คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : 8 : เหตุฉุกเฉิน [ตอนนี้กำลังรีไรท์นักฆ่าวันจันทร์อยู่ ขอกำลังใจด้วยนะค้า
8
เหตุฉุกเฉิน
ออด~
พรวด!
เสียงออดของโรงเรียนทำให้ฉันสำลักน้ำออกมาพร้อมก้มโค้งตัวลงไปตามแรงน้ำ อา...คอเสื้อฉันเปียกหมดเลย ให้ตายสิ!
ตกใจทีไรเป็นแบบนี้ทุกทีเลย
ฉันส่ายหน้าให้ตัวเอง แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับแถวต้นคอ คาง และปาก เฮ่อ วันศุกร์นี่มันไม่ ‘สุข’ สมชื่อเลยจริงๆ เพราะไม่ว่าวันนี้ฉันจะต้องมาลิ้นชากับรสชาติอาหารของเพื่อนในห้องในฐานะกรรมการแล้ว ฉันยังต้องมาเปียกปอนเพราะความตกใจของตัวเองอีกต่างหาก ฉันล่ะเซ็ง!
หวังว่าวันนี้ฉันคงจะซวยแต่เพียงเท่านี้ล่ะนะ
ฉันเดินกลับไปที่ห้องตามเดิม และจัดการเก็บข้าวของของตัวเองเข้ากระเป๋า ฉันนัดเจอกับพี่เซลล์เอาไว้ที่ลานจอดรถ ตอนนี้คงได้ฤกษ์ไปเพราะออดเลิกเรียนดังแล้วล่ะ
“ทำไมเสื้อถึงได้เปียกขนาดนั้น”
เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นระหว่างที่ฉันกำลังก้มหน้าก้มตาเดินออกไปจากห้อง ทำให้ฉันตกใจและชะงักเงยหน้าขึ้นไปมองทันที โหย เอาอีกแล้ว
ชอบโผล่มาให้ฉันตกใจอยู่เรื่อยเลย นี่คืองานอดิเรกของนายเรอะ เวลอน!
“นายมาที่นี่ทำไม”
คำถามของฉันทำให้คนที่กำลังยืนขวางประตูตรงหน้าคลี่ยิ้ม
“แล้วทำไมต้องถามล่ะ”
“ก็อยากรู้นี่นา เมื่อวานนายก็โผล่มาให้ฉันเห็นเวลานี้นะ!”
“มันเป็นเวลาสงวนของเธอหรือไง”
“อาจจะใช่...แต่ก็คงเป็นนายแค่คนเดียวล่ะ วันนี้ฉันไม่กลับกับนายแน่ สาบาน!”
เวลอนหัวเราะในลำคอ พร้อมรอยยิ้มที่ขยายกว้างมากกว่าเดิมอีก
“ถ้าคิดว่าเธอจะขัดฉันได้ล่ะก็นะ”
“นายต้องการอะไรกันแน่เนี่ย! เรื่องเกย์ๆ ของนายฉันก็รับปากไปแล้ว ยังจะมายุ่งอะไรกับฉันอีก!”
จบคำนั้นสีหน้าของเวลอนก็เปลี่ยนไปทันที แวบแรกฉันคิดว่าเขาจะเข้ามาประทุษร้ายตัวเองแล้ว แต่เพราะเขารู้ว่าฉันจะมีปฏิกิริยายังไง เขาถึงได้ยับยั้งอารมณ์ของตัวเองได้...ล่ะมั้ง
จะมาเคืองอะไรกันนะ...นั่นมันก็เรื่องจริงทั้งนั้น
“เมื่อหลังอย่าพูดแบบนั้นอีก”
“ทำไม? หรือว่านายเลิกกับผู้ชายคนนั้นไปแล้ว”
“ฉันบอกให้เลิกพูดน่า!”
เวลอนตวาดกลับมาอย่างดัง ทำให้ฉันแอบหลับตาปี๋แล้วถอยหลังไปสามก้าว...จิ๊ ให้ตายสิ ป่านนี้ไอ้พี่เซลล์เตรียมปากพร้อมด่าฉันแล้ว!
