ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The winner อัธพาลร้ายลวงหัวใจยัยนักโทษ (แก้ไขเสร็จแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #3 : 2 : เกือบรอด [อัพใหม่]

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 55


    2

    เกือบรอด

    แฮ่ก ๆ

    หลังจากที่วิ่งออกมาจากนายสารวัตรนักเรียนนั่นเรียบร้อยแล้ว ฉันก็หยุดฝีเท้ายืนหอบอยู่ตรงหลังพุ่มไม้ของโรงเรียนที่จะทรุดตัวนั่งลงอย่างเหนื่อยสุด ๆ ตอนนี้ฉันคงกลับเข้าไปข้างในไม่ได้แล้วล่ะ ก็ไอ้บ้าสารวัตรนักเรียนนั่นเล่นไปจับฉันกลางผู้คนซะขนาดนั้น จะให้แบกหน้าเข้าได้ยังไง แถมเข้าไปแล้วอาจจะโดนลากกลับไปแล้วโดนหนักกว่าเดิมอีก เพราะฉะนั้นก็นั่งมันอยู่ตรงนี้ล่ะ จะว่าไปมันก็ดีต่อฉันด้วยนะที่ไม่ต้องไปเดี๋ยวลุกเดี๋ยวยืนเป็นสตาฟ์ฟน่ะ แถมแถวนี้ยังเงียบสงบอีก นั่งอยู่ตรงนี้หวังว่าคงไม่มีใครมาเห็นหรอกนะ เหนื่อยแล้วว

     “ในเมื่อฉันไม่ได้ผิดนี่นา ... แล้วมันเรื่องอะไรที่ฉันจะต้องยอมด้วยเล่า ! เมื่อพูดความจริงแล้วยังส่ายหน้า ก็ต้องใช้วิธีนี้ล่ะ” ฉันพูดกับตัวเองพร้อมกับกัดริมฝีปากอย่างเคียดแค้น

    ~

    ระหว่างที่กำลังนั่งพักเหนื่อยแล้วโกธรเป็นฟือเป็นไฟอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์มือถือของฉันก็ดังขึ้น เมื่อยกขึ้นมาจ่อที่ตาของตัวเองก็ต้องเซ็ง เพราะชื่อที่ปรากฎให้เห็นนั้นเป็นชื่อของยัยโซน แล้วเซนส์ก็บอกมาทันทีว่า ... ต้องเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นกับฉันชัวร์ ฉันกดรับสายก่อนที่จะส่งเสียงใส่เข้าไปพอให้รู้ว่ายังมีคนรับสายเธออยู่

    “เฮ้อออออออออออ”

    [ดูเสียงเธอเข้า -_- นี่ ! ตอนนี้รู้ตัวหรือเปล่าเนี่ย ว่าตัวเองกำลังถูกตามล่า !]

    “รู้ดิวะ เพิ่งจัดการมาหมาดๆ เนี่ย”

    [ตอนนี้ฝ่ายปกครอง สารวัตรนักเรียนตามตัวแกกันให้วุ่นเลยอ่ะ แล้วแกไปทำอะไรให้พวกสารวัตรนักเรียนเดือดร้อนกันเนี่ย]

    “ไม่รู้ดิ ... ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยอยู่ดี ๆ จะมาลากฉันให้ไปรับโทษกับเฮดโฟนได้ยังไงอ่ะ ”

    [ขาโหดของโรงเรียนเนี่ยอ่ะนะ] เสียงของยัยโซนดูตกใจไม่น้อยเมื่อจบประโยคที่ฉันพูด ... เป็นไงล่ะ พูดถึงเฮดโฟน สำหรับในโรงเรียนนี้จะนึกถึง เขาเป็นคนแรกล่ะหนอ ~

    “เออ ! ฉันเลยต้องหลบมานี่ไง จะให้หน้าด้านกลับเข้าไปก็ไม่ได้แล้ว!!!!!!!!

    [ก็แน่ล่ะสิ ถึงแกเข้ามาในลานอัฒจรรย์ล่ะก็แกก็ถูกประนามเละตุ้มเป๊ะเลยแหละ -_-]

    “อืม ฉันถึงต้องมาหาที่ซ่อนให้ตัวเอง”

    [แล้วตอนนี้แกอยู่ ...]

    “ไม่ต้องมาอยากรู้ว่าฉันอยู่ไหนหรอก ตอนนี้ฉันไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้นล่ะ รู้แค่ว่า ... ฉันยังไม่หมดลมหายใจก็พอ”

    [แล้วแกจะทำยังไงต่อเนี่ย]

    “ก็ต้องหลบต่อไปอ่ะดิ ฮึ่ย ! อยากจะกรีดร้อง แค่นี้ก่อนล่ะกันนะ”

    ฉันว่าก่อนจะตัดสายทิ้งลงไปโดยที่ไม่ได้ยินเสียงของยัยโซนเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ช่างยัยนั่นเถอะมาสนใจตัวเองก่อนดีกว่า ว่าจะทำยังไงกับชีวิตตัวเองหลังจากนาทีนี้เนี่ย =_= มานั่งตรงนี้ถึงจะเงียบแต่ก็แอบเสียวอยู่ว่าจะมีใครมาเห็นเข้าแล้วเอาไปแจ้งฝ่ายปกครองหรือเปล่า เฮ้อ ~ ทำไงดีๆๆๆ

    มองไปที่โทรศัพท์มือถือก็เกือบร้องว้ายเมื่อเห็นหน้าตัวเองสะท้อนในหน้าจอโทรศัพท์มือถือดังลั่นว่า ใครอ่ะ น่ารักจังเลยยยยยย(แหยะ !) เฮ้อ ~ จะนั่งอยู่ตรงนี้ก็กระไรอยู่ จะออกไปข้างนอกเหรอ อืม กี่โมงแล้วล่ะเนี่ย

    15 . 30

    มองไปที่นาฬิกาข้อมือสีดำของตัวเองที่ใส่เป็นประจำก็เห็นเลขหนึ่งกับเลขห้าคู่กันมาแต่ใกล้ สามโมงครึ่งแล้ว ถึงจะมีงานเปิดโรงเรียน แต่ทางวิเฟอร์ก็ปล่อยตามปกติตั้งสี่โมงครึ่งแน่ะ จะให้นั่งตรงนี้อีกหนึ่งชั่วโมงก็เป็นไปไม่ได้หรอก ... เอ๋

    ระหว่างที่กำลังนั่งคิดมากอยู่หลังพุ่มไม้อยู่นั้น สายตาของฉันก็หันไปเจอ เอ่อ ... เรียกว่าบ้านเห็ดยักษ์ล่ะกันนะ มันมีขนาดเท่ากับบ้านทาวน์เฮ้าส์หลังเดี่ยวเลยอ่ะ (แต่ใหญ่กว่าบ้านฉันเยอะ) แต่รูปทรงของมันเป็นรูปเห็ดแต่ไม่บิดเบี้ยวเหมือนเห็ดของจริงนะ ส่วนที่เป็นหัวเห็ดก็น่าจะเป็นหลังคาอ่ะ รวมๆ แล้ว เหมือนบ้านในนิทานการ์ตูนของวอทดิสนีย์เลย อร๊ายยย น่าเข้าไปอยู่ชะมัด >< ไม่นึกเลยว่าที่โรงเรียนจะมีอะไรแบบนี้ด้วย เจ๋งอ่ะ !

