ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Bungo Stray Dogs] นางฟ้าแห่งคำสาป

    ลำดับตอนที่ #23 : Episode 14 เวทีโชว์ตัวตน (เปิดเผยสมาชิก)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 457
      46
      12 ส.ค. 62

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     Tiny Hand 

    โอเค~ งั้นพวกเราก็เริ่มแผนการกันดีกว่า

    ดาไซพูดพร้อมฝากให้คุณหมอประจำสำนักงานคอยซัพพอร์ตสมาชิกทั้งหมดและปกป้องประธานฟุคุซาวะให้ได้ จากนั้นจึงพาพวกฉันอีกสองคนเดินออกจากสำนักงานเตรียมลงสู่ถนนหนทางเดินเพื่อเริ่มแผนการจริงๆ

    ตึก...ตึก...ตึก

    เอ่อ...คุณดาไซ จะว่าไปทำไมถึงเอาหูฟังมาด้วยเหรอครับ

    ความลับน่ะ...อัตสึชิคุง แต่ไม่ต้องกังวลไป ขอแค่พวกเราจัดการภารกิจนี้จนเสร็จก็พอ อ่อ...อีกอย่างคือ---

    ตึกๆๆๆๆ

    แฮ่ก...แฮ่ก...ใกล้ถึงเวลาคอนเสิร์ตเปิดแล้ว! ต้องรีบไปก่อนที่คนอื่นจะเบียดเข้าแน่นกว่านี้!”

    ในจังหวะที่ดาไซกำลังจะพูดอะไรอีกสักอย่าง เสียงฝีเท้าดังกระทบพื้นทางเดินเป็นจังหวะรัวพร้อมกับร่างของนักเรียนสาววิ่งด้วยท่าท่างเร่งรีบ กลัวว่าพื้นที่คอนเสิร์ตสำหรับแฟนคลับจะเต็มจนสุดท้ายต้องอยู่ข้างหลัง

    บังเอิญยิ่งกว่าคือเป็นหนึ่งในกลุ่มที่เพิ่งพูดกับเพื่อนๆ ไม่นานนี้

    และที่สำคัญคือ เธอคนนั้นดี๊ด๊าเกี่ยวกับฮารุกะมากกว่าเพื่อนคนอื่นในกลุ่มเลยด้วย

    มะ...เมื่อกี้...

    หืม...? ยูกิจังรู้จักงั้นเหรอ

    เอ่อ...เปล่าหรอก เธอเป็นพยานเรื่องไอดอลชื่อฮารุกะตามที่ฉันจดไว้ในสมุดน่ะ

     

    หลายๆ คนต่างหายริบพร้อมกับสายลมหลังพูดถึงชื่อไอดอลหน้าใหม่อย่างคลั่งไคล้เกินไป

     

    แฮ่ก...แฮ่ก...รอก่อนนะ ฮารุกะจัง! ฉันจะไปหาเธอแล้ว! ของขวัญในกระเป๋านี้มีไว้เพื่อเธอ---

    ฟิ้วว~

    “...!!?”

    ช่วงเสี้ยววินาทีที่นึกถึงคำพูดจากบอสแห่งพอร์ตมาเฟียทางโทรศัพท์และได้ยินเสียงนักเรียนสาวตรงหน้าพูดไม่ทันครบจบประโยค สายลมเย็นก็พัดโบกทั่วทั้งพื้นที่ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ร่างของเธอค่อยๆ เริ่มมีบางอย่างเกาะแผ่นหลังไว้แล้วตามกลืนกินทีละนิดจนไม่เหลือแม้แต่ปลายเล็บ

    ฟิ้วว~

    มะ...เมื่อกี้นี่มัน...อะไรกันครับ...

    เอ่อ...เห็นคุณโมริบอกว่าเป็นผลจากการคลั่งไคล้ในตัวฮารุกะเกินไปน่ะฉันตอบคำถามอัตสึชิแล้วเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดีเท่าไหร่นัก

    “...พลังพิเศษแน่ๆดาไซพูดพร้อมถอดหูฟังลงอย่างช้าๆ มาถึงก็เริ่มเล่นงานแบบนี้ก่อนเลยสินะ แบล็คโคลเวอร์

    งั้นรีบไปที่คอนเสิร์ตกันเถอะครับ!”

    ว่าจบพวกเรานักสืบทั้งสามคนก็ออกตัววิ่งมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายหลักโดยไม่รีรอใดๆ ทั้งสิ้น โชคดีหน่อยที่ทางเดินไม่มีคนเพ่นพ่านให้เกะกะ ช่วงเวลานั้นฉันสังเกตเห็นร่างสูงในชุดสีดำยืนบนหลังคามองลงมาก่อนที่จะโดดข้ามอาคารอีกหลัง

    อาคุตา...งาวะคุง...?”

    ยูกิจัง?”

    ปะ...เปล่า ไม่มี...อะไรหรอก ฉันไม่พูดตอบอะไรต่ออีกแล้วค่อยสับเท้าวิ่งตามทางเรื่อยๆ เพราะไม่แน่ใจว่าเขาคนนั้นต้องการนำทางหรือแค่เปลี่ยนจุดสังเกตการณ์

    .