เขาหลับตาลงไปสักพักก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาใหม่ เหมือนกำลังกดให้อารมณ์โกธรของตัวเองอยู่
“ไปเปลี่ยนเสื้อซะ เปียกไปหมดแล้ว”
“แต่...”
“ไปเปลี่ยน”
ฉันอึกอักเถียงเขาไม่ออก เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูเหมือนจะฆ่าฉันได้ทุกวินาทีแบบนั้น ก่อนที่จะพยักหน้าแล้วเดินตามเขาออกไปอย่างเงียบกริบ
ถ้านายจะดูน่ากลัวขนาดนั้นล่ะก็นะ...
แล้วระหว่างเดินตามหลังเขาไปนี้ ฉันก็แอบมีความคิดบางอย่างแวบขึ้นมา
ถ้าเขามาหาฉันบ่อยๆ แบบนี้แล้วมีคนมาเห็นจนน่าสงสัย...ฉันจะไม่เป็นอันตรายแย่เหรอ อย่างเช่น มีแก๊งผู้หญิงมาดักตบเพราะเข้าใกล้เขามากเกินไปอย่างเนี้ย T^T เท่าที่ได้ยินมาเวลอนมีสาวๆ ตามคลั่งไคล้เกือบทั้งโรงเรียนเลยนะ
เป็นถึงนักฆ่าหนุ่มหล่อเจ็ดวันของ BCN. ผู้หญิงทั้งเมืองรวมถึงผู้ชายบางส่วนคงคลั่งเขาแย่ เผลอๆ อาจจะมีผู้คนนอกเมืองคลั่งเขาอีกก็ได้นะ เป็นทั้งนักฆ่าแล้วแถมยังหน้าตาดีอีก...
แต่ฉันว่า...เขาคงไม่เข้ามายุ่งกับฉันนานนักหรอก เดี๋ยวไม่เกินอาทิตย์นี้ก็คงหายหน้าหายตาไปจากฉันแล้วล่ะ
เวลอนหยุดฝีเท้า โดยที่ฉันไม่ได้สังเกตเลยทำให้ฉันเกือบจะพุ่งชนเข้าไปที่แผ่นหลังของเขา แต่โชคยังดีที่ฉันยังชะงักฝีเท้าเอาไว้ได้ก่อน
“เข้าไปเปลี่ยนซะ เร็วๆ เข้าล่ะ”
ฉันมองไปที่เขานิดๆ แล้วรีบเดินเข้าไปที่ห้องน้ำหญิง บรรยากาศแบบนี้ฉันไม่ชอบเลย บรรยากาศขรึมๆ ที่แฝงไปด้วยความกดดันอย่างนี้
ถ้าจะมาหาฉัน แล้วตัวนายเองมันอึดอัด ก็ออกจากฉันไปซะเลยสิ!
ฉันแอบบู้ปากให้กับพฤติกรรมของเขา และหยิบเสื้อยืดสีน้ำเงินของตัวเองออกมา โล่งอกไปทีนะที่ฉันยัดมันเข้ามาด้วยเพราะคิดว่าจะต้องใช้ในชั่วโมงทำอาหาร แต่ต่อให้ไม่ใช่ในชั่วโมงทำอาหารฉันก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะต้องใช้งานมันด้วย เฮ่อ
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฉันก็เดินออกมาเช็คสภาพของตัวเองที่กระจกบานรวม อืม...ค่อยยังชั่ว ที่สีเสื้อมันแมตช์กับสีกระโปรงสีน้ำเงินหม่นลายสก็อตสีชมพูดของโรงเรียนนะ
“เสร็จหรือยัง”
“เสร็จแล้ว”
ฉันชะโงกหน้าไปบอกเวลอนที่ชะโงกหน้าเข้ามาถาม แล้วเดินออกไป ตอนนี้สีหน้าของเขากลับมาเป็นปกติเหมือนเดิมแล้ว ฉันคิดว่าเขาจะโกธรฉันเรื่องเมื่อวานนี้บวกเพิ่มเข้าไปด้วยซะอีก
อุตส่าห์ขัดใจตัวเองให้น้ำเปล่าแก้งอนไปแล้วน้า
เวลอนมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะออกปากคอมเมนต์
“แมตช์กันดี”
“ขอบคุณ”
แอบเขินนิดหน่อยแฮะเวลาที่มีคนมาชมฉันเรื่องการแต่งตัว แต่ไม่รู้ทำไมกับนายนี่...ฉันถึงรู้สึกร้อนผ่าวเป็นพิเศษ
เพราะเขาเป็นผู้ชายล่ะมั้ง
แล้วหลังจากนั้นฉันกับเวลอนก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก ทำไมหมอนี่มันแปลกๆ ไปนะเนี่ย? ไม่เห็นกวนประสาทฉันเหมือนแต่ก่อนเลย หรือนี่จะเป็นสัญญาณว่าเขาจะไปจากฉันแล้ว
ดี!