    น่าอยู่เหรอ เอ ... น่าอยู่ ไม่นะ ทำไมในหัวของฉันมันมีความคิดพิลึกพิลั่นอีกแล้วว่าจะเข้าไปในเห็ดยักษ์นั่น T_T ไม่นะเมมโม ตอนนี้เธอถูกตามล่าอยู่นะ ถึงภายนอกมันจะดูดี แต่ก็ไม่รู้ว่าภายในนั้นมันจะเป็นยังไง อีกใจหนึ่งก็กลัวอีกใจก็อยากเข้าไปดูอ่ะ เอ ... แต่ว่า แถวนี้เงียบมาก มากจนสามารถการันตีได้เลยว่าไม่มีใครแน่นอกจากฉัน แล้วไอ้บ้านเห็ดยักษ์นั่นก็อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ เอาวะ ! อยู่ตรงนี้ท่าทางจะไม่เวิร์ค งั้น ... เข้าไปเสี่ยงในนั้นเลยล่ะกัน !

    แอ๊ด ~

    >< ตื่นเต้นที่สุดในโลกเลย ! โอ้ว พระเจ้า ... ภายในห้องนี้ทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกเลยล่ะ ใบหน้าของฉันมีแต่รอยยิ้มที่สามารถมองแวบเดียวก็เห็นฟันจำนวนสามสองซี่ของฉันได้อย่างง่ายดาย เรื่องที่ฉันถูกตามล่าตอนนี้มันไม่ได้เข้ามาอยู่ในหัวของฉันอีกต่อไปแล้ว ภายในนี้เหมือนกับในนิทานของวอทดิสนีย์ไม่มีผิด ! สไตล์การตกแต่งหรูเลิศอลังการจนไม่อยากให้ฉันออกไปจากเจ้าเห็ดยักษ์นี้เลย ให้ตายเหอะ ... ฉันขออยู่ที่นี่แทนบ้านได้มั้ย !!!!!!

    ฉันปิดประตูอย่างเบามือก่อนที่จะค่อยๆ ย่องเข้าไปภายในเรื่อยๆ ที่นี่มันเป็นบ้านในสังกัดของวอทดิสนีย์แน่ๆเลย ! ยิ่งเข้าไปก็ยิ่งเหมือนว่าตัวเองใกล้เข้ามาอยู่ในโลกนิทานทุกทีๆ เมื่อเดินมาถึงหน้าบันไดก็อดไม่ได้ที่จะหยุดชะงักแล้วตรงดิ่งไปที่ตรงนั้นก่อนที่จะชโงกหน้าขึ้นไปมองว่าข้างบนมีอะไรบ้าง กรี๊ดดดดดดดดดดด ! ไม่ไหวแล้ว ฉันอยากจะอยู่บ้านนี้เหลือเกิน ให้ตายเหอะ ซาร่า !!!!!!!!!!

    หืม ... ทำไมในนี้มันเงียบชักกล ที่นี่ก็ดูสะอาดสะอ้าดเหมือนมีคนคอยทำความสะอาดเสมอนี่ เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะไม่มีคนอาศัยอยู่ แต่ถ้ามีคนอยู่จริงๆ ทำไมไม่ล็อกประตูไว้ล่ะ ? เอ สงสัยจัง เงียบเกินไปนะเนี่ย แต่ก็ดี ... จะได้มีอะไรให้ฉันได้ทำบ้างระหว่างรอเวลากลับบ้าน จะไปวนเวียนอยู่ข้างนอกคงจะระแวงน่าดู

    ฮ้า ~ หลังจากเดินสำรวจด้านล่างของเห็ดยักษ์นี่แล้ว ฉันก็มาป๊ะกับมุมมุมหนึ่งที่สวยเอามากๆ และยืนยันได้ว่าบ้านเห็ดยักษ์นี้น่าจะได้แรงบันดาลใจในการสร้างมันขึ้นมาเพราะเจ้านี่ ... โมเดลตัวละครของวอทดิสนีย์ ! ตู้โมเดลมันสูงและใหญ่มาก ๆ และเต็มไปด้วยโมเดลจนมองไม่เห็นที่ว่างเลย ถ้าฉันเป็นเด็กนะ ฉันจะกระโจนเข้าหาใส่เลยล่ะ แม้ว่ามันจะมีกระจกเป็นกรอบไว้ก็ตามที ขนาดฉันโตจนเกินคำว่าเด็กแล้ว ฉันไม่อยากจะบอกเลยว่า ตอนนี้ฉันกำลังเกาะอยู่หน้าตู้โมเดล !

    ร่ายสายตามองไปที่หุ่นแต่ล่ะตัวก็ยิ้มไปจนแก้มแทบปริ ขนาดร้านขายตุ๊กตายังมีขายไม่ครบเลยมั้งเนี่ย ถึงฉันจะไม่รู้ว่าตู้โมเดลนั้นมันมีตัวละครครบทั้งหมดของการ์ตูนวอทดิสนีย์หรือเปล่า แต่เท่าที่ประเมินดู ... มันเยอะมากเลยแหละ ท่าทางน่าจะมีเจ้าชายเจ้าหญิงหมดทุกตัวเลยนะเนี่ย

     หลังจากมองเจ้าหุ่นโมเดลนี่อยู่นานฉันก็กลับมายืนหลังตรงเหมือนเดิม ก่อนที่จะเท้าเอวแล้วมองไปรอบๆ ตัวเอง มีห้องไหนที่ยังไม่ได้เข้าไปสำรวจอีกน้า ... อา ! เหลืออีกสองห้องตรงนั้นนี่ ได้การล่ะ ... มาในที่แปลกๆ แบบนี้ทั้งที จะเดินมาดูแค่นี้ได้ยังไงล่ะ เลสโก !!!!!

    ฉันตัดสินใจเดินดุ่ม ๆ ไปที่ห้องแรกที่อยู่ซ้ายมือก่อน ว้าว ... ที่นี่เป็นห้องครัวที่ดูสวยและแหวกแนวมากที่สุดในความคิดของฉันเลย ยิ่งเห็นยิ่งอยากอยู่ สองเท้าของฉันก้าวไปข้างหน้าอย่างอัตโนมัติ สองมือก็อดไม่ได้ที่จะจับโน้นจับนี่ มือข้างขวาที่เดินแกว่งไปโดนโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากระโปรง ก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าควรจะถ่ายรูปเก็บเอาไว้นะก็เลยหยิบมันขึ้นมา ห้องนี้เป็นห้องที่ฉันประทับใจมากเลย ขอเก็บภาพหน่อยล่ะกัน

    แชะ

    จึ๋ย O_O ตกอกตกใจหมด ลืมปิดเสียงชัตเตอร์ได้ยังไงเนี่ย สงสัยเป็นเพราะเมื่อวานเครื่องดับแล้วไม่ได้ตั้งค่าแน่นอนเลย แถมเสียงยังก้องอีก ต้องรีบปิดซะก่อนละ มองซ้ายมองขวา อืม ... หวังว่าเจ้าของที่นี่คงจะไม่มาเห็นฉันหรอกนะ เมื่อปิดเสียงแล้วฉันก็เก็บภาพไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีความกังวลใด ๆ จนเมื่อมาถึงเจ้าตู้เย็นสีน้ำตาลที่ดูเหมือนทำมาจากไม้นี่ ขอเปิดดูหน่อยล่ะกันนะคะ

