ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC Reborn] ซื่อบื้อ (Hibari x oc)

    ลำดับตอนที่ #4 : ซื่อบื้อ|02

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 66


    ซื่อบื้อ
    #wattpad #fanfiction ❝    what good do you see in a bar?    ❞             ❝    i saw you    ❞


    อุตส่าห์ได้เจอคนที่น่าสนใจสักที มีหรือที่ฮิบาริ เคียวยะ จะปล่อยให้หลุดรอดไปได้  เขาจัดการสั่งให้รองหัวหน้ากรรมการคุมกฏอย่างคุซาคาเบะไปหาข้อมูลของเธอมา ใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถหามาได้ ซึ่งก็น่าจะรู้ว่าไม่ใช่การขอมาดีๆแต่เป็นการไปขู่เอาเอกสารข้อมูลนักเรียน มาจากอาจารย์ฝ่ายห้องทะเบียน

    "รู้สึกว่าเธอคนนี้ จะเป็นคนที่สอบเข้าได้100คะแนนเต็มครับ แถมตอนสอบกลางภาคก็ได้คะแนนสูงสุดของสายชั้นอีกด้วย" เจ้าของทรงผมแบบรีเจนท์อธิบายเพิ่มเติม ในขณะที่ผู้เป็นหัวหน้ากำลังไล่สายตาไปบนกระดาษ
     "ในส่วนของเรื่องความประพฤติ เธอเป็นคนที่ประวัติดีมาก ไม่เคยทำผิดระเบียบเลยสักครั้ง ไม่เคยมาโรงเรียนสาย ส่งงานครบตรงเวลา แล้วก็---" คุซาคาเบะหยุดพูดทันที เมื่อคนบนโต๊ะยกมือขึ้นมาเป็นเชิงให้พอได้แล้ว

     
    ฮิบาริ เคียวยะวางกระดาษลงบนโต๊ะ ที่คุซาคาเบะพูดก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะจากที่เห็นตอนประชุมเมื่อวาน เธอแต่งตัวถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า ดูท่าทางเป็นเด็กเรียน จนไม่คิดว่าจะไปเอาท่อนเหล็กฟาดพวกนักเลงตัวใหญ่จนสลบได้ คงต้องเรียกมาคุยกันหน่อยแล้ว... ฮิบาริคิดในใจ..



    [ห้อง 1-A]

    คาบวิชาประวัติศาสตร์นั้น เป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก สำหรับเหล่านักเรียนทั้งหลาย นั่นรวมไปถึงสึบากิ ยูกะด้วย แต่อย่างน้อยเธอก็ยังนั่งหลังตรง ตั้งใจจดสรุปเนื้อหาตามที่ครูสอน ไม่ได้ไหลไปกองกับโต๊ะเรียนแบบคนอื่นๆ
    "เอาล่ะ...เดี๋ยวครูจะให้พวกเธอจับกลุ่มกัน..กลุ่มละ4-5คนนะ ไปเลือกหัวข้อมาแล้วสัปดาห์หน้าจะให้มานำเสนอ" พออาจารย์พูดเสร็จ เขาก็เดินออกไป...

    ขออาจารย์ทำคนเดียวดีมั้ยนะ?

    การจับกลุ่มนั้น...ถือเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจเอามากๆ สำหรับสึบากิ เพราะเธอเป็นคนที่คุยไม่เก่ง ทำให้หา กลุ่มอยู่ไม่ค่อยได้  "นี่ๆ ยังไม่มีกลุ่มใช่มั้ย" เด็กสาวหันไปตามเสียงเรียก พบผู้ชายคนหนึ่ง เขาเป็นคนที่ค่อนข้างสูงเพราะเล่นกีฬา ผิวคล้ำนิดๆจากการตากแดด บนใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม...เท่าที่จำได้ เขาน่าจะเป็นนักกีฬาดาวเด่นที่ชื่อ....
    ยามาโมโตะ ทาเคชิ
    พอนึกชื่อออก สึบากิก็พยักหน้าให้ อีกฝ่ายเห็นดังนั้นจึงยิ้มกว้าง "พอดีเลย! กลุ่มเราขาดอีกหนึ่งคนน่ะ มาอยู่ด้วยกันมั้ย?" เขาถาม เด็กสาวคิดอยู่สักครู่หนึ่ง ถึงจะไม่รู้ว่ากลุ่มของเขามีใครบ้างก็เถอะ แต่ก็ดีกว่าไปหากลุ่มอยู่เองล่ะนะ.... สุดท้ายเธอก็พยักหน้าอีกรอบเป็นการตกลง และเดินตามคนที่ชื่อยามาโมโตะไป

