คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER : 7,8
7
พ่อของพี่เก็นนั้นเป็นนักประมูลของล้ำค่าที่ชาวเศรษฐีเงินล้านทั้งหลายแหล่โปรดปราน เพราะแต่ละครั้งที่พ่อพี่เก็นจะออกประมูลสินค้านั้น มักมีแต่ของล้ำค่าและหรูหราเกินจะเทียบราคาได้ เอาเป็นว่า ... แก้วน้ำทรงสูงที่ทำมาจากคริสตอลตกแต่งด้วยอัญมณีทั้งหลายแหล่ทั้งหมดในจักรวาลที่พ่อพี่เก็นหามาได้ ถูกประมูลด้วยราคาเกือบเหยียบล้านล้าน !
แล้วนี่ก็เช่นกัน ... ขวานทองคำที่มีมูลค่าเกินจะคำนวนได้ก็อยู่ในคอลเล็กชั่นความคิดของพ่อพี่เก็นด้วย ตามจริงหน้าที่ตามหาต้องเป็นของพี่เก็น แต่ช่วงนี้พี่เก็นติดทำงานให้กับทางมหาวิทยาลัยอยู่ก็เลยมาเพิ่งฉันแทน
และปัญหามันก็มาตกอยู่ที่ฉันก็คือว่า ... ฉันจะทำยังไงดีเพื่อเข้าหาผู้ชายคนนั้น ‘วาเลนส์ ไฮเกอร์’ ผู้ชายที่กำลังครอบครองขวานที่ล้ำค่านั่นอยู่ ! ตอนเห็นในรูปฉันไม่กังวลเลย แต่พอพี่เก็นบอกมาอีกว่าเขาเป็นบุคคลที่เข้าหายากและมีการ์ดคอยคุมตลอดทุกยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่ต่ำกว่าสี่คนเท่านั้นแหละ ฉันก็กลับมานอนจนจะเอาเท้ามาก่ายแทนหน้าผากอยู่แล้วเนี่ย เครียดจัด !
ฟึ่บ
ฉันคว้ารูปวาเลนส์มาดูอีกครั้ง เอ ... ทำไมฉันรู้สึกคุ้น ๆ หน้าเขาจังนะ เราเคยเจอกันมาก่อนที่ไหนหรือเปล่า
วาเลนส์ วาเลนส์ ... โอ๊ย ! มองหน้าเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกอ่ะ แต่ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันเคยเจอเขาจริง ๆ น้า
ฉันวางรูปวาเลนส์ไว้ที่โต๊ะหัวเตียงเหมือนเดิม ก่อนที่จะเงยหน้ามองเพดานเหมือนคนสิ้นคิด ... หวังว่าวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงนี่รูปวาเลนส์คงจะไม่หายเหมือนจดหมายนั่นหรอกนะ จะว่าไป ณ บัดนี้ฉันก็ยังหาจดหมายนั่นไม่เจอเลย
ขวานทองคำนั่น ... ทำไมอยู่ดี ๆ ฉันก็รู้สึกอยากจะได้มันมาครอบครองเองซะงั้นเนี่ย ! ไม่ได้นะ ! นี่ผลมันงานชิ้นโบแดงของพ่อพี่เก็นเขา ! ฉันจะไปชิงมันเอามาครองเองไม่ได้ !
ฉันหยิบซองสีน้ำตาลที่พี่เก็นให้มาอีกครั้ง ก่อนที่จะหยิบกระดาษสีขาวที่เขียนที่พักของวาเลนส์เอาไว้ ตอนนี้วาเลนส์พักอยู่ที่บ้านทาวน์เฮ้าส์หลังหนึ่งหมายเลขสามสิบหกทับเก้าซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเพนโทรไดซ์ อา ... คำนวนเอาแล้วมันก็ไกลจากตัวบ้านฉันไม่เบาเลยนี่นา ค่าเดินทางก็ร่วมสามร้อยบาทเลยทีเดียว
แต่ก็เอาวะ ! เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการหลังจากทำภารกิจเสร็จ ฉันจะพยายามละกันนะไม่ว่ามันจะมีอุปสรรคมากมายมหาศาลเพียงใดก็เถอะ ! สู้เว้ยยัยมื้อค่ำ ! (ก็ฉันชื่อดินเนอร์นี่นา ดินเนอร์มันแปลว่ามื้อคำนี่ ใช่มั้ย =_=)
ค่าแท็กซี่ห้าร้อยห้าสิบห้าบาท รถติดหาพ่อเธอหรือออออออออออ !
