คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Episode 8 ดอกไม้ที่เริ่มโปรยปราย
เมื่อพวกเราทั้งหกคนได้ขึ้นลิฟต์จนถึงชั้นบนสุดแล้ว
ชูยะกับอาคุตางาวะยังคงทำหน้าที่นำทางให้เหมือนเดิม เหล่าลูกน้องมาเฟียในชุดผีฟักทองต่างยืนเรียงแถวขนาบสองข้างคอยต้อนรับเป็นอย่างดี
ไม่มีตุกติกใดๆ ทั้งสิ้น จากนั้นก็หยุดกันอยู่ที่หน้าประตูห้องบอสแห่งพอร์ตมาเฟีย
บอดี้การ์ดสองคนยืนมองพักหนึ่งแล้วค่อยเปิดประตูออกให้
สิ่งตรงหน้าที่พบในห้องนี้อย่างแรกคือ
โต๊ะยาวที่ถูกตั้งไว้กลางห้อง เต็มไปด้วยจานอาหารหลากชนิดเพื่อฉลองฮาโลวีนโดยเฉพาะ
ต่อมาคือเจ้าของห้องพร้อมกับสาวน้อยผมทองชุดแดงอย่างเอลิสซึ่งกำลังนั่งอยู่ใกล้หัวโต๊ะ
โมริหันมาเจอพวกเราแล้วแสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยก่อนที่จะยิ้มให้บางๆ
“แหมๆ การที่ท่านเข้ามาเยี่ยมเยือนฐานพอร์ตมาเฟียแห่งนี้นี่ช่างหายากเหลือเกิน
ท่านฟุคุซาวะ”
“ก็แค่มาช่วยคุ้มกันสมาชิกใหม่เท่านั้นแหละนะ
คุณหมอโมริ”
“ดีจังเลยน้า งั้นเอาเป็นว่าพวกเรามานั่งกินอาหารร่วมกันก่อนดีมั้ยเอ่ย”
ทุกคนต่างพยักหน้าตกลงพลางหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างพร้อมเพรียง
ลำดับการนั่งคือ เอลิส-ดาไซนั่งใกล้โมริ ต่อจากเด็กสาวก็มีชูยะกับอาคุตางาวะ แถวของนักสืบผมน้ำตาลมีคุนิคิดะกับฉัน
ส่วนประธานฟุคุซาวะนั่งอยู่หัวโต๊ะอีกฝั่ง
ในจังหวะนั้น ชูยะได้เริ่มแจ้งบอสเกี่ยวกับเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานพร้อมขอให้ทุกคนร่วมมือกันสืบค้นหาคนร้าย
อีกฝ่ายนั่งเท้าคางครุ่นคิดหลายวินาทีแล้วค่อยลองคุยกับฉันก่อน
“ยูกิคุง เธอคิดว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นอีกในวันพรุ่งนี้รึเปล่า...”
“เอ่อ...เห็นดาไซบอกไว้ว่าคนร้ายเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อก่อความวุ่นวายด้วยการแฮ็กโทรศัพท์และปล่อยพลังพิเศษจากดอกไม้ที่เพิ่งซื้อเป็นช่อน่ะค่ะ
ตามปกติทั่วไปแล้ว...ถ้าเล่นงานแค่คืนนี้คงไม่พอ ดังนั้นมันจะต้องเกิดขึ้นอีกแน่นอน”
ฉันพยายามอธิบายรายละเอียดยิบย่อยตั้งแต่ต้นจนจบ
ทั้งเรื่องโทรศัพท์ที่ไม่ทราบชื่อปลายสาย เสียงหัวเราะชวนขนลุกและการส่งข้อความเกี่ยวกับดอกไม้
ซึ่งชื่อผู้ส่งมีแต่ K ตัวเดียว ทำให้มันยังคงเป็นปริศนาอยู่ รวมถึงความเป็นไปได้เรื่องการสังหารหมู่โดยใช้คนขายดอกไม้เป็นเครื่องมือ
โมริเริ่มเข้าใจสถานการณ์หลังจากฟังจบ
เขาบอกว่าจะยอมให้ความร่วมมือเพราะลูกน้องบางส่วนเคยหายตัวอย่างลึกลับตอนสั่งให้ไปซื้อดอกไม้เมื่อไม่นานเหมือนกัน
จนป่านนี้แล้วกลุ่มคนเหล่านั้นก็ยังไม่กลับมา
เพราะงั้นอาคุตางาวะก็เลยรับหน้าที่ช่วยคุ้มกันระหว่างเดินทางด้วยสินะเนี่ย
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์เดียวกันเลยแฮะ”
ดาไซพูดพร้อมตัดขนมเค้กชิ้นเล็กออกมาวางบนจานแล้วค่อยสะกิดไหล่คุนิคิดะที่นั่งข้างๆ
“ลองติดต่ออัตสึชิคุงตอนนี้หน่อยได้มั้ย คุนิคิดะคุง”
“ห๊า? โทรศัพท์ตัวเองก็มีไม่ใช่รึไงเล่า!”
