ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กรุ่นไอดิน กลิ่นไอรัก

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ (รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 54



    กรุ่นไอดิน กลิ่นไอรัก

    บทนำ

    ธราเทพยืนกอดอก เอนร่างหนาใหญ่อิงเสาต้นเหล็ก ดวงตาคมกริบเพ่งมองไปยังสาวน้อยร่างสูงโปร่งในชุดราตรีสีเงินปล่อยชายยาวไล่จากต้นขายาวลงไปตามลำขาเสลาให้เจ้าของได้โชว์ผิวขาวนวลผ่องได้อย่างดี แล้วบางส่วนของตัวเสื้อและกระโปรงยังประดับด้วยเพชรเม็ดเล็กเรียงกันเป็นแถวยาว สะท้อนกับแสงไฟที่ส่องมาเน้นความสวยและน่ารักของคนใส่

    ดวงตาคมกริบไล่กลับขึ้นไปอีกครั้ง มองเค้าโครงหน้ากระจุ๋มกระจิ๋ม ปากนิดจมูกหน่อยรับกันไปเสียหมด ตั้งแต่พวงแก้มอิ่มเต็มเป็นสีชมพูด้วยผิวเนื้อนาง ดวงตากลมโตล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอน จมูกโด่งได้สันรับกับริมฝีปากรูปกระจับอิ่มเต็มเคลือบด้วยลิปติกสีชมพูระเรื่อ เรียกได้ว่าหนุ่มใดเดินผ่านไปมาไม่จำกัดอายุต่างก็ต้องหยุดเหลียวมองกลับมาทุกราย

    ริมฝีปากหนาผุดรอยยิ้มเล็กน้อยตรงมุมปากด้านหนึ่ง สวยอย่างนี้นี่เอง เปรมมิกาถึงได้ตกกระป๋อง

    นิ้วยาวใหญ่สะบัดทุยบุหรี่ทิ้งไปจากมือทั้งที่เริ่มต้นอัดควันร้ายเข้าปอดได้เพียงแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้นเอง ปกติแล้วเขาไม่เคยแตะต้องของเสพติดพวกนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นเหล้ายาหรือบุหรี่ ยกเว้นว่าเครียดจัดจริงๆ ถึงจะใช้มันเพื่อช่วยผ่อนคลายและหาทางออกให้กับตัวเอง ถึงแม้จะรู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งดีแต่บางครั้งมันก็ช่วยให้เขามีทางออกได้เหมือนกัน

    ธราเทพอัดลมหายใจเข้าปอดเต็มรัก ก่อนจะเดินไปหาสาวสวยที่ดูท่าจะหลบหนีหนุ่มจอมเช้าชู้และความจอแจในห้องโถงใหญ่ซึ่งจัดงานโชว์อัญมณีเลื่องลือชื่อของประเทศ ซึ่งเลือกที่จะมาจัดงานยังเกาะภูเก็ต โดยการเลือกจังหวัดที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเรื่องของความสวยงามทางทะเลและธรรมชาติ ส่วนหนึ่งเพราะต้องการดึงเอานักช็อปให้มาท่องเที่ยวภายในประเทศ

    “สวัสดีครับคุณเกร็ดแก้ว”

    เมื่อร่างโปร่งบางหันมาตามเสียงเรียก ทำเอาธราเทพถึงกับตกตะลึง ดูไกลๆ และจากภาพถ่ายที่ได้มา เขาว่าผู้หญิงตรงหน้าสวยแล้ว แต่พอได้เจอหน้าจังๆ เขาถึงกับร้องครางในลำคอ พร้อมกับแข็งขาที่ยืนแทบไม่ติดพื้น ผู้หญิงตรงหน้าชั่งสวยงามเหมือนกับนางฟ้าที่อยู่บนสวรรค์ ปากคอคิ้วคางชั่งเหมาะเจาะกันเหมือนกับเทพสวรรค์เสกสรรปั้นแต่งแต่สิ่งที่ดีและสวยงามมาให้

    “คะ...คุณเรียกฉันหรือคะ?”

