คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 3 ปะทะ...หมู...(มาได้ไง) (รีไรท์-80%)
ตอนที่ 3
ปะทะ...หมู...(มาได้ไง)
เกล็ดแก้วหงุดหงิดและงุ่นง่านจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีแล้วกับผู้ชายหน้าหนาและชอบเอาเปรียบ ขนาดว่าใช้ทั้งปลายเล็บจิกทึ้งไปบนลำแขนแข็งแกร่งที่โอบรอบสะเอว และลงแรงกระทืบลงไปบนเท้าใหญ่ที่อยู่ในรองเท้าบูทอย่างแรงๆ หลายต่อหลายครั้ง แต่ดูเหมือนนายเทพจะไม่รู้สึกรู้สาใดๆ ทั้งสิ้น
“ปล่อยฉันได้แล้วไอ้บ้า มากอดฉันทำไมนี่ ฉันอึดอัดและเหม็นสาบกลิ่นโคลนสาบควายจากนายจะแย่อยู่แล้ว ปล่อยซิ” เกล็ดแก้วส่งเสียงแหวใส่ชายหนุ่มอีกระรอก หลังจากที่เหนื่อยกับความดื้อด้านของชายหนุ่ม มือเล็กรีบยกมือขึ้นปิดปากและจมูก เมื่อรับรู้ถึงกลิ่นเหม็นชวนอาเจียนลอยโชยมาแตะจมูก วงหน้าขาวนวลหันมองรอบๆ บริเวณที่ยืนอยู่แล้วต้องตกตะลึง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ไม่ต้องถามก็รู้แล้วว่าอีกตากำนันบ้านนอกบ้านี่พาเธอมาที่โรงเรือนเลี้ยงสัตว์
รอบๆ บริเวณลานกว้างแห่งนี้ มีกระต๊อบหลับเล็กๆ อยู่สามหลัง แต่ละหลังตั้งห่างกันประมาณสี่ถึงห้าเมตร ภายในแต่หลังมีเสียงสัตว์แข่งกันส่งเสียงร้องฟังแล้วก่อให้เกิดอาการปวดริ้วๆ บนขอบตาเลยไปทั้งศีรษะ “โว้ย!! ปล่อยฉันได้แล้วตาบ้า จะพาฉันไปไหนอีกละนี่” เกล็ดแก้วส่งเสียงโวยวายจนสัตว์ในคอกที่อยู่ใกล้ที่สุดสงเสียงร้องโหยหวนออกมาเหมือนกำลังจะขาดใจ
“คุณอยู่เงียบๆ บ้างเป็นไหมไพลิน ดูซิน้องหมู น้องไก่และน้องวัวของผมส่งเสียงร้องตกใจกันดังลั่นบ้านแล้ว”
แทนที่ชายหนุ่มจะรู้สึกรู้สากับความโกรธที่มี เขากลับหันมาดุว่าเหมือนกับเธอเป็นเด็กอีก เกล็ดแก้วกำลังจะส่งเสียงกรีดร้อง สองเท้าเล็กๆ ซอยถี่
“หยุดเลยนะคุณ ถ้าขืนส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้งเดียว ผมพาคุณเข้าไปนอนคลุกดินโคลนเหม็นกับน้องหมูในเล้าแน่เกล็ดแก้ว”
คำพูดดุดันและเกรี้ยวกราด แล้วก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงรอดไรฟัน อีกทั้งสองมือใหญ่ยกขึ้นเท้าสะเอวอย่างบอกให้รู้ว่ากำลังสะกดกลั้นอารมณ์โกรธและความรำคาญเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แม้จะบอกว่าไม่กลัวแต่มันก็อดที่จะสั่นไม่ได้ เมื่อเห็นชายหนุ่มเอาจริงขึ้นมา
เท้าเล็กหยุดกระทืบพื้นดิน วงหน้าขาวสวยแดงปลั่งและงองุ้ม ดวงตากลมโตหลุบมองพื้นดิน พยายามบังคับลมหายใจที่มันหอบแรงให้สงบลงอย่างช้าๆ ก่อนที่ใบหน้าขาวสวยจะแบะออกและเชิดขึ้นอย่างไม่ยีระ อีกทั้งไหล่กว้างก็เชิดขึ้นสูง ใช้สายตาเหล่มองไปยังร่างหนาใหญ่อย่างดูถูกดูแคลน สองมือเล็กเรียวพยายามปัดโน่นปัดนี่สลับกับยกมือบีบจมูกอยู่เป็นระยะ จนน้ำเสียงที่พูดออกมาดังอู้อี้ๆ ขึ้นโพรงจมูก
“ก็ใครใช้ให้นายพาฉันมาที่สกปรกๆ มีแต่กลิ่นของเน่าของเหม็นแบบนี้ละ แหวะ...น่าเกลียดชะมัด”
