ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กรุ่นไอดิน กลิ่นไอรัก

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 5 ข้าว...ต้ม...มัด (จบ)

    • อัปเดตล่าสุด 9 มิ.ย. 54


    “ปล่อยซิ นายจะจับมือฉันไว้ทำไมนะ มันเจ็บ รำคาญและอึดอัดเข้าใจไหมไอ้บ้า” เกล็ดแกล้วพยายามสะบัดมือใหญ่ออกจากแขนด้วยความอับอาย ตั้งแต่เดินลงจากรถมาอีกตาบ้านี่ก็จับจูงมือลากไปลากมาด้วย ทำอย่างกับเด็กตัวเล็กจะผลัดหลงกับผู้ปกครองอย่างงั้นแหละ แต่ยิ่งเธอขัดขืนและดื้อดึงเท่าไหร่ชายหนุ่มก็ยิ่งดึงร่างโปร่งเข้าไปจนสองร่างแนบชิดจนแทบจะไม่มีที่ว่างให้ลมลอดผ่าน

    “อ้าว...ก็ผมกลัวว่าคุณจะหนีนี่น่า”

    “ทำอย่างกับฉันจะหนีได้งั้นแหละ เงินก็ไม่ติดตัวสักหน่อย” ใบหน้าขาวสวยส่งค้อนให้ขวับใหญ่ ดวงตากลมโตกวาดมองไปทั่วๆ บริเวณที่ตอนนี้เริ่มจะมีคนหันเมียงมองมาเมื่อได้ยินเสียงแหลมๆ ตวาดแว๊ดๆ ถ้าเป็นในเมืองใหญ่ที่อยู่อาศัยและท่องเที่ยวตั้งแต่เด็กยันโตก็ไม่อาย แต่กับที่นี่บอกตรงๆ ว่ามันชักจะเริ่มอับอายอย่างที่บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนั้น หรือว่าจะเป็นเพราะดวงตากลมๆ ใสๆ เหมือนกับลูกแก้วที่แม้จะอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่ค่อยจะมีพิษภัยกับใคร

    “ของอย่างนี้ใครมันจะไปรู้ละ คุณอาจใช้หน้าตาสวยๆ เป็นใบเบิกทางเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการก็ได้นี่หน่า”

    “กะ...” มือเรียวรีบยกขึ้นปิดปากได้ทันก่อนที่จะร้องกรี๊ดออกมาให้อายคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ความโมโหโกรธทาที่พุ่งลิ่วขึ้นมาเหมือนกับปรอทที่ถูกความร้อน ลมหายใจหอบแรง ดวงตาเป็นประกายวาววับเหมือนกับดวงตาแม่เสือ ริมฝีปากขบกัดจนนูนเด่น ในเมื่อร้องกรีดไม่ได้ก็ขอทำร้ายร่างกายอีกตาบ้านี่ให้สาแกใจสักทีเถอะ อยู่หน้าคนมากๆ แบบนี้ลองดูซิว่าจะโต้ตอบกลับมายังไง มือเรียวข้างที่ว่างอยู่จิกปลายเล็บไปบนแขนใหญ่และลากแรงๆ

    “โอ๊ย!! ข่วนผมทำไมนะคุณ เจ็บนะ” มือใหญ่ปล่อยมือเล็กออกและยกขึ้นลูบแขนข้างที่ถูกทำร้ายป้อยๆ ดวงตาก็มองอย่างน้อยอกน้อยใจว่าทำไมเมียรักถึงได้กล้าทำร้าย แล้วเริ่มแปลเปลี่ยนเป็นฝากร้อยแค้นเอาไว้เรียกคืนในคืนนี้

    “อ้าว...เนื้อนายบางหรือนี่ นึกว่าเนื้อจะหนาเหมือนหนังหน้าเสียอีก ข่วนได้ไม่ยั้งเพราะไม่รู้จักเจ็บ” แทนที่เกล็ดแก้วจะสะทกสะท้านกลับถามกลับอย่างยียวน ใบหน้าขาวสวยแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มจนดวงตาเป็นประกาย สองมือเรียวยกขึ้นกอดอก “แล้วนี่ถามจริงๆ พาฉันมาที่นี่ทำไมนะ รู้ไหมว่าฉันเหนื่อยและง่วงด้วยอยากพักผ่อน นายก็ได้ยินแล้วไม่ใช่หรือเมื่อกี้ที่มองสาวหน้าใส...บอกให้ฉันพักผ่อนมากๆ ไง”

