ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The winner อัธพาลร้ายลวงหัวใจยัยนักโทษ (แก้ไขเสร็จแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #5 : 4 : ทำแผล

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 55


    4

    ทำแผล

    เฮดโฟนแบกฉันมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงเจ้าบ้านเห็ดยักษ์เขตต้องห้ามของเขา ก่อนที่จะหยุดฝีเท้าแล้วเปิดประตูรั้วที่มีขนาดประมาณสูงครึ่งตัวของเขาเข้าไปภายในตัวบ้าน ก่อนที่จะหันหลังมาปิดเจ้าประตูรั้วนี่อีกครั้ง ฉันที่เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผงกหัวขึ้นมาเบา ๆ เหมือนกับรู้ตัวว่ามันถึงที่ที่เขาได้บอกฉันเอาไว้แล้ว ก็จะไม่ให้เผลอหลับได้ยังไง หลังจากที่หมุนลำตัวติ้ว ๆ ให้เวียนหัวเล่นแล้ว เขาก็เงียบเป็นเป่าสากเลย ฉันที่ใช้พลังงานในการวิ่ง (หนี) ก็ต้องมีหลับกันบ้าง ฮึ่ม ... ไม่อยากจะยอมรับเลย ว่าหัวไหล่ของอีตานี่ทำให้ฉันรู้สึกว่า ... ตัวเองกำลังหนุนหมอนนอนอยู่น่ะ 

    “ตื่นแล้วเหรอ” เฮดโฟนที่กำลังเปิดประตูเข้าไปภายในบ้านหันมาถามฉันที่กำลังสะลึมลือ

    “อืม” ฉันครางรับก่อนที่จะฟุบหัวลงไปที่ไหล่ของเฮดโฟนต่อ

    “นี่ ๆๆๆ ถึงแล้ว ไม่ต้องนอนต่อเลยนะ”

    “ก็คนมันง่วงนี่ ...”

    “งี่เง่าชะมัด”

    เฮดโฟนบ่นงึมงำๆ ก่อนที่ฉันจะรู้สึกตัวเหมือนตัวเองถูกวางไว้บนโซฟา นั่นเองที่ทำให้ฉันยอมผละออกจากหลังของเฮดโฟนแล้วหงายหลังนอนลงไปเลยอย่างไม่เกรงใจ

    “เฮ้ !!!!!!! นี่เธอ ... ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้เลยนะ”

    “ม่ายอ้าว ... จะนอน” ฉันพูดเสียงยานก่อนที่จะพลิกตัวเอาหน้าซุกกับพนักโซฟา เพื่อให้มันมืด ๆ จะได้นอนอย่างสบาย ๆ ~

    “เมมโม ! นี่มันเขตฉันนะ ฉันพาเธอมาทำแผลนะเฟ้ย ไม่ได้ให้มานอน ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ !” เขาพูดพร้อมกับดึงแขนฉันให้ลุกขึ้นนั่ง แต่ฉันก็ยื้อสุดขีดเพราะอยากจะนอนต่อ อะไรกันเนี่ย ... คนกำลังง่วง ๆ อยู่มาขัดจังหวะกันอยู่ได้ ! 

    “อย่ามายุ่งกับฉันได้มั้ยเล่า !

    “จะไม่ให้ฉันไม่ยุ่งกับเธอได้ยังไง นี่มันบ้านฉันนะโว้ย ! ลุกขึ้นมา”

    “โอ๊ย !” ฉันสะดุ้งสร่างตื่นขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกแสบ ๆ ที่แก้มด้านซ้ายจนต้องลมตาอย่างตกใจ โห ... เฮดโฟนเอ๊ย แกตบให้มันเบากว่านี้หน่อยก็ได้นะ นี่แก้มคนนะเว้ย !

