ลำดับตอนที่ #6
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 5 : กำจัดไวรัส [ต้องขอโทษด้วยนะที่ฟอนต์เปลี่ยนไปเพราะโน้ตบุ๊กพัง T^T]
5
กำจัดไวรัส
ไม่อยากจะบอกจริงๆ ว่าฉันน่ะเป็นคนที่น้ำหนักลดยากมาก~ และก็ขึ้นง่ายมาก! มันแฟร์มั้ยล่ะ :( เมื่อวานนี้ตอนเช้าฉันชั่งได้สี่สิบแปดจุดห้ากิโลฯ แต่พอมาเช้าวันนี้มันขึ้นมาห้าสิบจุดเจ็ดกิโลฯแล้วอ่ะ!
ฉันเกลียดหมอนั่นแล้ว ไอ้บ้า!!!!!!
“กาลา”
ขวับ!
ระหว่างที่กำลังนั่งกินขนมเป็นอาหารกลางวันอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งเรียกฉันขึ้นมา แล้วพอหันไปมองก็พบว่า...เป็นพี่อิงเจนที่เป็นฝ่ายกราฟฟิคของโรงเรียนน่ะเอง
โฮ่ย! ฉันคิดว่าจะเป็นเจ้าที่ของห้องเรียนซะแล้วนะ
“คะ? พี่อิงเจน?”
“วันนี้ตอนเย็นเธอช่วยไปซ่อมโน้ตบุ๊คให้พี่เซลล์หน่อยสิ ตอนนี้โน้ตบุ๊คตัวหลักของพี่เขาพังทำอะไรไม่ได้เลยอ่ะ แล้วอีกสองวันจะต้องส่งงานกราฟฟิคให้พวกอาจารย์แล้วด้วย วอนเธอช่วยไปซ่อมให้เขาทีนะ”
พี่อิงเจนพูดยาวเหยียด ก่อนจะทำหน้าเหมือนหมดหนทางแล้วจริงๆ เธอถึงต้องมาหาฉัน...อา เรื่องซ่อมๆ แคลมๆ กับพวกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อีกแล้วเหรอ
...นี่ฉันไม่ใช่ช่างซ่อมคอมพิวเตอร์นะเนี่ย!
“นะจ๊ะ กาลา”
เมื่อเห็นว่าฉันเงียบไปพี่อิงเจนจึงส่งเสียงอ้อนวอนฉันมาอีกครั้ง ฉันจะไม่คิดนานหรอก ถ้าไอ้เจ้าของโน้ตบุ๊กตัวนั้นไม่ได้สร้างเรื่องกับฉัน
จะไปซ่อมให้ดีมั้ยเนี่ย
ฉันชั่งใจอยู่นาน แต่สุดท้าย...
“ได้ค่ะ เดี๋ยวพอเลิกเรียนปุ๊บ ฉันจะรีบจ้อนไปที่ห้องกราฟฟิคเลย!”
“ขอบใจมากจ้า! มาให้ได้นะ งานนี้ขึ้นอยู่กับเธอจริงๆ”
“ค่ะ วางใจได้เลย ^_^”
ฉันส่งยิ้มพิมพ์ใจเหมือนยินดีไปให้ ก่อนที่พี่อิงเจนจะยิ้มจนแก้มปริ นี่ถ้าเราอยู่ใกล้กัน ป่านนี้พี่แกกระโดดเข้ามาหอมแก้มฉันแล้วมั้ง
สงสัยคงจะหมดหนทางแล้วจริงๆล่ะ ก็มีฉันคนเดียวที่ซ่อมพวกอุปกรณ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ของฝ่ายกราฟฟิคบ่อยที่สุดนี่นา แต่ที่พี่อิงเจนมีท่าทีเก้ๆกังๆ แบบนั้น ก็เพราะรู้ว่าไอ้คนราคาถูกนั่นมันได้สร้างวีรกรรมกับฉันได้ใหญ่มากมายขนาดไหน
เดี๋ยวซ่อมโน้ตบุ๊กเสร็จ พี่โดนฉันเช็กบัญชีแน่ล่ะ! แต่...
