ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Heartless Soil พื้นที่หัวใจขอจับจอง !

    ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER : 9,10

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.ค. 55


    9

    หลังจากที่วาเลนส์เข้าไปแล้ว ไอ้ฉันก็คิดว่านายโชลล์จะเข้าไปด้วยนะ แต่กลับกลายเป็นว่านายโชลล์บ้านี่มายืนมองหน้าฉันอย่างหยั่งเชิงซะอย่างนั้น ! แถมยังไม่พูดอะไรอีกด้วยนะ เออ ... ดี ยืนจ้องกันอย่างนี้ไปแหละ จะเอาให้ท้องกันไปข้างนึงเลยมั้ยล่ะ แกถึงเลิกจะจ้องหน้าฉันอย่างนั้นน่ะ !

    “จะให้ฉันยืนอยู่อย่างนี้เหรอ จะไม่ให้ฉันเข้าไปข้างในหน่อยหรือยังไงกัน” ฉันถามขึ้นมาอย่างเหนืออด ก่อนที่จะกอดอกตีสีหน้ากวนประสาทใส่นายโชลล์บ้านี่เต็มที่ 

    “คุณมีท่าทีที่ไม่น่าไว้วางใจ ผมคงปล่อยให้คุณเข้าไปข้างในไม่ได้หรอกครับ” 

    “ไร้มารยาทจริง ๆ เลย ฉันมาที่นี่ในฐานะแขกนะเนี่ย”

    “แขก ? แขกที่เข้ามาโดยใช้ค้อนทุบหน้าผมเนี่ยนะครับ ?”

    “เอ๊ะ ! ก็บอกว่าไม่ได้ใช้ค้อนไง จะเข้ามาค้นในตัวฉันเลยมั้ยล่ะ เอามั้ย !

    ฉันพูดพร้อมกับจะถลาเข้าไปหานายโชลล์ แต่ไอ้คนตรงหน้าก็ยกมือขึ้นมาห้ามฉันไว้ได้ทัน หน็อย ! ไอ้บ้านี่ก็ไม่จบ บอกว่าไม่ได้ใช้ค้อนก็ไม่ได้ใช้สิโว้ยยยยยย จะฝังใจไปไหน ! 

    เอาล่ะ ! ท่าทางงานนี้ฉันคงจะต้องมีศัตรูมาเป็นมารแล้วสินะ แถมยังเป็นบุคคลที่ใกล้เหยื่อซะด้วย -___-

    “ถ้าคุณใช้มือทุบผมจริง ๆ ผมคงไม่ล้มลงไปกับพื้นหรอก”

    “ก็นายมันอ่อนไง ? อ่อนหัดน่ะรู้จักป่ะ ? โธ่ ยอมรับมาเถอะว่าแพ้ผู้หญิง สู้ไม่ได้ก็บอกไปมาทำเป็นอ้างนู้นอ้างนี่ เสียชาติเกิดหมดนะเนี่ย”

    “ผมไม่ได้อ้างนะ ผมเห็นคุณใช้ค้อนทุบผมจริง ๆ ผมสาบานได้ =[]=

    “งั้นมาดูกัน ว่าในกระเป๋าหรือซอกหลืบในตัวฉันมันจะมีค้อนหรือเปล่า”

    ถึงคำพูดอาจจะดูล่อแหลมไปนิด แต่ฉันก็แค่เปิดกระเป๋าสะพายข้างให้ไอ้หมอนี่ดูก็เท่านั้นแหละ

    ฉันขยับกระเป๋าสะพายที่เป็นส่วนของกระเป๋า แล้วเปิดฝามันออกมา ... เอ่อ ฉันรู้นะว่าฉันใช้คำเชย ๆ แต่ว่าฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าส่วนนี้มันคืออะไร เอาเป็นว่าฉันกำลังแหวกกระเป๋าให้โชลล์มันดูละกัน

    ฟึ่บ !

    “อ่ะ แหกตาดูซิ ว่ามันมีอะไรลักษณะเหมือนค้อนบรรลัยกันที่นายเห็นในมือฉันตอนนั้นมั้ย”

    ถ้าไอ้บ้านี่มาทะลึ่งบอกมาว่าเห็นค้อนในกระเป๋าฉันล่ะก็ ... งานนี้มีเฮ -_-

    โชลล์เดินเข้ามาดูภายในกระเป๋าของฉันอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ก่อนที่จะชะเง้อชะแง้ชะแว้บชะว้าบมองดูเข้าไปภายในกระเป๋า เฮ้ ! กระเป๋าฉันไม่ใช่กระเป๋าผีสิงนะ ไม่ต้องดัดจริตระวังขนาดนั้นก็ได้

    แกร็ก !  