ฉันล่ะอยากจะเข้าไปทำลายป้ายไฟจราจลนั่นจริง ๆ เลย ให้ตายเถอะพารากอน ! ฉันรู้นะว่าเพนโทรอนรถต้องติดอย่างน้อยสองนาทีขึ้นไป ถ้าไม่อย่างนั้นคนที่ใช้ถนนเส้นนั้นจะเจอกับความพินาศสันตะโร ! แต่ตังค์ในกระเป๋าฉันเนี่ยมันแฟบไปหลายโหล ! ก็เพราะการที่รถติดเกินกำหนดมายี่สิบแปดนาทีเนี่ยแหละ ! อ๊ากกกกกกกก ติดขนาดนั้นจะให้คนในถนนเส้นนั้นรวมถึงฉันให้โชคดีกันไปชั่วกัปชั่วกัลป์เลยใช่มั้ย เพนโทร๊อนนนนน !! ฮ่วย !
ฉันเก็บกระเป๋าสตางค์แสนสวยที่แฟบไปกว่าครึ่งกับอีค่ารถแท็กซี่ลงกระเป๋าสะพาย ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองบ้านทาวน์เฮ้าส์ตรงหน้า และจึงเหลือบมองไปยังเลขที่ของบ้าน ... สามสิบหกทับเก้า โอเค ตอนนี้ฉันมาถูกบ้านแล้ว ใช่ค่ะ วันนี้ฉันเดินทางมาที่บ้านของ วาเลนส์ ไฮเกอร์ !!!!!!
แต่ว่า ... ฉันควรจะเริ่มต้นยังไงดีอ่ะเนี่ย T^T เมื่อคืนก็มัวแต่คิดโน่นนี่นั่นจนลืมคิดแผนการมาซะด้วยสิ เอาไงดี ... เอิ่ม ... ใช่สิ ! ฉันต้องกดออดก่อนนี่นา ใช่ ! ฉันต้องกดออดก่อนเป็นอันดับแรกของการมาเยือน !
คิดได้อย่างนั้นแล้วก็เดินไปที่ออดของบ้านที่อยู่ข้าง ๆ ป้ายบ้านเลขที่ก่อนจะจิ้มนิ้วลงไปอย่างนึกสนุก (?)
ติ๊งหน่อง ~
หนึ่งนาที่ผ่านไป
ติ๊งหน่อง ~
หนึ่งนาทีผ่านไปอีกกกกกก
ติ๊งหน่องงงง อ่อง อ่อง อ่องงง
...
จุด จุด จุด ! เฮ้ย ! ทำไมไม่มีใครเดินมาเปิดประตูต้อนรับฉันเลยล่ะ หรือเพราะว่าฉันแต่งตัวเซาะกราวไปหาดาวแม่มากเกินไป เลยไม่มีใครมาเปิดประตูต้อนรับ T^T ฉันว่านั่นไม่ใช่หรอก เจ้าของบ้านจะหยิ่งขนาดนั้นเชียวเหรอ
ชะเง้อ ชะแง้ ชะแว้บ ชะว้าบบบบบ ~~
ฉันลองยื่นหน้าเข้าไปมองในทุกทิศองศาของบ้านแล้วก็ ... ไม่มีใครเดินออกมาเปิดประตูให้จริง ๆ ด้วยอ่ะ O_o เฮ้ ! อย่าเงียบแบบนี้สิ ฉันใจเสียนะรู้มั้ยคะคุณเจ้าของบ้านนน ประตูรั้วก็ไม่ได้ล็อกไว้นี่นา มันน่าจะมีคนอยู่สิ
ติ๊งหน่อง ๆๆๆๆๆๆ
ด้วยความทนไม่ไหว ฉันเลยจัดการกดออดชุดใหญ่ยิ่งกว่าคอมโบ้เซ็ทเข้าให้ซะเลย ! เอาซี้ ถ้ายังไม่มาเปิดประตูให้ฉันล่ะก็ ฉันจะลักลอบปีนเข้าไปล่ะนะ !
