ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The winner อัธพาลร้ายลวงหัวใจยัยนักโทษ (แก้ไขเสร็จแล้ว)

    ลำดับตอนที่ #11 : 10 : ปัญหา มันเยอะเกินไปมั้ย

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 55


    10

    ปัญหา มันเยอะเกินไปมั้ย =___=

    ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่แล้ว ที่ร่างสูงเจ้าของฉายา ขาโหดแห่งวิเฟอร์ ฯ ต้องมานอนแบ็บอย่างฟุ้งซ่านแบบนี้ ...

    ตามจริงเวลานี้เขาต้องกำลังนั่งสังสรรค์กับเพื่อนเรื่องสัพเพเหระสนุก ๆ ที่คฤหาสน์ของเพื่อนจอมรวยที่นั่นสิหรือไม่ก็ออกไปหาเรื่องคนบ้าง ไม่ใช่มานอนก่ายหน้าผากแล้วมัวแต่นึกถึงใบหน้าน่ารักนั่นแบบนี้ ภายในอกของเขามันเต็มไปด้วยความฟุ้งซ่านอยู่เต็มไปหมดแต่มันก็ปนเจือไปด้วยจังหวะแปลก ๆ ของก้อนอกด้านซ้ายจนอยากจะเอาสปาตาร์มาแทงเข้าให้สักทีเผื่อมันจะดีขึ้น ...

    แต่มันคงไม่ใช่วิธีที่ดีแน่ ๆ ล่ะ -_- ++

    เฮดโฟนคิดจะออกไปข้างนอก แต่ก็ออกไปไม่ได้เพราะ ... เขาไม่ได้อยู่ภายในบ้านเพียงคนเดียว ซ้ำเขาเองที่ยังพา คนนอกบ้าน อย่างเธอเข้ามาเองอีก จะให้ทิ้งเธอไว้ที่นี่แล้วออกไปเสวยความสุขคนเดียวได้ยังไงกัน ที่สำคัญ ... ถ้าปล่อยเธอไว้คนเดียว มันคงไม่ดีแน่โดยเฉพาะเรื่องความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอเริ่มเปลี่ยนไป

    ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป !?

    เฮดโฟนยกมือขึ้นมาตบที่หน้าผากตัวเองเป็นรอบที่ร้อยแต่แรงกว่าทุก ๆ ครั้งที่ไอ้คำว่า ความรู้สึกที่เริ่มเปลี่ยนไป มันผุดขึ้นมา ไม่หรอกน่า ... อาจจะเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบก็ได้ที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้น่ะ คนตัวสูงสะบัดหัวไปมาหลายหนก่อนที่จะลุกขึ้นจากโซฟาไปอาบน้ำที่ชั้นบน

    แอ๊ด

    หลังจากที่เดินมาถึงที่ห้องนอนของตัวเองเหมือนคนไร้สติ เฮดโฟนก็เปิดประตูห้องเข้าไปภายในแล้วภาพตรงหน้าภายในห้องนั้นก็ทำให้เขาอีกตะลึงชะงักค้างกลางอากาศ ความคิดที่กำลังพรั่งพรูออกมาในหัวหายวับไปทันที แทนที่ด้วยอาการร้อนผ่าวที่ใบหน้า กับหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะจนน่าโมโห ...

    ผ้าห่มก็มี ทำไมไม่เอามาห่มล่ะ !!!!!!!

    คำพูดในใจนั้นดูเหมือนว่าเขาจะหงุดหงิดกับภาพเบื้องหน้าไม่น้อย แต่สายตาของเขาก็ไล่มองร่างบางที่กำลังนอนขดตัวไม่ห่มผ้าอยู่ ตั้งแต่ใบหน้าเรียวเล็กไปจนถึงท่อนขาอันสวยเรียวที่ไม่สามารถจะเห็นได้ง่าย ๆ จากผู้หญิงทั่วไป แถมในหัวของเขาก็ยังนึกภาพที่กำลังจะ ...

    “ฮึ่ย !!!!!” เฮดโฟนสบถและส่ายหัวแรง ๆ จนมึนหัวทันทีเมื่อความคิดบ้า ๆ นั่นแวบเข้ามาในหัว เขารีบเข้าไปคว้าผ้าห่มที่อยู่ปลายเท้าเธอมาห่มให้เธอทันที ก่อนที่จะชะงักค้างเมื่อสายตาของเขาดันมาอยู่ใกล้ ๆ กับใบหน้าของเธอยามเวลาหลับนั่น ... หัวใจเขาเต้นจนจะกลายเป็นระเบิดปรมาณูอยู่รอมร่อเมื่อมองไปที่ริมฝีปาก ขนตางอนยาว กับผิวใบหน้าที่ไม่มีสิวผุดขึ้นมาเลยสักเม็ดเดียวของเธอ พอจะเอื้อมมือเข้าไปแตะนั้น เขาก็ชักมือกลับมาหาตัวเองทันที ก่อนที่จะผละสายตาจากใบหน้าของเมมโมแล้วตรงไปหยิบเสื้อผ้าที่เป็นชุดนอนสำหรับเขาในคืนนี้เพื่ออาบน้ำนอน เฮ้อ ~ ตอนนี้เขารู้สึกแปลก ๆ จนไม่สามารถอธิบายเป็นลายลักษณ์อักษรได้เลยแหละ  

    ถ้าคนที่มาเห็นไม่ใช่เขาล่ะก็ ... เธอจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ !!!!!

     

    ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาทันที หลังจากรู้สึกว่าโทรศัพท์มือถือที่ถูกตั้งปลุกได้สั่นจนลำตัวต้องสั่นตาม มองไปรอบ ๆ ที่ตอนนี้กำลังมืดจนไม่เห็นอะไรเพื่อให้สายตาของตัวเองปรับตัวได้ พอฉันเอื้อมมือไปทางขวา ฉันกลับรู้สึกแปลก ๆ เหมือนสิ่งที่กำลังแตะอยู่ไม่ใช่เตียงนอน แต่เป็นเหมือน ... ท่อนแขนของคน !

    O_O

    อาการที่กำลังสร่างตื่นใหม่ ๆ กลายเป็นตกใจจนตื่นไม่มีความงัวเงียเป็นที่เรียบร้อย หัวใจรู้สึกโหวงจนเสียวสันหลังเมื่อในหัวคิดว่าข้าง ๆ ฉันมันเป็น ...

    ฉันทำใจกล้าเอาหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่คว้ามาได้แล้วกดปุ่มจนมันมีแสง ก่อนที่จะค่อย ๆ หันไปทางขวาอย่าง       หวาด ๆ พอมองไปตามแสงเท่านั้นแหละ ความตกใจเมื่อกี้มันก็เพิ่มทวีคูณเข้ามาเป็นเท่าตัว !

    ฮะ ... เฮดโฟน !

    เขามานอนอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกัน !

    ฉันเบิกตาโพลงมองคนตรงหน้าอย่างงงงวยปนตกใจที่เห็นเขามานอนอยู่ตรงนี้ ไหนบอกว่าเมื่อคืน ... เขาจะนอนข้างล่างไงล่ะ ไหงพอตอนตื่นมาดันมาเห็นเขามานอนข้าง ๆ ฉันซะได้เนี่ย ! สงสัยว่าเมื่อคืน ตอนเขาออกไปเขาไม่ได้ล็อกห้องให้ฉันแหง ๆ เลย ไอ้คนชอบลักหลับ !

    ลักหลับ ?

    พอนึกคำนั้นขึ้นมาได้ฉันก็นำมืออีกข้างที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์มือถือลูบคลำที่ลำตัวของตัวเองทันที ก็พบว่า ... ไม่มีอะไรเคยถูกถอดหรือปลดออก ฉันเป็นคนที่เวลาหลับถูกอะไรแตะหน่อยก็ตื่นแล้ว แต่ถ้าเขาลักหลับฉันจริง ๆ มันก็ต้องมีความรู้สึกแบบ ... อย่างนั้นน่ะสิ ทว่าตอนนี้ฉันยักไม่มีความรู้สึกนั่นแฮะ แล้วเซ้นส์ฉันมันก็ไม่ได้บอกด้วยว่าเขาได้ทำอะไรอย่างว่ากับฉันไว้

    โอเค ... ฉันจะไม่คิดว่าเขาลักหลับล่ะกันนะ -_-^^

    อาการที่กำลังระแวงและกังวลหายไปเมื่อฉันหาข้อสรุปให้ตัวเองได้ว่าเฮดโฟนไม่ได้ทำอะไรแต่อย่างใดกับร่างกายของฉัน เงยสายตาไปตามแสงก็พบกับใบหน้าที่แสนจะดูดีนั่นหลับตาพริ้มนอนอยู่ จู่ ๆ ความคิดที่ว่า ... เกิดมาไม่นึกว่าจะได้นอนกับคนหน้าตาดี ๆ แบบนี้ก็แวบเข้ามาในหัว ถึงตามจริงฉันจะเจอกับคนหน้าตาดีไปทั่วแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้เจอกับคนหน้าตาดีแบบนี้มานอนอยู่ข้าง ๆ เหมือนตอนนี้หรอกนะ