    *O*

    อา ... น้ำลายไหลเลยแฮะ ช็อกโกแลตที่วางซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ทำให้สายตาของฉันลุกวาวยิ่งกว่าไข่มุกใต้ทะเลซะอีก มันแลดูน่าหยิบเอากินมากเลยอ่ะ แต่ว่า ... ไม่เอาน่า เมม ไม่เอา ๆๆๆ ฉันละสายตาจากเจ้าช็อกโกแลตนั่นแล้วกวาดสายตาไปให้ทั่วตู้เย็น โห ... ของกิน หรือส่วนประกอบอาหาร พวกผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ หรืออะไรต่าง ๆ ที่สามารถทำอาหารได้ มีครบเลยแฮะ ชัวร์เลย มีคนอยู่แน่นอน แถมตู้เย็นยังมีไฟแล้วเย็นเชี๊ยบขนาดนี้ จากใจเลย ... ฉันอยากกินช็อกโกแลตตตตต

    ฟึ่บ

    ฉันปิดตู้เย็นโดยออกแรงกดอย่างกลั้นใจที่จะไม่เปิดมันออกมาใหม่แล้วเอื้อมมือไปหยิบเจ้าช็อกโกแลตนั่นมากินอย่างเป็นที่สุด ให้ตายเหอะ ... อะไรมันจะน่ากินขนาดนี้ ไม่ๆๆๆ ไม่นึกถึงแล้ว เดี๋ยวตะบะแตก ไปอีกห้องหนึ่งที่อยู่ขวามือดีกว่า

    กึก

    กึก ๆๆๆๆ

    ห้องนี้ได้ถูกปิดประตูเอาไว้พอจะบิดลูกบิดเข้าไปกลับบิดเปิดประตูไม่ได้แฮะ มันต้องมีอะไรแน่ๆ เลย เฮ้อ ~ ช่างเหอะ เมื่อมันเปิดไม่ได้ ก็ไม่อยากจะรู้ละว่าในห้องนี้มันมีอะไร แค่ได้เข้ามาดูข้างในก็เป็นบุญของฉันมาก ๆ แล้ว เมื่อคิดได้อย่างนั้นฉันเลยตัดสินใจเก็บรูปภายในเป็นที่ระลึกเอาไว้ สวยจริง ๆ แฮะ

    “ทำอะไรน่ะ”

    “ว้าย !!!!!!!!!

    ระหว่างที่กำลังถ่ายรูปอยู่นั้นเสียงนุ่มทุ้มน่ากลัว ๆ ก็ดังอยู่ข้างหลังฉันจนทำให้โทรศัพท์มือถือที่กำลังถืออยู่นั้นตกลงไปเลยทีเดียว ตายแล้ว ... อย่าบอกนะว่า เขาเป็นเจ้าของที่นี่น่ะ ฉันจะโดนแจ้งตำรวจในข้อหาบุกรุกอีกกระทงมั้ยเนี่ย แง ๆๆๆ

    “เธอมาทำอะไรที่นี่ ...”

    “เอ่อ ...” ทำอะไรไม่ถูกแล้ว คาหนังคาเขา ตำตากันเลยทีเดียว T^T

    “หันมานี่ !

    ร่างของฉันถูกสองฝ่ามือใหญ่จับหัวไหล่ทั้งสองข้าง ก่อนที่จะหมุนลำตัวของฉันให้กลับหลังไปเผชิญหน้ากับเขา          อ๋อย ~ ทำไมต้องหมุนกันแรงขนาดนี้ด้วยเนี่ย แต่พอสายของตัวเองได้ป๊ะกับโฉมหน้ากับเขาเท่านั้นแหละนะ ก็หายแปลกใจไปเลยทันที เพราะเขาคือ ... เฮดโฟนค่า ทู้กโค้นนนนนนนน เขาคือ เฮดโฟน แงๆๆๆๆ อุตส่าห์หนีไอ้สารวัตรนักเรียนมาได้ คิดว่าจะรอด สุดท้าย ... ฉันกลับเป็นฝ่ายมาหาเขาด้วยตัวเองเลยเหรอเนี่ย ม่ายน้า ~       

    “ฉันถาม ... ว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ !!!” ฝ่ามือหนาบีบต้นแขนของฉันจนรู้สึกจี๊ดเลย นี่เป็นครั้งแรกนะเนี่ยที่ฉัน ... ถูกผู้ชายแตะเนื้อต้องตัว เอ๊ย ! ตอนนี้เรื่องแบบนั้นไม่สำคัญหรอก สำคัญตรงที่ ... ฉันจะรอดจากน้ำมือเขามั้ยเนี่ย

    “คะ ... คือว่า ...”

    “เลิกอ้ำอึ้งซะที ! ฉันถามว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ !!!!

    หวา ... เฮดโฟนทำสายตาแข็งกร้าวพร้อมกับขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ฉันเรื่อย ๆ พร้อมกับแรงบีบที่ต้นแขนจนฉันทำได้แต่ทำหน้าเหยเกไม่สามารถปริปากพูดอะไรต่อไปได้ เข้าใจและเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างสนิทใจเลยว่า ... เฮดโฟนเขาเหมาะสมที่จะได้ฉายา ขาโหดจริงๆ ก็ดูเขาทำกับฉันสิ

    “โอ๊ยยยยยย”

    “ฉันไม่ได้อยากฟังเสียงครวญครางของเธอ ... แต่ฉันต้องการคำตอบของเธอว่า เธอ ! มา ! ทำ ! อะ ! ไร ! ที่ ! นี่ !

    “เข้ามาหาของกินนนนนนนนนนน !!!!!!!!!!!!!!!

    ฉันตะโกนดังลั่นและสุดเสียงเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองทนไม่ไหวแล้ว กับความเจ็บแปลบที่ต้นแขนทั้งสองข้างเลยตะโกนออกไปอย่างไม่ได้ผ่านการประมวลของสมองอันน้อยนิดของตัวเองเลยว่าคำพูดนั้น ควรจะพูดว่าอะไรดีกันแน่ เมื่อสิ้นสุดเสียงตะโกนของฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างก็ชะงักกึก แรงที่บีบต้นแขนก็หายเจ็บเหมือนกับถูกจับเฉย ๆ

    “นี่เธอกล้าตะโกนใส่ฉันเหรอ !!!

    “เอออออออออ !!!!!

    ผ่านไปไม่รู้กี่นาทีเมื่อฉันหลับตาตะโกน พอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาก็เห็นเฮดโฟนที่ชะงักกึกไปอย่างใกล้ชิดจนทำให้ฉันรู้สึกประหม่าไปช่วงหนึ่ง อา ... ให้ตายสิ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเฮดโฟน ... จะหน้าตาดีขนาดนี้ -////- แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เมื่ออีตาเฮดโฟนตะคอกใส่หน้าฉัน ทว่าแรงบีบมันไม่แรงเหมือนครั้งที่แล้ว แต่มันก็เจ็บไม่เบา ฮึ่ย ... ในเมื่อตะโกนไปเมื่อกี้ ก็ไม่ต้องไปกลัวแล้ว จัดเต็มไปเลย เมมโม !!