นักสืบแว่นแอบมองด้วยหางตาในขณะที่กำลังหยิบองุ่นลูกหนึ่งออกมากินและเปิดสมุดอุดมคติจดอะไรบางอย่าง
“พอดีว่าลืมเอามาจากหอพักอ่า รบกวนหน่อยนะ คุณแม่แห่งสำนักงานนักสืบบุโซ~”
นักสืบผ้าพันแผลฉีกรอยยิ้มกว้าง
พยายามออดอ้อนสุดกำลังจนได้ผล อีกฝ่ายถอนหายใจเบาๆ
พร้อมหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดโทรหาอัตสึชิโดยไม่ลืมที่จะเปิดโหมดลำโพงด้วย
.
...
...
....
.....
“ฮัลโหลครับ คุณคุนิคิดะ”
“อัตสึชิ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนแล้ว”
“ก็เพิ่งจะถึงสำนักงานนักสืบนี่เอง คุณรัมโปได้รับโทรศัพท์ของคุณทาจิบานะและกำลังใช้สุดยอดสันนิษฐานตรวจสอบอยู่
อีกไม่นานคงรู้ความจริงแล้วล่ะ”
“...”
พวกเราทุกคนต่างเงียบกันเป็นเป่าสากเพื่อรอคำตอบจากปากของ
เอโดงาวะ รัมโป ยอดนักสืบประจำสำนักงานนักสืบบุโซ ซึ่งถือเป็นแกะดำในกลุ่มเพราะไม่มีพลังพิเศษอะไรทั้งสิ้น
แม้เจ้าตัวจะยังคิดว่ากำลังใช้พลังพิเศษอยู่ก็ตาม
“อื้ม...อย่างนี้นี่เอง ฉันรู้แล้วล่ะว่าครั้งนี้มีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้น”
เสียงพูดของรัมโปได้ดังขึ้นหลังจากรอเพียงแค่ไม่ถึงสิบวินาที
เขาเริ่มบอกคำตอบให้โดยแยกเป็นข้อๆ เรียงกัน “ข้อแรก
โทรศัพท์ที่ส่งมาให้เนี่ย...มันไม่ใช่ของทาจิบานะ ยูกิจังเลย”
“เอ๊ะ!?” ฉันเบิกตากว้างด้วยความแปลกใจและแทบจะไม่อยากเชื่อกับคำตอบเมื่อครู่
“มะ...ไม่ใช่โทรศัพท์ของฉัน?”
ยอดนักสืบเริ่มอธิบายเพิ่มเติมให้ทุกคนได้รับรู้ว่า โทรศัพท์เครื่องนั้นเป็นของคนอื่น โดยเมื่อคืนมีคนฉวยโอกาสแอบสลับตอนกำลังนอนหลับสนิทหลังจากได้ซื้อเครื่องใหม่ที่มีรุ่นเดียวกันพร้อมแฮ็กระบบเพื่อโอนย้ายข้อมูลทุกอย่างเข้าไปให้ดูเหมือนเครื่องของฉัน
จากนั้นอัตสึชิก็ช่วยยืนยันด้วยการแกะเอาแบตเตอรี่ออก เขาบอกว่าสภาพของมันยังใหม่อยู่
เพิ่งถูกใช้งานไม่นาน
“ข้อสอง...จากเหตุการณ์ล่าสุดที่ยูกิจังพบเจอ
ทำให้ฉันสันนิษฐานได้ว่าข้อความนั่นเป็นของคนมีพลังพิเศษซึ่งเกี่ยวข้องกับดอกไม้ ชื่อของคนๆ
นั้นคือ...”
ติ๊ด!
ในจังหวะที่กำลังจะได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของ
K จู่ๆ การสนทนาของพวกเราก็ถูกตัดขาดราวกับการวางสายหรือแบตเตอรี่หมดกะทันหัน
ทำเอาทุกคนบนโต๊ะเริ่มวิตกกังวลขึ้นมาทันที
“...!? คุณรัมโป! เกิดอะไรขึ้นที่สำนักงานรึเปล่าครับ! คุณรัมโป!!”
