คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 3 : แน่นักเหรอ
3
แน่นักเหรอ !!!!!!!!!!!!!!!!
“เจ้านี่มัน ...” เฮดโฟนพูดออกมาเบามากจนแทบจะไม่ได้ยินเสียง แต่ด้วยที่ฉันยังถูกเขารัดอยู่ก็เลยได้ยินในสิ่งที่เขาอุธานขึ้นมาเบา ๆ ตอนนี้ฉันทำได้แต่หันไปทางอื่นกัดริมฝีปากแน่นตัวแข็งทื่อเท่านั้น อายมาก อายจริง ๆ อายจนไม่อยากจะสาธยายไปมากกว่านี้ TOT ตรงหน้าและรอบตัวฉันมีแต่ผู้ชาย ! แล้วยังมี ‘ไอ้นั่น’ ที่พวกสารวัตรนักเรียนถืออีก ฮือ ~ แกพูดอย่างเดียวได้มั้ย ไม่ต้องเอาไอ้นั่นขึ้นมาน่า !!!!!!!!!!!!! อายนะโว้ยยยยยย
“ใช่ฮะ ... นึกยังไงไม่รู้ไอ้พีลถึงได้ให้เจ้านี่มาน่ะ นี่เจ๊ ... ของเก๊ไม่เร้าใจเท่ากับของจริงหรอกนะจะบอกให้ คิดผิดแล้วที่หันไปมองไอ้เจ้านี่น่ะ” อีตาสารวัตรนักเรียนที่ถือเจ้าไวเบรกเตอร์พูดอย่างล้อเลียนแล้วกวนตินเป็นที่สุด ! ฉันไม่ได้มีอารมณ์แบบนั้นโว้ยยยยยย สาดดดดดดดดดดด !
“โธ่ ... แกไปพูดอย่างนั้นมันก็ไม่ถูก เจ๊แกคิดว่าผู้ชายคงทำให้เจ๊อารมณ์ค้างมั้ง เลยคิดหันไปหาเจ้านี้เพื่อให้มัน ‘สุดๆ’ น่ะ ” สุดๆ อะไร กรี๊ดดดดดดดดดด หยาบคายยยยยย รับไม่ได้ ไอด๊อนโนวววววววววววว ! มันชักจะไปกันใหญ่แล้วน้าาาา
“เอ๊ะ ๆๆ แต่เดี๋ยวก่อน ไอ้พีลมันบอกว่าคดีของยัยนี่คืออาณาจารผู้หญิงไม่ใช่เหรอ งั้น ... ตอนนั้นอารมณ์เจ๊แกมันขึ้นมากแน่ๆ เลย เจ๊แกทำเองคงไม่สะใจอ่ะ เลยจะหาตัวช่วยมาทำให้ จนเผลอหยิบไอ้นี่ติดมาด้วย” อีตาคนที่ถืออยู่พูดพร้อมกับยิ้มน่าเอาเท้าขย้ำมากแถมยังส่งสายตากวนบาทามาให้ฉันอีก อ๊ายยยยยยยยย สันนิษฐานกันสนุกปากกันเลยนะยะ หยาบคายที่สุดเลย ไอ้พวกนี้ !!!!!!
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยย !!!!!!!!!!!” เมื่ออีกคนที่ไม่ได้ถืออะไรอยู่ในมือกำลังจะเปิดปากพูด ฉันก็ระเบิดเสียงอันแปดหลอดออกมาอย่างทนไม่ไหว เกินไปแล้วจริง ๆ นะเนี่ย ไม่ชอบเลย ! แล้วฉันก็เอาแรงจากไหนไม่รู้แงะแขนอีตาเฮดโฟนออกไปได้ ดีเหมือนกัน อึดอัดมากกกกกกกก
“เอ้า ... ก็เธอเป็นคนถือมันออกมานี่นา ... ”
“ก็ฉันหยิบสลับกันมานี่หว่า ! ช่วงนั้นฉันรีบในนั้นมันก็น่ากลัวด้วย แล้วมันมีลักษณะคล้าย ๆ กันอีก ฉันก็หลงคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ฉันต้องการ !”
“เอ้า ... ก็นี่ไง สิ่งที่เจ๊ต้องการไม่ใช่เหรอ ^O^” มันพูดพร้อมกับชูเจ้าไว้เบรกเตอร์ขึ้นมา อ๊ากกกกกก ฉันอยากฆ่าสองสีกวนส้นตรินคู่นี้มากๆๆๆๆๆๆ เลย แต่ก็ต้องพยายามระงับอารมณ์เอาไว้ก่อน เวลาโกธรฉันยิ่งเป็นพวกอารมณ์ร้อนอยู่นะจะบอกให้
“ไอ้นั่นน่ะ พวกแกเอาไปบูชายันต์ที่บ้านไป๊ !!!!!!!!!! ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะหยิบมันมาน่ะ !”
“แล้วทำไมเธอต้องหนีด้วยล่ะ ????” ไอ้คนที่ไม่ได้ถือไอ้นั่นอยู่ในมือพูดแทรกขึ้นมาอย่างได้จังหวะ
“ก็ฉันไม่ได้ผิดอะไรเลยนี่ ! จะให้ฉันมารับในสิ่งที่ฉันไม่ได้ทำได้ยังไงล่ะ ไม่ยุติธรรมเลย”
“ไม่รู้ล่ะ ก็ ...”
“พอ ๆๆๆๆ เลิกเถียงกันทั้งสองฝ่ายน่ะแหละ !!”