    ไม่รู้ว่าเพราะอะไรฝ่ามือของฉันมันกำลังจะเอื้อมมือขึ้นจะไปสัมผัสใบหน้าที่ไร้ที่ตินั่น อา ... ไอ้อาการหัวใจเต้นโครมครามนี่ มันกำเริบตั้งแต่เช้าเลยเหรอเนี่ย แย่จัง ... มันไม่ดีเอาซะเลย เขาก็เป็นคนเหมือนกันล่ะน่า ทำไมมันถึงมีอาการแบบนี้ไปได้ล่ะ

    พรึ่บ

    โคมไฟที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงถูกเปิดทันที ทำให้ฉันชะงักการกระทำทุกอย่างค้างไว้ ทั้ง ๆ ที่คนตรงหน้าก็เริ่มปรือตาขึ้นตื่นแล้ว พอจะเอามือลงเพื่อไม่ให้เขารู้ว่าฉันกำลังจะทำอะไรอยู่ หมอนั่นก็เห็นจนได้ ก่อนที่จะขมวดคิ้วมาทางฉันอย่างฉงนใจ

    “เธอกำลังจะทำอะไรน่ะ” ฉันชักมือลงก่อนที่จะตีสีหน้าทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “ฉันต้องเป็นคนถามนายมากกว่า ว่าทำไมนายถึงมานอนอยู่ตรงนี้ !” ฉันลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิจ้องมองไปทางเขาอย่างเอาเรื่องทันที เฮอะ ! เรื่องนี้น่ะ เขาเป็นฝ่ายผิดไปเต็มเปาเลยแหละ

    “ก็นี่มันห้องฉัน ทำไมฉันจะนอนไม่ได้ล่ะ” เฮดโฟนพูดพร้อมกับยกแขนขึ้นมาเท้ากับหัวของตัวเองบนหมอนที่ใช้นอนอยู่

    “แต่นายบอกว่าจะนอนข้างล่างไม่ใช่หรือไงกัน !

    “แต่คนเรามันก็เปลี่ยนใจกันได้นี่”  

    “เฮ้ ! อย่างน้อยนายจะน่ารู้นี่ ว่าฉันกำลังนอนอยู่ในห้องนี้น่ะ”

    “รู้ แล้วทำไมเหรอ” คนข้างหน้าทำสีหน้าไม่รู้สึกรู้สาอะไรจนฉันแอบอารมณ์เสีย

    “ก็นายไม่ควรจะมาทำอะไรแบบนี้ไงเล่า -*-”

    “นี่เธอคิดว่าฉันมานอนเอาเปรียบเธอว่างั้น” เฮดโฟนขึ้นเสียงสูงก่อนที่จะตีสีหน้าเซ็งใส่

    “มันก็แน่อยู่แล้วสิ !” ฉันพูดอย่างอารมณ์เสียใส่เขาด้วยท่าทางเหนืออดเต็มทน ถ้าตื่นมามีผู้ชายมานอนอยู่ข้าง ๆ ครึ่งของครึ่งล่ะที่ผู้หญิงต้องคิดแบบนี้

    “สำหรับคนอื่นน่ะใช่ แต่สำหรับเธอไม่ใช่อย่างแน่นอน” เฮดโฟนส่ายหัวก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปเปิดสวิตช์ตรงประตูของห้อง ทำให้ฉันเห็นเข้าในชุดนอนเสื้อยืดกางเกงขายาวที่มันก็ยัง ... ปกปิดความดูดีของเขาไม่มิด

    “ก็ดี ฉันจะได้ไม่ต้องระแวง” ฉันยักไหล่อย่างไม่แยแส ทั้ง ๆ ที่ในใจแอบแปลได้กลาย ๆ ว่าเขาไม่ได้พูดจริง แค่พูดให้ฉันอารมณ์ขุ่นเล่นเฉย ๆ

    “เธอเป็นผู้หญิงจริงหรือเปล่าเนี่ย ตามจริงเธอต้องงอนฉันหรือไม่ก็แย้งอะไรหน่อยสิ”

    “ทำไมล่ะ ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ ” เฮดโฟนทำสีหน้าตกใจไปแวบหนึ่งก่อนที่จะกอดอกแล้วมองมาทางฉันเหมือนกำลังจับผิดอะไรบางอย่าง

    “เธอเป็นทอมป่ะเนี่ย”

    “หา =O= !!!!!

    “ฉันถาม ... ว่าเธอเป็นทอมหรือเปล่า ทำไม ... ตอบคำถามหรือทำอะไรไม่ค่อยจะเหมือนผู้หญิงทั่วไปเลย”

    “นายรู้เหรอ ว่าผู้หญิงทั่วไปเขาเป็นยังไงกันน่ะ !” ฉันถามเขากลับไป หน็อย มาหาว่าหญิงแท้อย่างฉันเป็นทอมนี่ ... รับไม่ได้ขั้นสุดยอดเลย ! -___-^^

    “ถ้าไม่รู้ ฉันจะถามว่าเธอเป็นทอมทำไมกันล่ะ”

    “งั้นก็จงรู้ไว้ด้วย ว่าฉันไม่ใช่ทอม !

    “แต่เป็นเลสเบี้ยน J

    “ไปขึ้นเขาขายเฉาก๊วยไป -*-” ฉันทำสีหน้าหงุดหงิดปนรำคาญใส่เขาสุด ๆ แน่นอนสีหน้าแบบนี้ของฉันมันไม่ได้ทำให้เขาหงอยเลยสักนิด

    “เอ้า ... แล้วตอนนั้นเธอจะหยิบเจ้าไวเบรกเตอร์นั่นมาทำไมกันล่ะฮะ”

    “โอ๊ยยยยยย ... ต้องให้พูดกันอีกกี่รอบถึงจะพยักหน้าเข้าใจฉันบ้างเนี่ย ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้มีเจตนาจะหยิบมันติดมือมาสักหน่อยน่ะ -_-” ฉันพูดด้วยเสียงไม่พอใจอย่างจริงจังก่อนที่จะถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย

    “ฉันคิดว่า เธอกำลังสับสนอยู่นะ”

    “สับสน ?”

    “ใช่ เธอกำลังสับสน” คนตรงหน้าส่งยิ้มมุมปากมาให้นั่นเองที่ทำให้ฉันขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ เริ่มรู้สึกว่าหมอนั่นจะทำอะไรไม่ดี ๆ เข้าให้แล้วสิ แต่ไม่ใช่แบบที่ว่าเขาจะเข้ามากระทืบฉันนะ มันแบบว่าเอ่อ ...   

    เฮดโฟนเดินดุ่มเข้ามาหาฉันจนเสียวสันหลัง ก่อนที่เขาจะทำอย่างที่ฉันรู้สึกสังหรณ์ได้จริง ๆ ! ร่างสูงเมื่อเดินมาถึงฉันที่นั่งอยู่บนเตียงเขาก็โน้มใบหน้าเข้ามาหาจนฉันต้องเอนตัวไปข้างหลังเพื่อหลบหนี แล้วยกมือขึ้นมาพยายามดันตัวเขาให้ออกห่างด้วยสัญชาตญาณ แต่ใครว่าเขาจะยอมแพ้ล่ะ เขากลับได้ใจแกล้งด้วยการทิ้งน้ำหนักลงมาจนฉันต้องร้องลั่น

    “เฮดโฟน ! ออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ !!!!!! ฉันไม่เล่นแบบนี้นะโว้ยยยยยยย” ให้ตายเหอะ ... เขาแกล้งขนาดนี้ หัวใจก็พลันดันเต้นขึ้นมาซะได้นะเนี่ย บ้าที่สุดเลย !!!! -///-

    “ฮะ ๆ ร้องเสียหลงเลยแฮะ” เฮดโฟนผละออกจากฉันก่อนที่จะไปยืนตรงข้างเตียงพร้อมกับแสยะยิ้มชอบใจ

    “ก็นายเล่นอย่างนี้ จะไม่ให้ฉันร้องได้ยังไงกันเล่า”ฉันพูดเร็วจนเหมือนแร็ปเพราะความเดือดปุด ๆ ในหัว ไอ้บ้าหูหาย ! ฉันเกลียดนายที่สุดเลยยยยยย

    “ทอมชัด ๆ”

    “ฉันไม่ใช่ทอม !!!!

    “ถ้าเป็นผู้หญิงเขาต้องไม่ดันกันอย่างนี้สิ กลับกันเธอต้องนอนลงไปบนที่นอนแล้วให้ฉันคร่อมสิถึงจะถูก”

    “เอาไปทำกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่ฉันเถอะ” ฉันถอนหายใจพรืด พอมองหน้าไปที่เขาแล้วภาพเมื่อกี้มันก็แวบขึ้นมาจนทำให้ฉันรู้สึกร้อนผ่าว อ๊ากกกก ฉันอยากฆ่าเขา !