    "พวกนาย! ฉันหาสมาชิกเพิ่มได้แล้วล่ะ" ยามาโมโตะตะโกนเรียกคนในกลุ่ม ร่างบางลองชะเง้อมองดู จึงได้รู้ว่า กลุ่มนี้มีสมาชิกอยู่แล้ว2คน รวมยามาโมโตะเป็น3 เพิ่มเธออีกคนก็เป็น4...

    "นี่แกพาใครมาน่ะห้ะ! เจ้าบ้าเบสบอล" เสียงที่ฟังดูหงุดหงิดดังขึ้น เขาคือนักเรียนที่ย้ายมาจากอิตาลี เป็นคนที่มีนิสัยไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่...รู้สึกว่าจะชื่อ โกคุเดระ ฮายาโตะ "ไม่เอาโกคุเดระคุง ยังไงซะกลุ่มเราก็จะได้มีคนครบซักที" 
    สมาชิกอีกคนที่ดูเหยาะแหยะมากๆ คนคนนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จัก ซาวาดะ สึนะโยชิ เจ้าของฉายาว่า เจ้าห่วยสึนะ เป็นคนที่ไม่เอาไหนเลยซักนิด หน้าตาก็ธรรมดา กีฬาก็ไม่ดี เรียนก็ไม่ได้เรื่อง เพื่อนพากันดูถูก ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง...ล่าสุดก็ทำไปทำเรื่องงามหน้าเอาไว้ โดยการแก้ผ้าสารภาพรักกับดาวโรงเรียนอย่าง ซาซางาวะ เคียวโกะ

    ...ขนาดคนห่วยขนาดนี้ยังมีเพื่อนตั้งสองคน แล้วดูเธอสิ....

    "เข้าใจแล้วครับ รุ่นที่สิบ...นี่หล่อน!" โกคุเดระพูดตอบ ก่อนจะหันมาตะคอกใส่เธอ "ถ้าหากทำงานไม่ดีล่ะก็...จะระเบิดทิ้งซะเลย" คำพูดขู่ที่ดูเบียวเอามากๆทำให้สึบากิขมวดคิ้ว แล้วรุ่นที่10นั่นมันคืออะไร แถมเธอยังเห็นระเบิดไดนาไมต์ในกระเป๋ากางเกงของเขาด้วย ใช่ของจริงหรือเปล่านะ ถ้าใช่..แล้วทำไมครูไม่ว่าอะไรเลยล่ะ 

    "ไม่ต้องห่วงหรอก เธอสอบกลางภาคได้คะแนนสูงสุดของสายชั้นด้วยนะ " ยามาโมโตะเอาแขนมาคล้องคอเด็กสาว ทำให้เจ้าตัวขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิม นี่สนิทกันหรือไง...ถึงได้มาเรียนกอดคอแบบนี้น่ะ "ส..สูงสุดของสายชั้น! สุดยอดเลย" เจ้าของทรงผมฟูฟ่องเหมือนสิงโตพูดขึ้น ดวงตาสีน้ำตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง "ชิ! ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลย" อีกคนหนึ่งจิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด อย่างที่โกคุเดระทำเนี่ย...เขาเรียกว่าอิจฉาหรือเปล่านะ

    "ว่าแต่...เรายังไม่รู้ชื่อของเธอเลยนะ"  สึนะ..จะขอเรียกแบบนี้ก็แล้วกัน สึนะหันมาถามเด็กสาว เพราะปกติเธอไม่ค่อยคุยกับใครเลย คนถูกถามเงยหน้ามองสักครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากตอบ "สึบากิ ยูกะ" เธอตอบ แต่อีกฝ่ายกลับเอามือป้องหู พร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ "เอ๊ะ..อะไรนะ ฉันไม่ได้ยินเลย" และนั่นก็ทำให้เด็กหญิงค่อนข้างจะไม่พอใจ เพราะการพูดเสียงดังๆเป็นอะไรที่เธอเกลียดมาก 
    สึบากิสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังกว่าเดิมเล็กน้อย "ชื่อ สึบากิ ยูกะ" พูดจบเพียงเท่านี้...เธอก็ก้มหน้างุดพร้อมกับใบหูที่เป็นสีแดงจางๆ น่าอายจัง...

