ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กรุ่นไอดิน กลิ่นไอรัก

    ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 4 แอบรัก (จบ)

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ค. 54


    ตอนที่ 4

    แอบรัก

    “ปะ...เปล่า ไม่มีอะไร...” หญิงสาวตอบกลับอย่างตะกุกตะกักเล็กน้อย หัวใจเต้นแรงและเร็วเหมือนกับจะทะลุออกมาจากทรวงด้วยความตกใจและหวาดกลัวว่าชายหนุ่มจะล่วงรู้ความคิดและความรู้สึก สองแขนเรียวยกขึ้นกอดอกและหันไปยิ้มเล็กน้อยตรงมุมปากให้กับจิตรเลขา ไม่ใช่ว่าจะหยิ่งนะแต่ยังไม่อยากได้เพื่อนเพิ่มก็เท่านั้นเอง แค่ยัยเพื่อนซี้สองคนที่มีก็แย่แล้ว

    เออ...ว่าแต่เธอหายมาแบบนี้สองคนไม่เป็นห่วงแย่เหรอ ใช่...อีกไม่นานสองคนนั้นจะต้องรู้และออกหาตัวเธอ แล้วทีนี้แหละนายกำนันเทพเอ่ย...นายตายแน่ ใบหน้าขาวสวยผุดรอยยิ้มร้ายๆ ตรงมุมปากด้านหนึ่ง พร้อมกับดวงตาแพรวพราวตวัดมองร่างหนาใหญ่ให้ธราเทพรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ เหมือนกับนั่งอยู่บนกองไฟ

    จิตรเลขาอดน้อยใจตัวเองไม่ได้ เธอไม่ได้ชมตัวเองหรอกนะ แต่ก็มีหลายคนทักว่าเธอทั้งสวยและก็น่ารัก แต่ทำไมธราเทพถึงไม่เคยที่จะมองด้วยสายตาแห่งรักหรือมองเหมือนกับหนุ่มมองสาวบ้าง ดวงตากลมโตร้อนผ่าวรู้สึกเหมือนกับมีน้ำตาอุ่นร้อนคลอหน่วยตา ริมฝีปากอวบอิ่มขมเม้มเข้ากันแต่ก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด เพราะความเจ็บนั้นได้แทรกซึมเหมือนถูกลิ่มแหลมคมตอกอยู่บนหัวใจ ดูซิขนาดมีเธอนั่งอยู่ด้วย แต่ก็เหมือนกับว่าไม่มีตัวตน เพราะสองหนุ่มสาวกลับจมอยู่ในโลกส่วนตัว

    “พี่กำนัน นิ่มขอตัวก่อนดีกว่านะคะ”

    “อ้าว...จะรีบไปไหนละนิ่ม พี่ว่าเย็นๆ จะไปหาอยู่พอดี”

    เกล็ดแก้วตวัดมองคนพูดด้วยหาตา ใบหน้าขาวสวยเริ่มที่มีสีแดงระเรื่อขึ้นอย่างไม่ทันจะรู้ตัว ลำตัวโปร่งบางเอนตัวอิงขอบเก้าอี้ด้วยใบหูที่ผึ่งออกกับอาการหงุดหงิดที่เริ่มก่อตัวขึ้นในหัวใจอีกครา แหมทีกับเธอแล้วพูดเสียห้วนและดุ เสียงก็แข็ง แต่พอกับยัยครูหน้าหวานนี่ดันพูดเสียงนุ่มและหวานขึ้นมาเชียว ชิ...จมูกโด่งคมยู่ย่นเล็กน้อย

    “พี่เทพจะไปหานิ่มทำไมเหรอคะ” จิตรเลขาถามด้วยน้ำเสียงตื้นเต้นและดีใจ ใบหน้านวลผ่องแย้มยิ้มแจ่มใสจนดวงตาเป็นประกาย จนทำให้บรรยากาศที่อยู่รายรอบสว่างสดใสไปด้วยรอยยิ้มที่มี

