ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กรุ่นไอดิน กลิ่นไอรัก

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 7 ผู้มากับสายฝน (60+20%)

    • อัปเดตล่าสุด 29 ก.ค. 54


    ตอนที่ 7

    ผู้มากับสายฝน

    เพียงแค่สามร่างเดินออกจากประตูห้างได้ไม่กี่ก้าว สายลมแรงๆ ก็พัดพาเอาฝุ่นละออกปลิวมาเข้าจมูกและปากมือเล็กเรียวรีบยกขึ้นปกป้องดวงตาซึ่งกระพริบถี่ๆ ขับไล่สิ่งแปลกปลอมไม่ให้เข้าไปสร้างความระคายเคือง แต่เพราะความไม่คุ้นเคยกับเส้นทางและความรีบเร่งของคนหน้าที่เดินลิ่วๆ ไม่มองหน้ามองหลัง เท้าเรียวยาวสองข้างเกี่ยวกันแล้วร่างสูงโปร่งก็ถลาไปด้านหน้าและชนเข้ากับขอบเหล็กที่ใช้กั้นถนนให้เป็นทางเดินเข้าห้าง

    “โอ๊ย! ” ร่างโปร่งบางถึงกับทรุดลงด้วยความเจ็บและอับอายที่มาทำเปิ่นๆ ให้กับคนบ้านนอกได้ดู

    “ไพลิน!! เป็นยังไงบ้าง?” ธราเทพรีบหันกลับมามองตามเสียงร้อง และถลาตัวไปหาร่างโปร่งบางที่ล้มกองอยู่บนพื้นถนน

    “พี่ไพลิน! เป็นยังไงบ้างคะ?” วลัยพรถามพร้อมกระวีกระวาดเข้าไปช่วยพยุงร่างสูงโปร่งให้ลุกจากพื้นถนน

    “จะเป็นไง ก็เจ็บนะซิ ถามมาได้” เกล็ดแก้วตอบกลับอย่างกระแทกกระทั้น ฟันขบกับริมฝีปาก มือเล็กวางไปบนแขนใหญ่และจิกปลายเล็บลงไปจนชายหนุ่มถึงกับสะดุ้ง

    เมื่อเห็นว่าอากาศไม่เป็นใจให้ต้องพูดคุยสอบถามว่าหญิงสาวเจ็บมากหรือเปล่า มือใหญ่สอดเข้าระหว่างข้อพับและโอบรอบแผ่นหลังเนียนและดึงหญิงสาวขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็ว

    “ว้าย! นายจำทำอะไรอีกนายเทพ” เกล็ดแก้วเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ แต่สองแขนเรียวก็รีบยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งและรีบซุกใบหน้ากับอกกว้างอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสถึงสายลมแรงๆ ที่พัดอยู่รอบๆ เรือนกาย

    “ระวังหน่อยนะส้ม” ธราเทพหันไปเตือนหญิงสาวที่เป็นเหมือนกับน้องสาวเขาอีกคน ด้วยความผูกพันที่ร่วมเล่นกันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กด้วยความเป็นห่วง เท้าแข็งแกร่งรีบพาสองร่างหลบหลีกขยะที่ปลิวละล่องมาตามแรงลมไปจนเกือบจะถึงรถคันใหญ่ที่จอดแอบอยู่ในซอยเล็ก

    “พี่เทพ...!” วลัยพรร้องเรียกธราเทพเสียงดังลั่น เมื่อสายตาตวัดไปเห็นเงาตะคุ่มๆ คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นคนมากกว่าจะเป็นสัตว์บาดเจ็บที่แอบอยู่ระหว่างถังขยะซึ่งส่งกลิ่นเหม็นจนชวนอาเจียนสองสามถัง “นั่น...!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างกลืนน้ำลายลงคอดังเฮือกใหญ่ มือเล็กเรียวยกขึ้นปิดริมฝีปากซึ่งเปิดอ้าด้วยความตกใจ เมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่เห็นเมื่อครู่เป็นคนจริงๆ

