ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Bungo Stray Dogs] นางฟ้าแห่งคำสาป

    ลำดับตอนที่ #32 : Episode 22 นักดาบคนหนึ่ง [ภาคกลางวัน]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 308
      34
      3 มิ.ย. 63

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     Tiny Hand 

    [ ช่วงที่ชูยะกำลังจะคุยกับคูแลนน์ ]

    [ มุมมองของยูกิ ]

    หลังจากพวกเรากลุ่มนักสืบบุโซร่วมประชุมเรื่องงานไหว้วานใหม่ ตัวฉันที่ได้รับกำลังใจจากคุนิคิดะตบท้ายก็เดินออกมายังโซนทำงานจนได้พบกับฟุมิโกะที่กำลังนั่งคุยกับดาไซอย่างหอมปากหอมคอ แน่นอนว่าทางนักสืบจิตพิลึกมีสีหน้าสุดแสนจะอิ่มเอม ยิ้มชื่นบานยามได้อยู่กับสาวๆ

    คือแบบบางทีก็ทำเอารู้สึกเอือมๆ แปลกๆ ยังไงพิลึก

    เอ่อ...เอาเป็นว่าพวกเราเข้าคาเฟ่กันก่อนดีกว่าเนาะ

    ฉันมองคู่สนทนาด้วยความเอือมระอาพร้อมพาอัตสึชิกับเคียวกะเดินลงไปยังเป้าหมาย ส่วนกลุ่มนักสืบแว่นและสองพี่น้องทานิซากิก็เริ่มปฏิบัติงานตามแผนการ โดยระหว่างนั้นดาไซได้แอบขยิบตาส่งให้ด้วยความเล่ห์เหลี่ยมตามประสาหนุ่มขี้หลี

    แต่ทำไม...มันดูเหมือนมีความหมายบางอย่างแฝงอยู่นะ

    “...”

    อืมม...

    เอาเถอะ...ถ้าเขามีความคิดอะไรในหัวจริงๆ ก็คงจะเฉลยอีกไม่นานแหละ

    ตึก...ตึก...ตึก

    พวกเราสามคนเลือกที่จะเดินลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์เพราะไม่ค่อยจำเป็นอะไรมากมาย ซึ่งในระหว่างนั้นเด็กสาวชุดกิโมโนถือโอกาสนี้ขอเปิดประเด็นพูดคุยกับฉัน

    คุณยูกิ...ฉันอยากเจออิชิคาวะ เรียวโกะ ไวๆ จัง...”

    นั่นสินะ...ช่วงนี้เรียวโกะคงจะไม่ได้แวะเวียนมาหาฉันบ่อยๆ ซะด้วยสิ เธอคนนั้นกำลังทัวร์เมืองตามประสานักท่องเที่ยว แถมยังไม่รู้ว่าพักผ่อนอยู่ที่ไหน

    เอ๊ะ...? คุณเรียวโกะไม่ได้บอกเรื่องนั้นเลยเหรอครับ คุณทาจิบานะ

    ไม่เลยจ้ะ...แต่ฉันเชื่อว่าสักวันเธอต้องบอกอย่างแน่นอนฉันพูดอย่างมีความคาดหวังพร้อมหันหน้าส่งรอยยิ้มบางให้เสือสมิงผมขาวตบท้าย

    นั่นสินะครับ ผมเองก็หวังเอาไว้แบบนั้นเหมือนกัน

    ฉันก็เหมือนกัน...”

    ทั้งอัตสึชิกับเคียวกะต่างแสดงถึงความคาดหวังเหมือนกันแล้วค่อยเริ่มเดินลงบันไดต่อจนถึงชั้นล่างสุดก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้าคาเฟ่อิสึมากิ

    กริ๊ง~

    เสียงกระดิ่งน้อยๆ ดังต้อนรับพวกเราพร้อมกับบรรยากาศแสนอบอุ่นเหมือนเคย ธีมห้องสีน้ำตาลบวกกับเหล่าเก้าอี้นุ่มสีเขียวที่แสดงให้เห็นถึงความสบายใจ ยิ่งได้จิบเครื่องดื่มอันโปรดปรานยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยบนท้องฟ้า

    แต่สิ่งที่เพิ่มเติมในครั้งนี้คือ ร่างของชายหนุ่มชุดคลุมดำและมีผมดำปลายขาว ซึ่งกำลังนั่งจิบชารอรับฟังงานไหว้วานใหม่ มันจะเป็นใครที่ไหนได้นอกจากเจ้าของราโชมอนอย่างอาคุตางาวะนั่นเอง

    “...? เสือสมิง? นี่แกร่วมงานในครั้งนี้ด้วยงั้นเหรอ...” เขาสังเกตเห็นอัตสึชิคนแรกแล้วขมวดคิ้วจ้องมองอย่างสงสัย (แม้จะไม่มีคิ้วให้เห็นก็เถอะนะ...)

    ผมกับคุณทาจิบานะเป็นเพื่อนร่วมงานด้วยกันอยู่แล้วนี่ ไม่เห็นมีอะไรต้องแปลกตรงไหนเลย

    ฮึ...กระผมคิดไว้แล้วว่าต้องพูดแบบนี้...ใช้คำว่า เพื่อนร่วมงาน มาอ้างได้ตลอดจริงๆ

    อย่างน้อยก็ดีกว่าแกละกันที่หาคำว่า ความแข็งแกร่ง กับ คุณดาไซ มาอ้างตอนสังหารคนอื่น

    ว่าไงนะ...”

    เอาอีกแล้ว...จะจิกกัดเหมือนเด็กไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย

    ฉันมองสองหนุ่มขาวดำพลางถอนหายใจแบบเอือมระอาปนกับความเหนื่อยหน่ายเหมือนตัวเองกำลังเลี้ยงเด็กน้อยก่อนที่จะพานั่งลงฝั่งตรงข้ามหนุ่มพอร์ตมาเฟียแล้วค่อยเริ่มอธิบายรายละเอียดงานอย่างไม่รีรอ

    .

    ..

    ...

    ....

    .....

    อย่างนี้นี่เอง...เธอคนนั้นหายตัวไปเหมือนคดีก่อนๆ สินะ

    อืม...ไร้การติดต่อกลับมา แถมยังไม่มีท่าทีพร้อมรับสายตอนโทรไปด้วย หวังว่าพวกเราจะตามหาเจอเร็วๆ ละกัน...” ฉันค่อยๆ ยกศอกขวาขึ้นชันโต๊ะและกุมขมับทันทีที่พูดจบด้วยความกังวล

    คุณยูกิ...” เคียวกะนั่งจับแขนเสื้อฮู้ดหูกระต่ายของฉันไว้แล้วดึงเบาๆ เชิงปลุกกำลังใจ ไม่ต้องกังวลหรอกนะ...พวกเราต้องเจอคุณยาสุอย่างแน่นอน

    ใช่แล้วครับ...ไม่มีทางที่พวกเรากลุ่มนักสืบบุโซจะทำงานพลาดแน่นอน

    “...” อาคุตางาวะเงียบปากไม่ออกความเห็นใดๆ พร้อมหยิบรูปภาพสองสาวบนโต๊ะขึ้นมองพิจารณา งั้นเริ่มงานเลยดีกว่านะ...ทาจิบานะ พวกเราไม่ควรใช้เวลานานโดยใช่เหตุแบบนี้แล้ว

    อะ...อื้ม งั้นเดี๋ยวฉันขึ้นไปเรียกคุณฟุมิโกะเองละกันเนาะ

    ว่าจบฉันก็ค่อยๆ ลุกออกจากเก้าอี้และบอกให้ทั้งสามคนที่เหลือนั่งรอในคาเฟ่แห่งนี้ก่อนที่จะเดินออกไปยังสำนักงานนักสืบบุโซ เพื่อเริ่มต้นงานไหว้วานใหม่ตามหาเพื่อนสาวที่กำลังหายตัวไป

    “...”