    หญิงสาวทวนคำพูดที่คุณหมอบอกมา แล้วเมื่อคิดถึงหมอสาวน้อยหน้าตากระจุ๋มกระจิ๋มน่ารักคนนั้นแล้วก็อดหงุดหงิดไม่ได้ ทำไมอีกตาบ้านี่ถึงได้เสน่ห์แรงเหลือเกินนะ เจอสาวที่ไหนก็เห็นมีแต่หลงไปเสียทุกรายเชียว เกล็ดแก้วกระฟัดกระเฟียดส่งค้อนขวับๆ ให้กับชายหนุ่มที่กำลังยืนยิ้มกริ่มเหมือนจะรู้ความนัยคำพูดของเธอ ก็รีบดึงออกนอกเรื่องก่อนที่อีตากำนันบ้านนอกจะรู้ว่าเธอเริ่มมีอะไรแปลกๆ เข้ามาวิ่งเล่นในหัวใจ

    “ว่าไง นายพาฉันมาที่นี่ทำไม ยี้เหม็นจะตาย สกปรกด้วย” มือเรียวยกขึ้นบีบจมูกและเบะปากออกอย่างรังเกียจ เมื่อถูกพามาในตลาดสด

    “ก็พามาซื้อเสื้อผ้าไง”

    “ห๊า...นายว่าอะไรนะ พาฉันมาซื้อเสื้อผ้า ในที่แบบนี้นะหรือ ถามจริงเอาหัวสมองส่วนไหนคิดกันห๊า อย่างฉันนะต้องซื้อในห้างใหญ่ๆ โน่น ไม่ใช่ตลาดนัดแบะกะดินอย่างนี้”

    “เสียใจนะคุณภรรเมียสุดที่รักจ๋า...” ปลายนิ้วยาวใหญ่ยกขึ้นป่ายปัดไปมา อีกทั้งศีรษะทุยก็ยังร่วมด้วย “ตำแหน่งข้าราชการต้อยต่ำอย่างผม เงินเดือนก็น้อยนิดเกือบจะไม่เหลือถึงปลายเดือนแล้ว ไม่มีปัญญาซื้อเสื้อผ้าราคาแพงๆ สีสดๆ ให้เมียเอาไปเดินเฉิดฉายตามคันนาให้ไอ้น้องทุยมันขวิดเอาหรอกคร้าบ...อย่างดีก็แค่เสื้อโหลๆ ที่เขาห้อยแขวนตามข้างๆ ร้านแผงลอยนะพอได้” มือใหญ่ชี้ไปยังเสื้อผ้าสี่ตุ่นๆ ที่ห้อยแขวนไว้ตามชั้นใกล้ๆ

    ร่างโปร่งบางรีบผันตัวยืนประจันหน้ากับธราเทพอย่างรวดเร็ว สองมือเรียวยกขึ้นเท้าสะเอว ใบหน้าสวยแบะออกทำเสียงจุ๊บจิ๊บๆ อย่างรำคาญใจ ดวงตากลมโตจ้องเข้าไปในดวงตาคมดุ “นายจะเอายังไงกันแน่นายเทพ ถ้าอยากให้ฉันอยู่ที่บ้านรังหนูสับปะรังเคนั่น นายก็ควรจะให้ฉันได้สำเริงสำราญใจกับของที่ฉันอยากได้บ้าง”

    ดวงตากลมโตกวาดมองไล่ตั้งแต่ศีรษะทุยได้รูปลงไปตามเรือนร่างแข็งแกร่งอย่างต้องยอมรับว่า แม้ว่าจะอยู่ในเสื้อผ้าบ้านๆ แค่เสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ แต่ชายหนุ่มตรงหน้าดูดีมีสง่าราศีและดูดีจนต้องเหลียวหลังมอง อีกทั้งร่างกายหนาใหญ่แข็งแกร่ง ดวงตาคมดุคู่นั้นแปลเปลี่ยนไปตามอารมณ์ แต่ส่วนใหญ่ที่ได้เห็นคืนความอบอุ่นและอ่อนโยน