    “มีอะไรส้ม” เพราะเสียงลมที่อื้ออึงและความเป็นห่วงเกล็ดแก้วที่ต้องมาเจ็บตัวเพราะเขาหลายต่อหลายครั้งเหลือเกินทำให้ไม่ได้ยินคำที่วลัยพรร้องบอกไป

    “พี่เทพคน...คน...บาดเจ็บ” กว่าที่จะเรียกสติที่กระเจิดกระเจิงไปเพราะความตกใจมากยิ่งกว่าเดิม เมื่อดวงตาสบเข้ากับดวงตาปูดบวมจนแทบจะลืมไม่ขึ้น ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาและมีเสน่ห์กลับกลายเป็นใบหน้าดำคล้ำ แก้มตอบและปูดบวมและเขียวช้ำ แต่นั่นยังทำให้เธอตกใจไม่เท่ากับร่องรอยปริแตกของผิวเนื้อจนมีเลือกไหลซึมออกมา แต่บางส่วนก็แห้งเกราะกรัง

    “ธร...” หญิงสาวร้องเรียกอย่างจำได้ว่านั่นคือน้องชายของธราเทพและเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเธอ มือเล็กเรียวชี้ไปยังจุดที่ร่างเล็กนั่งอยู่ ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยมัดกล้าม กลับผอมกะหร่องกะแร่งหมดสง่าราศี

    “ไปรอพี่ที่รถก่อนส้ม” มือใหญ่กระชากแขนเรียวยาวและผลักดันร่างเล็กบางไปที่รถอย่างรวดเร็วด้วยความเป็นห่วงสวัสดิการของน้องสาวร่วมโลก คนสมัยนี้ไว้ใจกันยาก เกิดว่าคนที่วลัยพรเห็นเป็นคนไม่ดีหวังเงินเพียงแค่เล็กน้อยเพื่อเอาไปต่อทุนซื้อของผิดกฎหมาย หรือไม่ก็วางแผน ล่อลวง ดักทำร้ายเหยื่อที่อ่อนแอ ไม่มีอาวุธ และเอาตัวรอดไม่ได้ เพื่อความต้องการของตัวเอง

    วลัยพรเองก็เข้าใจความหวังดีที่ธราเทพมีให้ แต่ก็จำต้องบอกให้ชายหนุ่มได้รู้ว่าคนที่เธอเห็นนั้นเป็นใคร “พี่เทพนั่น...นั่งธรนะพี่”

    “ธร...” ชายหนุ่มเรียกชื่อน้องชายที่ทำตัวหายสาบสูบไปจากบ้านเป็นเวลาหลายปีด้วยน้ำเสียงแหบห้าวและเป็นห่วงเป็นใย อยากรู้ว่าตลอดเวลาที่น้องชายหายไปนั้นได้หายไปไหน ไปทำอะไรมา และทำไมถึงได้กลับมาในสภาพแบบนี้ แล้วทำไมถึงไม่กลับเข้าบ้าน ไม่รู้หรือไงว่าทุกคนเป็นห่วง

    ร่างหนาใหญ่รีบถลาไปยังจุดที่วลัยพรบอกอย่างรวดเร็ว “ธร...ธร...” มือใหญ่จับรั้งร่างผอมแห้งอย่างไม่รังเกียจกลิ่นเหม็นๆ ชวนอาเจียนที่ลอยเข้าจมูกโด่ง

    “อือ...” เสียงที่ตอบรับมากลับกลายเป็นเสียงครางแห่งความเจ็บปวด “อย่า...อย่าทำผม กลัวแล้ว...” เพราะคิดว่าคนที่มาเรียกอยู่นั้นเป็นคนที่ทำร้ายเขาอีก ธราธรถึงกับกลัวจนตัวสั่น สองมือยกขึ้นผลักดันและแกะมือใหญ่ออกจากตัวสลับกับยกมือขึ้นไหว้ปลกๆ ทำเอาธราเทพถึงกับสลดใจในโชคชะตาที่น้องชายได้ไปพบเจอมา

