คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 เราสองคนบน...
ตอนที่ 1
เราสองคนบน...
เอ๊กอีเอ๊กเอ้กๆ
เสียงไก่ขันปลุกให้ชายหนุ่มร่างหนาใหญ่ตื่นจากนิทรารมย์ อากาศยามเช้าตรู่ช่วงเข้าสู่ฤดูปลายฝนต้นหนาวของชาวบ้านป่าบ้านไรเย็นฉ่ำชื่นใจโดยไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ มือใหญ่ควานหาคนที่อยู่ในอ้อมกอดเข้ามาแนบอก ธราเทพคิดถึงความรู้สึกของตัวเองแล้วก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ ขนาดว่าพาแม่ตัวดีเข้ามานอนบนเตียงแล้ว เขายังกลัวอยู่เลยว่าแม่ที่นอนหลับแล้วจะตื่นขึ้นมา โหย...ไม่อยากคิดเลยว่าจะเป็นยังไงถ้าแม่ตื่นขึ้นมาพบจริงๆ มีหวังไม่ได้หลับไม่ได้นอนทั้งคืนแน่
เห้อ...ไม่ใช่อะไรหรอก แต่ไม่อยากตอบคำถามเท่านั้นเอง เพราะแม่เป็นคนที่เข้าใจอะไรยากสักหน่อย กว่าที่แกจะรู้เรื่องจะต้องถามให้ได้ความตั้งแต่ต้นว่าเป็นมาอย่างไร แล้วเลยไปไหนต่อจนมาถึงปลายเรื่องราวนั่นคือ ทำไมเขาต้องพาเกล็ดแก้วมาอยู่ที่บ้านในฐานะภรรยาด้วย
ดวงตาคมกวาดมองไปทั่วใบหน้างาม สมองก็คิดประมวลเรื่องราวว่าจะอธิบายกับแม่ยังไงดีให้เข้าใจได้ง่ายที่สุด อีกทั้งก็ต้องเคลียร์กับผู้หญิงที่นอนอยู่ตรงหน้าด้วยว่าเอาตัวมาทำไม และจะต้องอยู่ที่นี่สักกี่วัน ในฐานะใด ถ้าเป็นน้องสาวอกหักหนีรักมาพักร้อนก็ได้นะ แต่ไม่รู้ทำไมใจถึงได้บอกว่าไม่ดี ให้เป็นเมียนั่นแหละดีแล้ว
คิดแล้วก็สนุกดีเหมือนกัน ได้เมียมาทั้งคนรูปร่างหน้าตาก็สวยดีใช่หยอก แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่อีกนั่นแหละว่าสาวเจ้าจะยินยอมหรือเปล่า แต่เห้อ...คนอย่างเขาจะไม่มีวิธีจัดการหรือไงกัน ในเมื่อเรื่องยากกว่านี้ก็ผ่านมาแล้ว แค่เรื่องหญิงไม่ยอมนี่น่าจะเล็กกว่านะ
สองแขนใหญ่สอดประสานใต้ท้ายทอย นึกถึงตอนที่ได้เห็นหน้าเกล็ดแก้วชัดๆ ครั้งแรกในงานเดินแฟชั่นโชว์แล้วใจหนุ่มที่ไม่เคยมองสาวใดก็ให้หวั่นไหวได้เหมือนกัน และยิ่งได้รับจุมพิตที่เจ้าของไม่ได้พอใจจะให้นั่นอีกก็ยิ่งทำให้หัวใจหนุ่มถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ คิดแล้วก็น่าขำตัวเองอายุสามสิบกว่าไปแล้วใช่ว่าจะเป็นเด็กวัยรุ่นอายุไม่ถึงยี่สิบเสียเมื่อไหร่ แต่กลับตื่นเต้นเหมือนเด็กประถมที่ต้องออกไปแสดงอะไรหน้าชั้นเป็นครั้งแรกและคนแรกเสียได้
ร่างหนาใหญ่ขยับจากการนอนหงายเป็นนอนตะแคงมองสาวน้อยที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงอย่างอิจฉานิดๆ สำหรับเขาเพียงแค่หูได้ยินเสียงไก่ขันเท่านั้นเองแม้จะนอนดึกเพียงใดก็รู้สึกตัวตื่นแล้ว แต่แม่สาวน้อยตรงหน้าดูจะยังคงอยู่ในนิทราอยู่ แต่ก็ดีมันทำให้เขาสามารถมองหญิงสาวได้อย่างเต็มๆ ตาอีกครั้ง
สาวสวยใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโตล้อมด้วยขนตายาวงอนจนอยากรู้ว่าถ้าเอาปากกาไปตั้งไว้จะหล่นหรือเปล่า จมูกเล็กแต่โด่งได้สันรับกับริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มและแดงระเรื่องอย่างคนมีสุขภาพดี ผิวพรรณก็ผุดผ่องเป็นยองใยเดินออกมาจากด้านหลังเวทีด้วยชุดสีราตรีสีขาวทั้งสวยและงามสง่า กริยาท่าทางก็คล่องแคล่วดูดี ใบหน้าที่ตกแต่งไว้อย่างดีเชิดขึ้นสูง มือเรียวยาวยกขึ้นเล็กน้อยโชว์สร้อยข้อมือที่ทำจากเพชรเม็ดงามยกขึ้นทาบบนอกอวบอิ่มสล้าง แล้วสะบัดหน้าหนีพอประมาณดูแล้วไม่น่าเกลียดใดๆ เลยสักนิด แต่กลับยิ่งมีเสน่ห์และเรียกร้องความสนใจจากหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่รอบเวทีได้เป็นอย่างดี
