ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Bungo Stray Dogs] นางฟ้าแห่งคำสาป

    ลำดับตอนที่ #12 : [Meeting Time!] ช็อตเดียวกับสุนัขแห่งพอร์ตมาเฟีย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 996
      99
      7 มิ.ย. 63

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     Tiny Hand 

    เนื่องจากวันนี้ทางประธาน ฟุคุซาวะ ยูคิจิ อนุญาตให้พนักงานนักสืบบุโซทุกคนได้พักผ่อนหย่อนใจจากการงานสุดหนักหน่วงหนึ่งวัน ถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างประหลาดที่เขายอมทำเช่นนี้เพื่อพวกเรา ขนาดคุนิคิดะเองก็ยังช็อกสลบลงพื้นเลย ซึ่งปกติจะแสดงสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนเครียดตลอดเวลา แต่ภายในกลับมีความใจดีแฝงอยู่ ยิ่งตอนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ อ่อนๆ ยิ่งทำให้รู้สึกสบายหูเป็นอย่างมาก

    ขณะนี้ตัวฉันในชุดเดิมและใส่ฮู้ดหูกระต่ายเหมือนเดิมกำลังตามหาจุดรอรถบัสเพื่อเตรียมมุ่งหน้าไปที่น้ำตกคนเดียว ตอนแรกตั้งใจจะชวนสมาชิกนักสืบบุโซทุกคนเที่ยวด้วยกันอยู่หรอก แต่คุนิคิดะกลับลากดาไซให้ทำงานพาร์ทไทม์ร่วมกับพี่น้องทานิซากิ ทางรัมโป เคนจิกับคุณหมอโยซาโนะได้รับมอบหมายช่วยสืบสวนคดีจากอีกเมือง ส่วนอัตสึชิกับเคียวกะก็ไปเที่ยวกันอย่างมีความสุข

    สรุปคือเหลือฉันและท่านประธานที่ตอนนี้ไม่อาจทราบได้ว่าอยู่ ณ พิกัดไหนของเมืองนี้

    ตึก...ตึก...ตึก

    ระหว่างที่กำลังคิดเรื่อยเปื่อย ร่างของผู้ชายผมสีเงินในชุดยูกาตะสีเขียวภายใต้ผ้าคลุมสีดำขอบทองก็เดินมาหยุดมองตรงหน้าพอดี

    บ้าจริง พูดถึงปุ๊บท่านมาปั๊บเลยนะคะเนี่ย

    สะ...สวัสดีค่ะ ท่านประธานฉันกล่าวคำทักทายประธานฟุคุซาวะพร้อมโค้งคำนับอย่างสุภาพนอบน้อมหลังจากแอบลนลานอยู่ในใจหลายวินาที

    ทาจิบานะเองงั้นเหรอ อีกฝ่ายพูดกลับมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมตามเคย วันหยุดทั้งทีสมาชิกคนอื่นน่าจะอยู่รวมตัวด้วยนะ พวกเขาหายไปไหนกันหมดล่ะ

    เอ่อ...พอดีต่างคนต่างมีงานทำเสริมน่ะค่ะ ทั้งพาร์ทไทม์ สืบคดีจากอีกเมือง หรือไปเที่ยวด้วยกันเองบ้าง...ตัวฉันที่ไม่มีอะไรทำก็เลยต้องหาเดินเที่ยวสักหน่อย

    “ฮืม...ถ้าเธอไปเองคนเดียวคงไม่ปลอดภัยเท่าไหร่นักสิ เอาเป็นว่าฉันจะขอร่วมทางด้วยละกัน เขาเดินตรงเข้ามาใกล้ตรงหน้าโดยยังคงรูปหน้าเคร่งขรึมเหมือนเดิม

    แล้วคือท่านจะไปเที่ยวกับฉันเนี่ยนะ!? ตลอดที่ผ่านมาก็เหนื่อยมามากแล้วไม่ใช่เหรอ

    ตะ...แต่ท่านควรพักผ่อนดีกว่านะคะ ถ้าเรื่องความปลอดภัยล่ะก็...ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะฉันพยายามยิ้มให้ประธานรู้สึกสบายใจเพราะในใจคิดว่ามีแคทเชอร์กับริปเปอร์คอยปกป้องอยู่เคียงข้าง