วันนี้ฉันต้องอดดูบิ๊กแบงอีกแล้วสินะ แง้งงงงง
ตกเย็น
หลังจากที่ช้ำใจและตัดสินใจมาที่ห้องกราฟฟิคแล้ว งานก็เข้าฉันทันที!
โน้ตบุ๊คตัวหลักถูกไวรัสกินทั้งเครื่อง! แถมคอมฯที่เป็นตัวแม่ของห้องกราฟฟิคยังจะเปิดไม่ติดอีกต่างหาก อาเมน! งานหนักล่ะทีนี้! ไม่ต่ำกว่าสองทุ่มกว่าแน่ฉันถึงจะได้กลับบ้าน!
ขอไว้อาลัยให้ตัวเองในใจสักสิบนาที ฮือ...นอกจากจะไม่ได้ดูบิ๊กแบงแล้ว ฉันยังต้องมานอนดึกเพราะออกกำลังกายต่ออีกเหรอเนี่ย ให้ตายสิ! แต่เพื่องานของพวกเขาล่ะเนอะ ฉันก็ต้องทำ!
และเพราะเป็นคนใจอ่อน แล้วปฏิเสธความช่วยเหลือจากพวกเขาไม่ได้ ฉันเลยได้ค่าตอบแทนคือความชื่นชมเท่านั้น...เรื่องเงินไม่มี
ฉันถอดเสื้อสูทออก ก่อนที่จะปลดเน็กไทแล้วถกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นมาให้อยู่ระดับสอกทั้งสองข้าง มันดูเท่ใช่มั้ยล่ะ...เทรนนี้ฉันเป็นคนคิดเองล่ะ!
แต่ว่าตอนนี้เลิกนอกเรื่องก่อนเถอะ...ไวรัสมันมาอยู่ตรงหน้าแล้ว
ฉันพรมนิ้วบนคีย์บอร์ดแล้วตั้งสติกำจัดเจ้าไวรัสตัวโตนี่ช้าๆ...ต้องนับว่าวันนี้ห้องกราฟฟิคโชคดีมากที่ฉันพกแฟรช์ไดร์มาด้วย อะไรๆ มันก็ดูสะดวกรวดเร็วขึ้น แต่ถึงยังไงซะวันนี้ฉันก็ต้องกลับบ้านดึกอยู่ดี
แต่สติของฉันก็ต้องแตกดังโพละ พร้อมกับที่ปลายนิ้วหยุดรัวคีย์บอร์ดลง เมื่อ...
“เฮ้! วอทซับวีไอพี ตอนนี้แก้ไวรัสไปถึงไหนแล้วบ้างงง คนเก่ง!”
อีคู่อริมีนามว่าของถูกหรือในภาษาอังกฤษว่า ‘เซลล์’ เปิดประตูแล้วแหกปากเข้ามาหาฉัน! อ๊ากกกกก ลืมเลย ฉันลืมเลยยยยยยย
ฟึ่บ!
“เป็นยังไงบ้าง โน้ตบุ๊คลูกรักของฉันดีขึ้นหรือยัง T_T”
ฉันถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะนวดขมับตัวเอง...ไม่น่า ฉันยังต้องไม่วีนแตก เพราะไวรัสกำลังพลุกพล่านอยู่
“พี่อย่าเพิ่งมากวนฉันตอนนี้นะ จะไปไหนก็ไปก่อนไป”
ฉันพูดอย่างใจเย็นพร้อมกับโบกมือไล่คนที่กำลังนั่งโซฟาอยู่ข้างหลัง
“ทำไมอ่ะ นี่เธอไล่ฉันเหรอ ฉันไม่ได้มากวนเธอซะหน่อยนะ ก็แค่มานั่งให้กำลังใจเธอเท่านั้นเอง”
เหรอ...