ต้องยอมรับจริงๆ ว่าหญิงสาวที่นอนอยู่เบื้องหน้าเขา ถ้าเปรียบเทียบความสวยเปรมมิกาแพ้หลุดลุ่ยทีเดียว สำหรับเปรมมิกานั้นผู้ชายมองผ่านเลยไปแล้วถึงค่อยย้อนกลับมามองใหม่ถึงจะได้เห็นความสวยงาม แต่สำหรับเกล็ดแก้วแล้ว ผู้ชายทุกคนจะต้องหยุดชะงักและตะลึงตาค้างเพียงแค่ครั้งแรกที่ได้เห็นใบหน้าของเธอ และจะต้องมอบหัวใจให้เพียงได้สบกับดวงตากลมโต อีกทั้งเกล็ดแก้วยังได้เปรียบเรื่องของฐานะทางบ้านอีกด้วย เพราะเธอคือลูกสาวคนเดียวของเจ้าของร้านเพชรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังจะมีธุรกิจหลายชนิด แล้วเขายังแว่วๆ ได้ยินข่าวมาก็คือ ในตอนนี้บิดาของหญิงสาวเปิดร้านเสื้อผ้าและเครื่องประดับแบนด์ดังให้ลูกสาวได้บริหารดูแล
ในขณะที่เปรมมิกาแม้จะเป็นน้องสาวของการัณย์ พิริยะสนิทชัยวงศ์ก็จริง แต่หาใช่ลูกสาวเมียหลวงไม่ แต่เป็นเมียน้อยลำดับที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ไม่มีทรัพย์สินมรดกพอที่จะสู้เกล็ดแก้วได้เลย เขาถึงไม่ได้แปลกใจมากสักเท่าไหร่ เมื่อได้รู้ข้อมูลทุกสิ่งจากปากเพื่อนรักถึงเรื่องน้องสาวโดนสลัดรัก แต่ถึงแม้เปรมมิกาจะไม่ใช่ทายาดสายตรงของพิริยะสนิทชัยวงศ์ แต่การัณย์กลับรักน้องสาวคนนี้มากกว่าญาติคนอื่นๆ เสียอีก เพราะความน่ารักบวกกับการเข้าอกเข้าใจพี่ชายนั่นแหละ แต่อย่าให้แม่โกรธขึ้นมาเชียวนะ พี่ชายก็เถอะแม่ด่าไม่ไว้หน้าเหมือนกัน
วงหน้าคมคร้ามเปื้อนยิ้ม ดวงตาแพรวพราวระยับ เมื่อคืนกว่าที่จะเดินทางมาถึงบ้านก็ได้ก็ดึกเอาการ อย่างแรกไม่ใช่เพราะการเดินทางที่ไกลมากมายหรอก แต่เพราะว่าแอบจอดรถข้างทางหากำไรจากแก้มนุ่มหอมนี่บ่อยๆ ต่างหากละ ไม่รู้ผู้หญิงอะไร ปากนิดจมูกหน่อยมันหน้าจับหน้าหอมเสียนี่กระไร ไอ้เขามันก็พวกร้างผู้หญิงมานาน ถึงจะมีมาวนเวียนแจกขนมจีบให้จนหัวบันไดบ้านไม่แห้ง แต่มันก็ไม่ใช่สเปกและก็คิดเป็นน้องเป็นนุ่งเสียละมากกว่า ก็เห็นกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก บางคนถึงกับเคยแก้ผ้าวิ่งเล่นและอาบน้ำคลองด้วยกันเมื่อตอนเด็กๆ ก็มี
มือใหญ่ยกขึ้นปิดปากกลั้นอาการหาวหวอดๆ ร้างลางานประจำไปเสียหลายวันไม่รู้วันนี้มีงานอะไรต้องทำหรือเปล่า ไม่รู้น้องวัวน้องควาย แม่อีหนูหมูและไก่ในเล้าจะเป็นยังไงบ้าง ก็เขาไปภูเก็ตเสียเกือบจะอาทิตย์
ใบหน้าคมคร้ามแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม คิดแล้วก็เหนื่อยแต่มันก็มีความสุขกับชีวิตที่เลือก ได้ทำเพื่อครอบครัวและคนในชุมชนที่ลำบากยากแค้นให้ได้อยู่กินอย่างไม่อัตคัดขัดสน พอมีเงินทองใช้จ่ายไม่ต้องเป็นหนีเป็นสิน ต้นไม่เท่าไหร่ แต่ดอกบานเบอะทบต้นเข้าไปอีก ไม่รู้กี่ปีถึงจะใช้คืนได้หมด แล้วพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดก็คอยแค่ขูดรีด พอไม่ได้ดังใจก็ด่าทอและป่าวประกาศเสียยกใหญ่ จะยึดที่ทำกินบ้าง ยึดที่นาบ้าง
คิดแล้วก็กลุ้มแทนลูกบ้านที่ต้องโดนทั้งพิษเศรษฐกิจที่ถึงคราวข้าวยากหมากแพง ผลผลิตที่ทำมาก็เสียหายถึงฤดูฝนก็ฝนตกจนน้ำท้วม พอแล้งก็แล้งจัดจนผลผลิตที่ปลูกไว้ยืนต้นตายก็มี
ธราเทพสะบัดความคิดเกี่ยวกับเรื่องไม่สบายใจออกแล้วรีบหันหน้าเข้าสู่เรื่องของตัวเอง เดี๋ยวตื่นนอนไปคงต้องขอให้แม่ต้มน้ำร้อนละลายกาแฟโดฟแล้วค่อยออกไปนา ปกติบ้านเขาทำนาปีละครั้ง แต่ด้วยปีนี้น้ำท่วมหนักข้าวที่ปลูกไว้เสียหายจนแทบไม่ได้ผลผลิตมาเลย ชาวบ้านจึงปรึกษาหารือกันจบลงที่ลองทำนาอีกครั้ง เขาไปเสียหลายวันไม่รู้ท้องไร่ท้องนาเป็นยังไงบ้าง ยังไงวันนี้หลังจากประชุมผู้ใหญ่บ้านแล้วคงจะต้องออกไปดูท้องไร่ท้องนาเสียหน่อย
คิดแล้วมันก็ให้หนักใจจำได้ว่าตอนยังเป็นเด็กเวลาที่เขาวิ่งตามพ่อและแม่ออกไปยังท้องทุ่งนานั้น เริ่มแรกของการทำนาข้าวก็คือใช้คันไถเทียมวัวหรือควายและใช้กำลังคนคอยพยุงและบังคับให้มันเดินไปข้างหน้า พร้อมกับคราดที่อยู่ด้านล่างก็ทำหน้าที่ไถพรวนดินให้ร่วนซุยก่อนที่จะใช้คราดเทียมวัวและควายราดซ้ำอีกครั้ง พอโตขึ้นมาอีกหน่อยก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเป็นการใช้รถไถแทน แต่ทั้งสองยุคสองสมัยยังใช้วิธีเดิมในการเก็บเกี่ยวนั่นคือ...