สองมือใหญ่ยกขึ้นเท้าสะเอว ใบหน้าคมคร้ามแดงก่ำแสยะยิ้ม ดวงตาคมกริบเหมือนกับมีดโกนลุกโชนเป็นออกแดงอย่างน่ากลัวมองเรือนร่างโปร่งบางไล่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงใบหน้าขาวนวลสวย “คุณเรียกที่ทำมาหากินของผมว่าสกปรก และมองอาชีพสุจริตแบบนี้ว่าน่ารักเกียจ ผมว่าคนที่น่ารังเกียจน่าจะเป็นคุณมากกว่านะไพลิน”
เกล็ดแก้วสั่นเทิ้มไปทั้งร่างกับสายตาที่มองมาและคำพูดที่ออกจากปากหนา แต่ก็รีบเรียกสติที่มันกำลังจะแตกกระจายด้วยความโกรธให้กลับเข้าที่ ใบหน้าขาวสวยแบะออก ค่อยๆ ไล่มองร่างหนาใหญ่ด้วยหางตา ตั้งแต่ปลายเท้ายันศีรษะทุย พร้อมกับไหล่กว้างเชิดขึ้น
เอาซิ ในเมื่อปากร้ายมา เธอก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน “ทำไม ฉันน่ารังเกียจตรงไหน ฉันรึ...ทั้งสวยและก็รวย” มือเล็กยกขึ้นสะบัดปลายผมเล็กน้อย ศีรษะทุยเชิดขึ้นสูงและหันไปอีกด้าน “ใครๆ ก็อยากจะเข้าใกล้ ผิดกับนายที่วันๆ คงได้แต่ขลุกอยู่กับเจ้าสัตว์หน้าขนพวกนี้ จนหน้าตาและนิสัยชักจะเหมือนกันเข้าไปทุกทีแล้ว อย่างนายคงไม่มีใครอยากเอามาทำพ่อพันธุ์หรอก”
“อย่างผมนะหรือไม่มีใครเอาทำพันธุ์ เข้าใจผิดไปแล้วละคุณ บ้านผมนะมีผู้หญิงวิ่งเข้าออกแจกขนมจีบใส่ผมจนหัวบันไดบ้านไม่แห้งอยู่แล้ว และส่วนคุณ ใช่...ผมไม่เถียงว่าคุณนะทั้งสวย...” ธราเทพทอดเสียงยาว ดวงตาคมกริบมองเหมือนกับกำลังจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่หญิงสาวสวมใส่ออกไปพร้อมกับรอยยิ้มมีเลศนัย ทำเอาคนถูกมองถึงกับหน้าแดงระเรื่อด้วยความอายด้วยเพราะรับรู้ถึงความนัยของดวงตาคู่นั้น
“และรวย” ธราเทพเน้นคำพูดหนักๆ เหมือนกับดูถูกหยามหยัน “แล้วคุณก็ดูเหมือนว่าจะทะนงตัวในความสวยและรวยมากเหลือเกิน งั้นผมถามหน่อยนะว่า ไอ้ความร่ำรวยของคุณนั้นมาจากไหน ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อแม่ของคุณทำงานเก็บออมเอาไว้ให้คุณใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย แล้วไอ้คำพูดที่บอกว่าใครๆ ก็อยากเข้าใกล้ ถามจริงเถอะ...คุณไม่รู้สึกรู้สาหรือแบบว่า...” มือใหญ่ยกขึ้นถูขมับ ดวงตาก็กวาดมองไปตามเรือนกายโปร่งบางใหม่อย่างละเอียดและไตร่ตรอง
“อะไรยะ นายจะพูดอะไรกัน”
“ก็ไอ้ที่ผู้ชายเขาอยากเข้าใกล้คุณ ผมไม่เถียงว่าเขาคงชอบไอ้รูปร่างอวบอัดและเซ็กซี่ของคุณ แต่ผมว่านะ สำคัญอยู่ที่เงินมากกว่า ผู้ชายพวกนั้นคงจะเป็นประเภทที่ว่าอยากเป็นหนูตกถังข้าวสาร งานการไม่ต้องทำคอยแต่เดินตามชายกระโปรงผู้หญิง” ธราเทพแสร้งถอนหายใจอย่างหนักในอก “นี่ถามจริงๆ เถอะนะไพลิน คุณไม่เบื่อบ้างเลยหรือไง ที่วันๆ ก็ต้องคอยแบมือของเงินพ่อแม่ ตามท่านไปโน่นมานี่แล้วก็คอยฉีกยิ้มแจกคนโน้นทีคนนี้ที หรือไม่ก็เอาเวลาอันมีค่าและมีประโยชน์ไปทำเรื่องไร้สาระนะ”