เฮดโฟนที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นอย่างปัดรำคาญ เมื่อรู้ว่ายังไงซะฉันกับเจ้าพวกนี้ก็ไม่มีทางที่จะหยุดเถียงกันได้เป็นแน่แท้ ทั้งฉันแล้วสองคนนั้นต่างก็เงียบเป็นเป่าสาก เพราะถ้าขืนไม่เงียบนะ หมอนี่อาจจะเอาเอ็มเจ็ดเก้าขึ้นมายิ่งกระจาดเลยก็ได้
“เมื่อกี้พวกนายบอกว่า ... ยัยนี่เป็นรีเควสต์ของอาจารย์งั่งนั่นน่ะเหรอ” เฮ้ย ... อยากจะพูดขึ้นมาจริง ๆ นะว่า อาจารย์ที่ว่าเนี่ยเขาชื่องั่งเหรอ หรือว่าหมอนี่เรียกเพราะเป็นความชอบส่วนตัวน่ะ อยาบคายมาก และแรงมากด้วย =_= กล้าดียังไงมาเรียกอาจารย์ว่างั่งน่ะ เฮ้อ ~ สำหรับเขาน่ะไม่แปลกหรอกนะ รู้ ๆ กันอยู่ว่าคนนี้เขาเหนือเฆมจะตาย
“คะ ... ครับ” ขนาดไอ้สารวัตรนักเรียนนั่นมันยังอึ้งในสรรพนามที่อีตาเฮดโฟนพูดออกไปเลยอ่ะ ‘อาจารย์งั่ง’ เชียวนะ
“อืม ... งั้นก็กลับไปรายงานตาแก่นั่นเลยนะ ว่ายัยนี่มาอยู่กับฉันแล้ว” ตะ ... ตาแก่ =O=
หลังจากที่คำพูดของอีตาเฮดโฟนจบ ฉันก็เริ่มว้ากใส่อย่างเร็วทันที เร็วยิ่งกว่าสายฟ้าฝาดอีก ! อะไรอ่ะ อย่างนี้มันเรียกว่ามัดมือชกกันนี่ ! ไม่ ไม่ยอมเป็นอันขาด !
“เฮ้ !!!!!!!!! ได้ไงอ่ะ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ ! พวกนายไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอย่างนี้นะเว้ยยยยย”
“พูดไปก็เหม็นขี้ฟัน หุบปากไปเหอะ เธอเถียงอะไรออกมาก็ไม่ได้ประโยชน์หรอก ถ้าไม่ได้ผิดจริงแล้วหนีมาทำไมล่ะฮะ”
“เฮอะ ... ถ้าฉันไม่หนีก็ ...”
“ที่ผ่านมาก็เหมือนเธอวิ่งลดน้ำหนักล่ะนะ เพราะสุดท้าย เธอก็มาเจอฉันอยู่ดี ~ ^^” อีตาเฮดโฟนยิ้มยียวนก่อนที่จะหันไปตวาดใส่พวกนั้นอีกครั้ง “เฮ้ ! จะยืนดูหาอาม่าแกเหรอ รีบไปเซ่ !”
“คร้าบบบบ” ทั้งสองสารวัตรนักเรียนขานรับก่อนที่จะรีบวิ่งกลับไปทางเก่า เฮ้ย ! อะไรอ่ะ มันไม่ใช่นะแบบนี้ อย่างนี้ก็ถือว่าฉันเป็นนักโทษสมบูรณ์แบบแล้ว งั้นสิ ? มันไม่ใช่นะ !!!!!!!! อย่างนี้มันต้องเคลียร์กันให้รู้เรื่องเด้ ยังไม่เคลียร์เลยนะ !
“เฮ้ ! กลับมาก่อนเซ่ !!!!!!!!!” ฉันตะโกนตามไปแต่ก็ไม่ทันแล้ว ไอ้พวกนั้นวิ่งไปไกลแล้ว ฉันทำท่าจะวิ่งตามไป แต่ก็ถูกรั้งด้วยฝ่ามืออันใหญ่หลวงของอีตาเฮดโฟนไว้ได้ เฮ้ย ! แข็งแรงเกินไปหรือเปล่า เขาใช้มือข้างเดียวรั้งฉันไว้ด้วยการจับต้นแขนฉันไว้เหมือนกับไม่ได้ออกแรงอะไรเลยอ่ะ เฮ้ยยยยยยย เกินไปแล้ววววว
“เธอจะตามไปเคลียร์อะไรกับเจ้าพวกนั้นฮะ ในเมื่อเธอมาถึงมือฉันแล้ว ... คนที่จะตัดสินเรื่องนี้แล้วพร้อมที่จะเคลียร์เรื่องนี้กับเธอก็คือฉันคนนี้เท่านั้นแหละ”
“งั้นดีเลย ฉะ ... ”
“ทุกอย่างเคลียร์ ! เธอเป็นนักโทษที่สมบูรณ์แบบของฉันแล้ว ฉะนั้น ... หลังจากวินาทีนี้เป็นต้นไป เธอต้องทำตามที่ฉันสั่งทุกอย่าง !”
“เฮ้ย ! อะไรเนี่ย พูดเองเออเองหมดเลยนี่นา ! เคลียร์ตรงไหนเนี่ย ! ไอ้บ้า !”
“เคลียร์ตรงนี้ล่ะ ! ทุกอย่างเคลียร์ ... เหอะ ๆ ดีเหมือนกันช่วงนี้ฉันมีอะไรต้องทำเยอะแยะ ได้เธอมาระบายคลายเครียดด้วยก็ไม่เลวเหมือนกันนะ แล้วก็จะชำระเรื่องที่เธอก้าวร้าวฉันอีกด้วย” เฮดโฟนพูดพร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นมาจิ้มที่กลางหน้าผากฉันอย่างแรง แล้วฉันก็สนองไปด้วยการปัดนิ้วอันเรียวยาวของเขาออกด้วยความโมโหพร้อมกับลูบหน้าผากตัวเอง ป้อย ๆ อย่างละไม่ได้ โอ๊ย แสบชะมัดเลย ไอ้เล็บทางด่วนเอ๊ย ! หัวฉันจะกลายเป็นรอยเป็นเปาปุ้นจิ้นเลยมั้ยเนี่ย
“นอนจนหัวฟูเท่าสิงโตเนี่ยนะ มีอะไรทำเยอะแยะ ?” ฉันเอามือลงพร้อมกับพูดและทำสีหน้าแสร้งสงสัยใส่เขา
“ยอกย้อน ! เหอะ ... ไม่เป็นไร ... ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอได้ทำกับฉัน ฉันจะจับคิดรวบยอดด้วยกันไปเลย !”
“นี่ ๆๆๆ รวบยงรวบยอดอะไร ... ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดมาสักหน่อย ! นายไม่มีสิทธิ์แม้แต่ที่จะมองหน้าฉันเลยแม้แต่นิดเดียว !”