    “รู้มั้ยว่าที่นี่คือเขตต้องห้ามน่ะ”

    “จะไปรู้มั้ยเล่า ! ถ้ารู้ว่ามันเป็นเขตต้องห้ามฉันไม่เข้ามาหรอก”

    “แล้วเธอเข้ามาได้ยังไง”

    “ก็เปิดประตูเข้ามาดิ”

    “นี่เธอ !!!!! อย่ามากวนประสาทนะ กิตติศัพท์ของฉันเธอก็รู้อยู่”

    “แล้วไง” พร้อมกับทำหน้ากวนอวัยวะเบื้องล่าง ทั้งๆ ที่ในใจ ตูปวดแขนโว้ยยยยยยยยยยย

    “อยากลองดีใช่มั้ย เธอรู้จักฉันน้อยเกินไปซะแล้ว”

    “นายก็รู้จักฉัน ...” จู่ๆ คำพูดของฉันก็ชะงักขาดห้วงไปเมื่อในหัวของฉันมันก็คิดขึ้นมาได้ว่า ... อีตาเฮดโฟนยังไม่รู้ใช่มั้ยเนี่ยว่าฉันเป็นเคสนักโทษที่อาจารย์ฝ่ายปกครองได้มอบหมายมาน่ะ ฉันว่า ... มันต้องเป็นอย่างนี้แน่ๆ เลย เพราะดูท่าทางแล้ว เหมือนหมอนี่จะแค่สงสัยเฉย ๆ ว่าฉันเข้ามาในนี้ได้ยังไงเท่านั้นเอง ไม่ได้เชื่อมไปในเรื่องการทำโทษอะไรเลย

    “อะไร ... หน้าตาอย่างเธอ ฉันไม่รู้จักหรอก !

    “น้านไง !!!!!!! อุ๊บ OxO” ฉันยกฝ่ามือทั้งสองข้างขึ้นมาตะครุบปากตัวเองทันที เมื่อรู้ว่าตัวเองเผลออุทานออกไปอย่างลืมตัว คำเมื่อกี้ฉันควรอุทานในใจไม่ใช่เหรอ = = ไหงเผลออุทานมันออกมาเนี่ย น่าอายชะมัดเลย แต่ก็ดี ... นี่ก็เป็นเครื่องยืนยันสินะว่า ... อีตานี่ไม่รู้จริงๆ ว่าฉันเป็นเคสของเขา อิอิ

    “ยัยเอ๋อ ! ฉันว่า ... เธอเลิกต่อล้อต่อเถียงกับฉันดีกว่านะ ครั้งนี้ฉันจะไม่ทำอะไรเธอ แต่ถ้าฉันเจอหน้าเธออีก ... อย่าหวังว่าจะรอด” แล้วก็เพิ่มแรงบีบที่ต้นแขน โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย กระดูกจะหักแล้วววววว

    “สมมุติว่าฉันกำลังนั่งเรียนแล้วนายเดินผ่านไปอย่างเนี่ย นายไม่เข้ามาตั๊นหน้าฉันเลยเหรอไงเล่าฮะ ! ไอ้บ้า คนเรามันก็ต้องเห็นหน้าเห็นตากันบ้างล่ะ”

    “ฉันบอกว่าให้หุบปากแล้วเลิกต่อล้อต่อเถียงกับฉันไง !!!!!

    >_<

    “เห็นหน้าเธอแล้วไม่เท่าไหร่ แต่พอเจอปากของเธอเข้าไปนี่ ... ฉันอยากจะตั๊นหน้าเธออย่างที่เธอพูดจริงๆ ว่ะ” พูดพร้อมกับเงื้อมือขึ้นมาทำท่าจะต่อย อ๊ายยยยยยย ไอ้เถื่อนนนนนนน

    “อย่าน้าาาาา”  

    “งั้นก็จำไว้ ... ว่าอย่ามา เยอะกับฉัน !” เฮดโฟนว่าจบก่อนที่จะปล่อย (หรือผลักก็ไม่รู้) ฉันให้เป็นอิสระเหมือนเดิม    อีตานี่มันเถื่อนจริงๆ เลยอ่ะ ตอนที่เขาปล่อยฉันเหมือนกับจะผลักฉันให้ทะลุประตูและออกไปจากที่นี่ยังไงยังงั้นเลย กระดูกฉันจะต้องไปต่อไปที่โรงพยาบาลก็เพราะไอ้หมอนี่นี่แหละ ไอ้หูฟังเถื่อนนนนนนนนนน

    “ออกไปได้ล่ะ ก่อนที่ฉันจะลงไม้ลงมือกับเธอ” ลงไม้ลงมือ  ดูพูดเข้า หนูเป็นผู้หญิงนะคะ T^T

    “เอ่อ คือ ... ให้ฉันอยู่ที่นี่ก่อนได้มั้ยอ่ะ คือ ...”

    “บอกว่าให้ออกก็ออกไปเซ่ !!!!!!

    “กรี๊ด ! ><” เมื่อฉันเปิดปากร้องขอว่าอยากจะอยู่ที่นี่ต่อ อีตาเฮดโฟนที่หันหน้าไปทางอื่นก็หันมาตะคอกใส่ฉันทันที หมอนี่มันน่ากลัวทุกช็อตจริงๆ นะ อยากจะระบาย TOT ฮือ ~ ถ้าฉันออกไปข้างนอกก็ต้องไปนั่งตรงที่เดิมอีกล่ะสิ ไม่เอาอ่ะ ตอนนี้มันยังไม่สี่โมงด้วยซ้ำ พวกสารวัตรนักเรียนก็คงตามหาตัวฉันกันให้ควั่กเลย ฉันไม่อยากออกไปเร่ร่อนนะตอนนี้ ~

    “ฉันบอกแล้วไงว่า อย่าเยอะน่ะ !!!! เธอเป็นยัยบ้าคนแรกเลยนะที่กล้าลองดีกับฉัน !

    “ก็ ... ก็ฉันไม่อยากออกไปข้างนอกนี่นา”

    “เดี๋ยวมีกระทืบ ... ออกไปซะ ! ฉันบอกให้ออกไป ก็ออกไปเซ่ ! หรือว่า ต้องการรอยฟกช้ำก่อนออกไปฮะ” โฮดโฟนพูดจบก็กระโจนมาหาทันที แต่ฉันกระโดดหลบออกไปได้ทัน อีตายนี่ทำจริงเหรอเนี่ย โหดร้ายที่สุด !!!! แงๆๆๆๆ

    “โธ่ ... ฉันไม่เอาไปบอกใครหรอกน่า ว่าที่นี่เป็นที่ของนายน่ะ”

    “คนอื่นเขารู้กันหมดแล้ว ว่าที่นี่เป็นเขตของฉัน ไม่งั้นที่นี่ก็กลายเป็นพิธภัณฑ์ไปแล้วนะเซ่  ยัยเบ๊อะ อย่ามานอกเรื่อง ออกไปเดี๋ยวนี้ !!!!!!” แล้วตูจะเอาอะไรไปอ้างอีกวะเนี่ย ใกล้จะจนปัญญาแล้วนะ T_T

    “เอ่อ ... เดี๋ยวฉันทำความสะอาดที่นี่ให้ก็ได้นะ ” ข้ออ้างข้อสุดท้าย และท้ายสุดแล้วน้า ~

    “ที่นี่มันไม่ได้สกปรกโสมมเหมือนบ้านของเธอหรอกนะ ! จะอะไรกันนักกันหนาวะยัยคนนี้ เดี๋ยวก็ได้เป็นผีเฝ้าวิเฟอร์หรอก ! จะออกไปดีๆ มั้ย”

    “ไม่ ! T^T” ทำไมหน้าตาของฉันมันไม่แมตช์กับคำพูดเลยล่ะ แง ~

    “ได้ ...”