    “พี่ได้พันธ์ไม้มาใหม่ ตั้งใจว่าจะเอาไปให้หลายวันแล้วละ แต่พอดีว่าติดธุระเสียก่อน เห็นคนขายบอกว่าปลูกยากหน่อย แต่พี่คิดว่านิ่มคงปลูกได้เพราะนิ่มมือเย็นปลูกอะไรก็งามไปเสียหมด” ชายหนุ่มบอกและยิ้มอย่างเอ็นดู เขาเห็นจิตรเลขามาตั้งแต่หญิงสาวยังเป็นเด็ก เคยแม้กระทั่งแก้ผ้าอาบน้ำในคลองด้วยกัน ความรู้สึกที่มีให้จึงกลายเป็นความรักใคร่และห่วงใยเหมือนกับน้องสาวคนหนึ่ง

     อีกทั้งชีวิตของหญิงสาวก็น่าสงสารเพราะขาดพ่อและแม่ ต้องอาศัยอยู่กับยายใจร้ายใจดำและอำมหิต ลงโทษเด็กน้อยจนเลือดอาบแขนและขา แม้ว่าผู้เป็นยายจะจากไปหลายปีแล้วก็ตาม แต่จิตรเลขาคงจะฝังใจกับความร้ายกาจของยายที่มีถึงกับเก็บเอาไปฝัน บ่อยครั้งที่เขาก็ยังได้ยินเสียงกรีดร้องแสดงถึงความเจ็บปวดและหวาดกลัวดังมาจากกระท่อมหลังน้อยที่อยู่ไม่ไกลจนต้องวิ่งไปดู ได้เห็นร่างน้อยใบหน้าขาวซีด ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก เนื้อตัวเย็นจัด ทั้งหวาดกลัวและตกใจจนพอลุกจากเตียงมาเปิดประตูให้เขาได้ก็เป็นลมล้มพับในอ้อมแขนเขานั้นแหละ

    ร่างหนาใหญ่ลุกขึ้นจากเก้ากี้และเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานเปิดเอาถุงสีน้ำตาลออกมาและยื่นส่งไปให้กับจิตรเลขาพร้อมกับรอยยิ้ม เขาอยากช่วยเหลือทางด้านจิตใจให้กับคุณครูสาว เวลาที่หญิงสาวยืนยิ้มอยู่ท่ามกลางท้องทุ่งดอกไม้แล้วรู้สึกเหมือนว่าเธอได้ปลดปล่อยเอาสิ่งไม่ดีที่อยู่ในตัวออกไป เห็นแล้วก็มีความสุขไปด้วย เวลาที่เขาเดินทางไปไหนจึงมักจะแวะหาซื้อเมล็ดพันธ์ไม้ดอกไม้ประดับมาให้อยู่เสมอ

    “คราวนี้เป็นอะไรอีกคะพี่เทพ” หญิงสาวถามเสียงนุ่มหวานส่งยิ้มหวานฉ่ำเชื่อม หัวใจเหมือนกับได้นำและปุ๋ยชั้นดีมารินรดให้มีแรงและพลังที่จะตื่นลืมตามองโลกในวันพรุ่งอีกครั้ง แม้จะไม่ได้รักและหัวใจจากธราเทพ แต่เพียงแค่เขาส่งมอบความรักและห่วงใยแบบนี้ให้เธอก็ดีใจเป็นที่สุดแล้ว บ่อยครั้งที่การเดินทางของธราเทพจะกลับมาพร้อมกับเมล็ดพันธ์ไม้ดอกไม้ประดับที่เธอชื่นชอบ

    ดวงตากลมโตเป็นประกายหวานเยิ้ม เหมือนคนที่อยู่ในดินแดนแห่งความฝันที่มีแต่ความสุข เพราะมีเพียงแค่เธอ ธราเทพและงานที่รัก ร่างหนาใหญ่นุ่งกางเกงยืนส์ขาวยาวแต่เปิดเปลือยแผ่นอกกว้างเต็มไปด้วยไรขนเส้นเล็กๆ ชุ่มด้วยหยาดเหงื่อ เห็นกล้ามเนื้อซิกแพ็คกระเพื่อมไหวตามแรงที่มือใหญ่จ้วงเสียมเล็กๆ ลงไปเพื่อขุดร่องทำคันดินให้เธอเอาเมล็ดพันธ์ที่ได้ไปลงปลูกและช่วยกันรดน้ำพรวนดิน หยิบเอาดินโคลนมาป้ายหน้ากันไปมาแล้วช่วยกันเช็ด หรือไม่ก็เล่นฉีดน้ำจากสายยางที่ใช้รดน้ำต้นไม้นั่นแหละ

