คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : 7 : การแก้เผ็ดอันแสนแสบ
7
การแก้เผ็ดอันแสนแสบ
(Headphone : Talk)
ระหว่างที่พี่พนักงานกำลังคิดเงินทั้งหมดอยู่นั้น ... ใช่ ! ทั้งหมดที่มันอยู่ตรงหน้าผมนี่แหละ ! ผมลนลานมาก ๆๆๆ เลย ไม่ใช่อยากจะจ่ายเงินไว ๆ หรอก แต่ผมต้องมองหาตัวยัยนั่นอีกน่ะสิ ว่าไปขุดหลุมอยู่ที่ไหนกันแล้วน่ะ ! จะปล่อยให้หนีไปก็ไม่ได้เด็ดขาดเลยเชียว ไม่งั้น ... กุญแจโกดังอาจจะไม่ได้กลับคืนมาเลยก็ได้ ! ถึงแม้ว่าผมสามารถจะทำให้เธอปางตายเพื่อเอากุญแจนั่นมาได้ก็เหอะ แต่ลางสังหรณ์ของผมบอกว่า ... ผมห้ามทำอะไรรุนแรงกับร่างกายเธอ ไม่รู้สิ อยู่ ๆ ความคิดพวกนั้นก็ไม่ปรากฏขึ้นมาบนหัวผมเฉยเลย ถึงแม้ว่าผมพยายามที่จะหาทางชิงกุญแจมาจากเธอมากมายก่ายกองก็ตามที
ทำไม ... ทำไมพอนึกภาพที่ร่างกายของเธอเลือดออกแล้ว ผมถึงรู้สึกใจหายอย่างนี้กันนะ
เมื่อพี่พนักงานคิดเงินเรียบร้อย (ซึ่งมันก็ทำให้ผมถึงกับอึ้งเป็นครั้งที่สอง) ผมก็หยิบของทั้งหมดออกมา แล้วรีบเดินตามหาเธอทันที ไปอยู่ไหนกันนะ ยัยตัวแสบเอ๊ย ... เธอกำลังทำให้ฉันเป็น หะ ...
เป็นห่วงกุญแจโกดังต่างหากเล่า -_- ถ้าฉันรู้ว่าเธอชิงหนีกลับไปล่ะก็ ...
พรึบ ~!
“จะไปไหน เอามานี่ !” อีกไม่กี่ก้าวเท่านั้นที่จะพ้นประตูทางออกจากร้านกิ๊ฟช็อปนี้ น้ำเสียงเล็ก ๆ ออกห้าว ๆ ที่คุ้นเคย ก็ดังขึ้นหลังจากที่ท่อนแขนของผมถูกดึงไว้ระหว่างที่กำลังก้าวฉับ ๆ อย่างรวดเร็วเพื่อตามหาตัวการที่ทำให้ผมต้องมาแบกของพวกนี้ พอหันไปมองตามแรงที่ถูกดึงจนเกือบจะล้มหงายลงไปกระแทกกับพื้น ก็พบว่าเป็น ... ยัยเมมโมตัวแสบนี่เอง -_-
“นี่แหละที่ต้องการ ~” เมมโมร้องเสียงเริงร่าหลังจากที่แย่งถุงจากมือผมไปถุงนึง หน้าตาของเธอดูมีความสุขมากที่เห็นของพวกนี้ และของพวกนี้มันก็ทำให้ยัยนี่มีความสุขมากถึงขนาดเงยหน้ามารอยยิ้มมีความสุขยังเปื้อนอยู่บนหน้าของเธออยู่เลย แต่พอมาสบตากับผมเท่านั้นแหละ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเป็นจิกกัดทันที
“คิดว่าจะไม่จ่ายเงิน แล้วเดินตามหาฉันซะอีกนะ”
“ก็กะจะทำอย่างนั้นแหละ ถ้าไม่ติดที่ว่า ... ไอ้กุญแจงั่งนั่นมันอยู่ที่เธอ”
“เรียกกุญแจโกดังอย่างนั้นแสดงว่า ... มันไม่มีความหมายแล้วล่ะสิเนี่ย เฮ้อ แย่จัง สงสัยพรุ่งนี้ฉันต้องเอามันไปทิ้งที่แม่น้ำเจ้าพระยาแล้วล่ะ” เมมโมพูดด้วยน้ำเสียง (เสแสร้ง) เศร้า พร้อมกับตีสีหน้าเศร้าจนน่าหมั่นไส้ ! แต่ไอ้ประโยคที่เธอพ่นออกมาทำผมเดือดไม่น้อยเลย !
“เธอจะทำอย่างนั้นไม่ได้นะ !”