    เกล็ดแก้วสลัดความรู้สึกแปลกๆ ยามได้มองร่างหนาใหญ่ทิ้งไป เธอไม่ใช่สาวน้อยที่ริเพิ่งจะแตกเนื้อสาวสักหน่อย เคยเจอผู้ชายหล่อๆ หน้าตาดีเข้ามาจีบเสียตั้งมากมาย เรื่องอะไรจะต้องมาตกหลุมผู้ชายบ้านนอกคอกนาคนนี้กันเล่า เสียชื่อนางฟ้าเมืองกรุงเสียหมด

     “ฉันไม่ใช่นายนะ ที่จะทนใส่ไอ้เสื้อผ้าสีตุ่นๆ มองแล้วเหมือนอยู่ในงานศพแบบนี้ ถึงจะไม่เลิศหรูอย่างที่เคยใส่ มันก็ต้องหาให้ดูดีหน่อย” ใบหน้าคมสวยแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม เท้าเรียวยาวขยับก้าวเข้าหาร่างหนาใหญ่ ปลายนิ้วไล่ไปตามบ่ากว้างอย่างนึกสนุก เอาน่าถือว่ามาเที่ยวสวนสนุกเปลี่ยนบรรยากาศเคร่งเครียดที่บ้าน มาตกท้องไร่ท้องนาดูบ้าง อย่างน้อยที่นี่ก็ไม่ได้อยู่ไกลปืนเที่ยงมายมากสักเท่าไหร่ ก็แค่...อยู่ส่วนไหนของประเทศไทยก็ไม่รู้เท่านั้นเอง

    ไหล่กว้างยกขึ้นเล็กน้อย ยังไงซะตอนนี้เธอก็กำลังรำคาญพี่หมอทินภัทรอยู่แล้วนี่น่า ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ หน้าตาก็ดูดีอยู่หรอก การศึกษาอะไรก็ดีไปหมด แต่ไม่รู้เป็นไงสงสัยเรียนมาก หัวสมองเลยเบลอพูดเป็นการเป็นงานไปเสียหมด อยู่ด้วยนานเฉาตาย อีกทั้งยังหาทางไปจากที่นี่ไม่ได้ก็หาเรื่องอะไรสนุกๆ ทำดีกว่า ลับสมองไปพลางๆ เวลากลับไปเจอยัยสองสาวนั่นจะได้ไม่แพ้อีก

     “อีกอย่าง นายบอกเอกไม่ใช่หรือว่าฉัน...” มือเรียวชี้เข้าหาตัวเองอย่างกับคนที่ถือไพ่เหนือกว่า ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ว่าจะคิดถึงสิ่งใด เธอก็สู้ธราเทพไม่ได้สักอย่าง “ฉัน...เป็นเมียนาย หรือนายจะทนยอมให้คนแถวๆ นี้มาว่าเมียนายเป็นยัยเพิ้งได้หืม...นายเทพ”

    “ได้”

    เกล็ดแก้วอ้าปากค้าง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เกือบจะร้องกรีดออกมาแล้วกับคำตอบหน้าตายที่ได้รับ แต่เผอิญว่าสายตาเหลือบมองไปเห็นสาวน้อยร่างป้อม อกเหมือนกับมะพร้าว แต่เอวเล็กคอด เรือนกายก็ขาวเหมือนหยวกกล้วย ในชุดเสื้อสายเดี่ยวเอวลอย อีกทั้งยังนุ่งกางเกงขาสั้นจู๊ดอย่างไม่มองรูปร่างตัวเองเลย จากที่จะดูดีและสวยงามกลับกลายเป็นเหมือนข้าวต้มมัดมากกว่า

    มือเรียวยกปิดปากกลั้นหัวเราะจนท้องแข็ง ใบหน้าขาวสวยแดงระเรื่อ ลมหายใจหอบแรงและต้องรีบผันหน้าไปอีกทางเมื่อกลั้นเสียงหัวเราะไว้ไม่ได้อีกแล้ว โหย...บ้านนอกนี้มันก็สนุกดีนะ มีอะไรตลกๆ ให้ดูเยอะชะมัด เสียดายอย่างเดียวพวกเสื้อผ้าสวยๆ หรือของแบรนด์เนมหาไม่ได้สักชิ้น แล้วพอหวนคิดถึงเรื่องนั้นเกล็ดแก้วก็เกิดอาการเบื่อหน่ายขึ้นมาอีกแล้ว เห้อ...แล้วฉันจะติดอยู่ที่บ้าๆ นี่นานไหมนะ ไม่รู้จะสนุกหรือเฉาตายไปเสียก่อน