ใช้แกะและเคียวเก็บข้าว ถ้าเอ่ยถามเด็กสมัยนี้ว่ารู้จักแกะและเคียวเก็บข้าวไหม เชื่อได้เลยว่าเด็กทุกคนต้องส่ายศีรษะ ธราเทพส่ายศีรษะตอนเขายังเด็กเคยโดนแกะบาดมือเอาเสียหลายครั้ง ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาดู เหมือนกับร่องรอยของสิ่งเหล่านั้นยังติดตรึงอยู่ในความรู้สึก แล้วใบหน้าคมคร้ามก็หมองเศร้าลงเมื่อนึกถึงปัจจุบัน แม้จะทำใจยอมรับกับความเปลี่ยนแปลง แต่บางครั้งเขาก็รู้สึกว่ามันมาเร็วเหลือเกิน ออกไปท้องนาทีไรก็เห็นแต่ควายเหล็กตัวใหญ่ส่งเสียงดังลั่นทุ่ง กลิ่นดินกลิ่นโคลนแทบจะไม่มีให้ดม
ชายหนุ่มสะบัดศีรษะไล่เรื่องราววุ่นวายที่เข้ามาในสมองออกไป เมื่อร่างบอบบางที่ดูเหมือนว่าจะหนาวกับอากาศของบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ติดกับท้องทุ่งนา มือเรียวยาวควานหาผ้าห่มมาคลุมกาย แต่ดูท่าผ้าห่มผืนใหญ่คงจะคลายความหนาวให้ได้ไม่มากพอ แขนเรียวยาวจึงวาดมาตกตุบลงบนลำตัวแกร่ง อีกทั้งบดเบียดร่างกายนุ่มนิ่มปราศจากอาภรณ์มาแนบชิดกายใหญ่
ธราเทพถึงกับร้อนผ่าวไปตลอดตั้งแต่ใบหน้าจนถึงเรือนกายใหญ่ที่ได้อิงแอบแนบชิดกับเรือนกายโปร่งบาง ผิวกายสาวทั้งเนียนเหมือนกับผิวกายเด็กแรกเกิดและหอมกรุ่น ลมหายใจหนุ่มหอบเร็วและแรงขึ้นเมื่อสองกายเกิดการเสียดสีด้วยกายโปร่งบางหายใจรวยรินรดลำแขนใหญ่ และบางส่วนของกายสาวที่เสียดสีกับแขนใหญ่ สีข้าง และขาแข็งแกร่ง
โอ๊ย!! แม่คุณเล่นหายใจรดต้นคอกันแบบนี้ถ้าผมลักหลับคุณมาคุณจะทำไงห๊า...โอยอยากจะบ้าตาย เกิดมายังไม่เคยลักหลับใครสักคนเลย ที่เคยมีอะไรกันก็ล้วนแล้วแต่สมยอมทั้งสิ้น นี่เขาจะมาเสียคนก็ตอนนี้หรือไงกัน ท่องไว้ซิไอ้เทพยุบหนอ พองหนอ แต่โอ๊ย!! มันขาวหนอ และนุ่มหนอ
“ย่าจ๋าลุงกำนันกลับมาแล้วจ๊ะ”
แว่วเสียงยัยลูกปัดหลานสาวตัวดีที่ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่หกตะโกนร้องบอกมารดาเสียงดังลั่นราวกับเสียงลำโพงงานวัด พร้อมกับเสียงเคาะประตูห้องเขาดังปังๆ ปากก็ร้องตะโกนเรียกให้เขาเปิดประตูตามอารมณ์เด็กที่ล่วงเข้าสู่วัยรุ่น ทำให้ธราเทพคอยคลายความรู้สึกแปลบปลาบในตัวไปได้บ้าง
ศีรษะทุยส่ายน้อยๆ เด็กวัยนี้ยิ่งดุยิ่งด่าก็เหมือนกับยิ่งทำให้อารมณ์รุนแรงขึ้น บางครั้งเถียงกับนางแก้วตาจนท่านเกือบจะเป็นลม เพราะเถียงไม่ชนะปากนกกระจิบนกกระจอกที่ร้องจิ๊บๆ ได้ตลอดเวลา แล้วไหนจะยังมีเสียงแหลมเล็กเหมือนนกหวีด ร้อนถึงเขาที่จะต้องเป็นกรรมการห้ามทัพเสียทุกครั้งไป
แต่ก็ยังดีที่ลูกปัดยังเชื่อฟังคำสั่งของเขาบ้าง ไม่งั้นก็คงคุมไม่อยู่ ยิ่งโตเป็นวัยรุ่น หน้าตาก็ดูดีผิดพ่อผิดแม่ที่รูปร่างเตี้ยล่ำและเจ้าเนื้อ ในขณะที่ลูกปัดยิ่งโตก็ยิ่งสูง คงจะเป็นเพราะอาหารการกินที่มีประโยชน์และได้ออกกำลังกายเป็นประจำด้วยละ เลยทำให้ผิวพรรณอิ่มเอิบสุขภาพสมบูรณ์และแข็งแรง
“แล้วเอ็งรู้ได้ไงนังปัดว่าลุงเขากลับมาแล้ว”
เสียงแม่เอ่ยถามและถ้าเดาไม่ผิดก็ต้องเดินไปที่ประตูแล้วมองตามือยัยลูกปัด ก่อนจะต้องมองหาว่าเขาซื้อของอะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง ถ้ามีก็จะบ่นต่อไปว่าข้าวของแพงจะตายไม่รู้ซื้อมาทำไมเปลืองเงินเปลืองทองเปล่าๆ สู้มาหาซื้อบ้านเราได้ช่วยลูกบ้านและได้ของถูกกว่ากันอีกเป็นกอง แต่ถ้าไม่ซื้อมาก็บ่นไปอีกอย่าง ไปเที่ยวทั้งทีไม่มีละที่จะซื้อขนมนมเนยมาฝากหลานหรือคนที่บ้าน ตกลงไม่ว่าไปไหนซื้อของติดไม้ติดมือหรือไม่ข้าก็เท่ากัน โดนบ่นทั้งขึ้นทั้งล่อง
“โหย...ย่าก็ นั่นไงรถที่ลุงกำนันขับไปจอดอยู่ใต้ถุนบ้านนะ เห็นไหม มีตาซะเปล่าแต่ไม่มองเลยย่านิ” ลูกปัดตอกกลับผู้เป็นย่า พร้อมกับส่งค้อนขวับๆ อย่างไม่กลัวคอจะหัก
ใบหน้าเหี่ยวเต็มไปด้วยริ้วรอยและกระด่างกระดำจากการทำงานหนักทั้งที่อายุยังไม่มากเท่าไหร่เลยเพียงแค่ห้าสิบต้นๆ เท่านั้นเองคงนั่งทำหน้าตาบึ้งตึงและส่งค้อนขวับๆ ราวกับสาวน้อยวัยแรกแรกรุ่นอย่างไม่กลัวว่าคอจะเคล็ด
“เออ...ข้ามีตา แต่ตาข้านะมันแก่แล้ว มันเลยมองไม่เห็นไงนังหว้า ข้าไม่เหมือนเอ็งนี่ ดูนั่นดูโน่นดูนี่ได้ตลอดเวลา ไม่รู้เดือนนี้ข้าจะต้องเสียข้าไฟอีกสักกี่บาท เอ็งแล่นดูทั้งโทรทัศน์ ฟังเพลง แล้วยังเข้าไปเล่นคอมลุงเขาอีก เดี๋ยวเถอะเอ็งเอ้ย ข้อมูลที่ลุงกำนันเขาทำไว้หายหมด เขาตะตีหัวกะบานแกแยก ข้าไม่ช่วยนะโว้ย” นางแก้วตารีบบอกก่อนที่จะต้องกลายเป็นคนกลางระหว่างลุงและหลานตัวยุ่งอีกที่ทุ่มเถียงกันได้ตลอดเวลา
“โหย...ไรนะย่า ใจดำ ช่วยหลานแค่นี้ก็ไม่ได้ แล้วบ่นอะไรอีกละ ยังกับว่าย่าจ่ายค่าไฟเองยังงั้นแหละ หนูเห็นลุงกำนันจ่ายประจำ ย่านะดีแต่ใช้และใช้ กับบ่นและบ่น ไม่รู้เมื่อไหร่จะเลิกบ่นเสียที” คราวนี้ถึงทีแม่ตัวดีเด็กหญิงปานธิดาหรือลูกปัดเป็นคนค้อนบ้าง ใบหน้ากลมป้อมขยับจากฝั่งหนึ่งไปเชิดสูงอยู่อีกฝั่งหนึ่งอย่างไม่กลัวคอจะหัก