“ทำไมจะทำไม่ได้ ก็ในเมื่อนายเองก็ไม่ได้ต้องการมัน ส่วนฉันเองก็ไม่ได้อยากจะเก็บมันไว้สักเท่าไหร่หรอก เพราะฉะนั้นทิ้งมันไปก็จบเรื่อง”
“ถ้าเธอทิ้งมันไปล่ะก็ ... เธอไม่ตายดีแน่ !”
“น่ากลัวจริง ๆ เลยเชียว” คนตรงหน้าทำสีหน้าแบบเหลือเชื่อในคำพูดของผม ก่อนที่จะโยนถุงในมือนั่นมาใส่ผมอย่างแรงทันที ! โอ๊ย ... ให้ตายสิ ทำไมผมรู้สึกด้อยกว่ายัยนี่จังนะ “หันไป”
“อะไรของเธอเนี่ย”
“ฉันบอกให้หันไปไงเล่า !” ยัยเมมโมพูดสั่งผมเป็นครั้งที่สองก่อนที่จะจับลำตัวผมให้หันหลังให้เธอ ยัยนั่นจะทำอะไรบ้า ๆ อีกล่ะเนี่ย
“อย่าหันมานะ !”
“ท่าทางมีพิรุธนะเนี่ย” ผมพูดพร้อมกับแย้มยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย ท่าทางยัยบ้านี่กำลังทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายกับผมแน่ ๆ เลย
“ฉันบอกว่าอย่าหันมาไงเล่า !”
“อะไรเล่า ฉันแค่บิดขี้เกียจนิดหน่อยไม่ได้หรือไง” จริง ๆ แล้ว ผมจะหันไปชำเลืองยัยตัวแสบนั่นต่างหาก ว่ากำลังจะทำอะไรอยู่ในหลืบนั่นกันแน่ แต่ยัยนี่ดันตาไว ทำให้ไม่ได้เห็นอะไรเลย
“บิดบ้าอะไร เอี้ยวตัวมาซะขนาดนั้น คิดว่าฉันโง่หรือไงฮะ”
“งั้นมั้ง”
“ไปตายซะ !”
“มัวแต่พูดอยู่นั่นแหละ เสร็จหรือยัง”
“ก็หันกลับไปทางเดิมก่อนเซ่ !”
“เออ” แล้วผมก็หันกลับไปทางเดิมตามที่ยัยนั่นตวาดมา ดูจากน้ำเสียงแล้ว ... มีพิรุธแน่ ๆ ต้องรู้ให้ได้ ว่ายัยนี่กำลังทำอะไรอยู่น่ะ
“หนึ่ง สอง สาม ถ้าไม่เสร็จฉันหันไปน้า” หลังจากที่ยืนมาประมาณหนึ่งนาที ผมก็ร้องเพลงเป็นสายเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของใครก็ไม่รู้แต่ได้ยินตอนอยู่ในห้องเรียน ก่อนที่จะหันขวับไปทันที เล่นเอายัยบ้าที่อยู่ในหลืบตกใจแล้วร้องออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัวกันเลยทีเดียว ฮะ ๆ ผมล่ะอยากจะหัวเราะให้โลกแตกเลย ! กับไอ้ท่าทางสะดุ้งเฮือกเมื่อกี้ของยัยเมมโมน่ะ
“ไอ้บ้า ! ใครสั่งให้นายหันมาน่ะ !” แน่นอนยัยเมมโมโวยลั่น -_-
“ก็เธอมัวแต่ทำอะไรอยู่เล่า นานเป็นบ้าเลย ! ” มอง ๆ ไปแล้ว ท่าทางลุกลี้ลุกลนของเธอ ทำให้ผมสงสัยจนต้องออกปากถามเธอจนได้ “เธอกำลังทำอะไรอยู่น่ะ ท่าทางแปลก ๆ ” ผมถามพร้อมกับหรี่ตาลงต่ำมองร่างบางตรงหน้า
“ทะ ... ทำอะไรอยู่มันก็เรื่องของฉัน ! มันไปหนักหัวนายนักหรือไงกันเล่า ”
“แล้วทำไมต้องทำท่าตื่นขนาดนั้นด้วย ?”