    แม้กระทั่งหน้าตามยามที่เธอไม่แน่ใจจนคิ้วคมเข้มได้รูปขมวดเข้าหากัน อีกทั้งจมูกโด่งได้สันเชิดขึ้น รวมไปถึงริมฝีปากอวบอิ่ม ธราเทพถึงกับกลืนน้ำลายลงคอดังเฮือก ร่างกายเกิดปฏิกิริยาทางอารมณ์ขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน จนต้องรีบสะกดกลั้นเอาไว้อย่างยากเย็น

    ธราเทพค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมหญิงคนนี้ถึงได้ปลุกไฟปรารถนาที่มันนอนหลับใหลอยู่ในตัวขึ้นมาได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว หรือจะเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงมานานเกือบจะเป็นปีแล้วมั้ง เพราะมัวทำแต่งาน แต่ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะมีผู้หญิงหลายคนต่างก็ใช้เสน่ห์มารยาถึงกับเกือบจะเปลื้องผ้ายั่วยวนเขาถึงในห้องนอนมาแล้ว แล้วความรู้สึกที่มีในตอนนั้นคือความรังเกียจและรำคาญ

    คิ้วเข้มขมวดมุ่น ใบหน้าบึงตึงขึงเครียด รู้สึกโกรธตัวเองขึ้นมาทันควัน ที่ให้อารมณ์เบื้องล่างมามีอำนาจเหนือสติ และส่งมอบความโกรธนี้ไปให้กับหญิงสาวที่ตอนนี้คงจะมีความไม่พอใจในตัวเขาเช่นกัน เพราะใบหน้าขาวสวยนั้นเริ่มจะเชิดขึ้นสูงจนไม่กลัวว่าคอจะหัก ริมฝีปากอวบอิ่มก็ขบเม้มเหมือนกับกำลังรำคาญและรังเกียจ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างยังไม่เท่าสายตาจากดวงตากลมโตคู่นั้นที่มันบ่งบอกถึงอะไรๆ หลายอย่าง ทั้งดูถูกเหยียดหยาม รำคาญและรังเกียจ เหมือนกับว่าเขาเป็นเพียงแค่มดหรือแมลงตัวหนึ่ง แทบจะไม่มีตัวตนอยู่เลย

    ธราเทพส่งรอยยิ้มหยามหยันไปให้ ถึงเขาจะชอบในรูปโฉมอันสวยงามและสัดส่วนเรือนกายซึ่งมีส่วนเว้าส่วนโค้งเรียกอารมณ์ปรารถนาในกายให้ลุกโชน แต่ถ้านิสัยไม่ดีมันก็ทำให้ความรู้สึกเหล่านั้นหดหายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ดวงตาคมกริบตวัดมองไล่ไปตามใบหน้าและเรือนกายโปร่งบางก่อนจะสบกับดวงตากลมโตที่เริ่มส่งประกายเกรี้ยวกราดออกมาเรื่อยๆ

    ดูท่าผู้หญิงตรงหน้าจะเป็นคนอารมณ์ทั้งร้อนและร้ายใช่ย่อย ดูตาซิเป็นประกายแวววาวเหมือนลูกแก้วแต่ซ่อนคมมีดแหลมและคมไว้ภาย ดูท่าทางนี้เขาคงจะต้องรับศึกหนัก ไม่รู้ว่าจะเหนื่อยซะก่อนหรือเปล่า กว่าที่จะปราบคุณเธอจนอยู่หมัด

    “ตกลงคุณเรียกฉันหรือเปล่า” เกร็ดแก้วเอ่ยถามเสียงขุ่นเขียว สองมือเรียวยกขึ้นกอดอก เมื่อรู้สึกแปลกๆ ขนตามตัวเริ่มลุกชันกับการมองเหมือนไม่ให้เกียรติของชายหนุ่มตรงหน้า ใบหน้าขาวสวยชักสีหน้าบึ้งตึงและขึงเครียดใส่ อีกทั้งดวงตากลมโตก็ถลึงให้รู้ว่ากำลังโกรธนะ แต่ยังไม่อยากด่าให้มันเสียปากเท่านั้นเอง