    “เพื่อความปลอดภัยผมถือปืนไว้ให้คุณเห็นดีกว่า ยกมือขึ้นซะ !

    “จ้า ๆ พ่อคนรอบคอบ แค่มาดูในกระเป๋าฉันแค่เนี้ย ถึงขั้นต้องยกปืนขึ้นมาด้วย ประสาทหรือเปล่าเนี่ย !

    ท่าทางนายโชลล์มันจะกลัวกระเป๋าฉันระเบิดดังตู้ม ! ใส่หน้าจริง ๆ เลยยกปืนและสั่งให้ฉันยกมือขึ้นมาเนี่ย ฮ่วย ! ไอมึนตื้บฉันเป็นมนุษย์ผู้หญิงเดินดินธรรมดาที่มีกระเป๋าสะพายเก๋ ๆ คู่ใจ มันจะอันตรายอะไรนักหนาวะ ฉันไม่ได้มีฤทธิ์เดชขนาดนั้นซะหน่อย ฉันชักจะประสาทเข้าให้กับไอ้คนคนนี้แล้วเนี่ย ! 

     โชลล์ใช้สายตาหวาดระแวงมองมาที่ฉันแวบหนึ่ง ก่อนที่จะใช้ปลายนิ้วมาแหวกกระเป๋าฉันออกอย่างกลัวยี้ ให้ตายสิ ! ไอ้บริการ์ดคนนี้น่ากระทืบให้ตายคาที่ไปเลย

    “ไม่มีจริง ๆ ด้วยแฮะ แล้วคุณไปเอาค้อนจากไหนมาทุบหน้าผมเนี่ย”

    “ก็ฉันบอกแล้วใช่มั้ย ว่า ... ไอม่ายมีค่อน” ด้วยความหมั่นไส้ฉันเลยใช้สำเนียงฝรั่งที่มาเที่ยวที่ประเทศไทยพูดให้นายโชลล์มันมึนเล่นไปซะเลย อยากกวนทีนแบบมนุษย์ใสซื่อดีนัก -__- +

    “อะไรของคุณ ค่อน ๆ ?”

    “ฉันไม่มีค้อนโว้ยยยยยยยยยยยย พาฉันเข้าไปในบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะก่อนที่ฉันจะใช้มือนี้ทุบหน้านายอีกครั้ง !

    ฉันง้างมือข้างขวาขึ้นมาตระหง่านอย่างโมโหเกินลิมิต ก่อนที่จะตะโกนออกไปดังลั่นอย่างบ้าคลั่ง และมันก็ได้ผล ... คนตรงหน้าฉันนี่ถึงกับหงอไปเลยทีเดียว เล่นเอาปืนที่ถือไว้กลายเป็นปืนของเล่นที่ขายตามท้องตลาดข้างบ้านฉันไปเลย !

    “เห็นมั้ย ๆๆๆๆ คุณจะใช้ค้อนทุบผมอ่า !

    “เออ ! ฉันจะใช้มันทุบหน้านายจริง ๆ แหละ ถ้านายยังไม่รีบเดินไปเปิดประตูให้ฉัน ณ บัดเดี๋ยวนี้ !

    “โอเค ผมจะไปเปิดให้เดี๋ยวนี้ล่ะค้าบบบบบบบ”

    แอ๊ด ~!

                ประตูบ้านสีน้ำตาลแสนสวยถูกนายโชลล์เปิดออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่เก็บปืนและเจอมือของฉันพิฆาตทางสายตาและอารมณ์ไปแล้วเรียบร้อย ! นี่นายโชลล์มันกลัวมือของฉันจริง ๆ เหรอเนี่ย ให้ตายเถอะ นี่หรือ ... บอดี้การ์ด

    ฉันแอบทำหน้าแหวใส่โชลล์นิดหน่อย ก่อนที่จะเดินเข้าไปในตัวบ้านอย่างไม่มีความเกรงใจใด ๆเลยทั้งสิ้น  โธ่ ... จะให้มาเกรงใจกันตอนนี้ก็ไม่ได้แล้ว เพราะถ้ามัวแต่เจี๋ยมเจี้ยมทุกอย่างก็อาจจะล้มเหลวไม่เป็นท่าน่ะสิ ! 

