ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Bungo Stray Dogs] นางฟ้าแห่งคำสาป

    ลำดับตอนที่ #9 : [Meeting Time!] ช็อตเดียวกับตัวสิ้นเปลืองผ้าพันแผล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.07K
      114
      26 พ.ค. 63

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     Tiny Hand 

    อ๊ากกกก!! นี่ฉันต้องกินเกลืออีกแล้วเร๊ออ!!

    ณ สำนักงานนักสืบบุโซช่วงเช้าตรู่ที่ตอนนี้ยังไม่มีพนักงานคนอื่นเข้ามานอกจากตัวฉันคนเดียว สาเหตุที่มาโคตรเร็วคือ รีบเข้าห้างสรรพสินค้าเติมเงินเข้าบัญชีธนาคารเพื่อเติมเพชรในเกม Fate Grand Order ซึ่งตู้กาชาที่ตั้งใจจะกดเป็นตู้ซัมเมอร์ฉลอง 13 ล้านดาวน์โหลด

    แม้จะมีตัวละครเยอะแล้ว แต่บางทีมันก็ต้องแอบโลภมากบ้างอ่ะ

    ฉะนั้น...ฉันจะยอมเกลือมากกว่านี้ไม่ได้เด็ดขาด!!

    ว่าแล้วก็เปิดเมนูตรวจสอบจำนวนเพชรที่ยังคงเหลืออยู่ ปรากฏว่ามีอยู่แค่สามเม็ดสุดท้าย และมันกดได้แค่ครั้งเดียวด้วย ทำเอาเริ่มรู้สึกเสียวสันหลัง ใจคอไม่ดี เหงื่อไหลออกมือทีละนิด 

    “อึ่ก...” ฉันค่อยๆ จรดนิ้วชี้ลงกดเข้าหน้าตู้กาชาซัมเมอร์อีกครั้งพร้อมส่งสายตาจ้องไปยังสาวจิ้งจอกผมชมพูในชุดว่ายน้ำ

    ตึกตัก...ตึกตัก...ตึกตัก...

    เวลานิ้วจะกดอัญเชิญทีไร แม่มลุ้นชิบเป๋ง ถึงในใจแอบคิดว่าต้องเกลือแน่ๆ แต่ความหวังอันน้อยนิดก็ยังคงส่องแสงสว่างให้เห็นอยู่

    เอาล่ะ...

    จงออกมาซะ...ทามาโมะ โนะ มาเอะ!!

    .

    .

    .

    .

    .

    อรุณสวัสดิ์จ้า ยูกิจัง วันนี้มาทำงานเร็วผิดปกติเลยแฮะ

    อ่ะ...!”

    ในช่วงที่นิ้วเริ่มเข้าใกล้ประมาณครึ่งเซนฯ ชายหนุ่มจิตพิลึกอย่างดาไซ โอซามุก็เปิดประตูเดินมาพอดี จากที่เคยตั้งสมาธิจดจ่อกับตู้กาชาอย่างเงียบๆ กลับกลายเป็นสะดุ้งโหยงจนเผลอจิ้มอัญเชิญไปเรียบร้อย เสียงเอฟเฟกต์หมุนของวงแหวนสีฟ้าดังออกมาจากลำโพงโทรศัพท์ ซึ่งเมื่อก้มลงดูปุ๊บ เผยอยู่แค่เส้นเดียวไม่พอ แถมเกลือด้วยเต้าหู้มาโพอีก

    การเพิ่มเรทขึ้นไม่มีอยู่จริงบนโลก!! กาชาคืออารยธรรมอันชั่วร้าย!! และฉันจะไม่เล่นมันให้แทนดาไซจนเสียงานการอีกต่อไปแล้ว!!

    ฟุ่บ!

    “เฮ้อออ...

    ฉันถอนหายใจและเอนตัวลงแนบโต๊ะทำงานอย่างเหนื่อยอ่อน แขนห้อยต่องแต่งลงเป็นเส้นตรงพร้อมรู้สึกถึงความเค็มในไตทั้งสองข้าง เงินที่แลกกับเพชรเริ่มสลายเป็นไอน้ำล่องลอยบนอากาศโดยไร้ความหมาย ระหว่างนั้นเจ้าแคทเชอร์ก็ปรากฏตัวขึ้นเองแล้วพยายามคลอเคลียปลอบใจฉันเรื่อยๆ

    เป็นอะไรไปเอ่ย ดูหมดเรี่ยวหมดแรงไม่ใช่น้อยเลยดาไซเดินมานั่งเก้าอี้ใกล้ๆ พร้อมยกมือข้างขวามาลูบหัว ดวงตาสีน้ำตาลจ้องมองฉันและยิ้มกริ่มเล็กน้อย หรือว่า...แปลกใจที่ฉันคนหล่อผู้นี้มาถึงสำนักงานเร็วกว่าเดิมกันน้า

    อย่านึกหลงตัวเองผิดที่ผิดเวลาสิเฮ้ย!