    “พี่กำนัน พี่กำนันจริงๆ ด้วย ไหนแม่บอกว่าไปธุระ แล้วกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะพี่”

    ทิพย์นาราที่เพ่งมองอยู่หลายครั้งแล้วว่าชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนหันหลังให้กับร้านเธอจะใช่ธราเทพหรือเปล่า แต่เมื่อชายหนุ่มผันใบหน้ามาเล็กน้อยเมื่อครู่ก็ทำให้รู้ว่าเข้าใจไม่ผิด นี่คงเป็นเพราะเธอไม่ได้เข้าไปหายหลายวันด้วย ชายหนุ่มเลยคิดถึงจึงแวะเวียนมาหา เลยพาร่างกายอวบอั๋นถลาวิ่งมาหาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าขาวสวยดวงตาชั้นเดียวแบบคนจีนแดงเอ่อแดงระเรื่อไปตลอดจนถึงลำคอ อีกทั้งดวงตาคู่นั้นก็เปล่งประกายระยิบระยังอย่างแสนจะยินดีและคิดเข้าข้างตัวเอง

    มืออวบสอดเข้าไปคล้องแขนใหญ่ “พี่กำนันกลับมาจากต่างจังหวัดเมื่อไหร่จ๊ะ แล้วนี่แวะมาหาทิพย์ใช่ไหมเอ่ย ทิพย์ดีใจจังเลย” ทิพย์นาราลอยหน้าลอยตาถามยาวยืดด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าอ่อนหวานน่ารักที่สุดแล้ว

    แต่สำหรับเกล็ดแก้วเมื่อได้ยินเสียงที่ทั้งใหญ่และค่อนข้างไปทางดัดจริตแล้วก็ต้องเบะหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่คิดว่าบ้านนอกอย่างนี้จะยังมีพวกแม่รีแม่แรดวิ่งไล่จับผู้ชายด้วย แต่คิดแล้วก็น่าสงสารผู้หญิงตรงหน้าอยู่ไม่น้อย ดูท่าทางอายุจะยังไม่ถึงยี่สิบปีด้วยซ้ำ แต่ริอ่านจะหาผู้ชายมาเคียงกาย อย่างนี้มันน่าจะช่วยสงเคราะห์เสียหน่อย แต่ไม่ใช่อุ้มสมให้สมปรารถนาหรอกนะ ก็แค่เพียงว่าสงเคราะห์ให้ตาสว่างว่าผู้ชายตรงหน้านะไม่ได้เป็นคนดี

    “ใครคะพี่กำนันขา...” เกล็ดแก้วทอดเสียงหวานนุ่มถาม ใบหน้าขาวสวยยิ้มแย้มแจ่มใส แต่ในดวงตากลมโตคู่นั้นเป็นประกายเอาเรื่อง ร่างโปร่งบางขยับเดินเข้าไปใกล้ชิดร่างหนาใหญ่ มือเรียวยื่นไปแกะมืออวบออกจากลำแขนแข็งแกร่ง และวางมือตัวเองทาบทับลงไปอย่างเป็นเจ้าของและหวงแหงน

    “ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันจ๊ะพี่กำนัน” ทิพย์นาราเอ่ยถามอย่างขุ่นเคืองใจ ก็แค่นังอิงทุภาลูกสาวนายอำเภอกับยัยครูจิตรเลขาหน้าจืดเธอก็แทบจะสู้รบปรบมือไม่ไหวแล้ว แล้วยังจะมีผู้หญิงเพิ่มเข้ามาอีกคน ดูท่าผู้หญิงคนนี้จะร้ายกาจกว่าทุกคนและธราเทพเองก็ยังให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนนี้มาก

    คิ้วคมเข้มเลิกขึ้นเล็กน้อยแต่ใบหน้าคมคร้ามก็ยังแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้จะค่อนข้างแปลกใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบปัจจุบันทันด่วนแต่ก็ถือเป็นฤกษ์ดีก็แล้วกัน มือใหญ่วางทาบทับไปบนมือเล็กเรียวแล้วหันไปมองทิพย์นาราด้วยความเอ็นดู