     “เธอนี่มันดื้อจริง ๆ เลย ... พูดดี ๆ ไม่ชอบ ชอบให้ใช้กำลังอยู่เรื่อย ว่าจะไปหยิบกล่องทำแผลมาให้ แต่เปลี่ยนใจละ ให้เธอไปหยิบเองดีกว่า”

    “อะไรนะ” ฉันพูดเสียงแหลมพร้อมกับทำสีหน้าเหวอกับคำพูดของเขาไปด้วยเมื่อสมองของตัวเองประมวลประโยคที่เขาพูดจบ เฮดโฟนทำสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาวที่หักเป็นแนวตั้งไว้สำหรับนอนข้าง ๆ ที่ฉันนั่ง แล้วเปิดทีวีดูอย่างสบายอารมณ์

    “ถ้าอยากเดินไม่ได้ก็ตามใจ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่สะทกสะท้าน แถมยังจ้องมองไปที่ทีวีอย่างสบายใจเฉิบ เฮ้ ! นี่เขาพาฉันมาทำแผลไม่ใช่เหรอ ไหงมาทำกันอย่างนี้อ่ะ ! ด้วยความหมั่นไส้ปนเคือง ฉันเลยปาหมอนอิงที่อยู่ใกล้ ๆ ใส่อีตาเฮดโฟนไปหนึ่งที

    “นี่แน่ะ ! ตอนนี้นายก็รู้ว่าฉันเดินไปไหนไม่ได้เพราะเจ็บข้อเท้าอยู่ ยังจะมาพูดจาหมา ๆ แบบนี้อีก”

    “แล้วทำไมล่ะ ! มันเป็นสิทธิ์ของฉันนี่ บ้านนี่ก็บ้านฉัน ของทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่ก็เป็นของฉัน เพราะฉะนั้น ฉันมีสิทธิ์จะตัดสินใจอะไรก็ได้ !” เฮดโฟนปาหมอนอิงลูกที่ฉันปาไปปากลับมาโดนที่หน้าฉันเต็ม ๆ แล้วตามมาด้วยหมอนอิงอีกข้างที่ฉันสามารถรับได้อย่างบังเอิญ ก่อนที่จะหันมาพูดกับฉันอย่างอารมณ์เสีย  

    “แต่ฉันเจ็บอยู่นี่ ! นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะทำแผลให้ฉันน่ะ”

    ฟรึ่บ

    เฮดโฟนปาหมอนอิงข้าง ๆ ตัวเองมาทางฉันอีกครั้ง แต่คราวนี้ฉันสามารถยกมือขึ้นมากันไว้ได้ แล้วออกแรงดันอย่างเร็วเมื่อหมอนมาถึงมือ ทำให้มันเด้งกับไปโดนหน้าอีตาเฮดโฟนเต็ม ๆ              

    “ก็ตอนนี้ฉันขี้เกียจแล้วนี่นา ... ฉันพาเธอเข้ามาในนี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

    “จะเป็นสุภาพบุรุษทั้งที ก็ทำให้มันเต็มที่หน่อยสิ ! มาทำแค่นี้ไม่ได้ทำให้ฉันดีขึ้นหรอกนะ” สีหน้าของเฮดโฟนดูเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดแม้ว่าจะเห็นแค่เสี้ยวของใบหน้าเท่านั้น ตั้งแต่ที่พูดคำว่า สุภาพบุรุษ เขาก็ดูเหมือนสะอึกไปเลย แต่ก็ยังสามารถกู้ใบหน้าอันกวนส้นเท้ากลับมาครองได้เหมือนเดิม

    “นั่นมันก็เรื่องของเธอ ! แล้วใครใช้ให้เธอไปยืนแหกปากตะโกนอย่างนั้นกันเล่า”

    “ถ้านายเจอสถานการณ์อย่างนั้น ... นายจะไม่มานั่งพูดอย่างนี้ เฮดโฟน !” ฉันกระแทกเสียงใส่เขาก่อนที่จะหันหน้าไปทางอื่นอย่างรู้สึกโมโหในสิ่งที่เขาพูด อะไรกันเนี่ย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แล้วจะร้ายตอนไหนไม่ว่า ดั๊นมาร้ายตอนที่ฉันกำลังเจ็บเท้าอีก ฉันไม่เข้าใจเลย !