    ..

    ...

    ....

    .....

    ต่อมาพวกเราก็ได้มาถึงข้างหน้าทางเข้าคอนเสิร์ต ตัวอาคารมีสีดำ ติดป้ายตัวหนังสือหนาสองเส้นไว้เหนือหัวว่า Haruka Concert การตกแต่งไม่หรูหรามากมาย แถมยังไม่มีประตูปิดไว้ด้วย

    แฮ่ก...แฮ่ก...มาถึงจนได้สินะฉันยืนหอบหน้าทางเข้าพร้อมถอดฮู้ดหูกระต่ายลง จัดทรงผมใหม่ให้เรียบร้อย

    คะ...คิดว่าน่าจะทันอยู่นะครับ...อัตสึชิยืนปาดเหงื่อบนหน้าและแอบสอดส่องภายในตัวอาคารไม่กี่วินาที ถึงพื้นที่ตอนนี้เริ่มเหลือน้อยบ้างแล้วก็เถอะ...

    ไม่มีปัญหาหรอก อัตสึชิคุง พวกเราจะแอบยืนส่องอยู่ห่างๆ ระหว่างนั้นยูกิจังก็ค่อยลองเดินแฝงตัวท่ามกลางฝูงชนแล้วรอสังเกตจากห้องเก็บตัวดูนะ

    เอ่อ...จะดีเหรอที่ให้ฉันไปคนเดียว...

    ไม่เป็นไร...เพราะฉันเชื่อมั่นในตัวเธออยู่แล้ว...ดาไซยื่นมือทั้งสองข้างบนไหล่แล้วส่งรอยยิ้มอ่อนเชิงให้กำลังใจเหมือนตอนคลี่คลายคดีคนหายคราวก่อน นั่นทำให้ฉันรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น

    เชื่อมั่น...

    นั่นสินะ...ก่อนหน้านั้นเขาก็ยังเชื่อมั่นในตัวฉันจนภารกิจสำเร็จลุล่วงได้เลย

    เพราะงั้น...

    อื้ม...จะลองดูละกันนะ

    งั้นระวังตัวด้วยล่ะ...ยูกิจัง

    ว่าจบอีกฝ่ายก็ลูบหัวตบท้ายเบาๆ แล้วพาอัตสึชิยืนพิงกำแพงทางด้านตรงข้ามของเวทีคอนเสิร์ต ฉันมองบรรยากาศรอบตัวที่มีเหล่าแฟนคลับอัดเบียดรอไอดอลกันมากมายก่อนที่จะเริ่มภารกิจทันที แต่ระหว่างนั้นเอง เสียงของผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นเหมือนพิธีกรได้ดังออกทางลำโพง

    เอาล่ะครับ หลังจากนักเรียนสาวผมส้มหรือทานิยามะจังร้องเพลงอย่างเมามันส์เรียบร้อย ถึงเวลาแล้วที่พวกเราทุกคนจะได้พบกับไอดอลหน้าใหม่ผู้น่ารักขวัญใจมหาชนในช่วงเวลานี้ คนๆ นั้นก็คือ...ฮารุกะจังนั่นเองคร้าบบ!!”

    กรี๊ดดดดด~!!! ฮารุกะจังงงง~!!!”

    มาแล้ววว~!!! ในที่สุดก็มาแล้ววว~!!!”

    พี่ชายคนนี้รอนานเลยนะเนี่ยยย~!!!”

    เสียงเหล่าหนุ่มสาวกรี๊ดกร๊าดกันอย่างสมัครสมานสามัคคีเหมือนรอคอยอยู่แสนนาน ฉันพยายามมุ่งหน้าเข้าหาภารกิจต่อโดยมองหาห้องเก็บตัวจนพบอยู่มุมขวามือ จากนั้นก็ค่อยๆ เดินฝ่ากลุ่มแฟนคลับทั้งหมดนี้อย่างระมัดระวัง

    ขอทางหน่อยนะคะ...ขอทางหน่อยค่ะ...

    แม้จะช้าไปนิดแต่มันก็ยังชัวร์กว่าการฝ่าแบบรวดเร็วจนเกิดเหตุทะเลาะวิวาทแหละนะ

    ตึก...ตึก...ตึก

    อึ่ก...อ่ะ เจอแล้ว ฉันเดินฝ่าเรื่อยๆ จนพบเจอกับทางเข้าประตูห้องเก็บตัวที่กำลังปิดอยู่พร้อมกับพนักงานสาวชุดสูทและกระโปรงทรงเอสีดำยืนเฝ้าห้อง

    ความรู้สึกแรกคือ จะดีเหรอที่เข้าไปหาง่ายๆ แบบนี้

    “...”

    แต่ยังไงภารกิจก็คือภารกิจ...

    ต้องทำได้อยู่แล้วสิ!!