    หวังว่าริปเปอร์จะไม่ดื้อทำอะไรกับคุณยาสุละกัน...

     

    ห้านาทีผ่านไป

    ตึก...ตึก...ตึก

    ณ ตอนนี้พวกเราห้าคนต่างเดินริมถนนท่ามกลางบรรยากาศช่วงกลางวันที่ยังมีผู้คนบางส่วนเดินเพ่นพ่านอยู่ บ้างก็กำลังนั่งพักผ่อนหย่อนใจ บ้างก็ทำการซื้อขายภายในร้านขนาดย่อม หันมองรอบๆ ไม่มีวี่แววของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาแม้แต่ปลายเส้นผม เหล่ารถยนต์ขับจราจรไม่มากเสียเท่าไหร่

    ดูท่าทางปกติดีจริงๆ แหละ ถ้าเกิดไม่นับกลุ่มคนที่ยังซึมๆ เมื่อฮารุกิหายไปอ่ะนะ

    จะว่าไปคุณดาไซได้คุยเรื่องอะไรกับคุณงั้นเหรอครับ คุณอิเคโดะอัตสึชิหันมาถามลูกค้าสาวด้วยความสงสัยหลังพบว่ามีบรรยากาศที่ดูชื่นบานชื่นใจ

    ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ เขาแค่อยากอยู่เป็นเพื่อนตอนที่พวกคุณเข้าห้องประชุมเท่านั้นเอง

    สรุปดาไซแอบเนียนม่อสาวจริงๆ เหรอเนี่ย...

    ยะ...อย่างนี้นี่เอง แต่พอเห็นพวกคุณนั่งพูดคุยด้วยกันอย่างหอมปากหอมคอแบบนี้ แปลว่าคุณฟุมิโกะคงถูกใจดาไซแน่ๆ เลยค่ะ

    กระผมว่าคนที่ดูท่าทางถูกอกถูกใจน่าจะเป็นคุณดาไซมากกว่า...แค่สีหน้าก็บ่งบอกแล้วอาคุตางาวะพูดต่อจากฉันก่อนที่จะยกมือปิดปากไอสองสามรอบเหมือนเคย

    นั่นสิ...อาคุตางาวะคุงพูดถูกจริงๆ แหละเนาะ

    ต่อจากนั้นพวกเราก็หมดคำพูดอื่นใดพร้อมเดินทางและชมบรรยากาศแสนสงบต่อเรื่อยๆ รวมถึงการเหลือบหาเพื่อนสาวของฟุมิโกะอย่างยาสุไปพลางๆ เผื่อบังเอิญพบเจอระหว่างทาง แต่ดูท่าทางว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น

    ตึก...ตึก...ตึก

    “...”

    อืมม...จะว่าไปทางชูยะเป็นไงบ้างนะ เห็นริปเปอร์เล่าในฝันเมื่อคืนให้ฟังว่าเขาใช้พลังพิเศษจนเกินขีดจำกัดของตัวเอง แถมยังเกือบตายถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากนักสืบผมน้ำตาลผู้มีพลังลบล้างพลังพิเศษเพียงแค่ปลายนิ้ว

     

    ยูกิเอ๋ย...คืนนี้เจ้ามีเรื่องอะไรกังวลในใจหรือไม่

    เอ๊ะ...? ทำไมจู่ๆ ถึงได้...”

    ข้าสัมผัสได้ถึงหัวใจเจ้าที่กำลังมีคำถามอยู่...”

    งะ...งั้นตอนที่ฉันสลบลงไป...เกิดอะไรขึ้นกับชูยะบ้าง

    ฮืมเพื่อนพอร์ตมาเฟียผมส้มนั่นคอยปกป้องเจ้าและสู้ด้วยพลังทั้งหมด แต่เขาดันใช้มากเกินขีดจำกัด

    เกินขีดจำกัด...”

    พลังพิเศษของนากาฮาระ ชูยะ...นอกจากควบคุมพลังแรงโน้มถ่วงเองแล้ว ยังถูกแรงโน้มถ่วงควบคุมด้วยพลังอันแท้จริงอย่างมลทิน มีผลต่อร่างกายทุกส่วน รวมถึงจิตใจที่ถูกครอบงำด้วย

    อึ่ก...ยะ...อย่าบอกนะว่าเขา...”

    แต่อย่าได้กังวลใจไป...เขากำลังอยู่ในการพักฟื้นอยู่ หากตื่นเช้ามา...อาจจะหายดีก็ได้

     

    ชูยะ...

    ตื๊ดด~ ตื๊ดด~ ตื๊ดด~

    ระหว่างที่กำลังเดินนึกคิดถึงเรื่องชูยะ เสียงโทรศัพท์สั่นก็ดังขัดจังหวะพอดี พอลองหยิบขึ้นมาดูบนหน้าจอพบกับหมายเลขของเจ้าตัวเหมือนมีตาพันลี้บอกว่าเขาจะโทรมา ฉันขอตัวแยกจากพวกอัตสึชิสักสามเมตรก่อนที่จะกดรับสายทันที

    ฮัลโหล...นี่ยูกิเอง มีเรื่องอะไรอยากคุยรึเปล่า ชูยะ

    เอ่อ...คืองี้นะ ยูกิ ช่วยมาหาที่ร้านคาเฟ่ประจำสำนักงานนักสืบได้รึเปล่า

    น้ำเสียงที่ได้ยินนั้นทำเอาฉันรู้สึกโล่งใจเพราะดูท่าทางจะสบายดีขึ้นแล้ว แต่แอบแปลกใจเหมือนกันที่จู่ๆ เขาก็เรียกให้คุยในสถานที่ที่เพิ่งเดินออกมาเมื่อห้านาที

    เอ๊ะ...? ตอนนี้เลยงั้นเหรอ...”

    ใช่...อีกอย่างฉันมีเรื่องอยากคุยกับเธอเยอะเลย กลัวว่ามันจะคาใจอีกนานน่ะ

    เรื่องคาใจ...? ใช่เรื่องเมื่อคืนที่ร่วมสู้กับฮารุกิแล้วใช้พลังพิเศษเกินขีดจำกัดรึเปล่านะ จากใจจริงก็ยังเป็นห่วงอยู่ แต่ไม่รู้ว่าร่างกายตอนนี้ฟื้นฟูเต็มที่รึยัง

    ถ้าลองกลับไปคุย...คิดว่าน่าจะทันอยู่แหละนะ ฝากฝังให้นักสืบและมาเฟียสามคนคอยช่วยฟุมิโกะแทนไปก่อนก็คงไม่เลวร้ายอะไร

    งั้นฉันขอบอกผู้ว่าจ้างงานก่อนละกัน...ถ้าได้คำตอบยังไงเดี๋ยวจะติดต่อกลับไป โอเคเนาะ

    อะ...อ่า...ฉันจะรอละกันนะ

    ติ๊ด!