“โทรศัพท์ทางนั้นถูกตัดสายไปแล้วค่ะ...คุณคุนิคิดะ ลองโทรหาเบอร์เขาตอนนี้น่าจะดีกว่านะคะ”
หลังพูดจบประโยค ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ของคุนิคิดะบนโต๊ะให้อย่างไว
เขากดเลขหมายของยอดนักสืบด้วยความรู้สึกตื่นตระหนกแล้วค่อยเปิดโหมดลำโพงและวางไว้ที่เดิม
.
...
...
....
.....
ตื๊ดด~ ตื๊ดด~ ตื๊ดด~
เงียบกริบ...ไม่มีแววจะรับสายแม้แต่นิดเดียว
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ
นักสืบแว่นแสดงสีหน้าตึงเครียดพร้อมตัดใจกดวางสายทิ้ง
บรรยากาศเริ่มมาคุอีกครั้ง แถมยังหนักยิ่งกว่าครั้งก่อนมาก ทั้งคำตอบเกี่ยวกับ K ที่ค้างคาและสถานการณ์ในสำนักงานนักสืบบุโซ
ไม่อาจรู้ได้ว่าทั้งสองคนเป็นตายร้ายดียังไงบ้าง
“ถูกเล่นงานเข้าแล้วงั้นเหรอ...ท่าทางศัตรูจะตามเคลื่อนไหวได้ไม่เลวเลย”
ดาไซเริ่มกินน้ำเปล่าหลังเลิกกินเค้กภายในทันทีและเข้าสู่โหมดจริงจัง
“บอส! พวกผมขออนุญาตแจ้งข่าวด่วนให้กับสำนักงานนักสืบบุโซก่อนได้มั้ย!”
ในระหว่างนั้นเอง
ทาจิฮาระได้วิ่งเข้ามาในห้องพร้อมพรรคพวกอย่างฮิกุจิ กิน กับฮิโรสึ
เขาถือโน้ตบุ๊กสีดำไว้กับมือแล้วเริ่มเคลียร์โต๊ะอาหารให้มีพื้นที่ในการวางและเปิดเครื่อง
ต่อมาก็เปิดเข้าเว็บไซต์เสนอข่าวสารก่อนที่จะพบช่วงรายงานข่าวภาคค่ำ
“ข่าวด่วนค่ะ! ขณะนี้เมืองโยโกฮาม่าเริ่มมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง
ประชาชนนับร้อยหายตัวไปอย่างลึกลับหลังได้รับการรายงานจากเหล่าคนรู้จัก โดยบอกเอาไว้ว่า
เมื่อพวกเขาซื้อดอกไม้ตอนเย็นนี้ จู่ๆ ก็หายไปพร้อมกันสองอย่าง
แต่กลับมีสิ่งหนึ่งถูกโปรยบนพื้นแทน นั่นคือใบโคลเวอร์สีดำ ทางตำรวจต่างออกความเห็นกันว่าเป็นแค่เรื่องแต่งเพื่อให้บ้านเมืองปั่นป่วนและวุ่นวายกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม หากใครเพิ่งซื้อดอกไม้ในวันนี้หรือวางแผนซื้อวันต่อมา
ขอให้ระวังตัวเอาไว้น่าจะดีกว่านะคะ เพราะดิฉันเชื่อว่านั่นต้องเป็นฝีมือคนมีพลังพิเศษอย่างไม่ต้องสงสัยเลยค่ะ”
หลังจากฟังข่าวจบ
เจ้าของโน้ตบุ๊กก็เปิดอีกเว็บไซต์หนึ่งที่มีการโพสต์ภาพเกี่ยวกับข่าวเมื่อครู่เต็มหน้าฟีดพร้อมแคปชั่นประมาณว่า
‘พบเจอด้วยตาตัวเอง ไม่ได้โกหก’ ‘ทำไมตำรวจถึงไม่ยอมเชื่อพวกเรา’ ในแต่ละภาพต่างเป็นบรรยากาศภายในบ้านไร้ซึ่งดอกไม้ทั้งแบบกระถางกับช่อ
และทุกหลังล้วนมีใบโคลเวอร์สีดำกระจัดกระจายบนพื้นตามที่นักข่าวรายงานไว้
ทำไมต้องเป็นใบโคลเวอร์สีดำกันนะ...มันมีความเกี่ยวข้องกับตัวคนร้ายงั้นเหรอ
“มีประชาชนยืนยันกันขนาดนี้ เห็นทีต้องรับงานช่วยหยุดยั้งซะแล้วสิ”
คุนิคิดะเริ่มจดเพิ่มเติมในหน้าถัดไปของสมุดอุดมคติของตัวเองพร้อมพูดขอบคุณทางทาจิฮาระที่ช่วยเปิดข่าวด่วนให้ฟัง
“งั้นพวกเรารีบแยกย้ายออกไปตรวจสอบบ้านเรือนกับร้านดอกไม้ดีกว่านะ
เบาะแสบางอย่างอาจอยู่ที่ไหนสักจุดก็ได้” ดาไซลุกขึ้นออกจากเก้าอี้แล้วค่อยๆ