    ความเงียบเข้าปกคลุมทันใด เมื่อไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพูด ทั้งเขาและฉันต่างพากันเงียบเป็นเป่าสาก ฉันเงียบเพราะ โกธร แต่เขาน่ะสิ จะเงียบเพราะอะไร เพราะกำลังมีสมาธิในการดูทีวีล่ะมั้ง ไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย เฮ้อ ... เงียบไปแบบนี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก ปล่อยไว้แบบนี้แผลอาจจะย่ำแย่ลงไปเรื่อย ๆ ทางที่ดีรีบถามหมอนั่นแล้วตะเกียกตะกายไปเอากล่องยามาทำแผลเองดีกว่า

    “กล่องยาอยู่ไหน”

    “ ... ”

    “นี่ กล่องยาอยู่ไหน ฉันทำแผลเองก็ได้”

    “ ... ”

    “เฮ้ ! ฉันต้องการกล่องปฐมพยาบาลนะ !

    เงียบ ...

    ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมาเลยแม้แต่นิดเดียว จะว่าอีตาบ้านี่ไม่ได้นอนอยู่ที่โซฟาก็เป็นไปไม่ได้ หรือว่า ... เขาหลับ ? อย่างที่สองน่าจะเป็นไปได้นะ ฮึ่ม ... คนอย่างอีตานี่ไม่รู้สึกอะไรหรอก ต่อให้รู้ว่าฉันกำลังวางแผนจะฆ่าเขาก็คงยังไม่สะทกสะท้านอะไร เมื่อตัดสินใจหันไปทางเขาก็พบว่าเขานั่งจ้องมองทีวีอยู่ ... หืม ทีทีวีล่ะนะนั่งจ้องมันซะไม่วางตาเลยเชียวนะ ฉันเลยปรบมือใส่หน้าเขาเข้าให้หนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้  

    แปะ  

    “เฮ้ !!!!!! ยัยบ้า ทำอะไรของเธอเนี่ย !” เฮดโฟนทำท่าสะดุ้งเหมือนคนเหม่อลอยไม่มีผิด ฉันเลยเบ้ปากแล้วโวยใส่เขาทันที

    “ฉันเรียกนายตั้งนานแล้วนะ หูหนวกหรือไงเนี่ย”

    “อยู่ชั้นบน ขึ้นไปก็เห็นเลย”

    “หา ?”

    “กล่องปฐมพยาบาลมันอยู่ชั้นสอง ขึ้นไปก็เห็นเลยยยยยยยยยยยยย !!!!!!!

    “อ๊าย ! ไอ้บ้านี่ !” ฉันตวาดใส่เฮดโฟนเมื่อเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วตะโกนเหมือนกับฉันยืนอยู่หน้าบ้านยังไงยังงั้น เฮดโฟนถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนที่จะปิดทีวีแล้วทิ้งตัวลงนอน ฉันเชิดหน้าเชิดปากใส่เขาอย่างหมั่นไส้ ก่อนที่จะค่อย ๆ พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนขึ้น โดยใช้มือข้างหนึ่งจับพนักพิงโซฟา อีกข้างหนึ่งจับโต๊ะแก้วที่ตั้งไว้หน้าโซฟา แล้วค่อย ๆ ลุกโดยที่มือทั้งสองข้างยังค้ำเอาไว้อยู่ เมื่อสามารถยืนได้แล้ว ฉันก็ค่อย ๆ ปล่อยมือทั้งสองข้างพร้อมกับพยายามทรงตัว ทว่าพอฉันกำลังก้าวเดินเพื่อเดินไปทางบันไดก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้าจนตัวเองต้องทรุดลงไป แต่ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาจับหรือรับตัวฉันเอาไว้ได้ทันซะก่อน พอหันไปก็พบว่าเป็น ...

    “เป็นไรมากมั้ยเนี่ย” เฮดโฟนถามพร้อมกับมองไปที่ข้อเท้าของฉันด้วยสีหน้ากังวล เอ๋ ... กังวลเหรอ ?

    “มันเจ็บที่ข้อเท้าน่ะ”

    “นั่งเลย ๆ เดี๋ยวฉันไปหยิบเอง”

    “หือ ?”