“ก็คนมันตกใจนี่หว่า จู่ ๆ ก็ปุบปับหันมา มันก็ต้องแตกตื่นกันเป็นธรรมดา หรือว่านายไม่เคยเป็น” เมมโมถอนหายใจอย่างหงุดหงิดกับการกระทำของผมอย่างสุดกู่ ก่อนที่จะเดินออกมาจากหลืบนั่น แถมเดินออกไปดี ๆ ไม่ได้ ต้องมีการผลักส่งท้ายกันด้วยนะ !? ให้ตายเหอะกับยัยเด็กเรื่องเยอะคนนี้เนี่ย แต่ผมก็ต้องจำใจเดินตามเธอไปสิน่า -_-
ขณะนี้ผมกับเมมโมได้เดินออกมาจากร้านกิ๊ฟช็อปนั่นมาไกลพอสมควรแล้ว และแน่นอน ระหว่างทางผมก็ไม่ได้ให้สมองของผมว่างเปล่านักหรอก ตลอดทางที่เดินตามเมมโมมานั้น ผมคิดหาทางที่จะชิงกุญแจนั้นมาตลอด ฮึ่ย ... เกิดมาไม่เคยใช้เล่ห์กลขนาดนี้มาก่อนเลยนะขอบอก !
ระหว่างที่กำลังเดินตามอยู่นั้น หูของผมกลับได้ยินเสียงเพลงมาจากที่ไหนสักแห่งหนึ่ง พอมารู้ตัวอีกที ร่างบางที่กำลังเดินตามอยู่นั้นก็ไม่ได้อยู่ข้างหน้าผมซะแล้ว แต่สิ่งที่อยู่ข้างหน้าผมก็คือ ... ทีวีจอแบนขนาดสามสิบสองนิ้วที่กำลังเปิดมิวสิควีดีโอเพลงอะไรสักอย่างซึ่งเป็นเพลงเกาหลีน่ะนะ เชื่อมั้ย ว่าตอนนี้คนอย่างผมซึ่งไม่ค่อยชอบเกาหลีเท่าไหร่ได้มายืนจนหน้าจะติดเข้ากับหน้าจอสามสิบสองนิ้วนี่อยู่แล้ว
เมื่อมองไปที่ทีวีที่กำลังเปิดมิวสิควีดีโอเพลงเกาหลีอยู่นั้น ทุกส่วนของร่างกายของผมถึงกับหยุดนิ่งทันที เมื่อมิวสิควีดีโอเพลงนั้นตัดไปที่ใบหน้าของผู้หญิง ซึ่งมันคุ้นตาผมมาก มากจนผมเข้าใจแวบแรกเลยว่าเป็นคนเดียวกัน ... ผู้หญิงในมิวสิควีดีโอมีห้าคน ทั้งหมดร้องเพลงกันหมดแต่สลับท่อนกันไป และท่าเต้นของพวกเธอก็สง่าจนไม่อาจละสายตาไปไหนได้ โดยเฉพาะใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น ที่ทำให้ผมมึนไปชั่วขณะ เหมือนมาก เหมือนมากจริง ๆ ถึงจะไม่ได้อยู่ในทีวีเหมือนกันก็เหอะ
“โหย ~ แก ฉันอิจฉาขาของฮันกึลจัง อ๊าย ~” พวกเด็กผู้หญิงที่ยืนข้าง ๆ ผมกรี๊ดกร๊าดพร้อมกับชี้ไปที่ผู้หญิงที่ออกมาเต้นตรงกลาง ซึ่งเป็นท่อนที่เธอร้อง แล้วก็ไม่ใช่แค่พวกเด็กผู้หญิงข้าง ๆ นี่เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้คนที่ล้อมรอบตัวผมด้วยต่างก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน และผู้หญิงคนนั้นก็เป็นผู้หญิงที่ทำให้ผม ... นิ่งไปนั่นเอง พลังเสียงและท่อนร้องของเธอนั้นติดหูและดึงดูดได้ไม่น้อยเลยจริง ๆ ถึงมันจะเป็นเพลงเกาหลีก็เหอะ
“Magic ออนนี เปลี่ยนลุคนี้แล้วดูน่ารักสุด ๆ เลยอ่ะ”
“ใช่ ๆ เชื่อมั้ย ว่าฮันกึลออนนีไม่เคยอยู่ในสายตาของฉันเลยน้า ~ แต่ตอนนี้เธอคว้าใจฉันไปเต็ม ๆ เลย ออนนี ซารังแฮ ~ ♥” เสียงผู้คนที่ต่างออกปากชมภาพลักษณ์ของเธอทำให้ผมจ้องมองเธอมากกว่าผู้หญิงอีกสี่คนเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่คนวิพากวิจารณ์ 'ฮันกึล‘ อย่างเดียวหรอกนะ พวกเธอทั้งสี่คนเองก็ถูกผู้คนชมไม่หยุดปากเหมือกันว่าน่ารักมากขนาดไหน ... แทบจะไม่มีใครติพวกเธอเลยสักนิด แม้กระทั่งผม ยังคิดคำจะติพวกเธอไม่ออกเลย พวกเธอทั้งห้าดูสวยมากจริง ๆ