    “หึ ... งั้นเธอไปอาบน้ำได้แล้วไป เสื้อผ้าของเธอฉันเอาไว้ในตู้น่ะ”

    “เออ” ฉันขานรับอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ ก่อนที่จะลุกจากที่นอนแล้วตรงดิ่งไปยังตู้เสื้อผ้าในห้อง แต่ก่อนที่จะถึงนั้นนายเฮดโฟนที่ยืนไม่ไกลจากตู้เสื้อผ้าก็เอาลำตัวหนา ๆ มาขวางฉันไว้ซะก่อน “หลีก -_-

    “ฉันเปลี่ยนใจละ”

    “เปลี่ยนใจอะไร ?”

    “เปลี่ยนใจให้เธอมาแต่งตัวที่ห้องนี้ดีกว่าไง ^^

    “ให้มาแต่งตัวที่ห้องนี้ ...” ฉันทวนคำพูดของเขา ... มันต้องมีอะไรแน่ ๆ ล่ะ ฉันรู้สึกได้

    “แล้วฉันจะนั่งรอเธอในนี้นะ” นั่นไง !!!!

    “ถอยออกจากตรงนี้ แล้วออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้เลย !” ฉันตะคอกใส่เขาทันที ก่อนที่จะผลักร่างหนานั่นให้ไปที่ประตู แต่เฮดโฟนก็ยื้อฝีเท้าไว้ทำให้ฉันต้องออกแรงเพิ่มมากขึ้นอีก  

    “ก็ฉันบอกเธอแล้วไง ว่านี่มันห้องของฉันน่ะ” เฮดโฟนด้วยน้ำเสียงหัวเราะร่า

    “มันเป็นห้องของนายก็จริง แต่ฉันก็ต้องใช้มันนี่ !

    “ฉันก็ต้องใช้เหมือนกันล่ะน่า” คนข้างหน้าฉันหงุดหงิดมาก ... มากจนไม่มีความหงุดหงิดเลย -_-

    “ออกไปเลย !

    “ก็ได้ ๆ ออกไปแล้ว”

    พอเอื้อมมือไปจะเปิดประตูเฮดโฟนก็บอกด้วยน้ำเสียงและยกมือทำท่ายอมแพ้ทันที ก็ตอนนี้ฉันดันเขามาถึงประตูแล้วน่ะสิ เพราะถ้าเกิดเขาไม่พูดคำนั้นขึ้นมาล่ะก็ ... รับรอง หน้าเขาได้คว่ำลงไปกับพื้นแน่ เพราะประตูห้องนอนเขามันเปิดออกไปจากตัวห้องไง

    “เฮอะ -*-” ฉันปล่อยตัวเฮดโฟนออกห่างก่อนที่จะตีสีหน้าฉุนกึกใส่ เฮดโฟนหันมาทำหน้าทะเล้นใส่อีกทีก่อนที่จะเปิดประตูออกไปจากห้อง

    “งั้นฉันจะเข้าไปรอในห้องน้ำน้า ~

    พอจบประโยคนั้นฉันก็กัดฟันกรอดแล้วถีบส่งท้ายอีตาบ้านี่ออกไปทันที ! จากนั้นก็รีบก้าวไปที่ตู้เสื้อผ้าอย่างรวดเร็วหยิบชุดของตัวเองออกมาเสร็จสรรพ ก่อนที่จะวิ่งออกไปจากห้องนี้ให้ทันก่อนที่อีตาบ้าเฮดโฟนจะเข้าไปสิงสถิตในห้องน้ำอย่างที่พูดทิ้งท้ายเอาไว้ เฮ้อ ~ โล่งไปทีที่หมอนั่นมาไม่ทันเข้าห้องน้ำก่อนฉันน่ะ ไม่งั้นล่ะก็ ... ฉันต้องมายืนต่อกรกับเขาอีกเป็นแน่แท้

    หลังจากที่ปิดประตูห้องน้ำเรียบร้อยพาดเสื้อผ้าไว้กับราวพาดแล้ว ฉันก็ต้องมาขมวดคิ้วทันทีที่เห็นราวพาดขนาดเล็ก         มัน ...

    ไม่มีชุดชั้นในของฉัน !!!!!!!!

    แล้วฉันก็รู้ทันทีเลยว่ามันฝีมือของใคร !!!!!

    “ไอ้เฮดโฟนนนนนนนนนนนน !!!!!!!!!!

     

    ฉันนั่งปั้นหน้าปั้นปึ่งใส่เขาบนรถตั้งแต่ออกมาจากห้องน้ำ ... ใช่ เพราะไอ้ชุดชั้นในที่ตากเอาไว้ที่ราวพาดในห้องน้ำบ้านเขานั่นแหละ -*- ก็อีตาเฮดโฟนดันเอาชุดชั้นในของฉันไปถือไว้น่ะเซ่ ! ตอนนั้นเล่นเอาฉันแทบคลั่งอยากจะเอาบอมบ์มายัดใส่ปากเขาซะเดี๋ยวนั้นเลย กว่าจะได้มันมาสวมใส่นี่ ... ฉันต้องยืนเถียงกับเขาโดยไม่เห็นหน้ากันนานทีเดียวเชียวล่ะ

    อ่าฮะ ... มันแน่อยู่แล้วล่ะที่ฉันแทบจะทำใจไม่ได้เลยที่จะต้องมาสวมชุดชั้นในที่เคยอยู่ในอุ้งมือมารอย่างเขามาแล้วอย่างนี้น่ะ !

    แต่จะให้ทำยังไงได้ ก็นี่มันคือของฉัน จะให้ใส่ตัวเมื่อคืนน่ะเหรอ ไม่ดีมั้ง ... ฉันเลยต้องจำใจแย่งมันมาใส่พร้อมกับพยายามลืมไงว่า ... ไอ้เจ้าชุดชั้นในนี้ไม่เคยอยู่ในกำมือของไอ้บ้าหูหายเลยสักนิด ทว่า ...

    ให้ตาย ! ทำไมฉันต้องจิตนาการภาพตอนที่เขากำลังกำชั้นในอยู่ในมือด้วยเล่า -/////-

    “ยัยบ้านี่แปลกเว้ย ... เมื่อกี้ยังหน้าบูดเหมือนกินอาหารค้างสามวันอยู่เลย ไหงไม่เกินห้าวิกลายมาเป็นหน้าแดงซะได้เนี่ย” สีหน้าของฉันมันกลับมาบูดเหมือนได้กินอาหารค้างสามวันของแก ก็ตอนที่แกพูดออกมานี่ล่ะ -*-

    “ไม่ต้องมายุ่งกับฉันเลย ! ขับรถไปซะ” ฉันแหวเขาพร้อมกับสะบัดบ็อบหันมองข้างกระจก

    “เหอะ ๆ ยังลืมไม่ได้เรื่องไอ้ชั้นในสีขาวของเธอนั่นอีกเหรอ” 

    “มาเป็นผู้หญิงแบบฉันสิ L 

    “เป็นผู้ชายดีกว่าเยอะ”

    “ฉันจะต้องแก้แค้นนายแน่ ๆ ล่ะ”

    “ด้วยการขโมยกางเกงในฉันไปถือน่ะเหรอ” อ๊ากกกกกกก ฉันเกลียดน้ำเสียงทะเล้นแบบนั้นที่สุดเลย ! ตอนที่เขาทำกับฉันมันเหมือนดูได้เปรียบ แต่ทำไมพอคิดว่าตัวเองจะทำอย่างที่เขาพูดกลับรู้สึกเสียเปรียบขึ้นมาซะนี่ ฮึ่ย ! เกิดมาเป็นผู้หญิงนี่มันจริง ๆ เลยน่า

    “ถ้าทำได้โดยที่ไม่ถูกหาว่าเป็นโรคจิต โอกาสที่ฉันจะทำนั่นมีมากทีเดียวเชียวล่ะ -*-”

    “ฉันว่า เธอไม่ควรลงมือทำอย่างนั้นน้า ~ เธอควรจะเดินมาหาฉันพร้อมกางเกงในแล้วพูดคำว่า ขอซะเลยสิ เท่านั้นแหละ เธอก็ได้สิ่งที่เธอต้องการแล้ว ~

    “ใครบอกว่าฉันต้องการกางเกงในของนายกัน” ไอ้บ้านี่มันโรคจิตไปแล้ว =_=

    “ก็เธอมีจุดมุ่งหมายแบบนั้นไม่ใช่เหรอ” 

    “ไปเอากางเกงในมาครอบหัวซะไป” ฉันพูดพร้อมกับถอนหายใจหนัก ๆ 

    “แล้วนี่ จะให้ฉันไปส่งที่เดิมจริงอ่ะ” เฮดโฟนเปลี่ยนมาพูดเรื่องการกลับบ้านของฉันแทน เขาคงรู้แหละ ว่าถ้าเขายังต่อล้อต่อเถียงกับฉันไอ้เรื่องนั้นอีกล่ะก็ รับรองเลย ... หาจุดจบของเรื่องนั้นยาก  

    “อือ”

    “แต่นี่ฟ้ายังไม่ส่างเลย ให้ฉันไปส่งเธอถึงบ้านดีกว่า”  