    แต่เธอเป็นลูกน้องของฉัน จะไม่ให้เป็นห่วงได้ไง

    คำพูดคำจาของประธานประจำสำนักงานนักสืบบุโซเมื่อครู่ทำให้ฉันประหลาดใจมาก ถึงเขาจะอายุ 45 ปี แต่นั่นกลับทำให้รู้สึกหวั่นไหวในใจยังไงไม่รู้ บุคลิกหรือการพูดคุยที่แสนอ่อนโยนแสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยต่อลูกน้องของตนได้อย่างชัดเจน

    ฉันมองไปยังแววตาสีโลหะของอีกฝ่ายแล้วค่อยๆ พยักหน้าตอบตกลง ยอมให้ร่วมเดินทางด้วยกัน เขาบอกว่าก่อนจะเที่ยว ขอแวะทักทายสมาชิกคนอื่นในเมืองโยโกฮาม่าซะก่อน โดยมีกลุ่มคุนิคิดะที่ทำงานพาร์ทไทม์สักแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่อาจตอบได้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหนกัน

    งั้นลองเดินรอบๆ เมืองก่อน ถ้าไม่เจอค่อยตกลงกันใหม่อีกที

    ดะ...ได้ค่ะ

    ตื๊ดดตื๊ดดตื๊ดด~

    เสียงโทรศัพท์สั่นจากกระเป๋ากางเกงดังขึ้นช่วงจบการสนทนาพอดี เมื่อหยิบมาดูหน้าจอก็พบกับเบอร์โทรแปลกๆ ฉันขอตัวเดินออกห่างไปประมาณสามก้าวจากประธานผมเงินพร้อมกดรับสายโดยยังไม่พูดอะไรจนกว่าปลายสายจะยืนยันตัวตน

    “...”

    ยูกิคุง นี่ฉันเองนะ

    เมื่อได้ยินเสียงปลายสายเมื่อครู่ ความรู้สึกแรกเลยคือสะดุ้งในใจ สติเกือบกระเจิงเพราะบอสแห่งพอร์ตมาเฟียกำลังโทรมาชนิดที่ว่าหายากเหลือเกิน แม้ว่าทั้งสององค์กรจะหมดเรื่องบาดหมางกันแล้ว แต่แทบไม่มีการติดต่อทางโทรศัพท์กันเลย

    คุณโมริ? มะ...มีอะไรรึเปล่าคะ พอดีฉันกำลังเตรียมเที่ยวน้ำตกกับท่านประธานอยู่น่ะค่ะ ฉันไม่มีทางเลือกใดๆ นอกจากยอมคุยกับเขาให้เหมือนปกติที่สุด

    ไม่มีอะไรมากมายหรอก แค่อยากให้เธอช่วยตามหาอาคุตางาวะคุงหน่อยน่ะ

    อาคุตางาวะคุง...เหรอคะ

    ใช่แล้ว ถ้าเจอตัวปุ๊บ ฝากบอกเขาด้วยว่า ครั้งนี้ฉันอยากให้ลองสร้างผลงานใหม่ๆ แต่ห้ามก่อเหตุเดือดร้อนต่อบ้านเมืองหรือสังหารใครเด็ดขาด ถือเป็นการทดสอบความเต็มใจของการทำงานในองค์กรพอร์ตมาเฟียแบบใหม่ที่ฉันตั้งขึ้นเอง

    การทดสอบ? จะว่าไปทางพอร์ตมาเฟียเขารับสมาชิกใหม่ด้วยวิธีไหนกันนะ น่าสงสัยจัง ถ้าสำนักงานนักสืบบุโซทดสอบเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้คน งั้นทางนั้นก็...ลงภารกิจเพื่อให้มือตัวเองสกปรกจนทำงานเป็นมาเฟียได้อย่างแท้จริงงั้นเหรอ

    ไม่เอาน่า เธอคงคิดไปเองแหละ ยูกิ

    ยูกิคุง? ฟังอยู่รึเปล่าเอ่ย

    ในขณะที่ฉันเหม่อลอยคิดเรื่องเมื่อครู่ โมริก็ดึงสติให้กลับมาเหมือนเดิม จึงทำให้การสนทนาทางโทรศัพท์ดำเนินต่อไป

    เอ๊ะ!? ฟะ...ฟังอยู่ค่ะ เอาเป็นว่าวันนี้ฉันจะช่วยตามหาเขาเอง ส่วนเรื่องผลงานนี่...คงต้องกำหนดเองสินะคะ

