ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กรุ่นไอดิน กลิ่นไอรัก

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 5 ข้าว...ต้ม...มัด...(60

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 54


    ตอนที่ 5

    ข้าว...ต้ม...มัด...

    เกล็ดแก้วมองตามร่างเล็กและบอบบางก่อนจะหันสายตากลับมาจับจ้องที่ร่างใหญ่ แผ่นหลังกว้างที่เดินนำไปให้ความอบอุ่นและปลอดภัยใจหัวใจถึงกับอุ่นวาบ มือเล็กยกขึ้นจับตรงหัวใจตัวเองที่มันกำลังเต้นตึกตักๆ เหมือนกับจะทะลุออกมาจากทรวง ใบหน้านวลร้อนผ่าวจนคิดว่ามันคงจะแดงเถือกไปตลอดทั้งใบหน้าและลำคอ ใบหูเล็กก็ร้อนผ่าวยังกับถูกไฟลน

    “อ้าว...เป็นอะไรไปอีกละไพลิน ไหนว่ารีบอยากไปหาหมอเร็วๆ ไง แล้วทำไมเดินช้าเหมือนเต่าละ” ธราเทพเอ่ยถาม มือใหญ่ยื่นไปคว้าแขนเรียวยาวให้มาเดินไปพร้อมๆ กันที่รถมอเตอร์ไซด์เก่าๆ ที่จอดเอียงกะเท่เร่อยู่หน้าบ้าน มือใหญ่จับแฮนด์รถได้ก็ก้าวขึ้นคร่อมในทันที

    ใบหน้าคมคร้ามยิ้มเล็กน้อยอย่างเป็นสุข เมื่อได้นั่งบนมอเตอร์ไซด์คู่ใจที่ใช้ขับขี่ไปไหนมาไหนไม่ว่าจะใกล้หรือไกลก็ไม่เคยสร้างปัญหาให้แก่ผู้เป็นเจ้าของเลยแม้สักครั้งเดียว จักรยานยนต์คันนี้เก็บเงินที่เหลือจากการเอาไปจ่ายกลางวันตอนที่กำลังเรียนหนังสืออยู่มาซื้อ ตอนนั้นแม่ห้ามแล้วห้ามอีกไม่ให้ซื้อ เพราะกลัวว่าลูกชายวัยรุ่นจะใช้ขับขี่อย่างคึกคะนองจนเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ แต่ผู้เป็นพ่อกลับไม่ห้ามปรามและยังยื่นมือไปคว้าแขนเขาแล้วพาเดินไปยังร้าน ให้เลือกสี เลือกรุ่นได้ตามความพอใจ แต่ท่านพูดคำหนึ่งสั้นว่าขอเวลาหน่อย

    ตอนนั้นเขาก็ไม่เข้าใจหรอก แต่เพิ่งมารู้ตอนหลังว่า พ่อเชื่อเรื่องดวงเรื่องยาม การซื้อของสำคัญซึ่งเกี่ยวพันกับชีวิตของคนในบ้านจึงต้องเลือกวันดีๆ ธราเทพยังจำได้ว่าเมื่อถึงวันที่ไปเอาจักรยานยนต์ เพราะเขาตื่นเต้นและดีใจจนเกิดเหตุเลยจำเวลาที่จะออกรถไม่ได้ว่ามันเป็นตอนบ่าย เลยลุกขึ้นอาบน้ำแต่ตัวนั่งยิ้มรอพ่อตั้งแต่ตีสามตีสี่

    จนแม่ทักว่าให้หุบยิ้มซะบ้าง เดี๋ยวเหงือกมันแห้ง ส่วนพ่อก็เอาแต่หัวเราะหึหึในลำคอ แล้วก็นั่งทานกาแฟและทำงานจนถึงบ่าย แล้วจึงได้พาเขาไปเอารถ ในตอนนั้นเขานั่งจากที่เคยยิ้มจนเห็นเหงือกสีแดงๆ กลับหน้าตาบึ้งตึงและบ่นน้อยใจเสียยกใหญ่ว่าพ่อแกล้งไม่ทำตามคำพูด ส่วนแม่ก็ได้แต่นั่งหัวเราะขำในความตื่นเต้นของเขาและนำเอามาล้อ ทำเอาเขาอายม้วนจนแทบไม่อยากขับรถไปเสียหลายวัน