    ถ้างั้น...ฉันเว้นช่วงประโยคไว้แล้วลองหยิบโทรศัพท์แอบติดต่อกับเสือสมิงตัวขาวทางไลน์ไม่ให้คนๆ นั้นมองเห็น 

     

    ยูกิ : เอ่อ...อัตสึชิคุง ตอนนี้ฉันติดปัญหาเรื่องทางเข้าห้องเก็บตัวน่ะ เพราะที่นั่นมีพนักงานเฝ้าอยู่

    อัตสึชิ : เอ๊ะ? จริงเหรอครับ แล้วจะเอายังไงดีล่ะ

    ยูกิ : ฉัน...อยากให้พวกนายช่วยเป็นตัวล่อให้หน่อย อาจจะเรื่อง...เอ่อ...ปรึกษา?

    อัตสึชิ : คุณดาไซบอกว่ามีแผนการล่อเรียบร้อยแล้ว เพราะงั้นเริ่มภารกิจต่อได้เลยครับ

    ยูกิ : โอเคจ้ะ...


    ฮู้ว...เอาล่ะ แม้เป็นการหลอกล่อ แต่นั่นคงเป็นทางเลือกเดียวแล้วแหละ

    ว่าจบก็เดินออกจากจุดซ่อนแบบไม่มีใครสังเกตเห็นพร้อมมุ่งหน้าไปยังหน้าประตูห้องเก็บตัวตามแผนการ ต่อมาทางพนักงานสาวได้หันมาเจอพอดิบพอดีแล้วเริ่มทำหน้าที่ของตน

    สวัสดีค่ะ คุณผู้หญิง มีเรื่องอะไรให้ดิฉันช่วยรึเปล่าคะ

    เอ่อ...พอดีว่ามีลูกค้าสองคนเขา...ต้องการคุยเรื่องอะไรบางอย่างน่ะค่ะ

    แถสดเลยมั้ยล่ะ...แต่ปัญหาคือ มันจะไปสุดรึเปล่านี่แหละ

    แต่ดิฉันยังมีหน้าที่ต้องเฝ้าห้องเก็บตัวนี้อยู่นะคะ ยังไงก็ขอให้ลูกค้าสองคนเข้ามาคุยด้วยตัวเองจะดีกว่าค่ะอีกฝ่ายแสดงสีหน้าไม่สบายใจเพราะติดเรื่องงานจนทำเอาแอบจุกอกเล็กน้อย

    แต่ถึงอย่างนั้น...ฉันก็ต้องล่อให้ได้!!

    ตึก...ตึก...ตึก

    จังหวะนั้นเอง เสียงฝีเท้าของใครบางคนได้ดังขึ้นจากด้านหลัง พอหันกลับไปมองจึงพบกับร่างนักสืบทั้งสองคนกำลังเดินเข้ามาหาอยู่โดยมีดาไซเป็นคนนำ

    ขอโทษด้วยนะครับ คุณหนูนักสืบผมน้ำตาลพูดกับพนักงานสาวในขณะที่มือขวาตบบ่าฉันเบาๆ และยิ้มอ่อน พอดีผู้หญิงคนนี้เขาขี้อาย ไม่ค่อยกล้าคุยกับคุณเท่าไหร่ แถมยังอยากฟังฮารุกะจังร้องเพลงอีก

    อะ...อ่อ...

    งั้นพวกเราขอคุยกันที่หน้าตัวอาคารดีกว่าครับ ข้างในดูอึดอัดไปหน่อย

    ดะ...ได้ค่ะเธอเริ่มหน้าแดงเบาๆ เพราะเจอรอยยิ้มอันมีเสน่ห์เข้าจนต้องใจอ่อนแล้วพานักสืบสองคนเดินออกไปทันที

    ขะ...ขอบคุณที่ช่วยแถเพิ่มเติมด้วยนะเพคะ คุณนักสืบสิ้นเปลืองผ้าพันแผล

    ฉันมองด้วยความรู้สึกโล่งใจมากมายแล้วค่อยเริ่มหันหน้ามองห้องเก็บตัวพร้อมยื่นมือจับลูกบิด โชคดีหน่อยที่มันไม่ล็อคไว้ แผนการจึงก้าวข้ามไปได้หนึ่งขั้นด้วยการเปิดประตูเดินเข้าอย่างช้าๆ และระมัดระวัง

    ขวับ! ขวับ!

    พอลองหันหน้าสังเกตทั่วห้อง หลายๆ อย่างก็ดูเหมือนห้องแต่งหน้าแต่งตา มีโซนเปลี่ยนชุด ราวแขวนเสื้อผ้าต่างๆ มากมาย โทนสีกำแพงค่อนข้างมืดไปนิดแต่ยังพอมีหลอดไฟจากเพดานช่วยสาดส่องลงมาให้สว่างขึ้น แต่กลับสิ่งหนึ่งสะดุดตายิ่งกว่าคือ ร่างเพรียวของหญิงสาวที่น่าจะเป็นคนร้องเพลงก่อนหน้านั้น