    “ธร...นี่พี่เอง พี่เทพไงธร” ธราเทพบอกเสียงนุ่ม และรีบพยุงร่างเล็กขึ้นจากพื้นตรงไปที่รถ

    “ธร...เป็นไงบ้าง?” วลัยพรที่ไม่ยอมก้าวขึ้นไปนั่งบนรถกลับลงมาเดินวนไปเวียนมาอย่างไม่สนใจลมแรงๆ ที่พัดเอาร่างกายบอบบางเกือบจะปลิวไปด้วยเอ่ยถาม ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนที่จากบ้านไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้เป็นเวลาหลายปี และพอกลับมาบ้านเกิดในสภาพที่ถูกซ้อมหนักแบบนี้ก็เป็นกังวลและหวาดกลัวว่าธราธรจะไปทำอะไรที่ผิดพลาดมาอีกหรือเปล่า แล้วโดยพื้นนิสัยที่ค่อนข้างจะโลเลไม่เป็นโล้เป็นพายอาจถูกเพื่อนชักจูงให้หลงเดินทางผิดก็เป็นไปได้

    “อย่าเพิ่งถามเลยส้ม รีบพาธรไปบ้านส้มก่อนดีกว่า”

    “ว้าย! ไม่นะ นายจะพาใครก็ไม่รู้ เนื้อตัวก็เหม็นและสกปรกแบบนี้ขึ้นมาบนรถได้ยังไงกันนายเทพ กว่าจะถึงบ้านคุณส้ม ฉัน นายและคุณส้มมีหวังเป็นลมก่อน” เกล็ดแก้วพูดเสียงเขียวเพื่อจะหาเหตุผลต่างๆ นานามาอ้างเพื่อไม่ให้ธราเทพรับเอาใครก็ไม่รู้ขึ้นมาร่วมรถเดียวกันอย่างรังเกียจ

    มือเล็กเรียวข้างหนึ่งจับรั้งประตูไม่ให้เปิดออก อีกข้างก็ยกขึ้นบีบจมูกตัวเอง ดวงตาเป็นประกายวาววับและเริ่มๆ จะแดงระเรื่อขึ้นมาแต่ไม่ใช่เพราะความโกรธหรือรังเกียจ แต่เป็นเพราะความระคายเคืองที่มีฝุ่นละอองเข้าไปในดวงตา

    “นั่นซิพี่เทพ จะให้ธรนั่งไปด้านหน้ามัน...” ถึงแม้จะเป็นห่วงอาการเจ็บของเพื่อน แต่ถ้าให้นั่งเหม็นๆ ซึ่งถ้าเป็นช่วงปกติก็คงจะนั่งรถเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง แต่ในสภาพวะอากาศไม่เป็นใจแบบนี้ถ้าไม่สี่สิบห้านาทีก็จะต้องเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงบ้านของเธอมันก็คงจะไม่ไหว เครื่องหมายคำถามและกังวลผุดขึ้นบนใบหน้าขาวสวย ถ้าไม่ให้ธราธรนั่งด้านหน้ารถด้วยก็ต้องนั่งด้านหลัง แต่คนที่กำลังเจ็บอยู่แบบนี้มันดูไม่ดีสักเท่าไหร่

    ธราเทพหันไปชักสีหน้าใส่เกล็ดแก้วอย่างไม่ชอบใจที่หญิงสาวรังเกียจน้องชายของเขาแต่พอหันมาเห็นสภาพน้องชายและล่วงรู้นิสัยของหญิงสาวก็ได้แต่ทำใจและยอมรับ “นี่น้องชายผมเอง”