    "ฮะฮะ สึบากิจังสินะ ยินดีที่ได้รู้จัก...เธอนี่ขี้อายจังน้า" ฝ่ามือหนาของยามาโมโตะวางบนหัวของเธออย่างเนียนๆ แถมยังโยกไปมาอีกต่างหาก ตอนนี้สึบากิเริ่มจะไม่แน่ใจแล้ว ว่าเธอคิดถูกหรือเปล่า ที่มารวมกลุ่มกับคนพวกนี้ "งั้น เราไปกินข้าวกันดีมั้ย จะได้คุยเรื่องงานด้--" เสียงของสึนะขาดไป เมื่อจู่ๆทั้งห้องก็พากันเงียบกริบ "สึบากิ ยูกะ...ตามผมไปที่ห้องกรรมการคุมกฎด้วย" หัวหน้ากรรมการคุมกฎโผล่มาพูดเพียงเท่านี้ แล้วก็เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงเสียงซุบซิบเท่านั้น

    ส่วนคนที่โดนเรียกนั้น ก็ได้แต่ยืนค้างในท่าถือกล่องข้าวไว้ในมือ น่าแปลกใจนิดนึงที่เธอยังคงหน้านิ่งได้ ถึงแม้ว่าจะพึ่งถูกคนที่เรียกได้ว่า น่ากลัวที่สุดในโรงเรียน—ไม่สิ น่ากลัวที่สุดในนามิโมริเรียกตัวไป "เฮ้อ..." สึบากิวางข้าวกล่องลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป เดี๋ยวค่อยกลับมากินก็ได้ ถึงจะไม่รู้ว่าถูกเรียกไปเรื่องอะไรก็เถอะ
    ห้องกรรมการคุมกฎนี่....ห้องรับแขกสินะ เด็กหญิงคิดในใจ เธอพอจะจำได้อยู่ ตอนที่ประชุมเมื่อวานนี้ คณะกรรมการคุมกฎได้ใช้ห้องรับแขก เพราะงั้นเธอคงต้องรีบไป

    พอเดินมาถึงหน้าห้อง ก็เจอกับฮิบาริ เคียวยะ กำลังยืนรออยู่ สึบากิเดินเข้าไปหา และโค้งหัวให้เล็กน้อยเป็นการทักทาย อีกฝ่ายก็ไม่ได้ตอบกลับอะไร "เข้าไปนั่งรอในห้องก่อน ผมต้องไปเดินตรวจโรงเรียน" เขาพูดเพียงเท่านี้และเดินจากไป ปล่อยให้เด็กสาวยืนประมวลผลอย่างงงๆ เมื่อกี้เขาบอกให้ไปนั่งรอก่อนใช่มั้ยนะ... เมื่อนึกขึ้นได้ เธอก็เปิดประตูเข้าห้องแล้วเดินไปนั่งตรงโซฟา
    แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้กินข้าวเนี่ย... 
    กว่าจะรออีกคนกลับมา กว่าจะคุยเสร็จ ก็คงหมดเวลาพักกันพอดี ตอนนี้เธอก็เริ่มหิวแล้วด้วยสิ...

    [สักพักผ่านไป....]

    แกร๊ก!... 

    เสียงประตูเปิดดังขึ้น ทำให้สึบากิต้องหันไปมอง แล้วก็ต้องแปลกใจ เพราะคนที่เข้ามานั่นคือ... "โอ้โห! ที่โรงเรียนมีห้องหรูๆแบบนี้ด้วยหรอเนี่ย—หืม.." ยามาโมโตะเดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะสังเกตุเห็นเด็กสาวที่นั่งอยู่บนโซฟา เขามีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย "อ๊ะ! สึ..สึบากิจังนี่นา ขอเรียกแบบนี้ได้มั้ย" สึนะที่เดินตามมาจากทางด้านหลังร้องขึ้น และเมื่อเห็นว่าเธอพยักหน้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก "เห้ย! ที่นี่เป็นฐานบัญชาการของท่านรุ่นที่10นะ หล่อนน่ะ..ออกไปซะ ไม่งั้นเละแน่" ไม่พูดเปล่า โกคุเดระก็ทำการหยิบระเบิดไดนาไมต์ ที่ไม่รู้ว่าจุดได้อย่างไรมาถือเต็มมือ ถึงสึบากิจะค่อนข้างตกใจก็เถอะ แต่หน้าของเธอมันไม่แสดงอาการอะไรออกมาเลย