“กรี๊ด...ไอ้กำนันปากเสีย ไอ้กำนันปากปีจอ ผีเจาะปากแกมาพูดหรือไงยะ หน็อยมาว่าฉัน ตัวเองนะดีนักหรือไง มันก็ครือๆ กันนั่นแหละ เพราะนายก็มัวแต่หมกตัวอยู่กับนังสัตว์ไร้สัญชาติพวกนั้นนะ เดี๋ยวเวลาแต่งงานเข้าจริงๆ เจ้าสาวก็คงจะไม่แคล้วเป็นไอ้พวกวัวควาย หรือนังหมูใกล้เข้าโรงเชือดแถวนี้นั้นแหละ” ใบหน้าสวยแดงระเรื่อสะบัดค้อนขวับๆ อย่างไม่กลัวคอจะเคล็ด
“ฮ่าฮ่า...” ธราเทพถึงกับหัวเราะเสียงดังลั่น ใบหน้าคมคร้ามเป็นสีแดงคล้ำ สองมือใหญ่ยกขึ้นกดกล้ามท้องไว้ให้หยุดเสียงหัวเราะ “คะ...คุณพูดผิดพูดใหม่ได้นะไพลิน ผมจะไปแต่งงานกับน้องวัวหรือน้องหมูได้ยังไงกัน ในเมื่อผมมีคุณเป็นเมียอยู่แล้วทั้งคนนะ” ชายหนุ่มตอกกลับด้วยน้ำเสียงขาดเป็นห้วงๆ เพราะมัวแต่กลั้นหัวเราะ
“กรี๊ด...ไอ้คนบ้า ใครเป็นเมียแกยะ แกจับฉันมาต่างหากละ คอยดูนะ ฉันหลุดออกไปจากที่นี่ได้เมื่อไหร่ จะเอาตำรวจมาลากคอแกเข้าคุก”
“อ๋อ...เหรอ...งั้นคุณคงต้องรอนานหน่อยละนะคุณภรรเมียสุดที่รักครับ เพราะกว่าที่คุณจะออกไปจากบ้านผมได้ ก็คงจะเป็นตอนนี้ที่ว่าคุณ...” สองมือใหญ่ซ้อนทับกันไว้แล้ววาดโค้งจากใต้ฐานอกไปถึงบริเวณสะเอว “แบบว่าตอนนั้นคุณคงจะมีเจ้าตัวน้อยอยู่ในท้องเป็นที่เรียบร้อยแล้วละ ว่าแต่พอถึงวันนั้นจริงๆ คุณกล้าที่จะไปแจ้งความจับผัวตัวเองเข้าคุกหรือจ๊ะคุณภรรเมียสุดที่รักคร้าบ...” ธราเทพลากเสียงยาวอย่างต้องการกวนประสาทเกล็ดแก้ว
เอาเป็นว่าตอนที่หญิงสาวอยู่ที่บ้าน เขาขอเปลี่ยนตัวเองเป็นพ่อคอยอบรมและสั่งสอนให้เกล็ดแก้วรู้จักคุณค่าของผู้อื่น แล้วก็หัดที่จะทำมาหากินซะบ้าง เริ่มแรกอืม...ให้ทำอะไรดีนะ อ๋อ...ถ้าเป็นไก่ไข่ดูจะไม่หนักเท่าไหร่ ถ้าเป็นน้องวัวที่พอได้กลิ่นคนแปลกหน้าก็จ้องแต่จะขวัดเอาก็คงหนักไป งั้นเอาน้องหมูแล้วกันกลางๆ ดี
เกล็ดแก้วมองดูศีรษะทุยขยับหงึกๆ แล้วก็เริ่มที่จะหนาวในอก ดูถ้าอีตากำนันเทพบ้านนอกนี่คงจะต้องหาเรื่องแกล้งอะไรเธออีกแล้วละมั้ง ไม่ได้การละ เท้าเล็กเริ่มที่จะก้าวถอยไปด้านหลังอย่างช้าๆ แต่ก็ขยับได้เพียงแค่สองสามก้าวเท่านั้นเอง มือใหญ่ก็คว้าแขนเรียวยาวและดึงเข้าหาตัว พร้อมกับรอยยิ้มมีเลศนัยที่ทำเอาหญิงสาวถึงกับขนลุกซู่ มือเล็กที่ว่างอยู่รีบแกะมือใหญ่ออกจากแขนอย่างรีบเร่ง
“จะรีบไปไหนละไพลิน มาอยู่บ้านผมแล้วก็หัดทำตัวให้มีประโยชน์หน่อยละกันคุณ ช่วยให้อาหารน้องหมูผมหน่อยละกันนะ”
“ห๊า...” ริมฝีปากอวบอิ่มอ้าค้าง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง มือเล็กที่พยายามจะแกะมือใหญ่ออกจากแขนเปลี่ยนเป็นยกขึ้นยันแผ่นอกกว้าง ศีรษะทุยได้รูปส่ายเบาๆ “นะ...นายว่าอะไรนะนายกำนัน นะ...นายจะให้ฉัน...” มือเล็กยกขึ้นชี้เข้าหาตัวเอง และถามเหมือนกับว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่นั้นเพราะหูฝาดไป
“นะ...นายจะให้ฉันทำอะไรนะ?”