    ถูกต้อง เธอจะช่วยกำหนดให้ก็ได้นะ ตามสะดวกเลย อย่างเช่น...ช่วยเหลือใครสักคนที่กำลังเดือดร้อนอยู่หรือสร้างสีสันให้กับคนใดคนหนึ่ง อะไรประมาณนี้ เผื่อเขาจะทำงานร่วมกับกลุ่มพวกเธอได้ดีกว่าเดิม

    อย่างนี้นี่เอง แสดงว่าเขาวางแผนการร่วมมือกันระหว่างองค์กรทั้งสองกลุ่มเรื่องช่วยเหลือประชาชนในเมืองโยโกฮาม่าไว้แล้วแน่ๆ เลย

    เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉันก็พยักหน้าตกลงและพูดตอบรับคำขอร้องของโมริทันที

    รับทราบค่ะ งั้นขอตัวก่อนนะคะ คุณโมริ

    อื้มๆ ขอให้โชคดีนะ ยูกิคุง

    ติ๊ด!

    ว่าจบก็กดวางสายพร้อมเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไว้แล้วเดินบอกประธานฟุคุซาวะเรื่องสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ แน่นอนว่าเปลี่ยนแผนใหม่หมดเกลี้ยง โดยให้เขาตามหาสมาชิกที่เหลือและถามสารทุกข์สุกดิบ ส่วนฉันตามหาอาคุตางาวะและเตรียมบททดสอบความเต็มใจในการทำงาน

    งั้นเหรอ...หวังว่าเธอจะกลับมาปลอดภัยดีละกัน ทาจิบานะ

    อีกฝ่ายหยิบบางอย่างออกจากแขนเสื้อยูกาตะสีเขียวแล้วยื่นให้ฉันก่อนที่จะหันหลังเดินออกไป เจ้าสิ่งนี้คือซองบรรจุเงินค่าขนมไว้ซื้อกินระหว่างเดินทาง 

    เมื่อแกะซองออกดูจำนวนเงินปุ๊บ...แทบช็อกหลุดโลก

    เพราะเขาให้มาตั้งหนึ่งหมื่นเยน!! 

    (ไรท์ : ถ้าเทียบเงินไทยก็ประมาณ 2,900 บาทอ่ะนะ) 

    ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้เยอะเท่านี้มาก่อนเลย มากสุดก็ได้จากลุงนายพรานแค่ 500 เยนเอง

    หลังยืนช็อกโลกหลายวินาที ฉันก็รีบเก็บใส่กระเป๋าสตางค์แล้วค่อยเก็บเข้ากระเป๋าเสื้อแขนยาวเหมือนเดิม ยังพอโชคดีหน่อยที่พกมันมาด้วย ไม่งั้นเผลอทำเงินหายแน่ๆ 

    จากนั้นจึงเริ่มเดินตามหาตัวอาคุตางาวะเพื่อบอกให้เขาสร้างผลงานใหม่ที่ดีกว่าเก่าตามคำขอของบอสแห่งพอร์ตมาเฟีย

    บททดสอบเพื่อการทำงานร่วมกันเหรอ...อืมม จะเอาแบบไหนดีนะ เขาไม่ค่อยทำงานเป็นกลุ่มซะด้วยสิ ได้ข่าวว่าชอบปลีกตัวออกคนเดียวหรือบางทีก็จำเป็นต้องร่วมกันเป็นคู่กับใครสักคน

    เดี๋ยวก่อน ร่วมกันเป็นคู่...กับใครสักคน?

    “...”

    โอ๊ะ! คิดออกแล้ว ฉันคิดบททดสอบที่น่าจะคู่ควรกับเขาออกแล้วล่ะ!


    เวลาผ่านไปสิบนาที

    “...”