สองย่าหลานเถียงกันไปมาเสียงดังลั่นบ้าน แค่นั้นยังไม่พอยัยลูกปัดตัวดีก็เริ่มเคาะประตูห้องและร้องเรียกเขาใหม่อีกครั้งพร้อมกับเสียงบ่นระรอกใหญ่ ทำอย่างกับตัวไม่ได้เป็นเด็กหญิงอายุเพียงแค่สิบสองปี แต่เป็นหญิงแก่คราวแม่
“แกจะเคาะให้มันได้อะไรขึ้นมานังปัด ลุงเขาเหนื่อยเขาอยากนอนพักมั่งซิวะ นังนี่ชักเอาใหญ่ เดี๋ยวๆ ลุงกำนันตื่นขึ้นมาว๊ากเอ็งข้าไม่ช่วยนะโว้ย”
“ทำอย่างกับลุงกำนันนอนกินบ้านกินเมืองเหมือนกับน้าพรอย่างนั้นแหละ กว่าจะตื่นได้แต่ละวันหนูเห็นตะวันแยงก้นแล้ว” ลูกปัดเถียงคอเป็นเอ็น
ลุงกำนันถือตัวเองว่าเป็นชาวนาคนหนึ่ง ที่แม้จะนอนดึกสักแค่ไหนก็ยังตื่นเช้าเป็นอาจิณ ในขณะที่น้าพรฉวีน้องสาวคนเล็กถือตัวว่าเป็นลูกสาวที่ย่ารักด้วยความสวยระดับนางงามจากเวทีนางสงกรานต์ประจำอำเภอ เอาแต่นอนและหาเรื่องอู้งาน ใช้ให้ทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็มักจะบอกว่าเดี๋ยวเล็บหักบ้าง เดี๋ยวตัวดำผิวไม่ผ่องจะกลายเป็นคนไม่สวยบ้าง เลยอยู่แต่ในห้องปะหน้าทาแป้งเสียจนขาววอกเหมือนกับลิงกัง
“พูดมากไปแล้วนะนังปัดเดี๋ยวน้าพรก็มาด่าแกเอาหรอก”
“ย่านั่นแหละดีแต่เข้าข้างน้าพร คอยดูนะพ่อมาหนูจะฟ้องซะให้เข็ดเลย มีเงินทีไรน้าพรของละให้ทุกที แต่ทีหนูขอละไม่เคยให้” ร่างอ้วนป้อมจากที่เคยนั่งบนพื้นไม้ลุกขึ้นยืน สองมือเล็กยกขึ้นเท้าสะเอว สองเท้าอ้าออกกว้างอย่างไม่ยอมแพ้คนเป็นย่า แม้จะรู้แก่ใจดีว่าถึงบิดามาเมื่อไหร่ก็ไม่เคยหรอกที่จะสนใจใครอื่นนอกจากตัวเอง กับอ้อนของเงินจากแก้วตาเพื่อไปซื้อยามากิน
“ก็ลองดูซิว่า ถ้าแกกล้าฟ้องข้าก็จะฟ้องกลับเหมือนกันว่าแกนะเอาแต่แต่งตัวสวยๆ ดูแต่ทีวี เล่นเกมส์ในคอมไม่ยอมอ่านหนังสือ”
เสียงทุ่มเถียงกันดังลั่นบ้านของสองย่าหลานที่ไม่ใครยอมแพ้ใครดังลั่นบ้าน ปลุกร่างโปร่งบางให้ค่อยขยับกายพลิกนอนหงาย แต่ลมหายใจที่ออกยังคงสม่ำเสมอ และแขนเรียวยาวยังคงพาดอยู่กลางลำตัวใหญ่ แล้วคงจะเป็นเพราะผิดแผกแปลกที่ทำให้เกล็ดแก้วค่อยกระพริบตาตื่นขึ้นมาอย่างงงๆ มือเล็กเรียวยกขึ้นจับศีรษะที่ปวดจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ลำคอแห้งผากเหมือนกับไม่ได้ทานน้ำมาหลายวัน ลมหายใจแผ่วเบา คิ้วคมเข้มขมวดมุ่น ก่อนดวงตากลมโตจะเบิกกว้างเมื่อคิดถึงเหตุการณ์แปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
ดวงตากลมโตเบิกกว้างมองเพดานห้องที่ไม่คุ้นเคย เมื่อเริ่มเรียงลำดับเหตุการณ์ได้ อีกทั้งสภาพของสถานที่ซึ่งกำลังนอนอยู่นี้เธอเองก็ไม่คุ้นเคย ตอนที่อยู่ภูเก็ตพักโรงแรมระดับห้าดาว เพียงแค่เพดานห้องก็วาดลวดลายประดับประดาอย่างสวยงาม แต่เพดานห้องที่นอนอยู่แสงจากด้านนอกส่องให้เห็นรำไรว่าเป็นเป็นโครงไม้ธรรมดาและมีหลอดไฟสีขาวขุ่นติดอยู่ตรงกลาง เกล็ดแก้วเบนสายตามองไปยังอีกฝั่งแต่ก็เห็นเพียงแค่ฝ่าผนังห้องเป็นสีน้ำตาลเข้มขึ้นเงาและภาพถ่ายที่จัดวางแขวนไว้อย่างสวยงาม
ใบหน้าคมค่อยหันมองมาอีกด้าน เรียวปากนุ่มอิ่มเต็มเผยจะอ้าออกส่งเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจ แต่ก็ไม่ทันเมื่อมือใหญ่เคลื่อนมาปิดไว้เสียก่อน และไม่เพียงแค่นั้นร่างหนาใหญ่ยังขยับขึ้นมาทาบทับ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หัวใจเต้นแรงเร็ว ปลายมือปลายเท้าเย็นเฉียบ สองมือรีบยกขึ้นประทุษร้าย ทั้งผลักทั้งดัน ทุบตีจิกข่วนก็แล้วแต่ดูเหมือนชายหนุ่มร่างใหญ่จะไม่สะทกสะท้านกลับยังยิ้มเฉย และรีบจับมือเล็กเรียวตรึงไว้เหนือศีรษะ
“อรุณสวัสดิ์ตอนเช้าๆ ครับเมียสุดที่รัก” ธราเทพทักทายอย่างสนิทสนม และยังพูดน้ำเสียงยิ้มๆ ดวงตาคมสบกับดวงตากลมโตที่เป็นประกายไม่แน่ใจว่าจะเอายังไงกับเขาดี จะสู้หรือยอมรับฟัง “ห้ามส่งเสียงร้องนะถ้าไม่อยากถูกผมปั๊มๆ ตอนเช้าๆ แบบนี้ เรี่ยวแรงกำลังผมยังดี ไม่ใช่อะไรหรอกผมกลัวคุณจะลุกจากที่นอนไม่ได้นะครับ”
มือใหญ่ลากไล้ไปตามเรือนกายบอบบางและวางแปะลงบนสองเนินทรวงสล้าง “ถ้าคุณร้องนะครับ ผมจะแบบว่า...ขยำๆ ตรงนี้แรงๆ พอเป็นรอย แล้วรอให้แม่และคนอื่นๆ ในบ้านผมเข้ามาเห็นคุณนอนแก้ผ้าอยู่บนเตียง ส่วนผมก็รีบวิ่งไปยืนตัวสั่นอยู่แถวๆ ข้างตู้ผ้า พวกเขาไม่คิดอะไรมากหรอกครับ...”
ธราเทพคิดว่ายังไงเสียสิ้นคำพูดของเกล็ดแก้วก็ต้องร้องเสียงดังลั่นห้องแน่ๆ เลยเตรียมตัวรับสถานการณ์ไว้ก่อน ในเมื่อมือหนึ่งไม่ว่างจับแขนเรียวตรึงไว้เหนือศีรษะ อีกมือก็อยู่ตรงเนินอกอวบอิ่มและนุ่มนิ่มอย่าบอกใครเชียวละ ทีนี้ก็เหลือเพียงแค่ปากเท่านั้นเอง “แค่คิดว่าคุณเป็นลูกสาวบ้านไหนหนอ ชั่งใจกล้าเสียจริงปีนเข้าหาหนุ่มถึงห้อง...”
“กะ...”