    จนมาถึงตอนนี้ก็นับได้เกือบจะสิบปีแล้ว แต่จักรยานยนต์คันเก่าก็ยังใช้การได้ดี จนแม่กับลูกปัดที่ชอบแขวะเขาบอกว่าให้โล๊ะขายเป็นเศษเหล็กและเอาเงินที่ได้นะไปซื้อคันใหม่มาขับได้แล้ว แถมแม่ยังใจดีบอกว่าถ้าเงินไม่พอเอาจากท่านก็ได้จนเขาได้แต่แอบยิ้มขำอยู่คนเดียว แต่ก็เข้าใจถึงความรักและหวังดีที่ท่านมีให้

    “ยิ้มอะไรนะนายกำนัน เป็นบ้าไปแล้วหรือไง อยู่ดีๆ ก็ยิ้มกับต้นไม้ใบหญ้าอยู่ได้” สองมือเล็กยกขึ้นปิดอยากอย่างกลั้นหัวเราะจนใบหน้าขาวนวลผ่องนั้นแดงก่ำ ดวงตากลมโตไล่มองไอ้เจ้าเศษเหล็กคันเล็กกระจิดริดแล้วแทบจะหัวเราะออกมาด้วยความขำ ดูยังไงๆ มันก็ไม่เข้ากับร่างหนาใหญ่เลยสักนิด นั่งไปแล้วเหมือนกับยักษ์นั่งอยู่บนหลักกิโลเมตรดีๆ นี่เอง

    “จะหัวเราะให้มันได้อะไรนักหนาไพลิน รีบขึ้นมาซิ เดี๋ยวก็ไปหาหมอไม่ทันหรอก” ชายหนุ่มสตาร์สเครื่องในทันที ถึงแม้จะไม่ได้ขับขี่เสียหลายวัน แต่เจ้าลูกรักของเขาก็ยังคงสภาพการใช้งานได้เป็นอย่างดี

    “ห๊า...นะ...นายว่าอะไรนะนายกำนัน นะ...นายจะให้ฉันนั่งไอ้เจ้าเศษเหล็กนี่ไปหาหมอ” คนที่หัวเราะคิกอยู่เมื่อครู่ถึงกับแผดเสียงร้องแข่งกับเสียงมอเตอร์ไซด์ขึ้นมาและถามกลับไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เท้าเล็กๆ พาเอาร่างโปร่งบางค่อยๆ ถอยไปด้านหลังอย่างช้าๆ แต่ก็ไม่ทันมือใหญ่ที่ยื่นไปคว้าแขนเรียวและดึงกลับมา

    “ก็ใช่นะซิ อนามัยอยู่แค่หัวมุมถนนนี้เอง แล้วตลาดก็อยู่ก่อนถึงอนามัยแค่นิดเดียวเอง อีกอย่างก็ไปกันสองคนเองทำไมต้องพารถคันใหญ่ไปละ เปลืองน้ำมันเอาคันนี้ไปแหละดีแล้ว รีบๆ ขึ้นมาเถอะอย่าเรื่องมาก”

    “ไม่...ปล่อยนะ ฉันไม่ไป ปล่อย...”

    “ใครมาส่งเสียงร้องโวยวายเหมือนวัวกำลังจะถูกเชือดนะกำนัน”

    น้ำเสียงที่ตะโกนถามมาจากในบ้านหยุดเสียงเล็กได้อย่างชะงักทันควัน และไม่ทันที่เกล็ดแกล้วจะทันได้เอ่ยว่าอะไร ร่างเล็กบางก็เดินออกมาดูด้วยความสงสัย “ว่าไงกำนัน ใครเป็นอะไร ทำไมถึงได้ร้องเสียงดังได้ยินไปแปดบ้านสิบบ้านละ”