    ฉันทำได้แต่ส่งเสียงอุทานส่อแววแปลกใจเท่านั้น เฮดโฟนก็จับฉันมานั่งอยู่ที่โซฟาที่เดิม ก่อนจะขึ้นไปข้างบนเพื่อไปเอากล่องปฐมพยาบาลมาให้ อีตาบ้าเฮดโฟนนี่ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจริง ๆ นะ แถมบางครั้งยังพูดจาที่เขาเข้าใจเองเพียงคนเดียวอีก ต่างหากเล่นเอางงไปหลายรอบเลย แต่ว่า ... พอนึกถึงตอนที่หันไปมองหน้าของเฮดโฟนเมื่อกี้ ใบหน้าของฉันกับเฮดโฟนก็เกือบจะชนกันแล้วอ่ะ รู้สึกร้อนวูบวาบแปลก ๆ แฮะ  

    ไม่นานนักเฮดโฟนก็ลงมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลก่อนที่จะนั่งบนโซฟาข้าง ๆ ฉันแล้วหยิบแอลกอฮอลล์กับสำลีขึ้นมา ก่อนที่จะเอาสำลียัดไว้ตรงปากขวดแอลกอฮอลล์นิดนึง แล้วเอียงขวดแอลกอฮอลล์ให้แอลกอฮอลล์มาโดนที่สำลี ก่อนที่จะเอาสำลีออกมาจากปากขวด  เอ่อคือว่า ... ฉันไม่รู้นะว่ากว่าจะเดินทางมาถึงที่นี่ใช้เวลานานแค่ไหน แต่เท่าที่ดู ๆ แล้วแผลมันก็ยังสด ๆ อยู่เลย จะเช็ดมันลงไปเลยเหรอ ... -O-

    “นาย ... เอ่อ ... จะเช็ดมันลงไปเลยเหรอ”

    “ก็เออน่ะสิ เอ๋ ... ฉันคิดอะไรดี ๆ ออกแล้วล่ะ ~” เฮดโฟนทำน้ำเสียงและสีหน้าเริงร่าเกินเหตุจนฉันเริ่มกลัว พร้อมกับหมุนเจ้าสำลีชุบแอลกอฮอลล์ไปมาเหมือนคนโรคจิต ก่อนที่จะเอามือมาจับที่ข้อเท้าฉัน ทว่าฉันก็ชักมันให้ห่างมือเขาทันที

    “เฮ้ ! จะทำอะไรเนี่ย”

    “ก็จะทำแผลให้เธอไง” เฮดโฟนพูดพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้างมากกว่าเดิม มันไม่ใช่ยิ้มแบบโปรยเสน่ห์ แต่มันเป็นยิ้มที่หน้ากลัวมากกว่าอ่ะ เขายิ้มให้ฉันก่อนที่จะเอื้อมมือลงไปจับข้อเท้าฉันขึ้นมาวางไว้บนโซฟาเบา ๆ

    “นายจะทำอะไรน่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะข่มให้นิ่ง ๆ เข้าไว้ ก่อนที่จะเขยิบตัวออกไปทีละนิด

    “จะเขยิบออกไปทำไมเล่า ... ฉันก็กำลังทำแผลให้เธออยู่นี่ไง”

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด”

    ฉันหวีดร้องดังลั่นพร้อมกับพยายามชักเท้าให้ออกมาจากอุ้งมือมารของเฮดโฟนทันที !  เมื่ออีตาเฮดโฟนเอาสำลีที่ชุบแอลกอฮอลล์นั่นมากดที่ของแผลฉันอย่างรุนแรงแทบจนจะขาดใจอยู่รอมร่อ ! อ๊ากกกกกก มันแสบนะเว้ย ! ถึงฉันจะพอทนได้กับฤทธิ์ของแอลกอฮอลล์ แต่ถ้ามากดกันอย่างนี้ก็ไม่ไหวนะ ! ฉันพยายามชักข้อเท้าแล้วดิ้นอย่างแรงสุด ๆ แต่ก็ไม่สำเร็จอยู่ดี TT^TT นี่มันกำลังจะฆ่าฉันนะเนี่ยยยยยยยย

    “ไอ้บ้า !!!!!!!!!!!!!! หยุดเดี๋ยวนี้น้า !!!!!!!!!!!!!

    “หยุดอะไรกันเล่า ... ถ้าฉันเอาออกไปแอลกอฮอลล์จะฆ่าเชื้อโรคได้ไม่เต็มที่นะ”

    “แล้วนายจะกดทำหาพระแสงอะไรเล่า !!!! เอามันออกไป >O< !!!!