    เฮดโฟนพูดคำนั้นอย่างเบาหวิวและเย็นยะเยือกก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านในของตัวบ้าน ทิ้งให้ฉันยืนงงเต้กอยู่คนเดียวในห้องโถงนี้ รู้สึกใจไม่ดีเลยอ่ะ ในนี้ก็ติดแอร์นะ แต่ทำไมตัวฉันถึงได้ชุ่มขนาดนี้ อีตาบ้านั่นกำลังจะทำอะไรของเขาเนี่ยยยย การอยู่คนเดียวแบบนี้มันไม่ได้ทำให้ฉันดีขึ้นเลยน้า

    ตึกๆๆๆ

    “จะออกไปดีๆ มั้ยยยยยยยยยยยยย !!!!!!!

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด >O< !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    ฉันกรีดร้องดังลั่นพร้อมกับวิ่งออกไปจากบ้านหลังนี้ทันทีอย่างอัตโนมัติ เมื่อหันไปมองทางต้นเสียงก็พบกับเฮดโฟน ... ที่ในมือถือดาบสปาร์ต้าเล่มยักษ์พุ่งตรงมาทางฉันอย่างรวดเร็ว !!!! กรี๊ดดดดดดดดดด ป่าเถื่อนเป็นที่สุดเลย แงๆๆๆๆ วิ่งหนีไอ้บ้าสารวัตรนักเรียนไม่พอ นี่ยังต้องมาหนีไอ้บ้าหูไม่มีฟังอีกเหรอเนี่ย อย่างนี้น่าจะให้เขารู้นะว่าฉันเป็นเคสท์ของเขาน่ะ จะได้ไม่ต้องมาหวาดผวาและเหนื่อยแบบเน้ ~ กรี๊ด ! ไม่ยงไม่อยู่มันแล้ว ที่นี่มันสวรรค์บังตาชัดๆ ขนาดฉันเป็นผู้หญิงเขายังทำกับฉันขนาดนี้เลย ถ้าฉันเป็นผู้ชายล่ะ ให้ตายเหอะ ! ซาร่าาาา หนูไม่ไหวแล้ววววว

    “ในเมื่อไล่ดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้ส่งท้ายแบบนี้ก็ไม่บอก”

    “อย่าน้าาาา ออกป๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยย !!!!!!!

    ประมาณต้นไม้ที่ไม่ไกลจากรั้วหน้าบ้านเจ้าเห็ดยักษ์นี่ ฉันก็กรีดร้องมากยิ่งขึ้นพร้อมกับฝีเท้าก็เร่งจังหวะการวิ่งมากขึ้นไปกว่าเดิมด้วยเมื่อได้ยินเสียงเฮดโฟนที่ใกล้มากพร้อมกับปลายดาบสปาร์ต้าของเขาที่เกือบจะแท่งดิ่งเข้ามาที่แผ่นหลังของฉัน ให้ตายเหอะ ... เขาเป็นผู้ชายนะแล้วฉันเป็นผู้หญิงแถมเขายังสูงกว่าอีก ฉันวิ่งได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเลิศแล้ว ! สู้ตายล่ะ         ฮึ่ย !!!!!!!!!

    เมื่อมาถึงหน้าประตูรั้วฉันก็รีบเปิดทันทีเพราะไอ้เจ้าสปาร์ต้าอีกแค่สองสามเซนต์เท่านั้นมันก็จะมาถึงหลังฉันแล้วววววว จะโหดร้ายไปไหนค่ะเจ้าพ่อขาโหด TOT เอื้ออาทรแก่ฉันบ้างเหอะ ฉันเป็นผู้หญิงนะเฟ้ย ! เปิดประตูรั้วได้ปุ๊บฉันก็รีบวิ่งออกไปจากตรงนี้อย่างเร็ว เร็วมากกกกกกกกก แบบว่า ... ยิ่งกว่าสัตว์สี่ขาที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกอีก สาบานเลยว่าถ้ามีคนมาหาว่าฉันวิ่งช้า ฉันจะวิ่งเข้าชนมันเลยล่ะ ฮือ ~~~

    “ต้องให้ใช้กำลังกันสิน่า ... แล้วอย่าให้ฉันได้เห็นเธอเข้ามาในนี้อีกนะ !

    ไม่ต้องบอกฉันก็ไม่เข้าอยู่แล้วล่ะ สาบานเลย !!!!!!!! ถ้าฉันรู้ว่าที่นี่เป็นเขตหวงห้ามของนายฉันไม่เข้าไปหรอกย่ะ ถึงภายนอกและภายในจะสวยมากจนทำให้ฉันไม่อยากออกมาจากในนั้นก็ตามที แต่พอมาเจออสูรอย่างนายฉันล่ะขอบาย ! โหดชะมัดยาด วันนี้กลับบ้านถ้าน้ำหนักฉันลดไม่ถึงห้าโล ฯ นะ ฉันพังกิโลชั่งน้ำหนักแน่ แฮ่ก ๆ

    ในที่สุดความหวังของฉันก็มาพังลงเมื่อต้องมาสิงสถิตอยู่ที่เดิม T^T มองดูไปที่นาฬิกาก็พึ่งจะสี่โมงเอง เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงสินะ จะให้ย้ายที่ไปนั่งอยู่ตรงอื่นก็คงไม่ได้อีกแล้วอ่ะ เพราะตรงนี้ดีที่สุดแล้ว ไปอยู่ตรงนั้นก็ใกล้เจ้าของบ้านเห็ดนรกนั่นอีก บรึ๋ย ~ นั่งไปนาน ๆ เข้าฉันก็ชักง่วงแล้วอ่า บรรยากาศเงียบ ๆ ลมพัดเย็นสบาย แถมตรงนี้ก็ไม่ได้สกปรกอะไร ง่วงแล้วนะเนี่ย สงสัยใช้พลังงานในการวิ่งเยอะเกิน

    ฮ้าววววววววว

    ~

     “กรี๊ดดดดด”

    ที่ฉันปล่อยกรี๊ดออกมาเนี่ยไม่ใช่เพราะเสียงโทรศัพท์มือถือที่แผดดังลั่นหรอกนะ แต่เป็น ... คนที่กำลังถือโทรศัพท์มือถือฉันอยู่ ต่างหาก ! อีตาบ้าหูไม่มีฟังนั่น ได้ถือโทรศัพท์มือถือฉันอยู่ในอุ้งมือของเขา ! แถมยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันซะชิดมากจนแก้มเกือบจะติดกันอยู่แล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันหายสะลึมสะลือพร้อมกับเด้งตัวให้ออกห่างจากเขา ให้ตายเหอะ ฉันลืมโทรศัพท์มือถือเอาไว้ในนั้นตอนไหนเนี่ย แงๆๆๆ ฉันต้องโดนอีตาบ้านี่ฆ่าแน่ๆ เลย