    “ห๊า...” เกล็ดแก้วส่งเสียงแหลมและเล็กถามไป

    แต่ธราเทพไม่สนใจ เพราะความเป็นห่วงน้องชายจึงตัดสินใจหันไปถามวลัยพรอย่างคนที่ตัดสินใจไว เพราะถ้าช้าไปกว่านี้กลัวว่าฝนมันจะเทลงมาเสียก่อน แล้วระยะทางจากห้างไปบ้านวลัยพรเองถึงจะไม่ไกลเท่าไหร่ แต่มันจะมีถนนบางส่วนที่เป็นลุ่มเป็นบ่อ ถ้าเกิดฝนตกมีน้ำขังอยู่ยิ่งจะเป็นอันตรายต่อคนขับรถที่ไม่เก่ง “งั้นในสถานการณ์ไม่สู้ดีแบบนี้ส้มขับรถได้ไหม เดี๋ยวพี่จะไปนั่งด้านหลังกับธรเอง”

    “แต่ส้มขับไม่เก่งนะพี่ กลัวว่าจะพาทุกคนไป...” วลัยพรพูดไม่ทันจะจบประโยคก็มีเสียงหวานๆ ชิงพูดตัดหน้าเสียก่อน

    “ไม่เป็นไรคุณส้ม เดี๋ยวฉันขับเอง แต่คุณส้มต้องมานั่งข้างๆ คอยบอกทางแล้วกัน”

    “งั้นก็เอาตามนั้นนะส้ม” ธราเทพรีบประคองร่างน้องชายไปที่กระบะด้านหลังโดยมีวลัยพรคอยช่วยอย่างไม่รังเกียจรังงอน แล้วก็เกิดความเสียดายขึ้นมาหญิงสาวที่ทั้งเก่งงานบ้านงานเรือน แถมยังเอากาลเอางานไม่หยิบโหย่ง ทำอะไรจริงจัง นิสัยก็แสนดีน่ารัก ถ้าธราธรจะเอากาลเอางานสักหน่อย ไปเป็นคนเจ้าชู้หลีหญิงไม่เลือก แถมยังกินเหล้าเมายาอีก เขานี่แหละจะขอวลัยพรให้เป็นเมียน้องชาย

    “เสร็จยังคุณส้ม ฝนกำลังจะตกแล้วนะ” เกล็ดแก้วตะโกนถาม ความจริงแล้วเธอไม่ได้อยากสุงสิงกับคนบ้านนอกแบบนี้หรอก แต่เห็นว่าวลัยพรเป็นหญิงสาวนิสัยดีและน่ารัก การพูดจาถึงจะไม่มีหางเสียง แต่ก็ฟังแล้วไม่หยาบกระด้าง และที่สำคัญคือ...ไม่เห็นหญิงสาวมีนิสัยไล่จับผู้ชาย

    “ค่า...เสร็จแล้วค่า...” วลัยพรร้องตะโกนตอบไปพร้อมกับรีบวิ่งไปเปิดประตูรถแทรกตัวเองเข้าไปนั่งก่อนที่รถจะออกไปเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น และต้องรีบหันมองหญิงคนขับที่หัวเราะหึหึในลำคอ ดวงตากลมโตตวัดมองไปด้านหลังพร้อมรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าจนต้องรีบมองตาม แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อเห็นร่างหนาใหญ่ล้มลุกคลุกคลานอยู่กระบะด้านหลัง

    “ว้าย!!” มือเล็กเรียวยกขึ้นลูบอก “พะ...พี่ไพลินไม่กลัวพี่เทพจะโกรธเอาหรือคะ ถึงได้ทำแบบนั้นนะ” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างหวาดกลัวแทน ถ้าเป็นธราเทพคนเดียวไม่เท่าไหร่หรอก แต่นี่มีน้องชายสุดที่รักอีกคนด้วยที่ได้รับเคราะห์จากการกระทำเหมือนเด็กของหญิงสาวที่กำลังขับรถอยู่