เดินมาหาพร้อมตบไหล่ฉันที่นั่งอยู่ข้างนักสืบแว่น “ครั้งนี้จะยอมให้ยูกิจังช่วยคุ้มกันคุนิคิดะคุงในระหว่างตรวจสอบบ้านของประชาชนละกัน”
“เอ่อ...แล้วพวกคุณที่เหลือล่ะ”
“ฉันกับชูยะจะไปตรวจสอบร้านดอกไม้ทุกร้าน
อาคุตางาวะคุงไปกับพวกกินจัง ตามหาอัตสึชิคุงที่สำนักงานนักสืบบุโซ พอได้คำตอบหรือเกิดเหตุอะไรขึ้นปุ๊บ
ขอให้รีบรวมตัวที่สวนสาธารณะทันที” นักสืบผมน้ำตาลแบ่งกลุ่มและหน้าที่ที่ต้องทำในคืนนี้ก่อนที่จะขอคำอนุมัติจาก
“ตกลงตามนั้น ดาไซ เดี๋ยวฉันกับคุณหมอโมริจะคอยดูสถานการณ์จากฐานพอร์ตมาเฟียแห่งนี้เอง
ถึงยังไงซะ...เป้าหมายของศัตรูก็ไม่ได้มีแค่ทาจิบานะคนเดียวอยู่แล้ว”
“แหมๆ มีแผนการในหัวประจำเลยน้า ดาไซคุง” โมริหันมายิ้มกว้างให้กับอดีตพอร์ตมาเฟียก่อนที่จะบอกกับพวกเราทั้งหมดด้วยสีหน้าจริงจังว่า
“ยังไงก็ขอให้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์นี้ให้ได้ละกัน ฉันคาดหวังในตัวพวกเธออยู่นะ”
พวกเราทั้งแปดคนรับทราบแล้วรีบพากันลงลิฟต์ชั้นล่างสุดเพื่อแยกย้ายกันทำหน้าที่ของตัวเองทันที
ระหว่างนั้นคุนิคิดะก็ขีดเขียนบนแผ่นกระดาษในสมุดและฉีกออกมาพับให้สองแผ่น
“ทาจิบานะ ช่วยเก็บเจ้านี่ไว้กับตัวด้วยล่ะ เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินใกล้ตัวฉันเมื่อไหร่จะได้ใช้พลังพิเศษเรียกทัน
โอเคนะ...”
“เข้าใจแล้วค่ะ!” ฉันพยักหน้าตกลงพร้อมเก็บกระดาษไว้ในกระเป๋าเสื้อแขนยาวและรูดซิปขึ้นไม่ให้ร่วงหายไป
จากนั้นจึงเริ่มต้นภารกิจตามสืบสวนคดีคนหายที่มีดอกไม้มาเกี่ยวข้อง รวมถึงตัวตนที่แท้จริงของ
K คนส่งข้อความประหลาดนั่นด้วย
คุณรัมโป...อัตสึชิคุง...ต่อจากนี้ไปทั้งพนักงานนักสืบบุโซกับพอร์ตมาเฟียจะตามสืบความจริงเอง
เพราะงั้น...ขอให้อยู่อย่างปลอดภัยด้วยเถอะนะ
.
.
.
.
.
เมื่อพวกเราทีมนักสืบร่วมกับมาเฟียแยกย้ายกันเดินทางออกจากฐานพอร์ตมาเฟียเพื่อทำหน้าที่สืบค้นความจริงไปได้สักพัก
ฉันกับคุนิคิดะที่ช่วยตรวจสอบความผิดปกติของบ้านเรือนก็เริ่มเข้าไปข้างในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งดูเงียบเหงาและมีสภาพข้าวของเละเทะเป็นส่วนมาก
เหล่ากระถางดอกไม้แห้งเหี่ยวราวกับขาดน้ำหลายวัน
“คุณคุนิคิดะ...ทีนี้เอายังไงดีคะ” ฉันหันไปถามนักสืบแว่นในขณะที่เช็คโทรศัพท์บ้านบนโต๊ะเพื่อลองโทรหาเบอร์ของเขา
“ไม่มีใครอยู่สักคน โทรศัพท์บ้านก็พัง ไม่สามารถใช้งานได้เลย”
“งั้นเธอลองเข้าห้องนอนหน่อยได้มั้ย เผื่อมีโน้ตบุ๊กที่เปิดภาพจากกล้องวงจรปิดได้สักจุด
เดี๋ยวฉันจะตามตรวจสอบหลักฐานอื่นๆ ต่อ”
“รับทราบค่ะ”
ว่าจบก็เริ่มเดินจากห้องนั่งเล่นเข้าไปยังห้องนอนทันที
แน่นอนว่าสภาพห้องแทบไม่ต่างจากห้องเมื่อกี้ ข้าวของกระจัดกระจาย วางไม่เป็นที่เป็นทาง
แต่เมื่อเปิดตู้เก็บของข้างๆ เตียงจึงพบกับกระเป๋าสีดำวางอยู่ ฉันยื่นมือไปหยิบออกมาเปิดพร้อมเชื่อมต่อสายไฟโน้ตบุ๊กเตรียมเปิดเครื่อง
“...”