                สองเท้าที่ยาวเท่าเรือใบของฉันย่างกรายเข้ามาในตัวบ้านของวาเลนส์เรื่อย ๆ ก่อนที่จะใช้สายตากวาดมองไปทั่วภายในนี้ อา ... บ้านหลังนี้นี่มันเพอร์เฟ็คโฮมจริง ๆ แฮะ ของทุกชิ้นเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างถูกตกแต่งอย่างหรูหราและสวยงามไม่แพ้คฤหาสน์ของเศรษฐีไฮโซในทีวีเลย

                แต่แล้วฉันก็ต้องมาชะงักลูกตาและฝีเท้า เมื่อมีบอดี้การ์ดที่น่ารักของวาเลนส์ซึ่งก็คือนายโชลล์นั่นเองเดินเข้ามาหาอย่างนอบน้อม ก่อนที่จะพูดด้วยหน้าตาเฉื่อยชาเหมือนถุงใส่ชาชงของฟิตเน่ -_-

    “เชิญคุณ เอ่อ คุณชื่ออะไรนะครับ”

    “ดินเนอร์ -_-

    “เดี๋ยวคุณดินเนอร์ไปนั่งรอคุณวาเลนส์ที่โซฟาก่อนนะครับ เพราะตอนนี้คุณวาเลนส์กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ เชิญนั่งรอไปก่อนนะครับ”

    เมื่อบอดี้การ์ดอย่างนายโชลล์ลงทุนมาเชิญฉันแบบนี้ มีหรือที่ฉันจะหยิ่งหรือจิกกัด ฉันยอมทำตามคำพูดของนายโชลล์โดยง่าย โดยการย้ายที่ยืนของตัวเองไปนั่งที่โซฟาแสนหรูของบ้านนี้ล่ะ อา ... เท่าที่สายตาของฉันประเมินบ้านหลังนี้แล้ว มันดูหรูหราและน่าอยู่เป็นที่สุด แต่ถ้าจะให้เปรียบเทียบระหว่างบ้านฉันกับบ้านของเขาแล้วนั้น ...

    อย่าเลย บ้านฉันกับบ้านเขา มันคนละชั้นกัน =_=

    ระหว่างที่นั่งบนโซฟาอยู่นี้ ฉันก็พยายามหาวิธีคิดอยู่ว่าจะเริ่มแผนการของตัวเองยังไงดี อันดับแรกฉันจะต้องตีสนิทกับวาเลนส์ก่อน เพื่อที่เขาจะได้อนุญาตให้ฉันทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจตัวเองภายในบ้านหลังนี้ ฉันเชื่อนะ ... ว่าภายในบ้านหลังนี้ต้องมีขวานทองคำแน่นอน ไม่งั้นพี่เก็นก็คงไม่บอกบ้านเลขที่ของวาเลนส์มาให้ฉันหรอก

    แต่ว่า ... ฉันจะเริ่มแผนการตีสนิทกับวาเลนส์ยังไงดีล่ะเนี่ย ก็เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว ดูเหมือนว่าวาเลนส์กำลังมีทิฐิกับฉันเข้าให้ซะแล้วน่ะ !

    “นี่เธอเข้ามาในบ้านฉันตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย O_O !

    เฮือก ! ฉันสะดุ้งจนแทบตกโซฟาเมื่อจู่ ๆ วาเลนส์ก็ตะโกนแหกปากซะดังลั่นบ้าน ฮ่วย ! แค่ฉันเข้ามาในบ้านเขาแค่นี้ถึงกับตะโกนขนาดนี้กันเลยเชียวเหรอ ตกใจนะ !

    “ก็ ... ตอนที่นายเดินเข้ามาเนี่ยล่ะ โชลล์ก็เปิดประตูให้ฉันเดินเข้ามาเลย” 

    “ไม่ใช่นะครับคุณวาเลนส์ ! เธอขู่จะใช้ค้อนทุบหน้าผมอีกครั้งต่างหาก ผมก็เลยต้องยอมเปิดประตูให้เธอเข้ามา”

    โว๊ะ ! ลืมไปว่านายโชห่วยบอดี้การ์ดบ้าบออะไรนี่ยังอยู่ในนี้ กะว่าจะโกหกให้นายโชลล์ดูแย่ซะหน่อย อดเลย ! แต่ว่าอะไรก็ไม่ได้ทำให้ฉันอารมณ์ไปหรอกนอกเสียจาก ... ค้อน !  

    “นี่นายจะบ้าหรือไง ! ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่มีค้อน และไม่ได้ใช้ค้อน นายก็เห็นแล้วนี่ ?” 