ติ๊งหน่อง ๆๆๆๆๆๆ
“ค้าบบบบบบบบบบ มาแล้วคร้าบบบบบ”
การกดออดคอมโบเซ็ทนี่ได้ผล ! พอสิ้นออดคอมโบเซ็ทที่สองปุ๊บเสียงตะโกนแปดหลอดของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังลั่นมาจากข้างในทันที ! เล่นเอานิ้วชี้ที่กำลังกดออดรัวเป็นรอบที่สามของฉันชะงักค้าง และไม่นานนักก็ปรากฏผู้ชายร่างบึ้กบึนคนหนึ่งที่แต่งตัวเหมือนบอดี้การ์ดกำลังวิ่งหน้าตั้งเพื่อมาเปิดประตูรั้วให้ฉัน
ครืด ~~!
“คุณเป็นใครเหรอ ถึงได้ ... !”
“ที่นี่ใช่บ้านของ ‘วาเลนส์ ไฮเกอร์’ มั้ย”
“ฮะ อะไรนะครับ -_-”
“ฉันถามว่า ที่นี่ใช่บ้านของคนที่ชื่อ ‘วาเลนส์ ไฮเกอร์’ มั้ย” ฉันลงทุนถามอีกครั้ง เมื่อบอดี้การ์ดร่างยักษ์หน้าเหวอที่ฉันยิงคำถามปุบปับไม่ฟังคำพูดของฝั่งตรงข้ามออกไป ชิชะ ! จะทำมาเป็นดุฉันเหรอ ไม่มีทางหรอก !
“อ๋อ ใช่ครับ คุณมีธุระอะไรกับคุณวาเลนส์เหรอครับ”
“ไม่จำเป็นต้องรู้หรอกน่า เอาเป็นว่าฉันขอเข้าไปหาเขาในบ้านได้หรือเปล่า”
“ตอนนี้คุณคงเข้าไปไม่ได้หรอกครับเพราะคุณวาเลนส์ยังไม่ ... นี่คุณจะทำอะไรน่ะ !!!!! ผมบอกว่าตอนนี้คุณยังเข้าไปหาคุณวาเลนส์ไม่ได้ไง อั้ก !!!!!!”
การขัดขวางของบอดี้การ์ดร่างยักษ์นี่ไม่มีความสำฤทธิ์ผล ! เพราะพอเจอหมัดฉันเข้าไปจูบกับเบ้าตาเท่านั้นพี่แกก็ทรุดฮวบลงไปกับพื้นไปเลย โอ๊ะโอ ... แอบตกใจนิดหน่อยกับแอ๊คติ้งของพี่แกแฮะ แต่ก็ช่างเถอะ เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน พูดมาก ! นอนกองอยู่ตรงนั้นไปแหละ
ฉันเดินเตะร่างยักษ์นี่ไปก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่ประตูของบ้าน เชอะ ! อุตส่าห์เสียตังค์ค่ารถไปตั้งห้าร้อยห้าสิบห้าบาทแล้วเรื่องอะไรฉันจะรีบจ้อนกลับบ้านไปตอนนี้ล่ะ
แอ๊ด ~ !
“เกิดอะไรขึ้น ! นี่เธอ O_O …”
สองเท้าของฉันชะงักกึกจนเกือบล้มทันใด เมื่อได้ยินเสียงคนเปิดประตูออกมา ! แต่ที่อึ้งไปมากกว่านั้นคนที่ประตูออกมาเขาคือ ...
วาเลนส์ ไฮเกอร์ ! ผู้ชายผมยาวที่หล่อลากกระชากสายตาในรูปนั่น !!!!