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นล้วนแล้วแต่เป็นสีชมพู แต่แล้ว...ใบหน้าขาวสวยหมองหม่นพร้อมกับน้ำตาอุ่นร้อนที่เอ่อล้นคลอเบ้าอย่างรวดเร็ว เมื่อสำนึกถึงความจริงที่เกิดขึ้นในวันนี้ ภาพที่เคยมี เรื่องที่เคยฝันมันจะเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้ธราเทพมีคนที่จะทำอย่างนั้นกับเขาแทนที่เธอ และแม้ผู้หญิงคนนั้นจะมาหลังแต่เธอก็มีสิทธิ์เต็มที่ เพราะเธอได้ชื่อว่าเป็น...ภรรยา

    เกล็ดแก้วเริ่มรู้สึกหงุดหงิดกับไอ้ท่าทางหงอๆ พอพูดอะไรผิดหูสักนิดแม่คุณครูสาวน้อยแสนจะบอกบางก็น้ำตาหล่นแปะๆ เห็นแล้วแทนที่จะทำให้รู้สึกอยากปกป้องมันกลับกลายเป็นความรำคาญและระอิดระอาใจไปแทน “นี่ถามจริงเถอะคะ ครูนิ่มจะร้องให้น้ำตามันท่วมห้องนี้เลยหรือไง”

    “คะ...พี่ไพลินว่าอะไรนะคะ” จิตรเลขาเอ่ยถามเสียงเบาแต่ใสแจ๋วเหมือนเสียงน้ำที่อยู่ในแก้ว

    เกล็ดแก้วแบะหน้า ดวงตากลดโตกวาดมองไปตามวงหน้านวลผ่องที่มีแต่คราบน้ำตาเป็นทางยาว ดูซิขนาดว่าร้องไห้จนตาแดงและบวมช้ำก็ยังสวยอยู่เลย ก่อนจะผันมองไปยังชายหนุ่มร่างใหญ่ตัวปัญหาของเรื่อง พร้อมกับส่ายศีรษะ ก็ดูพ่อเจ้าประคุณซิ ยิ้มซะแก้มบานเป็นกระด้ง แล้วก็หวานหยดย้อยเชียวจนน้ำตาลยังชิดซ้าย จมูกโด่งคมยู่ย่น ชิ...แล้วอย่างนี้แม่ครูสาวจะตัดใจได้ยังไงกัน

    “ไม่เอานะไพลินอย่าไปแหย่นิ่มเขาซิ” ธราเทพเอ่ยปากห้ามปราบพร้อมกับทำหน้าตาดุใส่ทำเอาหญิงสาวถึงกับตัวสั่นด้วยความโกรธ ใบหน้าขาวสวยเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ ลามเลียไปจนลำคอระหง ใบหูเล็กแดงและมีกระไอ้ร้อนผ่าวพุ่งออกมา ดวงตากลมโตเหมือนกับมีมีดคมกริบซุกซ่อนอยู่ปาดมองไปยังชายหนุ่ม

    แต่ดูเหมือนว่าคนที่ถูกโกรธจะไม่รู้ตัว ร่างหนาใหญ่รีบเดินเข้าไปใกล้กับร่างโปร่งบางพร้อมกับส่งมอบรอยยิ้มหวานๆ ให้อย่างไม่รู้ชะตากรรมตัวเองเพราะความเป็นห่วงเป็นใย เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มที่จะมีอาการขยุกขยิก มือเล็กก็เริ่มที่จะไม่หยุดนิ่งขยับเคลื่อนไปตามแขนและขา แม้จะยังไม่แรงแต่รู้ดีว่าถ้าขืนยังปล่อยให้หญิงสาวทำอย่างนั้นแผลคงได้ปริและอักเสบเป็นแน่

    เพียงแค่ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอีกได้เพียงเท่านั้น ปลายมือเล็กก็รีบยื่นออกไปรับพร้อมกับหยิบเอาหนังหนาๆ ขึ้นมาเพียงแค่นิดเดียวและก็บิดอย่างแรง ทั้งที่ใบหน้าขาวนวลสวยยังคงยิ้มหวานให้กับสองหนุ่มสาวที่อยู่ด้วย ศีรษะทุยค่อยๆ เอนไปหาอย่างช้าๆ เพื่อให้หญิงสาวที่อยู่ด้วยอีกคนผิดสังเกต