    “มันก็ใช่ แต่ว่า ... เมื่อกี้คุณถือค้อนมาง้างไว้จริง ๆ นะครับ”

    “จะต้องให้ฉันเผากระเป๋าให้ดูเลยมั้ย นายถึงจะเชื่อน่ะ !

    “พอกันทั้งสองคนน่ะแหละ !

    ฉับ !

    ฉันกับโชลล์รีบหุบปากฉับยิ่งกว่ากรรไกรทันที เมื่อวาเลนส์ออกโรงตะเบ่งเสียงออกมาอย่างรำคาญ เต็มทน ให้ตายสิ ! ฉันจะต้องขอบคุณวาเลนส์มากมายก่ายกองเลยใช่มั้ย ที่ทำให้ฉันกับนายโชลล์บ้านี่เลิกเถียงกันเรื่องค้อนน่ะ เฮอะ !

    “ว่าแต่นายเถอะโชลล์ นายปล่อยให้ยัยบ้านี่เข้ามาได้ยังไงกันฮะ !

    “ก็ ... เธอบอกว่าเธอจะใช้ค้อนทุบหน้าผมน่ะครับคุณวาเลนส์ ผมก็เลย ... ”

    “หยุด ! เธอไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น” วาเลนส์หันหน้ามาห้ามฉันทันทีเมื่อฉันจะปริปากแทรก แล้วหันไปไล่เบี้ยกับโชลล์ต่อ แน๊ะ ! รู้ทัน “แค่ยัยนี่เอาค้อนมาขู่ นายก็กลัวแล้วเหรอโชลล์ ? นี่นายเป็นบริการ์ดของฉันนะ นายฝ่าพวกลูกปืนและอุปกรณ์การต่อสู้มามากเท่าไหร่แล้ว แต่นี่แค่ค้อนนายกลับกลัว ? นี่นายจะบ้าไปแล้วเหรอโชลล์”

    “มันไม่ใช่อย่างนั้นครับคุณวาเลนส์ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องกลัวค้อนเธอด้วย แค่พอเห็นค้อนนั่นเท่านั้นผมก็รู้สึกไม่อยากจะต่อกรกับเธออีกต่อไปน่ะครับ ผมก็เลยเชิญเธอเข้ามา”

    “นายรู้มั้ยโชลล์ ว่าบางทีผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นไส้ศึกก็ได้ ทำไมนายถึงได้ทำอะไรโง่ ๆ แบบนี้ !

    วาบ ~ ไส้ศึกงั้นเหรอ ทำไมฉันรู้สึกเหมือนกับโดนจับได้เลยอ่ะ ถึงแม้ว่าเขาจะดุโชลล์อยู่ก็เถอะ แต่เขาก็พล่ามมาถึงฉันด้วยนี่จริงมั้ย ?? แต่ว่าตอนนี้จะแตกตื่นไม่ได้ ต้องเฉย ๆ ทำนิ่งไว้ก่อน ไม่งั้นเดี๋ยวจะถูกหาว่าร้อนตัว   

    “ผมต้องขอโทษจริง ๆ ครับคุณวาเลนส์ ตอนนั้นผมไม่ทันคิดอะไรเลย จะมารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่กลัวค้อนนั่นเข้าไปแล้ว”

    “ค้อนเหรอ ? ฉันเห็นนายพูดถึงไอ้ค้อนบ้านี่มาหลายหนแล้ว ไหน ... เธอเอามาให้ฉันดูซิ”

    “ฉัน ? นายเรียกฉันงั้นเหรอ” ฉันถามอย่างมึน ๆ พร้อมกับใช้นิ้วชี้ชี้เข้าหาตัวเอง ก็มัวแต่ดูเจ้านายดุลูกน้องอยู่เพลิน ๆ นี่นา จู่ ๆ ก็หันมาทางฉันเฉยเลย  

    “ก็ใช่น่ะสิ ในนี้มันมีมากกว่าสามคนล่ะมั้ง ฉันเรียกเธอน่ะแหละ” วาเลนส์เองก็ประชดประชันกลับมาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างจนน่าเตะเป็นที่สุด เล่นทำฉันอยากจะจิ๊ปากใส่หน้าโดยทันใด 

    ค้อน ? ค้อนงั้นเหรอ ให้ตายเถอะลิงกอริลล่า ก็ในเมื่อฉันไม่ได้หยิบค้อนจากที่บ้านมาแล้วฉันจะไปเอาค้อนที่ไหนมาให้เขาล่ะ ! ค้อนหลังบ้านเขาหรือไง ส่วนนายโชลล์นี่ก็น่าก้านคอ ! แกจะหลอนอะไรกับค้อนนักหนาวะเนี่ย ฉันล่ะปวดหัว !