    เมื่ออีกฝ่ายพูดจบก็รีบกดวางสายภายในช่วงเสี้ยววินาทีปานสายฟ้าแลบ ฉันยืนมองโทรศัพท์ด้วยความงุนงงได้สักพักแล้วค่อยเดินกลับไปบอกฟุมิโกะเกี่ยวกับเรื่องนี้

    เอ่อ...คุณฟุมิโกะ พอดีฉันต้องกลับไปคุยธุระตรงๆ กับเพื่อนร่วมงานที่คาเฟ่น่ะค่ะ เพราะงั้นเดี๋ยวจะฝากให้พวกอัตสึชิคุงคอยช่วยเดินตามหาไปพลางๆ ก่อน

    อ่อ...ได้ค่ะ หวังว่าจะไม่คุยนานมากเกินนะคะ เพราะพวกเราไม่มีทางรู้เลยว่ายาสุจังอยู่ที่ไหน

    “นั่นสินะ...แต่ไว้วางใจพวกกระผมได้เลย...ทาจิบานะ มีคนช่วยสามคนก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”

    อื้ม...ฝากด้วยนะ อาคุตางาวะคุง อัตสึชิคุง เคียวกะจังฉันกล่าวขอบคุณพร้อมฝากฝังงานให้ทั้งสามคนแล้วเดินออกมา มือขวาหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดหาเบอร์ของหนุ่มพอร์ตมาเฟียผมส้มและแนบหูรออีกฝ่ายรับสาย

    “...”

    .

    ..

    ...

    ฮัลโหล ยูกิ

    ตอนนี้ฉันคุยกับผู้ว่าจ้างเรียบร้อยแล้ว...เดี๋ยวรออีกแป๊บเดียวเนาะ ในระหว่างนั้นก็ฝากสั่งนมสดอุ่นเผื่อให้---”

    คุณทาจิบานะ!! ระวังด้านหลัง!!”

    เอ๊ะ...?

    ช่วงวินาทีที่ฉันกำลังคุยโทรศัพท์กับชูยะแล้วยังไม่ทันได้จบประโยค เสียงเรียกจากปากอัตสึชิดังขึ้นเชิงเตือนให้ระวัง พอหันมองกลับไปจึบพบว่าร่างของฟุมิโกะเดินตามมา เธอถือท่อนไม้ที่มีลักษณะคล้ายดาบไม้ก่อนที่จะจับด้ามฟาดมายังไหล่ขวาอย่างเต็มแรง

    ปึก!!

    อ๊ะ...!”

    ด้วยความรุนแรงที่ทุ่มเข้าใส่ ทำเอาฉันรู้สึกเจ็บแปร๊บทั่วแขน หนำซ้ำเธอยังพยายามเล็งปลายไม้เตรียมแทงกลางอก ซึ่งยังดีที่มีแขนอีกข้างว่าง จึงต้องยอมใช้มันเพื่อป้องกันไว้ แน่นอนว่ามันเจ็บมาก ขาสองข้างเดินเซถอยเข้าซอกหลืบจนล้มลงพื้น

    นี่มัน...เกิดบ้าอะไรขึ้น...

    ฮึๆๆ รู้สึกดีจังเลยน้าา...ขอบใจมากที่ยอมรับงานตามหาเพื่อนฉันในครั้งนี้

    คุณ...ฟุมิโกะ...?”

    ตึก...ตึก...ตึก

    เสียงรองเท้าส้นสูงดังเป็นจังหวะเดินช้าๆ หญิงสาวผมสีเบจมองลงมาด้วยสีหน้าค่อนไปทางเหยียดหยามบวกกับรอยยิ้มมุมปากที่สัมผัสได้ถึงความชั่วร้าย ราวกับว่าเป็นไปตามแผนเรียบร้อย เธอก้มลงหยิบโทรศัพท์จากมือฉันในจังหวะทีเผลอ

    “...!?” คุณฟุมิโกะ...เมื่อกี้มันหมายความว่าไงกันคะ...”

    “ก็แหม...ได้ยินข่าวลือว่าเธอมีค่าหัวสูงชะลูดจนเป็นราคาเศรษฐีเลยนี่นา แถมรอบนี้ยังอุตส่าห์แบ่งกลุ่มแยกกันตามหายัยยาสุด้วย เพราะงั้นเกราะป้องกันของเธอลดน้อยลงแล้วล่ะ”

    ค่าหัว? บะ...บ้าน่า ถ้าเป็นคนธรรมดาจริงๆ ข่าวลืออะไรนั่นมันไม่ควรกระจายถึงชาวเมืองทั่วไปนอกจากสามองค์กรไม่ใช่เหรอ

    แล้วเธอคนนี้...เป็นใครกันแน่...

    เรื่องที่บอกว่าเพื่อนหายไปนี่คืออะไร...

    “อึ่ก...นี่คุณได้ทำอะไรกับคุณยาสุไว้รึเปล่า...”

    “ยัยนั่นน่ะ...กำลังโดนหลอกให้ไปเช่าหนังสืออยู่ ถึงตามหายังไงก็คงไม่เจอหรอก” อีกฝ่ายบอกความจริงพร้อมลองกดปุ่มให้เปิดโหมดลำโพง

    ยูกิ!! ได้ยินรึเปล่า!! รีบหนีออกมาเร็วเข้า!!”

    ชะ...ชูยะ...!?

    ติ๊ด!

    ชิ...เป็นผู้ชายที่น่ารำคาญจริง บังอาจขัดขวางแผนการของฉันได้ลงเธอฟังด้วยสีหน้ารังเกียจและชิงชังก่อนที่จะกดวางสายตัดหน้า คบหาเพื่อนมาเฟียแบบนี้สมกับเป็นเธอจริงๆ แหละนะ กาลกิณี...ทาจิบานะ ยูกิ

    กาล...กิณี?”

    เธอไม่เคยรู้ตัวเหรอว่าตัวเองต่ำตมมากแค่ไหนหลังจากฆ่าพ่อแม่ตัวเอง...”

    “...!!?”

    เอาเถอะ...เรื่องไร้สาระในอดีตคงไม่สำคัญต่อไป เดี๋ยวอีกไม่นาน คนๆ นั้น ก็จะได้ปรากฏตัวให้พวกเธอเห็นหน้าเห็นตากันแล้ว...”

    สิ้นเสียงเมื่อครู่ปุ๊บ ฟุมิโกะได้ทำการจับกระโปรงทรงเอฉีกออกข้างเดียว เปลี่ยนต่างหูกับสร้อยคอเป็นรูปใบโคลเวอร์สีดำ เธอจับโทรศัพท์ของฉันโยนขึ้นเหนือหัวและกำด้ามดาบไม้แน่นทำท่าเตรียมฟาดฟันเหมือนเบสบอล แต่ทว่า...

    ฟ่ออ~

    เสียงอสรพิษตัวหนึ่งร้องขู่พร้อมกับการปรากฏตัวท่ามกลางควันสีดำด้านหลัง พอหันมองทางต้นเสียงก็พบกับร่างของแคทเชอร์เปล่งแสงนัยน์ตาสีม่วง ทำให้รู้ว่ามันเริ่มแสดงอารมณ์ความโกรธเป็นครั้งแรก จากนั้นก็รีบพุ่งไปคาบโทรศัพท์กลับมาให้จนต้องรับกรรมโดนฟาดบนหัวแทน

    “...!! แคทเชอร์...!!” ฉันพยายามพยุงตัวเองขึ้นนั่งคุกเข่าพร้อมจับดึงลำตัวเข้ามาหาก่อนที่จะลูบหัวปลอบด้วยความเจ็บใจลึกๆ ทำไมต้องมารับกรรมขนาดนี้ล่ะ...ไม่เจ็บปวดเลยงั้นเหรอ...”