    “ฮะ ... อะไรนะให้กดลงเหรอ ได้ ๆ” เขาพูดจบก็เพิ่มแรงกดที่สำลีลงไปที่แผลฉันอีก กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!! ฉันเจ็บจนจะขาดใจแล้วนะ ฮือ ๆๆๆๆ

    “ฉันบอกให้แกปล่อยยยยยยยยยยยยย TT^TT” ถ้าที่นี่เป็นหมู่บ้านล่ะก็ เชื่อเหอะ คนข้าง ๆ บ้านแม่มแหกปากตะโกนให้ฉันเงียบไปแล้ว T_T แต่ตอนนี้จะให้ฉันนั่งเงียบได้ยังกันเล่า มันเจ็บจนจะตายอยู่แล้ว กรี๊ดดดดดดดด

    “อ้าว ถ้าฉันปล่อยแล้วฉันจะทำแผลให้เธอยังไงอ่ะ” เขาถามพร้อมกับทำสีหน้าเสแสร้งแอ๊บแบ๊วสุด ๆ แกก็รู้นะ ว่าที่ฉันบอกให้แกปล่อยเพราะอะไรน่ะ อีตาบ้า !!!!!!!!! อ๊ากกกกกกกกกก

    “ฉันแสบจนจะบ้าแล้วเนี่ย ! ปล่อย !!!!!!” ฉันตะโกนดังลั่นจนทำให้เฮดโฟนแอบทำสีหน้าตกใจแวบหนึ่ง แต่เขาก็สามารถกู้ใบหน้าอันแสนกวนประสาทนั่นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะปล่อยให้ข้อเท้าของฉันเป็นอิสระ

    “ฮะ ๆ ทำแผลแค่นี้ร้องซะลั่นเชียว” เขาทำเป็นพูดแซวฉัน ก่อนที่จะโยนเจ้าสำลีที่ทำให้ฉันร้องจ๊ากจนแทบจะบ้าทิ้งลงถังขยะ ถ้านายมีบาดแผลล่ะก็ ฉันขอเป็นคนอาสาทำแผลให้นายเอง ฮึ่ยยยยยยยยยยย !

    “อย่าให้ถึงตาฉันบ้างล่ะกัน หึ่ม ๆๆๆๆ -_-

    “เป็นมอเตอร์ไซค์หรือไง ถึงได้ทำเสียงอย่างนั้นน่ะ”

    “เฮอะ !

    “ขั้นตอนต่อไปก็คือ ... ไอ้นี่สินะ” เฮดโฟนพูดจบก็ยกขวด ... อ่ะจ๊ากกกกกกกกกกก ยาแดงงงงงงง แง ๆๆๆๆ คราวนี้ฉันต้องแสบแผลตายแน่ ๆ เลย T^T ไอ้นี่มันยิ่งกว่าแอลกอฮอลล์อีกนะ ! หึย ... ฉันไม่น่าเผลอมากับเขาเลย ! ฮือ ~

    “วางเลยนะ วางเลย ๆๆๆ อันนี้เดี๋ยวฉันทำเองก็ได้น่า !” ฉันโวยพร้อมกับพยายามจะแย่งขวดยาแดงมาจากเขา แต่เฮดโฟนก็สามารถหลบได้ทัน

    “ในเมื่อฉันเป็นคนทำแผลให้เธอแล้ว ฉันควรจะทำให้มันเสร็จ ๆ ไปสิ” เขาว่าพร้อมกับหยิบสำลีมายัดที่ปากขวดยาแดงนิด ๆ แล้วเอียงขวดเพื่อให้ยาแดงมาโดนที่สำลีพอประมาณ ก่อนที่จะดึงมันออกมาแล้วเก็บขวดยาแดงไว้ที่เก่า  

     “ก็นายชอบแกล้งฉันอ่ะ ! อันนั้นมันแสบมากกว่าแอลกอฮอลล์อีกนะ”

    “ฉันไม่แกล้งเธอแล้วน่า มานี่” เฮดโฟนลากข้อเท้าฉันเบา ๆ เมื่อฉันจะเขยิบหนี จะไม่ให้หนีได้ยังไง ก็ถ้าอีตาบ้านั่นทำเหมือนกับเมื่อกี้นี้ล่ะ ฉันไม่ได้ตายคายาแดงนี่เหรอ

    “นายแน่ใจนะ ... ว่าจะไม่แกล้งฉัน”

    “ฉันพูดคำไหนคำนั้น”

    “ให้จริงเถอะ โอ๊ย !