    “ฉันไม่มีค้อน”

    “แต่ทำไมโชลล์ถึงบอกว่าเธอมี”

    “ฉันไม่มีหูทิพย์และตาทิพย์ ฟังความคิดและสิ่งที่โชลล์เห็นไม่ได้หรอก ! อยากดูนักใช่มั้ยไอ้ค้อนบรรลัยกันในมือฉันนั่นน่ะ อ่ะ ! งั้นเอาไปดูกันซะให้พอเลยคราวนี้ !

    ฟึ่บ

    ฉันโยนกระเป๋าสะพายใส่วาเลนส์อย่างฉุนกึก ตอนนี้ฉันชักจะไม่เล่นด้วยล่ะนะ ค้อนบ้าบออะไรกัน ?! ถ้าฉันมีล่ะก็ป่านนี้ผู้ชายสองคนนี้คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้วล่ะ 

    วาเลนส์เงยหน้าขึ้นมามองฉัน คาดว่าตอนแรกเขากะจะปาคำพูดตำหนิมาให้ฉันล่ะ แต่พอเจอสีหน้าของฉันเข้าไป เขาก็ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้นนอกจากหยิบกระเป๋าฉันขึ้นมาแล้วเปิดภายในกระเป๋านั่น

    กุกกัก กุกกัก 

    “ไม่มี” 

    “ใช่ มันไม่มี แล้วนายเอาอะไรมาพูดฮะโชลล์ว่าเห็นฉันถือค้อน ? นี่ก็เป็นการเปิดกระเป๋าฉันเป็นรอบที่สองแล้วนะ” ฉันหันหน้าไปถามโชลล์อย่างเชือดเฉือนทันทีเมื่อได้รับคำตอบว่าไม่พบค้อนจากปากของวาเลนส์ ฉันว่านะ ไม่พรุ่งนี้ก็ตอนนี้เลยให้วาเลนส์พาบอดี้การ์ดสุดโปรดปรานของเขาไปเช็กสมองได้แล้ว ! 

    “แต่ตอนนั้นและตอนที่เชิญคุณเข้ามาในบ้านเมื่อกี้ ผมเห็นคุณถือค้อนจริง ๆ นะครับ ผมไม่ได้โกหกพวกคุณแน่นอน”  

    โชลล์ยืนยันอีกครั้งด้วยน้ำเสียงจริงจัง และไม่มีวี่แววโกหกอะไรเลยทั้งสิ้นจนฉันเริ่มเอะใจในตัวเอง ... เอะใจในตัวเองงั้นเหรอ หรือว่า ...

    งั้นฉันขอลองกับนายหน่อยล่ะกันนะ วาเลนส์ !  

    10

    ฉันมองหน้าวาเลนส์อย่างมีความคิดที่กำลังจะลองทำดูว่า ... ถ้าฉันลองต่อยตาวาเลนส์ดูบ้างล่ะ วาเลนส์จะเห็นว่าฉันใช้ค้อนทุบเขาเหมือนกับที่นายโชลล์นี่เห็นมั้ย ? ก็ตอนนี้ฉันชักตงิด ๆ ใจขึ้นมาซะแล้วสิ ถ้าไม่ลองกับวาเลนส์แล้วล่ะก็ ... เรื่อง ค้อน ๆของวันนี้ก็ไม่มีวันสิ้นสุดลงหรอก !  

    แต่ว่าถ้างานนี้ฉันดันทำพลาดและวาเลนส์เป็นอะไรไปเข้า ฉันซวยต้องแหงแก๋ เพราะฉะนั้นการทดสอบครั้งนี้จะฉันต้องทำแค่การพุ่งหมัดและยั้งเอาไว้ไม่ให้โดนเบ้าตาของวาเลนส์โดยเด็ดขาดเลย !

    “วาเลนส์”

    “หืม”

    “ฉันขอโทษนะ”

    “เธอจะทำอะไรน่ะ ... !

    หมับ !