    “ถ้ากลัวก็ไม่ทำซิคะคุณส้ม” เกล็ดแก้วตอบกลับอย่างไม่ยี่ระ ไหล่กว้างยกขึ้นเล็กน้อยและรีบหันหน้าไปจดจ่ออยู่กับการขับรถ ถึงแม้จะขับเก่งและเคยขับฉวัดเฉวียนในกรุงเทพและจังหวัดใกล้เคียงมาแล้ว แต่เพราะนี่เป็นถนนที่ไม่คุ้นเคยก็ต้องมีความระมัดระวัง และยิ่งในสภาวะอากาศไม่เป็นใจแบบนี้ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังขึ้นเป็นสองเท่าแต่ถึงจะระมัดระวังเพียงใดอุบัติเหตุก็ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ

    เอี๊ยด!! เท้าเล็กๆ เหยียบเบรกอย่างกะทันหันเมื่อเห็นเหมือนกับมีอะไรบางอย่างลอยคว้างมาตกกระทบที่กระจกหน้ารถ พร้อมๆ กับฝนห่าใหญ่ที่เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา

    “ว้าย!! พี่ไพลินมีอะไรคะ” วลัยพรเอ่ยถามอย่างตกใจ ชะเง้อคอมองไปด้านหน้าเพราะคิดว่าเกล็ดแก้วขับรถไปชนหรือเหยียบเอาอะไรเข้าเสียแล้ว เพราะถนนใกล้จะถึงบ้านเธอนั้นมีพวกสัตว์สี่เท้าทั้งหมาและแมวชอบออกมาวิ่งเพ่นพ่านบนถนน บ้างครั้งก็ยังมีสัตว์ใหญ่อย่างวัวหรือควายเข้ามาร่วมด้วยเสียอีก

    ร่างหนาใหญ่รีบกระโดดผลุงจากกระบะท้ายรถมาเคาะกระจกแก้วใสด้านข้างด้วยความตกใจและกังวล “ก๊อกๆ ไพลินๆ เป็นอะไรหรือเปล่า” มือใหญ่ยกขึ้นปาดน้ำฝนที่เทลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตาสลับกับมองไปด้านหลังที่ตอนนี้น้องชายเริ่มจะรู้สึกตัวแล้ว แต่อาการบาดเจ็บที่เห็นแต่แรกว่าไม่หนักหนานั้นกลับหนักเอากาล ไม่แน่ใจว่าจะมีการแตกหักของอวัยวะภายในบ้างหรือเปล่า แต่ครั้งจะพาไปโรงพยาบาลมันก็จะต้องแจ้งสาเหตุที่มาที่ไปให้ทางนั้นรับรู้ว่าเป็นมายังไงถึงได้บาดเจ็บแบบนี้

    “เปล่า ไม่เป็นอะไร เพียงแค่ตกใจนิดหน่อย” เกล็ดแก้วที่หมุนกระจกเพียงนิดเดียวตอบไป แต่ในหัวใจกลับเต้นแรงเร็วและสั่นเทา มือเท้าเย็นเฉียบ “แต่ฝนตกหนักแบบนี้ฉันไม่ชินทาง นายจะมาขับเองไหม”

    “อือ...”

    สิ้นคำตอบธราเทพสองร่างก็เริ่มขยับขยายให้ร่างหนาใหญ่ผลุบเข้ามานั่งและรีบขับออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความต้องการพาน้องชายไปส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

    *************************

    “ไม่เป็นอะไรแล้วนะธร” ธราเทพเอ่ยบอกน้องชายเสียงนุ่ม ดีใจที่ตัดสินใจไม่ผิดเลี้ยวรถมายังถนนเส้นทางที่มีโรงพยาบาลประจำอำเภอตั้งอยู่ ทำให้ได้รู้อาการเจ็บของน้องชายหนักอย่างที่เขาคิดเอาไว้คราวแรก นี่ถ้าตัดสินใจผิดนิดเดียวมีหวังเขาและครอบครัวจะต้องสูญเสียน้องชายคนนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับ คงได้แต่เสียใจและโทษตัวเองไปจนวันตายเท่านั้น

    “ขอบคุณครับพี่เทพ” สองมือเล็กและดำสนิทยกขึ้นประนมไหว้พี่ชายร่วมสายเลือด เขายังโชคดีหนักหนาที่พี่ชายและวลัยพรไปเจอเข้า ไม่เช่นนั้นคงจะต้องนอนตายเหมือนหมาข้างถนนอยู่แถวนั้นเป็นแน่