    ใบหน้าคมคร้ามผุดรอยยิ้มตรงมุมปากด้านหนึ่ง ดูซิขนาดว่าแม่เจ้าประคุณแหวใส่เขานะเสียงยังใสเหมือนกับระฆังเชียว ดีกว่าแหลมๆ เล็กๆ ที่แผดออกราวกับลำโพงงานวัดของพวกผู้หญิงสองสามคนที่คอยตามตื้อเข้าอยู่ที่บ้านเสียอีก

    แล้วความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในสมองคมปราบ ใบหน้าคมคร้ามและกร้านแดดเหมือนกับจะมีรอยยิ้มแต้มทั้งวงหน้าและดวงตา อืม...ถ้าเขาทำอย่างที่เพื่อนแนะนำ ถ้าทางจะไล่พวกสาวน้อยสาวใหญ่ที่หัวใจไม่พึงประสงค์ คนที่ตามติดเหมือนกับแมลงหวี่แมลงวันตามตอมอึพวกนั้นไปได้เสียที

    “ว่างไงคุณ มัวแต่ยืนยิ้มเหมือนกับบ้าอยู่นั่นแหละ ถ้าไม่มีอะไรฉันจะได้ไปเสียที ป่านนี้คนในงานคงจะคอยแย่แล้ว” เกร็ดแก้วถามและบ่นพึมพำไปในตัว

    ตอนแรกเข้าใจว่าพี่ๆ สต๊าฟให้ลูกน้องมาตามไปเปลี่ยนชุด เพราะหลังจากเดินแฟชั่นเสร็จ ด้วยความที่เธอมีอาการปวดหัวเป็นไข้อยู่ก็เกิดอาการวิงเวียนศีรษะขึ้นมาอย่างฉับพลัน จนต้องรีบหนีความจ๊อกแจ๊กจอแจออกมาสูดอากาศภายนอก แต่กลับถูกขัดจังหวะจากใครก็ไม่รู้ ดูท่าทางห่ามๆ และเถื่อนๆ ชอบกล ด้วยเพราะเค้าโครงใบหน้าที่ดูคมเข้มเหมือนกับไทยแท้ อีกทั้งรูปร่างที่บึกบึนแข็งแกร่งนั่นอีก เล่นเอาใจสั่นไหวอย่างไม่ทันจะรู้ตัว แต่พอเอ่ยพูดขึ้นเท่านั้นแหละ เหมือนกันใครเอาพวกบ้านนอกมีแต่กลิ่นโคลนสาบควายเข้ามาเสนอหน้าในเมืองใหญ่ที่มีแต่ความเจริญ เห็นแล้วมันขัดลูกหูลูกตา

    “จะรีบไปไหนละครับคุณ อยู่คุยกับผมสักครู่ก่อนซิครับ” มือใหญ่ยื่นไปคว้าแขนเรียวยาวและดึงเข้าหาตัว พร้อมกับที่มือใหญ่สอดรัดเข้าที่สะเอวเล็กคอด ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงไปปิดเรียวปากนุ่มและอวบอิ่มก่อนที่เกล็ดแก้วจะทันได้ส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ

    “อื้อ...อื้อ...(ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ ไอ้คนสกปรก...)” เกร็ดแก้วเบี่ยงหน้าหนีแต่ริมฝีปากหนาร้อนก็ยังตามติด สองมือเล็กที่ยังไม่ถูกรัดเอาไว้พยายามยกขึ้นทุบตีและดันออก สองเท้าสลับกันกระทืบลงไปบนเท้าใหญ่ แต่ดูเหมือนว่าจะถูกรู้ทันไปเสียหมดทุกอย่าง ด้วยการสอดขาแข็งแกร่งแทรกระหว่างลำขาเสลา มือใหญ่จับไพล่มือเล็กเรียวไว้ด้านหลัง

