ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กรุ่นไอดิน กลิ่นไอรัก

    ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 6 เรื่องแปลก (อัพจบตอน)

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 54


    ตอนที่ 6

    เรื่องแปลก

    “ปล่อยได้แล้วน่า ฉันไม่ใช่เด็กนะที่จะต้องเดินจับจูงมือแบบนี้นะ” เกล็ดแก้วพยายามแกะมือใหญ่ออกจากแขน พร้อมทอดถอนลมหายใจออกจากปวด ใบหน้าขาวสวยตวัดค้อนขวับๆ ดวงตาหลุบมองลงต่ำสลับปรายหางตามองร่างหนาใหญ่ด้วยความขุ่นเคืองในหัวใจ

    “รู้แล้วว่าไม่ใช่เด็ก เพราะถ้าเป็นเด็กจะไม่กลัวแบบนี้”

    “หือ...น้ำหน้าอย่างนายนะหรือกลัวฉัน พูดผิดพูดใหม่ได้นะนายเทพ” เกล็ดแก้วแทบจะแคะหูตัวเองกับคำพูดที่ได้ยิน ไหล่กว้างยกขึ้นเล็กน้อย ตวัดดวงตากลมโตมองไปรอบๆ บริเวณ เมื่อครู่ธราเทพพาเธอไปตลาด แล้วพอมาตอนนี้ก็จับจูงมือเหมือนกับเด็กที่กำลังหลงทางมุ่งตรงไปอย่างไม่รีรอ ถ้าดูให้ดีจุดหมายปลายทางที่ชายหนุ่มพาไปนั้นเหมือนกำลังมุ่งไปที่ร้านเสริมสวยซึ่งอยู่เบื้องหน้า

    “แล้วนี่จะพาฉันไปไหนกันแน่ ไหนว่าจะพาไปซื้อเสื้อผ้าไง” หญิงสาวพยามยามที่จะฝืดตัวเอาไว้ แต่แรงที่ดึงลากไปมีมากกว่าทำเอาร่างโปร่งบางถึงได้ถลาไปข้างหน้าจนตัวปลิว

    “เอาน่าเดี๋ยวถึงก็รู้เองแหละ”

    “โอ๊ย! ตาบ้าเบาๆ หน่อย ฉันเจ็บนะ แขนคนนะโว้ยไม่ใช่เหล็กที่จะไม่รู้สึกรู้สานะ”

    วลัยพรซึ่งกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าร้าน หูเหมือนแว่วได้ยินเสียงคุ้นเคย ก็รีบเงยหน้าขึ้นมอง แล้วคิ้วโก่งได้รูปก็ขมวดมุ่นและความสงสัยพุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันที เมื่อเห็นธราเทพซึ่งเธอนับถือเป็นพี่ชายจับจูงมือสาวน้อยนางหนึ่ง อ๋อ...ไม่ใช่สาวน้อยหรอกดูเหมือนจะเป็นสาวสวยมากกว่า ดวงตากลมโตเหมือนกับดวงตากวาง แต่ดุร้ายเหมือนเสือ จมูกนั่นก็อีกโด่งรับกับริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่ออย่างไม่ต้องใช้เครื่องสำอางตกแต่ง รวมๆ แล้วดูดีและน่ามองไปหมด เสียแต่ว่าหน้าตาที่ได้เห็นนั้นบึ้งตึงและขุ่นเขียวด้วยความโกรธเกรี้ยว

    แล้วก็ให้สงสัยจนคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเป็นโบว์เล็กๆ อย่างแปลกใจ ธราเทพที่ไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหน ใครมองมาอย่างดีก็แค่ผุดรอยยิ้มเล็กน้อยตรงมุมปากแล้วก็หายไปกลายเป็นใบหน้าเรียบเฉยเหมือนกับสวมหน้ากากเอาไว้ตลอดเวลาควงผู้หญิงมาร้านเธอ ถ้าเพียงแค่ควงก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่นี่กลับมีการจับมือถือแขนกัน อ๋อ...ไม่ใช่เรียกได้ว่ากระชากลากถูกกันมาเสียมากกว่า และฝ่ายที่ลากก็ไม่ใช่ผู้หญิงซะด้วย

    อืม...ใบหน้าขาวนวลแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มจนดวงตาแวววาว ได้เห็นแบบนั้นแล้วมันไปกระตุ้นต่อมความอยากรู้อยากเห็นให้กำเริบจนห้ามไม่อยู่ซะแล้ว อย่างนี้มันต้องง้างปากหนักๆ นั่นให้ยอมพูดหรือเปรยอะไรให้รู้สักหน่อย แล้วค่อยไปสืบรายละเอียดที่บ้านชายหนุ่มอีกครั้ง

    “อ้าว...พี่เทพไปไงมาไงถึงมาร้านส้มได้คะ แล้วนั่นพาใครมาด้วยเอ่ย?” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงกึ่งยั่วเย้ากึ่งอยากรู้อย่างหักห้ามเอาไว้ไม่มิด

    “เมียพี่เองแหละส้ม เพิ่งมาถึงเมื่อคืนเอง แต่เดือนร้อนต้องขอความช่วยเหลือจากส้มหน่อย”

    “คะ...?” ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ธราเทพมีเมียแล้ว?...แล้วนี่พวกสาวๆ ที่คอยตามตื้ออยู่ไม่อาละวาดกรีดร้องจนลั่นบ้านหรือไงกันนี่ “พะ...พี่เทพพูดใหม่ได้ไหมคะ ส้มกลัวว่าเมื่อกี้จะฟังผิด” วลัยพรถามย้ำอีกครั้ง มือเล็กยกขึ้นใช้ปลายนิ้วเกลี่ยช่องหู เพื่อความมั่นใจว่าหูตัวเองไม่ได้ฝาดไป ก็ผู้ชายที่ไม่เคยมีตามองผู้หญิงคนไหน แต่จู่ก็พาผู้หญิงคนหนึ่งมาแล้วบอกว่าเป็นเมีย