    ฉันส่ายหน้าให้เขาแทนคำตอบ แขนทั้งสองยกขึ้นวางบนโต๊ะและขออนุญาตงีบหลับรอให้ถึงเวลา 8.00 น. โดยอสรพิษด้านดีจากพลังพิเศษเองก็สลายหายกับควันสีดำเพื่อพักผ่อนด้วย เรื่องหน้าที่ทำความสะอาดเองก็ทำเสร็จไปตั้งแต่เข้ามาห้องนี้ จนกระทั่งเกลือกาชาแล้วรู้สึกหมดแรงอย่างที่เห็น

    เรื่องเกม Fate Grand Order เมื่อกี้ ทางดาไซแนะนำให้โหลดเข้าโทรศัพท์ไว้เล่นแก้เบื่อหรือช่วงว่างงานแล้วฝากแอคเค้าท์เอาไว้ ตอนแรกเขากะว่าจะเตรียมลากฉันร่วมขี้เกียจทำงานด้วยกัน แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นฝ่ามืออรหันต์และลีลาแม่ไม้มวยไทยของคุนิคิดะอยู่ดี

    ลาก่อน ทามาโมะ ถ้าเธอไม่มาเราเข้าใจดี เพราะงั้นเชิญซุกในตู้แบบนั้นต่อไปเถอะ โอเค๊?

    อืมม...เปิดหน้าเมนูตู้กาชาทิ้งไว้ด้วยสภาพหมดแรงแบบนี้ แปลว่าเธอกดได้เกลือสินะ

    โอ๊ยยย! จะตอกย้ำความเค็มทำผ้าพันแผลรึง๊ายยย!!

    เหอะ...คนที่ดวงดีตลอดอย่างคุณไม่เคยเข้าใจหรอกฉันบ่นตัดพ้อพร้อมหยิบโทรศัพท์ปิดเกมแล้วเก็บใส่ในกระเป๋ากางเกง มือขวายกขึ้นจับใส่ฮู้ดหูกระต่ายเพื่อเข้าสู่โหมดพักเครื่องต่อ

    ไม่หรอกน่า ที่ฉันเปิดได้ตลอดก็เพราะลงทุนเติมล้วนๆ นี่แหละ

    “อ๋อ งั้นเหรอ...ที่เงินแกหมดกระเป๋าทุกเดือนก็เพราะเติมเกมนี่เอง...

    ชิบละ รู้สึกเหมือนมีพลังงานบางอย่างกำลังอาฆาตจากด้านหลังอย่างรุนแรงอยู่เลย

    ฉันรีบถอดฮู้ดหูกระต่ายออกและลืมตาตื่นขึ้นมองดูอีกฝ่ายแล้วพบว่ามีร่างของพนักงานเจ้าระเบียบจ๋ากำลังจ้องมองด้วยสายตาเรียบนิ่ง ไฟแห่งความโทสะลุกโชนเต็มตัว ยืนกำหมัดหักนิ้วเตรียมพร้อมลงไม้ลงมือเพื่อนร่วมงานจอมพิลึกอย่างเต็มเหนี่ยว

    ดะ...ดาไซ ดะ...ด้านหลังคุณ...

    หืมม? ด้านหลังฉันมีอะไร--- อะเฮื้ออ~

    ยังไม่ทันที่ดาไซจะพูดจบ ขาขวาของคุนิคิดะก็ยกขึ้นเตะอัดก้านคอล้มนอนลงพื้นด้วยท่าจระเข้ฟาดหางแล้วย่อตัวลงบีบคอโยกไปมาตามเคย ทางนักสืบหัวน้ำตาลก็ยังคงหลับตาปี๋และยิ้มกริ่มเหมือนคนบ้าเช่นเดิม

    หนอยย!! แกนี่มันเหลือเกินนักนะ ดาไซ!! ไม่ตั้งใจทำงานไม่พอ ยังจะพาทาจิบานะร่วมขี้เกียจและเปลืองเงินด้วยเกมโทรศัพท์ของแกอีก!! ต้องให้ฉันใช้กี่กระบวนท่าถึงจะพอใจกันฟะ!!”

    “แหมๆ คุนิ-คิดะ-คุงเนี่ย-ชอบใช้-ความรุนแรง-จังน้า~

    หุบปากไปเลย ไอ้ตัวสิ้นเปลืองผ้าพันแผลนี่!!”