“อ้าว...คุณ ให้ทำงานแค่นี้เล่นเป็นคนติดอ่างและหูฝาดไปเสียแล้ว แย่จริง...” ใบหน้าคมคร้ามโน้มลงไปและพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและทุ้มดัง “ผมก็แค่ต้องการให้คุณ...” สองมือใหญ่จับร่างโปร่งบางหันไปหาเล้าหมูที่ตอนนี้มีหมูตัวเล็กตัวใหญ่เนื้อตัวเปื้อนดินโคลนออกมายืนเรียงกันเป็นทิวแถวพร้อมส่งเสียงร้องเพื่อขออาหารเช้า
“ให้อาหารน้องหมูเท่านั้นเอง”
เกล็ดแก้วยืนอึ้งอยู่เป็นนานก่อนที่จะเรียกสติที่ถูกก่อนกวนให้กระเจิดกระเจิงกลับเข้าที่ได้ สองมือเล็กยกขึ้นเท้าสะเอว และผันร่างมาประจันหน้ากับธราเทพ พร้อมแสยะยิ้มให้อย่างไม่กลัวเกรง “เสียใจยะ คนอย่างฉัน...เกิดมาสวยและรวย ไม่จำเป็นต้องทำงานต่ำๆ แบบนี้ ถ้านายไม่อยากให้เจ้าพวกนั้น...” มือเล็กเรียวยกขึ้นชี้ไปยังหมูแต่ละตัวแล้วก็ต้องร้องยี้ออกมา พร้อมกับเรือนกายที่สั่นเทา ใบหน้าขาวสวยแบะออกและสายเบา
“แหวะ...สกปรกจะตาย ไม่รู้คลุกคลีกันเข้าไปได้ยังไง แต่ก็นั่นแหละมันก็พอๆ กับคนเลี้ยงละว้า...สกปรกเหมือนกัน” มือเล็กเรียวยกขึ้นบีบจมูกก่อนจะนึกได้ว่าเมื่อกี้พูดอะไรค้างเอาไว้ มือเล็กเรียวยกขึ้นชี้ใส่อกกว้าง “ถ้านายไม่อยากให้เจ้าพวกนั้นอดนะนายกำนันเทพ นายก็ต้องไปให้อาหารมันเอง ไม่ใช่ฉัน...” ปลายนิ้วยาวเรียวยื่นมาชี้ใส่ตัวเองและส่ายเบาๆ
“เข้าใจ๋”
“ไม่เข้าใจ”
“ห๊า...นายจะบ้าหรือเปล่านายกำนันเทพ ฉันพูดออกจะชัดเจนขนาดนั้น นายยังไม่เข้าใจ ถามจริงนายโง่หรือว่าแกล้งโงกันแน่”
“เปล่า...ผมไม่ได้โง่หรือว่าแกล้งโง่ หรือว่าไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น แต่คุณนั่นแหละที่ไม่เข้าใจ” สองมือใหญ่จับรั้งไหล่กว้างและบีบเบาๆ ไม่ให้ส่ายหนี “ไม่ว่าคุณจะมาอยู่ที่บ้านผมด้วยเหตุผลอะไรและมาได้ยังไง แต่เมื่อมาถึงที่นี่แล้วคุณก็ต้องทำตามคำสั่งของผม...”
เกล็ดแก้วไม่รอให้ธราเทพพูดจบก็รีบสวนกลับไปในทันที “ทำไม นายจะทำอะไรฉัน เชอะ...อย่างนายมันก็ดีแค่รังแกผู้หญิงนั้นแหละว้า...”