    “เมียพี่เองแหละทิพย์ ชื่อไพลิน รู้จักกันไว้เสียซิ มีอะไรจะได้ช่วยเหลือดูแลกัน”

    “ค่ะ...เมียพี่กำนัน...กรี๊ด...ไม่จริง” ทิพย์นาราตอบรับอย่างงงๆ ก่อนจะส่งเสียงแผดร้องชนิดที่ว่าได้ยินไปสามบ้านแปดบ้าน “ไม่จริง...พี่กำนันโกหก พี่กำนันจะมีเมียได้ไงกัน ก็...” ริมฝีปากอวบอิ่มสั่นระริกจนต้องรีบขบกัดเอาไว้ ใบหน้าขาวสวยแดงก่ำ ดวงตาเป็นสีแดงทั้งน้อยใจ เสียใจ และไม่เชื่อตวัดมองไปยังร่างโปร่งบางที่ยืนยิ้มกริ่มเอนอิงร่างหนาใหญ่ให้ทั้งอิจฉาและริษยาจนอยากจะเข้าไปฉุดกระชากและเหวี่ยงไปให้ไกลๆ แต่ทำไม่ได้ ไม่ใช่ไม่กล้าแต่เพราะว่ากลัวธราเทพจะโกรธจนไม่ยอมพูดด้วย ไม่มองหน้า ถ้าเป็นจริงเธอคงเจ็บปวดใจเป็นที่สุด

    “เอ๊ะ...หนูนี่ก็แปลกนะ พี่เทพก็บอกอยู่โต้งๆ เสียงก็ดังฟังชัดซะด้วย ยังจะหาว่าพูดโกหกอีก เห้อ...เด็กสมัยนี้มันเป็นยังไงกันนี่ นมไม่ทันจะตั้งเต้า ริอ่านวิ่งไล่จับผู้ชายเสียแล้ว แต่ก็นั่นแหลจะไปโทษเด็กฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ เพราะไอ้ผู้ชายสมัยนี้มันก็มักง่าย...มักมาก...” เกล็ดแก้วตวัดสายตาคมกริบ และจิกปลายเล็บไปบนแขนแข็งแกร่งแรงๆ

    “พ่อกระสันอยากขึ้นมาเมื่อไหร่ เห็นผู้หญิงที่ผ่านเข้ามาคลำดูไม่มีหางมันก็ฝาดเรียบ ไม่สนใจว่าจะยังเป็นเพียงแค่เด็กแรกรุ่น หรือจะสาวแก่แม่หม้าย แก่จะเข้าโลงอยู่แล้วก็ยังไม่เว้นเลย” สุดท้ายเกล็ดแก้วก็หันไปจิกกัดธราเทพด้วยความโกรธเกรี้ยวและขุ่นเคืองใจ

    ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงไปกระซิบที่ข้างใบหูนุ่ม “ต่อว่ากันแบบนี้แสดงว่าหึงผมใช่ไหมละไพลิน แต่ก็ดีนะผมชอบตอนนี้ชะมัดเลย หน้าตาขาวแดงเหมือนลูกขี้ก่าแถวบ้านผมที่มันห้อยสายระโยงระยางจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง แล้วดวงตาก็แหมๆ แดงและเป็นประกายเหมือนจะเต้นได้เลยละ”

    เกล็ดแก้วอยากส่งเสียงกรีดร้องเหมือนกับสาวน้อยผู้มาใหม่เหมือนกัน แต่ต้องพยายามระงับสติอารมณ์ไว้ไม่เต้นไปตามคำพูดอีตากำนันปากเสีย แต่มีหรือที่คนอย่างเธอจะยอมให้อีตาบ้านี่ว่าเอาฝ่ายเดียว มือก็ใช้แล้วไม่เห็นจะได้ผลสักเท่าไหร่เลย งั้นคราวนี้ขอเป็นเท้าละกัน

    ใบหน้าขาวสวยยิ้มกริ่ม ดวงตาเป็นประกายสดใสเหมือนลูกแก้ว “เหรอ...” เท้าเล็กยกขึ้นและวางไปบนเท้าหนาใหญ่เต็มๆ แรง “ว้าย!!” มือเล็กเกี่ยวเอามือใหญ่อย่างรวดเร็ว เมื่อเท้าเหยียบพลาดไปแทนที่จะลงบนเท้าใหญ่กลับเหมือนเหยียบเอาอะไรไม่รู้ให้ลื่นไถลไปด้านหน้า