“คนปากมากอย่างพี่น่ะ ชวนฉันคุยได้ทุกวินาทีแหละ เพราะฉะนั้นพี่ออกไปก่อนเถอะ”
“ฉันไม่ได้ปากมากนะ TOT”
“อย่าให้ฉันโมโห ออกไป-*-”
ฉันว่าพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ประตูของห้องกราฟฟิค...ไอ้ผู้ชายราคาถูกนี่มันชวนฉันคุยได้ทุกเวลา เชื่อเถอะว่าถ้าเขามานั่งข้างหลังฉัน เขาจะต้องชวนฉันคุยเรื่องบิ๊กแบงกับทูเอนี่จนฉันไม่มีสมาธิกำจัดไวรัสแน่
“ใจร้าย TTOTT”
“ออกไป พอกำจัดไวรัสเสร็จแล้ว เดี๋ยวเราค่อยมาเคลียร์บัญชีกัน”
“เคลียร์บัญชี???”
“อย่ามาทำเป็นลืม”
ฉันหันไปชี้หน้า พร้อมกับโบ้ยหน้าไปทางประตูอีกครั้ง
“ออกไป จะกลับบ้านตอนนี้เลยก็ได้นะ เพราะฉันยังไม่ว่างอยู่”
“แล้วถ้าเธอว่างล่ะ”
“จะต้องให้พูดอะไรอีกหรือไง!!!!!!!”
คราวนี้ฉันถึงกับตะโกนดังลั่น แล้วมันก็ได้ผลไอ้พี่ชายราคาถูกนั่นรีบโกยรองเท้าตัวเองให้วิ่งออกไปเลย
เหอะ...ไปซะได้ก็ดี ก็ไม่ได้อยากจะไล่หรอกนะ แต่ไอ้พี่ชายคนนี้มันพูดมากจริงๆ ถ้าคนเราไม่มีโหมดเหนื่อยด้วย ฉันว่าปากมันคงจะออกเสียงทั้งชีวิต
พูดมากอย่างนั้นฮีน่าจะไปอยู่ฝ่ายประชาสัมพันธ์นะ จะมาอยู่ฝ่ายกราฟฟิคทำไม
ฉันถอนหายใจกับวีรกรรมที่ไม่ได้ตั้งใจของพี่เซลล์ ก่อนที่จะหันไปยักไหล่กับรุ่นพี่ผู้ชายที่กำลังหัวเราะน้อยๆ ต้องโชคดีไปอย่างนะ ที่พี่เขาไม่พูดมาก และก็ต้องโชคดีไปอีกเด้งสองที่พี่เขาหน้าตาดี
อา...นั่นคือผลพลอยได้ที่ไม่คิดว่าจะได้รับเลยแหละ แอบเขิน >////<
คราวนี้ฉันสูดลมหายใจแล้วพรมมือลงบนคีย์บอร์ดอีกครั้ง ตวาดไปขนาดนี้หวังว่าพี่เซลล์คงจะไม่เข้ามาอีกนะ อ้อ แล้วระหว่างกำจัดไวรัสด้วยสมาธิ ฉันจะให้สมองส่วนเมมโมรี เหล่าความสัมพันธ์ย่อๆ ระหว่างฉันกับพี่เซลล์ละกัน
ฉันกับพี่เขาเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะ พี่เซลล์เป็นลูกของลุงฉันซึ่งเขาเกิดก่อนฉันหนึ่งปี พี่เซลล์อายุสิบแปด ส่วนฉันสิบเจ็ด ก็รุ่นราวคราวเดียวกันล่ะนะ ตอนแรกฉันกับพี่เขาน่ะแทบจะไม่เคยเห็นหน้ากันเลย จะเห็นหน้าแล้วรู้ว่าเป็นเครือยาทกันได้ ก็ตอนที่เขามาเรียนที่นี่ แล้วมีนามสกุลเดียวกันกับฉันน่ะแหละ ตอนนั้นน่ะฉันถึงกับเอ๋อเลยนะ และจะมากระจ่างจริงๆ ก็เอาซะตอนที่ลุงยอมมาพบหน้ากับแม่ หลังจากที่ขัดแย้งกันมานานจน ‘ไม่ติดต่อ’ กันมาเลยสิบปี
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าทางฝ่ายนั้นเขามีเรื่องอะไรกัน แต่...กว่าที่จะมารู้ความจริงได้ ฉันก็เคยเล่นหัวพี่แกมาแล้วล้านกว่าครั้ง แม้ว่าพี่แกจะอายุมากกว่าฉันก็เถอะ แต่แม่มมากวนเท้าใส่ฉันก่อนนี่นา...มานึกถึงตรงนี้แล้วรู้สึกผิดแฮะ หงอเบยยยยยยย (อุ๊ยตายว้ายกรี๊ด! ฉันเผลอมือไปกดบอใบไม้ตรงพยางค์สุดท้ายน่ะ โทษที >O<) แต่ฉันก็ยังกล้าโมโหแล้วเล่นหัวกับเขา และเรียกเขาว่า ‘มัน’ อยู่
เชอะ! ไม่สนใจหรอก ก็ฉันชินที่จะทำแบบนั้นแล้วนี่นา
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง...