    “...”

    มันหันหน้ามองแล้วพยายามคลอเคลียมือ ไม่มีท่าทีเจ็บปวดใดๆ จนกระทั่งส่งโทรจิตทิ้งท้ายก่อนสลายหายไปกับควันเอาไว้ว่า ไม่อยากให้อุปกรณ์สื่อสารอันสำคัญต้องพังทลายเพราะมีเบอร์ของเหล่านักสืบบุโซและพอร์ตมาเฟียบันทึกอยู่ แม้ต้องรับกรรมแทน มันก็จะยอมทำเพื่อฉันทั้งหมด

    อึ่ก...ยะ...อย่างน้อยก็ต้องหลบบ้างสิ เจ้าบ้า...”

    “ฮึ...คนอะไรพูดคุยกับสัตว์ประหลาดแบบนี้...สมกับเป็นกาลกิณีจริงๆ เลยนะ

    ไม่ใช่!! พลังพิเศษของคุณทาจิบานะไม่ใช่สัตว์ประหลาดสักหน่อย!!”

    ช่วงวินาทีนั้น อัตสึชิก็เดินเข้ามาเผชิญหน้ากับฟุมิโกะพร้อมพูดประโยคเมื่อครู่ด้วยความมั่นใจและเชื่อใจในตัวอสรพิษของฉัน เขายืนจ้องมองในขณะที่มือทั้งสองกำหมัดไว้แน่น

    หืมม...?” หญิงสาวผมสีเบจส่งสายตาจิกแล้วค่อยเริ่มจับดาบไม้เผชิญหน้าทางเสือสมิง เด็กน้อยอย่างนายคงจะไม่เข้าใจคำว่ากาลกิณีมากพอสินะเนี่ย

    “...ผมรู้ว่าคุณทาจิบานะต้องไม่ใช่กาลกิณีแน่ๆ ทุกอย่างมันต้องเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าลองปรับเปลี่ยนมุมมองของตัวเองบ้าง...คุณจะรู้ได้เลยว่ามันไม่ใช่อย่างที่คิดเสมอไป

    อัตสึชิคุง...”

    ชิ...น่าหมั่นไส้ซะจริง ทำตัวเหมือนพระเอกไปได้ ถ้างั้น...” อีกฝ่ายเว้นช่วงประโยคพร้อมควงอาวุธไม้เพื่อเตรียมเข้าสู่โหมดต่อสู้รูปแบบซามูไร ลองจัดสักดอกจะดีกว่ามั้ยล่ะ...เจ้าหนู

    ตึก...ตึก...ตึก

    ถอยไปซะ...เสือสมิง กระผมขอจัดการเหยื่อครั้งนี้เอง

    เสียงรองเท้ากระทบพื้นเป็นจังหวะเดินบวกกับคำพูดเมื่อครู่ดังจากทางด้านหลังนักสืบผมขาว แน่นอนว่าต้นเสียงนั้นเป็นของมือสังหารประจำองค์กรพอร์ตมาเฟียอย่างอาคุตางาวะ รวมทั้งร่างของเคียวกะที่เดินสมทบเคียงข้าง

    คุณอัตสึชิ...รีบพาคุณยูกิตามหาคุณยาสุดีกว่านะ พวกฉันสองคนจะช่วยจัดการเรื่องคุณฟุมิโกะเอง...”

    อาคุตางาวะคุง...เคียวกะจัง...” ฉันมองพวกเขาที่อาสาช่วยเป็นคนถ่วงเวลาก่อนที่จะค่อยๆ ลุกขึ้นยืนในสภาพบาดเจ็บบริเวณไหล่ขวาและแขนซ้าย

    ใครจะไปยอมปล่อยให้ขัดขวางกันเล่า!!”

    คุณทาจิบานะ...!!” อัตสึชิรีบใช้พลังพิเศษเปลี่ยนรูปแขนขาเป็นเสือสมิงแล้วพุ่งเข้ามาคว้าร่างฉันไว้ในจังหวะที่ฟุมิโกะกำลังจะฟาดดาบไม้กลางหัว ซึ่งอย่างน้อยก็หลบหลีกได้ทัน งั้นฝากด้วยล่ะ...อาคุตางาวะ เคียวกะจัง

    รับทราบ...”

    ไม่ต้องบอกกระผมก็รู้หน้าที่อยู่แล้วแหละน่า...”

    ไปกันเถอะครับ คุณทาจิบานะ!”

    อื้ม...!”

    ว่าจบพวกเราสองนักสืบเริ่มพากันหนีออกจากซอกหลืบแห่งนี้และมุ่งหน้าตามริมถนนที่ค่อนข้างปลอดคน ทำให้เคลื่อนไหวไปมาได้สะดวกยิ่งขึ้น ในระหว่างนั้นก็เหลือบซ้ายขวาเพื่อมองหายาสุแต่ยังไม่พบวี่แววแม้แต่นิด

    ตึกๆๆๆๆ

    “...?”

    ช่วงที่กำลังสับเท้าวิ่งนั้น สายตาฉันได้เหลือบเห็นร่างผู้หญิงคนหนึ่งในชุดผ้าคลุมตัวสีดำ ไม่ใส่ฮู้ดคลุมหัว เมื่อลองมองพิจารณาทรงผมกับใบหน้าของเธอ พบว่ามีทรงผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาสีเหลืองทองสว่าง ผิวคล้ำ แน่นอนว่าคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี

    เรียวโกะ...?”

    “...” เธอยืนมองพวกเราบนตึกสูงนิ่งๆ ก่อนที่จะหยิบอะไรบางอย่างจากผ้าคลุมแล้วค่อยโยนลงมาให้ด้วยความแม่นยำ โดยมันเป็นกระบอกไม้สีน้ำตาลอ่อนคล้ายกับคัมภีร์ม้วนสมัยเก่า ภายในนั้นมีกระดาษสองแผ่นม้วนบรรจุกันอยู่

    ข้อมูล...งั้นเหรอครับ

    น่าจะเป็นแบบนั้นแหละนะ...” ฉันค่อยๆ ชะลอตัวลงหยุดวิ่ง ณ ตรงหน้าซอกหลืบใหม่พร้อมหยิบแผ่นกระดาษดังกล่าวออกมาอ่าน ใจความทั้งหมดมีอยู่ว่า...

     

    รีบตามหาคัมภีร์ห้าห่วงในร้านเช่าหนังสือซะ

    นั่นคือสิ่งที่อิเคโดะ ฟุมิโกะกำลังเล็งอยู่ 

    พิกัดร้านจะอยู่ในกระดาษอีกแผ่นหนึ่ง 

    แต่ถ้าคว้ามาไม่สำเร็จ...เกิดเรื่องใหญ่แน่นอน 

    และพอถึงเวลานั้นจริง...ขอให้เตรียมอาวุธไว้ด้วยล่ะ


    คัมภีร์ห้าห่วง...