    “เมียพี่เองชื่อไพลิน พอดีรีบเดินทางไปหน่อยเสื้อผ้าไม่รู้ไปตกหล่นอยู่ที่ไหน พี่ไม่ค่อยสันทัดเรื่องเสื้อผ้าผู้หญิง ไงวานสมส้มดูแลหน่อยนะ เดี๋ยวพี่จะไปธุระก่อนแล้วค่อยกลับมารับ” มือใหญ่ดึงรั้งร่างโปร่งบางเข้ามาหา แขนใหญ่โอบรัดรอบเรือนกายโปร่งบาง

    “ไพลินนั่นส้ม รุ่นน้องผมเอง” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงแนบชิดใบหูนุ่ม “คุณสัญญาแล้วนะว่าจะไม่หนีไพลิน เพราะถ้าเกิดผมจับได้ละก็ โทษหนักเลยละคุณ”

    ชิ...พูดอยากกับว่าฉันต้องกลัวนายอย่างนั้นแหละตาบ้าเอ๊ย อย่าให้ฉันมีเงินติดมือนะ ฉันไม่อยู่ให้นายขู่แบบนี้หรอกฉันหนีแล้วยะ “ไม่รับปากยะ ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ ฉันหนีเมื่อนั้นแหละ” ไหล่กว้างยกขึ้น ปลายเล็บแหลมจิกลงไปบนหนังหนาๆ แล้วหยิบขึ้นมาเล็กน้อยและบิดแรงๆ ใบหน้าขาวสวยผันไปยิ้มให้กับสาวน้อยที่ยืนมองอยู่อย่างสนใจระคนสงสัย

    “ตามสบายละกัน แต่อืม...ในเมื่อคุณบอกแบบนี้ผมก็จะได้ไม่ให้เงินไว้ใช้” ธราเทพตอบกลับน้ำเสียงยิ้มๆ ใบหน้าคมคร้ามฉายแววระรื่นไหว ดวงตาเป็นประกายพราวระยับ

    ฮ๊าย!!...อีตาบ้าหน้าหม้อเอ๊ย อีตาขี้งก ใบหน้าขาวสวยเห่อแดงระเรื่อ ดวงตากลมโตเป็นประกาย หงุดหงิดในหัวใจอย่างรุนแรง เท้าเล็กๆ พยายามยกขึ้นกระทืบบนเท้าแข็งแกร่งๆ ไปมาแรงๆ อย่างต้องการทำให้คนขี้งกได้เจ็บตัวเสียบ้าง

    “ฝากด้วยนะส้ม พี่รบกวนเราพาไพลินไปซื้อเสื้อผ้าดีๆ แต่ราคาไม่แพงนะ นี่เงิน” มือใหญ่ล้วงหยิบกระเป๋าหนังเนื้อดีขึ้นมาและหยิบเอาเงินใบละพันบาทส่งให้น้องสาวเพื่อนไว้ใช้ “ถ้าไม่พอส้มออกไปก่อนนะ แล้วพี่จะมาเคลียร์ให้ตอนมารับไพลินกลับบ้าน”

    “คะ” วลัยพรรับเงินมาถือไว้อย่างงงเต็ก ในดวงตากลมโตและใบหน้าขาวสวยมีเครื่องหมายคำถามขึ้นอยู่จนเต็ม อะไรกันหว่า? ให้พาเมียไปซื้อเสื้อผ้า แล้วให้เงินเราไว้นี่นะ มันอารัยการละเนี่ย ใครก็ได้ช่วยบอกทีจ้า

    “คุณเมียสุดที่รักคร้าบ...” ธราเทพลากเสียงยาว “รบกวนอย่าใช้เงินคุณสามีสุดหล่อเปลืองมากนะครับที่รัก เห็นดูเด็กน้อยตาดำๆ ที่นั่งมองตอนเราออกเดินทางมาหน่อย แบบว่าผมยังต้องส่งเสียยัยลูกปัดให้เรียนสูงๆ แล้วก็ยังต้องเลี้ยงอีกหลายชีวิตที่บ้านด้วยนะครับ”

    ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอ้าจนค้าง ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองร่างสูงใหญ่อย่างหวาดกลัวว่า ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าใช่ธราเทพ...ชายหนุ่มที่เคยแต่หลบและหนีหญิงสาวทุกคนหรือเปล่า ก็ไอ้คำพูดที่ได้ยินมันลิเกเหลือเกิน แล้วเพื่อนเธอไปขุดคำพูดพวกนี้มาจากไหน...หรือว่าเธอกำลังโดนผีหลอก ตรงเบื้องหน้าไม่ได้มีร่างของใครเลยสักคน หูก็คงจะผิดเพี้ยนไปจนได้ยินอะไรแปลกๆ สองมือเล็กยกขึ้นขยี้ตาและไกล่เกลี่ยช่องหูแต่น้ำเสียงโต้ตอบของสองหนุ่มสาวก็ยังดังลอยมาแตะใบหู

    “ยะ...ฉันใช้ไม่มากหรอก แต่ที่นายให้ไปนี่รู้สึกไม่น่าจะพอนะ เพิ่มไปอีกหน่อยก็ดี” เกล็ดแก้วโต้กลับ สองมือยกขึ้นสอดไขว้กันวางพักไว้ระหว่างอก บนใบหน้ามีแต่รอยยิ้มจากริมฝีปากที่ขมุบขมิบพร้อมคิ้วคมเข้มที่เลิกขึ้นสูงเป็นจังหวะยิกๆ ผสานเข้าเป็นจังหวะเดียวกับเท้าเล็กที่กระทืบลงบนพื้นหิน