ปวดฉี่ T^T ฉันปวดฉี่ล่ะ แงงงงงง
จะมาปวดอะไรกันตอนนี้นะ! พอเงยหน้าไปมองที่นาฬิกาอีกที
ห้าโมงเย็น...นี่มันเวลากระเพาะปัสสาวะฉันทำงานนี่นา ไม่ได้การละ ต้องรีบไปเข้าห้องน้ำก่อน ช่างหัวสมองมันแล้ว!
“พี่คะ เดี๋ยวฉันมานะ ไปเข้าห้องน้ำก่อน”
“ครับ”
ฉันหันไปบอกพี่ผู้ชายที่กำลังนั่งทำโปรเจกต์ในส่วนที่พอจะทำได้ก่อน ก่อนที่จะรีบวิ่งออกมาจากห้องกราฟฟิคโดยไว ที่ฉันหันไปบอกพี่เขาแบบนั้น ก็เพราะเคยเกิดเหตุการณ์ตามล่าหาตัวฉันมาแล้วครั้งหนึ่ง มันเป็นเพราะว่าตอนนั้นฉันออกไปจากห้องนานนับชั่วโมงโดยที่ไม่ได้บอกใครเลยน่ะว่าจะออกไปไหนและบวกกับที่ฉันยังซ่อมคอมพิวเตอร์ให้พวกเขาไม่เสร็จอีก พวกเขาก็เลยคิดว่าฉันหนี แต่ไอ้ตอนนั้นฉันไม่ได้หนีหรอก ก็แค่ออกไปหาอะไรกินที่เซเว่นแล้วรถมันติดนานครึ่งชั่วโมงเองก็เลย...
กลับมาช้า...ทำเอาพวกกราฟฟิคถึงกับใจหายเลยทีเดียว เพราะในตอนนั้นความหวังของพวกเขามาอยู่ที่ฉันซะเต็มเปี่ยม
และเพราะความใจหายวูบไปครั้งนั้น พวกเขาก็ออกกฏเหล็กมาให้ฉันเลยว่า เวลาจะออกไปไหนระหว่างทำงานให้พวกเขา ต้องบอกคนที่มาอยู่เป็นเพื่อนก่อน ไม่งั้น...ไม่มีอะไรหรอก พวกเขาก็แค่บอกเฉยๆน่ะ แต่ฉันก็ไม่กล้าทำแบบนั้นอีกแล้วล่ะ พอมาเห็นท่าทางตกใจของพวกเขา ฉันเองก็พลอยตกใจไปด้วยเลย
ห้าโมง...กับบรรยากาศแสงแดดอ่อนๆ ใกล้เข้าสู่ความมืดอย่างนี้...เธอไม่น่ามาคนเดียวเลยเนอะกาลา มันเหมือนกับบรรยากาศเข้าห้องน้ำเมื่อวานนี้ถูกรีรันอีกแล้วเลย T^T
ฉันทำใจกล้า เดินเข้าไปภายในห้องน้ำอย่างฉายโฉด...โชคดีไปอย่างแฮะ ที่มีนักเรียนมาเข้าห้องน้ำด้วย แต่ท่าทางจะเป็นเชียร์หลีดเดอร์ล่ะ แต่งตัวซะกระดี้กระด้าขนาดนี้ แต่ฉันก็ไม่ได้มองว่าพวกเธอแย่นะ
แอ๊ด~
(แล้วเสียงหลังจากนี้ เราขอเซ็นเซอร์ค่ะ เสียงมันไม่ผ่าน!)