    วาเลนส์รีบยกมือขึ้นมาจับมือฉันไว้ทันที ! เมื่อฉันพุ่งหมัดเข้าไปหมายจะทำตามที่ตัวเองคิดไว้ แต่ทว่าทุกอย่างก็ล้มเหลว เพราะประสาทสัมผัสและไหวพริบของคนตรงหน้านี้เร็วมาก โอ๊ย ! ท่าทางเขาจะตกใจจริง ๆ นะเนี่ย กำข้อมือฉันแน่นเลย

    “เธอคิดที่จะทำอะไรฉัน” วาเลนส์ถามเสียงเข้มปนตื่นตระหนกก่อนที่จะบีบข้อมือฉันไว้อย่างนั้น

    “เปล่า ... เปล่านะ ฉันแค่ อยากจะพิสูจน์อะไรบางอย่างน่ะ”

    “งั้นเหรอ ... ไม่ใช่เพราะว่าเธออยากจะทำร้ายร่างกายฉันหรือไง”

    “ไม่นะ ! ฉันแค่อยากพิสูจน์ !

    “คนอย่างฉันน่ะ ... จะทำร้ายร่างกายทั้งทีมันต้องอาศัยความไวและความฉลาดหน่อยนะ”

    วาเลนส์ฉกหน้าเข้ามาใกล้ฉันจนเหลือแค่ไม่ถึงนิ้ว พร้อมกับแสะยิ้มมุมปากทำท่าเหนือกว่า ไอ้หมั่นไส้ก็หมั่นไส้อยู่หรอก แต่ไอ้ความเขินที่สอดแทรกขึ้นมานี่สิ ... มันคืออะร้ายยยยย น่าอายที่สุดเลย !

    ฟึ่บ !

    “คนอย่างฉันน่ะ จะทำร้ายร่างกายคนทั้งทีก็ไม่โจ่งแจ้งแบบนี้เหมือนกันรู้ไว้ซะด้วย” ฉันกระตุกแขนแล้วก้าวเท้าออกห่างจากเขามาสามสิบเซนติเมตรเมื่อความรู้สึกแปลก ๆ มันจู่โจม หน็อย ... ชักจะละ ... หล่อไปแล้วนะ ฉันไม่ได้อยากจะชมมันเลยยย แต่ก็ไม่รู้จะสบถว่าอะไรแล้ว แค้น !  T//////T

    “งั้นเหรอ ฉันเองก็ชักอยากจะรู้แล้วสิว่า ... เธอจะ ทำอะไรฉัน” วาเลนส์เน้นคำว่า ทำอะไรอย่างเจ้าเล่ห์จนฉันหมั่นไส้อายจะเข้าไปตบหัว แต่ว่า ... ถ้าอยากจะเอาชนะคนแบบนี้ เราจะต้องถกเถียงกันไปอีกประเด็นหนึ่งถึงจะสำเร็จ !

    “ฉันไม่ทำอะไรนายหรอกนะ อย่างน้อยก็ไม่คิดที่จะฆ่านายหรอก เปลืองน้ำมือ”

    “ปากจัดดีนี่ ไหน ๆ ก็คุกคามเข้ามาภายในบ้านฉันแล้ว หวังว่าเธอคงไม่ได้มาถามทางฉันหรอกนะ”

    “เออ หน้าตาอย่างนายดูแล้วก็ไม่น่าจะใช่กูรูทางเส้นทางเลยสักนิด ฉันคงไม่เข้ามาในนี้เพื่อมาถามทางกับนายหรอกวาเลนส์ !

    ถ้าเสียงตังค์ค่าแท็กซี่ห้าร้อยห้าสิบห้าบาทเพื่อมาถามทางนายแล้วออกจากบ้านไป ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันขอลาตายดีกว่า เพื่อค่าแท็กซี่ห้าร้อยห้าสิบห้าบาทฉันทุ่มสุดตัวเฟ้ยยยยย

    “แล้วเธอมาทำอะไรที่นี่”

    “เอ่อ มา ... ” มาทำอะไรอ่ะ ไม่ได้คิดไม่ได้เตี๊ยมกันมาซะด้วย ซวยแล้วววววว

    ฉันรีบกวาดสายตามองรอบบ้านอย่างต้องการหาตัวช่วยให้กับตัวเองทันที ฮึ่ย คิดสิคิด ยัยดินแกมาทำอะไรที่นี่ ... เออ รู้แล้วว่ามาหาขวาน แต่แกจะอ้างว่าอะไรล่ะโว้ยยยย

    มาเป็นคนใช้ ?

    มาเป็นคนทำสวน ?

    มาเป็นแรงงาน ?

    หรือว่าจะมาเป็น ... โอ๊ยยยย เอาอะไรดีเนี่ย คิดอะไรออกมาไม่ถูกใจฉันสักอย่างเลย !