    “ธรบอกพี่ได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วใครเป็นคนทำร้ายธรถึงขนาดนี้”

    “นี่นายจะไปเซ้าซี้ถามอะไรน้องเขาตอนนี้ละนายเทพ น้องเขาเจ็บอยู่ต้องการพักผ่อน ส่วนนายก็ยังมีหน้าที่ต้องพาส้มกลับไปส่งบ้านด้วย แล้วไหนจะฉันอีกคนที่ต้องการกลับไปพักผ่อนเข้าใจไหม” เกล็ดแก้วพูดยาว สองมือยกขึ้นไขว้วางพักไว้ระหว่างอก และตวัดสายตาคมกริบไปให้กับน้องชายธราเทพที่ดูจะเจ้าชู้ไม่เลือกหน้า ขนาดว่าธราเทพบอกปาวๆ ว่าเธอเป็นพี่สะใภ้นะ ยังไมวายส่งสายตาหวานๆ และหยอดคำหวานใส่

    แหวะ...หน้าตายังกับปลาหมอถูกทุบหัว ยังจะคิดว่าตัวเองหล่อเหมือนพระเอกหนักไทยอยู่ได้ ยิ้มทีนึกก็เห็นฟันหลอๆ สีดำเหมือนกับถ่านยังจะเสือกยิ้มอยู่ได้ แล้วหุ่นก็...ยังกะแย้อดข้าว ผอมกะหร่องกะแหร่ง ใครคิดสั้นเอาคนแบบนี้ไปทำพรรค์ไม่เรียกว่าโง่ก็คงจะบ้า

    “ไม่เป็นไรคะพี่ไพลิน ส้มยังไงก็ได้”

    เกล็ดแก้วหันไปถลึงตาใส่วลัยพรอย่างไม่ชอบใจที่ขัดความต้องการของเธอ ริมฝีปาอวบอิ่มกำลังจะเอ่ยต่อว่าแต่ก็ถูกขัดจังหวะจากคนที่นอนยิ้มกรุ่มกริ่มอยู่บนเตียงนอน

    “ไม่เป็นไรหรอกส้ม ตัวกลับไปเถอะ เราอยู่คนเดียวได้ อีกอย่าง...” ธราธรหันไปทางพี่ชาย “เดี๋ยวพี่เทพก็จะต้องฝากฝังเราไว้กับคุณพยาบาลนี่น่า ใช่ไหมครับพี่” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงหวาน และไม่ลืมที่จะหยอดสายตาหวานๆ ส่งให้กับพี่สะใภ้ที่สวยถูกใจเขาอีกคน แต่ตอนนี้ยังปล่อยคารมหวานๆ ให้ได้ไม่มากเพราเพียงแค่ขยับกายความเจ็บปวดระหว่างกึ่งกลางช่องท้องและหน้าอกก็แผ่ซ่านขึ้นมาจนหายใจติดๆ ขัดๆ อยู่แล้ว

    และอีกอย่าง...เมื่อกี้ตอนที่คุณหมอกำลังตรวจอยู่ด้านหลังคุณหมอวัยกลางคนเป็นนางพยาบาลสาวหน้าใสและน่ารัก ซึ่งถ้าให้เดาคงจะเพิ่งจบการศึกษาไม่นานแล้วอย่างนี้จะให้หลุดรอดมือไปได้ยังไงกัน ธราธรคิดอย่างลืมไปว่าส่วนหนึ่งที่เขาบาดเจ็บบางตายก็มาจากเรื่องผู้หญิงที่ดันเผลอไปยุ่งกับคนที่มีเจ้าของซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพล

    “แน่ใจหรือว่าอยู่คนเดียวได้ธร เดี๋ยวพี่ให้ฉวีมาอยู่เป็นเพื่อนดีไหม”