อา โล่งชะมัด~ ทีนี้ก็มีพละกำลังกำจัดไวรัสแล้ว ยี่ฮ่า!
แต่มันน่าดีใจตรงไหนเนี่ย วันนี้อดดูบิ๊กแบงแล้วต้องออกกำลังกายยามดึกเชียวนะ U_U
ฉันเดินออกมาจาก...เอ่อ ซ่องห้องน้ำ (เรียกไม่ถูก) ก่อนที่จะรีบล้างมือให้ตัวเองอย่างรวดเร็ว และรีบเดินออกมาจากห้องทันที เปล่า...ฉันไม่ได้กลัวยัยผู้หญิงที่กำลังแต่งหน้าให้ตัวเองเป็นงิ้ว แต่ฉันกลัวว่าเขาจะเดินออกมาก่อน แล้วทิ้งให้ฉันล้างมืออยู่ในห้องน้ำคนเดียวน่ะ ฉันก็เลย...เลือกที่จะทิ้งเธอแล้วเดินออกมา
นี่แหละ นิสัยที่น่าตบของฉัน -_-+
ฉันเดินทางกลับไปยังห้องกราฟฟิคไปเรื่อยๆ แต่ก็ต้องมาชะงักซะก่อน เมื่อมาเจอหมีผสมคิงคอง (?) ยืนพิงตัวอยู่ตรงเสาตอกข้างหน้า
วะ...เวลอน ที่แกมายืนอยู่ตรงนั้นเพราะไม่ได้มาดักฉันใช่มั้ย!
และดูเหมือนหมอนี่จะมีพลังวิเศษ...
“หยุดเดินทำไมล่ะ เดินหน้ามาต่อสิ”
เขาถึงได้รู้ว่าฉันกำลังเดินผ่าน ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ยังหลับตา!
นายนี่มัน...ชักจะเซ้นส์ดีเกินไปแล้ว เอ๊ะ! หรือว่า...เขาตั้งใจจะมาดักฉันตั้งแต่แรก?
ไม่น่า...อย่าให้หมอนี่มาป้วนเปี้ยนกับฉันเลย ตอนนี้ฉันกำลังมีงานใหญ่อยู่!
“ไม่ได้ยินหรือไง บอกว่าให้เดินมาก็เดินมาสิ”
“แล้วทำไมนายต้องบังคับฉันด้วยเล่า นายต้องมาทำอะไรกับฉันแน่ๆเลยใช่มั้ย!”
“เกลียดจังเลย พวกคนรู้ทันเนี่ย”
“กรี๊ดดดดดด!”
จบประโยคของเขา เวลอนก็วิ่งเข้ามาประกบตัวฉันให้ติดกับกำแพงทันที โอ๊ย! หัวใจจะวายตาย ก่อนจะทำแกบอกฉันไม่ได้เหรอ แล้วถ้าเกิดฉันช็อกขึ้นมาล่ะ ใครจะรับผิดชอบ หา!
แต่ว่า...ฉันจะไม่พูดออกไปหรอก เดี๋ยวโดนมันย้อนกลับมาแสบๆ
“ทำมาเป็นกรี๊ดเหมือนคนขวัญอ่อนไปได้ ยังไม่ชินที่ฉันทำแบบนี้อีกเหรอ?”