“โหๆๆๆ แล้วคิดว่าตัวเองสวยตายล่ะแม่คุณ ! แค่ได้ใกล้ชิดสนิทแนบเนื้อกับฉันเนี่ยก็ถือเป็นบุญเท่าไหร่แล้วฮะ !”
“บุญนรกน่ะเซ่ ! นายนี่มัน ... ถ้านายปล่อยฉันไปตั้งแต่ทีแรกนะ ฉันคงไปถึงหน้าโรงเรียนแล้ว”
“แต่สุดท้ายเธอก็หนีฉันไม่พ้นอยู่ดี เรื่องทรมาณนักโทษน่ะ ฉันล่ะช๊อบชอบ แค่บอกชื่อนามสกุลมาแค่เนี้ย ~ แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ ฉันก็ได้ตัวนักโทษมาแล้ว”
“เหรอ ~ พ่อคนฉลาดคิดว่าตัวเอง ...” ฉันยังพูดไม่ทันจบอีตาเฮดโฟนก็ยกฝ่ามือขึ้นมาเกือบทาบทับเข้าไปที่ใบหน้าของฉัน ทำให้ฉันต้องเอี้ยวตัวหลบฝ่ามือหนาของเขาไปทันที ทั้งๆ ที่ยังพูดไม่จบ หน็อย !
“พอละ ... เถียงกับเธอไปแล้วก็ไม่ได้อะไร ไป ... ได้เวลาสนุกแล้วสิ ได้เวลาสนุกแล้วสิ ~~! ”
“ได้เวลาอะไรของนายฮะ !!!! เฮ้ ! นี่ปล่อยฉันนะเว้ยยยยยยยยย !”
“จิ๊กโก๋แถวปากซอยอายเป็นแถวแน่ๆ เลย เมื่อมาเห็นคนอย่างเธอเนี่ย -_-”
“ปล่อยสิเฟ้ยยยยยยยยยยย”
ฉันพยายามออกแรงยื้อเมื่อเฮดโฟนพยายามลากฉันให้ไปกับเขา นี่มันอะไรกันเนี่ย !!!!! อีตานี่ไม่ฟังอะไรเลย ... ฉันทั้งตะโกนทั้งด่าทั้งยื้อ ทำทุกอย่างที่จะสามารถทำให้เขาปล่อยฉันได้ แต่ก็ ... ไม่มีประโยชน์ T^T อีตานี่ลากเอาๆๆๆๆ ฉันไม่ใช่กระสอบทรายนะ ! ถึงได้ลากเอาๆ แบบนี้น่ะ จนกระทั่งถึงโกดังเขาถึงปล่อยฉันให้เป็นอิสระ
“ซี๊ด ... เจ็บชะมัด”
“เป็นไงล่ะ อยากดิ้นๆๆ เป็นปลากระดี่โดนลวกอยู่ได้ ... สุดท้ายก็ต้องมาบ่นว่าเจ็บอยู่ดี” เออ ... ฉันคิดผิดที่พยายามจะให้ตัวเองหลุดออกจากการเกาะกุมของนาย แต่เวลาอธิบายไม่ต้องใส่แอคติ้งเต้นขึ้นลงๆ ได้มั้ย ... อุบาทว์พิลึก =_=
“เชอะ ! แล้วที่นี่ที่ไหนเนี่ย” ฉันพูดพร้อมกับกวาดสายตามองประตูตรงหน้าอย่างสงสัย แล้วจู่ๆ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่า ... “เอ๊ะ ! หรือว่า ... นายจะพาฉันมาขายตัว !”
“นี่ ๆๆๆๆ เอาสมองส่วนไหนมาคิดเนี่ยฮะ ว่าฉันจะมาทำอย่างนั้น ! อย่างเธอน่ะขายไปก็ไม่ได้ราคาหรอก แค่สิบบาทจะได้ถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้”
แรง !!!!!!!!!!!
“ฮึ่ย ! นายนี่ ... พูดดี ๆ ก็ได้น่า แล้ว ... จะพามาทำอะไรที่นี่เนี่ย”
“ไปเปิดโกดังซิ แม่สาวสมอเรือ”
“( -_-)” ฉันหันขวับไปหาเขาทันที อะไรของมันวะ ? แม่สาวสมอเรือ มันคือ ????
“ไปเปิดโกดังเซ่ !”
“แล้วทำไมฉันต้องไปเปิดด้วยล่ะ ... นายเป็นผู้ชายนี่ นายก็ไปเปิดเซ่ !”
“อย่าให้ฉันเงื้อเท้าเป็นครั้งที่หนึ่ง -_-”
“เออ !!!!!!!! ไปเปิดก็ได้ ไอ้หูไม่มีฟัง !”
“ว่าไงนะ !!!!!!!!” เฮดโฟนตะคอกกลับมาทำให้ฉันต้องรีบวิ่งไปที่ประตูโกดังทันที ก่อนที่จะพยายามเปิดมันอย่างเร่งรีบ เพราะอีตาเฮดโฟนเขาทำจริงอยู่แล้ว ขนาดสปาตาร์มันยังทำมาแล้วเลย T^T
ฮึ้บ ~ ฮึ้บ ~
“เฮ้อ ! มันเปิดไม่ออกอ่ะ” ดึงจนแขนจะหลุดแล้วนะเนี่ย ฉันจะโดนฆ่ามั้ยเนี่ยยยยยย โฮ ~
“เปิดออกได้ก็แปลก”
“เอ๊า -*-” ฉันถึงกับสีหน้าไม่สบอารมณ์เลยทีเดียวเมื่อได้ยินคำตอบอันแสนจะบาดหูนั่น ... แล้วไอ้ที่ฉันพยายามออกแรงนี่ล่ะ เพื่อ ? เพื่ออะไรค๊าาาา ! ทั้งวันมานี้ฉันยังเหนื่อยไม่พอใช่มั้ยเนี่ยยยยยยยยย ! ไอ้บ้านี่มันทำร้ายกันชัด ๆ !
“แล้วไอ้ที่ฉันเยื้อ ๆ ดึง ๆ ฉุด ๆ อยู่เนี่ยล่ะฮะ !”