    แก้วตาเอ่ยถามอย่างสงสัย ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะเป็นสองในสามสาวที่มักมาแจกขนมจีบลูกชายมาเจอกันแล้วก็ปะทะคารมกันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร คนไหนเถียงไม่ทันก็ใช้เสียงกรีดร้องเข้าข่ม หรือไม่ก็ใช้น้ำตาและความอ่อนแอเข้าช่วย หรืออีกทีก็รู้ข่าวเรื่องที่ลูกชายมีเมียและรับไม่ได้เลยส่งเสียงกรีดร้องออกไป แต่พอมองไปแล้วกลับไม่เห็นจะมีใครนอกจากลูกชายที่นั่งอยู่บนเจ้ากระป๋องซึ่งติดเครื่องรออยู่ก่อนแล้ว และใกล้กันนั้นก็มีลูกสะใภ้หมาดๆ ที่ยืนเบะหน้าทำตาแดงๆ และพยายามแกะมือลูกชายออกจากแขนอย่างสุดความสามารถ

    “อ้าว...แล้วนั่นจะไปไหนกันละกำนัน ถึงได้เอาไอ้กระป๋องนั่นออกนะ แม่ไพลินเมียกำนันดูท่าทางจะเป็นผู้ดีเขาจะนั่งได้เหรอ?”

    “ไปตลาดกับอนามัยแค่นี้เองแม่ ไม่ต้องเอาคันใหญ่ออกหรอก เปลืองน้ำมันเปล่า”

    “อีตาขี้เหนียว”

    “อ้าว...ใครเป็นอะไรละกำนัน” แก้วตาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ร่างเล็กบางรีบกระวีกระวาดเดินมาหาลูกชายอย่างร้อนใจ ด้วยกลัวลูกสะใภ้ที่เพิ่งจะมาอยู่ด้วยจะรับอากาศที่เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวก็มีฝนตกลงมาไม่ได้ เกิดป่วยเป็นไข้ขึ้นมาทางพ่อแม่ฝ่ายหญิงรู้เข้าจะโทษว่านางดูแลไม่ดี

    เกล็ดแก้วเห็นเป็นโอกาสดีที่จะเอาคืนธราเทพ ดวงตากลมโตเป็นประกายแวววาวและใสแจ๋ว พร้อมกับร้อยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นตรงมุมปากด้านหนึ่ง “ก็กำนันเทพนะซิป้า ไม่รู้เป็นบ้าอะไรขึ้นมาพาฉัน...” หญิงสาวรีบเปลี่ยนสรรพนามเสียใหม่เหมือนว่าการใช้คำว่าฉันกับคนที่มีอายุมากว่ามันฟังดูเหมือนคนไม่ได้รับการศึกษาและสอนสั่ง และเลือกใช้คำพูดที่ดูว่าจะทำให้หญิงวัยกลางคนร่างเล็กบางเอ็นดูและสงสารแล้วก็เทคะแนนมาให้

    “เอ่อ...ก็กำนันเทพนะซิคะป้า พาหนูไปที่เล้าหมูแล้วก็สั่งให้ทำโน่นทำนี่ หนูทำไม่เป็นก็แกล้งจนหนูล้มลงไปคลุกกับโคลน คันคะเยอไปหมดทั้งตัวเลยคะ” ไม่พูดเปล่าเกล็ดแก้วรีบปลดมือใหญ่ออกจากแขนและพาตัวเองไปยืนใกล้ๆ กับแก้วตา พร้อมถลกแขนเสื้อให้ดู ใบหน้าขาวสวยก้มลงมองพื้นและพยายามนึกถึงเรื่องเศร้าๆ ที่จะพอทำให้มีหยาดน้ำตาคลอเบ้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองแก้วนาพร้อมกับให้น้ำตาไหลอาบสองแก้มเรียกความสงสาร

    “ว้าย!! ตายแล้ว กำนันทำอะไรไปเนี่ย ไปเลยนะกำนันไปเอาคันใหญ่ออกพาหนูไพลินไปหาหมอที่อนามัยเดี๋ยวนี้” แก้วตาสั่งลูกชายน้ำเสียงเด็ดขาดและโกรธเกรี้ยว มือเล็กเรียวชี้ไปที่รถคันใหญ่ ใบหน้าเหี่ยวย่นแดงก่ำ พร้อมกับก่นว่าลูกชายเป็นระรอก ก่อนจะหันไปหาเกล็ดแก้วที่ยืนทำหน้าเศร้าอยู่ใกล้ๆ โดยไม่สังเกตเลยว่าคนที่ทำหน้าเศร้านั้นดวงตากลับแวววาวระยับอย่างสาสมใจที่ถึงแม้จะเจ็บตัวแต่ก็สามารถเอาชนะธราเทพได้