    "ฉันออกไปไม่ได้หรอก...รุ่นพี่บอกให้รอน่ะ" สึบากิตอบเบาๆ ซึ่งนั่นเหมือนจะทำให้โกคุเดรเกิดอาการฉุนขึ้นมา แต่ก็ได้สึนะช่วยห้ามเอาไว้ เขาจึงหยุดอาละวาด "ดีจ้า!" เสียงเล็กๆของเด็กดังขึ้นจากทางด้านหน้า สึบากิเลิกสนใจสองคนนั้น และหันกลับมามอง เด็ก...ทารก? ใส่ชุดสูทพร้อมด้วยหมวกทรงfedora แถมยังมีกิ้งก่าเกาะอยู่ด้วย นี่..สึนะเขาพาน้องมาหรือไงนะ "เป็นน้องชายของสึนะหรอ" เด็กสาวถาม "เปล่าหรอก เป็นครูพิเศษของเจ้าห่วยน่ะ แล้วก็เป็นนักฆ่าด้วย ชื่อรีบอร์น" เด็กตรงหน้าตอบ ชื่อของเขาค่อนข้างประหลาด ท่าทางจะไม่ใช่คนญี่ปุ่น แล้วเมื่อกี้บอกว่าเป็นนักฆ่า? อะไรกันล่ะเนี่ย

    "พวกนาย...เป็นใครกัน" เสียงของผู้ที่เข้ามาใหม่ ทำให้ทุกๆคนต้องหันไปมอง เจ้าของห้องรับแขก(ที่ตอนนี้กลายเป็นห้องกรรมการคุมกฎไปแล้ว) พึ่งกลับมาจากการตรวจโรงเรียน ฮิบาริเป็นการที่เกลียดการรวมกลุ่มสุมหัวเอามากๆ แล้วยิ่งมาสุมหัวในห้องของเขาอีก.. "เจ้านี่มันใครเนี่ย!" กลิ่นเหม็นของบุหรี่โชยมา สึบากิขมวดคิ้วและยกมือขึ้นปิดจมูกทันที นี่โกคุเดระเขาสูบบุหรี่ด้วยหรอ พึ่งม.ต้นอยู่เลยเนี่ยนะ "อยู่ต่อหน้ากรรมการคุมกฎก็ช่วยดับบุหรี่ด้วย...แต่ถึงจะดับแล้ว ผมก็ไม่ปล่อยไปเฉยๆหรอกนะ" เจ้าของเรือนผมสีปีกกาพูดขึ้น ริมฝีปากยกยิ้มน้อยๆ "ไอ้เจ้านี่!!--" 

    ฟุ่บ!

    "ดับบุหรี่ซะ!" โกคุเดระที่จะเข้าไปหาเรื่องต้องหยุดชะงัก เพราะว่าจู่ๆก็มีอะไรบางอย่างเฉียดหน้าไป จนทำให้บุหรี่ที่คาบเอาไว้กระเด็นออกจากปาก ในมือของฮิบาริ... คืออาวุธประจำตัวที่ใช้จัดการพวกที่เจ้าตัวเขาไม่ชอบ อาวุธที่ว่าก็คือทอนฟานั่นเอง "ฉันล่ะเกลียดจริงๆ พวกสัตว์กินพืชปวกเปียก ที่อ่อนแอจนต้องอยู่รวมกันเป็นฝูงน่ะ พอเห็นอยู่ในสายตาทีไร...ก็รู้สึกอยากจะขย้ำให้ตายทุกที" ช่างเป็นคำพูดเสียดแทงที่ชวนให้รู้สึกเจ็บใจจริงๆ สึบากิที่นั่งมองอยู่คิดในใจ "โอ๊ะ!" เธอร้องออกมาเบาๆ เมื่อฮิบาริโยนอะไรบางอย่างมาให้ ซึ่งสึบากิก็รับได้อย่างสวยงาม สิ่งที่หัวหน้ากรรมการคุมกฎโยนมาให้เธอนั้น... มันคือกล่องข้าวของเธอนั่นแหละ เด็กสาวจำลวดลายได้ นี่เขาไปเอามาให้งั้นหรอ "ขอบคุณค่ะรุ่นพี่" สึบากิพูด ถึงจะไม่รู้ว่าเขาได้ยินมั้ยก็เถอะ เพราะตอนนี้ห้องรับแขกวุ่นวายมาก แต่เธอเห็นว่าเขาพยักหน้าด้วย... คงจะได้ยินแล้วล่ะมั้ง