    เอิ่ม...แต่คืออยากจะบอกว่า มองทางไหนก็ไร้วี่แววของหนุ่มชุดคลุมสีดำรายนั้นจริงๆ หาไม่เจอสักจุด แม้แต่ซอกหลืบสุดแสนยอดนิยมก็ไม่มี นี่เขาเป็นมนุษย์เงาประจำเมืองโยโกฮาม่ารึไงเนี่ย

    ตึก...ตึก...ตึก

    ฉันพยายามหันซ้ายหันขวาเดินมองหาอาคุตางาวะอย่างใจจดใจจ่อ ค้นทุกซอกทุกมุมจนถึงขั้นแอบเปิดถังขยะดูเลย แล้วถ้ามีใครสักคนมาเห็นเข้าปุ๊บ เขาคงต้องคิดในใจว่าเป็นเด็กข้างถนนหรือขอทานจากเมืองชนบท

    แต่เอาเถอะ...ก่อนที่จะได้เป็นสมาชิกนักสืบบุโซก็เคยนอนโทรมประหนึ่งคนใกล้สิ้นลมหายใจอยู่ใต้สะพานมาแล้ว ซึ่งมันหนักยิ่งกว่าข้างถนนอีกหลายเท่าตัว

    ตึก...ตึก...ตึก

    ในขณะที่กำลังปิดฝาถังขยะใบสุดท้าย พลังงานบางอย่างก็เริ่มย่างก้าวเข้ามาจากทางขวามือ สิ่งเดียวที่ทำได้คือ รีบทำตัวให้เหมือนเดินเล่นธรรมดาเพื่อป้องกันความสงสัย 

    แต่ทว่า...มันสายเกินไป เจ้าพลังงานนั่นได้เข้ามาใกล้เต็มทนแล้ว

    ไม่เอาน่า...คงไม่ใช่ชาวบ้านคนไหนใช่มะ

    หนูไหว้ล่ะ อย่าต่อว่าอะไรหนูเลยน้าา

    .

    ..

    ...

    เมื่อกี้ทำอะไรของเธอน่ะ แม่สาวผมดำ

    ห๊ะ...?

    เสียงชายหนุ่มน่าคุ้นเคยดังในช่วงที่กำลังก้าวขาเดินไม่กี่ครั้ง พอหันกลับไปมองจึงพบกับคนที่ฉันตามหาอยู่พอดี อาคุตางาวะยืนมองนิ่งๆ ก่อนที่จะถามต่อว่า... 

    คุ้ยถังขยะหาของเหลือเดนกินงั้นเหรอ

    ฉึ่ก!

    อะไรกัน ทำไมมันช่างเจ็บปวดแท้...

    มะ...ไม่ใช่สักหน่อยนะ พอดีฉันเจอแผ่นกระดาษใบหนึ่งบนฝาถังโดยบังเอิญน่ะ ก็เลยหยิบขึ้นมาดูแล้วเก็บทิ้งไป

    ฉันตอบออกไปแบบนั้นพร้อมยิ้มแห้งให้กับอีกฝ่าย เรียกได้ว่าจังหวะนี้ต้องมีการใช้สกิลแถสดสีข้างถลอกบ้างแล้ว ต่อมาจึงนึกได้ว่ามีเรื่องต้องบอกด้วย แต่เขาก็ดันเดินผ่านอย่างหน้าตาเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ดะ...เดี๋ยวก่อน อาคุตางาวะคุง

    “...?”

    ชายหนุ่มชุดคลุมดำหยุดก้าวเดินตามที่รั้งไว้พอดี ค่อยโล่งใจหน่อยละ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้เย็นชามากมายขนาดนั้นสินะ

    อันที่จริงแล้ว...

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ฉันพูดชี้แจ้งเรื่องที่โมริได้บอกทางโทรศัพท์ไว้ว่าวันนี้อาคุตางาวะต้องสร้างผลงานใหม่ให้กับกลุ่มพอร์ตมาเฟียซึ่งเป็นหนึ่งในบททดสอบการทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยห้ามก่อเหตุเดือดร้อน สังหารใครคนหนึ่งหรือทำงานสกปรกเด็ดขาด พอพูดจบ เขาก็แสดงท่าทางขัดใจอย่างมาก

    แล้วเช่นนั้นกระผมจะเป็นพอร์ตมาเฟียทำไมล่ะ

    กะ...ก็เมืองนี้สงบสุขดีนี่นา จะให้ก่อเหตุมันไม่ถูกต้องหรอก อีกอย่างทั้งสององค์กรหมดเรื่องบาดหมางกันแล้ว ถ้าลองทำงานร่วมกันอาจเป็นความคิดที่ดีมากเลย

    ทำงานร่วมกันเหรอ งั้นถ้าให้กระผมอยู่กับคุณดาไซล่ะก็...จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

    จริงด้วยสิ เจ้านักสืบจิตพิลึกนั่นเป็นคนที่อาคุตางาวะอยากแสดงพลังให้เห็นมากสุดนี่เนอะ ไม่แปลกใจเลยที่ชูยะหาว่าเป็นลูกแหง่ติดพ่อครั้งนู้น

    “...”