8
ฉันกับวาเลนส์จ้องหน้ากันตาค้าง พร้อมกับที่ทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะ วาเลนส์จ้องฉัน ฉันจ้องวาเลนส์ การปรากฏตัวของเราสองคนเมื่อกี้นี้มันน่าตกใจเกินจะกรีดร้องออกมาเป็นภาษามนุษย์ได้อีกนะนั่น
และอีกนัยหนึ่งที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ก็คือ ... หน้าตาที่หล่อเหลาของวาเลนส์มากกว่าในรูป และซิกซ์แพ็กสีขาวกำลังดีแถมยังล่ำ ๆ ของเขาตรงหน้าฉันนี้ -/////-
ฉันรีบหลุบสายตาออกจากซิกซ์แพ็กของเขาขึ้นไปทันที พร้อมกับที่วาเลนส์เองก็ถอยหลังออกไปสองก้าวด้วยเช่นกัน เขาใช้สายตามองผ่านฉันไปข้างหลัง ซึ่งฉันรู้ได้ทันทีเลยว่าเขากำลังมองไปที่บอดี้การ์ดร่างยักษ์ที่กำลังนอนสำออยอยู่
“นี่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันแล้วนั่น ...”
“ฉันเพิ่งทุบหน้าเขาเข้ามาเองแหละ”
“ฮะ ! เธอทุบหน้าหมอนั่นแล้วเดินเข้ามา ?”
“ใช่ ฉันทุบหน้าเขาแล้วก็เดินเข้ามา ... ตรงนี้”
ฉันชี้นิ้วลงไปข้างล่างพร้อมกับพูดออกไปอย่างหน้าตาเฉย วาเลนส์มองหน้าฉันสลับกับมองซากร่างของบอดี้การ์ดที่หน้าประตูรั้วอย่างเหลือเชื่อ ก่อนที่จะหันมาฉันแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“... บ้าน่า เธอโกหกฉันหรือเปล่า หรือว่าตามจริงแล้ว ... เธอให้ยาสลบกับหมอนั่นแล้วหนีเข้ามา ใช่มั้ย !”
“ไม่ใช่ ! ฉันไม่ได้ใช้ยาสลบโปะเขาหรืออะไรเลยนะ สาบานได้” จากค่าแท็กซี่นั่น ฉันก็เหลือเงินในกระเป๋าไม่เท่าไหร่แล้ว แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อไอ้ยาสลบนั่นล่ะ T^T !
“เป็นไปได้ยังไงกัน โชลล์น่ะทั้งไวพริบดี ว่องไว ทักษะร่างกายนี่ไม่มีใครในโลกเทียบได้แล้วนะ ... เธอจะบอกว่าแค่ทุบหน้าเขาได้ยังไง ฉันไม่เชื่อหรอก เธอต้องทำอะไรมากกว่านั้นแน่ ๆ”
แล้วฉันจะไปทำอะไรล่ะ ! ปั๊ดโธ่ ! ฉันจะทำอะไรกับหมอนั่นมากกว่าทุบหน้าฟะ ยาสลบก็บอกแล้วว่าไม่ได้ให้ หรือต้องบอกว่า ... ฉันมีสัมธิงรองกับหมอนั่นจนสลบไปงั้นเหรอ หึ ...
อุบาทว์ดีแท้ ฉันคิดเรื่องยังนั้นได้ยังไงกันเนี่ย วุ้ยยยยยยย ทำร้ายตัวเองชัด ๆ TOT
“ฉันไม่ได้ทำอะไรกับเขาจริง ๆ ฉันแค่ยื่นหมัดไปแล้วชกหน้าเขาอย่างเงี้ย”
“-_____- ^^^^^”
“อุ่ย โทษที ก็แค่สาธิตให้ดูเฉย ๆ ว่าฉันทำกับเขาแค่นี้จริง ๆ”
ฉันฉายยิ้มแหยทันที เมื่อวาเลนส์ส่องลำแสงอำมหิตผ่านในนัยน์ตาสีดำเข้าให้ ก่อนที่จะลดหมัดของตัวเองที่พุ่งออกไปจนจะชนกับจมูกที่คมเป็นสันของเขา โห ~ ไอ้แสงเลเซอร์ในตานั่นน่ะ ไม่ต้องปล่อยมันมาขนาดนั้นก็ได้ กลัวแล้ว
“จริงเหรอ แต่ฉันว่า ...”