    นอกจากฮิบาริ เคียวยะจะเป็นคนที่น่าสนใจแล้ว เด็กผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงโซฟาก็น่าสนใจไม่แพ้กันสำหรับรีบอร์น น่าแปลกที่เธอยังคงนั่งกินข้าวได้อย่างสบายใจ ทั้งๆที่ตรงหน้ากำลังเกิดเหตุการณ์ฟัดกันอยู่แท้ๆ "ตัวแรก" ฮิบาริพูด พร้อมกับทอนหาที่ฟาดหน้าซาวาดะ สึนะโยชิจนล้มลงไป เมื่อเห็นผู้เป็นนายล้ม มือขวาอย่างโกคุเดระก็ถือระเบิดเข้าไปทันที "ตัวที่สอง.." แต่ยังไม่ทันได้จุดระเบิด เขาก็โดนฟาดจนสลบไปอีกคน สุดท้ายก็เป็นยามาโมโตะ คนที่ปกติจะอารมณ์ดีและเอาแต่เล่น แต่พอถึงเวลาจริงจังก็น่ากลัวไม่น้อย แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่แขน ทำให้เขาเสียหลัก และถูกฟาดจนสลบเป็นคนที่สาม

    "เหวอ! โกคุเดระคุง ยามาโมโตะคุง" สึนะร้องเสียงหลงทันที เมื่อลุกขึ้นมาแล้วเห็นว่าเพื่อนทั้งสองนอนสลบกัน "ลุกไม่ขึ้นหรอก.. เพราะฉันจงใจให้เป็นแบบนั้น" ฮิบาริพูดขึ้น ทำให้สึนะเกิดอาการหน้าซีดเผือด "มาค่อยๆสนุกกันเถอะ...แล้วเดี๋ยวจะเรียกรถพยาบาลให้" ถึงจะกล่าวด้วยรอยยิ้มก็เถอะ แต่สำหรับสึนะแล้ว มันช่างน่ากลัวจริงๆ คนอื่นๆถ้าเจอแบบนี้ ก็คงกลัวจนหัวหดเหมือนกัน แต่ก็ยกเว้นคนคนนึง.... เรียกรถพยาบาลให้ด้วยแฮะ รุ่นพี่นี่ใจดีจัง นี่คือความคิดของสึบากิ ยูกะ ที่ยังคงนั่งชิลล์ดูคนตีกันอยู่

    แต่แล้วเธอก็ต้องเลิกคิ้วสูง เพราะจู่ๆเด็กทารกที่ชื่อรีบอร์นอะไรนั่น ก็หยิบปืนขึ้นมายิงใส่กลางหัวของสึนะ เหตุการณ์ถัดมาก็น่าตกใจไม่น้อย เมื่อสึนะที่ล้มลงไปนั่น ลุกขึ้นมาในสภาพแก้ผ้าเหลือแต่กางเกงลิง แถมยังมีไฟบนหัวอีก จริงๆแล้ว..สึบากิก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก ถ้าไม่ติดตรงที่ว่า 
    กางเกงของเขามันมาอยู่บนหัวเธอ...
    ความรู้สึกอยากอาหารหายไปหมดทันที ทั้งๆที่หิวมากๆ แต่ตอนนี้เธอกินอะไรไม่ลงแล้ว กางเกงนี่ซักสะอาดหรือเปล่าก็ไม่รู้ แถมข้าวกล้องของเธอก็เละเทะไม่เหลือชิ้นดี เพราะเจ้าคนที่แก้ผ้าอยู่นั้น วิ่งชนโต๊ะจนทำให้น้ำหกใส่กล่องข้าว กลายเป็นอาหารเหลวๆแหยะๆไปโดยปริยาย สึบากิลุกขึ้นด้วยอารมณที่หงุดหงิดแบบสุดๆ ในมือของเธอถือกล่องข้าว(ที่ตอนนี้เหมือนเป็นอาหารหมา) เดินไปทางตัวต้นเหตุที่พึ่งจะเอารองเท้าแตะฟาดหัวฮิบาริไปอย่างแรง
    นี่ถึงขั้นเอารองเท้าฟาดหัวเลยหรอ..รุ่นพี่เขาอายุมากกว่าแท้ๆ สถุนจริงๆ