แต่ด้วยความที่ฉันกับเขาเงียบกันมาตลอด ฉันเลยพูดขึ้น
“นี่...วันนี้ฉันต้องเอาคอม ฯ ไปเข้าศูนย์นะ”
เวลอนหยุดเดินทันที ทำให้ฉันต้องหยุดเดินตาม
“นั่นมันคือข้ออ้างของเธอหรือเปล่า”
“จริงๆ จะให้ฉันโทรไปหาพี่เซลล์เลยมั้ยล่ะ”
“เชิญ”
ฉันแอบมู่หน้าไปทางเวลอนแบบไม่ให้เขาเห็น ก่อนที่จะควักมือถือขึ้นมากดเบอร์พี่เซลล์ อา...ลืมไปเลย
ถ้าฉันโทรหาพี่เซลล์ หูฉันจะต้องชาก่อนที่เราจะได้เจอกันแน่ TOT
แต่เพื่อยืนยันให้อีตานี่เห็นนะ...
[ฮัลโหล]
ปลายสายรับ แล้วกรอกเสียงโหดๆ ลงมาอย่างเต็มที่ ง่า อย่าพึ่งโหดสิ และไม่ให้หมอนี่ข้องใจฉันจึงเปิดสปีกเกอร์โฟนด้วย
“นี่พี่กำลังรออยู่ที่ลานจอดรถใช่ป่ะ T^T”
[เออ โผล่หัวออกมาได้แล้ว ฉันรอจนรากจะงอกแล้วเนี่ย!]
“โอเค อย่าเพิ่งเหวี่ยงนะ”
[อีกสิบนาที ถ้าฉันไม่เห็นหน้าเธอ มื้อนี้ งด!]
“ไปแล้ว!”
จบคำนั้นคุณทางปลายสายก็กดตัดสายลงไปทันที ตามจริงฉันจะวิ่งออกไปแล้ว แต่เวลอนดันมาจับแขนฉันซะก่อน จับทำไม!
“ไม่ต้องรีบไปหรอก”
“ทำไมล่ะ ถ้าฉันไปช้าฉันจะโดนด่ามากกว่านี้นะ แล้วพี่เซลล์ก็จะไม่เลี้ยงฉันด้วย T_T”
“เพราะฉันจะไปกับเธอด้วยไง ที่รัก”
“วะ...ว่าไงนะ -O-”
เมื่อกี้ฉันหูฝาดใช่มั้ย!
“ฉันจะไปกับเธอ J”
อิสระได้หมดลง ณ บัดเดี๋ยวนี้ กรี๊ดดดดดดด แกจะไปทำม้ายยยยย TTOTT
หมดประโยคนั้นเวลอนก็ลากฉันไปที่ลานจอดรถอย่างเริงร่า ไม่ว่าฉันจะพยายามถามโน่นนี่นั่นให้เขารำคาญและสับสนมากเท่าไหร่ เขาก็ไม่สนใจแล้วคอยแต่ลากฉันลูกเดียวเลย! จนกระทั่งมาเห็นหน้าพี่เซลล์ล่ะ เขาถึงจะเลิกลากฉันได้ แต่หาได้ปล่อยแขนฉันไม่
“ฉันขอไปด้วยนะ”
“หะ...หา =O=”
พี่เซลล์ยังอึ้งอ่ะ
“ฉันขอไปด้วย แต่จะขับรถของฉันตามไปแทน แล้วกาลาจะนั่งอยู่กับฉัน”
ฉันไปบอกตอนไหน ว่าจะไปกับเขา ฉันจะไปกับพี่เซลล์โว้ยยยยยยยย
“หยุด!”