โปรแกรมการจับภาพจากกล้องวงจรปิดถูกเปิดพร้อมกับวีดีโอหลายตัวเรียงกัน
พอเปิดวีดีโอล่าสุด สิ่งที่พบคือภาพเจ้าของบ้านผู้ชายกำลังจัดเรียงกระถางดอกไม้ในห้องนั่งเล่น
จากนั้นก็มีบุคคลปริศนาชุดคลุมหนาและหมวกสีดำเปิดประตูเดินเข้ามาอย่างช้าๆ มือขวาเริ่มหยิบปืนก่อนที่จะยกขึ้นยิงกล้องทุกตัวหวังทำลายหลักฐานทิ้ง
ให้ตายเถอะ...แบบนี้ก็หาตัวยากกว่าเดิมอีกน่ะสิ
“ทาจิบานะ ค้นพบอะไรในนั้นบ้างรึเปล่า” คุนิคิดะเดินตามมาหลังจากตรวจสอบทั่วบ้านแล้ว เขาหยิบสมุดอุดมคติขึ้นและนั่งบนเตียงจดบางอย่างไว้
ฉันส่ายหน้าให้ก่อนที่จะปิดโน้ตบุ๊กเก็บใส่กระเป๋าเหมือนเดิม
“กล้องวงจรปิดจับภาพได้แป๊บเดียวเองน่ะค่ะ
คนร้ายคงรู้ดีแน่ๆ ว่าตำรวจหรือแม้แต่พวกเราต้องตามมาที่นี่ภายหลัง
ก็เลยทำลายหลักฐานทิ้งไป”
“ทางฉันเองก็ไม่พบอะไรเลยนอกจากใบโคลเวอร์สีดำ
เอาเป็นว่าลองไปบ้านหลังอื่นดีกว่านะ”
นักสืบผมบลอนด์เข้มพาเดินออกจากบ้านหลังนี้อย่างไวเพื่อเตรียมดำเนินการสืบค้นความจริงในบ้านหลังใหม่
แต่ในระหว่างนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ ซึ่งมันเป็นของคนตรงหน้า
เขารีบหยิบออกจากกระเป๋ากางเกงและมองดูหน้าจอ เลขหมายที่ปรากฏเป็นเบอร์ของรัมโป
ฉันขออนุญาตคุยแทนแล้วกดรับสายทันที
“ฮะ...ฮัลโหล...”
“ทาจิบานะเหรอ นี่อาคุตางาวะพูดเองนะ”
“เอ๊ะ? อาคุตางาวะคุง!? ตอนนี้อยู่ในสำนักงานนักสืบบุโซแล้วใช่มั้ย ที่นั่นเป็นไงบ้าง
อัตสึคุงกับคุณรัมโปปลอดภัยดีรึเปล่า!”
“สองคนนั้นหายตัวไปแล้วล่ะ...บนพื้นมีใบโคลเวอร์สีดำโปรยไว้เหมือนในข่าวไม่มีผิด”
โกหกน่า...พวกเขาถูกเล่นงานเข้าแล้วจริงๆ
เหรอเนี่ย
“งั้นรีบรวมตัวกันตรงสวนสาธารณะด่วนเลยนะ
เดี๋ยวพวกฉันจะตามไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
ติ๊ด!
ฉันรีบกดวางสายแล้วคืนโทรศัพท์ให้กับคุนิคิดะก่อนที่จะพาเขาวิ่งออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังสวนสาธารณะโดยยกเลิกภารกิจสืบค้นความจริงภายในทันที
ขืนปล่อยให้คนร้ายลอยนวลบุกบ้านหลังอื่นคงไม่ดี เพราะงั้นสิ่งที่ต้องทำคือ ล่อให้เข้าหาและจัดการทีเดียวซะ
“เดี๋ยวสิ ทาจิบานะ! แล้วแบบนี้เจ้าคนร้ายจะมาหาพวกเราได้เหรอ!”
“ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน แต่ถ้าที่นั่นมีดอกไม้ล้อมรอบอยู่
การปรากฏตัวของคนๆ นั้นในฐานะผู้มีพลังพิเศษอาจมีโอกาสค่อนข้างสูงเลยค่ะ”
แต่ในขณะที่กำลังวิ่งมุ่งหน้าไปนั้น กลีบดอกไม้จากพื้นที่บางส่วนเริ่มหลุดออกพร้อมโปรยปรายขึ้นกลางอากาศ
จากนั้นก็แปรสภาพเป็นโซ่ตรวนพุ่งเข้าหาพวกเราทั้งสอง ฉันกระโดดม้วนหน้าหลบหลีกและดีดนิ้วซ้ายเรียกแคทเชอร์ให้ปกป้องจากด้านหลัง
มันคอยปัดป้องออกอย่างรวดเร็วจนกระทั่งพุ่งอ้อมมากัดโซ่ที่ดักหน้าให้ขาดแล้วพาเหวี่ยงตัวขึ้นบนเสาหินใกล้ๆ
แน่นอน...การทิ้งคุนิคิดะอยู่ข้างล่างคนเดียวนั้นถือเป็นไอเดียที่แย่อย่างมาก!
“อสรพิษอัปยศ!!”
เหล่าแถบออร่าสีดำม่วงเริ่มหมุนเวียนรอบตัว
เหล่าอสรพิษด้านดีทั้งสิบปรากฏตัวภายใต้ควันสีดำทันทีที่เรียกชื่อพลังพิเศษ หนึ่งในนั้นรีบพุ่งเข้าไปโอบร่างของเขาก่อนที่จะดึงกลับมาให้ยืนข้างกัน
พอหันมองทางข้างล่างอีกฝั่งก็พบกับกลุ่มอาคุตางาวะที่กำลังวิ่งมาหาพอดี
“อาคุตางาวะคุง!! ระวัง!!”
“...!!?”
เขาเริ่มชะงักตัวเมื่อเผชิญหน้ากับเหล่าดอกไม้ในรูปลักษณ์โซ่ตรวนที่พยายามอ้อมล้อมกลุ่มมาเฟียทั้งสี่คนโดยหวังมัดรวบไม่ให้ไปไหน
แต่แล้วก็ทำไม่สำเร็จ พวกมันขาดกระจุยโดยฝีมือมาเฟียหนุ่มชุดคลุมดำ
“พลังพิเศษ : ราโชมอน!!”
ออร่าสีแดงปรากฏรอบตัวผู้ใช้ราโชมอนพร้อมเสื้อคลุมที่มีใบหน้าของสัตว์ประหลาดสีดำสิบตัวพุ่งออกไปกัดโซ่จนพรุนแล้วรวบตัวพรรคพวกสามคนเพื่อพากระโดดขึ้นยืนบนเสาหินใกล้กับพวกฉันสองคน
“คุณทาจิบานะ พลังพิเศษของคุณดูคล้ายกับของรุ่นพี่อาคุตางาวะมากเลยนะคะเนี่ย”
ฮิกุจิหันมาคุยด้วยในขณะที่กำลังหยิบปืน Uzi สองกระบอกเตรียมสแตนด์บายเพื่อรอโต้ตอบรอบต่อไป
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องพลังตอนนี้เถอะ ฮิกุจิ ท่าทางศัตรูจะเริ่มเข้ามาหาพวกเราแล้ว...เตรียมตัวให้พร้อมสู้น่าจะดีกว่า”
อาคุตางาวะตัดบทสนทนาแล้วหันกลับไปมองตรงหน้าของตัวเอง
ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่พูดจริง ศัตรูกำลังย่างก้าวเข้ามาอย่างช้าๆ แต่ดูสง่าและน่าเกรงขาม
คนๆ นั้นใส่ชุดคลุมยาวหนาและหมวกสีดำตามที่ได้เห็นจากภาพกล้องวงจรปิดในบ้านหลังล่าสุดเป๊ะ
“สวัสดีจ้ะ เหล่านักสืบกับมาเฟียทุกคน
คืนนี้อากาศดีเหมาะกับการชมดอกไม้จังเลยนะ” คนตรงหน้าซึ่งเป็นผู้หญิงเงยหน้ามาทักทายพวกฉันด้วยรอยยิ้มกว้างพร้อมนั่งบนเก้าอี้ที่มีกระถางดอกไม้ตั้งขนาบข้าง
“คุณคือคนร้ายที่มีพลังพิเศษเกี่ยวกับดอกไม้ใช่มั้ยคะ...”