    คิดว่าน่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับอะไรสักอย่างที่สำคัญต่อคุณอิเคโดะน่ะครับ

    อัตสึชิพูดอย่างครุ่นคิดแล้วหยิบกระดาษอีกแผ่นออกมาดู ซึ่งนั่นคือพิกัดร้านที่พวกเราต้องมุ่งหน้าไป พบว่าร้านอยู่ห่างจากซอกหลืบในตำนานประมาณสองกิโลเมตร

    แน่นอน...มันห่างจากที่นี่สามกิโลเมตรเลย

    ถ้ารีบไปตอนนี้ จะยังทันรึเปล่านะ...ฉันพึมพำเบาๆ ในขณะที่มือกำลังเก็บแผ่นกระดาษข้อความม้วนเข้ากระบอกไม้แล้วหันมองเป้าหมายตรงหน้าที่ห่างออกไกล

    ต้องทันสิ...พวกเราต้องทำได้อยู่แล้ว เผลอๆ อาจเจอตัวคุณยาสุระหว่างทางด้วย

    นั่นสินะ อย่างที่อัตสึชิคุงพูดเลย เพราะถ้าเจอตัวแล้วก็จะสามารถห้ามเธอได้

    ...งั้นรีบไปกันดีกว่าครับ คุณทาจิบานะ!”

    ตึกๆๆๆๆ

    ว่าจบพวกเราสองคนต่างมุ่งหน้าไปร้านหนังสือบนริมถนนที่ปลอดคนเดินเพ่นพ่าน ทำให้วิ่งได้สะดวกเช่นเดิม พอหันมองซ้ายขวาแล้วยังไม่พบอะไรผิดปกติแต่อย่างใด ทางเรียวโกะที่ยืนอยู่บนตึกก็หายตัวไปไหนไม่อาจทราบได้

    “...”

    แต่ถ้าลองคิดดูแล้ว...ทำไมเริ่มรู้สึกหวั่นๆ ว่ามีโอกาสที่ฉันจะโดนเล็งช่วงกลางวันแสกๆ เหมือนกับช่วงกลางคืนเลย

    แถมโค้ดเนมตอนนี้ยังเหลือแค่ E MR กับ R ด้วย...

    สมาชิกแบล็คโคลเวอร์คนต่อไปจะเป็นใครกันแน่นะ...

    .

    ..

    ...

    ....

    .....

    แฮ่ก...แฮ่ก...นะ...นั่นไง...!”

    ฉันวิ่งด้วยความเหนื่อยหอบนานหลายนาทีจนกระทั่งหันไปเจอเป้าหมายของพวกเรา นั่นคือร้านเช่าหนังสือ ซึ่งเป็นอาคารสองชั้นธีมสีฟ้าอ่อนขนาดกลาง ไม่เล็กไม่ใหญ่มากเกิน บรรยากาศภายนอกไม่ค่อยมีผู้คนเดินผ่านมากมายนัก

    คุณยาสุไม่ได้อยู่แถวนี้ซะด้วยสิ...อัตสึชิหันมองทั่วพื้นที่แต่ไม่พบวี่แววของยาสุเลยสักนิด พวกเราจะเอายังไงดีครับ

    อืมม...เอาเป็นว่าเข้าไปในร้านกันก่อนดีกว่า เผื่อจะเจอเบาะแสสักอย่าง ถ้าไม่ใช่คุณยาสุก็ต้องเป็นคัมภีร์ห้าห่วงนั่น ต้องทำให้มั่นใจให้ได้ว่าทุกอย่างจะอยู่ในกำมือพวกเรา

    ในระหว่างนั้นก็ต้องแยกกันตามหาคนละโซนสินะครับ...

    ใช่แล้วล่ะ...แน่นอนว่าพวกเราต้องระวังตัวด้วย โอเคเนาะ

    ครับผม!”

    สิ้นสุดการตกลงกันปุ๊บ พวกเราสองคนย่างก้าวมุ่งหน้าเข้าร้านอย่างไม่รอช้า เมื่อเดินผ่านประตูเลื่อนอัตโนมัติแล้ว พบว่าบรรยากาศภายในดูสงบมาก วัยรุ่นบางส่วนรวมกลุ่มกันตรงโซนอ่านหนังสืออย่างมีมารยาท ไม่ส่งเสียงดังระหว่างอ่าน

    ถือว่าโชคดีหน่อยที่ไร้ความกังวลไปบ้างนิดหน่อย...

    “...”

    ฉันเริ่มกวาดสายตามองสันหนังสือทุกเล่มตั้งแต่ตู้แรกริมซ้ายมือ โดยเป็นหมวดประวัติศาสตร์ เท่าที่เจอคร่าวๆ มีแต่พวกหนังสือประกอบการเรียนการสอนวิชานั้นเต็มไปหมด รวมถึงเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับดาบทั้งสิ้น

    “...”

    ตู้ต่อไปเป็นหมวดนวนิยาย...ส่วนใหญ่เจอแนวโรแมนติกเยอะพอสมควร บ้างก็แนวแฟนตาซี สยองขวัญ ดราม่า เชิงจิตวิทยา แม้จะเจอเรื่องที่มีนักดาบอยู่ด้วยแต่มันไม่ใช่คัมภีร์ห้าห่วง

    “...”

    ตู้ต่อไป...ไลท์โนเวล

    “...”

    ตู้ต่อไป...มังงะ

    ...

    ตู้ต่อไป...นิตยสาร

    อึ่ก...

    ให้ตายเถอะ...ไม่เจอเล่มไหนที่มีชื่อกำกับว่าคัมภีร์ห้าห่วงเลยแฮะ

    ฉันแอบกำหมัดแน่นในกระเป๋าเสื้อฮู้ดหูกระต่ายแล้วเปลี่ยนหน้าที่เป็นการเดินสอดส่องหาตัวยาสุแทน โดยพยายามไม่ส่งเสียงดังรบกวนคนอื่นๆ ภายในร้าน แต่ไม่ว่าจะลองสำรวจโซนไหนก็ไม่พบแม้แต่ปลายเส้นผมเดียว

    ทำไงดีนะ...หรือว่าจะออกจากร้านไปตั้งนานแล้ว?”

    คุณทาจิบานะ...ทางนี้ครับ

    ในระหว่างที่กำลังพึมพำตั้งคำถามอยู่ เสือสมิงได้สะกิดไหล่เรียกพร้อมพาเดินไปยังตู้หนังสือฝั่งขวามือของร้าน เขาชี้นิ้วที่หนังสือเล่มหนึ่งซึ่งวางแนบชิดตู้และมีชื่อกำกับไว้ว่า คัมภีร์ห้าห่วง ภาคสุญญตา พอลองหยิบออกมามองพิจารณา ทำให้มั่นใจได้เลยว่านี่คือหนึ่งในเบาะแสสำคัญ

    เท่าที่ผมมองหาทุกตู้แล้ว มีแค่เล่มนี้เล่มเดียวเองครับ

    แอบมองหายากเหมือนกันแฮะ...ปกติน่าจะวางเรียงเป็นเซ็ตเลยไม่ใช่เหรอ

    ผมเองก็คิดแบบนั้น...หรือว่าจะมีคนอื่นนอกจากคุณยาสุที่เช่าไปก่อนหน้าแล้ว

    เช่าไปก่อนหน้า...? งั้นคงมีทางเลือกเดียวแล้วสินะ...

