ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เสน่หาพญามาร

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 6

    • อัปเดตล่าสุด 17 มี.ค. 54


    ตอนที่ 6

    ทิชานนท์มองดูสองคนพ่อลูกนั่งคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนานแล้วพอเธอร่วมเข้าวงสนทนาด้วย ทิชากรก็จะหยุดพูดและเมินหน้าหนีไปอีกด้านจนอยากถามหลานสาวนักว่ารังเกียจกันด้วยเรื่องอะไร  ส่วนภัทรพลก็เอาแต่สนใจลูกสาวไม่เคยคิดถึงจิตใจเธอสักนิดเลยว่าจะเจ็บปวดแค่ไหน สองมือเรียวกำหมัดแน่น ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันจนฮ้อเลือด

    “พี่ภัทรคะ”

    “พ่อขาทิชาอยากกินไปติม พ่อพาทิชาไปกินไอติมนะคะ” สองมือป้อมเขย่าแขนใหญ่แรงๆ ดวงตากลมโตมองบิดาอย่างอ้อนวอน

    “ได้ครับคนเก่ง พ่อจะพาน้องทิชาคนเก่งไปกินไอศกรีม” มือใหญ่ยกขึ้นวางบนศีรษะทุยขยี้ผมเบาๆ อย่างรักใคร่ระคนเอ็นดู ตอนไม่ดื้อไม่เถียงแล้วยิ่งออดอ้อนแบบนี้ก็ยิ่งน่ารักจนอดยิ้มไม่ได้ เค้าหน้าเด็กหญิงคล้ายกับทิชานันท์เป็นอย่างมาก เพียงแค่ว่ากลมป้อมไปหน่อยเท่านั้นเอง แต่เดี๋ยวเวลาโตกว่านี้สักหน่อยก็อาจเปลี่ยนแปลงให้ดูสวยสมวัย

    “เย้เย้ พ่อทิชาใจดีที่สุดเลย ไปค่ะพ่อเราไปซื้อไอติมกันเลย” มือป้อมๆ ดึงลากแขนใหญ่จากโต๊ะที่นั่งกันอยู่ แล้วยังหันไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ทิชานนท์อย่างชอบอกชอบใจที่สามารถขัดจังหวะการพูดคุยได้

    ทิชานนท์น้ำตาแทบจะหล่นจากเบ้า เธอแค่อยากจะขอคุยอะไรด้วยหน่อยเท่านั้นเอง ภัทรพลกับทิชากรยังไม่ให้โอกาสเลย แค่นี้เธอก็รู้แล้ว จะคุยหรือไม่ได้คุยมันก็มีค่าเท่ากัน ในเมื่อพวกเขากันเธอออกจากการเป็นคนของครอบครัว แล้วจะทู่ซี้อยู่ทำไมกัน น่าจะไปให้พ้นๆ จะได้ไม่ต้องเห็นกันอีก แต่แล้วส่วนหนึ่งในใจก็คัดค้าน ว่าจะกล้าทิ้งหัวใจได้ลงคอเชียวหรือ

    หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นนานนับชั่วโมง ก่อนจะตัดสินใจหาอะไรทำเพื่อให้คลายความคิดเรื่องของสองพ่อลูก แต่มันก็ยังมีค่าเท่ากัน เมื่อสมุดบัญชีที่เปิดอยู่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปจากนาทีถึงชั่วโมงและหลายชั่วโมง สมุดก็ยังอยู่หน้าเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คงมีเพียงแค่น้ำตาอุ่นร้อนเท่านั้นที่ไหลลงมาอาบสองแก้มไม่ขาดสาย

    “สวัสดีครับคุณนนท์ มานั่งทำอะไรเงียบๆ ละครับ แล้วนั่นร้องไห้ทำไม”

    ทิชานนท์ยกมือเช็ดน้ำตา ปรับสีหน้าให้แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มก่อนจะเงยขึ้น ใบหน้าขาวสวยเริ่มมีสีสันเมื่อเห็นคนที่เข้ามาทัก “สวัสดีค่ะคุณกร มานานแล้วหรือคะ”

    “มาได้สักครู่แล้วละครับ มาจนได้เห็นว่าคุณนนท์ต้องมานั่งร้องไห้คนเดียว เพราะผู้ชายที่ไม่เคยหันมองและรับรู้ความรู้สึกของคุณนนท์ไงครับ” ภาสกรตอบกลับ เขาหรือ...แม้บ้านจะอยู่ไกลก็ยังอุตส่าห์เดินทางมาหาทุกอาทิตย์ ด้วยความหวังว่าทิชานนท์จะหันมองบ้าง แต่กลับไม่มีวี่แววเลย

    ในขณะที่บางคนที่หญิงสาวคอยดูแลห่วงหา และมอบหัวใจให้ไม่เคยมองเห็นความรักของเธอเลยสักนิด แถมยังทำทุกทนและชอกช้ำใจอีก หน้าตาเขาเองก็ไม่ได้ด้อยกว่าภัทรพลเลยสักนิด หน้าที่การงานและฐานะทางบ้านก็ถือว่าอยู่ในขั้นดีกว่าด้วยซ้ำ คิดแล้วมันก็เจ็บใจและแค้นใจ