“นี่เป็นเอ็มวีเต็มที่เพิ่งปล่อยออกมาสด ๆ ร้อน ๆ เลยใช่ป่ะ”
“อื้ม ออนนีไม่ทำให้ฉันผิดหวังจริง ๆ ~”
ตอนที่ผมอยู่ไกลจากจุดนี้ผนแค่รู้สึกเฉย ๆ กับเอ็มวีนี้นะ แต่พอมาอยู่ตรงนี้ผมเริ่มจะจ้องมองดูเอ็มวีตัวนี้อย่างรู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้คนอื่นซะแล้วสิ เพียงแค่ไม่แสดงออกเท่านั้น การแต่งตัวของพวกเธอก็แตกต่างกันออกไป และก็ดูดีดูสวยกันไปคนละแบบ แถมเสียงร้องเพลงของพวกเธอบอกได้คำเดียวว่า ‘เยี่ยมมาก’ เลยล่ะ ไม่แปลกที่จะมีแฟนคลับคลั่งพวกเธอมาขนาดนี้
เอ็มวีจบปุ๊บผมก็เดินออกมาตามระเบียบ ตอนนี้เพลงของพวกเธอยังดังก้องอยู่ในหัวผมอยู่เลยนะเนี่ย =_= โดยเฉพาะท่อนที่ ‘ผู้หญิงคนนั้น’ ร้อง เสียงของเธอมีพลังมากจนถึงขั้นสุดยอดเลยล่ะ รู้แล้วล่ะ ว่าทำไมเด็กวัยรุ่นถึงคลั่งพวกเพลงเกาหลีน่ะ เพราะจังหวะเพลงมันสนุกและตื่นเต้นติดหูนี่เอง แถมท่าเต้นยังดูดีอีก
จู่ ๆ ฉากรับโทรศัพท์มือถือของผู้หญิงผมยาวออกน้ำตาลหรือก็คือ ‘ผู้หญิงคนนั้น’ น่ะแหละที่โทรเรียกสมาชิกในวงของพวกเธอทั้งหมดให้มารวมตัวกันในเอ็มวีนั่น ก็แวบขึ้นมาในหัวผมซะเฉย ๆ แล้วในหัวของผมก็ปิ๊งไอเดียที่จะชิงกุญแจนั่นขึ้นมาได้ทันที โอ้โห ... ต้องขอบคุณเอ็มวีเพลงนี้จริง ๆ นะเนี่ย เมมโม เธอเสร็จฉันแน่ ^^
ว่าแต่ ... ผู้หญิงคนนั้นเหมือนกับ เมมโม จริง ๆ นะ
ผมแสยะยิ้มที่มุมปาก ก่อนที่จะเข้ามาในหลืบเพื่อหลบความวุ่นวาย แล้วกดโทรศัพท์มือถือโทรหาไอ้เพื่อนที่ร่วมเวรร่วมกรรมกับผมมาตั้งแต่เด็ก ๆ หมอนี่ที่ผมกำลังโทรหาอยู่คือ ... ไอ้คีย์บอร์ดนั่นเอง นึกถึงชื่อมันแล้วคันไม้คันมือจริง ๆ !
[ไง] ฟังเสียงรอสายได้ไม่นานนัก น้ำเสียงทุ้มที่จำได้แม่นว่าเป็นใครก็ขานรับทันที ผมยิ้มที่มุมปากก่อนที่จะตอบรับมันไป
“พอดีมีเรื่องให้ช่วยว่ะ ไอ้บอด”
[ฉันจะไม่ประท้วงแกเรื่องสรรพนามที่แกเรียกฉันหรอกนะ -_- มีอะไรก็ว่ามา อย่าเยอะ !]
“แกช่วยส่งไอ้พวกเพื่อน ๆ ที่มันว่าง ๆ มาสักห้าหกคนมาหาฉันที่เอเท็นไซต์หน่อยดิ ตอนนี้ฉันต้องการกำลังเสริม ด่วน !”
[คิดจะทำอะไรของแกอีกล่ะนั่นน่ะ -_-]
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้เว้ย ... ” จากนั้นผมก็เริ่มสาธยายถึงแผนการของผมที่เพิ่งคิดไว้สด ๆ ร้อน ๆ เมื่อตะกี้ ให้ไอ้คีย์บอร์ดฟัง คนปลายสายเงียบฟังผมไปพักใหญ่ ขนาดพูดจบแล้วผมยังไม่ได้ยินเสียงมันเลยสักแอะ เฮ้ ! ไม่ใช่ว่าแม่มไม่ได้ฟังในสิ่งที่ผมพูดหรอกนะ ! “ไอ้บอด ! ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรือไง !”
[แกเลวมาก เฮดโฟน]
“ขอบใจ ... รีบจัดการให้ไวนะเว้ย ! เดี๋ยวนี้เลยด้วย !”