    ฉันยืนรวบรวมความกล้าเข้าให้เต็มอกเต็มปอด บอกให้นักสืบผมขาวยืนรอพร้อมถือหนังสือเล่มดังกล่าวไว้ด้วย เพราะสิ่งที่จะทำต่อจากนี้คือ การถามเจ้าของร้านโดยตรงเลย

    “...”

    สวัสดีค่ะ...คุณลูกค้า วันนี้ต้องการเช่าหนังสือเล่มไหนเหรอคะ

    หญิงสาวผมทรงโพนี่เทลสีดำกับนัยน์ตาสีดำยืนทักทายต้อนรับตามหน้าที่ เธอยืนอยู่หลังโต๊ะเคาน์เตอร์ไม้พร้อมคอมพิวเตอร์จอแบนเครื่องหนึ่ง คาดว่าน่าจะใช้ลงทะเบียนการเช่าหนังสือในแต่ละครั้งของลูกค้า

    เอ่อ...คุณพอจะทราบมั้ยคะว่ามีใครเช่าหนังสือเซ็ตคัมภีร์ห้าห่วงไปแล้วบ้าง

    คัมภีร์ห้าห่วง...? งั้นเดี๋ยวรอสักครู่นะคะอีกฝ่ายยืนนึกคิดอยู่ไม่กี่วินาทีแล้วค่อยเริ่มทำการตรวจสอบจากเครื่องคอมพิวเตอร์ เธอเลื่อนหารายชื่อจนกระทั่งหยุดชะงักลง รู้สึกว่าจะมีลูกค้าหนึ่งรายที่เพิ่งเช่าไปค่ะ

    มีคนเช่าไปแล้ว...

    เธอชื่อ...อาคาซาวะ ยาสุ ไม่ได้เป็นลูกค้าประจำร้าน แถมเพิ่งเข้ามาครั้งแรกซะด้วย วันนี้เช่าหนังสือไปทั้งหมดสี่เล่มจากเซ็ตคัมภีร์ห้าห่วง เล่มสุดท้ายหาไม่เจอเพราะดูเหมือนว่าช่วงนั้นมีคนหยิบไปอ่านพอดี เธอจะคืนกลับมาภายในสองวัน

    อาคาซาวะ ยาสุ...

     

    “ยัยนั่นน่ะ...กำลังโดนหลอกให้ไปเช่าหนังสืออยู่ ถึงตามหายังไงก็คงไม่เจอหรอก”

     

    “...!!?”

    อย่าบอกนะว่าชื่อนี้คือคนที่ฟุมิโกะอ้างเป็นเพื่อน...!!?

    ยะ...แย่แล้วสิ ป่านนี้เธอเดินทางถึงไหนแล้วเนี่ย...

    ฉันเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาทันทีแล้วค่อยขอลงทะเบียนเช่าหนังสือเล่มสุดท้ายสักสองวันพร้อมหยิบเงินเตรียมจ่ายส่วนหนึ่งด้วย เจ้าของร้านยอมรับข้อตกลงนี้ก่อนที่จะเริ่มกรอกข้อมูลเข้าระบบคอมพิวเตอร์

    “...”

    ทันใดนั้นเอง...

    ตึกๆๆๆๆ

    เสียงรองเท้ากระทบพื้นเป็นจังหวะวิ่งดังจากหน้าร้านจนกระทั่งมาหยุดอยู่ใกล้ๆ พวกเรา เมื่อหันไปมองแล้วก็พบกับร่างชายหนุ่มผมส้มในชุดธีมดำและหมวกอันมีเอกลักษณ์ แต่รอบนี้เขาดันไม่ได้ใส่เสื้อคลุมยาวตัวนอกสุดมาด้วย

    แฮ่ก...แฮ่ก...ยูกิ...!?”

    ชูยะ...!? กะ...เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าถึงได้วิ่งมาหอบแบบนี้...

    ก็นะ...ตอนที่พวกเราคุยโทรศัพท์กัน...ฉันได้ยินเสียงเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย อีกอย่าง...ฉันต้องรีบเช่าหนังสือเกี่ยวกับนักดาบด้วย

    หนังสือเกี่ยวกับนักดาบ!?

    ทางเขาเองก็ได้รับข้อมูลเหมือนพวกเรางั้นเหรอเนี่ย...

    หรือว่าจะเป็น...คัมภีร์ห้าห่วง?” ฉันลองถามชูยะด้วยความสงสัยและต้องทำให้มั่นใจพร้อมถือหนังสือดังกล่าวที่เหลือแค่เล่มสุดท้ายเท่านั้น

    “...!!? ไม่จริงน่า...เหลืออยู่เล่มเดียว!?”

    ครับ...พวกผมสองคนพยายามมองหาทุกตู้แล้ว เล่มหนึ่งถึงสี่ถูกคุณยาสุเช่าไปก่อนหน้าเมื่อไม่นานนี้เอง

    บ้าเอ๊ย...!” หนุ่มพอร์ตมาเฟียเริ่มกุมขมับตัวเองพลางหยิบบัตรสี่เหลี่ยมมนจากกระเป๋าเสื้อด้านในก่อนที่จะยื่นให้เจ้าของร้าน งั้นใช้บัตรสมาชิกใบนี้เช่าคัมภีร์ห้าห่วงเล่มสุดท้ายละกัน

    เอ่อ...ดะ...ได้ค่ะหญิงสาวผมโพนี่เทลนั่งนิ่งอยู่นานท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดแล้วค่อยทำการลงทะเบียน โดยเธอขอยืนยันข้อมูลจากบัตรใบนั้นก่อน เจ้าของบัตรชื่อ คูแลนน์ แสดงว่าวันนี้คุณยืมเขามาใช้สินะคะ

    อ่า...ประมาณนั้นแหละ เจ้านั่นเป็นคนงานเยอะ ก็เลยฝากให้เช่าแทน

    อ่อ...โอเคค่ะ งั้นรอสักครู่นะคะ

    คูแลนน์...ผู้ชายใส่ผ้าคลุมตัวสีดำที่มาด้วยกันกับเรียวโกะเมื่อคราวก่อนนู้นนี่เอง

    เขาเคยช่วยฉันไว้ตอนที่กลุ่มแบล็คโคลเวอร์หมายจะยิงหัวในพื้นที่จำกัดนั่น เรียกว่ามีบุคลิกลึกลับมากและยังไม่เคยเปิดเผยใบหน้าให้เห็นเลย

    อ่ะ...จริงด้วยฉันเพิ่งนึกบางอย่างออกในหัวหลังจากยืนครุ่นคิดเรื่องเมื่อครู่ก่อนที่จะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่เป็นรูปถ่ายยาสุกับฟุมิโกะยืนอยู่หน้าร้านแพนด้า ชูยะ...นายเจอผู้หญิงผมดำคนนี้ระหว่างทางรึเปล่า

    หืม...?” ชูยะรับไปมองพิจารณาได้สักพักแล้วตอบกลับมาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ โทษทีนะ...แต่ตอนนั้นฉันกังวลเรื่องเธอมากกว่า ก็เลยไม่ทันได้สังเกตมองใครสักคนเดียว

    อึ่ก...

    ให้ตายเถอะ ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าคูแลนน์บอกฉันมาล่ะก็...เกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ

    จะว่าไปเรียวโกะเองก็เคยบอกไว้ในกระดาษข้อความเหมือนกันแฮะ

    แปลว่าสองคนนี้ต่างมีข้อมูลแยกกันส่งให้พวกเราทั้งสององค์กร...