    เธอมีความสูงไล่เลี่ยกับฉัน เรือนผมลอนสีส้มปล่อยลงยาวกลางหลัง นัยน์ตาสีฟ้า-เทา หน้าม้าปัดไปทางขวานิดๆ ชุดที่ใส่คือยูนิฟอร์มโรงเรียนมัธยมปลาย มีเสื้อเชิ้ตสีขาวภายใต้เสื้อสูทสีแดงที่ปลดกระดุมทุกเม็ด เนคไทสีม่วง กระโปรงลายสก็อตสีเขียวเข้มยาวเหนือเข่านิดๆ เลคกิ้งสีน้ำตาลเข้ม รองเท้านักเรียนคัทชูสีน้ำตาล ถุงมือสีดำ ตบท้ายด้วยเข็มขัดผูกคอสีดำสายเล็กๆ เท่าริบบิ้น

    ทันใดนั้นเอง อีกฝ่ายที่กำลังจัดเผ้าผมก็หันหน้ามาเจอฉันพร้อมแสดงสีหน้าแปลกประหลาดจนถึงแทบช็อกหนัก

    ยู...กิ...?”

    เดี๋ยวนะ...ทำไมทานิยามะคนนี้รู้จักชื่อฉันล่ะเนี่ย แถมยังเรียกราวกับสนิทสนมมานานด้วย

     

    คนที่ขาดไม่ได้ในแผนการนี้เลยคือ ชูยะคุง และคิดว่าเขาน่าจะไปถึงก่อนคนแรกแล้วแหละ

     

    ยะ...อย่าบอกนะว่า...!!

    เอ่อ...ชูยะ?”

    “อึ่ก...!! นะ...นี่เธอ...มาทำอะไรที่ห้องนี้น่ะ...

    คุณพระ...ไม่อยากเชื่อเลยว่าคนตรงหน้าคือผู้บริหารประจำพอร์ตมาเฟีย...

    นากาฮาระ ชูยะที่แต่งหญิง...ของจริงและไม่ติงนัง...!!!

    บ้าจริง...นี่เขายอมพลีชีพปลอมตัวร่วมเวทีเลยงั้นเหรอ

    อะ...อะ...เอ่อ...ดะ...ดาไซบอกว่า...ให้ฉันมาที่ห้องนี้...” ฉันมองรูปลักษณ์ตั้งแต่หัวจรดเท้าของชูยะแต่งหญิงกับเครื่องดัดเสียงหญิงพร้อมพูดกะตุกกะตักเหมือนกำลังเขินอยู่ “คือเขาบอกให้คอยสังเกตดูไอดอลหน้าใหม่ชื่อฮารุกะ...ถึงตอนฝ่าเข้าประตูครั้งนี้จะดูยุ่งยากนิดหน่อยก็เถอะ

    ห๊า...ไอ้เบื๊อกนั่นส่งเธอมาเองเหรอ” อีกฝ่ายพูดในขณะที่ตัวเองกำลังนั่งเก็บข้าวของใส่กระเป๋าหนังสะพายไหล่สีดำ

    แล้ว...นายได้เบาะแสอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้รึยัง

    ฮืม...ยังไม่ชัวร์เท่าไหร่หรอก แต่ไอดอลกับคอนเสิร์ตบ้านี่ดูน่าสงสัยจริงๆ น่ะแหละ

    เอ๊ะ...น่าสงสัยยังไงบ้างเหรอ...” ฉันเอียงคอถามแล้วดึงเก้าอี้มานั่งคุยตรงข้ามกัน จากนั้นก็หันมองดูรอบๆ ให้แน่ใจว่าเป้าหมายไม่ได้อยู่ใกล้

    บอสอาจจะบอกเธอไปแล้ว การที่หลายๆ คนต่างคลั่งไคล้เกินจนทำสินค้าจำนวนมากภายในครึ่งวันเดียวมันเป็นไปไม่ได้ ยิ่งบวกกับข้อมูลจากเจ้าอาคุตางาวะที่บอกว่ามีคนหายริบพร้อมสายลมปุ๊บ...

    “...?”

    คนเหล่านั้นถูกลักพาตัวมาในอาคารแสดงคอนเสิร์ตแห่งนี้แทนที่จะเข้ามิติอื่น หลายๆ อย่างมันทำให้ฉันนึกถึงช่วงเหตุการณ์การฆ่าตัวตายต่อเนื่องของเหล่าคนมีพลังพิเศษเลยล่ะ

    การฆ่าตัวตายต่อเนื่อง...

    เอาเป็นว่ายัยไอดอลหน้าใหม่นั่นน่าสงสัยอย่างแน่นอน ฉันมั่นใจแบบนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์” ชูยะลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเลื่อนเก็บให้เรียบร้อยก่อนที่จะเตรียมมุ่งหน้าเข้าโซนเปลี่ยนชุด

    อืมม...พอดูดีๆ แล้ว...ตัวนายตอนนี้ก็เหมาะไม่ใช่น้อยเลยนี่นา จากมาเฟียหนุ่มหล่อกลายเป็นนักเรียนสาวสวยและน่ารัก แบบนี้...น่าจะเรียกว่า ชูยะจัง ได้สินะ แหะๆๆ

    “...”