“ก็ผู้หญิงอย่างคุณมันน่ารังแกใช่หยอกนี่ไพลิน” ริมฝีปากหนาได้รูปฉกวูบลงบนเรียวปากนุ่มอิ่มเต็ม ปิดเสียงที่กำลังจะถกเถียงได้อย่างสนิท
เกล็ดแก้วถึงกับสั่นสะท้าน อุ้งปากเล็กเปิดอ้าออกกว้างให้ลิ้นสากระคายล่วงล้ำเข้าไปซอกซอนหาความหวานภายในโพรงปากเล็กอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่อย ปลายลิ้นเล็กๆ ที่ตอนแรกยื่นออกมาเพื่อขับไล่สิ่งบุกรุก กลับดุนดันและเกี่ยวกวัดตามติดลิ้นสากระคายล่วงล้ำเข้าไปในโพรงปากหนานุ่ม สองมือเล็กยกขึ้นจับแขนใหญ่และจิกปลายเล็บลงไปแรงๆ อย่างต้องการระบายความปั่นป่วนและซ่านสยิวที่เกิดขึ้นจากกึ่งกลางเรือนกายและค่อยๆ ลามเลียไปทั่วร่างอย่างรวดเร็ว
ธราเทพถอนจุมพิตออกอย่างเสียดาย ปลายนิ้วใหญ่ลากไล้ไปตามพวงแก้มสีชมพูปลั่งอย่างหลงใหล ไม่รู้ว่าการอยู่ที่นี่ของเกล็ดแก้วจะทำให้เขาสูญเสียหัวใจไปหรือเปล่า เพราะดูท่าเขาจะหลงใหลในรสสัมผัสหวานหนุ่มที่ได้รับอย่างถอนตัวถอนใจไม่ขึ้นเสียแล้ว
“ปล่อยฉันได้แล้วตาบ้า” สองมือเล็กยกขึ้นแกะมือใหญ่ออกจากไหล่ “ไหนนายอยากให้ฉันทำอะไรก็บอกมา แต่ถ้าทำไม่ได้ก็อย่ามากว่ากันนะ” เกล็ดแก้วตัดสินใจทำตามความต้องการของธราเทพ เพราะกลัวการลงโทษของชายหนุ่มจะพัดพาเอาหัวใจไปฝากกับหนุ่มบ้านนอกคนนี้
เพราะรู้ว่าเส้นทางข้างหน้าเธอและเขาจะไม่มีทางมาบรรจบกันได้ ถ้าเกิดมีความรักกันคงจะมีแต่ความเจ็บปวดและชอกช้ำเท่านั้นเอง เพราะเธอก็มีคนของเธออยู่แล้วถึงจะไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ก็ตามที ส่วนธราเทพเองก็คงจะมีคนของเขาอยู่แล้วเช่นกัน แต่พอคิดแบบนั้นแล้วเกล็ดแก้วก็รู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจตัวเองไหววูบลงไปแวบหนึ่งก่อนจะกลับมาเป็นปรกติจนได้แต่แปลกใจ
ร่างโปร่งบางเดินตามแรงลากจูงไปอย่างแปลกใจตัวเอง ปกติเธอไม่ใช่คนที่ยอมใครง่ายๆ เวลามีเรื่องกับใคร ถ้าเขาด่ามาเธอด่ากลับชนิดที่หนักกว่าและร้ายกว่าโดยไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน เคยแม้กระทั่งลงมือลงไม้กับคนที่มาว่าเธอไปแย่งแฟนเขาแล้วด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลยขนาดผู้ชายพูดจาโลมเลียมาเธอก็ตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้าเช่นกัน แต่กับผู้ชายตรงหน้า...เธอกลับด่าไม่ออก ทำร้ายไม่ลง และยังจะรู้สึกวาบหวิวและไหวหวั่นอยู่ลึกๆ ในอก
เสียงธราเทพกำลังอธิบายว่าเธอต้องทำอย่างไรบ้างกลับไม่เข้าหูเกล็ดแก้วแม้แต่เพียงนิดดวง ดวงตากลมโตได้แต่จับจ้องไปตามร่างแข็งแกร่งและบึกบึน
“คุณ...คุณ...”