    อืมม...ถ้าสมมุติปล่อยให้พวกเขาสองคนหาเรื่องวุ่นวายจนกว่าจะพากันสงบแบบนั้นต่อไปคงเป็นทางเลือกที่ดีอย่างหนึ่ง เผื่อดาไซจะได้ล้มตายด้วยน้ำมือของคุนิคิดะ จากนั้นก็ขอให้คุณหมอโยซาโนะใช้พลังพิเศษรักษาพร้อมกับปลุกสติให้กลับมาเหมือนเดิม

    งะ...งั้นขอตัวไปคาเฟ่ก่อนสักครู่นะคะ ส่วนเรื่องงานทำความสะอาดช่วงเช้าฉันได้ปัดกวาดเช็ดถูเสร็จแล้ว ไม่มีปัญหาตกค้างแน่นอนค่ะ

    ฉันรีบลุกขึ้นสอยฝีเท้าเดินออกจากห้องและลงบันไดอย่างรวดเร็ว ไม่ยอมหยุดให้นักสืบทั้งสองได้มีโอกาสเปิดปากพูดหรือถามใดๆ ทั้งสิ้น แต่พอเดินไปสักพัก ดูเหมือนการทะเลาะจะจบสิ้นเป็นที่เรียบร้อย เสียงเอะอะโวยวายและเสียงหัวเราะแหะๆ เชิงหยอกล้อไม่ดังออกมาอีกเลย

    แหม่...ยุติง่ายดีแท้ นึกว่าพวกเขาจะยังหาเรื่องกันต่อซะอีก

    “...

    ผ่านไปไม่กี่วินาที ฉันได้ลากสังขารมาถึงจุดมุ่งหมาย เมื่อมองรอบห้องจะพบว่า ทางด้านซ้ายมือมีเก้าอี้นุ่มๆ นั่งสีเขียวพร้อมโต๊ะไม้สีน้ำตาลติดริมหน้าต่าง ทางขวามือมีเคาน์เตอร์นั่งรอเครื่องดื่มหรือพูดคุยกับเมดสาวผู้คอยยืนรอให้บริการลูกค้า ส่วนเรื่องการตกแต่งด้วยโคมไฟและอื่นๆ อีกมากมายนั้นถือว่าดูเรียบง่ายแต่ยังคงความสวยงามในตัว

    ตอนนี้ยังไม่มีพนักงานคนอื่นนั่งจิบกาแฟสักคนนอกจากเมดสาวหลังเคาน์เตอร์ เธอหันมามองทางนี้แล้วโค้งคำนับทักทายอย่างสุภาพนอบน้อม

    อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณยูกิ เช้านี้รับเครื่องดื่มอุ่นๆ สักแก้วมั้ยคะ

    เอ่อ...เอาเป็นนมสดอุ่นหนึ่งแก้วละกันค่ะ

    ฉันตอบกลับพร้อมเดินไปนั่งรอเครื่องดื่มตามสั่งบนเก้าอี้ทางด้านซ้ายมือ แล้วลองหันมองออกนอกหน้าต่าง ซึ่งแสงแดดของเช้าวันนี้ถือว่าไม่แรงมาก ไม่ร้อนหูดับตับแลบ สภาพบ้านเมืองยังคงเหมือนเดิม เหล่ายานพาหนะสัญจรไปมา ประชาชนต่างกันเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ บรรยากาศราบรื่น ไร้ซึ่งความชุลมุนวุ่นวาย สงบสุขดีไม่มีพิษภัย

    แต่บางครั้งก็แอบคิดว่า มันต้องมีสักช่วงแหละที่กลุ่มอาชญากรจะก่อเหตุด้วยกันอีก เพราะถ้าสงบสุขอย่างเดียว...ความเบื่อหน่ายอาจเกิดขึ้นกับคนบางส่วนจนต้องหันมาจับมือร่วมกันสร้างความบันเทิงในทางที่ผิดและสร้างข่าวให้ตัวเองโด่งดัง

    ถึงแม้ในใจพยายามมองโลกในแง่ดีเอาไว้ แต่คุนิคิดะเคยพูดเน้นย้ำว่า โลกใบนี้ไม่ได้สวยงามอย่างที่คิดหรอก ฉะนั้นถ้าเกิดเหตุร้ายใดๆ ขอให้ตั้งสติ ยอมรับความจริงและเผชิญหน้ากับมันซะ

    ขอโทษที่ให้รอนะคะ นมสดอุ่นๆ ของคุณถูกเสิร์ฟอยู่บนโต๊ะแล้วค่ะ

    ในขณะที่กำลังครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย เสียงเรียกของเมดสาวได้ดังมาจากด้านข้าง พอหันหน้ากลับมามองบนโต๊ะไม้ก็พบแก้วใบสีขาวลายน้องหมีพร้อมนมสดบรรจุภายใน ฉันเตรียมหันไปขอบคุณอีกฝ่ายก่อนที่จะตกอยู่ในสภาพช็อกหนักจนอยากสลบลงนอนตาย

    เพราะคนเมื่อกี้เปลี่ยนรูปร่างเป็นนักสืบจิตพิลึกเฉยเลย!!

    กรี๊ดดดด!! ดะ...ดาไซ!!?”