“เผื่อเธอจะมีพลังพิเศษเปิดมันเข้าไปได้ไง”
“เลอะเทอะ -_-”
ฉันส่ายหน้าก่อนที่จะหันไปมองเฮดโฟนที่นั่งอยู่บนท่อนไม้ใหญ่อย่างสบายใจเฉิบ ... อีตานี่เข้าขั้นกวนประสาทขั้นเทพเลยนะ ฉันคิดว่าเขาจะออกแนวขรึม ๆ เย็นชา ไรงี้ ... แต่พอได้มาพูดด้วยกันสิ กวนตรินเป็นที่สุด ! ฮึ่ย ... ถ้าฉันต้องมาคุยกับอีตานี่ สักวันฉันต้องเป็นออทิสติกแน่ ๆ
“แล้วพาฉันมาที่นี่ทำไมเนี่ย ”
ฟรึ่บ
O_O
ร่างกายของฉันนึ่งงันเมื่อเฮดโฟนกระโดดออกมาจากท่อนไม้แล้วเดินมาจับที่บ่าของฉันทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วจนน่ากลัว ... ลำคอของฉันมันรู้สึกตีบตันไปหมด ลำตัวแข็งเกร็งอย่างทำอะไรไม่ถูก หายใจก็ไม่สะดวกเลย ฉันไม่รู้ว่าเขากำลังคิดหรือกำลังจะทำอะไร แต่ที่รู้ ๆ ตอนนี้ร่างกายของฉันมันทำงานไม่ถูกแล้ว ก็ฉันไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายคนไหนมากขนาดนี้นี่ ... แล้วที่สำคัญ ทำไมต้องจ้องมาที่ตาของฉันอย่างนั้นด้วยเล่า -////-
“อืม ... เอาวะ” เขาพึมพำกับตัวเองแค่นั้น ก่อนที่จะผลักฉันออกจากการเกาะกุมของเขาออกไปเบา ๆ อา ... ตอนนี้ฉันรู้สึกหายใจสะดวก หมดความรู้สึกโคตรอึดอัดแล้ว เฮ้อ
“นาย ... จะทำอะไรอีกอ่ะ” ฉันถามพร้อมกับหันไปมองรอบ ๆ ไม่กล้ามองหน้าเขาเลยวุ้ย
“เป็นไงเป็นกัน ... บทลงโทษของเธอได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว !”
“หา ????”
“เห็นตรงนั้นมั้ย” เฮดโฟนใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างจับที่หัวไหล่ของฉันให้หันลำตัวไปที่ประตูโกดัง ก่อนที่จะชี้ไปที่ช่องช่องหนึ่ง ซึ่งเป็นช่องไขกุญแจ
“ช่องไขกุญแจ ?”
“แล้วเมื่อกี้เธอเปิดมันออกมาไม่ได้ ...”
“แสดงว่า ... นายจะให้ฉันหากุญแจเพื่อมาเปิดโกดังนี่ ? ว่างั้นเหอะ”
“ฉลาดนี่ ... ไม่น่าเชื่อ ว่าคนอย่างเธอจะหัวไวขนาดนี้ *O*” เฮดโฟนทำหน้าตาเหลือเชื่อจนฉันหมั่นไส้ ก่อนที่จะคลี่ยิ้มออกมา
“เชอะ ... จะให้ฉันหาคนเดียวเหรอ ? แมนไปมั้ง”
“เอ้า ... มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ฉันไม่ได้มาขอความช่วยเหลือจากเธอนะ ! ไป ๆๆๆ ไปหาได้แล้ว”เฮดโฟนพูดพร้อมกับดันฉันไปข้างหน้าอย่างส่ง ๆ โอ๊ย ! อีตาบ้า ... ฉันเป็นผู้หญิงนะ จะสุภาพหน่อยไม่ได้หรือไงเล่า !
“ไอ้บ้า !!!!! ทำไมต้องผลักมาขนาดนี้ด้วยเนี่ย ฮึ่ย ... นี่ แล้วฉันไปตกลงอะไรยังไงที่จะเป็นนักโทษของนายเนี่ยฮะ ในเมื่อฉันไม่ได้ผิด ... มันก็ไม่จำเป็นที่ฉันจะต้องทำตามคำสั่งของนายนี่ !” ฉันแกะมือเขาออกก่อนที่จะหันไปพูดกับเขา ไม่มีทางหรอกน่า ที่ฉันจะก้มหัวให้เขาง่าย ๆ น่ะ
“เอ๊ะ ... เธอนี่มันดื้อจริง ๆ เลย ตอนนี้ฉันไม่สนทั้งนั้นแหละ ว่ามันจริงหรือไม่จริง แต่ที่รู้ ๆ ตอนนี้ เธอ ! ต้อง ! ทามมมมมมมมม !!!!!!” เฮดโฟนตะโกนใส่บ้องหู ทำให้ฉันต้องเด้งตัวหลบหนีอย่างอัตโนมัติพร้อมกับเอามือปิดหูตัวเอง อ๊ายยยย อีตานี่หนิ ! ชักจะทำตัวเถื่อนเกินไปแล้วนะ TOT
“เฮ้ย ! หัดมีมารยาทซะบ้างสิยะ ! ฉันปวดหูจะแย่แล้ว ”
“เธอก็เริ่มหาซะทีสิ”
“ถ้าฉันไม่หาล่ะ” เราต้องเป็นฝ่ายเป็นต่อบ้างแล้ว ...
“งั้น ... ก็หาทางกลับเองล่ะกัน” เฮดโฟนพูดอย่างชิล ๆ สบาย ๆ ยักไหล่ตัวเอง ก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินจากไป ฉันที่ไม่ได้สนใจในคำพูดของเขาก็หันไปมองที่หน้าประตูโกดังแล้วมองมันอย่างพินิจพิจารณา แต่จะจ้องมองไปที่ไขกุญแจเป็นพิเศษ หืม ... โกดังนี่มันต้องมีอะไรแน่ ๆ เลย
เงียบ ...
