนี้ ~! ฮือ ๆๆๆ เอาผมสีดำฉันกลับคืนม้า !
ฉันได้แต่ฟูมฟาย ๆ จนจะเป็นบ้าและยังขย้ำหัวตัวเองไม่เลิก โอ๊ยยยยย ปวดหัวอ่ะ ! ทำไมอยู่ดี ๆ ผมฉันก็เป็นแบบนี้ได้เนี่ย บ้าไปแล้ว ! บ้าไปแล้วววววววว
หรือว่าสาเหตุที่เกิดขึ้นนี้ ... มันจะมาจากแม่ .... ต้องใช่แม่แน่ ๆ เลย ! ที่แอบย่องเข้ามาในห้องฉันตอนหลับแล้วจับหัวฉันให้เป็นแบบนี้ ! ก็แม่ฉันพูดอยู่บ่อย ๆ นี่นา ว่าผมฉันเหมาะกับสีเหลืองและอยากจับฉันโกรกมาก ๆ แต่ฉันก็ไม่ยอมพร้อมกับที่ว่าผิดกฏระเบียบทางโรงเรียนด้วย แม่ก็เลยไม่ได้ทำ ! มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆ เลย ต้องใช่แน่ ๆ !
ก๊อก ๆ !
“ดินเนอร์ ตื่นหรือยังลูกนี่มันสายแล้วนะ”
นึกถึงแม่นกยูง แม่นกยูงก็มา ! ให้ตายสิ ฉันจะสามารถปั้นหน้าสู้กับว่าตัวเองกำลังเพิ่งตื่นได้มั้ยเนี่ย ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ฉันกำลังฟูมฟายอย่างหนักเลย TOT โอ้ว ... ไม่นะ ฉันไม่อยากเจอแม่เลย ไม่อยากเจอจริง ๆ อ่ะ แง้ ~~! ผมหนู ... เอาสีดำคืนมานะแม่ !
“แม่ไม่ต้องมาพูดกับดินเลย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ดินโกธรแม่แล้ว !”
“เอ้า ! ลูกมาโกธรอะไรกับแม่เนี่ย แม่ไปทำอะไรให้ลูกเหรอ”
“แม่อย่ามาไขสือนะ ! แม่เองก็รู้อยู่แก่ใจดีไม่ใช่เหรอ ว่าแม่ทำอะไรกับดิน”
“อะไรดิน แม่ทำอะไรเราเหรอ ไหนออกมาเปิดประตูคุยกับแม่หน่อยซิ เดี๋ยวนี้เลย !”
ชิชะ ! ทำมาเป็นไม่รู้เรื่อง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็เป็นคนทำแท้ ๆ ทำไมแม่เป็นคนอย่างนี้เนี่ย YYOYY
ฉันลุกขึ้นจากหน้ากระจกอย่างเอื่อย ๆ ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูเพื่อออกไปเผชิญหน้ากับท่านแม่ด้วยสภาพเหมือนซอมบี้ งอแง ทำไมการเริ่มต้นของวันนี้ มันช่างเลวร้ายอย่างนี้เนี่ย
แอ๊ด ~
“เป็นไงล่ะ แม่เห็นผลงานของตัวเองหรือยัง !”
“ดิน ! นี่ลูกไปทำอะไรกับผมตัวเองมาน่ะ ทำไมมันถึงได้เหลืองอย่างนี้ O_O”
“นี่แม่อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ !”