ริมฝีปากหนาอุ่นร้อนประทับลงบนเรียวปากนุ่มอิ่มเต็มอย่างทันท่วงที ก่อนที่เสียงร้องแหลมเล็กจะได้ออกจากเรียวปากหนานุ่ม
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง สองมือพยายามบิดรั้งดึงออกจากมือใหญ่ ลำตัวส่ายไปมาเหมือนงูเลื้อยเสียดสีกับแผงอกกว้าง “อื้อ...อื้อ...”
ธราเทพกดจุมพิตแรกๆ ก็ด้วยเพราะต้องการเพียงแค่ปิดปากนุ่มเท่านั้นเอง แต่เมื่อได้สัมผัสถึงความหวานนุ่มและหอมยั่วยวนใจก็ให้เตลิดไปอย่างรวดเร็ว จุมพิตแข็งกระด้างแปลเปลี่ยนเป็นหวานนุ่มและเชิญชวนอีกทั้งยังเรียกร้องให้ตอบสนอง ปลายลิ้นสากระคายลากไล้ไปตามเรียวปากและสอดแทรกเข้าไปภายในโพรงปากนุ่มอบอุ่น มือใหญ่เริ่มขยับแผ่วเบาและนุ่มนวลวนเวียนจากปทุมถันอวบอิ่มข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง
ถึงแม้จะเป็นสาวสมัยใหม่ที่การกอดจูบและจูบปากกันเป็นเรื่องธรรมดาแต่เมื่อถูกจู่โจมจากใครก็ไม่รู้ และจุมพิตหวานนุ่มและเร่าร้อนก็ทำให้เกล็ดแก้วถึงกับตัวสั่น กล้าๆ กลัวๆ ที่จะตอบสนอง แต่เพราะอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้าอย่างชำนาญและนุ่มนวลก็ทำให้สาวน้อยถึงกับเคลิบเคลิ้มเหมือนล่องลอยอยู่ในความฝัน ปลายลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดเข้ากับปลายลิ้นใหญ่ เรือนกายโปร่งบางขยับเข้าหาอย่างเว้าวอน
“อืม...จูบคนกรุงมันหอมหวานแบบนี้นี่เอง โอ๊ย!! โชคดีจริงโว้ยที่ไอ้หนุ่มบ้านนอกอย่างผมได้จูบลูกสาวคนมีกะตังค์กับเขาด้วย” ธราเทพอดแขวะไม่ได้ เพราะเพียงแค่เข้าถึงเนื้อถึงตัวเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง เกล็ดแก้วก็พร้อมที่จะร้อนไปด้วย มิหน่าละเปรมมิกาถึงได้แพ้ เพราะแม่น้องสาวเขาจะหัวสมัยใหม่แต่ก็ยังรักงวนสงวนตัว ไม่ยอมมีอะไรกับผู้ชายก่อนที่จะทำพิธีให้ถูกต้องทั้งทางกฎหมายและศาสนา มันเลยไม่ถูกใจถึงใจไอ้หนุ่มหน้ามนลูกชายคุณหญิงคุณนาย
“แก...แก...ไอ้บ้า ไอ้คนห้าร้อย ไอ้หมาข้างถนน แกเป็นใคร แล้วที่นี่ที่ไหน?”
“อ้าว...!! คุณเมียสุดที่รักจ๋าตื่นมาก็พูดจาหมาไม่รับประทานแบบนี้แล้วจะอยู่กันยืดได้ไงกัน เป็นเมียนะมันต้องหัดพูดจาหวานๆ กับผัวมั่งซิคู้น...” ธราเทพเอ่ยถามน้ำเสียงติดหัวเราะและเล่นลิ้น จากเริ่มแรกซ่อนแววกังวลอยู่ในอก แม่สาวหน้าใสคนนี้จะมีนิสัยเป็นยังไงบ้าง จะน่ารักเหมือนกับรูปหน้าหรือเปล่า แต่การปรากฏว่าตรงกันข้ามทีเดียว เพราะเธอชั่งปากร้าย ด่าเก่ง แล้วก็ยังจะเล็บคมอีกต่างหาก เผลอเพียงแค่นิดไอ้เล็บแหลมคมก็จิกลากแรงๆ ไปบนแขนจนเป็นรอยแดง
“ใครเป็นสามี ใครเป็นภรรยายะ พูดให้ดีนะ ก่อนที่ฉันจะเอาเลือดหัวแกออก แล้วก็รีบถอยออกไปจากตัวฉันได้แล้วไอ้บ้า...” เกล็ดแก้วด่ากราดเป็นชุดใหญ่ สองมือก็รีบผลักร่างหนาใหญ่ให้ห่างกาย แล้วต้องรีบตะครุบผ้าเนื้อหน้ามาปิดกายเมื่อเห็นว่าร่างกายนั้นเปลือยเปล่าไม่มีผ้าสวมใส่อยู่แม้เพียงชิ้นเดียว ปากอวบอิ่มอ้าออกกำลังจะส่งเสียงกรีดร้อง
“ถ้าร้องอีกคราวนี้ผมไม่แน่ใจนะคุณเมียที่รักว่าจะเพียงแค่จับๆ ต้องๆ หรือว่าจะเลยเถิดไปไกล” ใบหน้าคมพูดด้วยรอยยิ้มกริ่ม กวาดสายตามองร่างโปร่งบางไล่ตั้งแต่ใบหน้าขาวเนียนที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงสดแต่ไม่ใช่เพราะความอายแต่เป็นเพราะโกรธจนอยากจะฆ่าเขาเสียละมากกว่า
“แก...ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้บ้า อย่าให้ถึงทีฉันก็แล้วกัน แม่ไม่เอาไว้ทำพันธุ์หรอก” เกล็ดแก้วฝากคำอาฆาตไว้ มือเล็กเรียวยกขึ้นเช็ดริมฝีปากลบร่องรอยที่ถูกประทับไว้ออกให้หมด แต่ตายังคอยหาโอกาสที่จะประทุษร้ายและหนีเอาตัวรอดจากจากร่างหนาใหญ่