    เป็นไงล่ะ ยูกิจัง ความสามารถในการดัดเสียงของฉันเลิศเลอมากเลยใช่ม้า~

    มันไม่เหมือนที่คุยกันไว้ไม่ใช่เรอะ! 

    ว่าแต่...เมดสาวตัวจริงอยู่ที่ไหนล่ะ!?

    ฉันรีบลุกขึ้นตามหาทั่วห้องรวมทั้งเคาน์เตอร์ทุกซอกทุกมุม ผลลัพธ์คือ ไม่เห็นแม้แต่เงาหัว ขนาดเสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ประจำตัวเธอยังไม่มีสักชิ้นเลย จากนั้นจึงยอมเดินกลับไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิม

    แปลว่าตอนที่เดินออกจากห้องทำงานแล้วเสียงเอะอะโวยวายดับปุ๊บ ดาไซรีบแจ้นลงมาล่วงหน้าและปลอมตัวเพื่อรับบริการแทน...เรอะ!!

    แล้วแบบเนียนทุกอณูรูขุมขนโคตรๆ อ่ะ มีแอบสงสัยอย่างเดียวคือความสูงนี่แหละ แต่ด้วยการที่ฉันตั้งใจหาอะไรอุ่นๆ มาดื่มก่อน ก็เลยไม่ทันสังเกตหรือซักถามอะไรมากมาย

    นี่คงเป็น...ฝันร้ายของคืนนี้ใช่มั้ยคะเนี่ย...

    ขอโทษทีน้า~ ที่ทำให้ประหลาดใจตั้งแต่เช้า เอาเป็นว่าลองจิบนมสดอุ่นๆ ฝีมือฉันดูสิ รับรอง...ดาไซเดินเข้ามานั่งชิดใกล้พร้อมยกมือข้างหนึ่งขึ้นจับเชยคาง มืออีกข้างโอบรอบเอว ระหว่างนั้นเขาได้ยื่นหน้ากระซิบใกล้หูอีกด้วย หอม หวาน อร่อยแน่นอน

    จุ๊บ!

    อ่ะ!? มะ...ไม่เอางี้สิ ถ้าคนอื่นเดินมาเห็นมันไม่ดีนะ” 

    ฉันรีบขยับออกห่างไปชิดกำแพงและยกมือขวาปิดแก้มขวาที่เพิ่งถูกอีกฝ่ายประทับริมฝีปากเบาๆ ส่วนมือซ้ายจับฮู้ดหูกระต่ายใส่เพื่อปกปิดพร้อมหันหน้าออกนอกหน้าต่างด้วยความเขินอายเล็กน้อย 

    “ฮึๆๆ” นักสืบหนุ่มผมน้ำตาลแอบหัวเราะในลำคอแล้วทำท่าว่าจะรุกต่อโดยการขยับก้นมานั่งใกล้ๆ แขนทั้งสองเริ่มอ้าเตรียมขออ้อมกอด 

    แต่ในจังหวะนั้นเอง...ร่างของนักสืบหนุ่มผมบลอนด์เข้มยืนจ้องมองด้วยสายตาอาฆาตอีกรอบ เปลวเพลิงแห่งอารมณ์โทสะกำลังลุกท่วมหนักยิ่งกว่าเก่า 

    “เอ๊ะ? คุนิคิดะคุง---

    “ออกมาทำงานทำการเดี๋ยวนี้เลยนะเฟ้ย!!” เขาเอื้อมมือจับหลังคอเสื้อเพื่อนร่วมงานแล้วใช้แรงกายอันมหาศาลลากออกจากคาเฟ่อย่างเกรี้ยวกราด ไม่ปล่อยให้ก่อปัญหาอะไรใดๆ ต่ออีก

    “ฮู้ว...

    ต้องขอขอบพระคุณสำหรับความช่วยเหลือเป็นอย่างสูงจริงๆ ค่ะ...คุณคุนิคิดะ

    .

    .

    .

    .

    .

    เวลาผ่านพ้นหลายนาที ฉันทำใจให้สงบกับเหตุการณ์เมื่อครู่และขยับตัวกลับไปนั่งจุดเดิมพร้อมจ้องมองแก้วใบสีขาวลายน้องหมีฝีมือดาไซอย่างหวั่นๆ ไม่รู้ว่าคนที่มีจิตพิลึกพิกล ชอบตามกวนส้นตึกชาวบ้านชาวช่องคนนั้นแอบใส่สารอะไรแปลกๆ รึเปล่า 

    แต่พอนั่งคิดวิเคราะห์ไปได้ไม่นาน ควันสีขาวก็เริ่มจางลง แสดงให้เห็นว่าเครื่องดื่มแก้วนั้นหายอุ่นเป็นที่เรียบร้อย

    เฮ้อ...ช่างมัน กระดกลงคอรวดเดียวแม่มเลยละกัน

    อึ่ก...อึ่ก...อึ่ก...