    “ทนเจ็บหน่อยนะ ยาแดงก็อย่างนี้แหละ”

    ครั้งนี้สีหน้าของเฮดโฟนดูนิ่งมาก ๆ ไม่เหมือนกับสีหน้าแบบเมื่อกี้นี้เลย ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างกะหุ่นยนต์ เมื่อกี้ยังหัวเราะเยาะฉันอยู่เลย ไหงคราวนี้เปลี่ยนมาเป็นคนขรึม ๆ ซะแล้วอ่ะ อะไรวะ ... นายคนนี้ มันมีนิสัยยังไงกันแน่เนี่ย ฉันชักจะงงแล้วนะ =_=

    ผ่านไปไม่ถึงห้าวินาทีกับการทายาแดงและจบด้วยการพันผ้าก็อตที่บาดแผลของฉันก็เสร็จสิ้น เฮดโฟนถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนที่จะหันมาพูดกับฉัน

    “เสร็จล่ะ ... จะกลับบ้านเลยรึเปล่าเนี่ย”

    “จะอยู่ทำไมล่ะ ฉันอยากกลับจะแย่อยู่แล้ว อยู่กับนายฉันกังวลทุกทีอ่ะ”  

    “งั้นไป เดี๋ยวฉันไปส่ง” เฮดโฟนพูดพร้อมกับเดินไปที่ประตูบ้าน ก่อนที่จะหยิบกุญแจรถที่แผงกุญแจใกล้ ๆ กับประตู

    “ความจริง นายจะพาฉันไปฆ่าใช่มั้ยล่ะ”

    “แขวะอยู่ได้ อย่างเธอน่ะ ฆ่าไปก็เสียดายออก นี่ยังไม่ได้ทำโทษอะไรเธอมากมายเลยนะ จะฆ่าไปทำไม ไป ๆ เดี๋ยวฉันไปส่ง”

    “ฉันเจ็บข้อเท้า จะเดินไปได้ยังไงล่ะ”

    “นี่แหละ เหตุผลที่ฉันต้องไปส่งเธอ”

    เฮดโฟนเดินดุ่ม ๆ มาทางฉัน  ก่อนที่จะหันหลังนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าฉันอีกครั้ง เหมือนตอนที่หนีนินจาไม่มีผิด

    “ขึ้นมา ค่อย ๆ ขยับล่ะ”

    “ไม่หนักบางหรอ”

    “ฉันอึด ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”

    “โอเค ๆ แล้วอย่ามาบ่นว่าหนักนะ”

     เมื่อนึกถึงตอนนั้นกับตอนนี้ก็รู้สึกเกรงใจเขาตะหงิด ๆ นะ ฉันเกลียดกับการเป็นภาระของใครนี่นา ไม่ชอบพึ่งพาคนอื่นน่ะ ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ หรือไม่สนิทกันน่ะ ฉันค่อย ๆ ขยับตัวเอง จนสุดท้ายก็มาอยู่บนหลังของเขาจนได้ เฮดโฟนลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะเอาสองมือ มาจับที่ใต้หัวเข่าฉัน แล้วพาฉันออกไปจากที่นี่ แต่ฉันก็ต้องหลับตาแล้วเอาหน้าซุกกับแผ่นหลังของเขา เมื่อเห็นบรรยากาศภายนอกแล้วมัน บรื๋อ ~ และตอนนี้ก็ดันมืดแล้วซะด้วยสิ โดยเฉพาะเจ้าต้นไม้นั่นน่ะ เหมือนมีคนมายืนอยู่เลย !

    “กลัวเหรอ”

    “เปล่าหรอก แค่ตกใจนิด ๆ น่ะ”

    “ตรงต้นไม้นั่นใช่ม้า ตอนมาอยู่ใหม่ ๆ ฉันก็กลัวอยู่เหมือนกันล่ะ มันเหมือนคนมากเลย” เฮดโฟนพูดขึ้นเหมือนกับรับรู้ได้ว่าฉันมีปฏิกิริยายังไง เมื่อสายตาดันเผลอไปมองเจ้าต้นไม้นั่น T^T มันน่ากลัวมาก แล้วเหมือนคนมากจริง ๆ นะ 