    “ช่างเถอะค่ะคุณกร ถือว่านนท์ตาถั่วเองที่มองข้ามคนดีๆ ไป แต่นับจากวันนี้นนท์คงต้องมองใหม่แล้ว” หญิงสาวตอบกลับแบบพยายามทำน้ำเสียงให้รื่นเริง

    “จริงหรือครับคุณนนท์”

    ทิชานนท์รีบดึงมือออกจากการจับกุมของชายหนุ่ม มีเพียงใบหน้าและดวงตาเท่านั้นที่ยังซ่อนแววเจ็บปวดรวดร้าวไว้ไม่มิด แต่หญิงสาวก็พยักรับและยิ้มหวานให้ “นนท์ได้ข่าวว่าคุณกรต้องไปต่างประเทศนี่คะ แล้วทำไมถึง...?”

    “ผมทนคิดถึงคุณนนท์ไม่ไหวครับ ก่อนจะไปเลยอยากแวะมาหาคุณนนท์ก่อน เพื่อขอกำลังใจ” มือใหญ่ยื่นไปคว้ามือเรียวและจับไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

    “ผมรู้ว่าคุณนนท์ไม่เคยมองผมเลย แต่ผมก็อยากขอให้คุณนนท์ปรายตามามองผมบ้าง จะได้ไหมครับ” ภาสกรถามเสียงนุ่มนวลและเว้าวอน ดวงตาจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตอย่างมีความหมาย

    ทิชานนท์ยิ้ม ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะส่ายศีรษะและบอกไปว่าไม่ไดหรอกค่ะคุณกร นนท์มีพี่ภัทรอยู่เต็มหัวใจ แต่มาถึงวันนี้หญิงสาวกลับมอบรอยยิ้มให้ มือเรียวดึงออกจากมือใหญ่และวางทับลงไป เพื่อให้ชายหนุ่มเห็นว่าเธอจริงใจ และไม่ตัดรอนเขาเหมือนเช่นอดีตอีกต่อไปแล้ว

    “นนท์ขอเวลาคุณกรหน่อยนะคะ ขอให้นนท์เคลียร์หัวใจตัวเอง ลบร่องรอยผู้ชายคนอื่นไปจากใจก่อน แล้วเมื่อถึงวันที่ใจนนท์สะอาดพอ ถ้านนท์จะหาผู้ชายสักคนมาเคียงคู่ นนท์สัญญาคะ นนท์จะมองคุณกรเป็นคนแรก” มือเรียวยกขึ้นตบบนมือใหญ่เบาๆ ให้รู้ว่าคิดอย่างที่พูดจริงๆ

    ภาสกรได้แต่ยิ้มไม่รับคำใดๆ มาถึงตอนนี้เขาทนรอให้ถึงวันที่หญิงสาวบอกไม่ได้แล้ว ในเมื่อวันพรุ่งนี้เขาต้องเดินทางไปต่างประเทศ หลังจากที่กลับมาเขาก็ต้องไปคุมงานที่เชียงใหม่อีกสองปี อีกอย่างทิชานนท์แอบรักแอบมองภัทรพลมาตั้งแต่แรกสาว มีหรือที่หญิงสาวจะลืมรักแรกได้ง่ายเหมือนกับตัดต้นไม้ ต่อให้คนที่เพิ่งรู้จักกันตัดบัวยังเหลือใยเลย แต่นี่รักมาเป็นสิบปี

    มาถึงตอนนี้เขาไม่สนด้วยว่าในหัวใจหญิงสาวจะมีเขาหรือไม่ ยังไงวันนี้เขาต้องได้ทิชานนท์มาอยู่ในอ้อมกอด ได้รักและมอบรักให้แล้วก็เอาตัวไปต่างประเทศด้วย ถึงเขาจะหักหาญน้ำใจแต่ที่ทำไปเพราะรักจริง หญิงสาวต้องให้อภัยเขา

    “คุณนนท์ครับ”

    “ค่ะคุณกร”

    “พรุ่งนี้ผมก็ต้องเดินทางแล้ว กว่าจะกลับก็อีกสองเดือน คืนนี้ผมขอเลี้ยงอาหารคุณนนท์สักมื้อนะครับ หวังว่าคุณนนท์คงไม่รังเกียจที่จะ...” ภาสกรเริ่มต้นทำตามแผนการที่ได้วางไว้ตั้งแต่ต้น ไม่คิดเลยว่าวันนี้โชคจะเข้าข้าง เพราะทุกครั้งที่เขามาหาทิชานนท์รอบกายต้องมีผู้คุ้มกันอย่างภัทรพลอยู่ด้วยเสมอ แต่ในวันนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนหนทางก็ล้วนแล้วแต่ปลอดโปร่ง ใบหน้าคมแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม

    “ไม่หรอกค่ะ ดีซะอีกนนท์ก็จะได้มีเพื่อนทานอาหารไม่ต้องทานคนเดียวเหมือนทุกวัน แต่นนท์ขอทานที่โรงแรมนะคะคุณกร”