“อะไร อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง หูฉันไม่ได้หนวกนะ ไม่ต้องเรียกเสียงดังขนาดนั้นก็ได้” หญิงสาวแหวใส่ พร้อมสะบัดค้อนให้ธราเทพหนึ่งที “ว่าแต่เรียกฉันซะเสียงดังจนหมูหมากาไก่แถวนี้ขี้หดตดหายกันไปหมดแล้ว ต้องการอะไรอีก ที่ทำให้อยู่นี่ไม่พอใจหรือไง” สองมือเล็กยกขึ้นเท้าสะเอว พร้อมสีหน้าเหนื่อยหน่ายและรำคาญ
“ผมเรียกคุณจนคอแทบแตกแล้วเพิ่งจะได้ยินหรือไง แล้วนี่เห็นไหมว่าต้องทำอะไรบ้าง มัวแต่ยืนเหม่อลอยคิดถึงผู้ชายคนไหนอีกละ มีผมเป็นสามีคนเดียวไม่พอหรือไง ถึงได้ไปคิดถึงผู้ชายคนอื่นอีกนะ”
เกล็ดแก้วมองหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เมื่อกี้ยังอารมณ์ดีพูดจาพร้อมรอยยิ้มอยู่เลย แต่พอมาตอนนี้ว่าถูกต่อแตนต่อยเอาตรงไหนสักแห่ง ถึงได้มีหน้าตาแดงคล้ำ ดวงตาที่มองมาก็เหมือนกับมีดโกนบาดไปตามเรือนกาย เห็นแล้วก็เหนื่อยทั้งกายและใจ นี่จะต้องรบรากับอีตาหนุ่มร่างใหญ่แต่ใจน้อยคนนี้อีกสักกี่เดือนกันนี่ เพราะดูแล้วว่าหนทางที่จะได้กลับบ้านเร็วๆ นั้นน้อยเต็มที
สองมือเล็กเรียวยกขึ้นกอดอก ใบหน้าเบ้ไปเบ้มาพร้อมทำเสียงจุ๊บจิ๊บ ดวงตาเหลือบขึ้นมองบนท้องฟ้า ซึ่งวันนี้อากาศดีเป็นพิเศษแต่คนที่อยู่ด้วยกลับทำให้อากาศบริเวณที่ยืนอยู่เริ่มจะเป็นพิษซะแล้ว “เกิดบ้าอะไรขึ้นมาอีกนายกำนันเทพ เลือดลมไม่ดีหรือไง”
“นี่คุณ” สองมือใหญ่ยกขึ้นกอดอก “ผมไม่ใช่ผู้หญิงวัยประจำเดือนหมดเหมือนคุณนะ จะได้เกิดอาการผีเข้าผีออกแบบนั้นนะ”
“อ้าว...แล้วใครมันจะไปรู้ละ” เกล็ดแก้วยังทำหน้าตาท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ และพูดต่อด้วยน้ำเสียงยิ้มๆ ดวงตาแวววาว “ก็เห็นอยู่ดีๆ นายก็ทำหน้าตาบึ้งตึงเหมือนจะกินฉันขึ้นมา ฉันก็นึกว่านายเป็นเหมือนพวกหญิงแก่ๆ ที่กำลังจะขึ้นคาน อารมณ์มันก็เลยไม่คงที่ขึ้นๆ ลงๆ ไม่คงที่”
ธราเทพรู้สึกเหนื่อยกับการที่ต้องมาถกเถียงกับสาวน้อยที่เถียงคำไม่ตกฟากเหมือนกับหลานสาวไม่มีผิด ใบหน้าคมคร้ามส่ายเบาๆ พร้อมกับถอนใจเฮือกใหญ่ สองมือใหญ่ยกขึ้นเท้าสะเอวและถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายปนรำคาญนิดๆ “นี่ถามจริงๆ เถอะไพลิน ไม่คิดจะยอมแพ้ผมบางเลยใช่ไหมนี่”
“ใช่” หญิงสาวตอบสวนกลับไปในทันทีอย่างไม่รีรอ “และความจริงคนสมควรจะยอมแพ้น่าจะเป็นนายนะนายกำนันเทพ เพราะนายเป็นผู้ชาย ในขณะที่ฉันเป็นผู้หญิง” มือเล็กยกขึ้นชี้เข้าหาตัวพร้อมกับที่นิ้วชี้ยกขึ้นส่ายเล็กน้อย
“ว่าแต่นายมีธุระอะไรกับฉันอีกมิทราบคะคุณกำนัน” เกล็ดแก้วถามอย่างเล่นลิ้นบ้าง พร้อมรอยยิ้มมีเลศนัยผุดขึ้นบนใบหน้าขาวสวย ในเมื่ออีตากำนันบ้านี่ต้องการให้อยู่ด้วยก็จะอยู่ แต่จะอยู่แบบไหนก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ที่มันพาไปแล้วกัน และเมื่อไหร่ที่มีโอกาสก็จะหนีทันที
“เห็นไหม ผมบอกผมอธิบายเสียจนปากเปียกปากแฉะ แต่คุณไม่ได้ฟังเลยสักนิด”
นิ้วเล็กเล็กๆ ยกขึ้นแหย่ช่องหู ลอยหน้าลอยตาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “มันก็ช่วยไม่ได้นิ ฉันลูกคุณหนูมีเงิน ไม่เคยต้องมาทำงานน่ารังเกียจ สกปรกและเหม็นๆ แบบนี้ ถ้านายอยากทำก็ทำเองซิ” เกล็ดแก้วหันหลังเดินกลับไปทางเดิม จำได้ว่าเมื่อครู่หลังจากที่เดินตามชายหนุ่มมาเพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็เห็นห้องเล็กๆ สร้างด้วยอิฐสีขาวก้อนใหญ่ มีการต่อสายไฟระโยงระยางไปทำให้คิดว่าน่าจะเป็นห้องที่ใช้ทำงาน และดูจากลักษณะท่าทางแล้วน่าจะมีของที่เธออยากได้ซุกซ่อนอยู่ด้วย
“ว้าย!! เฮ้ย!!” ไม่ทันที่จะได้ไปดังใจหวัง ร่างโปร่งบางจำต้องหยุดชะงักด้วยถูกแรงดึงจากด้านหลัง ดวงตากลมโตไล่มองสิ่งที่หยุดยั้งไม่ให้ไปแล้วยังจะถูกดึงให้เดินไปที่เล้าหมู “ปล่อยฉันนะนายกำนันบ้า จะพาฉันไปไหน ปล่อย...” เกล็ดแก้วรีบสะลัดและแกะมือใหญ่แต่ทำเท่าไหร่ก็แกะคีบเหล็กออกจากแขนไม่ได้ หญิงสาวนึกถึงวิธีสุดท้ายนั่นก็คือ...