    “อือ แล้วนายอยู่ที่นี่คนเดียวเหรอ”

    “ใช่ ฉันอยู่คนเดียวน่ะ”

    “มาส่งฉันเสร็จ นายจะกลับมาที่นี่มั้ย”

    “ไม่กลับหรอก ไปส่งเธอเสร็จ ฉันก็ตรงกลับบ้านตัวเองเลย ”

    “แสดงว่า ... ที่นี่ก็เป็นเหมือนบ้านหลังที่สองของนายล่ะสิ”

    “ก็ไม่เชิงอ่ะนะ บางทีฉันก็ค้างที่นี่ แต่ส่วนใหญ่จะกลับไปนอนที่บ้านมากกว่า”

    “อ๋อ”

    “ฉันกำลังรู้สึกว่า ตัวเองเป็นนักโทษซะมากกว่านะตอนนี้เนี่ย -_-

    “ช่วยไม่ได้นี่นา ไม่ใช่เพราะนายหรือไง ฉันถึงเป็นแบบนี้น่ะ”

    “พรุ่งนี้เธอกระอักเลือดแน่”

    “เหอะ”

    ระหว่างทาง เฮดโฟนก็ชวนฉันคุยจิปาถะไปเรื่อย เดี๋ยวขู่บ้าง เดี๋ยวว่าบ้าง เดี๋ยวเล่าเรื่องบ้าง เพราะถ้าเขาไม่ชวนฉันคุย รับรองฉันต้องหลอนตายแน่ ๆ ล่ะ ก็ตอนนี้มันมืดแล้วนี่นา แต่ล่ะที่ที่เดินผ่านก็เงียบเป็นเป่าสาก บรรยากาศก็มืดซะจนน่าหวาดเสียว และชวนให้จินตนาการไปต่าง ๆ นา ๆ เลย ว่าจะมีอะไรโผล่มาให้เห็นบ้าง แล้วในที่สุด เฮดโฟนก็พาฉันมาถึงรถของเขาจนได้ ซึ่งมันเป็นรถเปิดประทุนน่ะ

    “ว้าว รถเก๋ไม่เบาหนิ”

    “มันแน่อยู่แล้ว อ่ะ ค่อย ๆ ลงนะ” เฮดโฟนเปิดประตูฝั่งข้างคนขับ ก่อนที่จะย่อตัวหันหลังไปที่ประตูรถที่เขาเปิดไว้แล้ว ฉันหาที่ค้ำให้ตัวเอง แล้วพยายามพยุงตัวเองให้นั่งลงไปที่เบาะได้อย่างสำเร็จ เฮดโฟนปิดประตูให้ฉัน ก่อนที่จะเดินไปฝั่งคนขับ แล้วเปิดประตูนั่งประจำที่

    “บ้านเธออยู่ที่ไหนเนี่ย” 

    “ส่งฉันที่หน้าปากซอยเอเท็นไซต์ก็พอ”

    “แล้วไม่ให้ฉันส่งถึงหน้าบ้านเธอเลยล่ะ”

    “เออน่า”

    “โอเค ๆ”

    เมื่อถามทางเสร็จเฮดโฟนก็เคลื่อนรถออกไปจากที่จอดรถทันที ก็เท่ากับว่าตอนนี้ภายในที่จอดรถไม่มีรถจอดแล้ว ระหว่างทางเฮดโฟนก็ขับรถเดี๋ยวเร็ว เดี๋ยวช้าบ้าง ตามสไตล์เขาอ่ะนะ ฉันคิดว่าเขาจะขับรถเร็วปานสายฟ้าแล่บซะอีก แต่มันก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องมานั่งเกร็ง นั่งเสียวว่ารถมันจะคว่ำไหมหนอ ~ อย่างนั้นหรอก

    เฮดโฟนก็ไม่ได้ชวนคุยหรือว่าอะไรฉันเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับว่า เขาเองก็กำลังดื่มด่ำความสุขกับการได้ขับรถหรือการที่ได้จ้องมองสิ่งรอบข้างที่ขับรถผ่านมาเหมือนกัน ลมพัดเย็นสบายกับการนั่งอยู่บนรถแล้วมองสิ่งที่รถกำลังวิ่งผ่านอยู่นี้มันช่างเพลินอะไรแบบนี้นะ แล้วไม่นานนัก ก็ถึงเอเท็นไซต์ ทางเข้าบ้านของฉันจนได้ เฮดโฟนชะลอรถก่อนที่จะจอดรถตรงป้ายรถเมล์