    ภาสกรยิ้มหวานรับคำตอบของหญิงสาว ไม่ว่าจะทานที่ไหนเขาไม่เกี่ยงขอเพียงอย่างเดียวคือให้หญิงสาวตกลงเป็นพอ “ได้ครับ แค่คุณนนท์ไม่รังเกียจร่วมรับประทานอาหารกับผม แค่นี้ผมก็ดีใจแล้วครับ”

    “เมื่อก่อนนท์คงแย่มากเลยนะคะ ที่ไม่เคยมองเห็นความจริงใจและความรักที่คุณกรมีให้ แล้วยังจะปฏิเสธคุณกรทุกทางเลย” หญิงสาวต่อว่าตัวเอง

    “ไม่หรอกครับผมเข้าใจดี ว่าแต่วันนี้คุณภัทรไม่อยู่หรือครับ” ยังไงภาสกรก็ไม่ประมาท สายตาเหลียวมองไปรอบๆ ห้องโถงใหญ่ที่หญิงสาวเลือกลงมานั่งทำงานอย่างละเอียดรอบคอบ แล้วเมื่อไม่เห็นศัตรูหัวใจก็ทำให้โล่งใจไปได้เปราะหนึ่ง

    ดวงตาคมจ้องทิชานนท์ด้วยความรัก เขาเจอกับหญิงสาวเมื่อตอนที่เธอมาฝึกงานที่นี่ ส่วนเขาเผอิญมาสัมมนา

    หญิงสาวร่างเล็กบอบบางน่าทะนุถนอม ใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตล้อมด้วยขนตายาวงอน จมูกโด่งรับกับริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ ใบหน้าขาวเนียนและใสเหมือนแก้มก้นเด็ก เรียกได้ว่าเห็นหญิงสาวครั้งแรกเขาก็สะดุดและเทใจให้เธอไปในทันที

    แต่แล้วเมื่อได้รับรู้ว่าหญิงสาวนั้นมีคนที่ชอบอยู่แล้ว แต่ชายหนุ่มคนนั้นกลับไม่เคยสนใจเธอเลย เขาไม่ท้อไม่ละความพยายามแสดงออกให้เห็นทุกทางว่าเขาจริงใจเพียงใด จนถึงตอนนี้เวลาผ่านมาถึงสามปี หัวใจเขาไม่เคยเฉียดเข้าไปข้างๆ หัวใจของทิชานนท์เลย

    “ไม่ทราบเหมือนกันคะ เราอย่ามาพูดถึงคนอื่นเลยค่ะ คุณกรรอนนท์ตรงนี้ก่อนนะคะ นนท์ขอเอางานไปเก็บก่อน แล้วจะไปทานอาหารด้วย”

    “ครับคุณนนท์” ภาสกรมองตามร่างเล็กบางไป ไม่ว่าจะสามปีที่แล้วหรือตอนนี้รูปร่างของทิชานนท์ไม่เคยเปลี่ยน ใบหน้ายังคงเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นแต่ความสดใสได้จางหายไปและมีความเศร้าเข้ามาแทนที่ จนเขาคนที่เฝ้ามองดูต้องเจ็บปวดไปด้วย

    ไม่ต้องกลัวนะครับคุณนนท์ จากวันนี้และตลอดไปผมจะอยู่เคียงข้างคุณนนท์ ไม่ทิ้งให้คุณนนท์ต้องทุกข์ใจและเหงาเศร้าคนเดียวอีกแล้ว

    ***********************************

    “มองอะไรแม่ตัวประกอบ” โมกข์ถามเมื่อเห็นว่าขนิษฐาไม่ได้ฟังที่เขาถามไปเลยสักนิด ดวงตากลมโตมองไปยังชายหนุ่มคู่หนึ่ง ที่ดูเหมือนว่าฝ่ายชายพยายามเติมเหล้าให้หญิงสาวจนเต็มแก้วอยู่เสมอ คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแล้วก็ร้องอ๋อ...ในใจ

    จำได้ว่าเจอกับสาวน้อยคนนี้เมื่อตอนเช้านี่เอง แต่ตอนนั้นหญิงสาวมีชายอีกคนเคียงข้าง และยังมียัยเด็กร่างป้อมขี้ตู่ที่เรียกขนิษฐาว่าแม่ ตอนที่ได้ยินความโกรธของเขาพุ่งจี๊ดขึ้นมา เกือบจะเดินเข้าไปบีบคอยัยเด็กร่างป้อมแล้วลากตัวขนิษฐากลับไปลงโทษที่ห้องให้หนำใจแล้วเชียว

    ขนิษฐาละสายตาจากทิชานนท์หันมาถามโมกข์ ร่างใหญ่เอนตัวอิงพนักเก้าอี้มือพาดแขนไปตามความยาวของพนักพิง “คุณโมกข์จำผู้หญิงคนนั้นได้ไหมคะ”

    “หือ...ใครเหรอ” โมกข์ถามกลับ ถ้าขืนเขาบอกหญิงสาวไปว่าจำได้ เดี๋ยวแม่ตัวประกอบสุดร้อนแรงจะเข้าใจผิด แล้วทำไมเขาต้องกลัวขนิษฐาเข้าใจผิดด้วยนี่ โมกข์ส่ายศีรษะอย่างไม่เข้าใจตัวเอง ตั้งแต่ได้เจอกับแม่ตัวประกอบเขาก็เริ่มไม่เข้าใจตัวเองมากขึ้นทุกที จนไม่อยากคิดเรื่องอะไรเลยนอกจากความหอมหวานและความสุขที่ได้รับ ปลายนิ้วใหญ่ไล้ตามลำแขนเรียวยาว  