“ฉันจะไปชินได้ยังไงเล่า! เราเพิ่งเคยเจอกันแค่สองวันเอง”
จะให้ยกนิ้วชี้นิ้วกลางขึ้นมาแอ๊บเลยมั้ย?
“อ๋อ นั่นสิ ลืมไปเลย...ฉันคิดว่าเราได้เจอกันแล้วอาทิตย์นึงซะอีก”
“มันยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า ปล่อยฉันออกไปก่อน!”
มันเอาที่ไหนไปคิดว่าเราเจอกันตั้งหนึ่งอาทิตย์แล้ว?
“ไม่ปล่อย! จงจำเอาไว้เลยนะว่า...ถ้าฉันเห็นเธอแล้วเธอเห็นฉัน ฉันจะไม่มีทางออกห่างจากตัวเธอเด็ดขาด!”
“ฉันกับนายเราเป็นแฝดสยามกันหรือไง!”
“ก็ไม่แน่นะ ถ้าเธอหลงฉัน”
เวลอนพูดเสียงหวานเยิ้มก่อนที่จะก้มสายตาลงต่ำไปที่...จุดใต้สะดือหรือจุดซ่อนเร้นของฉัน
กรี๊ดดดดด ไอ้บ้า! ไอ้ลามก! ไอ้ทุเรศ! ไอ้วิกลจริต! จะไปตายที่ไหน ก็ไปไป๊!!!!
“เอาสายตาของนายออกไปจากตรงนั้นเดี๋ยวนี้นะ”
“เขินเหรอ”
“เอาออกไป!”
ฉันตะคอกดังลั่น แต่มันก็ส่งผลต่อเขาแค่นิดเดียว...แค่นิดเดียวเท่านั้น เพราะสายตาของเขาเลื่อนมาที่หน้าอกฉันแล้ว!
“ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไปแฮะ”
ปั้ก!
จบคำวิพาษก์วิจารณ์ของเขา ฉันก็ยื่นมือขึ้นไปตีหน้าผากเขาทันที! ย้ำ! ว่าตี! เล่นเอาคิงคองผสมหมีถึงกับร้องโอ๊ย แล้วใช้มือขึ้นมาลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ เลยทีเดียว
“นี่เธอ!”
“ก็นายทะลึ่งอ่ะ ฉันก็เลย...”
“อยากท้าทายอำนาจรัฐใช่มั้ย!”
“ออกไปนะ!!!!!!!”
ฉันกรีดร้องอีกรอบ แต่มากกว่าครั้งแรกเป็นล้านเท่า! เพราะเมื่อจบคำประกาศิตอำนาจรัฐบ้าบอของเขา เวลอนก็พุ่งตัวเข้ามาเบียดเสียดกับฉันทันที
เวลอน...แกเป็นอะไรกับร่างกายผู้หญิงมากเกินไปป่ะ เมื่อวานแกก็ทำกับฉันแบบนี้ อ๊ากกกก จะเป็นลมอีกแล้ว!
“หน้าแดงใหญ่เลยแฮะ”
“ฉันร้อน!”
“เพราะอารมณ์มันขึ้นหรือไง!”
กรี๊ดดดดด เวลอนมันทำท่าจะล้วงมือเข้ามาในเสื้อเชิ้ตช้านนนน ฉันล่ะอยากจะบ้า! TOT
“เปล่า! เพราะนายเข้ามาเบียดฉันมากเกินไปต่างหาก”
ฉันรีบจับฝ่ามือของเขา หมับ!
“แต่นี่แหละ ที่เขาเรียกว่าอารมณ์ขึ้น!”
“ออกไปนะไอ้บ้า! ไม่งั้นฉันจะสติแตกจริงๆด้วย ออกไป!!!!”
ลำพังกับไวรัสหัวสมองฉันก็แทบจะระเบิดแล้ว นี่ฉันยังต้องมาจัดการกับนายอีกเหรอ ให้ตายเหอะ! โซซีเรียส!