    “ไม่ๆๆๆ ส่งฉันที่เดิมนี่แหละ” เรื่องอะไรจะบอกรังกบดานให้ศัตรูอย่างหมอนั่นมาตามไล่เบี้ยให้ไม่มีความสุขกันล่ะ 

    “ทำไมล่ะ ฉันไม่ไประเบิดบ้านเธอหรอกน่า”

    “ถ้านายรู้ฉันก็ไม่มีที่หลบซ่อนตัวน่ะสิ”

    “ฉันบอกแล้วใช่มั้ย ว่าฉันสามารถค้นหาบ้านที่เธอกำลังอยู่ได้น่ะ”

    “แล้วอย่างนั้นจะมาถามฉันทำไม”

    “ก็ฉันขี้เกียจไปค้นหาเองนี่”

    “งั้นก็จงขี้เกียจต่อไปเหอะ ฉันไม่บอกนายแน่ ๆ ล่ะ” 

    ฉันทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ก่อนที่จะมองภาพตรงหน้าผ่านกระจกข้าง ... เฮดโฟน เก่งนักไม่ใช่เหรอไง เรื่องอะไรจะปริปากบอกกันล่ะ บทสนทนาของฉันกับเฮดโฟนก็คุยกันไปเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่หันไปมองหน้าเขาก็ตามที ใช่ ... ฉันรู้สึกอึดอัดเหมือนกันล่ะ แต่ถึงแม้จะให้ฉันหันไปนั่งมองตรงข้างหน้าเหมือนเดิมมันก็ไม่ต่างอะไรกันมากนักเพราะเขาเองก็กำลังขับรถอยู่

    แต่จะว่าไป ... มันก็รู้สึกอบอุ่นไม่น้อยเลยนี่เนอะ

    ไม่นานนักเฮดโฟนก็ขับมาถึงจุดหมายจนได้ ซึ่งก็คือหน้าเอเท็นไซต์ที่ฉันขอให้เขามาส่งนั่นเอง เฮดโฟนดื้อดึงจะพยายามพาฉันไปส่งที่บ้านให้ได้ แต่ฉันก็ส่ายหัวพร้อมกับพยายามแงะแขนเขาที่กำลังจับข้อมืออยู่ออก กว่าจะลงมาได้ฉันต้องออกแรงทำให้เขาเจ็บก่อนสิน่า

    “เธอจะยืนรอรถอยู่ตรงนี้จริง ๆ น่ะเหรอ” เฮดโฟนลดกระจกประตูข้างคนขับออกก่อนที่จะเอื้อมตัวข้ามฟากมาพูด  

     “ก็ใช่น่ะสิ”

    “มันจะมีรถผ่านเหรอ”

    “เหอะน่า ฉันกลับได้ก็แล้วกัน”

    “ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนมั้ย” ให้ตายสิ ... ไอ้น้ำเสียงห่วงใยแบบนั้น มันกำลังทำให้ฉันจะตอบว่า อืมและพยักหน้ากลับไปนะ ถ้าไม่ฉุกคิดขึ้นมาได้ซะก่อน

    “ไม่ล่ะ นายขับรถออกไปได้แล้ว” ฉันแสร้งทำเป็นดุเขา แต่คนในรถกลับส่ายหัว

    “จะให้ฉันแน่ใจได้ยังไง ว่าเธอจะกลับได้น่ะ”

    “ถึงบ้านแล้วฉันจะโทรไปหรือไม่ก็ส่งข้อความไปหาล่ะกัน”

    “ถ้าเกิดเธอบ้าจี้ลืมขึ้นมาล่ะ”เฮดโฟนขมวดคิ้วเข้าหากันจนจะกลายเป็นปมอยู่แล้ว เขาจะถามซักไซ้อะไรกันนักหนาเนี่ย

    “เจ็ดโมงครึ่งโทรมาเช็คได้เลย”

    “หกโมงฉันจะโทรไป” ไอ้บ้านี่ -*-

    “แล้วแต่นายล่ะกัน แต่นายไปได้แล้ว”

    “ทีอย่างนี้ไล่เหมือนหมูเหมือนหมาเลยนะ” เฮดโฟนพูดทำนองเหมือนจะงอนนิด ๆ ก่อนที่จะกดปิดกระจกประตูข้างรถแล้วออกตัวรถออกไป เฮ้อ หัวใจของฉันรู้สึกพองโตยิ่งกว่าบอลลูนซะอีกแน่ะ ทุกคำพูดทุกประโยคของเขามันลอยเวียนอยู่ในหัวฉันจนรู้สึกว่าร่างกายร้อนผ่าวอย่างบอกไม่ถูก อะไรกัน ... ที่เขาถามแบบนั้นน่ะ เพราะไม่อยากให้นักโทษอย่างฉันชิงหนีเขาไปต่างหาก

    แอบจี๊ดในใจลึกแฮะ ๆ เมื่อหาเหตุผลที่เขาพูดแบบนั้นได้

    ระหว่างที่กำลังนั่งรอที่ป้ายรถเมล์ที่อยู่ใกล้ ๆ นั้น ก็มีรถคันหนึ่งซึ่ง ... คุ้นตาฉันเป็นอย่างดี ! และฉันก็แน่ใจว่านั่นเป็นรถของเขาแน่ มาจอดอยู่ตรงหน้าฉันพอดีเป๊ะ เมื่อเขาลดกระจกประตูฝั่งข้างคนขับก็รู้เลยว่าตัวเองเดาไว้ไม่มีผิด

    คีย์บอร์ด !!!!

    “ใช่เธอจริง ๆ ด้วย ยัยเมมโม -*-” คนในรถทำสีหน้าแปลกใจเมื่อเห็นฉันนั่งตระหง่านอยู่ป้ายรถเมล์เช้ามืดแบบนี้คนเดียว

    “...”

    “เสื้อผ้าก็ดูเหมือนจะไม่ได้ไปโรงเรียนเวลานี้แน่ ๆ แล้วเธอมานั่งทำอะไรตรงนี้เนี่ย”

    “ก็มานั่งรอรถกลับบ้านน่ะสิ”

    “งั้นขึ้นรถฉันซะ”

    “ฮะ -O-” ฉันร้องออกมาเบา ๆ เมื่อคนที่อยู่บนรถออกปากให้ฉันขึ้นไปนั่งบนรถเขา เฮ้ ... นี่ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ยเนี่ย

    “ฉันบอกให้เธอขึ้นมายังไงเล่า ไหน ๆ เธอกับฉันบ้านก็ไม่ได้อยู่ไกลกันนักนี่”

    “โอเค ๆ”

    ฉันพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนที่จะเปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่งบนรถเขาตามที่เขา เอ่อ ... ใช้คำว่า ชวนล่ะกันเนอะ เพราะจะใช้คำว่า สั่งมันคงดูเหมือนถูกบังคับกลาย ๆ ทั้ง ๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ... มันก็เป็นเหมือนคำที่สองนั่นแหละ

    คีย์บอร์ดหันมาเหลือบฉันนิดนึงก่อนที่จะออกตัวรถไป ขณะที่ขับรถอยู่นั้นเขาก็ไม่พลาดที่จะปล่อยคำพูดเพื่อให้ภายในรถไม่ดูเงียบจนน่าหดหู่เกินไปนัก

    “แล้วนี่เธอไปไหนมาเนี่ย ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว”

    “อ๋อ ฉัน ... ไปบ้านยัยโซนมาน่ะ” ฉันตอบคำถามแบบฝืด ๆ ออกไป จะให้ตอบไปว่าฉันไปบ้านเฮดโฟนมาน่ะเหรอ คงถูกหมอนี่ตราหน้าล่ะสิ ว่าฉัน เป็นผู้หญิงของเฮดโฟนไปแล้ว   

    “ฉันว่า ช่วงนี้ก็ไม่น่ามีอาจารย์สั่งรายงานมาให้นี่นา แล้วเธอจะไปนอนกกที่บ้านยัยโซนทั้งวันทั้งคืนทำไม” ทำดูเหมือนจะยิงคำถามอย่างรู้ทันนะ แต่เสียใจ ... เพราะรายงานมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ทำให้ฉันสามารถไปบ้านยัยโซนได้หรอกย่ะ  

    “โห ... ก็ช่วงนี้ฉันเหงานี่นา จำเป็นด้วยเหรอไงเล่า ว่าฉันจะต้องไปบ้านยัยโซนเพราะรายงาน ฉันก็คิดถึงเพื่อนของฉันเหมือนกันนะ”

    “แต่เธอเป็นพวกขี้เกียจสันหลังยาวชอบนอนอยู่กับบ้านตอนวันหยุดนี่นา ไหงเมื่อวานเธอไม่ได้อยู่บ้านตั้งแต่สาย ๆ เลยล่ะ” ขอบใจที่นำเอาสำนวนสุภาษิตนั้นมาเปรียบ -_- แต่ก็จริงของเขาล่ะ วันหยุดฉันชอบอยู่กับบ้านไม่ชอบออกไปไหนน่ะ แต่เขา ... จะถามเหมือนพวกชอบอยากรู้อยากเห็นทำไมกันล่ะเนี่ย บางทีฉันก็ไม่อยากพูดเหมือนกันนะ 