[ไหนบอกมาขอความช่วยเหลือ =_=]
“พูดไปตามมารยาทเท่านั้นแหละ รีบจัดการเดี๋ยวนี้เลย”
[เออ !!!! ไอ้คุณชาย !]
จากนั้นไอ้คีย์บอร์ดมันก็วางสายไป ... อย่างนี้ล่ะนะ พวกเพื่อนในกลุ่มของผมน่ะ การพูดมันเป็นแบบนี้แหละ แต่ จริง ๆ แล้วพวกเพื่อน ๆ ของผมก็พร้อมที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเสมอทุกครั้งที่โทรไปหา เหอะ ๆ อีกไม่นานกุญแจก็จะมาอยู่ที่มือผมแล้ว ~
แผนของผมก็มีอยู่ว่า ... ถ้าไอ้เพื่อนห้าคนนั้นมาถึง ผมจะให้พวกมันใส่ไอ้โหม่ง แล้วแสร้งทำเป็นโจรไปฉกกุญแจจากยัยเมมโมมาไงล่ะ จากนั้น ผมก็จะทำเป็นวิ่งตามมันไปเพื่อที่จะไปกระทืบแย่งกุญแจมาอะไรแบบนี้ แล้วก็ทำเป็นแบบ ‘ให้ตายสิเธอ ฉันแย่งกุญแจมาไม่ได้อ่ะ !!!!!’ แล้วจากนั้น ทุกคนคงรู้กันแล้วใช่มั้ยครับ ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง J
(Mammo : Talk)
ฉันถึงกับเม้มปากกัดฟันกรอดเลยทีเดียว เมื่อได้ยินแผนการบ้าบอคอแตกของนายเฮดโฟนที่พยายามจะชิงกุญแจจากฉัน หน็อย ... แผนสูงนักนะแก ! ฉันไม่ยอมให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามแผนของนายหรอก ! โชคดีนะเนี่ย ที่ฉันมาเดินป้วนเปี้ยนแถวนี้พอดี ไม่งั้นล่ะก็ ฉันเสร็จนายเฮดโฟนหูไม่มีฟังแน่ ๆ เลย
ว่าแต่ ... จะอยู่เฉย ๆ แบบนี้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอก ในเมื่อเขากำลังคิดที่จะวางแผนและดำเนินการแผนบ้า ๆ นั่น ถ้าไม่หาวิธีตอกกลับให้หน้าหงายล่ะก็ หมดสนุกแน่ล่ะ เอ ... แต่ว่าจะแก้เผ็ดกลับคืนไปยังไงดีน้า
ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก
อ๋อ ! นึกออกแล้ว แต่ท่าทางมันต้องใช้ความด้านและการพูดปดอย่างมากเลยทีเดียว ระหว่างที่ฉันกำลังคิดอยู่นั้น ก็มีแก๊งผู้ชายที่น่าจะประมาณวัยเดียวกันกับฉันแต่งตัวเหมือนเพิ่งเต้นบีบอยอะไรพวกนั้นพวกหนึ่งที่กำลังจะเดินผ่านมาพอดี ซึ่งพวกนั้นก็เป็นจุดชนวนในการแก้เผ็ดของฉันชั้นดีเลยแหละ
“เฮ้อ อะไรว้า ทำไมพวกแกต้องมาหิวกันซะตอนนี้เนี่ย แล้วตอนนี้ร้านราเม็งก็ไม่มีโปรโมชงโปรโมชั่นอะไรเลยด้วย แล้วดูพวกแกดิ มันกันตั้งห้าคน ฉันกระเป๋าฉีกแน่ ! ฮ่วย !”
“อย่าบ่นน่า ก็คราวนี้แกเป็นหัวโต๊ะต้องเลี้ยงข้าวพวกเรานี่หว่า ขนาดตอนนั้นไปกินบุฟเฟ่ห์เสียกันคนละห้าร้อยแล้วฉันออกเองทั้งหมด ฉันยังไม่บ่นอะไรเลย !”
“ก็แกรวยนี่หว่า !”
“รวยเหวอะไรล่ะ ! ตอนนี้ในกระเป๋าฉันเหลือไม่ถึงสองร้อยแล้วเนี่ย T_T”
“ทำไมวะ ? ไหงปกติมีเงินติดตัวพันอัพทุกครั้งอ่ะ” เพื่อนคนที่เริ่มบ่นคนแรกทำสีหน้างง ๆ เมื่อจบคำเถียงของเพื่อนตัวเองที่กำลังทำหน้าเบ้ด้วยความหงอย
“ก็ฉันดันไปบอกแม่ ว่าไอ้ห้าร้อยที่มันหายไปน่ะเพราะ ... เข้าร้านเกม”
“สมควร ! งั้นก็เท่ากับวันนี้แม่แกไม่ได้ให้เงินเลยว่างั้น”
“เออ ฉันเลยต้องควักเงินที่เก็บไว้มาใช้ไงเล่า ฮึ่ย !”