    ดูท่าทางจะไม่ใช่แค่การเดินทางธรรมดาแล้วล่ะ

    ลงทะเบียนเช่าหนังสือเรียบร้อยแล้ว...ขอบคุณที่ใช้บริการค่ะ หวังว่าคุณจะนำมาคืนตามกำหนดสองวันนี้ เจ้าของร้านได้ยืนยันการลงทะเบียนเสร็จสิ้นพร้อมยื่นบัตรสมาชิกกลับคืนให้ชูยะ คัมภีร์ห้าห่วงถือเป็นของหายากสำหรับร้านเรา เพราะงั้นขอให้เก็บรักษาไว้ด้วยละกันนะคะ

    “...”

    ฉันไม่สามารถเอ่ยคำพูดใดๆ ทั้งสิ้นนอกจากพยักหน้าตอบรับเธอก่อนที่จะรีบพาสองหนุ่มเดินออกนอกร้านทันที ในใจเริ่มเกิดความรู้สึกหวาดระแวงในผลลัพธ์เพราะเผลอทำพลาดไป

    ทีนี้พวกเราจะเอายังไงกันดีครับ...คุณทาจิบานะ

    “...ไม่ว่ายังไงก็ต้องตามหาคุณยาสุให้เจอให้ได้ กุญแจหลักสำคัญสำหรับครั้งนี้กำลังอยู่ในกำมือเธอ

    งั้นเดี๋ยวฉันเอาเรื่องนี้ไปรายงานกับบอสก่อน เผื่อจะมีแผนอะไรคอยช่วยหยุดยั้งเหตุการณ์ครั้งต่อไปได้หนุ่มมาเฟียผมส้มหยิบโทรศัพท์ขึ้นขอถ่ายรูปสองสาวเก็บไว้ในแกลลอรี่

    อื้ม...ฝากด้วยนะ ชูยะ

    อ่า...ไว้วางใจฉันได้เลย ยูกิ เอาเป็นว่าในระหว่างนี้พวกเธอช่วยกันตามหาไปก่อนละกัน

    ว่าจบชูยะก็รีบวิ่งมุ่งหน้าไปยังฐานพอร์ตมาเฟียอย่างเร็วไว ส่วนฉันและอัตสึชิต่างเริ่มตามหาเป้าหมายต่อในขณะที่มือซ้ายถือหนังสือเล่มสุดท้ายไว้แนบแน่นไม่ให้ร่วงหล่น ซึ่งเส้นทางที่เลือกเป็นทางเดิม เพราะแอบคาดหวังว่ายาสุจะส่งหนังสือสี่เล่มให้กับฟุมิโกะ

    ตึกๆๆๆๆ

    แฮ่ก...แฮ่ก...ให้ตายเถอะ นี่พวกเราจำเป็นต้องย้อนกลับที่เดิมจริงๆ สิเนี่ย

    คุณทาจิบานะ!” นักสืบผมขาวเริ่มแปลงแขนขาตัวเองเป็นเสือสมิงก่อนที่จะวิ่งนำหน้าราวกับเสือจริงๆ ถ้าเหนื่อยก็ขี่หลังผมได้เลยครับ!”

    อะ...อื้มฉันแอบรู้สึกประหลาดใจกับการกระทำเมื่อครู่แต่ก็พยักหน้าตอบรับพร้อมกระโดดขึ้นนั่งย่อตัวลงให้ต่ำและเบาที่สุด มือขวาจับไหล่ของเขาประคองตัวเองเอาไว้

    งั้น...เกาะไว้ให้ดีๆ นะครับ!”

    เสือสมิงพยายามเร่งสปีดวิ่งอย่างเต็มสูบ ด้วยพื้นที่ริมถนนที่ยังคงปลอดผู้คนเดินเพ่นพ่านเช่นเคย ทำให้มุ่งหน้าเข้าหาเป้าหมายได้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม ในระหว่างนั้นสายตาก็พยายามกวาดมองรอบทิศทางเพื่อหาตัวยาสุต่อเรื่อยๆ

    แน่นอนว่ายังไม่เจอง่ายๆ ขนาดนั้น...

    แต่ว่า...พวกเราจะต้องตามหาให้เจอให้ได้!!

    .

    ..

    ...

    “...!!?”

    จังหวะนั้นเอง พวกเราเหลือบไปเห็นร่างของใครบางคนที่ล้มลงออกจากซอกหลืบฝั่งซ้ายมือ พอพิจารณาหลายๆ อย่างแล้วจึงรู้สึกได้ว่านั่นคือร่างหญิงสาวผมตรงยาวสีดำในชุดกระโปรงสีส้ม-ขาวและแว่นตาใสกรอบวงรี

    นะ...นั่นมัน...

    คุณยาสุ...!!!” ฉันรีบกระโดดลงจากแผ่นหลังอัตสึชิพร้อมวิ่งเข้าไปยังคนที่กำลังตามหา สภาพของเธอดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ บนแก้มขวามีรอยแดงคล้ายถูกใครตบตีเมื่อไม่นาน

    “...!!? อย่าเพิ่งเข้ามาใกล้ฉันนะคะ!! ตอนนี้น่ะ---

    ตึก...ตึก...ตึก

    เสียงรองเท้าส้นสูงดังจากทางซ้ายมือขัดจังหวะการพูดห้ามของอีกฝ่าย แต่พอหันกลับไปมองและยังไม่ทันได้ทำอะไรสักนิด ฟุมิโกะก็เดินจับด้ามดาบไม้ไว้แน่นด้วยมือสองข้างแล้วหมุนตัวตวัดเสยขึ้นตรงปลายคางฉันเต็มแรง

    อึ่ก...!!”

    ช่วงวินาทีนั้น สมองได้เกิดการสั่นสะเทือนภายในกะโหลกอย่างรุนแรง ร่างกายทุกส่วนหมดเรี่ยวแรงพร้อมกับร่วงลงนอนหงายบนพื้น ทำเอารู้สึกได้ว่าสติสัมปชัญญะใกล้จะวูบดับลงทุกที

    คุณทาจิบานะ!!!”

    ฉึ่ก!!

    อั่ก...!!”

    เสียงเรียกชื่อจากปากอัตสึชิดับสูญลงและถูกแทนที่ด้วยเสียงกระอักเลือดเมื่อมีใครบางคนนำดาบคาตานะเล่มจริงแทงเข้ากลางหลังทะลุหน้าท้อง หยาดของเหลวสีแดงเข้มหยดลงพื้นทีละนิดละน้อย พอลองเงยหน้ามองหาอาคุตางาวะกับเคียวกะแล้วกลับไม่เห็นวี่แววใดๆ

    หรือว่าสองคนนั้น...จะถูกเล่นงานซะแล้ว...?

    ช่างน่าสงสารจริงเลย...ลูกสาวแห่งตระกูลทาจิบานะ

    เสียงผู้ชายหนึ่งช่วงวัยเลขสี่พูดขึ้นมาพร้อมเผยร่างของตนให้ได้เห็น เขาแต่งตัวคล้ายกับซามูไร เรือนผมสีดำมัดจุกหยักศกขึ้น มีหนวดเคราบางๆ วนเหนือปากลงจนถึงปลายคาง บนหน้าผากมีรอยแผลกากบาทเส้นเล็กๆ ชุดที่ใส่เป็นเสื้อกิโมโนแขนยาวสีน้ำเงินทับกับเสื้อด้านในสีดำ กางเกงฮากามะสีเทา ถุงเท้าทาบิสีดำ รองเท้าแตะโซริสีน้ำตาล ตบท้ายด้วยอาวุธที่เป็นดาบคาตานะสองเล่ม

    เขาคนนี้...เป็นใครกัน...