    “ผู้หญิงที่เราเจอเมื่อตอนเช้าไงค่ะคุณโมกข์ ญาติของน้องทิชาที่กวางช่วยไว้นะคะ จำได้ไหมคะ?” หญิงสาวเท้าความหลัง

    “อืม...แล้วไง” โมกข์ถามอย่างไม่สนใจ ริมฝีปากหนาเริ่มเคลื่อนไปประทับบนบ่ากว้าง เพื่อดึงหญิงสาวให้หันมาสนใจเพียงแต่เขาคนเดียว

    “อย่าค่ะคุณโมกข์ คนนั่งกันอยู่เต็มเห็นไหมคะ คุณไม่อายแต่กวางอาย” สองมือเรียวยื่นออกไปยันใบหน้าคม สายตายังมองไปที่ทิชานนท์แล้วเกิดความรู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูก เธอเป็นผู้หญิงทำไม่จะรับความรู้สึกของผู้หญิงด้วยกันไม่ออก

    คนที่ทิชานนท์สนใจไม่ใช่ผู้ชายฉวยโอกาสที่กำลังมอมเหล้าอยู่ แต่เป็นภัทรพลคุณพ่อลูกติดต่างหาก แต่ขนิษฐาก็ไม่เข้าใจทำไมตอนนี้ทิชานนท์ถึงได้มานั่งกินเหล้าเมามายจนขาดสติกับผู้ชายคนอื่นเสียได้ หรือเป็นเพราะเธอทำให้ทั้งสองคนเข้าใจผิด

    ขนิษฐาร้อนรนกระวนกระวายใจและเป็นห่วงทิชานนท์ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเมื่อได้เห็นร่างบอบบางโอนไปเอนมา ใบหน้าขาวสวยแดงก่ำ ดวงตาปรือกลมโตกำลังปิดลงเรื่อยๆ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมือเรียวยังยื่นไปคว้าแก้วเหล้ามาดื่มไม่ยอมหยุด

    แล้วชายหนุ่มที่นั่งใกล้ๆ แทนที่จะห้ามกลับคอยเติมน้ำเมาและคะยั้นคะยอให้ดื่มจนหมดแก้ว ขนิษฐาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ห่วงใยหญิงสาวที่เพิ่งเจอคนนี้นั้น รู้แต่ว่าทนไม่ได้ที่จะเห็นทิชานนท์ต้องตกในเงื้อมมือคนไม่ดี

    “คุณโมกข์เข้าไปช่วยเหลือเธอหน่อยได้ไหมคะ?”

    “ทำไมฉันจะต้องไปยุ่งเรื่องของคนอื่นด้วยล่ะแม่ตัวประกอบ ในเมื่อเรื่องของฉัน...ฉันยังเอาตัวไม่รอดเลย” โมกข์ถามอย่างไม่รู้ไม่ชี้ แขนใหญ่เคลื่อนลงช้าๆ ดึงรั้งร่างบอบบางเข้ามาแนบชิด “แล้วฉันว่าตอนนี้น่ะแม่ตัวประกอบ เธออย่าไปสนใจเรื่องคนอื่นเลย เอาเรื่องตัวเองให้รอดดีกว่าไหม”

    “คุณโมกข์พูดเหมือนกับคนเห็นแก่ตัวเลยค่ะ” ขนิษฐาตวัดค้อนชายหนุ่มวงโต ขุ่นเคืองใจอย่างบอกไม่ถูก นี่ถ้าเธอเก่งคงเอาตัวรอดจากโมกข์ไปได้นานแล้ว และคงช่วยเหลือคนอื่นได้ด้วย แต่นี่เพราะเธอไม่เก่งเลยหนีจากน้ำมือชายหนุ่มจอมเจ้าเล่ห์ไม่ได้ แล้วยังติดในบ่วงพิศวาสแสนเร่าร้อนจนถอนตัวถอนใจไม่ขึ้นอีกด้วย คิดแล้วก็ให้เซ็งตัวเองพยายามหนีแทบตายแต่สุดท้ายก็ไม่พ้นอยู่ดี

    “ก็ใช่ซิ เพราะฉันเห็นแก่ตัวไง ฉันเลยได้เธอมานอนแนบข้าง แล้วตอนนี้ฉันก็อยากหม่ำเธอเป็นขนมหวานเต็มทีแล้วแม่ตัวประกอบ รีบกลับบ้านกันดีกว่า” ปลายมือใหญ่ไล้ไปบนหลังมือเนียนนุ่ม จ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาหวานฉ่ำและเรียกร้อง

    กายบอบบางสั่นเทา หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะกับสายตาคมและหวานเชื่อมคู่นั้น แต่ขนิษฐาก็ยังทำใจสู้ ใบหน้าขาวสวยยิ้มหวาน สองมือยกขึ้นยันอกกว้าง อย่างหยอกเย้า ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงกล้าทำและไม่กลัวว่าจะถูกโกรธด้วย