    “เจ็บมากไหมลูก” มือเล็กไล่จับไปตามบาดแผลสีแดงบนแขนเล็กอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน แก้วตาจับจูงมือเล็กพาเดินไปนั่งบนแคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นหูกวางใหญ่

    “เจ็บคะ” เกล็ดแก้วบอกเสียงอ่อยและแสร้งสูดปาก เมื่อปลายนิ้วเล็กลากไล้ไปตามบาดแผล

    “ตาเทพนะตาเทพ เล่นอะไรก็ไม่รู้ ดูซิผิวหนูยิ่งบอบบาง แล้วถ้าเกิดมีแผลเป็นขึ้นมาละ” แก้วตาบ่นพึมพำเบาๆ และพาร่างโปร่งบางเดินไปส่งที่รถคันใหญ่ เมื่อเห็นว่าลูกชายถอยรถพร้อมที่จะเดินทางเรียบร้อยแล้ว

    “ดูแลหนูไพลินให้ดีนะตาเทพ ถ้าแม่รู้ว่าแกแกล้งหรือเล่นแง่อะไรกับหนูไพลินอีกละก็ แม่จะเอาไม้เรียวฝาดก้นแก” แล้วแก้วตาก็หันมาหาลูกสะใภ้ที่กำลังกลั้นหัวเราะจนใบหน้าแดงเรื่อ “หนูก็เหมือนกันนะไพลิน อย่าไปยอมลูกแม่ให้มากนัก ถ้าหาพี่เขารังแกหรือกลั่นแกล้งอะไรก็บอกแม่ได้เลย เดี๋ยวแม่เอาเรื่องให้”

    “คะ” เกล็ดแก้วรับปากรับคำและรีบหันหน้าไปทางอื่น เล็กเรียวยกขึ้นปิดปากเพื่อสะกดกลั้นเสียงหัวเราะที่กำลังจะหลุดออกมา ดวงตากลมโตหลุกหลิกไปมา ท้องน้อยบิดเกลียวและไหวกระเพื่อม เพิ่งจะเคยเจอกับอะไรแปลกๆ ก็ที่บ้านนอกแห่งนี้แหละ โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงแล้ว หน้าที่การงานก็โอเคไม่ถึงกับดีมาก แต่ถ้าเป็นบ้านนอกแบบนี้ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ยังจะถูกแม่ตีด้วยไม้เรียวอีก รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น

    ร่างหนาใหญ่ลงมาจากรถทั้งที่ยังไม่ดับเครื่องยนต์ ใบหน้าคมคร้ามแดงก่ำก้มลงจนลมหายใจเป่ารดพวงแก้มขาวเนียนนุ่มพร้อมถามเสียงลอดไรฟัน “จะหยุดหัวเราะได้หรือยังคุณ”

    เกล็ดแก้วถึงกับสะดุ้งเมื่อเสียงแข็งๆ ดังอยู่ใกล้ใบหู หัวใจสาวน้อยเริ่มที่จะเต้นแรงเร็วไม่เป็นจังหวะอีกแล้ว ลำตัวโปร่งบางเอนกลับไปด้านหลังเล็กน้อยแล้วแผ่นหลังก็แนบชิดกับอกกว้างและแข็งแกร่งจนต้องรีบก้าวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วเหมือนกับถูกถ่านไฟร้อนๆ มือเล็กเรียวยกขึ้นวางระหว่างอก พร้อมกับค่อยๆ หันใบหน้าไปยังคนพูด ใบหน้าขาวนวลสวยแดงปลั่งจากทั้งอาการกลั้นหัวเราะและความรู้สึกบางอย่างที่มันซุกซ่อนอยู่ในหัวใจ

    มือเล็กเรียวยกขึ้นปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะเมื่อได้เห็นใบหน้าเกรี้ยวกราดและแดงก่ำของชายหนุ่ม อีกทั้งดวงตาคู่นั้นก็คมกริบและกำลังเตือนอยู่ในทีว่าถ้าไม่หยุดอาจจะโดนเขาเอาคืนแบบแปลกๆ เอ๊ะ...ไม่นะ น่าจะเป็นการเอาคืนแบบว่าเธอนั้นแหละที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบ แต่แหม...จะให้ยอมแพ้ง่ายๆ นะหรือไม่มีทาง ไหล่กว้างยกขึ้นเบาๆ ใบหน้าแบะออกเล็กน้อยและจ้องตาชายหนุ่มกลับอย่างไม่ยอมแพ้