เสียงพวกนั้นเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เพราะข้อความที่สื่อสารกันของทั้งสองหนึ่งในแก๊งบีบอยพวกนั้นนั่นเอง ที่ทำให้ฉันคิดอะไรสนุก ๆ ออก และรับรอง ว่า ... นายเฮดโฟนต้องโกธรจนทำสีหน้าและระบายอารมณ์ไม่ถูกเลยแหละ J
อืม ... ชะเง้อคอออกไปมองก็พบว่า พวกนั้นใกล้จะเดินมาถึงตรงที่ฉันยืนอยู่แล้ว เหอะ ๆ ได้เวลาแล้วสินะ
ฉันคว้ากระดาษโบชัวร์โฆษณาที่อยู่ในกล่องที่อยู่ใกล้ ๆ มือมาถือไว้ ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปหาแก๊งเด็กวัยรุ่นพวกนั้น ... สิ่งที่อยู่ในมือฉันถือว่าเป็นอุปกรณ์ประกอบฉากตัวเอกเลยทีเดียวเชียวล่ะ ถ้าไม่มีมันก็ไม่สมเหตุสมผลน่ะสิ
“หืม โปรโมชั่นลดกระหน่ำครึ่งราคาห้าสิบเปอร์เซ็น ร้านราเม็งเอเท็นงั้นเหรอ ... ” ฉันแสร้งเดินเข้าไปใกล้ ๆ แก๊งเด็กบีบอยพวกนั่น ก่อนที่จะออกปากพูดเรื่องโปรโมชั่นจอมปลอมของร้านราเม็งที่ดังที่สุดในเอเท็นไซต์แห่งนี้ แหม ก็มีร้านราเม็งอยู่ร้านเดียวนั่นแหละ ที่มีคนหลุ่มหลงในรสชาติของมันจนแทบคลั่งน่ะ
“หา !!!!!!!! โปรโมชั่นลดห้าสิบเปอร์เซ็น !” ฉันกระตุกยิ้มที่มุมปากทันที เมื่อได้ยินเสียงพึมพัมอย่างตื่นเต้นจากพวกกลุ่มเด็กผู้ชายตรงหน้านี้ ก่อนที่จะทำการโม้โปรโมชั่นแบบจงใจให้ได้ยินอีกต่อไปทันที ทั้ง ๆ ที่ ... ในกระดาษมันพิมว่าน้ำยาล้างจานขวดละหนึ่งร้อยเก้าสิบเก้าบาท ... ขนาดขวดของมันก็เท่ากับน้ำยาล้างจานซันไลต์เอง หน้าด้านขายมาก =_=
“ภายในวันนี้ วันเดียวเท่านั้น !”
ฟิ้ว ~
เมื่อฉันกระแทกเสียงประโยคสุดท้ายอย่างตกใจนั้น ฉันก็ต้องสะดุ้งเงยหน้ามองไปข้างหน้าทันที แล้วก็พบว่า ... พวกแก๊งบีบอยพวกนั้นได้วิ่งฝ่าผู้คนออกไปอย่างเร่งรีบ เหมือนกำลังยกพวกไปกระทืบใครอย่างนั้นแหละ แต่ฉันว่า ... เหตุผลข้างหน้าไม่น่าจะใช่หรอก เหตุที่ทำให้พวกนั้นวิ่งออกไป คงเป็นเพราะคำโฆษณาแสนมั่วซั้วของฉันต่างหาก J
แล้วก็ได้เวลาอันสมควรแล้วสินะ ~
“ช่วยด้วยค่า ~~ ช่วยด้วย ~ นี่พวกแกกลับมาเดี๋ยวนี้นะ ! เอากุญแจของฉันกลับคืนมา ~~~!!” ฉันป้องปากตะโกนเสียงแปดหลอดร้องของความช่วยเหลือทันที เมื่อพวกแก๊งนั้นวิ่งออกไป ทั้ง ๆ ที่กุญแจก็ยังอยู่ที่ตัวเอง ทำให้ผู้คนที่พลุกพล่านอยู่แถว ๆ นี้ หันมองมาทางฉันกันให้พรึบ แน่ล่ะ ถ้าไม่มองก็เป็นบ้าไปแล้ว จะว่าไป ... ฉันก็อายเหมือนกันนะเนี่ยที่จู่ก็มาตะโกนแบบนี้น่ะ -_-*
ตึก ๆๆๆ
“เกิดอะไรขึ้น O_O !” อย่างที่คาดหวังไว้ เฮดโฟนรีบวิ่งแจ้นหน้าตาตื่นออกมาจากหลืบทันทีพร้อมกับฝ่ามือหนาที่กำลังถือโทรศัพท์มือถือที่ใช้สื่อสารวางแผนชิงกุญแจจากฉันกับใครก็ไม่รู้ ท่าทางลุกลี้ลุกลนของเขาทำให้ฉันต้องหันไปทางอื่นเพื่อกลั้นหัวเราะและปรับสีหน้าให้เหมาะกับสถานการณ์ ก่อนที่จะหันไปพูดกับเขาด้วยท่าทางตกใจสุดขีด ! กรี๊ด ~~~ กุญแจมันโดนขโมยไปแล้ว >O<
“เฮดโฟน ... กุญแจ กุญแจ !” ฉันเบิกตากว้างพร้อมชี้นิ้วตรงไปข้างหน้า
“ทำไมเล่า !”