    แต่พอฉันเพิ่งพูดประโยคเมื่อครู่จบ เขากลับหยุดชะงักก่อนที่จะค่อยๆ หันมองพลางส่งสายตาพิฆาตพลางถอดเครื่องดัดเสียงหญิงออกเล็กน้อย

    เอ่อ...

    ชิบละ...แบบนี้ซวยแน่เลย

    มะ...มีอะไรรึเปล่---

    หมับ!

    ยังไม่ทันจะพูดจบประโยค จู่ๆ มาเฟียผมส้มก็ลากตัวฉันให้เดินตามเข้ามาในโซนเปลี่ยนชุดด้วยอารมณ์ค่อนข้างฉุนเฉียว เขาปิดผ้าม่านสีดำแล้วจับตรึงข้อมือสองข้างไว้บนกำแพงอย่างรุนแรง

    ปึง!!

    "อ๊ะ...!จะ...เจ็บ..."

    "ยูกิ..." ชูยะในรูปลักษณ์นักเรียนหญิงค่อยๆ ยื่นหน้าระยะค่อนข้างประชิด ดวงตาคู่นั้นจ้องลึกลงมาเหมือนกำลังข่มขู่พร้อมเตือนด้วยน้ำเสียงต่ำลง "เคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ...อย่าเติมคำว่า จัง หลังชื่อฉันอีก..."

    "อึ่ก..." ฉันกลืนน้ำลายตัวเองหนึ่งทีและรู้สึกถึงความน่ากลัวของผู้บริหารในพอร์ตมาเฟียจนต้องก้มหน้าลงเล็กน้อยพร้อมสำนึกผิด "ขะ...ขอโทษ..."

    "..."

    หนูทำผิดไปแล้วว...เพราะงั้นอย่าทำอะไรกันเลยน้าา...

    "ขอโทษจริงๆ นะ...ชูยะ"

    .

    ..

    ...

    "เฮ้อ...ถือว่าเห็นใจความเป็นเพื่อนละกัน แต่ถ้าครั้งต่อไปยังเรียกแบบนั้น..." เขาเว้นช่วงประโยคพร้อมปล่อยข้อมือซ้ายของฉันและจับเชยคางขึ้น "อย่าคิดว่าฉันจะใจดีกับเธอเหมือนครั้งนี้อีก...เข้าใจนะ"

    "อะ...อื้ม"

    งั้นช่างเรื่องชุดนักเรียนบ้านี่แล้วรอสังเกตยัยเด็กไอดอลหน้าใหม่ก่อนดีกว่า

    ว่าจบชูยะก็ใส่เครื่องดัดเสียงเหมือนเดิมพร้อมพาฉันเดินออกจากโซนเปลี่ยนชุดแล้วยืนพิงกำแพงใกล้บันไดทางขึ้นสู่เวที พวกเราต่างอยู่คนละฟากโดยมีการเหลือบมองประตูห้องเป็นระยะๆ เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่มีใครขัดขวางแผนการ

    เฮ้อ...

    “ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่า...ยูกิ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น...เดี๋ยวฉันจะปกป้องเธอเองอีกฝ่ายพูดเชิงให้กำลังใจพลางส่งรอยยิ้มอ่อนจนดูเป็นสาวนักเรียนน่ารักและสวยกว่าเดิม


    “อื้ม...ขอบคุณนะ ชูยะ...”

    สวัสดีค่า มิตรรักแฟนเพลงทุกคน ขอบคุณที่ยอมสละเวลามาดูคอนเสิร์ตในครั้งนี้ด้วยนะคะ ตัวฮารุกะที่เป็นไอดอลหน้าใหม่รู้สึกดีใจและตื่นเต้นมากเลยค่า~

    ต่อมาเสียงใสๆ ของเด็กสาวคนหนึ่งหรือฮารุกะได้ดังออกทางลำโพงในช่วงที่ตัวเองเดินมายืนถึงกลางเวทีพอดี เธอจับไมค์ไว้แนบแน่นพร้อมส่งรอยยิ้มสดใสให้เหล่าแฟนคลับหรือกลุ่มคนที่มาฟังเพลงของเธอจนได้รับเสียงปรบมือด้วยความชื่นชม

    ฮิ้ววววว~!! ฮารุกะจังน่ารักที่สุดเลยคร้าบบบบ~!!!”

    พอเจอตัวจริงแล้วน่ารักยิ่งกว่าที่ร่ำลือไว้อีกนะเนี่ยยย!!”

    อยากฟังเสียงร้องเพลงของเธอใจจะขาดแล้ววว~!!”

    แหะๆๆ งั้นต่อจากนี้ฮารุกะจะเริ่มร้องเพลงให้ทุกคนได้ฟังกันแล้วนะค้าา~ ขอเริ่มจาก Gekisou Gungnir ก่อนเลยละกันค่าา~

    ฮิ้ววววววว~!!!”