เวลอนหันมาชี้หน้าฉันทันที T^T หมอนี่มีญานวิเศษเหรอถึงได้รู้ว่าฉันกำลังจะแย้ง!
“เก็ทนะ ^^”
เขาหันไปย้ำกับพี่เซลล์อีกรอบ ทำเอาฝั่งตรงข้ามถึงกับต้องพยายามดึงสติตัวเองกลับมา
“ขนาดประธานนักเรียนยังขัดนายไม่ได้เลยหนิ เรื่องอะไรฉันจะห้ามนายได้”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี ฉันจะออกรถล่ะ”
ไม่ถงไม่ถามเรื่องความสมัครใจจากฉันสักคำ!
เวลอนลากฉันไปที่รถคู่ใจของเขา ฉันหันไปมองพี่เซลล์อย่างขอความช่วยเหลือแต่พี่แกก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากพยักหน้าให้กำลังใจ แง้งงงง ฉันไม่อยากไปกับเขา ฉันอยากไปกับพี่เซลล์สองคนอ่ะ มันจะได้ดูไม่วุ่นวายยยยยย
ปึ้ก!
นายเวลาไม่มีค่า (ตั้งเอง) บริการฉันอย่างดี เขาปิดประตูฝั่งข้างคนขับให้ฉัน ก่อนที่จะเดินอ้อมไปที่ฝั่งคนขับของตัวเอง แล้วออกสตาร์ทรถรอให้พี่เซลล์ออกไป เวลอนถึงได้ขับรถออกไปตาม
อึดอัด หงุดหงิด งุ่นง่าน ทำไมหมอนี่จะต้องมาแจมกับทริปนี้ด้วย ฉันไม่ได้ต้องการคนหารค่าอาหารกับค่าน้ำมันน้าาาาาา
“ดูเธอจะไม่พอใจนะ”
“ก็แน่ล่ะสิ! ฉันไปชวนนายตอนไหนกัน!”
ฉันหันไปแขวะเขา พร้อมกับพ่นลมหายใจแสดงท่าทีที่ไม่เต็มใจเต็มที่ แต่คนข้างๆ หาได้รู้สึกสะท้านไม่
"อย่าใจร้ายไปหน่อยเลยน่า ที่ฉันมาด้วยนี่กะว่าจะเลี้ยงค่าอาหารเธอนะ”
“ไม่ต้องมาอ้าง!”
แต่แอบคิดหนักกับประโยคนั้น...
“ปากแข็ง”
“ปากฉันไม่ใช่หินซะหน่อย”
“แต่ปากของเธอมันยิ่งกว่าหินซะอีก ปากอีกอย่างใจอีกอย่าง ยัยคนปากไม่ตรงกับใจเอ๊ย”
“มีหน้าที่ขับรถก็ขับไปเลย”
ฉันเป็นคนอย่างนั้นเหรอ?... แต่บางทีอาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ แล้วทำไมฉันต้องมาคิดมากในคำพูดของเขาเนี่ย บ้าไปแล้ว!
ฉันนั่งเงียบไม่โต้ตอบกับบทสนทนาของเขาอีก แม้ว่าเวลอนจะชวนฉันคุยในเรื่องต่างๆ นาๆ มากมายแค่ไหนก็ตาม จนกระทั่งเวลอนขับรถมาจอดขนาบข้างกับพี่เซลล์ภายในลานจอดรถของห้าง MG ฉันถึงได้รู้สึกเหมือนโดนปลดปล่อยออกมาล่ะ
ไม่ใช่เพราะฉันสะเทือนใจกับประโยคนั้นหรอก มันเป็นเพราะว่าฉันไม่อยากพูดกับเขาอีกแล้วต่างหาก ตอนนี้เขาน่าจะคิดไปเรียบร้อยแล้วล่ะ ว่าฉันสะเทือนใจกับประโยคบ้าๆ นั่นของเขา
“นายรออยู่ตรงนี้ล่ะ เดี๋ยวฉันกับพี่เซลล์จะเขาไปในศูนย์เอง”
“ไม่เอาหรอก ฉันอยากเข้าไปด้วย”
พูดไปก็เหมือนลมปาก...หมอนี่มันไม่ฟังคำพูดของฉันเลยสักนิด!