“คุณวาเลนส์ครับ ! อย่าเข้าใกล้ผู้หญิงคนนี้นะครับ ! เธอเป็นตัวอันตราย”
ฟึ่บ !
เว้ย ! คิดอยากจะมาก็มานะ นายบอดี้การ์ดนี่ ! พอเสียงพูดห้ามปรามจบปุ๊บนายบอดี้การ์ดแสนดีที่ฉันเดาไม่ผิดว่าต้องเป็นบอดี้การ์ดของวาเลนส์แน่ ก็มายืนคั่นกลางระหว่างฉันกับวาเลนส์ปั๊บ ! การกระทำแบบนี้ว่าน่าโมโหแล้ว แต่ไอ้ตัวอันตรายที่ว่านี่ ... มันน่าโมโหมากกว่า ฉันไม่ใช่สัตว์นรกนะเฟ้ย ! ถึงเรียกกันอย่างนั้นน่ะ !
“โชลล์ จริงเหรอที่ยัยนี่บอกว่าเขาแค่ทุบหน้านายเท่านั้นน่ะ” วาเลนส์ออกปากถามพร้อมกับกอดอก
“จริงครับคุณวาเลนส์ ผู้หญิงคนนี้ใช้ค้อนทุบหน้าผม”
“ฮะ !!!!!! ค้อน !!!!!” ฉันกับวาเลนส์ตะโกนขึ้นมาพร้อมกันด้วยความตกใจอย่างไม่ได้นัดหมาย อะ ... อะไร นะ ค้อนเรอะ !
“ใช่ครับ เธอใช้ค้อนทุบผม ดูหน้าตาของผมเป็นหลักฐานได้เลย”
บอดี้การ์ดที่วาเลนส์เรียกว่าโชลล์หันหน้าไปหาวาเลนส์พร้อมกับชี้ที่เบาตาตัวเองก่อน แล้วก็หันหน้ากลับมาทางฉันอีกครั้งและทำอย่างเดียวกัน เฮ้ย ... ร่องรอยแผลที่ฉันทิ้งไว้มันเหมือนไม่ใช่กำปั้นของคนธรรมดาจริง ๆ อ่ะ เพราะมันมีรอยกลม ๆ แดง ๆ และมีเลือดซิบด้วย เป็นไปได้ยังไงกัน ! ฉันไม่ได้ใช้ค้อนนะ ฉันใช้แค่กำปั้นจริง ๆ ทุกคนก็เห็นนี่ !
“ไหนบอกว่าเธอใช้มือทุบหน้าโชลล์ไง” วาเลนส์ถามฉันอย่างจับผิด พร้อมกับมองไปที่รอยแผลนั่นอีกครั้ง
“ใช่ ฉันใช้มือทุบหน้าเขา !!!!”
“แต่ทำไมโชลล์ถึงบอกว่าเธอใช้ค้อนทุบล่ะ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือน แต่ฉันยืนยันว่าตัวเองใช้แค่มือ !”
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงฉุนกึก ก่อนที่จะแบมือและกำหมัดให้วาเลนส์ดู ให้ตายสิ ! ฉันไม่ได้ใช้ค้อนจริง ๆ นะ ความรู้สึกตอนที่ทุบหน้าโชลล์มันยังอยู่ในมือฉันอยู่เลย
“แล้วทำไมแผลที่ใบหน้าของโชลล์ถึงเป็นแบบนี้ล่ะ”
“ฉันจะไปรู้มั้ยล่ะ”
“แต่ตอนที่ผู้หญิงคนนี้จะทุบหน้าผม ผมเห็นว่าเธอถือค้อนเข้ามาทุบหน้าผมจริง ๆ นะครับคุณวาเลนส์” โชลล์หันหน้าไปบอกวาเลนส์ด้วยหน้าตาที่บ่งบอกว่าเขาพูดจริง ๆ ไม่นะ ! มันไม่จริง ต่อให้พูดให้ตายยังไง ฉันก็ยังจะบอกว่าฉันใช้มือนี้นี่แหละทุบหน้าเขา !
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ ฉันไม่ได้ ...”