    สิ้นเสียงของเหล่าแฟนคลับปุ๊บ บทเพลงแรกของฮารุกะก็เริ่มต้นอย่างจริงจังโดยมีการบรรเลงซิมโฟนี่แนวสนุกสนานดังสนั่นลั่นคอนเสิร์ตแห่งนี้ พอฉันลองแอบส่องจากทางประตูห้องเก็บตัวจึงพบว่าพวกเขาพากันถือป้ายชื่อและแท่งไฟหลากสีอย่างถ้วนหน้า

    ท่าทางจะคลั่งไคล้มากกว่าที่คิดไว้นะเนี่ย...

     

    Zettai ni... Hanasanai kono tsunaida te wa

    Konna ni hora attakain da HITO no tsukuru nukumori wa

    Muzukashii kotoba nante Iranai yo

    Ima wakaru Kyoumei suru Brave minds

     

    Gutto gutto minagitteku Tomedo naku afureteiku

    Tsumugi aitai tamashii Hyaku man no kimochi... Saa

    Buttobe kono ENAJII yo

     

    จะว่าไป...น้ำเสียงของฮารุกะก็น่ารักไม่เบาเลยนี่นา

    เฮอะ...ว่าแล้วยัยเด็กนั่นต้องร้องเพลงแนวนี้ชูยะยืนกอดอกพิงกำแพงแล้วส่งสายตามองไปทางไอดอลตัวน้อยเชิงเหยียดหยามเล็กน้อย เทียบกับเพลง Deadly Drive ของฉันไม่ได้ด้วยซ้ำ

    เอิ่ม...ทำไมแลดูมั่นหน้ามั่นตาเหลือเกินล่ะคะ ทานิยามะจัง

    ฉันมองมาเฟียหนุ่มแต่งหญิงด้วยสีหน้าค่อนข้างตายด้านก่อนที่จะเปลี่ยนใจทำหน้าที่เฝ้าสังเกตจากประตูห้องแทน ซึ่งยังไม่มีความผิดปกติใดๆ ทั้งสิ้น ขนาดตัวพนักงานสาวชุดสีดำกับนักสืบอีกสองคนยังไม่มีวี่แววเดินกลับมาด้วย

    สรุปว่าคุยกันตามแผนหรือล่อเข้าไปที่อื่นกันแน่เนี่ย...

    เฮ้อ...หวังว่าดาไซกับอัตสึชิจะดำเนินแผนการอย่างราบรื่นละกัน

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    Mitsuketan da yo Kokoro no kaeru basho

    Yes todoke! Zenshin zenrei kono omoi yo

    Hibike! Mune no kodou! Mirai no saki e...

     

    แปะๆๆๆๆ

    ฮิ้ววววววว~!!!”

    ฮารุกะจวางงงง~!!!”

    น่าร๊ากกกก~!!!”

    หลังจากเวลาผ่านไปประมาณสามนาทีครึ่ง บทเพลง Gekisou Gungnir ของฮารุกะก็ได้จบลง แน่นอนว่าต้องมีการปรบมือชื่นชมพร้อมกับเสียงเรียกแห่งความคลั่งไคล้ตามประสาแฟนคลับ โดยทางหน้าประตูห้องเก็บตัวนี้ยังไม่มีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น

    ชูยะ...ทางเวทีไม่มีอะไรผิดปกติใช่มั้ยฉันค่อยๆ เดินกลับไปหาชูยะในรูปลักษณ์ผู้หญิงอย่างช้าๆ แล้วค่อยถามถึงสถานการณ์

    ยังไม่เจอสักอย่างเลย...แต่ตอนนี้น่ะ...อีกฝ่ายเว้นช่วงประโยคพร้อมเริ่มหยิบกรรไกรคมสีเงินขึ้นตัดกระโปรงให้สั้นขึ้นประมาณครึ่งต้นขาที่เรียวงามอย่างกับผู้หญิงจริงๆ

    “...?”

    อาจจะมีก็ได้ เพราะฉันเริ่มสัมผัสได้ถึงบางอย่าง...ที่แปลกประหลาดบ้างแล้วล่ะ

    มะ...หมายความว่าไง...

    ในจังหวะนั้นเอง สายตาของฉันก็สังเกตเห็นบางอย่างคล้ายหมอกบางๆ จากด้านหลังเวที มันกำลังล่องลอยกระจัดกระจายและหลอมรวมจนกลายเป็นสายลมโบกราวกับมีพัดลมติดตั้งไว้ จากนั้นฮารุกะจึงเริ่มทำหน้าที่ไอดอลต่อไป

    แย่จังเลย...ฮารุกะรู้สึกร้อนซะแล้วสิ เอาเป็นว่าเพลงต่อไปขอแบบเบาๆ สบายๆ ละกันเนาะ

    ได้เลยคร้าบบบ~!!!”

    ถ้าเป็นของฮารุกะจังล่ะก็...พวกเรายอมฟังทุกเพลงเลยยย~!!!”

    ใช่แล้ววว~!! ฮารุกะจังเปลี่ยนแนวเพลงได้เลยยย~!!!”