ฉันหันไปมองหน้ากับพี่เซลล์ ซึ่งพี่แกก็ยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ ก็จริงล่ะเนอะ...มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ เพราะดูท่าทางไอ้คนข้างหลังนี่จะดูมีอิทธิพลเหลือเกิน
อย่างน้อยคำว่า ‘นักฆ่า’ ในตัวเขาก็ประจักษ์ต่อประชาชีภายในเมืองนี้ล่ะ
แล้วด้วยความที่ว่าเวลอนอยากเข้าไปภายในศูนย์คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ ฉันเลยให้เขาถือเคสกับหน้าจอแทนฉันซะเลย ไหนๆ ก็อยากเข้ามาเจือกอยู่แล้ว
พวกฉันทั้งสามคนเดินเข้าไปที่เคาน์เตอร์ แล้วเริ่มพูดถึงอาการของคอมพิวเตอร์เครื่องนี้พร้อมกับยื่นซีพียูปลอมออกไปให้ทางเคาน์เตอร์ดู โดยที่ทุกการกระทำผ่านการฟัง การดูของเวลอนทั้งหมด ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาจะเข้ามาทำไม สงสัยคงว่างจัดล่ะมั้ง คงจะไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องไอทีแบบนี้หรอก
และเมื่อทุกอย่างลงเอยที่ว่าทางศูนย์จะใส่ซีพียูให้ใหม่แล้วให้มารับเครื่องไปในวันพรุ่งนี้ พวกฉันทั้งสามคนจึงว่าง แล้วสิ่งต่อไปที่จะทำก็คือ...
กินมื้อเย็น! แต่วันนี้ฉันเต็มใจนะ เพราะน้ำหนักลดไปประมาณเกือบสองกิโลฯ แล้ว ^_^
“พวกนายจะกินอะไรกันดีล่ะ”
เวลอนถามขึ้น ระหว่างที่พวกเราสามคนเพิ่งเดินออกมาจากศูนย์คอมพิวเตอร์มาหมาดๆ ฉันกับพี่เซลล์ต่างก็อึ้งกันไปในคำถามของเขา
พี่เซลล์อึ้งเพราะว่าหมอนี่จะเลี้ยงเหรอ?
ส่วนฉันอึ้งว่าหมอนี่จะใจป้ำขนาดนั้นเลยหรือไง?
แต่ก็อย่างว่า...ขนาดค่าอาหารที่ไปปั้มน้ำหนักฉันเพิ่มขนาดนั้น เขายังมีปัญญาจ่ายให้แล้วเลย ฉันจำได้ว่าค่าอาหารที่ร้านนั่นน่ะ ห้าร้อยกว่าบาทอัพ
แค่อาหารบุฟเฟ่ต์สามร้อยกว่าบาทคงจะไม่สะเทือนหรอกมั้ง
“ไหนๆ ฉันก็มาแล้ว งั้นฉันจะเลี้ยงพวกนายเลยละกัน ไม่ต้องเกรงใจเลย เต็มที่”
“นายจะเลี้ยงฉันสองคนเหรอ” พี่เซลล์
“ใช่ หรือว่าพวกนายอยากเสียตังค์กันเอง”
“งั้นก็จัดไปเลยกาลา! ฉันหิวโฮกๆแล้ว”
เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าเลยพี่ฉัน!