    ฟันด้านล่างและด้านบนของฉันกัดกันแน่นกรึบจนเกือบจะเอาไม่ออกก็เป็นได้ เมื่อพยายามนึกเท่าไหร่แล้ว ก็คิดไม่ออกสักทีว่าจะอ้างกับเขาว่าอะไร ... แน่นอน ฉันคงไม่บอกไปโต้ง ๆ หรอกว่ามาหาขวานที่นี่ เพราะฉะนั้นมันจะต้องมีอะไรมาบังหน้าไว้ใช่มั้ยล่ะ จะบอกส่ง ๆ ไปก็ไม่ได้ด้วย และคนตรงหน้าฉันนี้ก็เริ่มจะจับผิดฉันเข้าให้แล้ววว ไม่ได้การล่ะ ฉันต้องรีบพูดออกไปเดี๋ยวนี้ !

    “อ๋อ ฉันมา ... มาสอนการต่อสู้ให้นายน่ะ”

    “ฮะ มาสอนการต่อสู้ ?”

    “ช๊าย มีคนจ้างฉันมา เขาบอกว่านายอ่อนด๋อยเรื่องการต่อสู้มากเลย เขาก็เลยตัดสินใจมาหาฉันแล้วก็ทิ้งที่อยู่บ้านของนายมาให้ฉันเนี่ยแหละ”

    เมคเองจากปาก สมองไม่เกี่ยวอย่าคิดถึงมันเลยยย ที่พูดออกไปนี่คือแรงกดดันจากสายของคนตรงหน้าฉันล้วน ๆ จ้าาาาาา

    จบคำยืนยันของฉันปุ๊บวาเลนส์ก็หรี่ตามองฉันเหมือนกำลังมองเด็กที่กำลังเพ้อฝันใส่อยู่ทันทีเลย เฮ้ ! ทำแบบนี้ไม่หยามกันไปหน่อยหรือยังไงกัน คนอะไรไม่มีมารยาทเลย แหยะ ! ถึงแม้ว่าสิ่งที่ฉันพูดออกไปมันจะดูขัดแย้งกับบุคลิกก็เถอะ แต่เขาก็ไม่ควรที่จะทำแบบนี้นะ !

    “จริงเหรอ”

    “จริงสิ ไม่งั้นฉันจะโกหกนายทำไมล่ะ”

    “นั่นสิ แล้วเธอจะโกหกฉันทำไมล่ะ”

    “นี่นายอย่ามาทำให้ฉันสับสนได้มั้ย ! นี่ฉันมาหาในฐานะครูที่จะมาฝึกสอน จริง ๆ นะเนี่ย”

    “งั้นเราลองมาซัดกันสักตั้งมั้ย ตอนนี้เลย”

    “จะดีเหรอ”

    “หรือเธอกลัว”

    วาเลนส์ยกคิ้วท้าทายมาให้ฉันทันที ก่อนที่จะลอยหน้าลอยตากวนบาทาฉันเต็มที่ โมโหก็โมโหอยู่หรอก แต่ว่า ... ดูสัดส่วนทางร่างกายระหว่างฉันกับเขาแล้วนั้น มันคนละระดับและคนละชั้นกันเลยนะ ถ้าจะทำอย่างนั้นจริง ๆ ฉันคงสู้เขาไม่ไหวแน่ ๆ

    ฉันกับวาเลนส์ต่างจ้องตากันด้วยสายตาท้าทายใส่ฝั่งตรงข้ามกันทั้งคู่ แต่ไม่รู้ทำไม ... ฉันถึงสะบัดหน้าหลีกเลี่ยงการจ้องตากับเขาซะงั้น ไม่รู้สิ ... จ้องตากันอยู่ดี ๆ อาการแปลก ๆ ในอกมันก็เข้ามาหาฉันเฉยเลย

    “ฉันไม่กลัวนายหรอกน่า แต่ว่า ...”

    “...”

    “ถ้าฉันชนะนาย ... นายต้องยอมให้ฉันทำอะไรก็ได้ในบ้านนายหลังนี้นะ”

    “โอเค แต่ถ้าเธอแพ้ฉัน ... อืม ... ฉันจะทำอะไรกับเธอดีล่ะ หน้าตาของเธอก็ไม่เบานี่”

    วาเลนส์พูดพร้อมกับเอื้อมมือมาเชยคางฉันให้หันหน้าไปหาเขา เอาอีกแล้ว ! ตอนนี้ฉันรู้สึกเกลียดนัยน์ตาสีฟ้าทะเลนั่นมากที่สุดเลย ! มันทำให้ฉัน ... รู้สึกแปลก ๆ กับอกด้านซ้ายอ่ะ ไม่ดีเลย ! ฉันจะไม่จ้องมันอีกแล้ว  

    เจ้าของมือเรียวยาวที่จับคางฉันอยู่หัวเราะหึ ก่อนที่จะผละออกจากฉันไปเบา ๆ เฮ้อ รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลย มันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูก แต่ที่รู้ ๆ ก็คือว่า ... ซิกซ์แพ็กส์และโครงหน้าของเขาสวยมากเลยแหละ ฉันไม่ได้หื่นนะ !