    “อย่าหวังว่าคืนนี้กวางจะยอมคุณโมกข์ง่ายๆ ถ้าคุณโมกข์อยากจะมีความสุขจริงๆ ล่ะก็ โน่นค่ะ...” ขนิษฐาบุ้ยใบ้ริมฝีปากให้ชายหนุ่มองไปยังร่างของทิชานนท์ ที่ตอนนี้คอพับคออ่อนเอนตัวนาบไปกับความยาวของโต๊ะตัวใหญ่ไปเรียบร้อยแล้ว

    “คุณโมกข์ต้องไปช่วยเหลือเธอก่อน แล้วกวางจะให้รางวัล ไม่งั้นคืนนี้คุณโมกข์อดหม่ำกวางเป็นขนมหวานจริงๆ ด้วย” หญิงสาวพูดราวกับว่าเธอกำลังถือไพ่เหนือเขา ทั้งที่ความจริงแล้วแค่โมกข์แตะต้องและปลุกเร้าเพียงนิดหน่อย เธอก็พร้อมกระโจนลงไปในหุบเหวแห่งเพลิงพิศวาสอันดำมืดอยู่แล้ว

    “แน่ใจหรือว่าเธอจะขัดความต้องการของฉันได้นะ แม่ตัวประกอบ” ปลายนิ้วยาวใหญ่ลากไล้บนลำตัวเนียนนุ่มและวกไปลูบไล้ผิวเนื้อเนียนนุ่ม

    “ไม่รู้ซิคะ ถ้าคุณโมกข์อยากลองก็ได้” ขนิษฐายกไหล่ขึ้นเล็กน้อย แล้วก็ให้ตัดสินใจพูดใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ชายหนุ่มช่วยเหลือทิชานนท์

    “ถือว่ากวางขอร้องก็ได้นะคะคุณโมกข์ การที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องนอนกับผู้ชายที่ไม่ได้รักมันเจ็บปวดมากพอแล้ว กวางไม่อยากให้คุณนนท์เป็นอย่างกวาง ต้องนอนกับผู้ชายตัวที่ตัวเองไม่ได้รัก”

    โมกข์สะอึกกับคำพูดตัดพ้อและต่อว่า ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มหยามหยัน ปากก็บอกว่านอนกับคนที่ไม่ได้รักไม่มีความสุข แต่เขาเห็นแม่ตัวประกอบกลับร้องเรียกและร้อนราวกับไฟยามถูกแตะต้องแล้วยังตอบสนองเสียจนเขาหัวหมุนเสียอีก

     “แต่ฉันว่ามันก็แปลกน่ะแม่ตัวประกอบ ปากเธอบอกว่าไม่รักไม่ชอบฉัน แต่เวลาฉันเข้าใกล้ทีไร เธอร้อนเป็นไฟทุกทีนี่น่า” โมกข์มองขนิษฐาด้วยแววตาดูถูก “แต่ก็เอาเถอะในเมื่อเธอต้องการให้ฉันช่วย ฉันก็จะช่วย ถือว่าเอาบุญล่ะกัน แล้วเธอจะให้ฉันช่วยผู้หญิงคนนั้นยังไงละ”

    โมกข์ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเมื่อเห็นขนิษฐาส่ายศีรษะ ดวงตากลมโตจ้องไปที่ทิชานนท์และหันกลับมามองเขาอย่างวิงวอนขอร้อง ชายหนุ่มใช้ความช่างสังเกตของตัวเองให้เป็นประโยชน์ ดวงตาคมกวาดมองไปทั่วๆ บริเวณอย่างใช้ความคิด จะสังเกตเห็นว่าพนักงานหลายคนต่างมองไปที่หญิงสาวเป็นจุดเดียวกัน คิ้วคมเข้มขมวดมุ่น กวาดไล่สายตาไปตามพนักงานแล้วตัดสินใจลุกขึ้น

    “เธอนั่นรอฉันตรงนี้ก่อนนะแม่ตัวประกอบ เดี๋ยวฉันมา”

    “คุณโมกข์จะไปไหนละคะ”

    “อย่าถามมาก ถ้าเธอยังอยากช่วยแม่สาวนั่นอยู่”

    ขนิษฐามองตามร่างสูงใหญ่ที่เดินไปหาพนักงานเสิร์ฟ ดูเหมือนว่าโมกข์กำลังสอบถามอะไรบางอย่างอยู่ และพนักงานทุกคนก็ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี เพียงครู่เดียวร่างหนาใหญ่ก็เดินกลับมา ใบหน้าคมคร้ามดีกว่าตอนที่เดินไปเมื่อครู่มาก

    “เธอไปตามหาสองพ่อลูกนั่นกวาง ส่วนฉันจะเข้าไปขัดขวางไอ้หนุ่มนั่นก่อนที่มันจะพายัยผู้หญิงซื่อและโง่คนนั้นขึ้นห้อง” โมกข์บอกอย่างไม่ชอบใจ แต่เพื่อความสุขที่มีในวันหน้าก็เลยตัดสินใจช่วยเหลือทิชานนท์ไป และดูเหมือนว่าจะยังเป็นโชคดีของทิชานนท์ด้วย เพียงแค่ขนิษฐาก้าวเดินไปประตูเท่านั้น สองพ่อลูกก็เดินหัวเราะเข้ามาในตัวโรงแรมทันที