     “ก็บอกแล้วไงว่าฉันออกไปบ้านยัยโซนตั้งแต่เช้าเลย ฉันก็เป็นคนเหมือนกันนะ มีเบื่อบ้างอะไรบ้างกับบ้านหลังเดิม ๆ น่ะ ใจนี่อยากจะให้ฉันอยู่แต่บ้านอย่างเดียวเลยเหรอไง”

    “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกน่า ฉันแค่แปลกใจเฉย ๆ เท่านั้นแหละ เมื่อวานบ้านของเธอก็ไม่มีไฟดวงไหนเปิดเลยสักดวงนะ”

    “หมายความว่า ... พี่ไดร์ไม่ได้กลับมาบ้านหรอกเหรอ”

    “ถ้ากลับมาเธอคิดว่าเธอจะเจอฉันในเวลานี้เหรอ” แอบโล่งอกไม่เบาเลยนะเนี่ย เมื่อรู้ว่าไอ้พี่ชายของฉันยังไม่กลับมาบ้าน ถ้าเมื่อวานเขากลับมาล่ะก็ ... ฉันจะไปเหลืออะไรล่ะ โดนด่าเละยิ่งกว่าโจ๊กหมูธรรมดาแน่ ๆ  

    “นั่นสินะ ไม่งั้นหูฉันคงต้องพังตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะ”

    “จะว่าไป ... ไอ้ข่าวที่เธอตกเป็นนักโทษของไอ้เฮดโฟนนั่น ก็ดังระงมไปทั่วโรงเรียนแล้วนะ”

    “ไม่รวมอีกสองโรงเรียนที่อยู่ในย่านเดียวกันใช่มั้ย =_=” ฉันทำสีหน้ามีความหวังขอให้คีย์บอร์ดพยักหน้าหรืออะไรก็ตามที่หมายถึงการเดาของฉันมันถูกต้อง แต่ในเมื่อรู้แก่ใจอยู่แล้วว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่ดี

    “รวม” เขาพยักหน้า และท่าทางแบบนั้นนั่นเอง ... ที่ทำให้ฉันแทบปล่อยโฮออกเลยทีเดียวเชียว แง่ง !

    “ให้ตายเหอะ”

    “ไม่ตายหรอก แค่ทนอายอีกหนึ่งอาทิตย์กับอีกวันสอบสามวันของการปิดโรงเรียนก็เท่านั้นเอง”

    “ฉันเปลี่ยนใจไม่ไปโรงเรียนแล้วได้มั้ยอ่ะ TOT

    “ถ้าอยากโดนทำโทษอีกก็ตามใจ”

    “เชอะ !” ขาดเรียนแค่ครั้งเดียวก็โดนทำโทษ ! อนุโลมหน่อยก็ไม่ได้ แล้วยิ่งการทำโทษเป็นเวอร์ชั่นของวิเฟอร์ ฯ แล้วล่ะก็ ... มันย่อมแปลกมนุษย์มนาเหนือธรรมชาติอยู่แล้ว แค่โชคไม่ดีทำเรื่องให้ตัวเองเป็นขี้ปากก่อนปิดเทอมก็อายพอแล้ว ถ้าต้องมาโดนทำโทษแบบเพี้ยน ๆ ต่อหน้านักเรียนที่มีไม่รู้มีกี่พันคนอีกล่ะก็ ฉันเปลี่ยนใจไปเหยียบโรงเรียนในวันนี้ก็ได้    

                    เมื่อฉันสบถออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจนักได้ไม่เท่าไหร่ คีย์บอร์ดก็ขับรถมาถึงหน้าบ้านฉันจนได้ ฉันเปิดประตูลงจากรถของเขาก่อนที่จะตรงดิ่งเข้าบ้านด้วยความเคยชิน ... เอ นี่มันก็จะเช้าแล้วนะ สงสัยพี่ไดร์ไปนอนกกที่ไหนกับเพื่อนหรือไม่ก็ผู้หญิงเป็นแน่แท้ แต่ช้อยส์ที่สองดูเหมือนจะเป็นอะไรที่เป็นไปได้ยากนะ เพราะพี่ชายของฉันเขาไม่ค่อยมั่วสุมกับผู้หญิงเท่าไหร่

                    ฉันเดินทิ้งตัวลงมาที่โซฟาก่อนที่จะนอนหลับตาเอามือก่ายหน้าผาก ... อืม ขอหลับตาสักหน่อยคงไม่กินเวลามากนักหรอก อืม ~

                    อ๊ากกกกกกกก

                    แล้วทำไมฉันต้องไปนึกถึงเรื่องที่บ้านของไอ้บ้าเฮดโฟนด้วยเล่า ! TOT คิดถึงเรื่องอื่นไม่ได้หรือยังไงกัน ไอ้นึกถึงน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้หัวใจที่มันดันโครมครามจนแทบจะหลุดออกมานี่น่ะสิ เป็นปัญหาที่ฉันไม่ชอบเอาซะเลย ! ไม่เอาแล้ว แต่งตัวไปโรงเรียนดีกว่า

                    ฉันใส่รองเท้าเป็นสิ่งสุดท้าย ก่อนที่จะปิดประตูรั้วมุ่งหน้าเดินไปที่ป้ายรถเมล์หน้าหมู่บ้านที่ไม่ไกลกันมากเท่าไหร่ แต่เดินได้แค่พ้นซอยเท่านั้น รถของคีย์บอร์ดก็มาจอดเทียบข้างฉันก่อนที่จะลดกระจกประตูฝั่งคนขับ

                    “ไปด้วยกันมั้ย” น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่ถามฉันมานั้น ทำให้ฉันหันไปมอง ก็พบว่าเป็นคีย์บอร์ดเจ้าเดิมนั่นเอง

                    “ถ้าฉันตอบว่าไปล่ะ”

                    “ก็ขึ้นมาสิ”

                    ฉันทำสีหน้าเหลือเชื่อใส่เขาเป็นรอบที่สองก่อนที่จะเดินอ้อมไปที่ประตูฝั่งข้างคนขับ สถานการณ์นี้เหมือนได้ตอนเช้ามืดมีเล่นใหม่อีกครั้งนะเนี่ย ฮะ ๆ

                    “อีกไม่นานแล้วสินะ ... ที่ฉันจะได้เป็นพี่ใหญ่แห่งวิเฟอร์ ~~~~” ฉันร้องเป็นเพลงอย่างอารมณ์ดี ทำให้คนข้าง ๆ หันมามองฉันด้วยสายตาเหยียด ๆ เพราะเป็นช่วงรถติดเขาถึงหันมาได้น่ะ

                    “พี่ใหญ่ที่มาพร้อมกับคดี ...”

                    “เงียบไปเลย !” ฉันพูดพร้อมกับตีเขาไปหนึ่งทีด้วยความขุ่นน้อย ๆ ฮึ่ย ! สงสัยไอ้เรื่องที่ฉันเป็นนักโทษของเฮดโฟนเนี่ย ... มันคงแพร่กระจายไปมากแล้วสินะ

                    “ฮะ ๆ” คีย์บอร์ดหัวเราะน้อย ๆ ก่อนที่จะขับรถไปตามทางทอดไปถึงโรงเรียน

                    อ้อ ลืมบอกไป ตอนนี้ฉันได้เข้ามาอยู่ในย่านของซิตี้มาสต์แล้ว ซึ่งบ้านที่ฉันอยู่มันอยู่ที่หัวย่านของเอเท็นไซต์ซึ่งก็คือปลายท้าย ๆ ของซิตี้มาสต์นั่นเอง ซิตี้มาสต์มีอยู่สามโรงเรียนด้วยกัน โรงเรียนที่อยู่ทางต้น ๆ ของซิตี้มาสต์ก็คือ อิงค์เจ็ท ไฮสกูล ส่วนกลางของซิตี้มาสต์คือ เซย์ไฮ ไฮสกูล และส่วนท้ายของซิตี้มาสต์นั่นก็คือ ... วิเฟอร์ ไฮสกูล โรงเรียนที่แปลกที่สุดในจักรวาลนั่นเอง ควรจะภาคภูมิใจดีมั้ยเนี่ย =_= เพราะมันใกล้บ้านฉันหรอกนะ ฉันถึงต้องมาเรียนที่นี่น่ะ

                    คีย์บอร์ดจอดรถที่ลานจอดรถของโรงเรียน ก่อนที่จะเปิดท้ายรถหยิบกีต้า เบส และไมค์ออกมา ฉันขมวดคิ้วหันไปทางเขาเป็นเชิงคำถาม

                    Secret” คีย์บอร์ดหันมาพูดภาษาอังกฤษแปลเป็นไทยว่าความลับกับฉัน ก่อนที่จะเดินนำหน้าไป ฉันถอนหายใจกับคำตอบที่ได้มาก่อนที่จะก้าวเท้าตามร่างสูงที่นำไปโน้นแล้ว

                    ฟิ้ววววววว

                    ฉันแทบเอี้ยวตัวหลบแทบไม่ทันเมื่อ ... ลูกเบสบอลจากไหนก็ไม่รู้จะเข้ามากระแทกที่หัวฉัน ก่อนที่จะมองไปตามทิศทางก็พบว่า ... เป็นพวกผู้หญิงห้าคนที่นั่งรวมกันอยู่อัฒจรรย์เล็กริมสนามหญ้าที่ไม่ห่างกันไกลมากนัก ตรงหน้าของพวกผู้หญิงกลุ่มนั้นก็คือ ... สองคนที่ยืนเล่นเบสบอลกันอยู่ พวกหล่อนจงใจตีมันทางฉันหรือเปล่าเนี่ย

                    “อุ๊ย โทษที ... เอ๋ นี่มัน ยัยโรคจิตวิปริตนี่ กรี๊ดดดดดดดดดดดดด >O< !!!!!!!!