มาเฟียสาวผมทองเล็งปืนสองกระบอกไปยังอีกฝ่ายพร้อมสืบหาความจริงด้วยสีหน้าจริงจัง
“หืมม? ทำไมถึงคิดแบบนี้ล่ะจ๊ะ”
พอเธอถามกลับแบบนั้นแล้ว มันทำให้ฉันเริ่มรู้สึกอารมณ์ไม่ดีพร้อมบอกสิ่งที่เกิดขึ้นและพบเห็นในคืนนี้ทั้งหมด
“ก็คุณเป็นตัวบงการทำให้ชาวเมืองโยโกฮาม่าหายตัวไปไม่ใช่เหรอ
ใช้ชื่อ K ส่งข้อความแปลกๆ บุกบ้านคนอื่นเพื่อทำการบางอย่างแล้วโปรยใบโคลเวอร์สีดำทิ้งไว้หลายจุด
ที่สำคัญ...สมาชิกนักสืบบุโซสองคนที่เป็นพรรคพวกของฉันก็หายไปอย่างลึกลับระหว่างคุยโทรศัพท์”
“...”
“คุณคิดว่านั่นไม่ใช่ฝีมือของตัวเองรึไง! คนที่มีความเกี่ยวข้องกับดอกไม้มากที่สุดจะเป็นใครคนไหนได้ล่ะ!!”
สิ้นเสียงการถามเมื่อครู่ สาวปริศนาก็เงียบปากหลายวินาทีก่อนที่จะจับแก้มตัวเองสองข้างพร้อมหัวเราะลั่นกลางสวนสาธารณะแล้วถอดชุดคลุมสีดำออก ในระหว่างนั้นเหล่าดอกไม้อันสวยงามได้เริ่มแปรสภาพเป็นโซ่ตรวนและดอกไม้ปีศาจทั้งหมด ซึ่งเมื่อพิจารณารูปลักษณ์ตั้งแต่หัวจรดเท้าปุ๊บ ฉันก็นึกภาพออกทันที
เธอมีรูปร่างผอมเพรียว ไว้ทรงผมสีดำยาวกลางหลังและหน้าม้าแบบธรรมดา
บนใบหน้าหวานอันผดผ่องมีดวงตาสีม่วงรวมทั้งไฝเสน่ห์เล็กๆ ใต้ริมฝีปากมุมขวาล่าง ชุดที่ใส่เป็นเสื้อแขนยาวเปิดไหล่สีแดง
กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้ม รองเท้าบู้ทสีดำยาวเหนือเข่าเล็กน้อย
เครื่องประดับมีเพียงสองอย่างคือ ตุ้มหูห้อยรูปเพชรสีแดงกับสร้อยคอจี้สีแดง
สำคัญกว่านั้น...เธอเป็นผู้หญิงที่เพิ่งขายดอกไม้ตอนเย็นวันนี้นี่เอง!
การสัมผัสถึงรังสีอันตรายจากรอยยิ้มหวานในตอนนั้นไม่มีผิดพลาดจริงๆ
ด้วยสินะ...
“พวกเธอนี่ช่างสืบกันเก่งจัง...สมกับเป็นองค์กรที่คนอื่นเขาร่ำลือจริงๆ”
หลังจากคนร้ายตัวจริงลุกขึ้นออกจากเก้าอี้ จู่ๆ ก็หันมามองทางฉันด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
“...ไม่สิ มีแต่คนอย่างเธอคนเดียวแหละที่ฉันไม่ยอมรับ ถึงผันตัวเป็นนักสืบให้ดีเลิศเลอยังไงก็ไม่มีทางหนีบาปกรรมเก่าพ้นหรอก!!”
ว่าจบดอกไม้ปีศาจตรงหน้าก็เริ่มพุ่งตรงเข้ามาพร้อมอ้าปากออกกว้างเตรียมจะกลืนกิน
ตัวฉันที่ยังรู้สึกงุนงงกับคำพูดเมื่อครู่เกือบเผลอเสียท่าให้กับเธอคนนั้นแล้วพาทุกคนกระโดดหลบลงข้างล่าง
อสรพิษด้านดีทั้งสิบปรากฏตัวภายใต้ควันสีดำอีกครั้งเพื่อช่วยกันปัดป้องโซ่ตรวนฝั่งศัตรู
“ทาจิบานะ! นี่มันหมายความว่าไงกัน!