“เอาล่ะ พอ ๆๆๆ แค่นายไม่เป็นอะไรมากก็พอแล้ว ส่วนเธอ ...” วาเลนส์ผลักโชลล์ออกไปเบา ๆ ให้พ้นหน้า ก่อนที่จะจ้องหน้าฉันอย่างแปลกใจอีกครั้ง “เธอมาที่นี่ได้ยังไงกัน ฉันจำได้นะว่าตอนนั้นฉันบอกกับเธอไว้แค่ว่า ‘หวังว่าเราสองคนคงจะได้เจอกันอีก’ แต่ก็ไม่ได้บอกที่อยู่ของตัวเองให้เธอฟังเลยนี่นา เธอรู้จักที่อยู่ของฉันได้ยังไงกัน”
“เอ่อ คือว่า ... ”
“หืม”
“นายช่วยบอกหน่อยสิ ว่าไอ้ ‘ตอนนั้น’ น่ะมันคือตอนไหน แล้ว ... เราสองคนน่ะ เคยเจอกันด้วยเหรอ =_=”
คำถามของฉันทำให้คนตรงหน้าขมวดคิ้วเหมือนรู้สึกตลกในคำพูดที่ได้ยินทันที เฮ้ ! ฉันจำไม่ได้จริง ๆ นะ ว่าฉันกับวาเลนส์เคยเจอกันที่ไหน ฉันมีแค่ความรู้สึกที่เหมือนกับเราสองคนเคยเจอกันก็เท่านั้นเอง
“เธอนี่มันตลกนะเนี่ย นี่อย่าบอกนะ ว่าเธอลืมไปแล้วว่าเธอเคยเจอกับฉัน” วาเลนส์ถามพร้อมกับกลั้วหัวเราะ
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันกับนายเราเคยเจอกันจริง ๆ ด้วยเหรอ ?”
“อืม ก็ที่ร้านเหล้าเพนโทรอนนั่นไง ร้านเหล้าเพนโทรอนน่ะ”
ร้านเหล้าเพนโทรอนเหรอ อืม ... ร้านเหล้าเพนโทรอน ...
ฉันกลอกตาไปมาอย่างพยามนึกพร้อมกับมองหน้าวาเลนส์ที่กำลังกอดอกมองมาทางฉันอยู่ด้วย อา ... ฉันเริ่มจำได้นิด ๆ แล้ว เมื่อตอนวันเกิดของฉัน ฉันเคยไปที่นั่น ไปตามในที่ที่จดหมายที่หายไปนั่นมันบอก
ตอนนั้น ฉันเข้าไปข้างในไม่ได้แต่ก็มีผู้ชายคนหนึ่งมาช่วยไว้ ใช่ผู้ชายคนนั้นหรือเปล่านะคนที่เลี้ยงเหล้าฉันน่ะ เอ๊ะ ! แต่ฉันว่าไม่ใช่นะ งั้นข้ามไป
พอมาถึงข้างในที่เป็นห้องโถงหรือบาร์ที่พนักงานพามา ไดอาร์ก็บอกว่าให้ฉันไปตามหาของ ‘สิ่งนั่น’ ที่บาร์หมายเลขสิบสาม ฉันไปตามที่ไดอาร์บอกแต่เดินหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอสักที เพราะมันไม่หมายเลขติดอยู่ที่บาร์ จะมารู้อีกทีก็ตอนที่ของตก แล้วฉันก็เห็นหมายเลขบาร์ที่สิบแปดติดอยู่กับด้านล่างของโซฟา เงยหน้ามาอีกทีบาร์ที่อยู่ถัดไปจากบาร์สิบแปดห้าบาร์ ก็ลุกออกไปแล้ว แล้วฉันก็สบตาเข้าให้กับผู้ชายคนหนึ่ง ...
อา ! ผู้ชายคนนั้นแหละที่เป็นเขา !