    ตอนนี้ฮิบาริ เคียวยะกำลังโมโหเอามากๆ เพราะเจ้าสัตว์กินพืชอ่อนแอตรงหน้า ที่จู่ๆก็เหมือนจะคลั่งขึ้นมา แถมมันยังต่อยหน้าเขา และหยามโดยการเอารองเท้าตีหัวเขาอีกต่างหาก "นี่...ฆ่าทิ้งซะเลยดีมั้ย" ฮิบาริเอ่ยออกมา ซึ่งก็หมายถึงฆ่าจริงๆนั่นแหละ ไม่ได้มีความหมายอื่น แต่เขาก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นเด็กสาวที่ตอนแรกนั่งอยู่บนโซฟา ตอนนี้เธอมายืนอยู่ด้านหลังเจ้าสัตว์กินพืช และ....

    ปั้ก!..เผละ!

    กล่องข้าวสีฟ้าสดใสถูกฟาดเข้าที่หน้าของซาวาดะ สึนะโยชิ ข้าวเปลียกๆเละๆไหลไปตากรอบหน้า "เป็นบ้าอะไรหนักหนา..." เด็กหญิงพึมพำ "มาแก้ผ้าต่อหน้าผู้หญิงไม่พอ...ยังจะโยนกางเกงมาใส่หัวฉันอีก ไอ้วิตถารเอ้ย!" เธอยกกล่องข้าวออกเล็กน้อย ก่อนจะทุบลงไปอีกรอบ "แล้วนี่ยังทำน้ำหกใส่ข้าวกล่องฉันอีก... ข้าวปั้นทูน่าของฉันกลายเป็นอาหารหมาเพราะแกเนี่ย! มีปัญญาทำให้ใหม่มั้ยห๊ะ แล้วนี่แกเป็นอะไร? โรคพิษสุนัขบ้ากำเริบหรอ ถึงได้มาอาละวาดแบบนี้น่ะ รู้มั้ยว่ามันเสียเวลา ฉันยังต้องคุยธุระกับรุ่นพี่อีกนะ! "

    ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ สึบากิก็รู้สึกถึงแรงกระตุกที่แขนเสื้อ "คุณไปนั่งซะ เดี๋ยวผมจัดการเอง" ฮิบาริพูด เธอจึงพยักหน้าและกลับไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม หลังจากที่เคลียร์กับเด็กสาวเสร็จ เขาก็หันมาสนใจสัตว์กินพืชตรงหน้า ที่ตอนนี้สภาพเละเทะไม่เหลือชิ้นดี ก็จริงอย่างที่เธอคนนั้นพูด เจ้านี่มันเป็นสัตว์กินพืช ที่มีอาการโรคพิษสุนัขบ้ากำเริบแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ทำให้เขากลัวขึ้นมาหรอก "พอได้แล้ว" เสียงเล็กๆของเด็กใส่ชุดสูทดังขึ้นตรงหน้าต่าง "เจ้าหนู...อย่าพึ่งมายุ่งตอนนี้ ฉันกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่" คิดว่าฮิบาริ เคียวยะจะปล่อยเด็กตัวน้อยไป โดยที่ไม่เอาท่อนฟาหวดหรือไม่....?

    คำตอบคือ.... ไม่

    เคร้ง!

    ช่างน่าประหลาดใจ เพราะเด็กที่ชื่อรีบอร์นนั่น เอาแท่งเหล็กที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ มารับกับท่อนฟาของฮิบาริเอาไว้ได้ "โห..ไม่เบานี่" เด็กหนุ่มร้องออกมาอย่างสนใจ ต่อให้เป็นแค่เด็กน้อยก็ตาม แต่ถ้าฝีมือดีพอปะทะกับเขาได้ ฮิบาริไม่มีทางปล่อยไปหรอก "งานเลี้ยงจบแล้วเฟ้ย!--หืม?" รีบอร์นพูดออกมาอย่างแปลกใจ เพราะในมือของเขาควรจะมีลูกระเบิดอยู่สิ แล้วมันหายไปไหนกัน? 