“โอ๊ะโอ่...โธ่คุณเมียสุดที่รักจ๋า ไมใจร้ายกับผัวนักละจ๊ะ เพิ่งจะแต่งงานกันหยกๆ จะตัดของผัวทิ้งเสียแล้วหรือจ๊ะ อย่างนี้คุณเมียที่รักจ๋าจะไม่ใจดำกับผัวไปหน่อยหรือไร อย่างนี้ผัวก็ชีช้ำซิ” ธราเทพรู้สึกสนุกที่จะต่อปากต่อคำกับเกล็ดแก้ว มือที่ว่างก็ลากไล้ไปตามเรือนร่างหอมนุ่ม ผู้หญิงกรุงเทพฯนี่ใช้อะไรดูแลตัวกันนะ ทำไมถึงได้หอมและน่ากอดน่าฟัดขนาดนี้ ผิดกับผู้หญิงบ้านนอกเป็นลิบเลย ขนาดว่าเนื้อตัวแม่เขาที่ว่าหอมแล้วนะยังสู้ไม่ได้เลย
“ใครไอ้บ้า...ใครเป็นภรรยาของแกฮ่ะ”
“ก็คุณเมียสุดที่รักไง จำไม่ได้หรือว่าเราเพิ่งหนีจากพ่อแม่เมียมาจดทะเบียนกัน แล้วก็พากันหนีมา แต่คุณเมียที่รักดันประสบอุบัติเหตุต้องไปนอนโรงพยาบาลเป็นนานเลย ผัวก็เทียวไปเทียวมาคอยดูแลไม่ห่างกาย แต่ไม่นึกว่าคุณเมียที่รักจะจำผัวไม่ได้ โถๆ...อย่างนี้มันน่าน้อยใจนัก” ธราเทพแอบหัวเราะตัวเอง ไม่คิดว่าจะสามารถปั้นเรื่องโกหกได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้
เกล็ดแก้วอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้าง อย่าไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ แกโกหก เมื่อวานฉันยังอยู่ที่งานแสดงเครื่องประดับอยู่เลย แล้วก็ถูกแกจับมา...ใช่...แกจับฉันมา แกต้องการอะไรกันแน่ไอ้บ้า ไอ้ห้าร้อย หรือว่า...แก...แกจะเป็นโจรเรียกฆ่าไถ่ ใช่...แกต้องเป็นโจรแน่นอนเลย”
ธราเทพส่ายศีรษะ ทำสีหน้าเบื่อๆ “อาการบ้าของเมียยังไม่หายดีอีกหรือจ๊ะ ทำไมถึงจำเรื่องของเราไม่ได้ จำได้แต่ไอ้เรื่องไร้สาระไปวัน จำไม่ได้จริงๆ หรือไง ที่เมียเคยพาปิ่นโตไปส่งที่นาแล้วยังป้อนข้าวให้อีกด้วยนะ” และเมื่อโกหกครั้งแรกไปแล้ว การโกหกครั้งต่อๆ ไปก็ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากเสียอีก แล้วก็ไม่คิดว่าไอ้ละครหลังข่าวที่เคยคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ทำให้คนติดตามอย่างน่ารำคาญที่แม่กับยัยลูกปัดเปิดดูจะช่วยได้เยอะเหมือนกัน
“นั่นแน่” มือใหญ่ยกขึ้นบีบปลายจมูกโด่งงอน “เมียจำไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ เห้อ...แต่ก็ชั่งเถอะ เดี๋ยวที่รักอยู่ไปก็จำได้เองแหละ ว่าแต่ตอนนี้ผัวขอลุกขึ้นไปหากาแฟกินก่อนนะ เช้าๆ แบบนี้กินอะไรไม่ลงเอาเสียเลย แต่...” ร่างหนาใหญ่ขยับลุกขึ้นนั่งและช้อนเอาร่างโปร่งบางติดมือมาด้วย
“แต่...ถ้าคุณเมียสุดที่รักป้อนนะ ผัวกินได้หมดแหละ” เห้อ...ไอ้เทพนะไอ้เทพ แกนี่มันหัวไวเหมือนกับหัวลิงแล้ววะ แรกเริ่มก็แค่ครึ้มๆ ตอนนี้ไงถึงได้ปั้นเรื่องเก่งนักว่ะ ดูซิแม่สาวกรุงเทพฯหน้าใสตะลึงงั้นอ้าปากค้างจนแมลงหวี่แมลงวันแทบจะบินเข้าไปทำรังได้อยู่แล้ว เสียดายอย่างเดียวถ้าได้มาเป็นเมียจริงๆ ก็ดีนะซิ ได้ยินเสียงพูดหวานๆ เรียกว่าพี่เทพคะ พี่เทพขา มันก็กระชุ่มกระชวยหัวใจใช่เล่นเลยนะนี่
แต่ก็นั่นแหละ มันคงเป็นได้เพียงแค่ช่วงแรกๆ เท่านั้นเองแหละ ช่วงที่เขาเรียกว่าน้ำต้มผักยังว่าหวาน แต่พอนานไปไอ้ความรักและความหวานที่มีลดน้อยถอยลงจนในที่สุดก็ไม่เหลือเลย แล้วทีนี้และต่างก็จะงัดเอาแต่สิ่งที่ไม่ดีของอีกคนมาด่าประจานให้ชาวบ้านชาวช่องได้รู้
“แหวะ...ถ้าฉันเป็นอย่างที่นายพูดนะ พระอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วละ สาวน้อยแสนสวยลูกสาวนักธุรกิจใหญ่ กินและใช้ของดีล้วนแล้วแต่แบรนด์ดังจากต่างประเทศ มีหรือที่จะมาเป็นเมียไอ้โจรห้าร้อยอย่างนาย พูดผิดพูดใหม่ได้นะไอ้บ้า” สองมือเรียวพยายามยกขึ้นยันอกกว้าง แต่ก็เหมือนกับแกล้งที่ร่างหนาใหญ่กลับไม่ยอมขยับเขยื่อนแม้แต่น้อยนิด อีกทั้งยังทิ้งน้ำหนักตัวลงมาจนหายใจหายคอแทบไม่ออก
“ถอยไปนะไอ้บ้า ฉันหายใจไม่ออกแล้ว”
“หืม...ถ้าอยากให้ผัวถอย เมียก็พูดเพราะๆ หน่อยซิ แบบว่าอย่างนี้นะ...” มือใหญ่ยกขึ้นลูบปากแผลบๆ อย่างเสแสร้ง เพราะดวงตาคมกริบคู่นั้นส่องประกายระยิบระยับอย่างสนุกสนาน “ผัวจ๋า เมียหายใจไม่ออกแล้ว ผัวช่วยคลายแขนกอดน้องหน่อยนะจ๊ะ แล้วเดี๋ยวน้องจะจุ๊บหวานๆ ให้เป็นรางวัล”
“กะ...”