    มือใหญ่ก็รีบคว้าเอาไว้ทันควัน “อ้าว...เป็นอะไรไปอีกละไพลิน สงสัยว่าคุณจะทั้งเหนื่อยและง่วงจริงๆ นั่นแหละคุณเมียที่รัก งั้นผมอุ้มละกันนะ” ร่างหนาใหญ่ทำท่าทางเหมือนจะก้มลงช้อนร่างบางขึ้นมาแนบอก ใบหน้าคมคร้ามแย้มยิ้ม ดวงตาพราวระยับอย่างรู้ทันว่าเกล็ดแก้วจะต้องหาทางทำร้ายเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

    “ไม่ต้องยะ” มือเรียวดันแผ่นอกกว้างและรีบพาตัวเองถอยห่างรัศมีแห่งอำนาจที่ชายหนุ่มมีมายืนให้ไกล ไม่รู้ทำไมถึงต้องเสียทีอีตาบ้านี่อยู่เรื่อยเลย

    “พี่กำนัน บอกทิพย์ใหม่ได้ไหมว่ามันไม่จริง ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เมียพี่” มือป้อมชี้ใส่ร่างสูงโปร่งที่ยืนยิ้มกริ่ม เลิกคิ้วขึ้นสูงยิกๆ ราวกับกำลังยั่วยวนอารมณ์โกรธที่มันรุ่มร้อนอยู่แล้วให้ลามเป็นไฟเร็วขึ้น

    “อ้าว...จะไม่ได้จริงได้ไงกันละน้องหนู ฉันนะเมียพี่เทพเขาจริงๆ นะ เพิ่งถูกเอาตัวเมื่อคืนนี้เอง แต่นี่จะบอกอะไรให้นะสาวน้อย ความจริงฉันนะไม่ได้อยากมาสักเท่าไหร่หรอก ไอ้บ้านนอกโหล๋ยโท่ยและไกลปืนเที่ยงแบบนี้นะ แต่ขัดอีตานี่ไม่ได้” เกล็ดแก้ววางระเบิดไปตูมใหญ่อีกครั้ง

    ดวงตากลมโตเป็นประกายระริบยะรับและสนุกสนาน กวาดมองไปรอบๆ ที่กำลังยืนอยู่ตอนนี้ เพราะตั้งแต่ได้ยินเสียงร้องแสบแก้วหูของเด็กทิพย์ ชาวบ้านร้านตลาดก็เริ่มให้ความสนใจแวะเวียนมามุงดู บางคนก็ชี้มือชี้ไม้และหันไปกระซิบกระซาบกัน

    “ไม่จริงยะ แกนั่นแหละนังบ้าที่วิ่งตามพี่กำนันมา ถึงพี่เค้าจะไม่รวย แต่ก็รูปหล่อและขยันทำงาน ผู้หญิงที่นี่ใครๆ ก็อยากได้พี่เค้ามาเป็นผัวทั้งนั้นแหละ”

    “ไม่เอาน่าทิพย์ พูดจาไม่เพราะเลยนะเรา”

    “ว้ายๆ ตายแล้ว” ดวงตากลมโตขยายใหญ่อย่างตั้งใจ มือเรียวยกขึ้นปิดปากอวบอิ่ม “ไม่น่าเชื่อเล้ย ไม่น่าเชื่อจริงๆ ” มือเรียวยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่ายไปมาเบาๆ

    “นี่น้อง ถามจริงๆ เถอะ เอาตาตรงไหนดูที่บอกว่าคุณพี่เทพสามีฉันนะหล่อ ฉันว่าหน้าตาก็งั้นๆ แหละ มีหูมีตามีจมูกเอาไว้สูดลมเสียๆ เข้าปอด มีปากไว้กินข้าวและไว้ใช้เป็นปากสุนัข รูปร่างก็ใหญ่โตยังกับยักษ์ปักหลั่น รวมๆ แล้วก็พอพาไปวัดไปวาได้เท่านั้นเอง” เกล็ดแก้วพยายามหาคำพูดที่คิดว่าแรงๆ มาว่า