    “แม่จ๋า...” ทิชากรโถมตัวเข้าหาร่างบอบบางในทันที ใบหน้ากลมป้อมจูบแก้มซ้ายขวาของหญิงสาวอย่างยินดี และขนิษฐาเองก็เช่นกัน ริมฝีปากอวบอิ่มประทับไปบนแก้มขาวนวล แล้วรีบเงยหน้ามองภัทรพล ดวงตามีร่องรอยความไม่สบายใจ

    “คุณภัทรรีบไปช่วยคุณนนท์เถอะค่ะ เดี๋ยวกวางดูน้องทิชาให้”

    “นนท์มีปัญหาอะไรหรือครับ”

    “กวางว่าคุณภัทรไปดูเองดีกว่านะคะ” ขนิษฐาชี้ให้ภัทรพลมองหญิงสาวที่กำลังเมาแอ้ แล้วสะดุ้งกลัวจนตัวสั่น เมื่อเห็นใบหน้าขาวที่ยิ้มอย่างมีความสุข ให้ความอบอุ่นและใจดีอยู่เป็นนิจเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่นั้นเหมือนมีไฟร้ายซ่อนอยู่

    “ผมฝากคุณกวางดูน้องทิชาด้วยน่ะครับ ผมจะไปจัดการกับทิชานนท์ก่อน” ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม ความโกรธแผ่ซ่านขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

    ถึงเขาไม่ได้รักไม่ได้ชอบทิชานนท์เฉกเช่นคนรัก ด้วยเพราะเห็นเป็นน้องสาวเสมอมา และเคยแต่เห็นหญิงสาวในสภาพสาวน้อยน่ารัก แต่มาในวันนี้กลับเป็นทิชานนท์ทำตัวเหลวไหลกินเหล้าเมายา แล้วกินกับใครไม่กิน ดันไปกินกับภาสกรคนที่จ้องจะงาบตัวเองอยู่ คิดแล้วมันก็น่าปล่อยให้โดนไอ้บ้านั่นปู้ยี้ปู้ยำซะให้เข็ด นี่ถ้าไม่เห็นแก่ทิชานันท์ผู้เป็นพี่สาวล่ะก็ จะไม่สนใจเด็ดขาด

    “นนท์”

    “เอ๋...ใครมาเรียกนะ เสียงคุ้นๆ แฮะ อ๋อ...คุณพี่เขยแสนดีน่ะเอง มามะพี่ภัทรขามากินเหล้ากับนนท์ดีกว่า คริคริ ไม่คิดเลยนะคะว่าเหล้ามันจะหวานขนาดนี้ รู้งี้นนท์กินเสียนานแล้ว” ทิชานนท์หัวเราะอย่างขมขื่น ร่างบางลุกขึ้นยืนพร้อมแก้วเหล้ายื่นไปให้ภัทรพล แต่ถูกชายหนุ่มปัดทิ้งจนน้ำเหม็นกระฉอกออกจากแก้วเปรอะเปื้อนมือเรียว ทิชานนท์ยกไหล่ขึ้นในเมื่อภัทรพลไม่แคร์แล้วเธอจะแคร์ไปทำไมกัน

    หญิงสาวหัวเราะเสียงแผ่วเบาในลำคอ ถึงจะอยู่ในความมึนเมา แต่เมื่อได้ยินเสียงของภัทรพลความเจ็บปวดที่ซุกซ่อนอยู่ในใจก็เริ่มแผ่ซ่านออกมาจนเธออยากทำอะไรก็ได้ให้ตัวเองเจ็บที่สุด เพื่อที่ว่าเธอจะได้ตัดใจจากชายหนุ่มได้ง่ายขึ้น ตัดใจแล้วก็ไปจากสองคนพ่อลูกที่เห็นเธอเป็นเพียงแค่อากาศและไม่เคยมีตัวตน

    มือเรียววางเหล้าอย่างไม่ระมัดระวังจนน้ำสีเหลือทองกระฉอกออกจากแก้วหกเลอะเทอะกระจายเต็มโต๊ะ แต่หญิงสาวยืนมองอย่างเฉยเมยมือเรียวยื่นไปคล้องแขนใหญ่ของคนที่นั่งข้างดึงขึ้นอย่างแรง มือเรียวยื่นไปโอบรอบลำคอแกร่ง “คุณกรขาอย่าไปสนใจแมงหวี่แมงวันแถวนี้เลย ไปกินเหล้าในห้องนนท์ดีกว่า อยู่ตรงนี้แล้วนนท์หายใจไม่ออก”

    ภาสกรเสียอารมณ์เป็นอย่างมาก แผนการกำลังไปได้ดีกลับถูกขัดจังหวะจากไอ้หนุ่มรูปหล่อที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ อยู่ดีๆ ก็เข้ามาทำความสนิทสนมและชวนทิชานนท์พูดคุย แล้วหญิงสาวก็ชอบเสียด้วย