พี่เซลล์เอื้อมมือมาคว้าแขนฉันให้เดินไปด้วยกัน แต่ก็ถูกเวลอนปัดแขนออกซะก่อน ทำเอาพี่แกงงเลยทีเดียว
“โทษทีน่ะ พอดีว่ามันขัดตาฉันมาก ฉะนั้นอย่าแตะต้องตัวกาลาแม้แต่ปลายนิ้ว โอเคนะ?”
“อะ...โอเค ^^;;”
แม้ว่าพี่เซลล์จะงงเต้กมากน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่พี่แกก็ยังส่งยิ้มแหยๆ ไปให้เวลอนอยู่ดี แล้วหลังจากนั้นเวลอนก็เอาแต่ล็อกแขนฉันอย่างเดียวเลย
“นี่นาย!”
“ตอนนี้ฉันกำลังอารมณ์ดี อย่าขัดใจฉัน”
“รู้สึกว่านายจะเจ้าชายจังนะ”
“แน่นอน”
เขายิ้มปริ่ม โดยที่ฉันเอาแต่ทำสีหน้าเหวี่ยงๆ ใส่เขาแล้วเอาแต่พยายามแกะเขาออกไปตลอดเวลา แต่เวลอนก็ไม่ได้จะยอมฉันง่ายๆ
เจ็บชะมัด เพราะเจ็บหรอกนะถึงได้หยุดน่ะ
“O_<”
และพอเห็นฉันหยุดการเคลื่อนไหวที่แขนแล้ว อีตาบ้านี่ก็หันมาขยิบตาเหมือนได้ชัยชนะ!
เห็นอย่างนี้แล้วของขึ้นเลย แต่ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก นอกจากสะบัดหน้าหนี
และในที่สุดไอ้คุณพี่เซลล์ก็สามารถหาร้านอาหารสำหรับมื้อเย็นนี้ได้ โดยที่ร้านอาหารนี้เป็นร้านอาหารเกาหลีที่มีแต่เนื้อๆๆๆ สารพัดเนื้อทั้งนั้น มันจึงเข้าทางระหว่างฉันกับพี่เซลล์โดยทันที
ส่วนไอ้คนข้างๆ นี่น่ะเหรอ...ไม่รู้หรอก เพราะไม่ได้สนใจ!
แล้วอาหารมื้อเย็นแสนสุขสันต์ก็เริ่มขึ้น ฉันกับพี่เซลล์และเวลอนต่างแย่งเนื้อบนเตาย่างกันอลหม่าน ไม่คิดเลย ว่าเวลอนมันจะเก่งเรื่องแย่งของคนอื่นเขาแบบนี้! หมอนี่คีบเอาๆๆ เร็วมากเลยอ่า ทำเอาฉันกับพี่เซลล์ต่างแขวะเวลอนกันใหญ่เลย
“นี่ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ คนอื่นเขาก็หิวเป็นนะ!” ฉัน
“นายอ่ะ คีบเร็วชะมัดเลย เหลือให้คนอื่นเขากินบ้างสิ -O-” พี่เซลล์
“อา! ฉันรู้แล้วพี่เซลล์ ฉันว่าที่หมอนี่เลี้ยงเราก็เพราะตัวเองหิวแน่เลย ตามจริงเขาไม่ต้องการที่จะเลี้ยงเราหรอก!”
“มากไปแล้ว ยัยกะลา!”
โป๊ก!
เวลอนมือยื่นมาเขกหัวฉันทันที อะไรอ่ะ ก็มันเรื่องจริงเห็นๆ -O-;;
“ฉันไม่เห็นแก่ตัวแบบนั้นหรอกน่า”
“แต่นายเล่นไม่แบ่งใครเลยอ่ะ”
ฉันลูบหัวตัวเองป้อยๆ แอบเจ็บนะเนี่ย
“ก็นี่ไง ฉันจะแบ่งให้เธอเนี่ย เอ้า!”
ว่าแล้วเวลอนก็หยิบจานของฉันไปตักแบ่งกุ้งที่เขาแกะเสร็จให้เรียบร้อย ทำเอาพี่เซลล์ถึงกับใช้สายตาแปลกๆ มองมาทางฉันทันที
อย่ามาคิดอะไรเลี่ยนๆ แบบนั้นไอ้พี่ราคาถูก!