    “ให้ฉันเข้าไปส่งในบ้านไม่ดีกว่าเหรอ”

    “หืม ... ไม่อ่ะ ถ้าฉันกำลังหนีนาย นายก็มาตามฉันถึงที่น่ะสิ ส่งแค่นี้ก็พอแล้ว”

    “ครั้งนี้ฉันยังไม่รู้ แต่อีกไม่นานฉันรู้แน่ ๆ”

    “เชอะ ” ฉันสะบัดหน้าไปทางซ้ายอย่างแรง ก่อนที่จะเปิดประตูรถแล้วค่อย ๆ ลุกจากเบาะเพราะข้อเท้ายังรู้สึกเจ็บอยู่

    “ลุกไหวมั้ยน่ะ”

    “ไหวน่า ... ไม่เจ็บมากแล้ว” ฉันตอบคำถามของเฮดโฟนไปพร้อมกับที่ตัวเองสามารถลงไปยืนบนฟุตบาทได้อย่างปลอดภัย ก่อนที่จะปิดประตูรถเปิดประทุนของเขา พอหยิบโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากระโปรงตัวเอง เพื่อจะโทรให้พี่มารับ เฮดโฟนก็โพล่งออกมาซะก่อน

    “อ้อ ... ลืมไป เอาเบอร์เธอมาซิ”

    “จะเอาเบอร์ฉันไปตีเลขท้ายสามตัวหรือไง”

    “เอาไปตีก็ไม่ถูกหรอก ที่ฉันขอเบอร์เธอน่ะ เพราะจะได้โทรจิกเธอไงล่ะ !” เฮดโฟนพูดพร้อมกับยกโทรศัพท์มือถือตัวเองออกมา

    “งั้นฉันไปล่ะ”

    “ไม่ถึงนาทีฉันขับรถชนเธอแน่ -_-*

    “080 – xxxx-xxx

    “ก็แค่นั้นแหละ” เขาพึมพัม ก่อนที่จะเมมเบอร์โทรศัพท์มือถือฉันตามที่ตัวเองต้องการ แม่ม ข่มซะน่ากลัวเลย  

    “ฉันไปล่ะ ขอบคุณนะ ที่มาส่ง”

    “เก็บมันเอาไว้เถอะ เพราะฉันจะเก็บไปคิดบัญชีแน่ ๆ”

    “หึย ... ไอ้งก ! เมื่อหลังฉันจะไม่ให้นายมาช่วยแล้ว !

    “ก็เรื่องของเธอ ... ฉันไปล่ะ”

    “ไม่ต้องกลับมายุ่งกับฉันอีกจะดีมาก -_-

    เฮดโฟนแสยะยิ้มให้ฉันก่อนที่จะออกตัวรถไปอย่างรวดเร็ว เร็วมาก ยิ่งกว่าสายฟ้าแล่บ ฟ้าผ่าซะอีก ! เหมือนมรสุมลมที่พัดผ่านไปอย่างเร็วก็ไม่ปานเลย สงสัยฉันต้องลบความคิดที่ว่าเขาขับรถไม่เร็วออกไปจากหัวสมองแล้วล่ะ เมื่อได้เจอกับภาพเมื่อกี้นี้ มันเร็วมากจนฉันเกือบจับภาพไม่ทันเลย O_O มันเร็วยิ่งกว่าหนังรถแข่งอีกนะนั่น ต้องดีใจใช่ไหม ที่เขาไม่ได้ขับรถอย่างนั้นตอนที่มีฉันนั่งมาด้วยน่ะ

    หลังจากที่หายจากอาการอึ้งรับประทานเรียบร้อยแล้ว ฉันก็จัดการโทรหาพี่ชายเพื่อให้เขามารับฉันที่หน้าปากซอย เพราะถ้าจะให้รอรถประจำทางก็คงอีกนานเลย และตอนนี้ก็มืดมากแล้วด้วย เฮ้อ ... จะได้กลับบ้านไปนอนพักสักที ~ ปวดหัว ปวดตัว เกินจะบรรยายแล้ว !

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×