                    “กรี๊ดดดดดดดดด”

                    “กรี๊ดดดดดดดดดดด”

                    =O= ^^^

    ตอนนี้คนทั้งสนามกรี๊ดกร๊าดกันไปหมดแล้ว โดยเฉพาะยัยคนที่เล่นเบสบอลที่วิ่งมาเก็บลูกเบสบอลที่ไม่ไกลจากฉันไปนัก ... อา ฉันไม่ได้เป็นยัยโรคจิตวิปริตผิดเพศนะเฟ้ย ! มากงมากรี๊ดอะไรกัน หน้าตาฉันออกจะบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้สารหื่นซะขนาดนี้ ผู้หญิงกรี๊ดกันก็พอว่า แต่ไอ้พวกผู้ชายและไอ้พวกตุ๊ดนั่น มันจะกรี๊ดแข่งอะไรกับผู้หญิงเนี่ย ! ฉันไม่ไปทำอะไรกับพวกแกหรอกเว้ย -[]- !!!!

                    =[]=” ฉันยืนหน้าเหวอทำอะไรไม่ถูกกับสถานการณ์ตรงหน้า ... ก็ทุกคนกรี๊ดกันหมดเลยอ่ะ เน้นว่าทุกคนนะ แม้กระทั่งชายแท้มันยังกรี๊ดเลยคิดดู ! ฉันมันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ พวกสาว ๆ ส่วนใหญ่ก็วิ่งเตลิดเปิดเปิงกันไปหมดแล้ว คีย์บอร์ดที่ท่าทางสติสตังจะมีมากที่สุดในตอนนี้คว้าข้อมือฉันหมับ ก่อนที่จะออกแรงจูงฉันออกไป

                    “ให้ตายสิ ... ฉันไม่นึกเลยว่า เธอจะทำให้ ทุกคนแตกตื่นกันขนาดนี้ ”

                    “เฮ้อ ~ นี่ขนาดเข้ามาในโรงเรียนได้ไม่เท่าไหร่นะเนี่ย” ฉันถอนหายใจอย่างคนอดอาลัยตายอยาก นี่เพิ่งเริ่มต้นของวันเท่านั้นนะเนี่ยยยยยยย โอย ปวดเฮด !!!

                    “ท่าทางงานนี้เธอประสาทตายแน่ ๆ ล่ะเมมโม” คีย์บอร์ดพูดพร้อมกับพยักพเยิดไปข้างหน้า ซึ่งทำให้ฉันที่กำลังหลับตาถอนหายใจอยู่นั้นต้องลืมตาหันไปมองทันที เจี๊ยก ! ทางที่จะต้องเดินผ่านไปนั้น ดันเป็นทางริมฟุตบาตสองข้างซ้ายขวา ขนาบไปด้วยนักเรียนที่นั่งบนม้าหินแห่งวิเฟอร์ ฯ ร้อยกว่าคน !!! กัดลิ้นตายซะ ! แง่ง

                     “เหอะ ๆ แถมตรงนี้ยังเป็นทางเดียวที่จะต้องเดินเข้าไปด้วยสินะ” ฉันหัวเราะขมขื่นพร้อมกับมองไปข้างหน้าด้วยสายตาแบบคนที่บ้านถูกไฟไหม้ทั้งหลังแล้วไม่เหลืออะไรให้ชื่นชมเลย ... ตายแน่ ตายแน่ ตายยยยยยย !

                    “แล้วเธอจะเอายังไงล่ะ”

                    “ก็ต้องเดินเข้าไปน่ะสิ” ฉันตอบด้วยน้ำเสียงเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง 

                    “แล้วเธอจะอดทนกับพวกนั้นได้มั้ยล่ะ”

                    “มีที่อุดหูมั้ย”

                    “ไม่มี” คีย์บอร์ดส่ายหัวน้อย ๆ

                    “ฉันอยากตายยยยยยย ! ใครเป็นคนเอาเรื่องนั้นไปแจ้งกับฝ่ายปกครองกันวะ !

                    “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

                    “ฉันไม่ได้ถามนายเว้ย !

                    ระหว่างที่ฉันกำลังกระวนกระวายอยู่นั้น ฉันก็เห็นว่า ... พวกคนกลุ่มข้างหน้า เริ่มที่จะหันมาเห็นฉันกันแล้ว ก่อนที่จะหันไปซุบซิบภายในกลุ่มกัน เออ ! เอาเข้าไป ... จะนินทาฉันว่าอะไรกันเนี่ย

                    “เดี๋ยว ๆๆๆ นี่เธอจะเดินเข้าไปเลยเหรอ” คีย์บอร์ดเอื้อมมือมาคว้าบ่าของฉันเอาไว้ ทำให้ฉันที่อารมณ์เริ่มจะเดือดต้องชะงักแล้วนึกขึ้นมาได้ เออว่ะ ... ถ้าฉันเดินเข้าไปแล้ว ... โฮ่ย ! ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นล่ะตอนนี้ !  

                    “ก็ใช่น่ะสิ” ฉันปัดมือเขาออกก่อนที่จะเดินฝ่าเข้าไปทันที ไม่ต้องไปสนใจ ไม่สนใจ ไม่สนใจ

                    “ว้ายยยยย ยัยนั่นน่ะเหรอ ที่หยิบไอ้เจ้าไวเบรกเตอร์ติดมือมาน่ะ”

                    “ใช่ ๆ ยัยนั่นน่ะแหละ ฉันเห็นกับตาเลยนะ ยี้ ! ทำไปได้ หน้าตาก็ไม่ได้ให้ไปทางนั้นเลยนะ”

                    “ถ้าฉันอยู่คนเดียวล่ะก็ ... ฉันคงต้องกรี๊ดจนคอแตกแน่ ๆ ล่ะ บรื๋ออออ ~

                    @#$%%^&^%$!@

                    เมื่อฉันเดินเข้ามาปุ๊บ เสียงและคำพูดที่ไม่อยากได้ยินนั่นก็ดังขึ้นมาทันที โอย ... ถ้าฉันไม่ท่องคำว่า ไม่สนใจ ไอด๊อนแคร์ล่ะก็นะ ฉันคงเดินไปตบกะโหลกทุกคนเรียงตัวแล้วนะเนี่ย แล้วไอ้ทางเดินนี่มันก็ยาวสิ้นสุดไปถึงสามแยกตรงโน้นแน่ะ        โห ... ทางเดินนี้มันแบบมาโดยเฉพาะพวกที่ชอบจับคนอื่นมาเป็นขี้ปากของตัวเองใช่มั้ยเนี่ย ก็ริมฟุตบาททางเดินนี่มันเต็มไปด้วยโต๊ะหินและคนทั้งนั้น !

                    ฉันกำมือขบฟันแน่นพร้อมกับที่ดวงตาก็ท่าทางจะมีไฟลุกโชนไม่น้อย ถ้าใครมาใกล้ ๆ ฉันแล้วกวนประสาทหลังจากนี้ล่ะก็ ฉันยำมันเละแน่ !

                    หมับ !

                    “เดินคนเดียวไม่กดดันมากไปหน่อยหรือไง ^^

                    เงียบกริบ ...

    ทุกเสียงเงียบลงตั้งแต่คีย์บอร์ดเดินมาจับข้อมือของฉัน เพราะคีย์บอร์ดเป็นประธานนักเรียนของที่นี่สินะ พวกที่กำลังนินทาฉันอยู่ถึงเงียบและหุบปากลงไปทันใด มันแหงอยู่แล้วที่ทุกคนจะต้องก้มหัวหดหัวลงไปน่ะ ไม่งั้น ... คีย์บอร์ดคงเป็นประธานนักเรียนแห่งวิเฟอร์ ฯ ไม่ได้หรอก

    ตึ่ง ตึ่ง ตึ๊ง

    [ไอ้บอด ปล่อยมือออกมาจากยัยนั่นเดี๋ยวนี้ !] คีย์บอร์ดกับฉันชะงักฝีเท้าลงทันที เมื่อน้ำเสียงที่แสนคุ้นเคยดังก้องไปทั่วหลังจากที่เสียงประชาสัมพันธ์เงียบลงพร้อมกับที่คีย์บอร์ดเปลี่ยนจากจับข้อมือมาจับมือฉันแทน เฮดโฟน ... เขาเห็นเหตุการณ์ตรงนี้ด้วยหรือไงกัน

    “นี่แกถึงขนาดลงทุนใช้ประชาสัมพันธ์สั่งฉันเลยเหรอเนี่ย” คีย์บอร์ดพูดโต้กลับไปด้วยเสียงอันดังเจือหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน ฉันฟังเสียงเขาแล้ว เขาคงหงุดหงิดอยู่แน่ ๆ ฉันพยายามจะดึงมือออกแต่คีย์บอร์ดก็รั้งไว้  

    [อย่ามานอกเรื่อง ! ฉันบอกให้แกปล่อยมือยัยนั่นไง !]