    “นี่เป็นการลงโทษและเอาคืนที่นายกล้าดุว่าฉันต่อหน้าผู้หญิงคนอื่น และจำไว้ถ้ายังขืนปากเสียอีก ระวังน้องชายนายไว้ให้ดีเถอะนายกำนัน เพราะเดี๋ยวนายอาจใช้กาลมันเพื่อมีลูกมีหลานสืบทอดตระกูลไม่ได้”

    “พี่เทพไม่สบายหรือเปล่า ทำไมหน้าแดงๆ ” จิตรเลขาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นใบหน้าคมคร้ามและเป็นสีแทนแดงก่ำขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีสีหน้าท่าทางเหมือนกับคนที่กำลังปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระสำคัญ มือเล็กยื่นออกไปหวังจะแตะที่หน้าผากกว้าง แต่ชายหนุ่มกลับเบือนหน้าหนี ทำเอาคนหวังดีถึงกับหน้าเสียและดวงตาเริ่มแดงขึ้นมาอีกครั้ง

    ปากหนาขยับขึ้น แต่ก็คงค้างไว้อย่างนั้นไม่ทันจะได้พูด เพราะมีอีกเสียงหนึ่งขัดขึ้นมาเสียก่อน

    “ไม่มีอะไรหรอกคะครู แค่นายเทพเขาถูกมดกัดเท่านั้นเอง แต่ดูท่าไอ้มดที่มันกัดเอาคงจะตัวใหญ่ เลยทำให้เจ็บจนหน้าเขียวหน้าแดงแบบนี้” เกล็ดแก้วตอบกลับเสียงหวานเชื่อม และหันไปทำดวงตาดุใส่ พร้อมกับเอ่ยถามน้ำเสียงลอดไรฟันพร้อมกับมือเล็กที่บรรจงบิดหนังหนาๆ อีกครั้งก่อนจะปล่อย “ใช่ไหมนายเทพ”

    มือใหญ่ยื่นไปตะครุบมือเล็กมาวางบนตัก ปลายมือใหญ่ลากไล้วนเวียนบนหลังฝ่ามือนุ่ม “ใช่จ๊ะนิ่ม พี่ถูกมดคันไฟมันกัดเอา”

    “ว้าย!! ตายแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็แย่ซิคะ พี่เทพต้องรีบหายามาโรยเอาไว้นะคะ เดี๋ยวถ้าถูกมันกัดอีกคงจะแย่” แล้วดวงตากลมโตก็พยายามสอดส่ายมองว่าเจ้ามดเจ้าปัญหากัดชายหนุ่มที่เธอรักตรงไหน แต่กลับได้เห็นร่องรอยแดงๆ บนแขนเล็กๆ แทน “ว้าย!! ตายแล้ว นะ...นั่นพี่ไพลินโดนมันกัดเอาใช้ไหมคะ ถึงได้แดงเถือกไปทั้งตัวแบบนั้น แล้วหาหยูกหายามาทา และไปหาหมอหรือยังคะ?” จิตรเลขาถามเสียงตื่นตระหนก ดวงตาเบิกกว้างสลับกับยกมือขึ้นปิดปากด้วยความหวาดเสียว แต่ก็แอบชอบใจนิดๆ

    “ใช่คะฉันถูกมดคันไฟตัวใหญ่ยักกับยักษ์วัดแจ้งกัดเอา” เกล็ดแก้วปรายสายตาขุ่นเคืองไปยังธราเทพ ก่อนจะตวัดมายังคนถาม ยัยครูนี่บ้าหรือเปล่า ใครมันจะถูกมดคันไฟกัดเอาจนตัวแดงเถือกแบบนี้เล่า เห็นอยู่แล้วว่าเป็นรอยเล็บ ดูท่าจะสวยเฉพาะหน้าแต่ไม่มีมันสมอง อย่างนี้เองตากำนันบ้านนอกนี่ถึงไม่สนใจ เห้อ...เสียดายความสวย สวรรค์ไม่น่าจะประทานให้กับคนไม่สมประกอบเลย

    ศีรษะทุยส่ายเบาๆ ด้วยความระอิดระอากับนิสัยเหมือนเด็กของเกล็ดแก้ว “พี่ก็ว่าจะพาไปอยู่นี่แหละ แต่พอดีนิ่มมาเสียก่อนไง”

    “ให้นิ่มพาไปไหมคะ”