    นี่แหละน้า...จุดอ่อนของกาลกิณี ชอบทำตัวเป็นคนดีแล้วไม่ยอมระวังตัวซะเอง แถมยังพาเพื่อนซวยอีก...หญิงสาวผมสีเบจพูดจาเหยียดด้วยคำว่ากาลกิณีอีกครั้งแล้วย่อตัวลงหยิบคัมภีร์ห้าห่วงเล่มสุดท้ายออกจากมือ

    อึ่ก...ยะ...อย่า...นะ...

    แหมๆ รู้สึกดีจริงๆ ที่เธออุตส่าห์ตามหาเล่มสุดท้ายจนเจอ ไม่งั้นยัยยาสุคงโดนฆ่าทิ้งแน่ๆ แต่เอาเถอะ...ถือว่าเป็นพระคุณละกันที่ท่านฮิเดทสึงุ...ไม่สิ ท่านเอย์จิกับฉันช่วยปรานีตั้งหนึ่งครั้ง...

    งั้นไว้เจอกัน...หากพวกเธอยังฟื้นขึ้นมาได้

    ตึก...ตึก...ตึก

    สิ้นเสียงของฮิเดทสึงุหรือเอย์จิ สองสามีภรรยาคู่นี้ก็ได้ก้าวเท้าเดินออกไปอย่างช้าๆ ทิ้งให้พวกเรานอนอยู่ในสภาพต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ฉันพยายามรวบรวมสติทั้งหมดหันมองอัตสึชิที่ถูกแทงด้วยดาบคม เขานอนคว่ำหน้าจมกองเลือดพลางเคลื่อนตัวเข้าใกล้ มือขวาเอื้อมมาจับแขนเสื้อฮู้ดหูกระต่ายไว้แน่น

    คุณทาจิ...บานะ...

    ...ฉันไม่สามารถพูดกล่าวอะไรได้สักคำเพราะเริ่มรู้สึกวูบทีละนิด สมองสั่นกระเทือนทั่วทั้งหมดก่อนที่ตาสองข้างจะปิดด้วยสติสัมปชัญญะที่ดับลง

    นี่คงเป็นตัวฉันจริงๆ สินะ...

    ผู้ชักนำความตายให้คนรอบข้าง...

    กาลกิณี...

     

    [ อีกทางด้านหนึ่ง ]

    ก่อนที่นักสืบทั้งสองจะถูกเล่นงานโดยอิเคโดะ ฟุมิโกะและเอย์จิ ประธานประจำสำนักงานนักสืบบุโซได้ยินข่าวจากปากเมดอิสึมากิในคาเฟ่ว่ากลุ่มแบล็คโคลเวอร์เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ซึ่งคนส่งข่าวคือนากาฮาระ ชูยะ

    “...” เขาเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดีแล้วที่ตัวเองยอมส่งลูกน้องแยกคนละทิศทางจนกระทั่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดหาเบอร์คุนิคิดะ ดปโปแล้วโทรภายในทันที

    .

    ..

    ...

    ฮัลโหลครับ ท่านประธาน

    คุนิคิดะ...ตอนนี้กลุ่มองค์กรแบล็คโคลเวอร์เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ยังไงก็ระวังตัวระหว่างทำภารกิจด้วย

    “...!!? รับทราบครับ ทางท่านเองก็ระวังตัวด้วยนะครับ

    อ่า...งั้นฝากเรียกรัมโปกับโยซาโนะกลับมาหน่อย สำนักงานของพวกเราต้องการคนคอยคุ้มกันและรักษาเร่งด่วน

    ได้ครับผม!”

    ติ๊ด!

    ฟุคุซาวะ ยูคิจิได้ยินเสียงอีกฝ่ายกดวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์เข้าแขนเสื้อยูกาตะด้วยความไม่สบายใจ เขาแอบกังวลว่าสมาชิกสาวคนใหม่อย่างทาจิบานะ ยูกิจะปลอดภัยดีหรือไม่ เพราะเธอคนนั้นยังคงมีความฝันหนึ่งที่ต้องบรรลุให้เสร็จสิ้น

    เธอยังคงมีความมุ่งมั่นที่ต้องชำระล้างคำสาปในพลังพิเศษให้บริสุทธิ์อย่างแท้จริง

    เธอยังคงมีความหมายในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเพื่อนร่วมงาน

    เธอยังคง...เป็นคนที่ดีต่อสำนักงานนักสืบบุโซได้อีกนานๆ

    ตึก...ตึก...ตึก

    เป็นอย่างที่ผมคาดเดาไว้ในหัวเลยนะครับ ท่านประธาน

    เสียงรองเท้าคัทชูดังกระทบพื้นห้องเป็นจังหวะเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับร่างนักสืบผู้มีฉายา 'ตัวสิ้นเปลืองผ้าพันแผล' อย่างดาไซ โอซามุ เขาถือว่าเป็นคนสำคัญของสำนักงานแม้เคยอยู่ในพอร์ตมาเฟียช่วงอดีตกาลก็ตาม

    ดาไซ...? นายได้รับข้อมูลอะไรมารึเปล่า...

    ได้แน่นอนครับเขายืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะประธานผมสีเงินแล้วหยิบเข็มกลัดรูปใบโคลเวอร์สีดำ ซึ่งตนฉวยโอกาสตอนพูดคุยสองต่อสองในการคว้ามันออกจากกระเป๋าด้านในเสื้อแขนยาวสีเหลืองของฟุมิโกะที่เธอแอบซ่อนไว้

    หืม...? นั่นมัน...

    “อิเคโดะ ฟุมิโกะ...ลูกค้าที่ว่าจ้างงานวันนี้เป็นหนึ่งในองค์กรแบล็คโคลเวอร์ ถึงไม่ได้ติดอยู่ในลิสต์โค้ดเนม แต่คาดว่าน่าจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดมากกว่า ส่วนเพื่อนสาวที่ชื่อยาสุเป็นเหมือนเหยื่อล่อให้พวกยูกิจังติดกับดักแทน

    “...!? แบบนี้คงแย่เลยสิ...

    แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอกครับ ผมเชื่อว่ายูกิจังต้องทำได้...และต้องมีใครสักคนคอยสนับสนุนเธอในเบื้องหลังนอกจากพวกเราทั้งสององค์กร

    หมายความว่าไงน่ะ...ยูคิจิขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมนั่งมองนักสืบผมน้ำตาลตรงหน้าเพราะแอบสงสัยในคำพูดเมื่อครู่ก่อนที่จะได้รับคำตอบกลับมาอันเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ

    เพราะเชื่อในโชคชะตา...เชื่อในพลังพิเศษที่อาจจะสื่อสารกับเธอคนนั้นได้ดี อีกอย่าง...

    “...?”

    ...ผมเริ่มเข้าใจสถานการณ์และคาดเดาทุกอย่างไว้หมดแล้วล่ะครับ

    [ To be continued ]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×