    มือขวาจับหูแก้วไว้แน่น มือซ้ายคอยวางประคองก้นแก้วพร้อมยกขึ้นกระดกอย่างรวดเร็ว ซึ่งความอุ่นที่ลดลงฮวบพลอยทำให้ความหวานหอมของนมสดจางหายไปด้วย นั่นแปลว่าถ้าค่อยๆ ดื่มตอนชงเสร็จใหม่ๆ มันจะอร่อยมากกว่านี้เยอะ

    หลังจากกระดกนมสด(ที่ไม่อุ่น)หมดแล้ว ฉันก็เตรียมลุกขึ้นไปล้างแก้วหลังเคาน์เตอร์ แต่ยังไม่ทันที่จะเดินถึงทางเข้า เสียงเปิดประตูคาเฟ่และกระดิ่งได้ดังออกมาจากด้านหลัง 

    กริ๊ง~

    เมื่อลองหันกลับมองดูปุ๊บ พบกับเมดสาวตัวจริงเสียงจริงในชุดกระโปรงสีขาวสว่างใส ผมสีดำถูกรวบขึ้นข้างบนโดยมีการปล่อยหน้าม้าลงมาด้วย รวมทั้งนัยน์ตาสีดำที่ดูเรียบง่ายแต่แอบมีเสน่ห์แฝงข้างใน สุดท้ายคือแก้มสีชมพูระเรื่อแสดงถึงความน่ารักสดใส

    อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณยูกิ เช้านี้ชงเครื่องดื่มล่วงหน้าเลยสินะคะ

    เอ่อ...อรุณสวัสดิ์ค่ะ พอดีรีบเข้าสำนักงานไวกว่าวันก่อน ก็เลยไม่ได้ดื่มอะไรอุ่นๆ จากบ้านเลยน่ะค่ะฉันยิ้มให้เล็กๆ ก่อนที่จะวางแก้วเอาไว้บนโต๊ะเพื่อมอบหน้าที่ให้อีกฝ่ายดำเนินการต่อ

    อ่อ...ถ้างั้นตอนนี้คุณเข้าสำนักงานร่วมกับสมาชิกคนอื่นๆ ได้เลยนะคะ เดี๋ยวฉันจะอยู่ทำหน้าที่ของตัวเองต่อ แน่นอนว่ายินดีรับบริการตลอดเวลาค่ะ

    ว่าจบอีกฝ่ายก็เดินมารับแก้วใบสีขาวไว้พร้อมเดินเข้าห้องหลังเคาน์เตอร์ ฉันยืนมองเธอสักพักแล้วเดินออกจากคาเฟ่พร้อมขึ้นบันไดไปยังสำนักงานนักสืบบุโซอย่างรวดเร็ว 

    ในใจยังแอบนึกถึงสภาพของดาไซกับคุนิคิดะในปัจจุบันว่าเป็นตายร้ายดียังไง แต่ขอเดาไว้ก่อนเลยว่าพวกเขาคงยุติศึกกันเรียบร้อย

    เมื่อลากสังขารบางๆ จนถึงหน้าประตูสำนักงาน เสียงเจี๊ยวจ๊าวของแต่ละคนภายในห้องก็ดังลอดเล็ดออกมาให้ได้ยิน มือขวาของฉันค่อยๆ ยกขึ้นจับลูกบิดประตูแล้วเปิดเข้าไปข้างในทันที 

    แต่ทว่า...

    สิ่งที่พบตรงหน้าอันน่าช็อกโลกยิ่งกว่าเก่าคือ ดาไซ(อีกแล้วเรอะ!?)กำลังยืนบนโต๊ะของประธานในท่าประหลาดๆ โดยเขาแยกขาออกจากกันและย่อเข่าลงทำมุม 90 องศา แขนทั้งสองห้อยต่องแต่งอยู่ข้างหน้า แถมยังเอียงตัวออกทางขวาอีก

    “อะ...อะไรล่ะเนี่ย...

    ฉันยืนมองด้วยความเหวอบวกเงิบแดกหนักมากก่อนที่จะถูกชายหนุ่มจิตพิลึกหันมาจ้องหน้าช้าๆ อย่างกับผีในหนังสยองขวัญ ซึ่งตอนนี้อีกฝ่ายมีสีหน้าเหมือนตัวเองเพิ่งเสพสารพิษหมาดๆ ดวงตาสีน้ำตาลที่เบิกออกกว้างในสภาพไร้อารมณ์หรือแววตา แต่พอเอามารวมกับความม่วงจัดบนใบหน้าปุ๊บ ทำให้เขากลับกลายเป็นผีบ้ามากกว่าคนบ้าอย่างที่เข้าใจ

    ต่อมาสมาชิกในสำนักงานนักสืบบุโซที่เหลือต่างหันกลับมาทางนี้หลังจากพากันรับมือกับนักสืบผมน้ำตาลไว้นานจนเริ่มไม่ไหวอีกต่อไป