    “ไม่ต้องหรอก / ก็ดีเหมือนกัน” ธราเทพและเกล็ดแก้วตอบกลับพร้อมๆ กัน แต่คำตอบได้ไปกันคนละทาง

    เกล็ดแก้วหันไปทำหน้าตาบึ้งตึงให้ธราเทพที่ดูเหมือนจะรู้ทันว่าเธอต้องถือโอกาสนี้ขอความช่วยเหลือจากยัยครูปัญญาอ่อน ริมฝีปีปากนุ่มขมุบขมิบเหมือนกำลังด่าว่า ดวงตากลมโตแวววาวเหมือนกับดวงตาเสือถลึงตาใส่ “นายไม่ต้องยุ่ง ฉันไปกับครูนิ่มสองคนได้”

    “ไม่ได้ซิ ผมเองไม่ได้ยุ่งซักหน่อย แค่พาเมียไปโชว์ตัวกับลูกบ้านแค่นี้จะเป็นไรไป อีกอย่างถ้าให้คุณไปกับนิ่มสองต่อสอง เวลาได้ยาทามาเกิดว่าคุณขี้เกียจกินผมจะได้ป้อนไง” ธราเทพตอบกลับใบหน้ายิ้มๆ ดวงตาคมกริบแฝงเลศนัยทำเอาคนถูกมองถึงกับอาย จนรู้สึกเหมือนกับว่ามีประกายไฟวิ่งพล่านจากกึ่งกลางเรือนกายพุ่งสู่ใบหน้าจนร้อนผ่าวและคิดว่าคงจะแดงก่ำตลอดจนถึงลำคอ

    “ไม่ต้องยะตาบ้า...ฉันมีมือป้อนเองได้ ถ้านายอยากป้อนนักก็ไปป้อนคนที่เขาอยากให้นายป้อนซิ ดูถ้าจะต้องใช้มือเยอะอยู่ไม่ใช่หรือไง” เกล็ดแก้วตอบกลับด้วยความอายระคนโกรธผสมกับความหงุดหงิดที่มีอยู่ในหัวใจ ดวงตาเป็นประกายแปลบปลาบพร้อมสะบัดค้อนส่งให้วงโต ชิ...ตาบ้านี่ชอบพูดอะไรให้ใจเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่เรื่อยเชียว แล้วดูยัยครูปัญญาอ่อนนี่ซิ นั่งจ้องซะตาหวานอย่างไม่กลัวมดจะขึ้นตาเลย

    “ตกลงจะเอายังไงคะ พี่เทพจะให้พี่ไพลินไปกับนิ่ม หรือว่าพี่จะพาไปเอง” จิตรเลขาถามด้วยความหวังว่าถ้าเธอพาไพลินไปอาจได้คุยอะไรบ้าง เพราะเท่าที่จับสังเกตได้ดูเหมือนว่าธราเทพจะให้ความสนใจหญิงสาวอยู่เพียงฝ่ายเดียว ส่วนไพลินมีอาการคล้ายจะรังเกียจและรำคาญเสียมากกว่า

    “ไปกับพี่ / ไปกับเธอนะซิ” ธราเทพและเกล็ดแก้วพูดพร้อมๆ กันอีกครั้ง

    ธราเทพหันไปส่งยิ้มให้กับจิตรเลขาอย่างต้องการจะขอบคุณที่หวังดี “ไม่เป็นไรหรอกนิ่ม เดี๋ยวพี่เป็นคนพาไปเอง เพราะพี่ก็ต้องเข้าไปทำธุระในตัวตลาดอยู่พอดี”

    “พี่เทพจะไปทำอะไรหรือคะ” จิตรเลขาเอ่ยถาม เพื่อที่จะหาทางพาตัวเองตามติดสองหนุ่มสาวไปด้วย ถ้าไปในตลาดอย่างน้อยธราเทพก็ต้องเจอกับทิพย์นารายัยสาวอ้วนตุ้ยนุ้ยแถมยังดัดจริตและปากเสีย รวมถึงอินทุภาแม่สาวตัวร้าย จอมหยิ่งและขาวีนประจำอำเภอ อยากรู้นักถ้าหากว่าเจอทั้งสองคนพร้อมๆ กันไพลินจะทำยังไง จะสู้ได้หรือไม่ เพราะเท่าที่เห็นและจับจากความรู้สึกของตัวเอง ไพลินไม่น่าจะยอมให้ใครเหยียบจมูกได้ง่ายๆ ถึงจะไม่รักไม่ชอบก็ตามทีเถอะ