    เกล็ดแก้วเบ้หน้าเป็นการเย้ยหยัน โธ่เอ๊ย...! ทำอย่างกับว่าบ้านนอกคอกนาอย่างนี้จะมีเสื้อผ้าและเครื่องประดับสวยๆ ราคาแพงๆ ให้เธอจับจ่ายซื้อเล่นหรือไง อย่างดีก็พวกเสื้อผ้าโลว์คราสตกรุ่นหรือของเลียนแบบเท่านั้นแหละว้า อีกอย่างถึงจะเป็นคนจ่ายเงินเหมือนพิมพ์แบงค์ได้เอง แต่ถ้าไม่ใช่เงินตัวเองก็ไม่อยากใช้หรอก กลัวถูกทวงบุญคุณทีหลัง แต่นี่เพราะมันจะจำเป็นหรอกนะ ไม่งั้นก็ไม่มีเสื้อผ้าให้ใส่ แต่จะมาว่าก็ไม่ได้เพราะเป็นคนเอาตัวเธอมาเองนี่น่า

    วลัยพรถึงกลับต้องกลั้นหัวเราะคิกจนอย่างสะกลั้นเอาไว้ไม่ได้ ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อและต้องผันไปมองทางอื่นที่ไม่มีร่างของสองหนุ่มสาวยืนต่อปากต่อคำกันอยู่ มือเรียวยกขึ้นปิดปากเพื่อไม่ให้มีเสียงอะไรหลุดรอดออกไป เออแงะ...เคยเห็นธราเทพในมาดผู้ชายมาดนิ่งๆ สุขุมนุ่มลึก แต่มาวันนี้กลับเปลี่ยนเป็นคนละคน ใบหน้าคมคร้ามยิ้มแย้มแจ่มใส พูดจาหยอกล้อกับผู้หญิงก็เป็นด้วย อยากถ่ายวีดีโอเก็บไว้ดูชะมัดเลยแงะ

    “พะ...พี่เทพรีบไปทำธุระเถอะ ส่วนทางนี้ส้มดูแลให้ ชนิดริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอบเลยค่ะ”

    “ขอบใจนะส้ม งั้นพี่ไปละ” ว่าแล้วร่างใหญ่ก็รีบหันหลังเดินจากไป แต่สายตาก็ยังได้เห็นเกล็ดแก้วแลบลิ้นปลิ้นตาส่งมาให้ และริมฝีปากอวบอิ่มนั่นก็ยังเจริญพรให้เสียยกใหญ่ เห็นแล้วมัดอดไม่ได้เสียด้วย ร่างหนารีบผันกลับมา มือใหญ่เกี่ยวเอาเอวเล็กคอดดึงไม่ต้องแรงมาคนที่ไม่ทันระวังตัวก็ถลาเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนใหญ่ จมูกโด่งได้สันกดลงบนแก้มนุ่มทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว

    “ว้าย!! ทำอะไรนะตาบ้า นายไม่อายแต่ฉันอายนะยะ” มือเรียวยกขึ้นจับแก้มนุ่มอย่างรวดเร็ว พวงแก้มอิ่มเต็มข้างที่ถูกหอมป่องออกเล็กน้อย ดวงตากลมเขียวปัดส่งให้ธราเทพและหันไปยิ้มแหยๆ อายๆ ให้กับสาวสวยอีกรายที่ยืนอมยิ้มนัยน์ตาพราวระยับอยู่ไม่ไกล

    “ลืมไปว่าต้องขอรางวัลเมียก่อนไปธุระไง” ชายหนุ่มล้ออย่างชอบใจที่ได้เห็นใบหน้าขาวแดงระเรื่อด้วยเลือดฝาด “ใช่ไหมส้ม” ชายหนุ่มหันไปถามผู้ช่วย

    วลัยพรถึงกับยืนอึ้งดวงตากลมโตเบิกกว้าง ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าค้าง “คะ...” และเผลอรับปากไปก่อนจะนึกได้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็ได้รับค้อนวงใหญ่จากผู้หญิงที่ได้รับการแนะนำว่าเป็นเมียของธราเทพไปเป็นที่เรียบร้อย

    “อุ้ย!!” มือเรียวรีบยกขึ้นปิดปากตัวเองอย่างรวดเร็ว สีหน้าและแววตาแหยๆ “ขอโทษคะคุณ ส้มเผลอตกใจมากไปหน่อย แบบปกติไม่เคยเห็นพี่เทพเป็นแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนเลย ออกจะรำคาญและหาทางหนีด้วยซ้ำเวลาที่มีผู้หญิงมาเกาะแกะ เลยงงๆ และแปลกใจมากไปหน่อย” วลัยพรรีบแก้ตัวด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มแหยๆ

    “ไม่เป็นไรคะ เพราะถ้าจะหาคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ละก็...” เกล็ดแก้วเอ่ยบอกและปรายสายตาไปหาคนร่างใหญ่ให้รู้ตัวเธอกำลังกล่าวถึง แล้วอีกอย่างนี่ก็เพิ่งจะเจอครั้งแรกถือว่าให้อภัยได้ แต่ถ้ามีครั้งต่อไปละก็...ทั้งอีตากำนันบ้านั่นและทุกคนที่อยู่รายรอบจะต้องถูกด่าเปิดเปิงแน่

    วลัยพรอมยิ้มแก้มตุ่ย รู้สึกถูกใจและถูกชะตาเมียธราเทพที่ดูจะไม่ถือเนื้อถือตัวกับเธอ “คุณเป็นเมียพี่เทพก็เท่ากับเป็นพี่ของส้มด้วย งั้นส้มขอเรียกคุณว่าพี่ไพลินละกันนะคะ”

    เกล็ดแก้วแบะหน้าอย่างเบื่อๆ และรับปากไปอย่างแกนๆ “ค่ะ”