    “โอ๊ย!! ไม่เอานะพี่ ขืนให้ฉวีมาอยู่นะ บรือส์...” ธราธรถึงกับหน้าถอดสี เนื้อตัวสั่นเทา น้องสาวคนนี้นอกจากจะปากร้ายแล้วยังจะใจร้ายอีกด้วย พอไม่ได้ดังใจก็ชอบทำร้ายทุบตีเขาเป็นประจำ และหันไปพูดน้ำเสียงกึ่งเล่นๆ กึ่งเอาจริงๆ กับพี่ชาย “ถ้าพี่ให้ฉวีมาเฝ้านะครับ ผมคงจะไม่ได้นอนพัก เพราะมัวแต่ต่อล้อต่อเถียงและด่าทอกันจนลั่นโรงพยาบาลแน่”

    “ฉวีถึงจะปากร้ายแต่ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้นมั้งธร นายคิดมากอีกแล้ว” วลัยพรเอ่ยดักคอ “ตัวเองเป็นผู้ชายน่าจะยอมๆ น้องหน่อย แต่นี้ดันไปเถียงฉวีมันก็โมโหใส่เอานะซิ”

    “เออ...เข้าข้างกัน เดี๋ยวเจอนิสัยจริงๆ ของยัยนั่นแล้วจะรู้สึก”

    “พอเถอะพอ ถ้าไม่อยากให้ฉวีมาเฝ้าก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่ไปฝากกับนางพยาบาลก่อน เพราะคืนนี้คงไม่ได้มาเฝ้านายหรอกเป็นห่วงที่บ้าน ตอนนี้อากาศบ้านเราก็เป็นยังไงไม่รู้ ทั้งๆ ที่เป็นเดือนมีนาแท้ๆ กลับมีฝนตกลงมาได้”

    “นั่นซิพี่เทพ คงเป็นเพราะคนเรารักสบายและเห็นแก่ตัวกันมากขึ้น เลยชอบทำร้ายทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง เลยทำให้อากาศของโลกเปลี่ยนแปลงมีฝนตกผิดฤดูกาล และก็ร้อนขึ้นและร้อนขึ้นทุกวันด้วย” วลัยพรกล่าวเสริมท้าย ถึงแม้ว่าร้านเธอจะติดเครื่องปรับอากาศก็จริง แต่ถ้าไม่ร้อนมากและลูกค้าไม่มากก็จะไม่เปิด

    “คุยกันเสร็จหรือยัง ฉันหิวและเริ่มคันขึ้นมาอีกแล้วนะ” เกล็ดแก้วที่เหมือนกับถูกกันไปอยู่วงนอกแหวขึ้น มือเล็กเรียวขยับไปตามเรือนกายว่าให้เป็นดันคำพูด ใบหน้าขาวสวยส่งค้อนปะหลับปะเหลือก และริมฝีปากก็ขมุบขมิบอยู่ตลอดเวลา

    “ไปเถอะครับพี่ ผมไม่เป็นไรจริงๆ ผมอยู่ได้” ธราธรบอกพี่ชายและหันไปส่งสายตาและยิ้มหวานๆ ให้กับเกล็ดแก้วด้วยหวังว่าหญิงสาวจะพอใจกับสิ่งที่เขาริเริ่มทำให้

    “นั่นไงเห็นไหมน้องนายเขายังพูดเลยว่าอยู่คนเดียวได้ แถมยังอยู่ใกล้มือหมอมือนางพยาบาลสวยๆ แล้วนายจะเป็นห่วงอะไรหนักหนา รีบกลับดีกว่าน้องนายจะได้พักผ่อนแล้วจะได้หายเร็วๆ ไง” เกล็ดแก้วพูดเสียงหวานนุ่มเหมือนกับว่าเข้าใจธราธรดี แต่ถ้าฟังให้ดีๆ สักนิดก็จะรู้ว่าหญิงสาวนั้นแขวะใส่ไปด้วย เหม็นเบื่อไอ้พวกไม่ดูสภาพตัวเองสะเออะมาจีบดอกฟ้าอย่างเธอ ขนาดว่าคนที่มีฐานะและการศึกษาที่เท่าเทียมกันหรือบางคนสูงกว่าด้วยซ้ำเธอยังไม่ชายตาแลเลยด้วยซ้ำ