    แล้วเขาก็ได้คำตอบ เมื่อเห็นระเบิดที่ถูกจุดเอาไว้ ไปอยู่ในมือของเด็กสาวเพียงคนเดียวในห้องนี้ เธอเอาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเป็นนักฆ่าอันดับ1นะ ต้องรู้สึกอะไรบ้างสิ อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เธอคนนี้ก็น่าสนใจจริงๆ ดูอย่างตอนนี้สิ... เธอใช้มือเปล่าดับชนวนระเบิดได้ง่ายๆ แถมไม่ร้องเลยซักแอะ ต่างจากเจ้าห่วยสึนะ ที่แค่ดับระเบิดไดนาไมต์ลูกเล็กๆ ก็ร้องจะเป็นจะตาย มิหนำซ้ำ เธอยังเอาระเบิดวางกับพื้นแล้วกระทืบจนมันแบนเละ อันที่จริง ระเบิดชนิดนี้เนี่ย...ถึงจะถูกดับไปแล้ว แต่ถ้าถูกกระแทกแรงๆ มันก็สามารถระเบิดได้เหมือนกัน การจะทำให้ไม่ระเบิดนั้น ต้องกะแรงให้ถูก เอาแบบทีเดียวแรงๆให้แบนไปเลย

    ซึ่งเธอคนนี้ก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องมีใครบอก ช่างเป็นคนที่น่าสนใจเกินคาด แต่ตอนนี้เขาคงต้องไปก่อนล่ะ "อุ๊ย! อาวุธหมดซะละ งั้นไปก่อนดีกว่า บายจ้า" พูดจบ รีบอร์นก็กระโดดออกทางหน้าต่าง และเกาะเฮลิคอปเตอร์จิ๋วที่จู่ๆก็โผล่มา จากนั้นก็บินหายไป ทิ้งพวกสามหน่อให้นอนสลบกองอยู่กับพื้น 

    ฮิบาริมองตามไปสักพัก ก่อนจะกลับมาสนใจสึบากิ ยูกะ ที่ยืนอยู่ด้านหลัง ถึงจะหน้านิ่งอยู่ แต่เขาก็รู้สึกได้ว่า เธอกำลังโมโหเลยล่ะ "เอาล่ะ...มาคุยเรื่องของคุณต่อเถอะ" ฮิบาริพูดก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะ "แต่ว่ารุ่นพี่คะ... นี่มันหมดเวลาพักแล้วนะคะ" สึบากิพูด แต่พอเห็นสายตาเฉียบคมของอีกฝ่าย เธอก็ยอมเงียบทันที "เข้าสายสักครั้งมันไม่เป็นไรหรอก" ฝ่ายชายเอ่ย มือหนาค้นบางอย่างจากลิ้นชักแล้วเอามาวางไว้บนโต๊ะให้เด็กสาวดู มันเป็นรูปที่เธอเอาท่อนเหล็กฟาดพวกนักเลง "รูปพวกนี้ถ่ายได้เมื่อวานตอนเย็น...คุณมีอะไรจะแก้ตัวมั้ย" ฮิบาริถามเพื่อดูปฏิกิริยา ว่าเธอจะพยายามแก้ตัวเหมือนพวกสัตว์กินพืชมั้ย

    ซึ่งท่าทีของเธอก็ทำให้เขาค่อนข้างพึงพอใจเลยทีเดียว สึบากิส่ายหน้าช้าๆ "ไม่ค่ะ... ฉันยอมรับว่าทำจริงๆ แล้วก็ยอมรับโทษด้วยค่ะ" ฮิบาริยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ "ก็ดี ผมเห็นว่านี่เป็นตวามผิดครั้งแรก แถมคุณก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน... เพราะงั้นผมจะยังไม่หักคะแนนความประพฤติ" พอพูดแบบนั้น สึบากิก็มีสีหน้าดูดีขึ้นมา เธอเอ่ยขอบคุณเบาๆ 