    เหยย~ ยูกิจังมาแย้วเหยออ~ มาดูความมหัศจรรย์ของโยโมสึฮิราซากะแห่งนี้จิ~ดาไซพูดชักชวนฉันด้วยน้ำเสียงโคตรหลอนพร้อมชี้นิ้วมือสองข้างขึ้นเหนือหัว ซึ่งมันมีความว่างเปล่า แม้แต่ยุงก็ยังไม่บินว่อนมาเลย

    เอ่อ...คุณทาจิบานะ คือคุณดาไซเขาเผลอกินเห็ดพิษตามคู่มือเล่มนี้น่ะครับอัตสึชิรีบเดินมาทักใกล้ๆ แล้วหยิบคู่มือสีแดงเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายฉบับสมบูรณ์และเห็ดสีเขียวลายเหลืองที่ถูกกัดบางส่วนให้ดูชัดๆ

    หน้าตาเหมือนอย่างที่คิดไว้เป๊ะเบยใช่ม้าา~ หมอกสีฟ้าปกคลุมอยู่ที่พื้น แสงจันทร์สาดส่องกระทบหน้าต่าง แถมยังมีช้างสีชมพูเต้นบนฟ้าด้วยนาา~ ฮิๆๆ

    มันเกิดบ้าอะไรกับตัวเขากันแน่ฟะ...

    สงสัยจะจำสลับกับเห็ดที่มีพิษถึงตายล่ะมั้ง ฉันเห็นเจ้านั่นรีบแจ้นขึ้นภูเขาหลังได้อ่านเจอวิธีฆ่าตัวตายด้วยเห็ดพิษเมื่อวานตอนเย็น ดูท่าทางมุ่งมั่นตั้งใจซะเหลือเกิน

    คุนิคิดะที่เหมือนอ่านความคิดฉันออกได้หันมาตอบพร้อมหยิบสมุดอุดมคติขึ้นเช็คดูอะไรบางอย่าง สงสัยจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวานตอนเย็นตามที่เขาบอกล่ะมั้ง

    ฟุ่บ!

    ดาไซค่อยๆ หย่อนตัวลงยืนบนพื้นในท่าเดิม แต่มีเปลี่ยนแค่โยกตัวซ้ายขวาไปมา เท่านั้นยังไม่พอ เขานึกอยากเล่นสิ่งต่อจากนี้ที่พิเรนทร์ยิ่งกว่าเก่า แทบเรียกว่ามีผู้ชายแค่ไม่กี่คนที่จะสามารถทำได้ โดยเริ่มจากหมุนตัวหันหลังให้แล้วเอนหลังลงทำท่าสะพานโค้ง เขาฉีกยิ้มกว้างอย่างน่ากลัวก่อนที่จะขยับแขนขาเคลื่อนตัวเข้ามาในท่านั้นเลย

    ดะ...เดี๋ยวๆๆ อย่าเข้ามาใกล้นะ ดาไซ!”

    มาเล่นกันเถอะน้าา~ ยูกิจวางง~ ฮิๆๆๆๆ

    อีกฝ่ายไม่ฟังอะไรทั้งนั้นและมุ่งตรงทางนี้อย่างรวดเร็ว ฉันเริ่มกลัวๆ ในใจแล้วรีบวิ่งหนีรอบห้องสำนักงานหวังให้หมดแรงให้ได้ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิดไว้เนี่ยสิ ยิ่งหนีออกห่างนานเท่าไหร่ เหมือนพลังงานในตัวเขาจะเร่งฟื้นฟูเร็วขึ้นหลายเท่าตัว จนบางครั้งก็มีตีลังกากลับหลังสองสามตลบสลับกับคลานท่าสะพานโค้งเหมือนเดิม

    ที่สำคัญคือ...สมาชิกทุกคนต่างพากันแยกย้ายไปทำงานทำการของตัวเองกันหมดแล้วด้วย!!

    แต่มีสิ่งหนึ่งแอบเพิ่มมาในมือขวาของฉันอย่างเนียนๆ นั่นคือ เศษกระดาษจากสมุดอุดมคติ โดยมีข้อความเขียนไว้ว่า...

     

    ครั้งนี้ฉันจะให้เวลาเธอหนึ่งวันในการช่วยหยุดเจ้าบ้าดาไซละกันนะ

     

    ทำไงดีๆๆ เราจะหยุดดาไซผู้โรคจิตติดเห็ดพิษแบบไหนดีเนี่ย

    ถ้าใช้แคทเชอร์จากพลังพิเศษฟาดท้ายทอยให้สลบคงเป็นความคิดที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะเขาอาจลบล้างพลังดักหน้าก่อน หรือถ้าไปขอความช่วยเหลือจากคุนิคิดะกับคุณหมอโยซาโนะก็คงรบกวนการทำงานอีก

    เฮ้อ...จนปัญญาแล้วจริงๆ ค่ะ

    “...