    ริมฝีปากหนาบดเบียดขบเม้มเปลือกปากนุ่ม ปลายลิ้นพยายามซอกซอนล่วงล้ำเข้าไปในโพรงปากหวังจะขอชิมรสหวานนุ่ม แต่เกล็ดแก้วก็ขัดขืนหนัก ริมฝีปากอวบอิ่มพยายามขบเม้มเข้าหากัน บางครั้งยังพยายามขบกัดเอาคืนเสียด้วย แต่ธราเทพก็ไม่ยอมแพ้ เพราะมีวิธีทำให้หญิงสาวยอมเปิดปากได้

    มือใหญ่เคลื่อนจากการกดตรึงท้ายทอยเป็นลูบไล้แผ่นหลังเนียนนุ่มที่ปราศจากอาภรณ์ปกปิด เพราะชุดที่หญิงสาวใส่นั้นเว้าลงไปจนถึงบั้นท้าย แต่มันยังไม่พอให้เกล็ดแก้วยอมเผยปาก มือใหญ่จึงขยับเคลื่อนแผ่วพลิ้วไปด้านหน้าและกอบกุมเนินเนื้ออิ่มสล้าง

    ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ริมฝีปากอ้าออกด้วยความตกตะลึง ในสมองขาวโพลน กายสั่นสะท้านไหว ท้องน้อยเหมือนกับมีลูกไฟร้อนผ่าววิ่งวนอยู่ ไม่ใช่ว่าไม่เคยถูกใครจูบมาก่อนแต่ไม่เคยรู้สึกเหมือนกับถูกเปลวไฟร้อนผ่าวโอบล้อมรอบแบบนี้ แต่เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นเกล็ดแก้วรู้สึกอึดอัดพร้อมกับกลิ่นหอมเอียนๆ ที่ลอยเข้าสู่โพรงจมูก ทำเอาแสบร้อนไปทั่วทั้งโพรงจมูกและลำคอ ดวงตากลมโตปิดสนิท ร่างโปร่งบางตัวอ่อนระทวยใบหน้าขาวสวยซบบ่ากว้าง

    ธราเทพเหลียวมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจตรงจุดที่เขากำลังยืนอยู่ ส่วนหนึ่งเพราะมันอยู่ลึกเข้ามาด้านใน ก็รีบช้อนร่างโปร่งบางเดินลัดเลาะสุมทุมพุ่มไม้ไปทางด้านหลังของโรงแรมที่ใช้จัดงาน ที่ซึ่งเขาจอดรถแอบซ่อนไว้ จัดแจงวางร่างโปร่งบางทำให้มองดูเหมือนว่าหญิงสาวกำลังหลับ

    ขอโทษด้วยนะเกล็ดแก้ว แต่ถ้าไม่ทำแบบนี้น้องสาวเพื่อนผมก็ไม่สามารถเคลียร์ปัญหาส่วนตัว

    มือใหญ่ปิดประตูรถและรีบอ้อมไปยังฝั่งคนขับนำรถออกไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะมีใครมาเห็นว่าเขากำลังจะทำอะไรอยู่และแผนการที่วางไว้ก็จะถูกขัดขวาง

    *******************************

    ธราเทพเคลื่อนรถเข้าไปจอดในโรงอย่างช้าถึงจะรู้ว่าแม้ได้ยินเสียงรถคนในบ้านจะไม่ตื่น เพราะบ้านอยู่ติดถนนใหญ่เลยทำให้มีรถราแล่นวุ่นทั้งวัน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็พยายามทำทุกอย่างให้เบาและเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะไม่ต้องการให้คนที่นอนหลับอยู่ในบ้านรู้สึกตัวตื่น