    “นี่เธอ ! จะแหกปากทำไมฮะ อ่ะ ... ฉันเอาโทรศัพท์มือถือมาคืนให้ พอดีได้ยินเสียงมันดัง เห็นเธอมานั่งอยู่ตรงนี้เลยเอามาคืนน่ะ”

    “มะ ... ไม่ได้จะมาฆ่าฉันเหรอ” ถ้าฉันเป็นเต่านะ หัวคงหดเข้าไปในกระดองจนแทบจะไม่เห็นหัวเลยล่ะ

    “เฮอะ ... ถ้าคนที่วิ่งหนีฉันเมื่อกี้ไม่ใช่เธอ มันคงตายไปนานแล้วล่ะ ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะวิ่งเร็วขนาดนี้ อ่ะ รับไปซะทีสิ ฉันขี้เกียจฟังเพลงของเธอแล้ว”

    =_____=

    “จะเอามั้ยเนี่ย ไม่งั้น ฉันปาทิ้งนะ รำคาญว่ะ”

    “เฮ้ยยยยยยยย อย่าๆๆๆๆๆ” เฮดโฟนพูดพร้อมกับทำท่ายกขึ้นจะปาทิ้งจริง ๆ ด้วยสัญชาตญาณที่โคตรจะหวงของ ฉันเลยกระโจนไปแย่งโทรศัพท์มือถือจากเขามา โอย ... ฉันต้องใจหายทุกครั้งสิน่า เมื่อมาเจอเขาเนี่ย

    “นายนี่มัน ... เถื่อนที่สุดเลย !” ฉันว้ากใส่เขาเมื่อได้โทรศัพท์มือถือคืนมาอย่างโมโห แต่คนโดนว้ากกลับคลี่ยิ้มกวนบาทาก่อนที่จะลุกขึ้นยืน (อย่างหล่อ ๆ)

    “จะถือว่าเป็นคำชมล่ะกัน ^^ โทรศัพท์มือถืออ่ะ รับซะทีสิ” ฉันมองไปที่โทรศัพท์มือถือก่อนที่จะมองดูที่หน้าจอ

    โซน

    “ว่า” เมื่อกดรับสายฉันก็ส่งคำสั้น ๆ พอให้รู้ว่าเป็นฉันที่เป็นคนรับสาย ฉันนี่แปลกเนอะ เวลารับสายใครแล้วชอบทักแค่คำสองคำ

    [ยัยเมม ! แย่แล้ว ๆๆ]

    “อะไร ๆๆ ใจเย็น ๆ ก่อนสิโซน” ฉันรีบพูดเรียกให้โซนได้สติทันที เพราะเสียงชีตื่นซะจนฉันเกือบปาโทรศัพท์มือถือทิ้งลงกับพื้นแล้ว -_-

    [ก็ตอนนี้ ... ห้องปกครองเขาถึงกับประกาศตามหาตัวแกแล้วน่ะสิ ถามยังบอกด้วยนะว่า ถ้ามีใครตามเจอให้พามาที่ห้องปกครองเลยอ่ะแก]

    “แล้วมีคนรู้มั้ยเนี่ยว่าแกโทรหาฉัน”

    [ถ้ารู้ แกก็คงไม่ได้ยินเสียงฉันหรอก ตอนนี้ฉันยังเสียวสันหลังอยู่เลยเนี่ยแก]

    “แล้วรู้มั้ยว่า ... พวกสารวัตรนักเรียนเขาอยู่กันที่ไหนบ้างอ่ะ” เริ่มมีลางสังหรณ์แล้วดิ ว่า ... พวกสารวัตรนักเรียนจะมาป่วนเปี้ยนแถวนี้ อ๊ายยยยยย ไอ้หัวบ้า แกไม่มีอะไรจะคิดอย่างอื่นได้แล้วหรือไงเนี่ย แงๆๆๆ

    [โหย ~ ตอนนี้แยกไปทั่วโรงเรียนเลยอ่ะ]

    “แล้วตอนนี้สารวัตรนักเรียนอยู่ตรงไหนกันบ้างแกพอจะรู้บ้างมั้ย”

    [ที่ฉันรู้เหรอ อืม ... ก็ ตรงแถวลานอัฒจรรย์นั่นแหละ อ้อ ... แต่เห็นพวกพี่เขาพูดกันว่าจะไปตามหา แถวหลังโรงเรียน ไอ้ตรง ... เอ่อ ... เอ่อ ... เขตต้องห้ามของเฮดโฟนอ่ะ]

    “บ้านเห็ดยักษ์ใช่ป่ะ”

    [อืม เอ๋ ... แล้วแก ...]

    “เหวแล้ว ... แค่นี้ก่อนนะแก”

    ฉันรีบวางสายทันใดเมื่อได้รู้ว่าพวกสารวัตรนักเรียนจะมาทางนี้อย่างที่เริ่มรู้สึกได้ ... ให้ตายสิ ถ้าพวกนั้นมาอาจจะตามหาฉันไม่เจอก็จริง แต่ตอนนี้มันก็ใกล้จะสี่โมงครึ่งแล้วนี่ ฉันว่า ... ฉันออกไปจากที่นี่ดีกว่านะ เสียวหลังยังไงก็ไม่รู้

    “อ้าว ... ไปซะแล้ว เอ๊า แล้วจะไปนึกถึงทำไมเนี่ย ไปได้ก็ดีแล้ว เฮ้อ ~

    เมื่อหันกลับไปมองที่เดิมก็ไม่เห็นเฮดโฟนแล้ว ไอ้เราก็คิดว่าจะอยู่เสียมารยาทฟังคนอื่นเขาคุยโทรศัพท์ซะอีก แต่ก็ดีอ่ะ เดี๋ยวมาถามอีกว่าพูดถึงสารวัตรนักเรียนทำไม อย่างโน้นอย่างนี้ เฮอะ นึกถึงอีตาบ้านั่นแล้วก็ปวดตับ ... เลิกพร่ำถึงหมอนั่นแล้วมานั่งคิดเรื่องของตัวเองก่อนดีกว่าว่าควรจะทำยังไงดี ... เอ อยู่ตรงนี้ดีมั้ยนะ หรือจะออกไปจากตรงนี้ดี ??? โอย ทำอะไรไม่ถูกแล้ว

    ติ๊กต่อง ติ๊กต่อง ติ๊กต่อง เกร๊งงงง เสียงระฆังในหัวฉันดังขึ้นเมื่อตัวเองนั่งคิดอยู่นานว่าจะเอายังไงดีกับชีวิต ... โอเค  ตกลงว่า ฉันจะนั่งจำศีลอยู่ตรงนี้ล่ะนะ ออกไปก็เสี่ยงกว่าเยอะ ไม่ใช่ว่า ... ไอ้บ้าสารวัตรนักเรียนนั่นไปถามอีตาเฮดโฟนว่าฉันอยู่ไหนอีกนะ แล้วอีตาบ้านั่นถึงจะเป็นเจ้าของเคสแต่ก็คงไม่รู้เรื่องอะไรหรอก ก็คงบอกไปว่าฉันสิงสถิตอยู่ที่นี่ ! กรี๊ด ! อีกแล้ว อีกแล้ว อีกแล้ว ! ยัยเมมโม ทำไมหัวสมองของเธอมันคิดแต่เรื่องอันตรายกับตัวเองแบบนี้วะเนี่ย แง้ ~~