บรรยากาศเงียบเชียบทำให้ฉันที่กำลังสนใจความคิดของตัวเองกับเจ้าโกดังนี้ต้องหันไปมองรอบ ๆ ตัว ปรากฏว่า ... อีตาเฮดโฟนไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว !!!!!!!! พอเดินตรงไปก็ไปเจอทางสี่แยกอีก ... เฮ้ยยยยย นี่มันอะไรกันเนี่ย ! แล้วตลอดทางที่เขาลากฉันมาฉันก็มัวแต่ดิ้นๆๆ ไม่ได้มองอะไรเลย ให้ตายสิ ... ฉันจำทางไม่ได้อ่ะ มิหนำซ้ำ ... ยังไม่รู้เลยด้วยมาโผล่ตรงนี้ได้ยังไง TOT แล้วในหัวของฉันมันก็แวบคำพูดของเฮดโฟนที่เพิ่งพูดไปตะกี้สด ๆ หมาด ๆ ขึ้นมา และนั่นเองก็ทำให้ฉันแทบจะคลั่งเลย !
‘งั้น ... ก็หาทางกลับเองล่ะกัน’
กรี๊ดดดดดดดดดด ไม่จริงน้าาาา ไอ้เฮดโฟนบ้า กลับมาเดี๋ยวเน้ ~~~~~~~~
“เฮดโฟนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน !!!!!!!!! นายอยู่ไหนเนี่ย ออกมาเดี๋ยวนี้น้าาาาาา ออกมาเซ่ !!!!!! TOT” ออกมาเหอะน้า เฮดโฟนที่น่าลัก (ไปฆ่า) จ๋า ~ อย่าให้ฉันอยู่ตรงนี้นานได้มั้ย ฉันไม่อยากเล่นหนังสี่แพร่งคนเดียวสี่เรื่องที่ต้องเผชิญกับผีสี่รูปแบบนะเว้ย แล้วบรรยากาศก็สุดแสนจะเป็นใจซะเหลือเกิ๊นนนนนนนน ฮือ ~~
มองไปรอบ ๆ ก็ยิ่งจินตนาการแล้วก็ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ ว่าจะมีอะไรโผล่มาให้เห็นเป็นบุญตาและเป็นที่จดจำไปตลอดชีวิตหรือเปล่า T^T ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตรงนี้มันจะอยู่ภายในโรงเรียนด้วยน่ะ สยองพิลึก ถึงในใจลึก ๆ แล้ว ก็อยากเจอบ้างอะไรบ้างนะ แต่ ... ไม่เจอเลยจะดีกว่ากันเยอะ
“อีตาบ้า เฮดโฟนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน ออกมาหาฉันเซ่ !!!!” ฉันตะโกนอีกครั้งหนึ่งด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ เดินก็ไม่ได้ไกลอะไรนี่ แต่ทำไมฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ ยังไงก็ไม่รู้อ่ะ ฉันตะโกนเรียกเขาอย่างนั้นนานมากจนตัวเองรู้สึกเหมือนจะหมดแรงเอาดื้อ ๆ เฮ้ ... ทำไมฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังมันเหลือน้อยเต็มทนแบบนี้ล่ะ ฉันไม่เคยรู้สึกหอบขนาดนี้มาก่อนเลย ฮึ่ย ... ตะโกนจนคอแตกแล้วยังไม่เห็นหัวของเขา ก็คงต้องหาทางออกเองแล้วล่ะ กลับไปด้านหลัง มันจะมีทางออกมั้ยนะ ...
ระหว่างที่กำลังยืนหอบอยู่นั้นเอง ฉันก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอะไรบางอย่างอยู่ตรงป่าไม้ไม่ไกลจากข้างหน้า ... เมื่อค่อย ๆ เงยหน้ามองเพราะความหอบฉันก็เห็นเหมือนมีอะไรสีดำ ๆ แวบไปแวบมา เอาแล้วไง ไอ้เมมโม TOT อะไรมันจะซวยซ๊วยซวยขนาดนี้วะ คิดยังไงได้ยังงั้นเลยเหรอเนี่ย ร่างกายของฉันยืดยืนตัวตรงอัตโนมัติเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่ว่านั่น แต่ก็ไม่ยักจะหนี ดูก่อนอีกครั้งนึงดีกว่า ว่ามันคืออะไรกันแน่
ฉันถอนหายใจพร้อมกับเผ่งมองไปที่ตรงป่าตรงนั้นอีกครั้ง ดูให้รู้ไปเลยว่ามันคืออะไร จะเข้าใจว่าเป็นผีเจ้าที่ คงจะไม่ใช่
ฟรึ่บ !!!!!!
เงาสีดำ ๆ นั่นเคลื่อนไหวอีกแล้ว แต่คราวนี้ฉันจ้องมองอย่างดีอย่างไม่วางตา ไม่ใช่ละ ... ไม่ใช่ผีเจ้าที่แน่ ๆ ลักษณะคร่าว ๆ ที่ฉันพอจะจับได้มันคือ ...
นินจา ฮาโตริ !!!!!!!!!!
จะบ้าหรอ =_= นินจาอย่างเดียวว้อยยยยยยยย
“นินจา ! ว้าย !” ฉันอุทานเพียงแค่คำว่า ‘นินจา’ เท่านั้น ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างตรงมาที่ใบหน้าของฉัน แต่โชคดีไปที่ฉันย่อตัวหลบได้ทันก่อนที่จะหันไปข้างหลังก็พบว่า ... เป็นดาวกระจายสี่แฉกปักอยู่ที่ต้นไม้อย่างแน่นหนา พอมองไปที่ข้างหน้าก็ไม่เห็นอีกแล้ว แต่ฉันรู้สึกได้ว่า ... นินจาได้เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น !
ปั้ก !
“ฮึ้ย”
คำอุทานหลุดออกมาจากปากฉันเมื่อดาวกระจายสี่แฉก มันมาปักอยู่ตรงเท้าฉันที่อีกนิดเดียวมันก็ปักมาที่เท้าฉันได้แล้ว ให้ตายสิ ... อยู่ตรงนี้คงไม่ดีแน่ ๆ ต้องหนี หนี หนี แล้วก็ ...
ต้องวิ่งอีกสินะ -_____- เอาวะ อยู่ก็ตาย ไปก็ (อาจจะ) รอด RUN RUN RUN RUNNNNNNNNNNNNN !!!!
ฉันรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งย้อนกลับไปทางเดิมทันที ! เมื่อรู้ว่าตอนนี้ตัวเองมีความปลอดภัยไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ขาเอ๋ยขาจ๋า อย่าเพิ่งมามีปัญหาอะไรกันตอนนี้นะ ไม่งั้นฉันตายแน่ ๆ ล่ะ ! ระหว่างที่วิ่งฉันกฝ้ใส่เกียร์วิ่งอย่างไว แล้วไม่รู้ว่าทางที่ไปนี่จะมีทางออกหรือเปล่า ก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรตามมาตลอด พอหันไปมองก็ไม่เห็น พอวิ่งมาถึงหน้าโกดังฉันก็ต้องหยุดฝีเท้าตัวเองเพราะไม่รู้จะวิ่งไปไหนอีกแล้ว พอเหลือบไปข้างหลัง ตายห้า ! นินจามันมายืนอยู่ข้างหลังแล้วววววววว ก่อนที่จะระดมปาดาวกระจายมาที่ฉันไม่ยั้ง ด้วยสัญชาตญาณก็ไม่สนแล้วล่ะว่าจะวิ่งไปทางไหน ก็วิ่งเลาะมันไปเลยแล้วกัน แล้วเหมือนสวรรค์จะเห็นใจฉันบ้างเพราะทางที่ฉันวิ่งมามันสามารถเลาะเจ้าโกดังนี่ไปได้ ไม่รู้ล่ะว่าจะทะลุออกไปทางไหน แต่ตอนนี้ต้องหนีเจ้านินจานี่ให้รอดซะก่อน !!
ปั้กๆๆๆ
เสียงปาดาวกระจายตามมาไม่ยั้ง ทำให้ฉันเริ่มคอนโทรฝีเท้าตัวเองไม่ค่อยได้แล้ว เมื่อกี้ก็เกือบหกล้มไปแล้วแต่สามารถหักหลบได้ทัน แล้วตอนนี้ฉันก็เริ่มเวียนหัวแล้วด้วย อย่าเพิ่งมาอ่อนยวบตอนนี้ได้มั้ย ฉันจะตายแล้วน้า ~ ไอ้นินจาบ้า ! แกก็เลิกตามฉันสักทีเซ่ TOT ฮือ ... ฉันไม่ใช่โรบอตท์นะเฟ้ย ที่วิ่งระยะทางเท่าไหร่ก็สบายบรื๋ออ่ะ
“โอ๊ย !”
ฉันร้องลั่นเมื่อตัวเองรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้ามากจนไม่สามารถวิ่งต่อไปได้อีก ทำให้ต้องทรุดลงไปนอนอย่างไม่เป็นท่าเอาเสียเลย เสื้อผ้าก็เลอะเปรอะเปื้อนไปหมด หัวก็เริ่มจะหมุนเหมือนลูกข่างเข้าไปทุกที ๆ มองไปที่ข้อเท่าตัวเองก็พบว่า ... ให้ตายสิ เจ้านินจามันปาดาวกระจายบาดมาที่เท้าฉัน จริง ๆ แล้วมันตั้งใจที่จะปามาแทงที่เท้าฉันเลยล่ะ โอ๊ย ... ทั้งเจ็บทั้งแสบเลย จะลุกก็ไม่มีแรงแล้ว สงสัยฉันคงต้องตายจริง ๆ ล่ะ
เมื่อมองไปที่บาดแผลที่ข้อเท้าปุ๊บ ก็เจอกับนินจาตัวจริง บุคลิกจริงอย่างไม่ต้องหวังทะลุมิติเป็นการ์ตูนแล้ว T_T เพราะตอนนี้นินจาได้มายืนอยู่ข้างหลังห่างออกนับตั้งแต่ข้อเท้าไปไม่ถึงห้าก้าวด้วยซ้ำ ! นินจาที่โพกผ้าสีดำจนไม่สามารถจับโครงหน้าหรือจินตนาการได้เลยว่าเป็นใคร เงื้อมือที่ถือดาบเล่มยาวเหนือหัวด้วยมือทั้งสองข้างพร้อมกับจะฟันมันลงมา ซึ่งมีฉันนั่งอยู่ ตอนนี้หัวสมองมันทื้อไปหมด นึกไม่ออกแล้วว่าจะทำอะไรดีให้ตัวเองหนีรอดพ้น ได้แต่มองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างทำสีหน้าไม่ถูก นี่เธอกำลังจะตายนะเมมโม ! ไม่คิดที่จะทำอะไรเลยเหรอไงกันเนี่ย !!!!!!!!!
สองเปลือกตาของฉันหลับตาลงเมื่อนินจากำลังจะฟันดาบลงมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มันคงถึงวาระของฉันแล้วมั้ง ที่จะต้องจากโลกนี้ไปอย่างรูปแบบเหมือนหนังบู้ที่นักสู้หมดฤทธิ์จนไม่สามารถต่อกรได้ เลยตายสมใจศัตรู สองมือของฉันกำแน่นจนร่างกายเกร็งไปทุกสัดส่วน ฉันคงหนีต่อไปไม่รอดแล้วจริง ๆ
เคร้งงงงงงงง !
เสียงเสียดสีเหมือนเหล็กดังลั่นจนทำให้ฉันต้องลืมตาแล้วเงยหน้าไปมองกฝ้ปรากฏว่าเป็น ... เฮดโฟน ! ที่กำลังใช้ดาบสปาตาร์ขวางทางดาบของนินจาโดยการแทรกเข้ามาเป็นแนวนอนพร้อมกับออกแรงดันให้ดาบของนินจากลับไปที่ทางของตัวเอง หรือให้ออกห่างจากตัวฉันอย่างยากเย็นน่าดู ก่อนที่จะได้จังหวะตวัดสปาตาร์ของตัวเองทำให้นินจาเสียหลักเกือบหงายหลัง แต่ก็สามารถตั้งหลักได้ แล้วนินจาก็พุ่งหลาวมาที่เฮดโฟนอีกครั้ง แต่คราวนี้เฮดโฟนเลยพุ่งเข้าใส่บ้าง ตอนนี้เลยกลายเป็นสงครามระหว่างนินจาและเฮดโฟนไปเลย นี่ฉันรอดตายแล้วใช้มั้ยเนี่ย ...