    แล้วพอมาตอนนี้ไอ้ภัทรพลก็ไม่รู้โผล่มาจากไหนอีกคนเข้ามาทำลายแผนการเขาเสียจนปี้ป่น คิดแล้วมันแค้นใจจริงๆ ไม่น่าปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมากเกินไป น่าพาทิชานนท์เข้าห้องไปนานแล้ว ไม่งั้นป่านนี้เขาคงไปทัวร์สวรรค์รอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้ว

    “พอได้แล้วทิชานนท์ เธอเมามากแล้วน่ะ” มือใหญ่กระชากแขนเรียวออกจากภาสกรด้วยความโกรธกรุ่น ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาคมกริบเหมือนมีดโกนมองเหมือนจะเฉือนไปในเรือนกายบอบบาง

    “เมา...ใครบอกว่านนท์เมาค่ะ ม่ายเลยค่ะ...นนท์ม่ายเมาเสียหน่อย พี่ภัทรถามพี่กรดูซิ หรือไม่ก็ถาม...” หญิงสาวเถียงน้ำเสียงอ้อแอ้ มือเรียวชี้ไปที่ชายหนุ่มอีกคนซึ่งเข้ามาชวนเธอพูดคุยเมื่อครู่ แต่ก็เห็นเพียงหลังไวๆ เพราะหนุ่มคนนั้นเดินไปหาหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล และมีร่างป้อมๆ ของหลานสาวเธอยืนกุมท้องหัวเราะเสียงดังลั่นอยู่

    “อ้าว สุดหล่อไปเสียแล้ว” หญิงสาวทำท่าเสียดาย แล้วก็เชิดหน้าขึ้นสูง “แต่ช่างเถอะใครไม่กิน นนท์กินคนเดียวก็ได้” ทิชานนท์ยกมือปาดน้ำตาบนใบหน้าที่มันร่วงหล่นลงมา ทั้งที่เธอพยายามห้ามแล้วแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงห้ามไม่ได้

    “ไปครับคุณนนท์ ผมพาคุณนนท์ไปพักเอง” ภาสกรทำตัวเป็นผู้หวังดีแต่ประสงค์ร้าย ถึงแม้ภัทรพลจะเข้ามาขวาง แต่เมื่อทิชานนท์ไม่สนใจก็เป็นหน้าที่ของเขาที่จะดูแลคุ้มครองและปกป้องหญิงสาวเอง

    “ไม่ต้องหรอกคุณกร” ภัทรพลแทรกตัวเข้าไปยืนขวางระหว่างทิชานนท์กับภาสกร มือใหญ่ดึงขวดเหล้าจากมือเรียวออกส่งให้กับพนักงานเสิร์ฟที่มายืนรออยู่ใกล้ๆ แขนใหญ่รัดร่างบอบบางแนบตัว และหันไปทำหน้าบึ้งตึงใส่ภาสกร “ส่วนคุณกลับไปได้แล้วคุณกร ที่นี่ไม่ต้อนรับผู้ชายปากอย่างใจอย่าง”

    ภาสกรกำหมัดแน่น อยากจะปล่อยใส่ชายหนุ่มตรงหน้าสักหมัดสองหมัด แต่รู้ว่าถ้าขืนทำแบบนั้นเขาจะต้องออกไปจากสถานที่นี้ด้วยสภาพที่ดูแล้วไม่สวยแน่ พนักงานแต่ละคนที่มองมาล้วนแล้วแต่กระเหี้ยนกระหือรืออยากเข้ามากระทืบเขาเต็มแก่แล้ว

    “ไปกับพี่นนท์ พี่จะพาเธอไปห้องเอง”

    “ถอยไปน่ะพี่ภัทร คนใจร้ายไม่ต้องมายุ่งกันนนท์เลย นนท์ไม่ไปไหนกับพี่ทั้งนั้น นนท์จะไปกับคุณกร” ทิชานนท์พยายามสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม ในเวลาปกติเธอก็สู้แรงชายหนุ่มไม่ได้อยู่แล้ว มาถึงตอนนี้ยังอยู่ในสภาพมึนเมามีหรือจะสู้แรงชายหนุ่มได้ อีกทั้งพื้นที่ยืนอยู่ก็เหมือนจะโครงเครงเป็นเหมือนคลื่นสาดซัดเข้าฝั่งเห็นแล้วทำให้เกิดอาการม้วนในท้องอยากปลดปล่อยของที่กินเข้าไปออก

    “โว้ย...เกิดอะไรขึ้นนะนนท์ ทำไมทำตัวแบบนี้” ภัทรพลสบถเสียงดังลั่นด้วยความโมโห ไม่คิดว่าสาวน้อยแสนสวยและเรียบร้อยอย่างทิชานนท์จะพูดยากขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน

    ชายหนุ่มตัดสินใจช้อนร่างบอบบางขึ้นเดินไปหาขนิษฐาและโมกข์ เพื่อบอกฝากลูกสาวไว้ก่อน ส่วนเขาขอพาแม่น้องสาวจอมยุ่งไปห้องพักก่อนที่หญิงสาวจะอาละวาดมากไปกว่านี้