แต่จะว่าไป...หมอนี่ก็เปรียบเหมือนเป็นไวรัสชั้นแย่และรุนแรงสำหรับฉันเลยนะ T^T
และเมื่อเห็นฉันตะคอกใส่ชนิดที่ว่าหัวสมองของตัวเองแทบจะหลุดออกไปด้วยกับเสียงนั้น เวลอนก็หยุดการกระทำของเขาที่กำลังจะเลิกกระโปรงฉันขึ้นทันที ถึงแม้ว่าฉันจะใส่กางเกงทับในมาด้วยก็เถอะ แต่ถ้าเขาเลิกมันขึ้นไปแล้ว…
ฉันจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่ๆ ฟันธง!
หลังจากนั้นความเงียบก็เข้าครอบงำเราทั้งสอง โดยที่ฉันหลับตาปี๋ไม่รู้เรื่องอะไรเลยว่าเวลอนกำลังมีสีหน้ายังไง แต่พอฉันลืมตาขึ้นมาได้ เขาถึงจะเริ่มพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“เธอกลัวฉันถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ฉันเปล่ากลัวสักหน่อย”
“ปากแข็ง”
เขายกมือขึ้นมาบีบปากฉันนิดๆ และฉันก็สะบัดหนี
“อย่ามายุ่งกับฉันน่า นายปล่อยฉันออกไปได้แล้ว ฉันต้องไปทำงานตัวเองต่อ”
“งานอะไร”
เขาถามด้วยสีหน้าอยากรู้
“งานกำจัดไวรัส”
“???”
“ที่ห้องกราฟฟิค เพราะวันนี้โน้ตบุ๊คตัวหลักของห้องนั้นโดนไวรัสเข้า และคอมฯตัวแม่ก็เปิดไม่ติด ฉันก็เลยต้องไปซ่อม”
เวลอนแปรเปลี่ยนจากสีหน้าสงสัยเป็นสนใจทันทีเมื่อฉันพูดจบ อะไรอีกล่ะเนี่ย อุตส่าห์อธิบายภารกิจของตัวเองให้ฟังหมดแล้วนะ ยังจะมาทำสีหน้าเหมือนสนุกอีก
“จะปล่อยฉันไปได้หรือยัง” ฉันถามเขาพร้อมกับดันแผงอกตรงหน้าให้ออกไปเบาๆ
“ไม่ได้หรอก และดูท่าทางหลังจากนี้ฉันจะปล่อยเธอไม่ได้แล้วด้วย”
“ทำไมอ่ะ TT^TT”
“เพราะตอนนี้เธอทำให้ฉันสนใจขึ้นมาแล้วน่ะสิ”
เขาคลี่ยิ้มก่อนที่จะเลิกทำตัวเป็นกงเหล็กขังฉัน แต่เปลี่ยนมาเป็นซานต้าคลอสที่กำลังถือถุงของขวัญที่น่าจะเป็นขยะสำหรับเขาอย่างฉันแทน
“พาฉันไปที่ห้องกราฟฟิค ฉันจะไปดูเธอ ‘กำจัดไวรัส’ ที่นั่น”
“เอ๋”
“ไม่ต้องมาร้อง ที่ฉันพูดไปน่ะถูกแล้ว”
ที่ฉันร้องออกไปเพราะต้องการค้านนายต่างหากกกก นายจะตามฉันไปทำไมฮะ ไอ้บ้า! ฉันจะทำงานนนน ฉันจะกำจัดไวรัส ฉันจะซ่อมคอม ฯ อย่างมีสมาธิ แง้งงงงง
แต่ก็อย่างที่ทุกคนรู้...ฉันไม่สามารถขัดหมอนี่ได้ แล้วถ้าเกิดฉันค้านเขาได้ ยังไงซะสุดท้ายเขาก็สามารถฝ่าฝืนความต้องการและทำตรงกันข้ามกับความต้องการของฉันอยู่ดี ฮึ่ย!
ถ้าฉันไม่สามารถกำจัดไวรัส และซ่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ฝ่ายกราฟฟิคได้ ก็ให้โทษไอ้บ้านี่ได้เลย!!!!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น