    ทั้งที่ความจริงในใจยอมรับว่าชายหนุ่มที่พยายามอ้างตัวว่าเป็นสามีของเธอนั้น รูปร่างหน้าตาหล่อเหล่าเข้าขั้นพระเอกหนักไทยได้สบายๆ แล้วไอ้อ้อมกอดบ้าๆ นี่ก็ดันอบอุ่นซะด้วยจนอยากซบไม่ห่าง เอ๊ย!! ยัยเกล็ดแก้วแกคิดอะไรบ้าๆ อีกแล้วนะ หยุดเลยๆ หยุดคิด ผู้ชายคนนี้เข้ากับแกและครอบครัวแกไม่ได้หรอก แล้วแกก็เข้ากับครอบครัวเขาไม่ได้ด้วย อีกไม่นานแกก็จะได้กลับไปเฉิดฉายในสังคมก็แก ทิ้งที่นี่ไว้เป็นความหลังที่ไม่ติดอยู่แม้แต่ในความทรงจำ

    “โธ่...อีกแล้วนะคุณเมียที่รัก พูดจาว่าผมอีกแล้ว” ธราเทพแกล้งสงเสียงครางโอดโอย ตีหน้าเศร้าเรียกความสงสารและเห็นใจจากหลายๆ คนที่มามุงดูและยิ้มให้กำลังใจเมื่อจำได้ว่าเขาเป็นใคร “เห้อ...เมื่อไหร่น้าที่คุณเมียสุดที่รักจะพูดจาดีๆ กับผมบ้าง หวังว่าคงไม่รอให้เรามีลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาวนะครับ” ดวงตาคมกระพริบปริบๆ อย่างที่คิดว่าน่ารักแต่กลับเป็นที่น่ารำคาญของเกล็ดแก้ว

    “แหวะ...ผีเข้าหรือไงกันค้าพี่เทพขา...อย่างฉันนี่หรือ...” มือเรียวชี้เข้าหาตัวเอง ศีรษะทุยได้รูปส่ายไปมาอย่างจะบอกว่าไม่มีทางเป็นไปได้ และยังจะบอกด้วยคำพูดทับไปอีกรอบ “อย่างฉันนี่หรือจะยอมมีลูกกับนาย...โหยคิดได้ไง สงสัยพระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกเสียมากกว่า” ใบหน้าขาวสวยเบะออกอย่างรังเกียจรังงอนและเชิดขึ้นสูง สองมือเรียวยกขึ้นสอดไว้ระหว่างอก

    “ก็ถ้าแก...เธอคิดแบบนั้นแล้วตามพี่กำนันมาที่นี่ทำไมละนังหน้าขาว” ทิพย์ธาราเอ่ยถามเสียงเข้ม ใบหน้ากลมป้อมบูดบึ้ง ดวงตาที่เล็กหยีอยู่แล้วก็แทบจะปิดลง ลมหายใจหอบแรง สองมือเรียวกำหมัดไว้แน่น

    “อืม...ตามมาทำไมเหรอ...” มือเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นวางแนบอก และยกอีกขึ้นวางศอกบนมือเรียวให้ปลายนิ้วยาวเคาะที่เหนือคิ้วเล็กน้อย แสร้งทำใบหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิด แต่ดวงตากลมโตคู่นั้นเป็นประกายพราวระยับเหมือนคนเจ้าเล่ห์ ก่อนที่ใบหน้าขาวสวยจะแปลเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานเชื่อม

    “คำตอบนี้ฉันคงตอบเธอไม่ได้หรอกนะหนูน้อย เพราะว่าฉันไม่ได้อยากมา แต่ถ้าเธออยากรู้นักละก็ โน่น...” มือเรียวชี้ไปหาชายหนุ่มร่างใหญ่ที่ตอนนี้ทำสีหน้าเบื่อหน่ายกับการเล่นละครของเธอเต็มทีแล้ว “อยากรู้อะไรมากนักก็โน่นไปถามพี่กำนันของเธอซิ”

    พูดจบเกล็ดแก้วก็สะบัดกายเมินหน้าหนีไปที่รถคันใหญ่อย่างเสียหงุดหงิดในหัวใจ แต่มาคิดอีกทีก็ดีเหมือนกันเพราะจะได้หาเหตุผลให้ตากำนันบ้านั่นพาเข้าไปซื้อเสื้อผ้าในห้างใหญ่ เดินตาแอร์เย็นๆ ให้ฉ่ำปอด ดีกว่ามาเดินตาแดดให้หน้าดำและหยาบกระด้างเสียเปล่าๆ เท้าเรียวยาวพาร่างโปร่งบางเดินไปได้แค่เพียงไม่กี่ก้าวก็หยุดและหันกลับไปมองธราเทพพร้อมด้วยรอยยิ้มหวานเชื่อม แต่คำพูดที่ออกจากปากนั้นเหมือนกำลังสั่งการคนในการดูแลเสียมาก