    สิบนาทีผ่านไปโดยประมาณ

    อยากจะบอกว่าตอนนี้ฉันกำลังนั่งอัพสเตตัสของตัวเองในเฟสบุ๊คผ่านโทรศัพท์โทรศัพท์มือถืออยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างสนุกสนานสำราญใจค่า ^O^ ทั้งๆ ที่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฉันจะออกไปจากที่นี่ได้สักที T^T ก็มันไม่มีอะไรทำนี่นา นั่งระแวงไปก็ไม่ดี จะหน้าด้านกลับไปที่บ้านเห็ดยักษ์นั่นก็ไม่เอาหรอกเดี๋ยวได้ตายกันพอดี มันก็ต้องคลายเครียดกันหน่อยล่ะ

    ตึกๆๆๆๆ

    O_O

    “แฮ่ก ๆๆ หามาเกือบจะทั่วโรงเรียนแล้ว ยังไม่เห็นเลยเหรอ”

    “อืม ยังไม่มีวี่แววอะไรเลยอ่ะ ยัยนี่หาที่ซ่อนเก่งชะมัด”

    “อาจารย์ก็อะไรก็ไม่รู้ พอรู้ข่าวว่ายัยนั่นหนีไอ้พีลไปได้ ก็ให้ตามหากันใหญ่เลย เหนื่อยโว้ยยยยยยยยยย วุ้ย !

    “ฮึ่ย ... ทำยังไงได้วะ คนที่แกน่าจะตามไปกระทืบก็คือไอ้หอกพีลโน้น ที่มันเลือกเราให้เป็นสารวัตรนักเรียนน่ะ          เวรจริง ๆ”

    “บ่นไปก็ไม่ได้อะไร ตรงนี้ทุกคนวอ มาบอกว่า ยังไม่มีใครมาตามหา งั้น ... ลุยเลย”

    “โอเค จัดไป ! ถ้าตรงนี้ไม่ได้ค่อยไปรายงานกันอีกที”

    การกระทำของฉันชะงักค้างไปแล้วตั้งแต่ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เนี่ยล่ะ มือที่กำลังกดปุ่มโทรศัพท์มือถืออยู่ก็ค้างไว้ สายตาที่ก้มมองที่หน้าจอก็เงยขึ้นมองไปทางตรง หูก็ผึ่งฟังในสิ่งที่ผู้มาเยือนสนทนากัน ... แล้วพอพวกเขาพูดจบฉันก็เก็ทเลยว่า ... พวกมันมาแล้ว ! จากนั้นเสียงฝีเท้าแล้วเสียงแหวกต้นไม้ก็ดังไม่หยุด เอาไงดี ... คงต้องนั่งเสี่ยงดวงอยู่ตรงนี้ล่ะมั้ง แล้วก็ภาวนาว่า ... อย่าให้ไอ้พวกนั้นสะเออะไปถามอีตาเฮดโฟนเล้ย สาธุ >/\<  

    “เจอมั้ยวะ”

    “ไม่เจอว่ะ” 

    “ฮึ่ย อะไรว้า ... หากันทั่วแล้วนะเว้ย”

    “ทั่วบ้านป๊ะแกดิ ยังไม่สุดทางเลย ไอ้หอกหัก !

    “อ๋อเหรอ ... สงกะสัยตาจะลาย แกนี่ด่าฉันไม่ซ้ำคำจริง ๆ นะ แสรดดดด”

    “เพราะแกมันเบ๊อะ ! อย่างนี้ไง ฉันถึงด่าเพื่อเตือนสติแกน่ะ”

    “แหมๆๆๆ ทำเป็นหาข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองดูดี ทุ้ย !

    “เลิกบ่นแล้วหาไปซะ ไอ้กะโหลกเป็ด !

    Shittttttttttt !!!!!!

    เสียงของผู้ชายสองคนทะเลาะกันเริ่มเข้ามาใกล้ฉันเรื่อย ๆ ทุกที ... ขอให้หาฉันไม่เจอเถอะ ถึงแม้ว่าจะนั่งอยู่อย่างนี้โดยไม่ภาวนาอะไรพวกเขาก็ไม่น่าจะเห็นฉันอยู่แล้ว แต่ว่าตราบใดที่โลกใบนี้ยังหมุนอยู่ ... อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น  แล้วฉันก็เริ่มชักจะเกลียดคำคำนี้ซะแล้วสิ L เพราะอะไรไม่รู้ มันทำให้ฉันเริ่มรู้สึกเสียวสันหลังมากขึ้นเรื่อยๆ อย่าแตกตื่นสิยัยเมม เธอต้องรอด เธอต้องรอด เธอต้องระ ...

    “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด”

    ระหว่างที่ฉันกำลังหลับตาพยายามจะทำใจให้สงบดั่งสายน้ำที่หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวนั้น ฉันก็รู้สึกเจ็บแปลบอย่างรุนแรงที่ข้อเท้าของตัวเองมากจนต้องปล่อยกรี๊ดออกมาอย่างทนไม่ได้ พอมารู้ตัวอีกทีก็ ซวยแล้วไง TOT ซวยจริง ๆ ซวยมาก ๆ ไอ้แมวบ้า ! แกจะมานึกกัดข้อเท้าฉันทำไมอีตอนนี้เนี่ย !!!! ไอ้แมวนรก ! ด้วยเสียงกรี๊ดแปดหลอดของฉันก็ทำให้สารวัตรนักเรียนที่กำลังตามหาฉันอยู่นั้นหันมาทางฉันทันที แล้วพวกเขาก็คงจะรู้แล้วสินะว่า ... ฉันอยู่ตรงนี้ แงๆๆๆ TT^TT แล้วจะอยู่สร้างประสาทให้พระราชามาอยู่ทำไมคะ วิ่งสิคะ วิ่งงงงงงงงงง Run Run Runnnnnnnnnnn !   

    “เฮ้ย นั่นไง เจอแล้ว !!!!!!!!!

    “จะหนีไปไหน ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ !!!!!!!!!!!

    จะหยุดตามที่แกห้ามให้โง่สิยะ ! เวลานี้ฉันไม่หยุดอะไรทั้งนั้นแหละ วิ่งอย่างเดียวแล้วทีนี้ ขาทั้งสองข้างของฉันวิ่งอย่างเร็ว แต่ไม่เท่ากับที่วิ่งหนีอีตาเฮดโฟนนั่นหรอกนะ อันนั้นฉันกลัวสุดขีดเลยล่ะ คนกำลังจะโดนฟันนะว้อยยย จะช้าอยู่ใย ผ่านวันนี้ไป ฉันจะไปยื่นใบสมัครเป็นนักวิ่งมาราธอนของประเทศไทยเลย ! หนึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาฉันวิ่งจนขาจะฉีกแล้วเนี่ยยยยย จะไล่ตามกันไปถึงหนายยยยยยยยย แล้วไอ้โรงเรียนนี่ก็ดันกว้างใหญ่ไพศาลซะด้วยสิ

    ปั้ก !!!!