    เอาวะ! งานนี้ต้องงัดไม้ตายใส่สถานเดียวละ!

    ดาไซเอ๊ย~ ตามมาทางนี้เร็ว โมะๆๆๆ เดี๋ยวคุณแม่จะพาไปกินปูนึ่งที่ภัตตาคารหรูๆ น้า~ฉันยอมรับบทเป็นเจ้านายของดาไซโดยแทนตัวเขาเหมือนหมาตัวหนึ่งพร้อมล่อลวงให้มาร่วมกินอาหารโปรดอย่างปูนึ่งด้วยกัน

    จริงเหยออ~!! ใจดีจังเยยน้าา~ ยูกิจวางง~” เขาแสดงสีหน้าดีใจจนตาลุกวาวประหนึ่งแววตาสาวน้อยเวทมนตร์ตามโชวโจมังงะตามร้านแล้วกุมมือฉันไว้แน่นมาก จากที่เคยทำท่าสะพานโค้งตอนนี้ถูกเปลี่ยนกลับเป็นท่ายืนปกติเรียบร้อย

    แต่ก่อนอื่นช่วยหยุดพูดสำเนียงคนไม่เต็มบาทก่อนได้มั้ยคะ มันโคตรน่าเกลียดเลยค่ะ

    ฉันส่งสายตามองอีกฝ่ายด้วยความเซ็งจิตก่อนที่จะจับมัดเชือกเพื่อรวบข้อมือทั้งสองข้างเตรียมจูงออกจากห้องทำงานอย่างเร็วไว

    โอเกจ้าา~ แต่อย่าทำเหมือนเค้าเป็นหมาจิ~ เค้าไม่จ้อบหมาอ่าา~

    ยังไม่เลิกอีกเหรอวะ...อีตาบ้าผ้าพันแผลนี่

    เอ๊ะ? เดี๋ยวนะ...เมื่อกี้เหมือนได้ยินว่า ไม่ชอบหมา เลยแฮะ 

    งั้นแปลว่าเขา...กลัว? เกลียด

    แต่ไม่รู้แหละ ไหนๆ ก็เริ่มนึกอะไรสนุกๆ ออกแล้ว...

    คงต้องมีการงัดมันมาใช้ให้สาสมใจบ้างละ!

    รอยยิ้มจอมมารของฉันเริ่มเผยออกตรงมุมปาก แผนชั่วร้ายเพื่อต่อกรกับหนุ่มนักสืบจิตพิลึกผมน้ำตาลตรงหน้ากำลังจะได้ดำเนินการ ณ บัดนี้

    รับรองแกไม่รอดถึงรุ่งสางวันถัดไปแน่นอน...ดาไซ!

     

    ผ่านไปหลายนาที

    หลังจากที่ต้องจูงร่างดาไซผู้ติดพิษจากเห็ดบนภูเขาจนหน้าม่วงคล้าย Ao Oni ออกจากสำนักงานนักสืบบุโซเพื่อมุ่งหน้ามายังซอกหลืบข้างร้านอาหารใกล้ฐานพอร์ตมาเฟีย พวกเราพากันยืนพิงกำแพงอย่างมึนๆ อึนๆ ซึ่งเมื่อมาถึงตั้งแต่ก้าวแรก ฉันได้บอกให้นักสืบจิตพิลึกยืนรอและขอตัวเข้าร้านอาหารเพื่อโทรนัดใครบางคนไว้เป็นการส่วนตัวก่อนที่จะเดินกลับมาหาเขาอีกครั้ง

    ยูกิจวางง~ ไหนล่ะปูนึ่งของเค้าอ่าา~ เค้าหิวแย้วน้าา~

    ตายละ...อย่าบอกนะว่าพิษจากเห็ดสีเขียวนั่นยังออกฤทธิ์วนเวียนอยู่?

    เออน่า เมื่อกี้เพิ่งจะสั่งทางร้านเอง รอก่อนสักพักเดี๋ยวก็ได้กินแล้ว โอเค๊?” ฉันยอมดึงหน้าด้านๆ มาประกอบการพูดอ้างด้วยเหตุผลล่อลวงตามแผนการที่เคยวางไว้ในหัว และเขาก็ดันหลงเชื่ออย่างกับคนใสซื่อซะนี่

    ตึก...ตึก...ตึก

    เสียงฝีเท้าหนักๆ จากทางเข้าดังขึ้นขัดจังหวะและมีร่างของชายหนุ่มชุดดำผู้เป็นหนึ่งในกลุ่มพอร์ตมาเฟียอันน่าคุ้นเคยเดินตรงมาอย่างห้าวหาญ โดยเขาคนนั้นเป็นคู่นัดหมายที่ฉันโทรหาล่าสุดนี่แหละ