    ชายหนุ่มช้อนร่างโปร่งบางและพาเดินลัดเลาะผ่านตัวบ้านซึ่งสร้างด้วยอิฐบล็อกที่ยังไม่ทันจะได้ฉาบเพราะทุนในการก่อสร้างหมดเสียก่อนไปยังห้องนอนของตัวเอง ซึ่งมีการทำประตูด้านข้างไว้เพราะแม่คิดว่าเขาเป็นชายหนุ่มคงจะมีเรื่องราวที่ต้องออกนอกบ้าน อีกทั้งหน้าที่การงานบางทีก็ทำให้ต้องกลับบ้านดึก แล้วเขาก็เกรงใจแม่ถ้าหากจะให้ท่านนั่งคอยเปิดประตูให้ เลยตกลงที่จะทำห้องให้เขาใหม่มีประตูเชื่อมเข้าบ้านใหญ่ และเมื่อไหร่ที่เขาต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถเข้าออกทางประตูนี้ได้

    ด้วยความเคยชินทำให้ธราเทพไม่จำเป็นต้องเปิดไฟ อีกทั้งคืนนี้ก็ยังมีแสงจากพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวส่องสว่างให้เห็นเป็นเงาตะคุ่มๆ ว่าเตียงที่รองรับร่างใหญ่และแข็งแกร่งนั้นอยู่ตรงส่วนใดของห้อง ชายหนุ่มวางร่างเกล็ดแก้วลงบนเตียง พร้อมกับพ่นลมออกทางปาก สองมือใหญ่ยกขึ้นเท้าสะเอว

    ดูว่าตอนแรกเกล็ดแก้วจะมีรูปร่างโปร่งบางสะโอดสะอง แต่พอได้อุ้มเข้าจริงๆ ก็เล่นเอาเหงื่อตกได้ไม่ยากเลยสักนิด มือใหญ่ยกขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าก่อนที่จะทำงานชิ้นต่อไปจนเรียบร้อย ร่างหนาใหญ่ถึงได้ล้มตัวลงนอนบนเตียงเคียงข้างกับร่างโปร่งบางใบหน้าเปื้อนยิ้มเล็กน้อย ไม่รู้ว่าพอตื่นมาแล้วแม่เจ้าประคุณเห็นสภาพที่เขาทำไว้แล้วแม่จะกรีดจนขี้ในหูเขาจะเต้นออกมาวิ่งอยู่ข้างนอกหรือเปล่านะ

    ร่างหนาใหญ่หันตัวเข้าหาสาวน้อยที่นอนหลังสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว ปลายมือใหญ่ไล้บนใบหน้านวลขาวรูปไข่ ถ้าได้เจอกันในสภาพปกติไม่มีเรื่องของเปรมมิกาเกิดขึ้น น้ำหน้าอย่างเขาคงไม่ได้เข้าใกล้หญิงสาวแสนสวยอย่างกับนางฟ้าคนนี้หรอก ก็แม่เจ้าประคุณเล่นเป็นถึงลูกสาวของเจ้าของร้านเพชรและยังจะมีธุรกิจอีกหลายอย่าง สภาพคนจนๆ อย่างเขาทำได้ก็เพียงแค่หมาเห่าเครื่องบินเท่านั้นเองเอง ธราเทพคิดเรื่องราวเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อนจะเกิดเรื่องนี้ เพราะความที่เขาไม่ได้เข้าเช็คข้อความในเมลตัวส่วนตัว เพื่อนรักอย่างการัณย์เลยต้องโทรมาหาด่วน

    “ฮัลโหล ว่าไงไอ้ใหญ่ โทษทีช่วงนี้ฉันยุ่งๆ เลยไม่ได้เชคเมลที่แกส่งมาให้” ธราเทพเอ่ยขอโทษขอโพยเพื่อนรัก พร้อมรีบเปิดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ

    “ไม่เป็นไร กันรู้ว่าถ้าแกว่าแกคงโทรมานานแล้ว ไม่รอให้เวลาผ่านไปเกือบอาทิตย์แบบนี้หรอก” การัณย์ตอบกลับอย่างรู้ดี เพื่อนรักคนนี้เป็นคนเอางานเอาการ หลังจากเรียนจบทางด้านการเกษตรมา แทนที่จะใช้เวลาอยู่ในเมืองกรุงท่องเที่ยวสรวนเสเฮฮาเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ ธราเทพรีบกลับมาบ้านและหาทางพัฒนาความเป็นอยู่ของชาวบ้านด้วยสิ่งที่ได้เรียนรู้มา