ใบหน้าขาวสวยโน้มลงไปจนริมฝีปากอวบอิ่มกำลังจะได้ลิ้มรสผิวหนังสีแทนอยู่แล้ว แต่แล้วดวงตากลมโตก็ต้องเบิกกว้าง น้ำตาอุ่นร้อนเอ่อล้นคลอเบ้าด้วยความเจ็บแปลบที่ไล่ตั้งแต่ปลายคางมลซึ่งถูกคีบเหล็กบีบจนฟันกรามแทบจะหลุดออกจากเหงือก สองมือเล็กยกขึ้นทุบตีมือใหญ่ ปากก็พยายามที่จะส่งเสียงร้องบอกให้ชายหนุ่มได้รับรู้ แต่ดูเหมือนว่าธราเทพจะไม่สนใจความเจ็บปวดของเธอแม้แต่นิดเดียว
“คุณนี้มันร้ายจริงๆ ไพลิน งั้นเรามาลองดูกันซิว่าระหว่างผมกับคุณ ใครมันจะร้ายกว่ากัน” ชายหนุ่มพูดเสียงลอดไรฟันและยอมปล่อยมือจากคางมลเปลี่ยนเป็นบีบลากแขนเล็กเรียวและดึงเข้าไปในเล้าหมู เพียงแค่ร่างหนาใหญ่เปิดประตูเล้าและเดินเข้าไปได้เท่านั้นเองหมูสี่ห้าตัวที่นอนคลุกดินโคลนแฉะก็ส่งเสียงร้องและรีบวิ่งมาหาด้วยความหิวและคิดถึงชายหนุ่มทันที
“ว้าย!! กรี๊ด...เอามันออกไปนะตาบ้า กรี๊ด...” เกล็ดแก้วกรีดร้องเสียงดังลั่นพร้อมกับซอยเท้าถี่ๆ ด้วยความรักเกียจและขลาดกลัว เมื่อได้เห็นเจ้าสัตว์หน้าใหญ่ยักและยาว คางหย่อน ใบหูชี้โด่ พุงกระเพื่อมวิ่งถลาตรงมาเหมือนได้เจอของถูกใจ “กรี๊ด...”
ในขณะที่เจ้าหมูตัวเล็กและใหญ่เมื่อได้ยินเสียงแปลกปลอมกรีดร้องดังลั่นต่างก็ส่งเสียงร้องแข่งกันดังระงงและวิ่งวน บางตัวก็วิ่งเข้าหาร่างหนาใหญ่ บางตัวก็วิ่งหนีไปจนไปชนกันจนล้มกลิ้งหลุนๆ มากระแทกเท้าเรียวยาวทำเอาคนกำลังกรีดร้องแข่งกับสัตว์หน้าขนอยู่ถึงกับเซถลาไปข้างหนึ่ง ดีว่ามือเรียวแขนแข็งแกร่งยื่นมาโอบรอบสะเอวเอาไว้ได้ทัน แล้วคนที่ช่วยก็เกือบจะถลำไปด้านหน้าเพราะแรงกระแทกจากร่างโปร่งส่งเข้าหา
“โอ๊ย!! เจ็บนะคุณ” ธราเทพร้องเสียงดังลั่นเมื่อเท้าเล็กกดน้ำหนักลงไปบนเท้าใหญ่ทั้งสองข้าง และปลายนิ้วเล็กและแหลมคมก็จิกลงไปบนกล้ามเนื้อแขนและลากแรงๆ จนต้องรีบสะบัดแขนใหญ่ออกจากมือเล็ก เลยกลายเป็นว่าร่างโปร่งบางเสียหลักล้มลงบนดินโคลนสีดำแฉะๆ และยังกลิ้งหลุนๆ ไปเกือบจะชนกับเจ้าลูกหมูตัวเล็กที่นอนส่งเสียงร้องอู๊ดๆ อยู่ใกล้ๆ
“กรี๊ด...” เกล็ดแก้วส่งเสียงร้องดังลั่นขึ้นมาอีกครั้ง จนลูกหมูตัวเล็กที่นอนงงอยู่ส่งเสียร้องตามและรีบลุกขึ้นวิ่งไปหาธราเทพและหมูตัวอื่นๆ ที่ไปนอนหมอบอยู่แทบเท้าเจ้าของ ดวงตากลมโตตวัดมองไปยังร่างหนาใหญ่ที่ยืนเท้าสะเอวและเมื่อไล่ขึ้นก็เห็นกรามหนาพยายามขบเม้มเหมือนกำลังทำบังคับอะไรสักอย่าง แล้วก็กระจ่างแจ้งเมื่อ...ได้ยินเสียงชอบใจที่ดังมา