    ***********************************

    เพียงแค่เห็นร่างสูงใหญ่ของโมกข์เดินมา ทิชากรก็รีบวิ่งไปหลบด้านหลังขนิษฐา มือเล็กป้อมจับขอบเสื้อหญิงสาวไว้แน่น ใบหน้ากลมป้อมโผล่ออกมามองและเพียงแค่ได้สบกับสายตาคมดุคู่นั้น เด็กหญิงก็ตัวกลัวจนสั่นรีบถอยกลับไปยืนแอบด้านหลังขนิษฐาเหมือนเดิม

    “ไม่ต้องกลัวนะคะน้องทิชา ลุงโมกข์หน้าดุแต่ตัวจริงไม่ดุหรอกค่ะ ลุงโมกข์ใจดีมากเลย เดี๋ยวลุงโมกข์จะพาน้องทิชากับพี่กวางไปซื้อขนมและตุ๊กตาด้วยค่ะ” ร่างบอบบางย่อเขาลงจนใบหน้าอยู่ตรงกับหน้าเด็กหญิงและพูดจาปลอบประโลมให้ตกใจและคลายอาการหวาดกลัว

    แต่ทิชากรกลับส่ายหน้า สองแขนโอบรอบลำตัวบอบบางไว้แน่น จนขนิษฐาต้องหันไปทำหน้าดุใส่ชายหนุ่ม แต่โมกข์กลับจ้องมองมาอย่างไม่ชอบใจ และยังตวัดสายตาคมๆ ไปยังร่างอ้วนป้อม มือใหญ่ยกขึ้นเท้าสะเอว คิ้วคมเข้มเลิกขึ้นสูง

    “เธอหมายความว่าไงแม่ตัวประกอบ”

    ขนิษฐาไม่ทันจะได้ตอบอะไร ภัทรพลก็พาร่างบอบบางของทิชานนท์ ที่กำลังระดมกำปั้นทุบไปบนอกกว้าง และยังจะส่งเสียงร้องบอกให้ชายหนุ่มรีบปล่อยเธอลงดังลั่นมาใกล้

    “ขอโทษน่ะครับคุณกวาง คุณโมกข์ผมรบกวนฝากลูกอีกสักแป๊บนะครับ ผมขอเอายัยตัวยุ่งนี่ไปเก็บที่ห้องก่อน”

    โมกข์ไม่ทันได้ตอบภัทรพลก็เดินลิ่วๆ ไปอย่างไม่สนใจใคร ชายหนุ่มสบถเสียงเครียด ดวงตาคมดุจ้องมองสองร่างต่างขนาด คนหนึ่งยิ้มหวานและเลิกคิ้วสูงให้ส่วนอีกคนก็เอาแต่แอบข้างหลังคนที่ใหญ่กว่า

    “ตกลงจะเอาไงค่ะคุณโมกข์ขา ถ้าคุณไม่พาน้องทิชากับกวางไปซื้อขนมและตุ๊กตา พวกเราไปเล่นกันเองก็ได้ แต่กวางไม่รับประกันน่ะว่า สวยๆ อย่างกวางจะมีผู้ชายคนไหนเอาขนมจีบมาฝากบ้าง” ขนิษฐาบอกอย่างคนที่มั่นใจในความน่ารักของตนเอง แล้วก็ไม่รอให้ชายหนุ่มได้ตัดสินใจใดๆ มือเล็กเรียวจับแขนเล็กป้อม พาเด็กหญิงทิชากรเดินไปยังร้านรวงที่วางของเรียงรายตามข้างถนนนับสิบร้าน

    “โว้ย!! ยุ่งจริงๆ คนเขาจะสวีทกัน แต่ดันมีลูกแมวตัวขาวอ้วนกลมมาขัดจังหวะเสียได้ บ้าชิ...” ศีรษะทุยสะบัดอย่างหัวเสีย

    ขนิษฐาได้ยินเสียสบถถึงกับหัวเราะคิกคักในลำคอ “เห็นไหมคะน้องทิชา พี่กวางบอกแล้วว่าลุงโมกข์น่ะใจดีและไม่ดุเลยสักนิด แต่ลุงโมกข์ชอบแสดงท่าทางดุเอาไว้ก่อน แบบว่าจะได้ข่มขู่คนอื่นๆ ให้กลัวไง่คะ” ขนิษฐาก้มลงพูดกับเด็กหญิงทิชากรเสียงนุ่ม และดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอบอกจะอยู่ในความสนใจของเด็กน้อยที่หันมองชายหนุ่มร่างใหญ่ด้วยความสนใจ

    “ลุงโมกข์ไม่ดุจริงๆ หรือค่ะแม่กวาง” ทิชานนท์เงยหน้าขึ้นถามด้วยความไม่แน่ใจ และหันกลับไปมองโมกข์ใหม่อีกครั้งอย่างครุ่นคิด

    โมกข์ทำเสียงจุ๊บจิ๊บในลำคอ ดวงตาคมดุจ้องมองขนิษฐาอย่างไม่ชอบใจ แต่ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะชอบใจที่แกล้งเขาได้ ร่างบอบบางและร่างเล็กป้อมเดินคุยกันไปตามความยาวของถนน บ้างก็แวะดูสิ่งของแต่ก็ไม่มีใครคิดจะซื้อหาสิ่งใด เพียงแค่เดินดูอะไรเพื่อเป็นการฆ่าเวลาเท่านั้นเอง

    *******************************

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×