    “แล้วนายจะทำไม ถ้าฉันยังไม่หยุดหัวเราะ อ๊ะ...แต่ถ้าจะทำอะไรฉันละก็ คิดดีๆ นะนายกำนันเทพ เกิดฉันเอาเรื่องไปฟ้องแม่แล้วนายก็...คิคิ...โดนตีต่อหน้าทุกคนในบ้าน อายเป็นสองเท่านะเออ...” คิ้วขมเข้มกระดิกยิกๆ พร้อมปล่อยเสียงหัวเราะดังมาอีกระรอกใหญ่

    มือใหญ่ยื่นไปกระชากแขนเรียวและดึงเข้าหาตัวพร้อมพาเดินไปยังรถ แต่สายตาก็มองไปรอบๆ บริเวณเมื่อเห็นว่ามารดาไม่ได้สนใจแล้วก็ก้มลงจนใบหน้าแทบจะติดกับพวงแก้มอวบอิ่ม ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดปลายจมูกอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ

    “แต่ผมว่านะ ถ้าผมทำอย่างที่ตั้งใจนะ คุณไม่กล้าเอาเรื่องที่ผมทำไปฟ้องแม่หรอกไพลิน หรือว่าจะลอง...?”

    สองมือเล็กรีบยกขึ้นยันแผ่นอกกว้างแต่เหมือนกับเอามือไปจับถ่านไฟร้อนๆ จะก้าวเท้าหนีไปด้านหลังก็ทำไมได้ เพราะร่างกายถูกตรึงไว้ด้วยสองแขนใหญ่ที่เท้าคร่อมลงมากับตัวรถ หัวใจดวงน้อยเต้นตึกตักๆ เหมือนกับจะทะลุออกมาจากปอด จุดสีแดงๆ ค่อยแต่งแต้มบนปลายจมูกโด่งเป็นสัน และลามเลียไปทั่วพวงแก้มอิ่มเต็ม ใบหูเล็กและลำคอระหงอย่างรวดเร็ว

    เกล็ดแก้วขบกัดฟันจนมีเสียงดังกรอดๆ ดวงตากลมโตเลิกลักหลุมมองพื้นสลับกับมองใบหน้าคมคร้าม ริมฝีปากขมุบขมิบเจริญพรยาวเป็นหางว่าว เหน็อย...อีตาบ้าเอ๊ย! ชอบเอาเรื่องบ้าๆ นั่นมาขู่เสียจริง ขอให้มีโอกาสเถอะจะเอาคืนซะให้สะใจเลย หญิงสาวตวัดค้อนส่งให้ชายหนุ่มวงโต

    “ว่าไง...จะหยุดหัวเราะหรือไม่หยุด” ใบหน้าคมค่อยๆ โน้มลงไปอย่างช้าๆ

    “ว้าย! เออ...ยอมแล้วๆ ยอมก็ได้ แต่คอยดูนะฉันไม่ยอมแพ้นายง่ายๆ แน่นายกำนันเทพ” สองมือเล็กเรียวยกขึ้นยันใบหน้าคมคร้าม หัวใจเต้นแรงเหมือนกับมีคนมาตีกลองอยู่ภายใน

    “ตาเทพทำอะไรอยู่ ทำไมยังไม่พาน้องไปอีกลูก” แก้วตาตะโกนถามมาเมื่อเห็นว่าเสียงรถยังคงดังและไม่มีทีท่าว่าจะออกขับเคลื่อนออกไปจากบ้าน

    ธราเทพหัวเราะในลำคอ สองมือใหญ่ยกขึ้นมาสอดและกอดไว้ระหว่างอก ดวงตาพราวระยับมองร่างโปร่งบางที่เดินไปขึ้นรถด้วยใบหน้าที่เชิดขึ้นอย่างไม่กลัวว่าคอจะเคล็ดหรือมองทางไม่เห็น เมือเห็นหญิงสาวขึ้นรถเรียบร้อยก็หันไปตะโกนตอบมารดา “ครับแม่ กำลังจะไปแล้วครับ”

    ******************************

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×