    “อ๋อ...แล้วรีบถามเร็วๆ นะหนูทิพย์ เพราะเดี๋ยวพี่กำนันของเธอ โอ๊ะ...” มือเรียวยกขึ้นปิดปากและทำตาโตใส่ “ลืมไปว่าเป็นแค่พี่กำนันของเธอ แต่เป็นพี่เทพคุณสามีของฉัน รีบคุยเร็วๆ ละเดี๋ยวพี่เทพจะต้องพาฉันไปช็อปปิ้งต่อ แล้วจากนั้นก็จะได้ไปทำงานทำการหาเงินมาให้ภรรยาสาวแสนสวยอย่างฉันถลุงต่อ” แล้วใบหน้าขาวสวยก็เชิดขึ้น พร้อมเดินเฉิดฉายอย่างกับนางแบบบนแคตว็อกไปที่รถพร้อมเสียงหัวเราะแหลมเล็ก

    “กะ...” มือป้อมยกขึ้นมาปิดปากตัวเองทันควันก่อนจะส่งเสียงกรีดร้องให้อายคนที่มามุงดูและกลัวว่าธราเทพจะไม่ชอบใจ “ดูซิคะพี่กำนัน ผู้หญิงคนนั้นปากร้ายจะตาย แล้วอย่างนี้หรือคะที่พี่กำนันจะรับมาทำเมีย ทิพย์ว่าคิดผิดคิดใหม่ได้นะคะ แถวๆ นี้ก็มีสาวสวยเหมาะสมกับพี่มากกว่าผู้หญิงคนนั้นเสียอีก” ทิพย์ธาราเอ่ยอย่างไม่อายที่จะเสนอตัวเองให้ชายหนุ่มได้ดูและเลือกเป็นคู่ครอง

    “ไม่หรอกทิพย์ ปากพี่ไพลินนะเป็นอย่างนั้นเอง แต่พี่เขาก็ไม่ได้คิดร้ายกับใครนะ ถ้าคบไปนานๆ ทิพย์จะได้เห็นความดีของพี่เขา” ธราเทพพูดอย่างให้กำลังใจตัวเอง มาอยู่เพียงแค่ไม่ทันข้ามวันเกล็ดแก้วก็สร้างเรื่องทำให้เขาปวดหัวจนแทบจะต้องไปขุดคุยหายาในตะกร้ายาของมารดามากินเสียแล้ว แล้วนี่หญิงสาวต้องอยู่อีกไม่รู้สักกี่วัน เห้อ...มีหวังเขาคงต้องประสาทกินแน่เลย

    เพราะแค่กับทิพย์ธารานี่ยังถือว่าเด็กๆ ถ้าได้เจอกับอินทุภาลูกสาวของนายอำเภอ คุณครูจิตรเลขา ไม่รู้ว่าหน้าบ้านเขาจะกลายเป็นโรงจำอวดไปหรือเปล่า เพราะสองสาวนั่นคนหนึ่งร้ายกาจทั้งต่อหน้าและลับหลัง แต่อีกคนนี่ซิเจ้ามารยาและเจ้าน้ำตาเหลือเกินจนน่าจะไปเป็นดาราแสดงละครมากว่าจะมาเป็นคุณครูอยู่แถวบ้านนอกแบบนี้ คิดๆ แล้วก็อยากพาหญิงสาวส่งกลับคืนบ้านเหมือนกัน แต่ถ้าทำอย่างนั้นน้องสาวนอกไส้ของเขาก็จะไม่มีทางได้แก้แค้นคนที่สร้างความเจ็บปวดและอับอายให้นะซิ

    *********************************

     

    หลังจากนี้คงจะได้มาอัพให้อ่านกันบ่อยขึ้น

    เพราะปั่นใกล้จะจบแล้วจ้า เหลือตอนสุดท้ายตอนเดียวแล้วละ

    เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์ด้วยนะคะ

    หามีไรแนะนำก็เม้มตอบกลับมาบ้างนะคะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×