    “งั้นเชิญเข้ามาในร้านก่อนนะคะ เดี๋ยวส้มขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน จะได้พาคุณไปที่ห้างใหญ่ใจกลางเมือง ที่นั่นมีของที่คุณอยากได้ครบเลยคะ” ร่างเล็กกระทัดเดินนำเข้าไปในร้านพร้อมปิดป้ายประกาศว่าปิด เพื่อที่ลูกค้าที่มาใช้บริการจะได้รู้และไม่ต้องรอยคอยเก้อ แม้จะเสียดายรายได้ที่จะได้รับในวันนี้ก็ตาม แต่นานทีปีหนที่ธราเทพเอ่ยปากขอร้อง จะไม่ทำให้ก็ไม่ได้ เพราะไม่อยากเสียงกับหัวที่จะต้องนูนขึ้นเพราะโดนเบิดกะโหลกซะจากคนขอนั่นแหละ

    ****************************

    วลัยพรเดินนำเกล็ดแก้วมุ่งตรงไปที่ร้านเสื้อผ้าเจ้าประจำด้วยส่วนหนึ่งก็เพราะเป็นญาติๆ กัน อีกส่วนก็เพราะว่าเสื้อผ้าที่ร้านตุ้งติ้งบูติคเป็นเสื้อผ้าเนื้อดีราคาย่อมเยาให้คนที่อยู่ตามบ้านนอกหากซื้อมาใส่ได้อย่างไม่เสียดายเงินในกระเป๋ามากนัก แล้วก็ยังไม่ตกเทรนเพราะเสื้อผ้าที่เจ้าของร้านเลือกมานั้นเป็นเสื้อผ้าที่เพิ่งจะตกรุ่นจากกรุงเทพฯ ไม่นาน  

    “นี่คุณจะรีบพาฉันเดินไปตามควายที่ไหนนะ” เกล็ดแก้วอดที่จะเอ่ยปากถามไม่ได้ เมื่อแม่สาวน้อยร่างบอบบางจับจูงมือและพาเดินลิ่วๆ ไม่มองซ้ายมองขวาจวบจนถึงร้านเสื้อผ้าซึ่งมีลูกค้าเดินเข้าออกเป็นจำนวนมากพร้อมใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

    “ก็พาคุณมาซื้อเสื้อผ้าไง”

    “แล้วทำไมต้องรีบเดินขนาดนี้ด้วย ร้านเสื้อผ้าก็มีตั้งเยอะนี่” เกล็ดแก้วพูดอย่างไม่เข้าใจ ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วห้างใหญ่ใจกลางเมืองที่ดูว่ามีพื้นที่มากกว่ากรุงเทพฯหลายเท่านัก แต่ทว่าความเจริญกลับเอื้อมมือมาไม่ถึงเลยทำให้ดูล้าหลังและล้าสมัย แต่ก็คิดว่าคงอีกไม่นานที่นี่ก็คงจะมีความเจริญเข้ามาถึงมากกว่านี้เมื่อระหว่างทางที่นั่งรถมาเธอได้เห็นการก่อสร้างอาคารน้อยใหญ่เกือบตลอดทาง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์และบ้านจัดสรร

    “ก็เดี๋ยวร้านที่ส้มพาคุณมันจะปิดนะซิ”

    “อุ๊ยตาย!! นังส้มเปรี้ยววันนี้ลมอะไรหอบแกมาถึงร้านฉันได้ยะ” คนเอ่ยทักเป็นชายร่างเล็กกะทัดรัดส่วนอื่นๆ ดูจะเด่นไม่เท่าใบหน้ากลมป้อมที่มีแว่นขนาดใหญ่กรอบสีขาวออกเหลือติดอยู่บนใบหน้า ดูแล้วจมูกหาสันไม่เจอและบานโร่ แล้วไหนจะยังมีริมฝีปากนั่นอีกมันทั้งหนาและใหญ่ ดูแล้วเหมือนตัวตลกเสียมากกว่าคนที่จะมาขายเสื้อผ้าแฟชั่นได้เลย

    “ทำไมยะนังติ้งฉันจะมาร้านแกบ้างไม่ได้หรือไงยะ” สองมือเล็กยกขึ้นเท้าสะเอว ตวัดดวงตาวับๆ วาวๆ ใส่ญาติที่ไม่ค่อยสนิทสักเท่าไหร่แต่ก็พอคุยและต่อรองราคากันได้

    “ก็ไม่อะไรมาหรอกยะนังส้มเปรี้ยว แค่ฉันเห็นว่าร้อยวันพันปีแก...” นิ้วมือป้อมๆ ชี้ใส่หน้าวลัยพร พร้อมเชิดหน้าขึ้นสูง และค่อยๆ ปรายหางตาลงมามอง “ไม่เคยเสด็จมาที่ร้านฉันเลยนี่หว่า ว่าแต่นี้มาทำอะไรยะ ว้าย...ตายแล้วนั่นใครนะนังส้มเปรี้ยว” มือใหญ่ยกขึ้นลูบอก ปากหนาอ้าค้างและรีบกลืนน้ำลายลงคอทันควัน ดวงตาเล็กหยีเบิกกว้างค่อยๆ ไล่มองไปตามเรือนร่างสูงโปร่งอย่างรวดเร็ว และหยุดนิ่งบนใบหน้าขาวนวลสวยที่ถูกสร้างสรรค์จัดวางเครื่องหน้าอย่างพอเหมาะพอเจาะ

    ดวงตากลมโตซ่อนอยู่ใต้ขนตายาวงอน พวงแก้มอิ่มเต็มสีชมพูระเรื่อโดยไม่ต้องใช้เครื่องประทินผิว จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากรูปกระจับเป็นสีชมพูธรรมชาติ มือใหญ่จับลากและดึงร่างบอบบางเข้าหาพร้อมก้มกระซิบกระซาบด้วยหัวใจเต้นแรงเร็วอย่างคนที่กำลังตื่นเต้นระคนดีใจ

    “หน้าตาสวยดีนี่แก อีกไม่นานบ้านเราก็จะมีการประกวดนางสงกรานต์แล้ว แล้วช่วยพูดด้วยก็ยิ่งดีนะแก ถ้าได้เข้าประกวดงานนี้จริงๆ ฉันทุ่มไม่อั้นเลยวะ รูปร่างหน้าตาสวยยังกับนางฟ้าตกสวรรค์ ร่างสูงโปร่ง อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกก็แหม...รับรองได้ว่ารางวัลที่หนึ่งไม่หนีไปไหนเลยนะแก”