เฮดโฟนกับนินจาต่างฝ่ายต่างหลบปลายดาบของฝ่ายตรงข้ามกันอย่างหวุดหวิดและน่าหวาดเสียว แต่ด้วยความเร็วของนินจาก็ทำให้เฮดโฟนเสียหลักลงไปนอนจนได้ ! ฉันที่นั่งดูอยู่ห่าง ๆ ก็อยากจะเข้าไปช่วยเขาอยู่หรอก แต่ว่า ... ตอนนี้ร่างกายของฉันมันไม่ให้เลย นินจาได้ทีก็พุ่งหลาวมาทางเฮดโฟนอีกครั้ง แต่ก็ทำตามที่ตัวเองหวังไว้ไม่สำเร็จ ! เมื่อเฮดโฟนได้จังหวะเด้งตัวขึ้นแล้วใช้สปาตาร์ฝันไปที่ท่อนแขนของนินจาอย่างรวดเร็วจนฉันจับภาพไม่ทันเลย มารู้อีกที ... นินจาก็ล้มลงไปแล้วหายตัวไปแล้ว เฮดโฟนวิ่งมาที่ฉันก่อนที่จะมองไปที่แผลของฉันอย่างตื่น ๆ
“ไม่อยากจะเชื่อเลย ...”
“นายไปไหนมาเนี่ย !” ฉันพูดตวาดแต่มันก็ช่างแผ่วเบาเหลือเกิน ตอนนี้ฉันแทบจะไม่มีแรงแม้แต่จะพูดแล้ว
“ก็อยู่แถวนี้ล่ะน่า ... ฉันว่าจะแกล้งปล่อยให้เธออยู่คนเดียวเพื่อจะหากุญแจโกดัง แต่ก็ไม่คิดว่า ... เจ้านินจามันจะมาวิ่งตามฆ่าเธออย่างนี้” เฮดโฟนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อย ๆ เหมือนรู้สึกผิด พร้อมกับมองไปที่ข้อเท้าของฉันด้วยสายตาที่ฉันไม่สามารถประมวลได้ว่ามันสื่อความหมายว่าอะไร
“เฮอะ ... แต่ก็ขอบใจที่ยังอุตส่าห์เอาสปาตาร์มาใช้ให้เป็นประโยชน์เพื่อช่วยชีวิตฉันน่ะ”
“อะไร ๆๆ ใครช่วยเธอกันฮะ ที่ฉันทำเนี่ยเพราะเธอยังเป็นนักโทษของฉันอยู่ต่างหาก จะให้ตายไว ๆ ทำไม เสียดายแย่ เพราะยังไม่ได้ลงโทษอะไรมากมายเลย”
“และไอ้ที่ฉันวิ่งหนีนินจานี่ล่ะ”
“ก็คิดซะว่า ... ออกกำลังกายหลังเลิกเรียนไงล่ะ”
“ไอ้บ้า ! นี่ฉันวิ่งมาทั้งวันแล้วนะเว้ย ... เอ๊ะ ” ระหว่างที่กำลังพูดอยู่กับเฮดโฟนอยู่นั้น ฝ่ามือข้างขวาของฉันก็ไปโดนกับวัตถุอะไรเข้าสักอย่าง เมื่อหันไปมองเอามือออกก็พบว่า ... มันเป็นกุญแจ หรือว่านี่จะเป็นกุญแจโกดังกัน ! ฉันรีบหยิบมันมาขึ้นมาก่อนที่จะยื่นไปตรงหน้าของเฮดโฟนด้วยสีหน้าดีใจเป็นนัย ๆ “เฮดโฟน !!!”
“ใช่แล้ว ... กุญแจโกดัง ไม่อยากจะเชื่อเลย” เฮดโฟนทำท่าจะคว้ากุญแจไปจากมือฉัน แต่ฉันก็ชักมือกลับไปได้อย่างไว จนเฮดโฟนถลึงตาใส่ฉันอย่างเคือง ๆ “นี่เธอ !”
“อะไรกันพ่อคุณ ... ไม่ใช่เพราะฉันวิ่งซะจนเกือบโดนฆ่าตายหรือไงฮะ ถึงได้เจอเจ้ากุญแจมาเนี่ย” อ่ะฮ้า ~ ... ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองถือไผ่เหนือกว่าเขาแล้วล่ะสิเนี่ย ฮิฮิ
“เจ้าเล่ห์นักนะเธอ” เขาพูดพร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นมาชี้หน้าฉัน
“เลิกคุยกันเถอะ ฉันแสบแผลจะแย่แล้วเนี่ย”
“โอเค ๆ จริง ๆ นะ ถ้าเธอไม่พูดเชิงท้าทายแบบนั้น เธอก็ไม่โดนอย่างนี้หรอก” เขาพูดพร้อมกับค่อย ๆ ประคองฉันให้ลุกขึ้น “เดินไหวมั้ย”
“ลองดู ๆ” ฉันบอกก่อนที่จะพยายามก้าวข้อเท้าข้างขวา เพื่อให้ก้าวไปข้างหน้า แต่ผลที่ได้ออกมาคือ ... ฉันรู้สึกเจ็บแปลบทันที แล้วตัวเองก็เกือบจะล้มหน้าคว้ำถ้าไม่มีเฮดโฟนประคองเอาไว้ ให้ตายสิ ... มันทั้งเจ็บทั้งแสบมากเลย
“ฉันว่า ... เธอขี่หลังฉันดีกว่านะ” เฮดโฟนก้าวมาอยู่ข้างหน้าฉันทั้งๆ ที่อีกมือนึงยังประคองฉันไว้อยู่ก่อนที่จะปล่อยมือข้างที่ประคองฉันเบา ๆ แล้วนั่งคุกเข่าลงหันหลังให้ฉัน
“เฮ้ย ! แมนว่ะ”
“อย่ามัวแต่พูด ขึ้นมาสักทีสิ”
“อืม”
ในที่สุดฉันก็ขึ้นขี่หลังเฮดโฟนได้สักที หลังจากที่ทุลักทุเลเพราะฉันเจ็บข้อเท้าข้างขวามาก ๆ แต่แปลก ... เฮดโฟนไม่ปริปากบ่นเลยสักนิด แถมยังถามตลอดทางอีกต่างหากว่าอาการเริ่มบรรเทาลงแล้วหรือยัง ฉันก็ อืมๆๆๆ ไปตลอด รู้สึกหัวใจพองโตจนเขินไปเลยแฮะ >///< ไม่น่าเชื่อเลย ว่าผู้ชายเถื่อน ๆ อย่างนี้ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันเนอะ
“ฮึ่ม ... นี่ ไม่ต้องมาทำเป็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะ ดีใจล่ะซี้ ~ ที่ได้ขึ้นหลังกว้าง ๆ อบอุ่น ๆ ของฉันน่ะฮะ” เฮดโฟนพูดเสียงเจือหัวเราะอย่างภูมิใจ
“หนิ ... อย่าหลงตัวเองให้มากนักเลย แล้วรู้ได้ยังไงฮะ ว่าฉันมีสีหน้ายังไงน่ะ”
“คนมันเซ้นส์ดี ต้องเข้าใจอ่ะนะ”
“ทุ้ย !!!”