“มัน ... มันถูกพวกนั้นขโมยไปแล้ว !!!!!” สิ้นคำพูดของฉันจบ เฮดโฟนที่หันไปมองตาม ก็วิ่งตามพวกนั้นไปทันทีอย่างไม่รอช้า ! นับได้ว่าวิ่งเร็วกว่าตอนที่เอาสปาร์ต้าไล่ฟันฉันเป็นเท่าตัวเลยแหละ
หลังจากที่เฮดโฟนวิ่งออกไปไกลจากรัศมีฉันแล้ว ฉันที่มองเหตุการณ์ไล่หลังไปก็ ...
ฮ่า ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ !!!!!!!!
ฉันระเบิดหัวเราะมากถึงกับกุมท้องเลยแหละ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นไป ตอนนี้ฉันหัวเราะจนหลอดลมตีบไปหมดแล้วทุกคน ! แต่มันก็ต้องทรมาณตรงที่ฉันต้องปิดปากตอนหัวเราะไว้ด้วยล่ะ ไม่งั้นล่ะก็เดี๋ยวคนแถวนี้จะหาว่าฉันบ้าเข้าไปกันใหญ่แล้ว เมื่อกี้ยังแหกปากตะโกนอยู่เลย คราวนี้ก็มาง้างปากหัวเราะซะลั่น แต่มันก็อดไม่ได้นี่นา ที่ฉันจะไม่หลุดหัวเราะออกมาน่ะ ... ถ้าทุกคนเป็นฉันทุกคนจะรู้สึกสะใจมาก ๆๆๆๆ เลยทีเดียว หึ ... อยากจะชิงกุญแจมาจากฉันดีนัก แต่สงสัยสวรรค์คงจะเข้าข้างฉันแค่ฝั่งเดียวน่ะนะ คุณหูไม่มีฟัง !
นานหลายนาทีที่ฉันหัวเราะไปด้วยเดินไปด้วยเหมือนคนบ้า ก็มันอดขำไม่ได้อ่ะ โดยเฉพาะสีหน้าของอีตาเฮดโฟนนั่น ท่าทางคงจะตกใจมากเลยสินะเนี่ย และท่าทางกุญแจดอกนั้นคงมีความสำคัญมากเสียด้วย ไม่งั้นคงไม่รีบวิ่งไปขนาดนั้น ตอนนี้ที่ที่ฉันจะต้องรีบจ้ำเท้าไปก็คือ ‘ร้านราเม็งเอเท็น’ ยังไงล่ะ เพราะฉันกลัวความปลอดภัยของพวกแก๊งบีบอยนั่นน่ะสิ ท่าทางเฮดโฟนจะโมโหมาก ๆ ด้วย ถ้าเขาจับตัวพวกนั้นได้ต้องมีการลงไม้ลงมือแหง ๆ
(Headphone : Talk)
หลังจากที่ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นหูตะโกนร้องขอความช่วยเหลือนั้น ผมก็กดวางโทรศัพท์มือถือแล้ววิ่งออกไปจากหลืบทันที โดยเฉพาะคำพูดหลัง ๆ ว่า ‘เอากุญแจคืนมา’ ผมก็กระจ่างเลยว่าเป็นใคร และสาเหตุนั้นเองที่ทำให้ผมร้อนรนมากกว่าเก่าเป็นสิบเท่า แต่มันเทียบกันไม่ได้เลยตอนที่เมมโมบอกว่ามีคนฉกกุญแจไปแล้ว เท่านั้นแหละ ผมก็รีบวิ่งออกไปตามทางที่นิ้วเรียวยาวของเธอชี้ไปทันทีอย่างไม่ลังเล
จะว่าไป ... ถ้าแถวนี้จะมีโจร มันต้องฉกพวกกระเป๋าสะพาย หรือเป๋าเงินสิถึงจะดูเหมาะสมหน่อยน่ะ !!