    อืมม...แต่พอลองคิดดูดีๆ แล้ว นี่อาจเป็นโอกาสดีในการสร้างผลงานใหม่อย่างแท้จริงก็ได้

    ตอนแรกกะว่าจะให้เดินสำรวจพื้นที่เมืองด้วยกันอยู่หรอก แต่ถ้าให้นายทำงานพาร์ทไทม์ร่วมกับดาไซในวันนี้คงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเนาะ ฉันเสนอทางเลือกงานให้กับชายหนุ่มชุดคลุมดำพร้อมหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงแล้วเลื่อนหาเบอร์โทรนักสืบผมน้ำตาล

    นี่เธอ... ในขณะที่เขากำลังเริ่มพูดไม่กี่คำ ปลายสายทางนั้นก็กดรับภายในทันที

    สวัสดีจ้า ยูกิจัง มีธุระอะไรกับดาไซคนหล่อรึเปล่าเอ่ย ดาไซพูดทักทายด้วยความร่าเริงแถมยังแฝงความเป็นคนหลงตัวเองนิดๆ

    เอ่อคือ...ตอนนี้คุณทำงานอยู่ที่ไหนเหรอ พอดีอยากจะไปหาสักหน่อย

    ว้าว~ นางฟ้าแสนสวยกำลังมาหาฉันด้วยล่ะ นี่มันพรหมลิขิตชัดๆ~

    เอิ่ม...เจองี้ถึงกับตัดสินใจไม่ถูกว่าจะให้คะแนนหลงตัวเองเท่าไหร่ดี 

    มันช่างอยู่เหนือขีดจำกัดจริงๆ

    ดาไซ อย่าเพิ่งหลงระเริงในความหล่อแล้วรีบบอกพิกัดที่คุณทำงานอยู่สักทีสิ!”

    โอ้พระเจ้า~ แทบไม่เชื่อ ยูกิจังอยากเจอจนตัวสั่นอย่างแรงสินะเนี่ย...โอเค เดี๋ยวฉันจะส่งพิกัดให้ทางไลน์ละกัน เพราะงั้นเปิดข้อความรอไว้ได้เลยจ้า

    ว่าจบดาไซก็กดวางสายอย่างไวทันใจวัยทำงาน ฉันรีบเปิดเมนูเลื่อนหาแอพไลน์ รอรับข้อความจากปลายทาง อาคุตางาวะยืนเงียบเป็นเป่าสากนานหลายนาทีพร้อมเดินเข้าหา ใบหน้าของเขาเคลื่อนมาใกล้เพื่อดูหน้าจอด้วย

    บะ...บางทีก็ใกล้เกินไปนะเฮ้ย!

    “...” ฉันรู้สึกถึงหยาดเหงื่อและความร้อนผ่าวที่เริ่มแผ่บนแก้มทีละนิดจนทำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนจับโทรศัพท์รออย่างนิ่งๆ ราวกับหุ่นยนต์ 

    ไลน์!

    ต่อมาข้อความของดาไซได้เด้งขึ้นพร้อมเสียงเตือนประจำแอพไลน์ ซึ่งมันช่วยปลุกสติสตางค์ได้ดีเหลือเกิน

     

    ฉันทำงานขายเบเกอรี่ในร้านนี้นะ ถ้าอยากกินอะไรก็สั่งมาได้เลย เดี๋ยวจะทำไว้ให้ล่วงหน้าเป็นพิเศษ

    (ส่งรูปพิกัดบนแผนที่)

     

    แหม่...มารยาทความเป็นพนักงานพาร์ทไทม์นี่มันมาเต็ม

     

    งั้นฝากชงน้ำชากับนมสดอุ่นอย่างละหนึ่งแก้วละกัน อ้อ...และก็เอาพายแอปเปิ้ลสองชิ้นด้วยนะ

     

    “พวกเธอดูสนิทสนมกันจังเลยนะ แม่สาวผมดำ

    “มะ...ไม่ขนาดนั้นหรอก เขาแค่เป็นคนที่ช่วยฉันไว้ก่อนที่จะเป็นหนึ่งในสมาชิกนักสืบบุโซน่ะ

    ช่วยไว้? ว่าแล้วคุณดาไซเนี่ยช่างมีพระคุณเสียจริง อาคุตางาวะเดินถอยออกห่างจากตัวฉันหลังได้ดูข้อความเมื่อครู่เป็นที่เรียบร้อย เพราะกระผมเองก็ได้รับการช่วยเหลือจากเขาด้วยเช่นกัน

    เอ๊ะ...?