น้ำเสียงแหลมเล็กไม่ทันได้ออกจากเรียวปากอวบอิ่มก็พอดีกับที่ปากหนาใหญ่กดทับลงมาอย่างรวดเร็ว อย่างกับเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว ริมฝีปากหนาอุ่นร้อนขบเม้มริมฝีปากหนานุ่มอิ่มเต็ม มือใหญ่รีบจับแขนเรียวยาวตรึงไว้เหนือศีรษะก่อนที่จะถูกแม่เสือสาวใช้สิบเล็บลากไปบนส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ปวดแสบปวดร้อน ขาแข็งแกร่งทาบทับไปบนขาเรียวยาว
ใบหน้าขาวรีบส่ายหนีริมฝีปากหนาร้อนที่กดทับอยู่ อีกทั้งมือใหญ่ที่ลากไล้ไปทั่วเรือนกายไม่ว่าแตะต้องที่ไหนก็ทิ้งความร้อนผ่าวไว้ให้ กายโปร่งบางสั่นสะท้านด้วยไม่เคยเจอกับพายุอารมณ์ร้อนแรงเหมือนกับไฟที่มันกำลังลุกไหม้ ทรวงอกอวบอิ่มสะท้อนขึ้นและลงตามแรงหายใจหอบแรงเร็ว ขาเรียวยาวพยายามขยับหนีและหาโอกาสทำร้ายกายใหญ่ แต่กลับไม่มีแม้แต่โอกาสและยิ่งทำให้สองร่างแนบชิดไปทั่วสรรพางค์
กายแกร่งเสียดสีกับเรือนกายบอบบางให้ไฟปรารถนาเริ่มลุกโชน มือใหญ่ลากไล้ไปตามผิวกายเนียนนุ่มและหอมด้วยผิวเนื้อนางและเครื่องประทินผิวอย่างดี แต่ทว่าเสียงดังลั่นจากสองย่าหลานที่ยังถกเถียงกันไม่จบด้านนอกก็ทำให้อารมณ์ปรารถนาที่มีลดหายไปเป็นครึ่ง ขาแข็งแกร่งแทรกไปพำนักระหว่างลำขาเรียวยาว ริมฝีปากอุ่นร้อนทาบทับไปบนใบหน้าเนียนหอมกรุ่น
ริมฝีปากหนาร้อนลากไล้ขบเม้มไปทั่วใบหน้า แล้วกระซิบข้างใบหูนุ่มน้ำเสียงแหบพร่า อีกทั้งกายใหญ่ที่พยายามหักห้ามใจกับความหอมกรุ่นและนุ่มนิ่มอยู่ใต้ร่างก็สั่นสะท้านจนแทบจะหักห้ามใจและกายแทบไม่ไหว “ห้ามร้องอีกนะคุณ ขืนร้องอีกครั้งคราวนี้รับรองได้ เรื่องของเราไปไกลกู่ไม่กลับแน่คนสวย”
เสียงที่กระซิบยังเหมือนกับดังอยู่ใกล้ๆ หู ริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้มเข้าหากัน เรือนกายโปร่งบางสั่นเทา ในสมองคิดเพียงแค่ว่ายังซะก็ต้องรักษาตัวเองไม่ให้ถูกย่ำยีเสียก่อน ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นค่อยว่ากันทีหลัง ดูท่าทางไอ้โจรห้าร้อยนี่ก็ไม่ได้เลวร้ายเสียทั้งหมด ยังมีส่วนดีอยู่บ้าง ส่วนที่ถูกลวนลามไปบ้างนั้นก็ถือเสียว่าทำบุญทำทานไป แต่อย่าให้มีโอกาสนะแม่ไม่เอาไว้เหมือนกัน และเมื่อคิดได้อย่างนั้นใบหน้าสวยก็รีบพยักรับ แต่ด้วยเพราะเห็นว่าภายในห้องยังคงมืดแสงสว่างจากด้านนอกส่องมาเพียงรำไร
“ได้...ได้ฉันไม่ร้องก็ได้ แต่นายก็ช่วยขยับไปไกลๆ หน่อยซิ”
“งั้นก็ได้” ธราเทพเองก็รับปาก ด้วยเพราะตอนนี้อากาศก็เริ่มสว่างขึ้นมาแล้ว ถ้ามีคนรู้ว่าเขากลับมาบ้านแล้วอีกประเดี๋ยวก็คงมีคนแวะเวียนมาถามไถ่ถึงสาเหตุการเดินทางไปภูเก็ตอย่างกะทันหันจนไม่ทันได้บอกข่าวกับคนอื่นๆ ที่มักจะฝากซื่อโน้นซื้อนี่เป็นประจำ เพราะข้าวของบางอย่างมีคุณภาพดีและราคาถูกกว่าที่นำมาขายตามตลาดแถวบ้านเป็นครึ่ง
ร่างหนาใหญ่รีบก้าวลงจากเตียงนอนแล้วเดินไปหยิบผ้าขาวม้าที่พับไว้อย่างเรียบร้อยในตู้ผ้าออกมานุ่งกันอุจาดตา แล้วก็หยิบผ้าขนหนูผืนขนาดกลางที่มีนำไปยื่นให้กับเกล็ดแก้วได้ใช้ไปก่อน แต่เมื่อคลี่ดูแล้วปรากฏว่าผ้าผืนนั้นเล็กมาไม่น่าจะใช้ได้ จึงได้หยิบเอาผ้าขาวม้าอีกผืนไปส่งให้แทน
“อะไร?”
“ผ้าขาวม้าไงคุณเมียสุดที่รักครับ หรือว่าคุณเมียสุดที่รักจะนั่งแก้ผ้ายั่วใจผัวอยู่แบบนี้ ถึงเมียไม่อายผีสางเทวดาที่เฝ้าดูแลปกป้องบ้านอยู่ แต่ผัวอายนะ”
มือเรียวรับผ้าขาวม้ามาอย่างกระแทกกระทั้น แต่เมื่อนึกไว้ว่าอาจจะมีพวกเชื้อโรคหรือสิ่งสกปรกติดอยู่ก็รีบปล่อยลงไปแล้วใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้หยิบขึ้นดมดอม จมูกโด่งคมขยับดมเบาๆ จนมั่นใจได้ว่าผ้าสะอาดแล้วถึงได้ยอมจับอย่างเต็มไม้เต็มมือ
“ไม่ต้องกลัวหรอกครับคุณเมียจ๋า ผัวซักเองกับมือโดยมีเมียคนสวยคอยกำกับมีหรือจ๊ะที่จะไม่หอมนะ” คิ้วคมเข้มข้างหนึ่งเลิกขึ้นพร้อมกับกลั้นหัวเราะจนหน้าแดง แล้วก็ได้รับค้อนวงโตเป็นรางวัล “เอาน่าคุณเมียสุดที่รักก็อย่าเรื่องมากไปเลย รีบลุกจากเตียงดีกว่า เดี๋ยวต้องออกไปช่วยผัวทำงานนะ”
“อะไรนะ ไหน...ไหนนายพูดใหม่ซิ ฉัน...” มือเรียวยกขึ้นชี้เข้าหาตัว “ฉันนี่หรือจะต้องไปช่วยนายทำงาน เสียใจยะ ฉันไม่ไปหรอก เดี๋ยวมือนิ่มๆ ของฉันก็ด้านหมด ผิวขาวผ่องเป็นยองใยก็พลอยเสียดำคล้ำไปด้วย ที่บ้านนายท่าทางแดดจะแรง ดูซิแค่เพิ่งตื่นนอนมาก็ทำเอาฉันเหงื่อตกแล้ว” มือเล็กยกขึ้นโบกสะบัดเบาๆ ให้รู้ว่าตอนนี้ร้อนแล้วนะ ทั้งที่ความจริงแล้วอากาศที่ได้รับทำให้รู้สึกสบายเนื้อสบายตัวและทำให้สดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เกล็ดแก้วเลือกที่จะพูดตรงข้ามกับความจริงเสียงั้น
“ใช่ซิคุณเมียที่รักจ๋า ถ้าคุณภรรเมียไม่ไปช่วยผัวแล้วใครจะช่วยละ” ร่างหนาใหญ่เดินไปหยุดหน้าประตูผ้าแล้วคิ้วเข้มก็ขมวดมุ่น สองมือยกขึ้นเท้าสะเอว เขาจัดการทุกอย่างไว้เกือบจะเรียบร้อยสมบูรณ์แล้ว แต่ดันลืมเรื่องสำคัญไปเสียสนิทเลย คือเสื้อผ้าของเกล็ดแก้ว ใบหน้าคมหันกลับมาหาหญิงสาวอีกครั้ง
“มีอะไร?” และเหมือนกับเกล็ดแก้วเองก็รู้ว่าต้องยังมีเรื่องไม่ชอบมาพากลเพิ่มขึ้นอีกแล้ว คิ้วเข้มขมวดมุ่นเข้าหันจนเป็นโบว์ “ฉันถามว่ามีอะไร” มือเรียวพยายามที่จะนำเอาผ้าขาวม้าผืนใหญ่พันรอบตัวเองและผูกปมไว้ไม่ให้หลุด แต่ด้วยความที่เคยก็เลยทำให้ตอนนี้ร่างเกือบกลายเป็นมันมี่
“เมียจ๋า ผัวไม่ได้เอาเสื้อผ้าเมียกลับมาด้วย เมียใส่เสื้อผ้าผัวไปก่อนได้ไหม?”