“ฉันมองหน้านาย ตอนที่นายลุกออกจากบาร์”
“ใช่ ... แล้วก่อนที่ฉันจะออกจากห้องนี้ไป เธอก็วิ่งมาถามฉันด้วย แต่เธอก็ไม่ถามฉันสักที”
ฉันเงียบต่อ แล้วพยามนึกให้ลึกเข้าไปอีก ... เมื่อบาร์ที่สิบสามลุกออกไปแล้วฉันก็รีบวิ่งเข้าไปดูที่บาร์นั้น แล้วก็พบว่ามันไม่มีร่องรอยอะไรเลยนอกจากขวดเหล้าที่ตั้งระเกะระกะเต็มบาร์ มองทุกซอกทุกมุมแล้ว ก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนกับเจออะไรเลยที่จดหมายได้บอกเป็นปริศนาไว้ ฉันจึงตัดสินใจวิ่งตามพวกเขาไป เพราะคิดว่าของต้องอยู่ที่พวกเขา ไม่ก็ใครคนหนึ่งที่นั่งบาร์นั้นแน่ ๆ
แต่เมื่อฉันคว้าไหล่ของผู้ชายที่มัดห้างม้าต่ำ ๆ ไว้แถวต้นคอคนหนึ่ง ฉันพยายามถามว่าเขาว่าเห็นอะไรแปลก ๆ บนโต๊ะนั่นมั้ย แต่ด้วยความหอบแล้วเพื่อนของเขาเร่ง ฉันก็เลยไม่ได้คำตอบมา แถมพอจะตามไปอีกบริการ์ดสามคนก็มาขวางไว้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีโชลล์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ของวาเลนส์ในตอนนี้
เอ้อ จำได้แล้ว ! ฉันกับเขาเคยเจอกันจริง ๆ ด้วย เคยเจอกันจริง ๆ !
ตอนนั้นฉันยังไม่ได้คำตอบที่ถามเขาไปเลยนี่นา งั้นวันนี้ฉันจะถามเขาอีกรอบก็แล้วกันนะว่า เขาได้เห็นวัตถุแปลกประหลาดตอนที่นั่งดริ๊งค์กับเพื่อนเขาอยู่มั้ย ไหน ๆ ก็นึกได้แล้ว ใช้โอกาสนี้แหละ !
“วาเลนส์ นายเห็น ...”
“เธอรู้จักชื่อฉันด้วย” วาเลนส์แทรกฉันขึ้นมาพร้อมกับใช้สายตาเจ้าเล่ห์มองมาทางฉัน นั่นเองที่ทำให้ฉันต้องชะงักไปแวบหนึ่ง แต่ก็ต้องทำเป็นไม่สนใจและถามเขาต่อไป
“ ... ตอนที่พวกนายนั่งบาร์ที่สิบสามกันน่ะ พวกนายได้เห็นวัตถุแปลกประหลาดบางอย่างอยู่ตรงบาร์นั่นหรือเปล่าเหรอ”
จบคำถามของฉันปุ๊บ จากสายตาที่เจ้าเล่ห์ก็แปรเปลี่ยนไปเป็นสายตาที่เย็นยะเยือกดุจน้ำแข็งไปเลยทันที ! ตายโหง ! นี่ฉันไปถามคำถามต้องห้ามเข้าให้หรือเปล่าเนี่ย วาเลนส์ถึงได้เปลี่ยนอารมณ์ไปแบบนี้ O_O
“เธอจะถามฉันทำไม ?” วาเลนส์ถามฉันอีกครั้ง แต่คราวนี้ความเย็นยะเยือกมาเต็ม ! นี่เขากำลังจะประหารฉันใช่มั้ยเนี่ย !
“เอ่อ คือว่า ... ”
“คุณวาเลนส์ครับ โทรศัพท์ในบ้านดังครับ”
โชลล์พูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับเสียงโทรศัพท์ภายในบ้านก็ดังเข้ามาติด ๆ เล่นเอาจำเลยอ้อม ๆ อย่างฉันโล่งอกเลยทันที เมื่อวาเลนส์เลิกใช้สายตาฆ่าฉันแล้วเดินเข้าไปในบ้าน อา ... ทำไมเรื่องการใช้สายตาหมอนี่มันควบได้ดีนักเนี่ย ! เล่นเอาขนลุกไปเลยแฮะ
และนี่จะเอาไงดีเนี่ย คุยกันแค่นี้ก็เหมือนกับจะไม่เข้าเส้นกันซะแล้ว แล้วต่อไปฉันจะหาขวานนั่นเจอม้ายยยยย
ความคิดเห็น