    เขาพาฉันเดินตามพิกัดร้านเบเกอรี่ที่ดาไซส่งมาให้พร้อมเริ่มเปิดใจเล่าเรื่องความเป็นมาของตัวเองตั้งแต่ยังเด็กจนถึงทุกวันนี้

    ตอนนั้นกระผมที่เป็นเด็กกำพร้าเคยอาศัยอยู่ในย่านสลัมแสนเน่าเฟะ แต่ก็ได้คุณดาไซช่วยไว้โดยพาเข้ากลุ่มพอร์ตมาเฟีย

    ย่านสลัม...นี่มันหนักยิ่งกว่าตัวฉันที่ถูกทิ้งและต้องอาศัยอยู่ในป่าอีกแฮะ

    ฉันตั้งใจฟังชายหนุ่มชุดคลุมดำอย่างเงียบๆ ซึ่งเขาบอกว่าไม่เคยเปิดปากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย แม้แต่อัตสึชิเองก็ด้วย อาจเป็นเพราะอยู่คนละองค์กร ไม่สนิทสนมอย่างจริงจัง หรือไม่อยากเล่าถึงความอ่อนแอในอดีตที่ผ่านมา

    เธอเชื่อหรือไม่ว่ากระผมพ่ายแพ้ให้กับเขาตลอด ถูกกล่าวหาว่าอ่อนแอ พลังพิเศษไร้ประโยชน์ ไม่ได้แข็งแกร่งพอ คำดูถูกเหล่านั้นทำให้กระผมรู้สึกโมโหตัวเอง โมโหคนที่ชอบจมปลักกับอดีตอย่างเจ้าเสือสมิง แม้แต่ตอนนี้ก็ยังคงรู้สึกเช่นเดิม

    ไม่จริง...เขาคงไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอก ดาไซแค่พูดกดดันเพื่อเป็นแรงผลักดันให้พัฒนาตัวเองเท่านั้นเองใช่มั้ยล่ะ

    พอคิดได้เช่นนั้น ฉันก็พูดกลับไปตามที่ใจคิดไว้ทันที

    ไม่หรอก...อาคุตางาวะคุง

    “...?” เขาหยุดเดินชั่วขณะแล้วหันหน้ามองด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

    ที่มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้เพราะนายแข็งแกร่งขึ้นแล้วต่างหาก ถึงจะไม่รู้เรื่องราวเชิงลึกจริงๆ แต่ฉันรู้ว่านายไม่ได้อ่อนแอลง คุณโมริเองก็น่าจะคิดแบบนั้นเหมือนกัน

    คนที่มีพวกพ้องอย่างเธอจะไปเข้าใจกระผมด้วยงั้นเหรอ

    เข้าใจสิ! อีกอย่าง...เมื่อก่อนฉันไม่มีเพื่อนสักคนด้วย ครอบครัวถูกฆ่า เครือญาติพาไปทิ้งกลางป่า คนที่รับเลี้ยงแสนใจดีอย่างลุงนายพรานดันเป็นฆาตกรในภายหลัง ขนาดความคิดที่ว่าจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาเข้าเมืองนี้ก็แทบไม่มีด้วยซ้ำ

    “...”

    เรื่องราวที่ฉันประสบมาทั้งหมดอาจไม่หนักหนาสาหัสเท่านาย แต่พอรู้จักกับดาไซ ฉันก็เริ่มรู้สึกตัวได้ว่าพลังใจต่างหากที่ทำให้ผู้คนแข็งแกร่งขึ้น

    ใช่แล้ว...พลังใจ ความฝันและความมุ่งมั่นเป็นสิ่งสำคัญในการผลักดันตัวเองให้บรรลุถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ แม้เหตุการณ์ร้ายแรงจะยังไม่เกิดขึ้น แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่มีทางเลือนหายไปแน่นอน

    “...” อาคุตางาวะยืนอึ้งไปพักใหญ่ก่อนที่จะค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้พร้อมเปิดปากถาม แม่สาวผมดำ...เธอมีชื่อเต็มว่าอะไร