    มือเล็กยกขึ้นดันแว่นให้หลุดออกจากสายตา แล้วกวาดมองไปทั่วร่างตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอีกครั้งอย่างพินิจพิจารณา อย่างชื่นชมและชอบใจเป็นที่สุด นี่ถ้าหญิงสาวที่วลัยพรพามายอมเข้าประกวดนางสงกรานต์รับรองได้รางวัลที่หนึ่งไม่ถอยหนีไปไหนแน่ นอกจากเงินรางวัลที่จะได้ก็ยังจะมีชื่อเสียง แล้วไหนจะยังมีงานโชว์ตัวอย่างนี้มีแต่รับทรัพย์เพียงอย่างเดียว

    “เสียใจด้วยยะนังติ้ง เพราะว่านี่คือพี่ไพลินเป็นเมียพี่เทพ”

    “ห๊า...” มือเล็กยกขึ้นปิดปาก ดวงตาเบิกกว้าง “กะ...แกว่าอะไรนะนังส้ม” มือเล็กแต่แข็งแกร่งยื่นไปหาสาวสวยที่ยืนฟังอยู่ด้วยความไม่ค่อยพอใจและแอบเซ็งในใจเล็กน้อย แต่สามารถกลบได้ด้วยเสื้อผ้าที่ยอมรับว่าถึงจะไม่เลิศหรูเท่าเมืองฟ้าศิวิไลซ์แต่ก็พอถูไถไปได้บ้าง

    “ผะ...ผู้หญิงคนนั้นเป็น...เมีย...เมียพี่เทพเหรอ”

    เกล็ดแก้วที่เหลียวมองไปรอบๆ ร้านอย่างถูกใจหันมาเลิกคิ้วมองสองหนุ่มสาวที่ยืนกระซิบกระซาบกันอยู่ เมื่อครู่เหมือนกับได้ยินว่ากำลังพูดถึงเธอนี่น่า “มีอะไรกันหรือคุณส้ม”

    “เปล่าๆ คะ ไม่มีอะไร พี่ไพลินดูเสื้อผ้าต่อเถอะคะ ส้มขอคุยกับตุ้งติ้งก่อน” วลัยพรหันไปตอบเกล็ดแก้วและรีบหันไปหาอีกคนที่ยังยืนอ้าปากค้างด้วยความคาดไม่ถึง เคยได้ยินตุ้งติ้งพูดว่าธราเทพไม่สนใจผู้หญิงเพราะเขาเป็นเกย์หรือเปล่า ชายร่างเล็กคนนี้ถึงขั้นลองเอาตัวเองเข้าไปไกลชิดจนเกือบจะถูกธราเทพกระทืบเท้าและยังย้ำหนักๆ ให้กินน้ำพริกอร่อยๆ ไปไม่ได้เสียหลายวัน

    “อืม...” ศีรษะทุยผงกรับ “ใช่เลย ผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียพี่เทพ แล้วอย่างนี้แกยังคิดจะให้เขาเข้าประกวดอีกไหมวะนังติ้ง” แขนเรียวยาวยื่นขึ้นไปวางบนบ่าเล็กที่รีบสะบัดแขนเรียวยาวออกอย่างรวดเร็วพร้อมร่างกายสั่นเทาและสีหน้ารังเกียจรังงอน

    “ว้าย!! ถอยไปไกลๆ เลยนังส้มเปรี้ยว นังชะนีหน้าวอก ไม่สวยแล้วยังจะชอบแตะอั๋งฉันอีก” ตุ้งติ้งทำสะบัดสะบิ้งอย่างเสียดาย แต่ใจยังไม่ยอมแพ้ในสิ่งที่ได้ยิน ถึงแม้จะเป็นเมียธราเทพ แต่หน้าตาสวยอย่างเหมือนนางอัปสร รูปร่างก็เพอร์เฟ็กซ์เหมาะเจาะไปเสียทุกส่วน ยังงี้ไม่ลองก็บ้าแล้ว

    “จะรับอะไรดีครับคุณ” ตุ้งติ้งปั้นเสียงหล่อ

    แต่สำหรับคนฟังแล้วมันเหมือนกับเสียงเป็ดที่พยายามจะร้องเพลงเสียมากกว่า มันจึงกลายเป็นตัวตลกให้ใบหน้าที่เคร่งเครียดและเบื่อหน่ายดูดีขึ้นเล็กน้อย “ก็มาร้านเสื้อผ้าแล้วจะให้ฉันรับเครื่องสำอางหรือไงคะคุณ” ความจริงเกล็ดแก้วอย่าจะเอ่ยถามด้วยคำถามแสบร้อนมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนกว่าชายหนุ่มร่างเล็กคนหน้าจะค่อนข้างเป็นคนมนุษย์สัมพันธ์ดีสักนิดก็เลยเพราๆ ลงเล็กน้อย แต่คนที่ฟังก็หน้าตึงไปเหมือนกันนั่นแหละ

    “อ้าย...คุณนี่พูดไม่เพราะเลยนะฮ้า อย่างนี้ติ้งไม่รักแล้วนะฮ้า...” ตุ้งติ้งพูดจาเล่นลิ้น “แล้วไม่รู้หรือฮะว่าติ้งนะครบสูตร ทั้งเสื้อผ้าร้องเท้า เครื่องประดับเครื่องสำอาง รับรองได้ว่ามาที่ร้านนี้ร้านเดียว เหมือนกับได้ท่องทั้งห้างเลยนะฮ้า” ชายในร่างหญิงโอ้อวดตัวเองอย่างไม่กลัวอีกฝ่ายจะหมั้นไส้