    ว่าไง ไอ้เบื๊อกดาไซ กินเห็ดพิษจนหน้าม่วงมาแบบนี้ช่างน่าสงสารเหลือเกินชูยะยื่นมือขึ้นไปจับดึงคอเสื้อลงมามองหนุ่มนักสืบผมน้ำตาลพร้อมส่งสายตาจิกใส่ ต่อมาจึงเริ่มหันมาถามฉันต่อ แล้วเรื่องที่จะขอร้องให้ช่วยนี่คืออะไรล่ะ...ยูกิ ถ้าเรื่องชกต่อยกับไอ้คู่หูเก่าผีบ้านี่โคตรถนัดยิ่งกว่าถนัดเลย

    ฉันฉีกยิ้มออกกว้างหลังได้ฟังคำถามเมื่อครู่จบแล้วกวักมือเรียกอีกฝ่ายให้มาฟังคำขอใกล้ๆ ด้วยการกระซิบข้างหู

    คืองี้...ฉันอยากให้นายได้ลองกลั่นแกล้งดาไซในสภาพติดพิษให้ดูหน่อยน่ะ ท่าทางน่าสนุกดี...อีกอย่างทางสำนักงานก็ไม่เกี่ยงอะไรด้วย ถ้ายอมช่วยสักหนึ่งวันเต็มๆ คงไม่ขัดงานการเท่าไหร่เนาะ...

    หืมม? เอางั้นเลยสินะ...

    อื้ม...ขออย่างเดียวว่าอย่าลงมือจนตายคาที่แค่นั้น ถึงจะไม่ค่อยช่วยทำงาน แต่เขาก็ยังเป็นสมาชิกนักสืบบุโซคนสำคัญอยู่เหมือนกัน

    โอเค...ฉันพอจะมีลูกเล่นใหม่ๆ ไว้แกล้งเจ้านั่นในหัวบ้างแล้วแหละ ได้ระบายสักนิดคงรู้สึกดีไม่ใช่น้อยเลย

    ทั้งฉันและชูยะต่างแอบหัวเราะในลำคอด้วยความชั่วร้ายพร้อมวางแผนกลั่นแกล้งดาไซให้หายสร่างจากพิษเห็ดสีเขียวภายในหนึ่งวันอย่างเป็นระบบ จากนั้นจึงเริ่มจับเชือกจูงร่างเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายและย้ายสถานที่แห่งใหม่ เพราะแผนการล่อลวงด้วยปูนึ่งขั้นแรกได้จบลงเรียบร้อยแล้ว

    ในระหว่างนั้นเอง...

    “แว้กกกกก!! ม่ายน้าาาาา!!

    จู่ๆ ดาไซก็กรีดร้องด้วยความสะดุ้งโหยงโดยไม่ทันตั้งตัวแล้ววิ่งหนีไป ซึ่งโชคดีหน่อยที่ฉันปล่อยมือออกจากเชือกไว้ทัน แต่พอลองหันกลับมองตรงหน้าตัวเองอีกครั้ง พบว่ามีฝูงหมาพันธุ์ร็อตไวเลอร์เกือบสิบตัวจากบ้านไหนไม่รู้กำลังวิ่งกรูเข้ามาอย่างรวดเร็ว

    อืมม...อีนี่ถึงกับบางอ้อเลยทีเดียวค่ะ

    “...

    เดี๋ยวนะ...มันใช่เวลาต้องยืนเข้าใจสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นมั้ยเนี่ย เผ่นออกไปไกลๆ แล้วปล่อยให้พวกมันไล่ล่าเหยื่อคนนั้นแทนดีกว่ามั้ง!!

    ดูท่าทางแผนการของพวกเราจะลุล่วงไวขึ้นแฮะ แบบนี้ฉันก็ไม่ต้องตามหาสิ่งที่ไอ้เบื๊อกนั่น ไม่ชอบให้เสียเวลาต่อไปชูยะที่วิ่งตามหลังฉันพูดด้วยความโล่งอกโล่งใจพร้อมกับยิ้มกว้างให้หนึ่งที

    นะ...นั่นสินะ ดำเนินเร็วกว่าที่คิดไว้ซะอีก งั้นต่อจากนี้ก็เป็นหน้าที่ของนายคนเดียวแล้วล่ะ

    อา ไว้วางใจฉันได้เลย ยูกิร่างกายของเขาเริ่มมีออร่าสีแดงปรากฏขึ้นรอบๆ แสดงให้เห็นว่ากำลังจะได้ใช้พลังพิเศษของตัวเองในอีกไม่ช้า คราวนี้แหละที่การกลั่นแกล้งของฉันจะต้องบรรลุผลให้จงได้!!”

    เอาเป็นว่า...

    ขอให้คุณโชคดีละกัน...ดาไซ โอซามุ!

     [ Nice to meet Dazai Osamu ]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×