    ทาจิบานะ ยูกิ ยังไงก็ขอฝากตัวด้วยละกันนะ อาคุตางาวะ ริวโนะสึเกะคุง

    ฉันแนะนำชื่อของตัวเองพร้อมเผยรอยยิ้มกว้าง และสิ่งตอบแทนที่ได้กลับมานั้นถือว่าหายากพอๆ กับของคุนิคิดะ ซึ่งมันคือรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าของชายหนุ่มผู้ครอบครองพลังพิเศษ ราโชมอน ประจำองค์กรพอร์ตมาเฟีย

    ทางนี้เองก็เช่นกัน...ทาจิบานะ

     

    ณ ร้านเบเกอรี่

    เฮ้อ...ในที่สุดพวกเราก็เดินทางมาถึงจุดหมายอย่างสถานที่ทำงานพาร์ทไทม์ของดาไซสักที สภาพหน้าร้านดูคล้ายคาเฟ่ประจำสำนักงานนักสืบบุโซ ป้ายชื่อ ‘Bake2U’ ถูกแขวนไว้เหนือหัว 

    แน่นอนว่าบรรยากาศภายในก็ออกแบบคล้ายคาเฟ่ของเราเป๊ะ

    คืออยากจะถามเจ้าของร้านเหลือเกินว่า นี่ได้รับแรงบันดาลใจหรือก็อปมาทั้งดุ้นกันแน่

    หลังจากฉันเอื้อมมือเปิดประตูแล้วพาอาคุตางาวะเดินเข้าร้าน ดาไซได้โบกไม้โบกมือจากเคาน์เตอร์พนักงานทักทายพร้อมยิ้มกว้าง กวักมือเรียกพวกเราสองคนให้เข้ามานั่งด้วยกัน

    แหมๆ เหตุผลที่ยูกิจังสั่งเครื่องดื่มสองแก้วและพายแอปเปิ้ลสองชิ้นก็เพราะอาคุตางาวะคุงมาด้วยนี่เอง กำลังเดทกันอยู่รึเปล่าเอ่ย

    มะ...ไม่ใช่สักหน่อย! ฉันแค่อยากจะให้อาคุตางาวะคุงทำงานพาร์ทไทม์กับคุณหนึ่งวันเท่านั้นเอง ฉันรีบแก้ตัวด้วยสีหน้าเขินอายเล็กน้อยทันทีที่ได้ยินคำพูดแซวจากปากอีกฝ่าย

    คุณดาไซ ครั้งนี้แหละที่ต้องแสดงฝีมือให้ได้เห็น ไม่ว่างานแบบไหน...กระผมจะพยายามเอง” ชายหนุ่มชุดดำพูดพร้อมแสดงสีหน้าจริงจังกับงานที่กำลังจะได้ทำ 

    มุ่งมั่นไม่เบาเลยนี่นา” ดาไซจ้องมองด้วยความประหลาดใจก่อนที่จะยื่นมือตบบ่าเบาๆ

    งานครั้งนี้คุณโมริขอร้องมาทางโทรศัพท์น่ะ อีกอย่าง...มันมาจากพลังใจที่ต้องการแสดงให้เห็นว่าเขาทำได้ ตัวฉันเองก็หวังแบบนั้นอยู่เหมือนกัน

    เห...คุณโมรินี่เอง ถึงจะมาแปลกหน่อย แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีอย่างหนึ่งล่ะ หนุ่มนักสืบผมน้ำตาลกล่าวขอบคุณฉันที่ช่วยอาคุตางาวะครั้งนี้แล้วยิ้มกว้างพร้อมปล่อยให้พวกเราสองคนนั่งกินพายแอปเปิ้ลกับเครื่องดื่มของตัวเองต่อไป

    การได้ทำอะไรเพื่อชายหนุ่มผู้ครอบครองราโชมอนที่ไม่เคยจะพูดคุยอย่างจริงจังมันช่างรู้สึกชุ่มฉ่ำหัวใจจังแฮะ ฉันแอบหวังไว้ลึกๆ เลยว่าเขาต้องแสดงฝีมืออย่างเต็มที่แน่นอน

    ยังไงก็สู้ๆ นะ...อาคุตางาวะคุง

    [ Nice to meet Akutagawa Ryuunosuke ]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×