    "แต่ว่า.. คุณต้องมาช่วยงานเอกสารที่ห้องนี้ตอนช่วงพักกลางวันของทุกวัน นี่ถือเป็นการลงโทษ" ฮิบาริว่าต่อ แต่เขาก็สังเกตุว่าคนตรงหน้าดูลุกลี้ลุกลนแปลกๆ เป็นอะไรไปน่ะ? เด็กหนุ่มคิด ก่อนจะตัดสินใจถาม "มีอะไรหรือเปล่า" สึบากิเงยหน้าขึ้นมองคู่สนทนา ในหน้าสวยยังคงเรียบนิ่ง แต่นัยน์ตาคู่กลมสีน้ำเงินนั้น ฉายแววความกังวลออกมา มือเรียวทั้งสองข้างกำแน่น เธอมีท่าทีอึกอักเล็กน้อย ก่อนจะตอบ "คือว่า... ตอนนี้มันเลยเวลาไปตั้งครึ่งชั่วโมงแล้วอ่ะค่ะ อาจารย์คงเช็คชื่อว่าฉันโดดเรียนแน่ๆเลย"

    คำตอบของเธอทำให้ฮิบาริเลิกคิ้ว แค่เรื่องเข้าเรียนนี่มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือไงกัน เขาเงียบไปซักพัก ก่อนจะหยิบปากกาเมจิกออกมาจากลิ้นชัก "ยื่นแขนมาสิ" เขาบอก สึบากิมีท่าทางแปลกใจนิดหน่อย แต่ก็ยื่นแขนไปให้ ฮิบาริใช้ปากกาเมจิกเขียนลายเซ็นต์ของตัวเองลงบนแขนเรียว จะว่าไปเขาก็พึ่งจะสังเกตุ ว่าเธอผิวค่อนข้างขาวมาก ออกไปทางซีดเลยด้วยซ้ำ แถมแขนก็เล็ก..เล็กจนเขาสามารถรวบเอาไว้ได้ด้วยมือข้างเดียวเลยล่ะ แต่ฮิบาริก็ไม่ได้สนใจนัก "ถ้ามีคนถาม ก็เอาลายเซนต์นี่ให้ดู ไปได้แล้วล่ะ" สึบากิที่ยังรู้สึกงงๆอยู่ ก็ทำแค่กล่าวขอบคุณแล้วเดินออกไป
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    [ห้องเรียน 1-A]

    "ขออนุญาตค่ะ" สึบากิเอ่ยเบาๆ พร้อมกับเปิดประตูเข้าไปในห้องเรียนด้วยหัวใจตุ้มๆต่อมๆ "คุณสึบากิ! เข้าห้องเรียนสายขนาดนี้ ไปทำอะไรมาคะ" อาจารย์สาวแว่นประจำวิชาคณิตศาตร์เอ่ยถาม ดวงตาเรียวภายใต้กรอบแว่นหรี่มองอย่างจับผิด เพื่อนๆในห้องก็พากันซุบซิบอะไรบางอย่าง สร้างความกดดันให้กับผู้ที่เข้ามาใหม่มากๆ "ขอโทษค่ะ.. คือว่าฉันไปทำธุระมา ก็เลยเข้าห้องเรียนช้าน่ะค่ะ" สึบากิตอบ เธอเริ่มรู้สึกว่าเหงื่อเย็นๆมันไหลไปตามกรอบหน้า 

    อาจารย์คนนั้นมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า "หึ! ไปธุระจริงหรือเปล่า ไหนล่ะเอกสารรับรอง" ดูท่าทางคงตั้งใจจะเอาผิดเธอให้ได้ สึบากิกลืนน้ำลายลงคอ "เอกสารรับรอง... ไม่มีหรอกค่ะ แต่ว่า.." เด็กหญิงเว้นช่วงเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ "รุ่นพี่บอกว่าถ้ามีคนถาม ก็ให้เอาลายเซ็นต์นี่ให้ดูค่ะ" เจ้าของเรือนผมสีดาร์คช็อกโกแลตยื่นแขนตัวเองไปให้อาจารย์ดู

    และเมื่อเห็นลายเซ็นต์บนแขนของเด็กสาว อาจารย์คณิตศาสตร์ก็หน้าซีดเผือดทันที "น..นี่มันลายเซ็นต์ของคุณฮิบารินี่นา! เอ่อ..ถ้างั้น ฉันไม่ว่าอะไรก็ได้ค่ะคุณสึบากิ แต่คราวหน้าอย่าสายอีกนะคะ ไปนั่งที่ได้แล้ว" เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ สึบากิกล่าวขอบคุณแล้วไปนั่งที่ตัวเอง...

    ดูเหมือนเธอจะไม่ได้กินข้าวกลางวันจริงๆสินะ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×