    “พี่ว่าจะพาไพลินไปซื้อของใช้ส่วนตัวหน่อยนะ ตอนที่เราเดินทางมาโชคไม่ดีโดนมือดีฉกกระเป๋าเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวของไพลินไปหมดเลย”

    “ว้าย!!! ตายแล้ว...แล้วพี่เทพเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ บาดเจ็บตรงไหนบ้าง” มือเล็กเรียวยื่นออกไป เพื่อจะจับต้องร่างใหญ่แต่ต้องหยุดชะงักและนำมาวางที่เดิม เมื่อรู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้น และจิตรเลขาก็รู้ดีว่าถ้าถามเฉพาะธราเทพเพียงคนเดียวย่อมเป็นการหน้าเกลียด หญิงสาวจึงหันหน้าไปหาและถามไพลินพร้อมรอยยิ้มเซียวแฝงความเจ็บปวดและน้อยใจ “พี่ไพลินด้วย เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”

    “พี่กับไพลินไม่ได้เป็นอะไรหรอก เป็นเพราะพี่สะเพร่าเองปล่อยกระเป๋าไว้ท้ายรถกระบะ เลยไม่รู้ว่าถูกมือดีฉกเอาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ตอนไหน รู้อีกทีก็ถึงบ้านแล้วละ” ธราเทพแต่งเรื่องโกหกตอบกลับจิตรเลขาหน้าตาเฉย ใบหน้าคมคร้ามผุดรอยยิ้มตรงมุมปากด้านหนึ่งพร้อมกับคิ้วคมเข้มหันไปเลิกขึ้นสูง

    “เห้อ...ค่อยดีขึ้นหน่อย ได้ฟังทีแรกทำเอานิ่มใจไม่ดี” จิตรเลขาเอ่ยพูดยิ้มๆ กำลังจะเอ่ยปากขอติดตามชายหนุ่มไปตลาดด้วยอยู่พอดีแต่ก็ไม่ทันเกล็ดแก้วที่ส่งเสียงขุ่นเขียวใส่ธราเทพทำเอาเธอถึงกับหน้าตึงแทน เป็นเมียประสาอะไรถึงพูดกับสามีอย่างกับจะกดเอาไว้ใต้อุ้งเท้าน่าเกลียดจริงๆ

    “จะคุยอะไรกันนักหนา อยากพาไปก็ไปซิ มัวโอ้เอ้อยู่ได้” เกล็ดแก้วแยกเขี้ยวใส่ธราเทพ ร่างโปร่งบางลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตูห้องทันอย่างไม่รอใคร ก็คันคะเยอไปหมดทั้งตัวแล้วจะให้อยู่ยังไงละ ไอ้ยาที่ทาไปเมื่อครู่ก็ดูเหมือนว่าจะช่วยได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นเอง พอกระไอเย็นๆ ที่ป้ายลงบนผิวกายหายไปอาการคันมันก็เริ่มกลับมาอีกและดูเหมือนว่าคราวนี้มันจะหนักกว่าเก่าด้วย

    “งั้นนิ่มก็ไม่กวนแล้วนะคะ ส่วนเมล็ดพันธ์พวกนี้นิ่มฝากพี่เทพไว้ก่อนนะคะ ช่วงนี้นิ่มไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ต้องพิมพ์หนังสือราชการให้ครูใหญ่และเตรียมแผนการเรียนการสอนด้วย เดี๋ยวว่างเมื่อไหร่นิ่มค่อยมาเอาและจะได้ขอคำปรึกษาเรื่องการปลูกด้วย กลัวเอาไปแล้วปลูกไม่ติดนะคะ” จิตรเลขาบอกยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปอย่างไม่สนใจเมล็ดพันธ์ไม้ที่ธราเทพหามาให้ เพราะรู้ดีว่าถ้าเธอทิ้งไว้แบบนั้นพอธราเทพว่างชายหนุ่มก็จะเป็นคนเดินไปที่บ้านและลงมือยกร่อง พรวนดินให้และช่วยปลูกอย่างเสร็จสรรพ ส่วนเธอก็คอยเพียงแค่นั่งดูและซับเหงื่อบนใบหน้าให้เท่านั้นเอง

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×