    อย่างหมอทินภัทรก็เหมือนกัน อย่าคิดว่าจบดอกเตอร์มาจากเมืองนอกเมืองนา หน้าตาหล่อเหล่า ฐานะทางบ้านจะร่ำรวยแล้วเธอจะชม้ายชายตาแลนะ ถ้าไม่ใช่เพราะนังสองสาวที่เป็นทั้งเพื่อนซี้ แต่ก็เป็นคู่กัดกันในบางเรื่องให้ความสนใจละก็ เธอไม่สนใจหมอบ้าหลงตัวเองและพูดมากอย่างกับผีเจาะปากมาพูดอย่างนั้นหรอก อยู่ด้วยแล้วทั้งน่าเบื่อและน่ารำคาญจะตายชัก

    “อยู่ได้แน่นะธร ให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนก็ได้นะ” วลัยพรเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงและหวัดดี

    “ไม่ต้องหรอกส้ม เราอยู่ได้จริงๆ รีบพาพี่เทพกลับไปเถอะ เดี๋ยวฝนตกหนักมากไปกว่านี้ พี่จะเข้าบ้านลำบาก ถนนบ้านเรามันยังเป็นหลุมเป็นบ่ออยู่ไม่ใช่หรือไงพี่”

    “นายหายไปเสียหลายปีเลยไม่รู้ว่าบ้านเราพัฒนาถนนจนหนทางก็ดีขึ้นกว่าเก่ามาก”

    “นั่นมากแล้วหรือนายเทพ แหมๆ ยังกับหลุมบนหน้านายนั่นแหละ”

    “ส้มว่าพาพี่เทพควรจะพาพี่ไพลินกลับบ้านดีกว่าไหมคะ ไม่งั้นธรไม่ได้พักผ่อนแน่” วลัยพรกลายเป็นคนห้ามทัพไปในปริยาย

    “ใช่ครับพี่ ผมเองก็อยากจะนอนด้วย” ธราธรให้เสียงสนับสนุนไปอีกราย

    ธราเทพหันมองศัตรูคู่กัดกับน้อยชายที่ตาปรือลงเรื่อยก็พยักหน้ารับ เพราะเขาเองก็เป็นห่วงทางบ้านเหมือนกัน ไม่รู้ว่าฝนที่ตกลงมายอย่างไม่ลืมหูลืมตาในวันนี้จะตกอีกนานไหม กลัวว่าพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านที่กำลังผลิดอกออกผลจะได้รับความเดือดร้อนไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นข้าวในนาที่ของบางรายก็เริ่มจะตั้งท้องแล้ว ของบางรายก็กำลังขึ้นอย่างสวยงามน่าจะให้ผลผลิตที่คุ้มค่ากับความต้องการ

    “ก็ได้” ใบหน้าคมคร้ามพยักรับ

    “แหมกว่าจะตัดสินใจได้ เปลืองน้ำลายในลำคอไปหลายลิตร” เกล็ดแก้วไม่วายบ่นให้ได้ยิน ร่างโปร่งบางลุกขึ้นยืน ใบหน้าขาวสวยเชิดขึ้นสูง และเดินออกจากห้องด้วยมาดนางพญา

    สองแขนเล็กเรียวยกขึ้นสอดไขว้ระหว่างอก มองสองร่างโปร่งบางและหนาใหญ่ที่เดินตามกันไปแล้วสายหน้า คนหนึ่งก็ปากร้าย อารมณ์ก็ร้ายไม่กลัวและยอมแพ้อะไรเลย ส่วนอีกคนก็ร้ายลึกเห็นเงียบๆ ขรึมๆ แต่อย่าให้ร้ายขึ้นมา ต่อให้มีพระมาห้ามก็แทบจะเอาไว้ไม่อยู่

    *******************************

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×