ฉันหยิบตะเกียบขึ้นมา ทำท่าจะจิ้มไปที่ลูกตาทั้งสองข้างของพี่เซลล์ แต่ก็ถูกขัดโดยผู้ชายตัวใหญ่ข้างๆ ซะก่อน
“กินซะสิ ฉันอุตส่าห์แกะให้นะเนี่ย”
“ขอบคุณ แต่เมื่อหลังไม่ต้องก็ได้นะ ฉันแกะเองได้”
“เธอจะแกะกุ้งได้สวยเท่าฉันเลยเหรอ”
มองไปที่จานกุ้ง เอ่อ...บอกได้คำเดียวว่า
“ไม่ได้ (._.)”
“ถ้างั้นก็กินๆ ไปซะ อุตส่าห์แกะให้แล้ว อยากกินอะไรก็บอกเดี๋ยวจัดการให้”
“โอเค”
ณ ตอนนี้ก้อนอกด้านซ้ายมันถูกสูบฉีดเต้นรัวใหญ่แล้ว! โดยเฉพาะอีพี่ราคาถูกนั่น พอเห็นอีตาบ้าเวลอนพูดอย่างนั้นก็ยิ่งส่งสายตาหวานแหววกิ๊บกิ้วในแบบแซวๆ มาให้ฉันใหญ่เลย!
อีตาบ้าเวลอน! จะพูดอะไรก็สนใจคนตรงข้ามหน่อยสิ ถ้าตอนนี้ไม่มีเวลอนนะ ฉันจัดการไอ้พี่ราคาถูกด้วยตะเกียบไปแล้ว งือ~ ณ วินาทีนี้ฉันทำตัวไม่ถูกแล้วจริงๆ แง้!
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
หนังหน้าท้องของฉันรู้สึกตึงไปหมดเลย อิ่มท้องชะมัด! วันนี้ฉันรู้สึกเอิบเอิ่มมากกว่าการมากินบุฟเฟ่ต์เหมือนแต่ก่อน จะยอมบอกก็ได้ว่าเวลอนก็เป็นส่วนหนึ่งที่ใหญ่มากๆ ที่ทำให้ฉันอิ่มขนาดนี้ เพราะเขาคอยเอาของกินเลื่อนมาให้ฉันอยู่เรื่อยเลย
“อิ่มมั้ย”
เขาถามระหว่างที่กำลังออกรถ
“อิ่มมากเลยล่ะ ขอบใจมากนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก นี่ยังถือว่าเป็นหน้าที่ส่วนน้อยของฉัน”
“หน้าที่??”
“ไม่ต้องรู้หรอกน่า”
เขาเอื้อมมือมาเขย่าหัวฉันน้อยๆ ก่อนที่จะกลับไปบังคับรถตามเดิม แต่แล้วจู่ๆ เวลอนก็มีท่าทางแตกตื่นอย่างเห็นได้ชัด ทำเอาฉันพลอยแตกตื่นไปด้วย
“กาลา คาดเข็มขัดเร็ว!”
“ทำไมล่ะ!”
“ฉันจะซิ่งแล้ว คาดเข็มขัด!”
“โอเค”
ฉันเอื้อมมือไปคาดเข็มขัดตามที่เขาบอก แล้วก็เป็นอย่างที่เขาพูด...
เวลอนขับรถได้ซิ่งหลุดโลกจริงๆ นี่นายจะไปแข่งรถมาราธอนกับใครเหรอ ฉันกลัวน้า >_<
แต่ระหว่างที่เวลอนกำลังใช้ความเร็วของรถอย่างน่าหวาดกลัวนั้น...
“ฉันขอโทษนะกาลา”
เขาก็จับปลายคางฉันให้หันไปหาพร้อมกับฉีดสเปรย์บางอย่างใส่หน้าฉันอย่างรวดเร็ว แล้วโดยที่เกินกว่าจะจับใจความกับเหตุการณ์นั้นได้...
ภาพทุกอย่างก็ดับมืดพร้อมกับที่สมองของฉันได้หยุดทำงานลงไปแล้ว
ความคิดเห็น