“ฮ่าฮ่า...” ธราเทพหัวเราะเสียงดังลั่น “เพิ่งจะรู้ว่านางฟ้าตกสวรรค์มีสภาพแบบนี้เอง ไม่ต่างจากชาวบ้านร้านตลาดเลยสักนิด แต่ดูท่าจะน่าเกลียดกว่าด้วยซ้ำนะนี่”
มือเล็กเรียวยกขึ้นปาดดินโคลนสกปรกออกจากใบหน้า พร้อมกับพยายามพยุงตัวเองขึ้นอย่างยากเย็น กลิ่นโคลนเหม็นที่ติดตามเรือนกาย ยังทำให้โกรธสู้เสียงหัวเราะที่ดังจากปากหนาไม่ได้ วงหน้าสวยแดงเป็นปื้นลามไปทั้งดวงหน้าตลอดไปจนถึงลำคอ และถ้าหากว่ามีควันไฟร้อนออกจากใบหูได้มันก็คงจะออกมาแล้ว
และยกขึ้นชี้หน้าคมคร้าม “หยุด...หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะคนบ้า ไอ้คนเฮงซวย ไอ้กำนันบ้านนอก...” สารพัดคำด่าที่เกล็ดแก้วพยายามสรรหามาสาดใส่ธราเทพ แต่ดูเหมือนว่าจะยิ่งสร้างความสนุกสานและพอใจให้กับชายหนุ่ม ด้วยเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นและถี่ขึ้นจนใบหน้าคมคร้ามที่เคยเป็นสีแทนเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ฉันบอกให้หยุดไม่ได้ยินหรือไงคนบ้า...” ดวงตากลมโตเป็นประกายสีแดงเหมือนกับมีเพลิงไฟประทุอยู่ภายใน ลมกายใจหอบแรงและเร็วจนเสื้อผ้าที่เปียกชื้นแนบไปกับลำตัวไหวกระเพื่อม สองมือเล็กยกกำหมัดแน่น
แต่แทนที่ธราเทพจะยอมหยุด ชายหนุ่มกลับยิ่งส่งเสียงหัวเราะดังมากขึ้น สองมือใหญ่ก้มลงไปช้อนเจ้าหมูตัวเล็กที่เพิ่งจะกำเนิดออกมาดูโลกได้ไม่นานมาอุ้มไว้ ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มรอยยิ้มกว้างเกือบจะถึงใบหู “ถ้าผมยังไม่หยุดหัวเราะ คุณจะทำอะไรผมละไพลิน” ชายหนุ่มเอ่ยถามพร้อมกับเสียงที่ออกมาเป็นห้วงด้วยพยายามข่มกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้อย่างสุดความสามารถ คิ้วคมเข้มข้างหนึ่งเลิกขึ้นสูงเป็นเครื่องหมายคำถาม
“ทำอะไรเหรอ...?” หญิงสาวถามเสียงเบา บนใบหน้าผุดรอยยิ้มมาดหมายและมีเลศนัย ปลายมือเล็กยกขึ้นปาดดินโคลนที่เปื้อนพร้อมกับเข่ามลที่ย่อลงเรื่อยๆ ทั้งที่ดวงตายังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างหนาใหญ่และเจ้าหมูตัวเล็กอ้วนอย่างเจ็บใจ จนมือเล็กเรียวข้างที่ว่างอยู่แตะเข้ากับดินโคลน เกล็ดแก้วข่มกลั้นความรังเกียจเอาไว้และขยำดินโคลนเละๆ เอาไว้จนเต็มมือและขยับตัวขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มหวานเชื่อมจนดวงตาเป็นประกาย
“นายถามว่า...ฉันจะทำอะไรนะหรือ ก็แบบนี้ไงคนบ้า...”
ความคิดเห็น