    “แล้วทำไมฉันต้องปล่อยวะ” แถมยังยกมือที่กำลังจับมือฉันไปทิศทางของห้องประชาสัมพันธ์ซะด้วย คีย์บอร์ด นายกำลังงานเข้าแล้ว =_=

    [เพราะยัยนี่เป็นของฉัน !]

    ฮือฮา ~~

    @#$%^&)!!!

    [เงียบ !]

    เสียงเม้าท์กันให้แซดดังขึ้นทันทีที่ประโยคล่าสุดของเฮดโฟนได้ดังออกมา จนกระทั่งเขาต้องสั่งให้ทุกคนเงียบ และแน่นอนไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของเขาแม้แต่คนเดียว แต่ว่าประโยคเมื่อกี้ มันก็ทำให้ฉันร้อนผ่าวทั้งตัวรวมถึงก้อนอกด้านซ้ายที่มันก็พาลเต้นไปด้วย อา ... ภาวนาขออย่าให้คีย์บอร์ดสัมผัสมันได้เถอะ -////-

    [เพราะยัยนี่เป็นนักโทษของฉันต่างหาก เพราะฉะนั้น ปล่อยยัยนั่นซะ] แอบขุ่นเคืองหนัก ๆ ไปแวบนึง -_-*

    “เหตุผลไม่ได้เรื่องเอาซะเลย เมมโมแค่เป็นนักโทษของนายนะ ไม่ได้เป็น ...”

    [ตกลงแกจะปล่อยดี ๆ มั้ย] เฮดโฟนพูดเสียงต่ำอย่างน่ากลัวจนฉันแอบเสียวสันหลัง คีย์บอร์ดได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะ ฉันขอร้อง T/\T

    “ไม่ดีกว่า” คีย์บอร์ดทำเป็นยกมือข้างที่จับมือฉันขึ้นมาแล้วทำสีหน้าเหมือนครุ่นคิด แล้วคำพูดที่เขาเพิ่งพูดออกไปเมื่อกี้ก็เหมือนกับที่ฉันสังหรณ์ได้ไม่มีผิด แง่ง ! อีตาบ้า นายกำลังจะหาเรื่องเข้าตัวนะ

    [แกก็รู้ว่าฉันเป็นยังไงไม่ใช่เหรอ] เฮดโฟนพูดเสียงเย็นเยียบ โอย ... ถึงฉันจะเคยเถียงเคยด่าเขา แต่ตอนนี้ฉันขอบอกเลยว่า ตอนนี้ฉันกลัวเขาสุด ๆ

    “แกจะเป็นอะไรก็เรื่องของแกสิ ไม่เกี่ยวกับฉันซะหน่อย” คีย์บอร์ดแสยะยิ้มอย่างไม่ยี่หระ ไม่ทีท่ากลัวเฮดโฟนเลยสักนิด ฉันหันไปทางคีย์บอร์ดก่อนที่จะเริ่มออกปากให้เขาปล่อยมือฉัน

    “คีย์บอร์ดปล่อยมือฉันซะ”

    “ไม่” คีย์บอร์ดส่ายหน้าสองทีก่อนที่จะมองไปข้างหน้าด้วยสายตาวาวระยับ โอย ... ฉันไม่อยากให้การทะเลาะวิวาทมันเกิดขึ้นนะเฟ้ย !

    “ถ้านายไม่ปล่อยฉันจะบิดข้อมือนายเดี๋ยวนี้แหละ”

    พลั่ก !

    ร่างของคีย์บอร์ดเซกระเด็นออกห่างจากตัวฉันทันทีที่ ... เฮดโฟนเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ที่กลางลำตัวของเขา ! ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้ปล่อย ให้ปล่อยยยยยย แล้วยังไงล่ะ สุดท้ายก็ต้องลงไปนอนบนพื้นโลกจนได้ -_- ฉันล่ะเหนื่อยใจ

    หมับ !

    “เฮ้ ! จะพาฉันไปไหนอ่ะ”

    “หุบปากซะถ้าไม่อยากลงไปนอนเหมือนหมอนั่น”

    หุบปากฉับ TxT

     

    หลังจากที่ซัดคีย์บอร์ดกระเด็นไปแล้วเฮดโฟนก็กึ่งลากกึ่งจูงพาฉันมาที่สนามหญ้าในมุมที่เงียบ ๆ ไม่มีคน เขาปล่อยมือฉันให้เป็นอิสระก่อนที่จะเอาลำตัวของเขาพิงที่ต้นไม้ใหญ่

                    “ตอนหกโ               มงฉันโทรไปหาเธอแล้ว ทำไมเธอไม่รับสายฉัน” เฮดโฟนใช้น้ำเสียงเย็นเยียบพูดขึ้น นั่นเองที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าหน้าของตัวเองลดลงจนเหลือไม่ถึงหนึ่งเซนต์ T_T

                    “ตอนนั้น ฉันกำลังแต่งตัวอยู่น่ะ” น้ำเสียงดูอ่อยจนน่าเอาหน้าไปมุดกับถังขยะซะ TOT

                    “แล้วมันก็เป็นเหตุที่ทำให้เธอไม่รับสายฉัน แล้วก็ไม่โทรกลับมา ?”

                    “ก็ ... ฉันตั้งระบบสั่นไว้นี่นา เลยไม่ได้ดูว่านายโทรเข้ามาน่ะ” อึดอัดจริง ! ทำไมต้องมาทำเป็นโหดใส่ด้วยเล่า

                    “หรือว่าเธอจงใจไม่รับสายฉัน ?” คำถามของเฮดโฟนที่ตั้งมาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อทำให้ฉันอยากจะถอนใจเฮือกใหญ่ใส่ให้ ถ้าไม่เห็นว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่  

                    “มันไม่ใช่อย่างนั้น”

                    “เหอะ ... เลยมากับหมอนั่นสินะ แถมยังให้มันจับมือซะด้วย โรแมนติกเป็นบ้า !” ประชดได้น่าตบมากค่ะ -_- ฉันเต็มใจให้คีย์บอร์ดมาจับมือฉันซะที่ไหนกันเล่า !  

                    “ฉันเปล่าเต็มใจซะหน่อย ที่คีย์บอร์ดมาจับมือฉันก็เพราะเขาต้องการให้ฉันไม่รู้สึกกดดันมากเกินไปที่ถูกพวกนั้นนินทาต่างหาก”

                    “ช่างเถอะ จะกรณีอะไรก็ช่าง แต่ต่อไปนี้เธอห้ามให้ใครจับมือเธอรู้มั้ย !

                    “ถ้าสมมุติว่าพ่อฉันจับมือฉันอยู่ล่ะ -_-

                    “ไม่ว่าเธอจะจับมือกับใครก็อย่าให้ฉันเห็นเท่านั้นแหละ !” เฮดโฟนกระชากเสียงพูดด้วยอารมณ์ฉุนกึก

                    “นายไม่มีสิทธิ์ที่จะสั่งฉันนะ ในเมื่อ ... กุญแจโกดังมันยังอยู่ที่ฉันคนนี้” ฉันชี้นิ้วเข้าหาตัวเองก่อนจะเอียงคอทำสีหน้าเหนือกว่าใส่เขา

                    วูบ ~ !

    ด้วยท่าทางของฉันหรืออะไรก็ไม่รู้ ที่ทำให้คนข้างหน้ากระโจนเข้ามาหาจนหลังกระแทกติดกับต้นไม้ ลูกตาของฉันเบิกโพลงพร้อมกับมองไปข้างหน้าด้วยอาการช็อกเมื่อทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนตั้งรับไม่ทัน เฮดโฟนใช้ท่อนแขนของเขาเท้ากับต้นไม้กักฉันเอาไว้ แล้วเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ในระยะอันตรายจนฉันตัวแข็งทื่อไปหมด ทว่า ... ก่อนที่เฮดโฟนจะทำในสิ่งที่ไม่คาดฝัน โทรศัพท์มือถือของฉันก็สั่นขึ้นมาซะก่อน

                    อา ... ถึงภายในใจลึก ๆ อยากจะให้เขาขยับใบหน้าเข้ามาใกล้อีก แต่มันคงไม่ดีต่อความจำในหัวของฉันเป็นแน่

                    “โอ๊ะ” ฉันร้องเบา ๆ พร้อมกับหันไปมองโทรศัพท์มือถือที่เพิ่งหยิบออกมาจากกระเป๋ากระโปรง นั่นเองที่ทำให้เฮดโฟนที่กำลังขยับเข้ามาใกล้จนริมฝีปากแทบจะชิดกันต้องเด้งตัวกลับไปยืนห่างจากฉันเป็นระยะไกลพอสมควร เอาหน้าจอมาดู       ใกล้ ๆ ก็พบว่าเป็นข้อความจากเครือค่ายซิมที่ฉันกำลังใช้อยู่นี่เอง เอาวะ ใช้โอกาสนี้ออกจากเฮดโฟนไปเลยก็แล้วกัน รู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้ที่จะต้องมาประจันหน้ากับเขาหลังจากนี้อีกน่ะ

                    “ฮะ ! อะไรนะ ตอนนี้เลยเหรอ ...” ฉันเอาโทรศัพท์มือถือมาแนบหูก่อนที่จะแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด แล้วระหว่างที่พูดอยู่นี้ฉันก็เหล่ตามองไปทางเฮดโฟนด้วย ( ._.)