    “พอ...พอเถอะนังติ้ง” วลัยพรยกมือขึ้นห้ามก่อนที่ตุ้งติ้งจะสาธยายเรื่องความสามารถในการขายเป็นเลิศที่ไม่ว่าจะจับสิ่งใดก็เป็นเงินเป็นทองที่ลายละหายไปกับผู้ชายเสียทั้งหมด เลยทำให้ญาติคนนี้ไม่รวยเสียที ทำได้เท่าไหร่ก็แค่พอมีพอกินเท่านั้นเอง

    “ยะ...หยุดก็ได้ยะ” ตุ้งติ้งหันไปตวัดค้อนใส่วลัยพรที่ชอบขัดจังหวะเธอซะทุกทีและทุกเรื่องด้วย แล้วก็หันไปพูดจาหวานหูกับเกล็ดแก้วต่อและยังนำพาหญิงสาวเดินไปดูเสื้อผ้าที่เพิ่งจะรับเข้ามาสดๆ ร้อนๆ เมื่อตอนเช้าของวันนี้

    เกล็ดแก้วถึงกับต้องกลั้นยิ้มกับการถกเถียงของสองหนุ่มสาว เห็นแล้วก็หวนนึกไปถึงลูกพี่ลูกน้องซึ่งตอนนี้ไปท่องเที่ยวอยู่ที่ต่างจังหวัด ซึ่งเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจังหวัดใดเพราะไม่ได้สนใจไต่ตาม ตอนเป็นเด็กเธอกับกรินทร์ก็รักใคร่สนิทสนมกับดีอยู่ แต่พอเริ่มโตเป็นหนุ่มเป็นสาวต่างก็มีวิถีชีวิตเป็นของตัวเอง ถึงจะติดต่อกันบ้างแต่ก็ไม่บ่อย แล้วก็ยิ่งห่างไกลกันไปอีกเมื่อชายหนุ่มเริ่มที่จะสนใจผู้หญิง เพราะความกลัวว่าน้องสาวคนนี้จะหวงและห่วงพี่ชาย

    อีกทั้งก็มีสาวน้อยบางคนเข้าใจผิดในความสัมพันธ์ของทั้งเธอและกรินทร์ ถึงขั้นเขม่นและฝากร้อยแค้นเอาไว้ กรินทร์เองก็เป็นห่วงความปลอดภัยของน้องเลยติดต่อกันเพียงแค่ทางโทรศัพท์ หรือไม่ก็แวะเวียนมาหาที่บ้าน แต่ไม่เคยที่จะออกไปไหนมาไหนด้วยกัน

    “คุณคนสวยฮะอย่าไปสนใจนังส้มเปรี้ยวมันเลยฮะ นังนี่นะมันปากไม่มีหูรูดนึกอยากจะพูดก็พูด นึกอยากจะด่าใครมันก็ด่า มันก็เลยเป็นอย่างที่เห็นละฮ้า...อายุก็ย่างสามสิบปีแล้วแต่ยังไม่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน เพราะไม่มีใครกล้ามาจีบ ด้วยกลัวว่าจะถูกมันเจริญพรเป็นคำด่าเจ็บๆ แสบๆ ให้ทุกวันนะฮะ”

    ตุ้งติ้งหันไปแขวะกัดญาติสาว พร้อมกับยื่นมือไปจับแขนเรียวยาวให้เดินตามเข้าไปยังห้องด้านในที่เก็บเสื้อผ้าล็อตใหม่ซึ่งเพิ่งจะเดินทางมาถึงสดๆ ร้อนๆ ยังไม่ได้จัดเอาไปวางขายหน้าร้าน พร้อมกับการพูดจากหว่านล้อมให้เกล็ดแก้วเข้าร่วมประกวดนางสงกรานต์ของบ้านทุ่งนาดอน แม้หญิงสาวจะพยายามปฏิเสธยังไงก็ไม่สนใจ ถือคติที่ว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น

    เกล็ดแก้วแอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายและรำคาญแล้วก็ชักจะเวียนศีรษะกับไอ้ปากที่มันขยับขึ้นๆ ลงๆ และเสียงที่พูดไม่ขาดปากรัวเร็วเหมือนกับผีเจาะปากให้มาพูด “พอก่อนดีไหมคะคุณติ้ง ขอฉันมีเวลาตัดสินใจก่อน” ถึงแม้จะเสียดายว่าถ้าหากทำอย่างที่ชายหนุ่มพูดก็จะได้เงินกลับไปบ้าน แต่พอมานึกถึงเรื่องราวหลังจากเสร็จสิ้นการประกวดนั้นแหละที่เธอไม่ชอบใจ เพราะจะต้องมีคนนั้น คนนี้ คนโน้นพาลากจูงไปไหนต่อไหน

    ใบหน้าขาวสวยยิ้มแหยๆ เซ็งๆ ว่าตัวเองพูดมากปากมากแล้วนะ แต่พอมาเจอกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้ากลับแพ้หลุดลุ่ยไปเลย ดูท่าตุ้งติ้งยังไม่ค่อยอยากหยุดพูดเลยสักนิด “ฉันยังอยู่ที่นี่อีกนานนะคุณติ้ง แล้วไอ้ที่คุณติ้งคุยไว้เอาไว้ฉันจะไปคิดดูและปรึกษาพี่เทพก่อน ถ้าขืนฉันรับปากคุณไปโดยที่พี่เทพเขาไม่เห็นด้วย ฉันกลัวว่าจะมีปัญหาตามมานะคุณ” เกล็ดแก้วปฏิเสธอย่างนิ่มนวล

    “ใช่เลยยัยตุ้งติ้ง แกก็รู้จักพี่เทพดีนี่ถ้าเกิดว่าไม่พอใจละก็...” มือเรียวยกขึ้นปาดที่ลำคอ พร้อมทำสีหน้าแหยๆ อย่างหวาดกลัวอารมณ์คนที่กำลังพูดถึง สิ่งใดดีธราเทพจะสนับสนุน แต่สิ่งใดไม่ดีชายหนุ่มจะขัดขวางอย่างหัวชนฝา แต่ไอ้การประกวดนางงามนี่ชายหนุ่มไม่ชอบเอาเสียเลย เพราะเขาคิดว่าการประกวดบางงานนั้นเป็นการนำตัวเองเสนอให้กับผู้ชายอารมณ์เปลี่ยวต่างๆ เรียกเข้าหาเพื่อบริการความกำหนัด