“เดี๋ยวจับทุ่มเลยดีมั้ยเนี่ย”
“กรี๊ดดดดดด >O<”
ฉันหวีดร้องดังลั่นเมื่อเฮดโฟนทำท่าจะจับฉันทุ่มอย่างที่พูด นั่นเองที่ทำให้ฉันต้องซบหัวไหล่เขาและรัดคอเขาแน่นขึ้นเพราะความกลัว ถ้าฉันตกลงไปนี่ ได้เป็นอัมพาตแหง ๆ ระหว่างที่กำลังซบไหล่เฮดโฟนอยู่นั้นก็เพิ่งรู้ว่าใบหน้าของตัวเองกับเฮดโฟนใกล้กันมากเมื่อตอนที่ฉันหันไปทางซ้าย ทำให้ป๊ะเข้ากับใบหน้าครึ่งเสี้ยวของเขาอย่างใกล้ชิดเต็ม ๆ อา ... ตอนนี้ฉันปรับสีหน้าตัวเองไม่ถูกแล้วจริง ๆ (._.)
“นาน ๆ ทีจะมีโอกาสแบบนี้ ... มองให้นานกว่านี้หน่อยก็ได้” หลังจากที่ฉันตัดสินใจหันไปทางขวาแล้ว ก็ได้ยินเสียงเฮดโฟนพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี แต่มันทำให้ฉันเขินมาก ! อีตาบ้า ...นายรู้แล้วทำไมไม่ปรามฉันให้เร็วกว่านี้หน่อยล่ะ ! -////-
“เงียบไปเลย ... ”
ฉันพูดเสียงห้วนเบา ๆ ทำให้เฮดโฟนหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดีเข้าไปใหญ่ ... ตั้งแต่ที่เห็นฉันในสภาพแบบนี้ เขาก็พูดดี ๆ มาตลอด เฮ้อ ... ทำไมตอนนี้ฉันหุบยิ้มไม่ได้เลยนะ มันรู้สึกปลื้ม ๆ ยังไงไม่รู้ เอ๊ะ ! ยัยเมมโม แกจะปลื้มไอ้คนที่เอา สปาตาร์ไล่ฟันแก แล้วเกือบทำให้แกตายได้ยังไงกันเนี่ยฮะ ? บ้าไปแล้วแน่ ๆ เลย สงสัยเพราะหน้ามืดเลยมีความคิดแปลก ๆ เฮ้อ ~
“แล้วนายจะพาฉันไปไหนเนี่ย”
“ไปทำแผลที่บ้านที่เธอไปก่อวีรกรรมไว้ไงล่ะ”
“หวังว่าคงจะไม่ไล่ฟันฉันอีกนะ T_T”
“ถ้าเธอพูดบ่อยฉันอาจจะทำจริงก็ได้นะ แต่ว่า ... จะ ‘ฟัน’ แบบไหนดีล่ะ” เฮดโฟนเน้นคำว่า ‘ฟัน’ มากเป็นพิเศษ และมันก็ทำให้ฉัน คิดลึกไปถึงใต้ท้องทะเลเรียบร้อยแล้ว ! อีตาบ้า !
“นี่ !”
“รู้ป่ะ ... ว่า ‘แม่สาวสมอเรือ’ มันแปลว่าอะไร”
“แล้วมันแปลว่าอะไรล่ะะ” อืม ... จะได้รู้ความหมายสักที ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยมีใครมาว่าฉันแบบอีตานี่มาก่อนเลยนะ
“ก็แปลว่า ‘ผู้หญิงที่หน้าเหมือนสมอเรือ’ ไง ”
“สมอเรือ ...” ฉันพึมพำเบา ๆ ก่อนที่จะพยายามนึกถึงสมอเรือ ... อืม ... สมอเรือ
“นึกไม่ออกสินะ ... โอเค ฉันจะอธิบายให้ฟัง ... ตรงหัวของสมอเรือมันจะโค้ง ๆ แล้วปลายทั้งสองจะแหลมใช่ป่ะ แล้วเอาส่วนหัวมาเทียบกับใบหน้าของเธอสิ โคตรเหมือนเลยอ่ะ”
“ยังไง ?”
“ยังไงหรอ ... ก็คางเธอมันกว้างไง บวกกับมุมปากของเธอที่เวลาโมโหแล้วเผยอขึ้นซะแหลมจนจะออกหน้าแล้วอ่ะ นั่นแหละ เลยเป็นที่มาของ ‘แม่สาวสมอเรือ’” จบคำพูดของเฮดโฟนประมาณสามวินาทีที่หัวสมองของตัวเองเพิ่งประมวลเสร็จ ฉันก็จัดการจิกหัวเขาทันที !!!! กรี๊ดดดดด แรงนะนั่น มันว่าฉันซะเสียเลยอ่ะ
“ไอ้บ้า !!!!!!!”
“โอ๊ยยยยยยย เจ็บนะเฟ้ยยยยย”
ความคิดเห็น