“เห็นไหมฉันบอกแล้วว่านายต้องโกหก ถ้าฉันเป็นภรรยานายจริงๆ นายก็ต้องมีเสื้อผ้าและข้าวของฉันติดห้องไว้บ้าง แต่นี่ไม่มีเลยสักชิ้น นายบอกความจริงมาดีกว่าว่าจับตัวฉันมาทำไม ต้องการอะไร...? จะเอาเงินใช่ไหม เท่าไหร่ละเดี๋ยวฉันจะให้พ่อโอนมาให้ แล้วนายก็รีบส่งฉันกลับบ้าน” เกล็ดแก้วพูดยาวอย่างไม่ยอมให้ชายหนุ่มที่ยืนหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ตรงหน้าได้ปฏิเสธ
“โธ่คุณภรรเมียจ๋า ก็บอกแล้วว่าเราหนีตามกันมา แล้วที่รักก็เกิดอุบัติเหตุ สงสัยคงเป็นตอนนั้นแน่เลยที่กระเป๋าเสื้อผ้าเมียหล่นไปจากรถ โถๆ...ไอ้เทพนะไอ้เทพ ไม่ได้ดูเลย แล้วทีนี้เมียจะใส่อะไรละ” มือใหญ่ยกขึ้นเกาศีรษะแรงๆ สมองก็คิดดูว่าร่างสูงโปร่งเอวบางร่างน้อยแต่ส่วนนั้นมันนูนใหญ่จะใส่เสื้อผ้าของใครได้บ้างก่อนที่เขาจะต้องเป็นเจ้าภาพไปซื้อหามาให้
จะเอาแม่หรือก็ไม่ได้ เพราะแม่เป็นหญิงร่างเล็ก จะเอาของแม่ยัยลูกปัดก็ยังไม่ได้อีกเพราะแม่เด็กหญิงก็ร่างเล็กเหมือนกัน ก็คงจะเหลือเพียงแค่พรฉวี แต่ว่าของน้องสาวเท่าที่กะดูเกล็ดแก้วแล้วน่าจะใส่ไม่ได้อยู่ดี แต่ก็คงจะแก้ขัดไปได้บ้างละกัน แต่ไงตอนนี้ระหว่างที่พาออกไปหาแม่คงต้องให้ใส่เสื้อผ้าของเขาไปก่อน
มือใหญ่เปิดประตูควานหาเสื้อผ้าที่ตัวเล็กที่สุดมาส่งให้หญิงสาวได้ใส่ไปก่อน “เอาน่าคุณภรรเมียจ๋า ผัวรับรองความสะอาดจ๊ะ” ด้วยความที่รู้ว่าเกล็ดแก้วจะต้องมีปัญหาอีกแน่นอน ธราเทพเลยบอกไปเสียก่อนพร้อมรอยยิ้ม “รีบๆ ใส่นะจะได้ออกไปหาแม่กัน ป่านนี้คงรอรับลูกสะใภ้แย่แล้ว”
เกล็ดแก้วฮึดฮัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเสียเปรียบไปเสียทุกทาง แค่แรกเริ่มก็ทำเอาเธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว ถ้าขืนยังถูกล่วงเกินอยู่แบบนี้ ถึงไม่ได้รักแต่มันก็มีโอกาสที่จะเลยเถิดไปจนกู่ไม่กลับ แล้วเมื่อนั้นเธอนั่นแหละที่จะต้องมานั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่า แล้วอีกอย่างการได้เจอคนอื่นในบ้านหลังนี้คงจะเป็นเกราะกำบังไม่ให้ถูกผู้ชายตรงหน้าทำร้ายและเอาเปรียบได้ อีกทั้งอาจเป็นหนทางให้กลับบ้านได้อีกด้วย
ร่างโปร่งบางรีบก้าวลงจากเตียงและสวมใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่อย่างทุลักทุเล เพราะมือหนึ่งมัวแต่จะจับผ้าข้าวม้า อีกมือก็พยายามดึงรั้งและสวมใส่เสื้อผ้า กว่าที่จะสำเร็จได้ทำเอาเหงื่อตก มือเรียวยกขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าแล้วหันไปหาหนุ่มร่างใหญ่ที่ยืนเอาหลังอิงขอบหน้าต่างและมองมาด้วยสายตารื่นเริง
“ฉันเสร็จแล้ว ทีนี้นายก็พาไปหาแม่นายได้แล้ว”
“ยัง”
“ยังมีเรื่องอะไรอีกละ”
“ก็ไม่ใช่อะไรหรอก ก็การพูดจาของคุณภรรเมียนั่นแหละ”
“ทำไมฉันจะพูดแบบนี้นายจะทำไม มีปัญหาหรือไง?”
ธราเทพถึงกับส่ายศีรษะ หน้าตาก็สวยดีอยู่หรอกนะ แต่การพูดจากลับไม่ไพเราะเพราะพริ้มเหมือนกับหน้าตาเลยสักนิด น่าเสียดายจริงๆ “เปล่าหรอก แค่สงสัยว่าเมียน่าจะลืมชื่อผัวสุดที่รักด้วยนะ เลยอยากบอกเอาไว้หน่อย ผัวชื่อเทพนะจ๊ะคุณเมียที่รักจ๋า ส่วนคุณภรรเมียก็ชื่อไพลินจ้า”
ธราเทพถือโอกาสตั้งชื่อใหม่ให้หญิงสาว เพราะไม่ต้องการใช้ชื่อจริงของเธอ เดี๋ยวจะทำให้คนอื่นๆ สงสัย เพราะถึงที่หมู่บ้านแห่งนี้จะอยู่ไกลความเจริญไปสักหน่อย แต่ก็อาจมีใครสักคนที่บ้าเรื่องดาราซื้อหานิตยสารที่หญิงสาวถ่ายไปแล้วประติดประต่อเรื่องราวได้ เขากับครอบครัวนั่นแหละที่จะเดือดร้อน
“ใครบอกนายยะ ฉันชื่อเกล็ดแก้ว และยังไม่เคยแต่งงานไม่เคยมีสามียะ นายอย่ามาตู่ แค่เมื่อกี้ฉันก็เปลืองเนื้อเปลืองตัวจะแย่อยู่แล้ว กลับไปถึงบ้านคงต้องใช้แฮลกอฮอล์เป็นถังอาบล้างคราบสกปรกที่ติดตัวอยู่ยังไม่รู้ว่าจะออกหมดหรือเปล่า”
ศีรษะทุยได้รูปส่ายไปมาเบาๆ ยอมแพ้กับการเถียงคำไม่ตกฝากของหญิงสาวที่เหมือนกับยัยลูกปัดไม่มีผิด “งั้นก็แล้วแต่คุณเมียที่รักจะคิดละกัน ไงผัวก็รับได้ซาเหมอจ๊ะ” ธราเทพตอบอย่างเล่นลิ้น ไม่รู้ซิเขาชอบมองไอ้หน้าขาวๆ นั่นแดงขึ้น แล้วก็ดวงตาเป็นประกายแวววาวเหมือนกับลูกแก้ว เวลาโกรธก็เหมือนกับเปล่งประกายหลายๆ สีให้นึกถึงสายรุ้งที่มักจะเกิดหลังฝนตกอยู่บ่อยครั้ง
**********************************
ความคิดเห็น