“ก็แม่ไม่รู้เรื่องจริง ๆ น่ะสิ เมื่อวานตอนเข้าห้องแม่ยังเห็นผมลูกเป็นสีดำอยู่เลย”
เกิดความเงียบระหว่างฉันกับแม่ผู้บังเกิดเกล้าที่เข้าชารต์อย่างอัตโนมัติ ฉันกับแม่มองหน้ากันเหมือนต่างคนต่างรู้สึกตกใจกับผมเหลืองบนหัวของฉันทั้งคู่ ... เฮ้ยยยย แม่อย่ามาทำสีหน้าตกอกตกใจแบบนี้สิ ฉันเริ่มกลัวแล้วนะ TOT
“มะ ... แม่ ไม่รู้ถึงที่มาของสีผมบนหัวดินจริง ๆ เหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ ถ้าจะบอกว่าเมื่อคืนนี้ลูกหนีไปย้อมผมมา แม่ก็เชื่อนะแต่ว่า ... กว่ามันจะออกมาเหลืองได้ขนาดนี้มันต้องใช้น้ำยาย้อมผมสีเหลืองอย่างน้อยไม่ตำกว่าสองขวดแน่ ๆ เลย เมื่อวานลูกหนีออกไปย้อมผมมาใช่มั้ย !” แม่ถามฉันอย่างไล่เบี้ยหลังจากที่พินิจพิเคราะห์สีหัวของฉันจบแล้ว ปัดโธ่เว้ย ฉันจะออกไปย้อมผมที่ตอนไหนเล่า มาถึงห้องนอนฉันก็หลับเป็นตายแล้ว และยิ่งไปย้อมมากกว่าสองขวดอีก ... ฉันคงไม่ทำอย่างนั้นแน่ ๆ !
“ไม่ใช่นะแม่ ! ดินเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมสีนี้มันมาได้ยังไง ตื่นขึ้นมามันก็เป็นอย่างนี้แล้วอ่ะ”
“ดิน ... แม่ไม่เชื่อหรอกว่ามันจะเกิดขึ้นเอง” แม่กดเสียงหรี่เสียงต่ำและหรี่ตาอย่างจับผิดสุด ๆ
“ดินเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันล่ะน่าแม่ ! ไม่งั้นดินจะมาพูดว่าโกธรแม่ทำไม ? สงสัยเมื่อคืนนี้ผีมันมาย้อมหัวให้ดินล่ะมั้ง”
“อย่าพูดกับผีสางเทวดานางไม้อย่างนั้นนะดิน เจ้าที่ที่นี่ยิ่งแรงอยู่”
“จริงดิ แม่”
“จริง ... อาจจะเป็นไปได้สูงก็ได้นะ ที่เจ้าที่เขาจะมา ... ”
“แม่ TT_TT !!!!!!!!!!!”
ฉันขัดแม่เสียงสูง เมื่อรู้ว่าแม่จะพูดอะไรออกมาอย่างฉับไวทันที ฮือ ~ แม่อย่าสันนิษฐานแบบนี้สิ ดินเองก็กลัวเป็นเหมือนกันนะ แล้วคืนนี้ฉันจะนอนหลับม้ายยยยยย
แม่หุบปากฉับ ก่อนที่จะตบบ่าฉันเบา ๆ แล้วเดินออกไปด้วยสีหน้าในความรู้สึกที่ว่า ... แม่ช่วยอะไรลูกไม่ได้ นอกจากว่ามันจะเป็นไปแบบนั้น เฮ้ย ! แม่รอก่อนสิ พูดให้หลอนแล้วก็ทิ้งให้อยู่คนเดียวแบบนี้เหรอแม่ ไม่นะ แม่ !!!!! รอฉันก่อน
“แม่ !!!!!! รอดินด้วย !”
ตอนนี้จิตใจของฉันมันเต็มไปด้วยความหลอนแล้วเรียบร้อย TT_TT
อย่ามาถามว่าใครทำให้ฉันเป็นแบบนี้ ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าเป็นเพราะคุณแม่ที่น่ารักของฉันนี่เอง ตั้งแต่ฉันตามแม่ลงฉันคิดว่าแม่จะพูดปลอบฉันนะ แต่กลับกลายเป็นว่าท่านมาพูดเรื่องหลอนให้ฉันฟังซะงั้น งิงะ ทำไมทำกับลูกสาวคนเดียวแบบนี้ หลอนเลยเห็นมั้ยเนี่ย แล้วตอนนี้ยิ่งมาอยู่ที่ป้ายรถเมล์คนเดียว ถึงแม้ว่ามันจะตอนกลางวันแสกก็เถอะ แต่ตอนนี้ฉันก็กลัวจนไม่อยากจะเดินไปไหนแล้ว แม่อ่ะแม่ !
แม่เล่าเรื่องหลอน ๆ เกี่ยวกับบ้านที่อยู่กันมาตั้งแต่เกิดให้ฉันฟังไม่หยุด จนกระทั้งฉันทนไม่ไหวต้องทิ้งแม่ให้อยู่ในบ้านคนเดียวแบบนั้นแหละ ตามจริงฉันก็ไม่ได้อยากจะอกตัญญูต่อแม่นักหรอกแต่ว่า ...