    “เฮ้อ ... ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออก งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า ฉันจะไม่งอมืองอเท้าให้เธอล่ะนะ”

    “ได้เลย อยากใส่อะไรมาก็ใส่มาเลยฉันเองก็จะไม่งอมืองอเท้าเหมือนกัน” 

    ฟึ่บ !

    เหวอ ~! จบคำพูดของฉันปุ๊บ วาเลนส์ก็พุ่งหมัดเข้ามาหาฉันปั๊บ เล่นเอาฉันผงะรีบถอยตัวออกมาจทันแต่ก็หวุดหวิดกับหมัดหนัก ๆ นั่นอยู่ดีจนน่าใจหาย โหย ~ งานนี้ฉันจะรอดมั้ยเนี่ย เขาสูงกว่า เขาหน้าตาดีกว่า และที่สำคัญ ... เขารวยกว่าด้วยอ่ะ (รู้สึกว่าไม่สำคัญแต่อยากเอี่ยว) ! แล้วฉันจะรอดม้าย ~          

    ฟึ่บ ! ฟึ่บ ! ฟึ่บ !

    หลังจากที่เปิดฉากด้วยหมัดของเขาแล้วนั้น เหมือนวาเลนส์จะรู้ไต๋เข้าให้ซะแล้วว่าฉันมันอ่อนด๋อยในเรื่องการต่อสู้นี้เหลือเกิน เขาเลยเหมือนจะต่อให้ฉันนิดหน่อย ยอมรับแล้วล่ะว่าวาเลนส์เทพฉมังเรื่องการต่อสู้จริง ๆ ดูเขาซอฟต์ ๆ กับฉันมากเลยอ่ะ ทำให้ตอนนี้เขาซะเองที่เหมือนจะมาเป็นครูฝึกให้ฉันแล้ว แง ~! นี่ฉันต้องรู้สึกดีใจใช่มั้ยที่สามารถโยกหลบเขาได้ทุกท่วงท่าแบบนี้น่ะ

    ฟึ่บ ~

    หมับ !

    “ว้ายยยยยยยยย”

    ตุ้บ !

    ฉันร้องลั่นบ้านดั่งโดนประหารดังลั่น ! เมื่อวาเลนส์ใช้จังหวะที่ฉันพุ่งหมัดเข้าไปอุ้มฉันด้วยท่อนแขนแข็งแรง แล้ววางฉันไว้บนโซฟา กว่าจะมารู้ตัวอีกทีก็ ... 

    “ไหนว่าจะมาสอนฉันไง ไหงฝีมือไม่ได้เรื่องเลยล่ะครับ ครูฝึกหน้าอ่อน”

    ใบหน้าของเขาก็เข้ามาใกล้ฉันมากจนปากจะชนกันอยู่แล้ว อ๊ากกกกกก ฉันรู้หัวใจเต้นรัวอีกแล้วอ่ะ ด้วยความแปลกประหลาดภายในอกนี้ฉันก็เลยรีบยกมือขึ้นมายันหน้าอกเข้าไว้ทันที แงงงงง รู้สึกทรมานปั่นป่วนยังไงก็ไม่รู้ หน้าของวาเลนส์ใกล้หน้าฉันเกินไปแล้วว

    “นี่นาย ! ออกไปนะ นายขี้โกง !

    “โกงอะไรล่ะ เธอน่ะแหละที่ไม่ทันฉันเองช่วยไม่ได้นะ”

    “งั้นเหรอ งั้นฉันเองก็ช่วยไม่ได้เหมือนกันนะ ที่นายจะต้องแพ้แล้ว ! ย๊ากกกกกก”

    ปั้ก !

    “โอ๊ย ! 

    วาเลนส์ร่วงลงไปอยู่กับพื้นทันที เมื่อฉันจัดการอาศัยจังหวะทีเผลอถีบหน้าแข้งของเขาอย่างแรงเข้าให้ ยี่ฮ่า ! ในที่สุดทุกอย่างก็เป็นจริงแล้ว ฉันชนะ !

    “นายแพ้ฉันแล้ววาเลนส์ นายแพ้ฉันแล้ว !!!!!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×