    แต่คนเราถึงจะเกลียดสิ่งใดก็ย่อมพบเจอ เพราะพรฉวีน้องสาวของธราเทพนั่นแหละได้แอบเข้าไปประกวดจนได้รับรางวัลกลับมา จำได้ว่าตอนที่ธราเทพได้เห็นน้องสาวเดินเฉิดฉายอยู่บนเวที ชายหนุ่มแทบจะวิ่งเข้าไปฉุดกระชากลากน้องสาวลงจากเวที แต่ในตอนนั้นมีหลายคนคอยห้ามและฉุดรั้งเอาไว้จนเกือบจะต้องมัดไว้ด้วยเชือกเส้นใหญ่ๆ ไม่งั้นละก็มีหวัง...มีการวางมวยกับหลายๆ คนที่กำลังเชียร์พรฉวีอยู่แน่นอน

    “เออ...หยุดพูดก็ได้ยะ” ตุ้งติ้งรีบบอกเพราะสายตาตวัดไปเห็นร่างหนาใหญ่เดินเข้าประตูร้านมา ใบหน้าคมคร้ามนั้นบึ้งตึง ดวงตาคมเหมือนกับมีมีดซ่อนอยู่ตวัดมองมายังเขาอย่างไม่พอใจ ชายหัวใจสาวกลืนน้ำลายลงคอ เท้าพาร่างใหญ่ก้าวไปด้านหลังเล็กน้อย

    “เสร็จหรือยังส้ม” ธราเทพเดินไปถึงยังไม่ทันจะนั่งบนเก้าอี้รับแขกซึ่งเจ้าของร้านเตรียมไว้เพื่อให้ลูกค้าและคนที่มารออยู่ได้นักพักผ่อนพร้อมพูดคุยเรื่องราวต่างๆ กัน พูดง่ายๆ ก็คือหาเรื่องนินทากันนั่นแหละ ทำให้เขาไม่ค่อยจะชอบร้านนี้สักเท่าไหร่ อีกทั้งตัวเจ้าของร้านมีส่วนยุแยงให้พรฉวีเข้าประกวดนางงามด้วย เลยยิ่งทำให้เขาไม่ชอบหน้ามากยิ่งขึ้น และที่สำคัญที่สุดคือตุ้งติ้งเคยพยามเอาตัวเข้าไปใกล้ชิดและยั่วยวนด้วยคิดว่าเขาเป็นคนประเภทเดียวกัน

    “แป๊บนึงนะจ๊ะพี่เทพ ขอส้มไปจ่ายเงินก่อน” วลัยพรหันไปบอกพร้อมรอยยิ้ม และรีบเดินไปจับมือตุ้งติ้งไปที่โต๊ะทำงาน “รีบๆ เข้าซิแก มัวแต่พูดดีนัก ดูหน้าพี่เข้าเหมือนกับจะกินเลือดแกแล้วเห็นไหม” หญิงสาวเอ่ยสำทับใส่หน้าเพื่อนกึ่งญาติที่เร่งรีบเขียนบิลจนมือแทบจะหงิกสลับกับมองไปที่ธราเทพอย่างหวั่นๆ และเกรงกลัว

    “อืม...รีบหน่อยก็ดีนะส้ม พี่เห็นอากาศด้านนอกไม่ค่อยจะดีเลย” ธราเทพตอบกลับอย่างหนักอก

    ท้องฟ้าเบื้องนอกมืดครึ้ม สายฟ้าด้านบนส่องแสงแปรบปราบๆ เป็นระยะอย่างน่ากลัว อีกทั้งลมก็พัดแรงจนฝุ่นฟุ้งกระจายจนแทบจะมองอะไรไม่เห็นถ้าไม่เปิดไฟ แล้วก็แปลกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะนี่คือปลายเดือนกุมภาพันธ์ ช่วงเวลาที่อากาศร้อนมากที่สุดเดือนหนึ่ง แล้วใจก็กระหวัดไปถึงต้นกล้าและผลผลิตในท้องไร่ท้องนาที่ชาวบ้านเพิ่งจะลงมือหว่านกล้าไป

    ปกติแล้วที่บ้านดอนนาเดิมไม่เคยมีการทำนาสองครั้ง แต่เนื่องจากเพราะปลายปีที่แล้วฝนตกหนักและน้ำก็ท่วมเสียจนผลผลิตเสียหายชาวนาได้ข้าวไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เลยมีคนเปรยๆ ว่าอยากลองทำนาอีกสักครั้ง และเมื่อมีคนหนึ่งเริ่มอีกหลายคนก็รับ เลยทำให้มีการทำนาครั้งที่สองตอนหน้าแล้งขึ้น แรกๆ เขาก็กังวลใจเพราะทางรัฐบาลบอกว่าจะไม่รับผิดชอบหากผลผลิตเสียหายจากการที่ข้าวขาดน้ำ

    แต่ในตอนนี้...คืนที่เขากลับมาก็มีฝนโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าตั้งแต่เดินทางเข้าตัวจังหวะ และลงหนักขึ้นระหว่างทางก่อนจะถึงหมู่บ้านไม่มากแล้ว และก็หยุดเมื่อตกก่อนที่เขาจะเลี้ยวเข้าไปในบ้านเพียงแค่ห้าสิบเมตรเท่านั้นเอง แต่มันก็ทำให้มีน้ำตามแม่น้ำคูคลองเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเขาสันนิฐานในตอนนั้นว่าระหว่างที่เขาไม่อยู่ฝนคงจะตกหนักอยู่หลายวันแล้ว และมาในวันนี้อีก...ท้องฟ้าด้านบนบอกเขาว่ามันกำลังจะมีพายุเข้า พายุตอนเดือนสามนี่นะหรือ เป็นไปได้ยังไง