    เสียงเหล่าแฟนคลับยังคงดังสนั่นแล้วยอมให้ไอดอลตัวน้อย โดยเธอส่งรอยยิ้มสดใสไปได้ไม่นานจนกระทั่งเริ่มแอบมองทางพวกเราสองคนด้วยหางตาและยิ้มมุมปากอันแฝงไปด้วยอารมณ์ที่ผิดแปลก

    งั้น...เอาแบบนี้ดีกว่า~

    อึ่ก...

    ฟิ้วว~

    พลังพิเศษ : สดับลมขับขาน

    ...!?” ฉันรีบวิ่งออกจากห้องเก็บตัวนี้โดยไม่สนใจอย่างอื่นใดพร้อมหันมองไปทางขวามือก่อนที่จะพบเจอเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงในตอนมุ่งหน้ามาคอนเสิร์ตด้วยกันกับนักสืบสองคน มะ...ไม่นะ...!!”

    เสียงสายลมพัดโบกทั่วบรรยากาศภายในอาคาร ร่างของแฟนคลับทุกคนค่อยๆ เริ่มมีหมอกบางเกาะแผ่นหลังไว้แล้วตามกลืนกินทีละนิดจนไม่เหลือแม้แต่ปลายเล็บ พื้นที่สำหรับคนดูหรือฟังเพลงนั้นโล่งราวกับว่าไม่เคยมีใครก้าวเท้าเหยียบเข้ามาเลย

    ยูกิ! เกิดอะไรขึ้น!!” ชูยะวิ่งตามลงมาหาทันทีที่หมอกกลืนกินผู้คนจนเขาเบิกตากว้างเพราะได้เห็นผลลัพธ์ด้วยตาตัวเองเต็มๆ นะ...นี่มัน...

    ตึก...ตึก...ตึก

    “เห...อย่างที่ฉันคาดเดาไว้เลยแฮะ...

    ในระหว่างนั้นเสียงฝีเท้าของใครบางคนก็ดังกระทบลงบนพื้นจากทางเข้าตัวอาคาร พอลองหันมองจึงพบร่างสูงของนักสืบผมน้ำตาลผู้เป็นเจ้าของเสียงพูดเมื่อครู่

    ดาไซ...? ละ...แล้วอัตสึชิคุง---

    ฉันฝากให้เขาส่งข้อมูลไปทางสำนักงานเรียบร้อย และคนที่น่าสนใจยิ่งกว่า...เขาเว้นช่วงประโยคพลางหันตัวมองร่างไอดอลที่ตอนนี้ได้เผยตัวให้เห็นชัดเจน “ก็กำลังยืนมองพวกเราแล้วล่ะนะ

    สวัสดีค่า~ คุณนักสืบและมาเฟียทั้งสามคน~

    เจ้าตัวที่ยืนจับไมค์พูดทักทายพวกเราบนเวทีมีความสูงเท่าเด็กวัยประถม เรือนผมสีดำมัดสองข้างลงต่ำระดับไหล่บนหน้าตาขาวละอ่อนมีนัยน์ตากลมโตสีเขียว แขนขากำลังอยู่ในวัยเติบโตพอสมควร

    ส่วนองค์ประกอบของชุดธีมเขียวคือ เดรสเกาะอกยาวถึงเข่าประดับด้วยผ้าสีขาวพาดไขว้อ้อมไปเป็นโบว์ด้านหลัง โดยมีการแหวกออกกลางให้เห็นกระโปรงสั้นที่ใส่ด้านใน ถุงมือสีขาวขอบบนเขียวยาวเกือบถึงใต้วงแขนที่มีกำไลรวมถึงสร้อยคอสีเหลือง-น้ำเงิน ถุงน่องสีขาวมีสาย รองเท้ามีสายรัดข้อเท้า ตบท้ายด้วยมงกุฎสีขาวราวกับเจ้าหญิงตัวน้อย

                                                                  

    ว่าไงเอ่ย...หนูน้อยดาไซทักทายตอบกลับพร้อมเดินเข้าหาและลากใครคนหนึ่งไปด้วย ซึ่งพอมองพิจารณาไม่นานฉันก็แอบรู้สึกขนลุกไม่น้อย อ่ะนี่...ของฝากจากพี่ชายสุดหล่อ

    ตุบ!

    เขาจับร่างหญิงสาวที่เป็นพนักงานเฝ้าห้องเก็บตัวโยนออกตรงหน้า สภาพของเธอตอนนี้ถูกถอดสูทออกและกำลังหมดสติอยู่ แถมยังมีกลัดรูปใบโคลเวอร์สีดำติดอยู่บนอกเสื้อเชิ้ตสีขาวด้วย อีกฝ่ายยืนมองค้างสักพักก่อนที่จะฉีกยิ้มกว้างให้ทางพวกเรา

    สมกับเป็นสมาชิกประจำสำนักงานนักสืบบุโซอย่างที่พวกเขาร่ำลือ แทบไม่เชื่อจริงๆ ว่าจะรู้ตัวตนของพนักงานเร็วขนาดนี้

    แหงสิ...ก็เด็กน้อยอย่าง นาย ช่วยปิดบังตัวตนยากพอๆ กับคุณคานาเอะเลยนี่

    แย่จัง...ขนาดตัวตนของ ผม ที่แท้จริงพี่ชายยังรู้ได้เลยเนาะ

    ดะ...เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ดาไซเรียกสรรพนามแทนฮารุกะว่านาย...