ผู้หญิงคนนั้นรู้จักเธองั้นเหรอ!!” คุนิคิดะหันมาถามฉันในขณะที่กำลังเล็งปืนยิงเหล่ากลีบดอกไม้โปรยปรายขึ้นฟ้า
คำตอบที่สามารถให้ได้มีเพียงส่ายหน้าปฏิเสธ
“ให้ตายเถอะ...อย่าบอกนะว่าลืมครอบครัวตัวเองไปแล้ว? เป็นเด็กที่ไม่รู้จักบุญคุณซะเลยนะ!!” ผู้หญิงชุดแดงวิ่งบุกเข้าหาด้วยความรวดเร็วแล้วค่อยกระโดดเตะร่างฉันจนปลิวออกไกล
ส่งผลให้แผ่นหลังกระแทกบนเสาหินอย่างรุนแรง
“อั่ก...!”
โครม!!
เสียงเสาหินที่แตกหักดังขึ้นพร้อมกับการถล่มทลายของมัน
ยังพอโชคดีหน่อยที่เหล่าอสรพิษคอยปกป้องไว้ไม่ให้ร่วงทับลงมา พวกมันพากันงับกัดเศษหินพวกนั้นและปาออกไปสวนกลับ
แต่ด้วยการที่อีกฝ่ายเป็นเจ้าของดอกไม้จึงรับมือได้อย่างไม่เกรงกลัว
“งั้นขอแนะนำตัวใหม่เพื่อเตือนความจำเน่าๆ สักหน่อยละกัน...”
เธอเดินตรงมาหาฉันแล้วย่อตัวลงจับเชยคางบีบบังคับให้หันมอง “ฉันคือ มินาโตะ คานาเอะ น้องแฝดแม่เธอ มินาโตะ คานาเดะ ที่ตายเมื่อคราวนั้นไงล่ะ!”
น้องแฝด!?
ก็นึกอยู่ว่าทำไมหน้าตามันดูคล้ายกับแม่มากๆ ทั้งดวงตาสีม่วง ใบหน้าสไตล์สาวหวาน
ผมสีดำที่ปล่อยลงยาวและใฝใต้ริมฝีปาก ถึงจะผ่านมา 18 ปีแล้ว แต่ฉันกลับจดจำคนที่ถูกคำสาปจากพลังพิเศษของตัวเองเล่นงาน
และคนๆ นี้ดันเป็นหนึ่งในเครือญาติที่ร่วมใจกันทอดทิ้งซะด้วย!
“นี่เธอฆ่าพี่สาวฉันได้ลงคอเลยงั้นเหรอ
ยูกิ! เลี้ยงมาได้สองปีแล้วเกิดไม่พอใจขึ้นมารึไง! บอกฉันมาสิ! เธอฆ่าแม่ตัวเองเพื่ออะไรกันแน่!!”
“...”
“เหอะ...ไม่ตอบเหรอ ช่างเถอะ อีกไม่นานเธอก็ต้องทรมานเพราะคำสาปของตัวเองเข้าสักวันแหละ
เตรียมนอนตรอมใจตายในตอนนั้นซะล่ะ!!”
“คุณ...น้า?”
“ทีนี้เธอคงนึกออกบ้างแล้วสินะ นังกาลกีณี” น้าสาวเบิกตากว้างแล้วยิ้มเยี่ยงนางมารก่อนที่จะเริ่มใช้พลังพิเศษของตัวเองท่ามกลางลมพายุ
“งั้น...จงถูกจองจำในโลกของฉันซะ!”
“...!!? หยุดเดี๋ยวนี้นะ...!!”
“พลังพิเศษ : โซ่ตรวนคล้องบุปผา!!”
เหล่าแถบอักษรสีแดงดำปรากฏรอบตัวตามความแรงของลมที่พัดวน
เหล่าโซ่ตรวนเริ่มพุ่งเข้าล้อมรอบพร้อมมัดร่างฉันกับอสรพิษไว้ไม่ให้หนีไปไหน
แต่ในจังหวะที่กำลังจะถูกดอกไม้ปีศาจอ้าปากกลืนกินเพื่อดึงเข้าโลกของคนตรงหน้าในเสี้ยววินาที
หนุ่มแว่นผมบลอนด์เข้มก็รีบกระโดดพุ่งเข้ามาจับโซ่ไว้แน่น ทำให้เหยื่อครั้งนี้เป็นพนักงานนักสืบบุโซอย่างพวกเราสองคน
“...”
ก่อนที่จะหมดสติสัมปชัญญะไป ฉันก็นึกคิดได้ว่าต้องมีเหยื่อคนอื่นติดอยู่ด้วยแน่ๆ ความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือพวกเขาจึงเกิดภายในจิตใจตามสัญชาตญาณของนักสืบผู้คอยช่วยเหลือคนบริสุทธิ์
“...”
รอก่อนนะ...ทุกคน พวกเราจะช่วยปลดปล่อยออกจากโลกแห่งการจองจำของน้าสาวผู้เป็นคนร้ายตัวจริงในครั้งนี้เอง!
[ To be continued ]
ความคิดเห็น