                    “โธ่ อะไรกันอีกเนี่ย ~” ฉันแกล้งลากเสียงแบบไม่พอใจ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้ว ... ฉันไม่ได้กำลังคุยกับใครเลย ~

                    “เออ ๆ แค่นี้ล่ะ”

    ปิ๊บ ! แล้วแสร้งกดปุ่มวางสายลงไปซะ

                    “ฉันต้องไปแล้วล่ะ” ฉันตีสีหน้าอารมณ์ไม่ดี ก่อนที่จะทำเป็นบ่นงึมงำ “ให้ตายสิ ... ยัยหัวหน้าห้องนี่ ไร้ความรอบคอบจริง ๆ เลย”

                    “ก็ไปซะสิ ฉันเองในตอนนี้ก็เริ่มเบื่อขี้หน้าเธอแล้วเหมือนกัน” เฮดโฟนที่ผละออกไปทำสีหน้าหงุดหงิดพร้อมกับพูดห้วน ๆ ใส่ฉัน ก่อนที่จะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว หน็อย ทำมาเป็นพูดเย็นชาเหมือนช่องฟิตในตู้เย็นไปได้นะ -*-

     

                    หลังจากที่เดินออกมาแล้ว ระหว่างทางฉันก็ยกมือขึ้นมานวด ๆ แล้วทุบเบา ๆ ที่หน้าอกข้างซ้าย เมื่อเริ่มรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองมันเต้นรัวจนกลัวว่าจะกระเด็นออกมา ... เฮ้อ ~ นี่ขนาดยังไม่ปล่อยให้มันละเลยมากกว่านั้นนะเนี่ย ถ้าฉันปล่อยมันไป ทุกอย่างหลังจากนั้นจะเป็นยังไงกันนะ

                    ฉันสะบัดหัวไล่เหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ก่อนที่จะหยุดฝีเท้าก้มหน้าลงถกเสื้อนักเรียนขึ้นแล้วล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อทับในที่ใส่มา ... อา โล่งอกที่ฉันไม่ได้ลืมใส่กล่องกุญแจในกระเป๋าเสื้อทับในนี่มานะเนี่ย ไม่งั้นล่ะก็กังวลแย่เลย ถึงแม้ว่ามันจะหายไปและไม่มีใครเปิดมันได้ก็ตามที แต่ฉันก็อดกังวลไว้ไม่ได้อยู่ดีน่ะแหละ ถ้าเอาไว้ในนี้แล้วมันยังหาย ฉันจะรีบวิ่งไปโดดตึกยี่สิบกว่าชั้นของโรงเรียนให้ตายเลย !

                    ฉันดึงเสื้อนักเรียนลงหลังจากที่สำรวจเรียบร้อยว่ากุญแจโกดังได้อยู่กับตัวเอง พอเงยหน้าขึ้นจะเดินก้าวออกไปก็เห็นพวกผู้ชายห้าคนกลุ่มหนึ่งเดินตรงดิ่งมาทางฉัน พวกนั้นเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางไม่น่าไว้วางใจ ฉันเลยออกปากถามว่าพวกเขามีอะไรกับฉันหรือเปล่าเห็นจ้องมาตั้งแต่ไกลโน้นแล้ว

                    “พวกพี่ มีอะไรกับฉันหรือเปล่า”

                    “เธอคือ ... นักโทษของไอ้เฮดโฟนใช่มั้ย”

                    “ใช่”

                    “เฮดโฟนเคยพูดเรื่อง กุญแจโกดังกับเธอหรือเปล่า”

                    ฉันขมวดคิ้วมองพวกคนตรงหน้าก่อนที่จะคิดว่าควรจะตอบคำถามของพวกนั้นออกไปว่ายังไงดี ถ้าฉันตอบว่าเฮดโฟนได้พูดเรื่องนี้ด้วย ฉันต้องซวยแหงแก๋ แต่ถ้าฉันตอบว่าไม่ล่ะ ...  

                    “(-_- )( -_-)” ฉันหลับตาส่ายหัวเบา ๆ แทนคำพูด แต่ทว่า แทนที่พวกนั้นจะเดินถอยทัพกลับไป กลับออกปากเริ่มซักไซร้ฉันซะนี่

                    “ฉันไม่เชื่อหรอกน่า ว่ามันไม่เคยพูดเรื่องนี้กับเธอเลย”

                    “เขาไม่เคยพูดเรื่องนี้กับฉันเลยนะ หรือแม้แต่จะเกริ่นหรือบ่นให้ฟังก็ยังไม่มี”

                    “ถ้ามันไม่เคยจะพูดเรื่องนี้กับเธอ แล้วเธอจะถามว่าฉันมีอะไรกับกุญแจหรือเปล่า ทำไมล่ะ”

                    “คนเรามันก็อยากรู้บ้างอะไรบ้าง จะให้ถามทำนองนั้นไม่ได้เลยเหรอ”

                    “แต่เธอทำเหมือนกับว่า ... เฮดโฟนเคยบอกเรื่องนี้นี่”

                    “เหมือนตรงไหนกัน ฉันแค่อยากถามเพื่อเป็นเกร็ดเอาไว้ใช้เป็นตัวประกันเวลาเขาออกคำสั่งทำโทษฉันเท่านั้นแหละน่า ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้นหรอก”

                    “เธอแน่ใจนะว่าไม่มี”

                    “แน่สิ” ฉันพยักหน้าลงอย่างปัดรำคาญ แล้วทำท่าจะเดินให้พ้นไปจากตรงนี้เสีย แต่ทว่า ... ไอ้คนที่สนทนากับฉันกลับรั้งฉันเอาไว้ให้ไปยืนที่เดิม เอ๊ะ ! รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ฉันพูดอะไรไปก็เหมือนเป็นลมปากนะเนี่ย ไม่มีใครเคยเชื่อกันบ้างเลยแฮะ น่าโมโหชะมัด

                    “ดูยังไง เธอก็ไม่ได้พูดความจริงอยู่ดี” หมอนั่นส่ายหัวพร้อมกับพูดเสียงต่ำ อย่างนึกนะว่าฉันจะกลัวน่ะ

                    “ความจริงมันก็เป็นแบบนี้แหละ จะให้พูดว่าอะไรอีกล่ะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจส่งกลับไป ก่อนที่จะสะบัดแขนอย่างแรงเพื่อให้หลุดออกจากการจับของหมอนี่

                    “แต่ฉันก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี เป็นไปได้ยังไงกัน ที่เวลานี้เป็นเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแล้วไอ้เฮดโฟนไม่เคยบอกเรื่องกับเธอ เลยเผื่อมันจะต้องใช้เธอให้เป็นประโยชน์” ฉันฟังไอ้คนตรงหน้าคิดวิเคราะห์ หืม ... นักโทษอย่างฉันน่ะเหรอ เขาจะมาบอกอะไรกันเล่า เรื่องสำคัญขนาดนั้นจะให้ฉันมารู้เรื่องก็คงแปลกล่ะ

                    “หมอนั่นไม่เคยบอกเรื่องแบบนั้นให้ฉันฟังหรอก มีแต่จะพูดน้ำเสียงฉุนเฉียวใส่แล้วสั่งให้ทำโน้นทำนี่ก็เท่านั้นแหละน่า”

                    “จริงเหรอ”

                    “อืม หมดคำถามแล้วใช่มั้ย ฉันจะได้ไปจากตรงนี้ซะที” ฉันพูดพร้อมกับถอนหายใจอย่างรำคาญก่อนที่จะเดินออกไปจากตรงนี้ ทว่า ... เดินไปได้ไม่ถึงสามก้าวเท่านั้น ...

                    “แกชักจะได้หน้ามากเกินไปแล้ว ! ยัยหื่นโรคจิต !

                    ก็มียัยพวกผู้หญิงห้าคนที่เดินมาด้วยท่าทางเร่งรีบตะโกนแหกปากเหมือนแค้นฉันมาสิบปี !!!

                    แล้วพวกนั้นก็มาด้วยท่าทาง ... มิตรหาย สหายตรึม !

                    ให้ตายสิ ... นี่ฉันเจอปัญหานี้เป็นปัญหาที่เท่าไหร่แล้วนะ!!!! อยากจะกรีดร้องให้ลั่นโลกาวินาศ ! -______- ^^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×