    “กันว่าก่อนที่แกจะถามอะไรมากเปิดเมลเช็คสิ่งที่กันส่งไปให้แกดูก่อนดีกว่าวะเพื่อน”

    “เออ...งั้นแกถือสายรอนิดหนึ่งนะโว้ย” ธราเทพตะโกนใส่โทรศัพท์ ก่อนที่ตัวเองจะกระวีกระวาดเปิดคอมพิวเตอร์ที่ใช้ทั้งทำงานและติดต่อพูดคุยกับเพื่อนรัก และเพียงแค่ได้เห็นข้อความพาดหัวจากหน้าหนังสือพิมพ์ที่การัณย์ตัดและแสกนส่งมาให้ดู ดวงตาคมกริบถึงกับเบิกกว้างและลุกวาว สายตาคมไล่ตามข้อความใหม่พร้อมอ่านด้วยน้ำเสียงดังๆ ให้เพื่อนรักได้ฟังอย่างชัดๆ อีกครั้ง

    เปรมมิกา ลูกสาวเจ้าของโรงแรมชื่อดังทั้งในกรุงเทพฯ กระบี่และภูเก็ตผิดหวังช้ำรักจากดอกเตอร์หนุ่มรูปหล่อพ่อแม่รวยที่ควงสาวสวยถึงสามคนกลับเมืองไทย

    ในตอนนั้นเขาเสียดายแต่ว่าไม่ได้เห็นภาพผู้หญิงสาวทั้งสามคน แต่การัณย์ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ด้วยการส่งภาพสาวน้อยนางหนึ่งที่ยืนเคียงข้างคนรักของเปรมมิกามาให้ดู

    “แกคิดว่าไงบ้างใหญ่?” ธราเทพเอ่ยถามเพื่อนรัก คิ้วคมเข้มขมวดมุ่นอย่างไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ได้อ่าน

    ผู้หญิงอย่างเปรมมิกานะหรือจะฆ่าตัวตาย เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด เท่าที่ได้เห็นและได้สัมผัสมา เปรมมิกาเป็นผู้หญิงน่ารักน่าทะนุถนอม ช่างเอาอกเอาใจ จนเขาและพฤกษ์เคยคิดลงสนามแย่งสาวน้อยคนนี้มาแล้ว แต่พอได้อยู่ใกล้ชิดกันนานวันเข้า ความรู้สึกพวกนั้นกลับแปลเปลี่ยนไปกลายเป็นสายใยความผูกพันประมาณว่าพี่น้องร่วมอุทรมากกว่าที่จะเป็นหนุ่มรักสาว อีกทั้งทั้งเปรมมิกาและการัณย์เองก็เคยมาพักที่บ้านอยู่บ่อยครั้ง จนตอนนี้ทั้งสองคนกลายเป็นเหมือนคนในครอบครัวไปแล้ว

    ตอนแรกเห็นว่าเปรมมิการ่างบอบบางอรชรอ้อนแอ้น แต่ใจกลับใหญ่กว่าตัวมากสู้ไม่ถอย เคยแม้กระทั่งมาช่วยเขาและครอบครัวตากแดดหน้าดำตัวดำทำนาตัวเป็นเกลียว จนสาวน้อยในหมู่บ้านบางคนยังอาย แล้วเท่าที่จำได้ว่าแม้จะอกหักแต่น้องสาวคนนี้ไม่เคยร้องไห้ฟูมฟายแม้สักครั้ง อาจมีเศร้าบ้างเล็กน้อยแต่ไม่นานก็กลับเป็นปรกติ ทำตัวร่าเริงเที่ยวหยอกล้อคนโน้นที่คนนี้ทีอย่างสนุกสนาน บางทีก็ยังหาเรื่องแกล้งเขา พฤกษ์และการัณย์เสียอีก แล้วคนเข้มแข็งอย่างนี้หรือจะฆ่าตัวตายเพราะอกหัก