    ส่วนฮารุกะเรียกแทนตัวเองว่าผม...

    บะ...บ้าน่า...หรือว่า...

    ถ้าพี่ชายผมส้มคนนั้นแต่งหญิงได้...ฮารุกะเว้นช่วงประโยคพร้อมกระโดดลงจากเวทีแล้วค่อยๆ เดินตรงเข้าหาพลางส่งสายตามองเหมือนกำลังทำการจับจองอยู่ ทำไมผมจะแต่งด้วยไม่ได้ล่ะ จริงมั้ยครับ...พี่สาว

    อึ่ก...ฉันมองเด็กตัวน้อยและค่อยๆ กลืนน้ำลายตัวเองหนึ่งทีกลั้นความกลัวเอาไว้ในใจ ทว่า...

    โห~ ชูยะแต่งหญิงหรอกเหรอเนี่ยย~ดาไซเริ่มสังเกตเห็นชูยะในรูปลักษณ์นักเรียนสาวจนกระทั่งมุ่งหน้าเข้าหาและส่งรอยยิ้มแฉ่งแฝงความเจ้าเล่ห์เบาๆ สวยดีไม่เบานี่นา...ไว้คราวหลังช่วยแต่งหญิงเดทกับฉันแก้เหงาหน่อ---

    ผัวะ!!!

    วินาทีนั้นเอง มาเฟียหนุ่มได้ชิงต่อยอัดหน้าด้วยหมัดข้างขวาจนปลิวออกจากอาคารคอนเสิร์ตก่อนที่อดีตคู่หูจิตพิลึกจะพูดอะไรลามปามเชิงชู้สาวมากกว่านี้

    แกหัดอ่านบรรยากาศรอบตัวหน่อยสิโว้ยยยย!! ไอ้เบื๊อกดาไซ!!!”

    สะ...สุดยอด...

    พอแต่งหญิงแล้วรู้สึกเหมือนเป็นสาวแกร่งยังไงไม่รู้แฮะ...

    ฮารุกะยกมือขึ้นปรบมือเหมือนกำลังจะชื่นชมอยู่นานแต่ต่อมาเขาก็เริ่มหยิบใบโคลเวอร์สีดำจากถุงมือยาวข้างซ้ายขึ้นมา งั้นเอาเป็นว่า...ขอแนะนำตัวสักหน่อยดีกว่า

    แบล็คโคลเวอร์...งั้นเหรอ

    “ฮิๆๆ~ พี่สาวนี่เก่งจังเลยแฮะ...เขาส่งรอยยิ้มกว้างให้ฉันแล้วค่อยเปิดประเด็นพูดอย่างจริงจัง ใช่แล้วล่ะ ผมเป็นหนึ่งในสมาชิกแบล็คโคลเวอร์ ส่วนฮารุกะเป็นแค่นามแฝงในฐานะไอดอลหน้าใหม่เท่านั้น

    “...” ชูยะนิ่งเงียบพร้อมเดินเข้ามายืนอยู่เคียงข้างฉันและกำหมัดหักนิ้วทั้งสองข้าง

    ชื่อของผมจริงๆ คือ มุรากามิ ฮารุกิ...ผู้มีพลังพิเศษ สดับลมขับขาน ไงล่ะครับ...

    พอเด็กน้อยที่ชื่อฮารุกิแนะนำตัวจบ บรรยากาศรอบๆ เริ่มมีสายลมพัดโบกมาอีกครั้งโดยก่อเกิดรูปธรรมเป็นร่างแยกของเขาประมาณสิบคนบนเวทีและบรรเลงเพลงประหนึ่งวงออเคสตรา เขาค่อยๆ กางแขนขึ้นสองข้างพร้อมเรียกกลุ่มหมอกรอบตัว

    ยูกิ...ถึงดูเผินๆ ไปมันจะสู้ยาก แต่ถ้ามีพลังแรงโน้มถ่วงจากฉันและอสรพิษจากเธอล่ะก็...ต้องรับมือไหวแน่มาเฟียร่างนักเรียนสาวส่งรอยยิ้มกว้างเหมือนที่เคยทำด้วยความมั่นใจแล้วค่อยเตรียมตั้งหลักพร้อมสู้

    อะ...อื้ม พวกเราต้อง...ทำได้ฉันพยักหน้าลงและยิ้มบางๆ ให้อีกฝ่ายก่อนที่จะดีดนิ้วซ้ายเรียกเหล่าอสรพิษด้านดีนับสิบรวมถึงแคทเชอร์ร่างหลักออกมาท่ามกลางควันสีดำด้านหลัง

    ฟ่อออ~

    งั้นก็...เริ่มกันเลยดีกว่าเนาะ พี่นักสืบและมาเฟียทั้งสองคน

    แน่นอนอยู่แล้วล่ะน่า...มุรากามิ ฮารุกิ!!!

    [ To be continued ]


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×