    “มีอะไรหรือเปล่าพี่เทพ ทำไมหน้าตาไม่ดีเลย”

    “ไม่ใช่หรอกคุณส้ม” เกล็ดแก้วร้องตอบกลับมาแทน สองมือเล็กเรียวยกขึ้นสอดไขว้ไว้ระหว่างสองทรวงนุ่มและพูดเหน็บออกไปด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย “แบบว่าเมื่อตอนเช้าไม่ได้ถ่ายท้องมากกว่า ตอนนี้เลยมีสีหน้าเหมือนกับคนอึไม่ออก” ใบหน้าขาวนวลเบะออกพร้อมจมูกที่ยู่ย่น จากการพูดคุยกับวลัยพรทำให้พอจะได้รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวชายหนุ่มและสถานที่ซึ่งเธอถูกพามาว่าอยู่ทางจังหวัดหนึ่งของภาคใต้

    “ฝนกำลังจะตกนะส้ม”

    “คะ...พี่เทพพูดเล่นหรือเปล่า ฝนอะไรมันจะมาตกตอนเดือนสามเดือนสี่กันละพี่” วลัยพรถามอย่างไม่ค่อยจะเชื่อ แต่ก็นึกถึงเหตุการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านเมื่อสองสามวันก่อน เพราะมีมดฝูงใหญ่พร้อมใจกันเดินขบวนชักแถวเข้าไปในบ้านเธอเป็นทาง แล้วก็นึกถึงคำพูดของคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่เคยบอกว่าถ้ามดรวมตัวกันเดินขบวนแบบนั้นจะมีเหตุเภทภัย แล้วไหนยังจะมีพวกสัตว์มีพิษอย่างตะขาบที่เข้าไปหลบซ่อนอยู่ด้วย คิ้วโก่งได้รูปขมวดมุ่นเข้าหากัน หรือว่ามันจะเป็นจริงดังว่าเสียแล้ว

    เกล็ดแก้วมองอย่างไม่เข้าใจว่าสองหนุ่มสาวคุยเรื่องอะไรกัน เพราะสำหรับเธอแล้วไม่เคยที่จะเปิดทีวีดูข่าวสารบ้านเมืองเลย ถ้าเปิดก็หมายถึงจะต้องมีรายกายเกี่ยวกับความสวยความงามหรือไม่ก็เรื่องของดนตรีเท่านั้น

    มือใหญ่ยื่นไปรับถุงกระดาษหลายถุงที่ตุ้งติ้งยื่นมาให้ แล้วหันไปคว้าแขนเล็กเรียวและดึงแรงๆ จนเกล็ดแก้วที่ไม่ทันจะได้ตั้งตัวถลาเข้าไปชนกับอกกว้างปึกใหญ่

    “โอ๊ย! ทำอะไรนะตาบ้า ฉันเจ็บนะ” ใบหน้าคมบูดเบี้ยวเล็กน้อยเพราะความตกใจตวัดส่งค้อนให้วงโต มือเล็กเรียวยกขึ้นไปแกะมือใหญ่ออกจากลำแขน “แล้วนี่จะรีบไปตามคว...ที่ไหนอีกละนี่ ถึงได้เดินไม่เหลียวหลังแบบนี้นะ”

    ร่างหนาใหญ่หยุดกึก จนร่างโปร่งบางที่เดินตามไปหยุดเท้าไว้ไม่ทันชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างอีกครั้งเต็มๆ แรง

    “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะตาบ้า นึกจะหยุดก็หยุดไม่ยอมให้สุ่มให้เสียงเลย” มือเล็กยกขึ้นจับปลายจมูกป้อยๆ ฟันสีขาวสะอาดขบกัดริมฝีปากจนมันค่อยๆ แดงขึ้นเรื่อยๆ ดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับเหมือนกับตาเสือ

    วลัยพรต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดปากและหันหน้าไปทางอื่นเพื่อไม่ให้เสียงหัวเราะคิกคักๆ ของตัวเองหลุดรอดไปถึงสองคนที่กำลังยืนถกเถียงกันอยู่ได้ยิน และแม่สาวจอมดุเหมือนกับแม่เสือหันมาว๊ากใส่

    อืม...ถึงจะเคยเจออารมณ์โกรธของธราเทพมาก็หลายครั้ง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ชายหนุ่มจะโกรธปนระอิดระอาใจแบบนี้ อยากรู้จังว่าตอนที่สองคนนี้เขาจีบกันใหม่ๆ จะเป็นแบบนี้หรือเปล่า หรือว่าจะแรงกว่า เอ๋...หรือว่าไม่ใช่ แต่หวานจนเลี่ยนแบบว่ามดยังต้องหงายท้องตายเพราะแพ้ความหวาน

    “หยุดหัวเราะเลยนะคุณส้ม” เกล็ดแก้วหันไปตวัดสายตาคมใส่วลัยพรที่กลั้นหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงอย่างเกรี้ยวกราด แล้วหันมาเล่นงานคนที่ทำให้เธอกลายเป็นตัวตลกถูกหัวเราะซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    “ไม่ต้องไปว่าคนอื่นเลยนะคุณ แทนที่จะขอบอกขอบใจที่เขาพามาซื้อเสื้อผ้าดันไปว่าเขาอีก พ่อแม่คุณสอนลูกประสาอะไรนี่ สงสัยต้องจับไปอบรมมารยาทใหม่แล้ว”

    “ถ้ากล้าก็ลองดูซิ” เกล็ดแก้วท้าเหย็งๆ และรีบสาวเท้าตามร่างหนาใหญ่ที่เดินไม่มองหน้ามองหลังแล้ว “ช้าๆ หน่อยซินายเทพ”

    *******************************

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×