    ไม่จริง...เขาไม่เชื่อ มันต้องมีใครเข้าใจผิดไปแน่ๆ

    “เรื่องราวมันเป็นมายังไงว่ะใหญ่” ธราเทพเอ่ยถามน้ำเสียงครัดเครียด คิ้วเข้มขมวดมุ่น กวาดสายตาไปตามข้อความที่ได้เห็นหลายต่อหลายครั้งแล้ว แต่ยังไงมันไม่ทำให้เขาเชื่อได้เลยสักครั้ง ในใจเลยมีแต่คำถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวนอกไส้ของเขากันแน่

    “กันเองก็ยังไม่รู้เรื่องเลยว่ะ ตอนเกิดเรื่องกันอยู่ล่องอยู่แถวกระบี่กับภูเก็ต รู้ข่าวอีกทีก็ตอนที่ป้านาทโทรมาบอกว่ายัยเปรมเข้าโรงพยาบาลนั่นแหละ ถามไปก็ไม่ได้เรื่องเพราะแกเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายลูกเดียว จะรู้เรื่องอีกทีก็ตามหน้าหนังสือพิมพ์และข่าวตามหน้าอินเตอร์เน็ตที่ส่งให้แกนั่นแหละไอ้เทพ”

    “แล้วไอ้พฤกษ์มันรู้เรื่องหรือยัง”

    “รู้แล้ว มันเพิ่งติดต่อมาก่อนแกสองสามวันเอง” การัณย์ไม่ยอมบอกว่าเขาตกลงกับพฤกษ์ไว้เรียบร้อยแล้ว รอแต่คำตอบจากปากธราเทพเท่านั้นเอง แล้วเขาก็คิดว่าเพื่อนรักคนนี้ต้องไม่ทำให้ผิดหวัง

    “แล้วแกจะเอาไง” ธราเทพถามเสียงเข้ม ถ้าการัณย์ติดต่อมาอย่างนี้แสดงว่าเพื่อนรักจะต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง และคงอยากได้ความช่วยเหลือจากเขาและพฤกษ์เป็นแน่

    “ไม่เอาไง แค่ถางทางให้ยัยเปรมก่อน ส่วนไอ้คนที่มันก่อเรื่องยัยเปรมคงจัดการเอง” ร่างหนาใหญ่นั่งอิงขอบโต๊ะมองไปเบื้องล่างอันเป็นธุรกิจของครอบครัวที่มีเขาเป็นผู้กุมบังเหียนใหญ่ ดวงตาจ้องมองไปยังใบหน้าสาวน้อยแสนสวยและน่ารักที่โชว์หราอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ดวงตาคมกริบเป็นประกายดุร้ายและแข็งกร้าว

    จะไม่มีใครมาเหยียบจมูกคนตระกูลพิริยะสนิทชัยวงศ์แล้วลอยนวลไปได้โดยไม่ได้รับผลตอบแทนที่สาสม ร้อยยิ้มเหี้ยมเกรี้ยมผุดขึ้นบนใบหน้าคมคร้าม ถ้าสาวน้อยที่อวดโฉมอยู่หน้าคอมได้เห็น ถึงแม้เธอจะเก่งกล้าเพียงใดก็ต้องรีบถอยห่าง เพราะเสือตัวใหญ่ได้ลุกออกจากการจำศีลและพร้อมจะกัดทุกคนที่ขวางหน้า

    “แล้วแกจะให้ฉันทำไงว่ะไอ้ใหญ่ บอกมาได้เลย ถ้าทำได้กันทำให้เต็มที่” ธราเทพถามอย่างใจป้ำ

    “แล้วถ้าจะต้องลักพาผู้หญิงสักคนไปอยู่ที่บ้าน พ่อแม่จะมีปัญหาหรือเปล่า” การัณย์ถามโต้งๆ

    “พ่อแม่กันไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แกอยากได้ลูกสะใภ้จะตาย” ธราเทพพูดเล่นๆ ก่อนจะเลิกคิดขึ้นสูง ดวงตาคมเข้มเหมือนกับนัยน์ตาผู้หญิงอีกทั้งยังล้อมกรอบด้วยขนตายาวงอน ชนิดที่ว่าผู้หญิงบางคนยังอายหากได้เห็นเบิกกว้าง “กะ...แกพูดใหม่ได้ไหมว่ะไอ้ใหญ่ หูกันไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหมเพื่อน?”