เรื่องของแม่มันหลอนเกินจะรับได้จริง ๆ และวันนี้ฉันก็จะต้องรีบไปพรีเซ็นเฟส (เสนอหน้า) กับวาเลนส์อยู่ด้วย อย่าว่าหนูเลวอย่างนี้อย่างนั้นเลยนะคะแม่ แต่หนูทนในเรื่องเล่าของแม่ไม่ได้จริง ๆ เพิ่งจะเชื่อว่าเจ้าที่บ้านของมันมันแรงก็เพราะแม่เล่านี่แหละ ! วุ้ย ... น่าจับแม่ให้ไปรายการที่คนอวดผีซะจริง ๆ เลย
และระหว่างรอรถแท็กซี่อยู่นั้น มือทั้งข้างของฉันก็ขยับวิกผมสีดำของแม่ที่ยืมมาใส่อย่างรู้สึกรำคาญไปด้วย หยี่ฮุ่ย ! ถ้าไม่ใช่เพราะผมฉันมันเหลืองอร่ามสะท้อนแสงแดดล่ะก็ ฉันไม่มีทางหยิบมันมายัดใส่หัวแบบนี้หรอก คันจริง !
ทะเลาะกับวิกของแม่ที่ใส่มาได้อยู่ไม่นาน รถแท็กซี่สีฟ้าที่ป้ายสีแดงขึ้นคำว่า ‘ว่าง’ ก็ขับตรงมาทางนี้ ฉันจึงรีบยกมือโบกรถทันที ก่อนที่จะรีบเปิดประตูรถถามคนขับแท็กซี่ว่าผ่านทางในที่ที่ฉันกำลังไปมั้ย
“พี่คะ ไปหมู่บ้านเพนโทรไดซ์น่ะค่ะ ?”
“ได้ครับ”
ฟึ่บ !
ฉันเปิดประตูขึ้นรถแท็กซี่ทันที ก่อนที่จะจัดกระเป๋าให้เข้าที่เข้าเหมาะกับการนั่ง ฮึ่ย ! ฉันล่ะหงุดหงิดกับไอ้วิกนี่จริง ๆ นี่แกจะเอายังไงกับฉันเนี่ย ! จะเอาใช่มั้ย ! คันไปหมดแล้ววว
“น้องจะไปทำอะไรที่นั่นเหรอครับ”
“อ๋อ จะไปเยี่ยมคนแถวนั้นหน่อยน่ะค่ะพี่” ฉันเงยหน้าขึ้นไปพูดกับพี่โชเฟอร์หนุ่ม แล้วหันไปเกาหัวต่อ โอย คันมากเลย คัน ๆๆๆ จะให้ฉันบอกว่าไปหาเหยื่องั้นเหรอ ... ไม่ดีหรอกมั้งเดี๋ยวพี่แกกลัว
“ตอนนี้น้องมีเงินอยู่ในกระเป๋าเท่าไหร่เหรอครับ”
“ก็ ... ไม่เยอะหรอกค่ะพี่ พี่จะถามทำไมเหรอ” ฉันถามแกมสงสัยก่อนที่จะเกาหัวตัวเองแล้วเลื่อนมือมาจับที่กระเป๋าแทน เอ ... ถามแบบนี้มันแปลก ๆ นะ
“ก็พี่จะปล้นน้องน่ะสิคะ คนสวย มีเท่าไหร่ส่งมาให้พี่ให้หมดเลยนะจ๊ะ !!!!!!”
จบคำนั้นปุ๊บแท็กซี่ที่ฉันนั่งมาอยู่นี้ ก็จอดนิ่งสนิทที่ซอยเปลี่ยวซอยหนึ่งที่ไม่มีผู้คนเลยปั๊บ พร้อมกับที่มีกระบอกปืนจ่อมาตรงหน้าผากฉันพอดีเป๊ะ
ให้ตายสิ ท่าทางวันนี้มันจะเป็นวันซวยของฉันจริง ๆ ยังไม่ถึงที่หมายก็โดนปล้นซะละ !
ความคิดเห็น