    “โอ๊ยยยยยย” ระหว่างที่กำลังสับขาหลอก (?) วิ่งหนีพวกสารวัตรนักเรียนจอมเกรียนนั่น ก็ดันไปชนกับใครก็ไม่รู้อ่ะ ที่แน่ ๆ เขามีร่างกายที่กำยำมากกว่าฉันแน่นอน เพราะหลังจากที่ชนแล้วตัวฉันก็เด้งกลับมาประมาณสองก้าว แล้วก็เจ็บตรงที่ดั้งของตัวเองมาก วิ่งมาราธอนไม่พอ ดั้งฉันยังต้องมาหักอีกเหรอ อ๊ากกกกกกกกกกกกกก (กรีดร้อง)

     “โอย ... จะรีบไปตกเหวที่ไหนวะ ! ฮึ่ย ... จุกชะมัด นี่เธอ ! เฮ้ย ...” สองมือที่กำลังคลำจมูกป้อย ๆ อยู่นั้นก็ต้องชะงักกึกไปทันใดเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินมาก่อน แต่พอฉันกับเขาป๊ะหน้ากันก็เก็ทเลยทีเดียวว่าฉันชนกับใครเข้า ... เฮดโฟน ! ให้ตายเหอะ ... จะให้ชนคนอื่นไม่ได้หรือไงฮะ ทำไมต้องให้ฉันมาชนกับอีตานี่ด้วย ในเวลาแบบนี้ !

    “เฮ้ ! จะรีบไปไหนล่ะ ขอโทษฉันก่อนเซ่ !” พอฉันทำท่าจะวิ่งต่อ เขาก็รั้งแขนฉันไว้ทำให้ฉันที่กำลังเร่งสปีดที่เท้าแทบจะหงายล้มตึงเลยทีเดียว ถ้าไม่ใช่คนอื่นมารั้งไว้นะ ป่านนี้ฉันไปไกลแล้ว แล้วอีตานี่ยิ่งโคตรจะแข็งแรงซะด้วยสิ จะมานึกถึงคำขอโทษอะไรตอนนี้ ~

    “อะ ... เออ ! ขอโทษ !”ฉันพูดแบบห้วน ๆ แล้วจะวิ่งไปต่อ แต่อีตาบ้านี่กลับรั้งเอาไว้อีก จะรั้งตูทำไมคะ ก็ขอโทษไปแล้วนี่ ... เห็นท่าทางของฉันก็รู้ว่าตอนนี้ ... ฉันรีบ !!!!!

    “อะไรนะ ... จะพูดขอโทษทั้งทีให้มันดี ๆ หน่อยเด้ พูดใหม่ดิ”

    “เรื่องมากว่ะ”

    “อะไรนะ”

    “ขอโทษค่า ~~~” ฉันเสแสร้งขอโทษเขาไปตามที่เขาต้องการ ก่อนที่จะเร่งฝีเท้าชิ่งออกไปเลยอย่างรวดเร็ว แล้วในที่สุด ... ฉันก็รอดพ้น ซะเมื่อไหร่เล่า !!!!!! ตอนนี้มันยิ่งกว่าเมื่อกี้นี้อีก เพราะไอ้บ้าเฮดโฟน เขาเล่นรั้งฉันด้วยการกอดคออย่างแน่นหนาเลยอ่ะ แง ๆๆๆ นึกจะมาสวาทอะไรกับช้านนนนนนนนนน

    “นี่ ! ปล่อยนะ !!!!!” ฉันตะคอกก่อนที่จะพยายามแงะแขนเขาออก ทว่าก็ไม่สำเร็จเพราะแขนของเขา ... หนามาก และแน่นมาก L

    “ฉันเกลียดคนเสแสร้งเป็นที่สุด” เขากระซิบของหูฉันเบา ๆ ทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่ออกมาจากลมหายใจของเขา ถึงเหตุการณ์ในตอนนี้มันจะเสี่ยงขนาดไหน แต่ฉันก็รู้สึกสยิวนะที่มีคนมาทำแบบนี้ ! เกิดมายังไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลยนะเจ้าคะ แต่แทนที่ฉันจะเขิน ฉันกลับ ... รู้สึกกลัวมากกว่า

    “ฉันก็ขอโทษไปแล้วไง ! ปล่อยน้าาาา” ฉันกรีดร้องดังลั่นแล้ว ... เขาก็ไม่ยอมปล่อยอีกอ่ะ หูแกหนวกหรือแกเอาอะไรมายัดหูวะเนี่ย เจอเสียงขนาดนี้แล้วยังไม่ปล่อยฉันอี๊กกกกกกก

    “โอ๊ย ! เธอก็ขอโทษฉันดี ๆ สิ ... หูจะแตกหรือเปล่าวะเนี่ย”

    ตึก ๆๆๆ

    เสียงฝีเท้าทำให้ฉันชะงักลงอีกครั้ง พร้อมกับเงยหูฟังกับเสียงที่จะตามเสียงฝีเท้ามา ใช่หรือเปล่านะ

    “นั่นไง ...”

    “อะไร ... เจอแล้วเหรอ”

    “บ้านแกดิ ... พี่เฮดโฟนไง ยัยนั่นอาจจะวิ่งไปทางนั้นก็ได้ ลองไปถามพี่เขาดูมั้ย พี่เขายังไม่รู้เรื่องนี้เลย”

    “เข้าไปถามแล้วไม่กลัวโดนกระทืบหรือไง”

    เมื่อได้ฟังเสียงแล้วก็ ... ใช่เลย ใช่แน่ ๆ พวกมันมาถึงตรงนี้แล้ว ! แต่ยังไม่เห็นฉันเพราะเฮดโฟนหันมา เอ่อ ... รัดคอฉันอยู่ =_= และนั่นเองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันดิ้นสุดฤทธิ์เพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา เพราะฉันรู้ว่า ... เขาเองต้องหันไปหาพวกสารวัตรนักเรียนแน่ ๆ เพราะเขาเองก็น่าจะได้ยินในสิ่งที่สองคนนั้นพูดเหมือนกัน แล้วอย่างที่คิด ... เขาก็ยื้อยุดฉุดกระชากลากถูฉันให้หันตามเขาไปด้วย และแล้วมันก็ สำเร็จ แงงงงงงงงงงงง ไอ้ใจลูกหมา !!!!!!!!!! 

    “มีอะไรกันเหรอ ไอ้น้อง ... มีอะไรจะถามฉันเหรอ” เขาคงไม่ถามแกแล้วแหละ ไอ้หูเน่า !!!!!!!!!!!

    “เหอะ ๆๆ เจอพอดีเลยแหละครับ ... ผมคงไม่มีอะไรจะถามแล้วล่ะครับนอกจาก ...”

    “อย่าเว้น ... ไม่ชอบ -______-” มีดุ

    “ผู้หญิงที่พี่กำลังกอดอยู่น่ะ คือรีเควสต์จากอาจารย์มารชัยน่ะฮะ ในข้อหา มีเจตนาที่จะทำมิดีมิร้ายกับนักเรียนหญิงที่อยู่ในโรงเรียน โดยการถือ ... เจ้านี่มาน่ะฮะ”

    หมดเปลือก !!!!!!

    ไวเบรกเตอร์ที่คุ้นเคย ... (กรีดร้อง)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×