    “ไม่ว่ะ เพราะงานนี้ไอ้พฤกษ์มันเอาด้วยแล้ว แล้วรอคำตอบแค่แกคนเดียวเท่านั้น”

    มือใหญ่ยกขึ้นลูบท้ายทอย ขนตามแขนและขาลุกชัน ใบหน้าคมคร้ามมีไรหนวดยิ้มแหยๆ พาผู้หญิงเข้าบ้านเหรอ มีหวังเขาตายยังเขียดแน่ ถึงแม้แม่อยากได้ลูกสะใภ้ก็จริงแต่งานนี้แม่บ่นสามวันเจ็ดวันไม่จบแน่ ดีไม่ดีมีพ่อร่วมผสมโรงด้วย ไอ้เขามันหัวเดียวกระเทียมลีบ ตายแน่ๆ...ตายยังเขียด...

    “เออ...จะเอาไงก็เอากัน แกส่งรายละเอียดมาให้ก็แล้วกัน อีกสามวันจะขึ้นไปหาแกกับไอ้หนึ่ง” ธราเทพตอบรับอย่างเสียไม่ได้ แต่ในใจกลับเริ่มสนุกสนาน นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่เจอกับสองเพื่อนรัก ก็ตั้งแต่เรียนจบมาและเข้ามารับหน้าที่เป็นกำนันต่อจากบิดาละมั้ง

    ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายปี แต่สายใยเส้นเล็กระหว่างเพื่อนที่ยอมแม้กระทั่งตายแทนกันได้ยังผูกติดกันไว้ไม่ห่างหาย ถึงไม่ได้เจอกันแต่ในยุคที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้า มีทั้งโทรศัพท์และอินเตอร์เน็ตทำให้ระยะทางที่ห่างไกลกลับเหมือนใกล้เพียงแค่เอื้อม คงจะแค่พักหลังๆ นี่แหละที่ในหมู่บ้านมีเรื่องมีราวเกิดขึ้นมากมาย ทำให้การติดต่อสื่อสารระหว่างกันห่างเหินกันไปบ้าง แต่ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งเกิดเรื่อง ไม่ว่าจะอยู่ห่างกันไกลแค่ไหน เพื่อนก็ยังต้องช่วยเพื่อนเสมอ

    “ไม่ต้องวะเทพ”

    “ทำไมวะ?” ธราเทพถามกลับอย่างสงสัย ไม่ให้เขาไปกรุงเทพแล้วจะได้ตัวผู้หญิงตรงหน้ามาได้ยังไงกัน หรือว่าการัณย์ห่วงน้องจนเพี้ยนไปแล้ว

    “อีกสามวันผู้หญิงคนนั้นกำลังจะเดินทางไปเดินแฟชั่นโชว์ที่ภูเก็ต และที่สำคัญคือไปที่โรงแรมกันด้วย แกเตรียมวางแผนการไว้ได้เลยเพื่อน”

    “อือ...” มือใหญ่วางโทรศัพท์กลับลงที่เดิม ดวงตาก็ยังไล่วนไปตามข้อความที่ขึ้นอยู่บนคอมพิวเตอร์เครื่องโตอีกครั้งอย่างต้องการความมั่นใจว่าตัวเองคิดไม่ผิดที่เขาร่วมก่อการร้ายกับเพื่อนรักในครั้งนี้

    ดูท่าคู่กรณีของเปรมมิกาคงจะต้องมีดีมากถึงขนาดทำให้สาวน้อยผู้แสนจะมั่นใจในตัวเองเสียสูนเข้าไปนอนในโรงพยาบาลได้

    เอาละคนสวยไงเรามาเจอกันสักตั้ง ฉันเองก็อยากรู้ว่าเธอจะมีดีแค่ไหน

    *******************************

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×