แต่ช่างเถอะ ! ตอนนี้กุญแจสำคัญกว่าเป็นไหน ๆ ผมต้องรู้ให้ได้ว่าไอ้พวกเสื้อฮู้ดสีดำห้าคนนั่น มันเป็นใคร ! ถึงได้รู้ว่ากุญแจโกดังมันอยู่ที่ยัยเมมโมน่ะ มีคนสะกดรอยตามงั้นเหรอ ... ผมว่าไม่ใช่มั้ง ถ้ามีคนสะกดรอยตามผมก็ต้องรู้ตั้งแต่ทีแรกแล้วล่ะสิว่าเป็นใครน่ะ แต่ว่า ... เมื่อยัยเมมโมบอกมาแบบนั้น สิ่งที่ต้องทำก็คือ ... ตามไอ้พวกนั้นให้ได้น่ะสินะ !
ผมวิ่งไปตามเจ้าพวกฮู้ดสีดำไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึง ...
หน้าร้านราเม็งเอเท็น ?!
ฝีเท้าของผมชะงักกึกทันที เมื่อพบว่าไอ้พวกฮู้ดห้าคนนั้นมันรีบวิ่งเข้าไปที่ร้านราเม็งอย่างรีบร้อน ! เฮ้ย ... จะเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในนั้นก็ไม่ใช่เรื่องล่ะมั้งเนี่ย แต่ดูท่าทางแล้ว ... เหมือนพวกมันจะไม่หาที่ซ่อนตัวเลยด้วยซ้ำ กลับวิ่งไปนั่งที่โต๊ะภายในร้านเลยด้วย ! ผมชักรู้สึกสังหรณ์ใจแล้วสิ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่อย่างที่ผมเห็นและคิดน่ะ
สายตาของผมเหลือบไปมองเห็นหนึ่งในแก๊งฮู้ดดำนั่นที่กำลังเข้าไปภายในร้าน ผมก็ไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อมันไว้เลย ก่อนที่จะจับมันให้หันมาเผชิญหน้ากับผม แล้วจัดการเอาฮู้ดที่คลุมหัวมันออก หน้าตาประมาณนี้ ... ไม่น่าจะใช่ ‘ไอ้พวกนั้น’ นะ แต่ยังไงก็วางใจไม่ได้อยู่ดี
“เอากุญแจโกดังนั่นคืนมาซะ ? ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แต่คนตรงหน้าก็ทำสีหน้าไร้เดียงสาไม่รู้เรื่องอะไรเลยที่ผมพูด
“กุญแจโกดัง ? อะไรกันครับพี่ ”
“อย่ามาทำไก๋ ! เอากุญแจโกดังที่แกแย่งผู้หญิงคนนั้นมาเอามาให้ฉันซะ ” ผมกัดฟันกรอดพูดใส่มัน แต่มันกลับยังทำหน้างง ๆ ใส่ผมต่อเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรจริง ๆ เหอะ ! ท่าทางเจ้านายของแกคงฝึกมาดีสินะ
“กุญแจโกดังอะไร ? ผมไม่รู้เรื่องนะพี่ ! ” คนตรงหน้าผมเริ่มทำสีหน้ากลัวจนซีดเผือดเมื่อผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้มัน ตอนนี้ผมกำลังระงับอารมณ์โกธรของตัวเองเอาไว้อยู่นะ
“ฉันบอกแล้วไง ว่าให้เอากุญแจนั่นมา !”
“ผะ ... ผมไม่รู้เรื่องจริง ๆ นะครับพี่ ” ท่าทางของไอ้ฮู้ดคนนี้ดูจะไม่รู้เรื่องจริง ๆ นะเนี่ย แต่ถึงยังไงก็เถอะนะ ผมก็ยังเชื่อไม่ได้อยู่ดีน่ะแหละ คนสมัยนี้เล่นละครนอกจอเก่งจะตายไป
“ไม่รู้งั้นเหรอ !!”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะ ก่อนที่จะง้างหมัดใส่หน้ามัน ทว่า ... อีกไม่กี่เซนต์เท่านั้นที่หมัดของผมจะถึงหน้าไอ้ฮู้ดดำนี่ กลับมีมือมือหนึ่งมาจับรั้งไว้ได้ทันซะก่อน พอมองไปตามนิ้วมือเรียวยาวที่จับกำหมัดผมไว้ ผมก็ถึงกับหน้าเหวอไปเลยทันที เมื่อเห็นหน้าบุคคลคนนี้ พร้อมกับสิ่งของที่อยู่ในมืออีกข้างและประโยคที่ทำให้ผมแทบช็อกตายไปเลยทันที !
“กุญแจมันอยู่นี่ J”
ความคิดเห็น