ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fate/Grand Order] วันๆ ณ คาลเดียกับยูมิ [END]

    ลำดับตอนที่ #37 : Episode 4 อดีตที่ลืมเลือน (เริ่มต้นฝันร้าย)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 168
      13
      15 ก.ย. 63

    B
    E
    R
    L
    I
    N

    Episode 4 อดีตที่ลืมเลือน (เริ่มต้นฝันร้าย)

    ----------------------------------------------------

    [ Flashback ]

    ย้อนรอยกลับไปเมื่อห้าปีก่อน ช่วงเปิดเทอมวันแรกของโรงเรียนมัธยมเซย์โชว ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับโรงเรียนคาลเดีย มีสภาพแวดล้อม อาคารเรียน โรงยิม สนามกีฬา โซนว่ายน้ำ โรงอาหาร บ่อน้ำพุในพื้นที่ใจกลาง และตำแหน่งของต้นซากุระเหมือนกันทั้งหมด

    หากจะให้พูดง่ายๆ มันคือส่วนหนึ่งของ ฝันร้ายที่เคยพบเจอนั่นเอง

    ในโรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนคนหนึ่งย้ายเข้ามาเรียนชั้นปีหนึ่ง เธอคือ อิชิมารุ ยูมิ ซึ่งยังเป็นซานิวะมือใหม่ผู้คอยช่วยปกป้องประวัติศาสตร์ที่จะถูกแปรเปลี่ยนโดยฝีมือกองทัพข้ามเวลาอีกด้วย

    สมัยเรียนมัธยมปลาย เธอมีผมยาวสลวยสีดำ มัดรวบสองข้างแบบต่ำๆ ปล่อยลงมาด้านหน้า ชุดนักเรียนเป็นรูปแบบเบลเซอร์ เสื้อสูทสีกรมท่าทับเสื้อเชิ้ตแขนยาวทั่วไป ผูกเนคไทสีแดง กระโปรงสั้นสีกรมท่า ถุงน่องสีดำยาวทั้งขา รองเท้าคัทชูสีดำ ส่วนเครื่องประดับมีแค่สองอย่าง คือ นาฬิกาข้อมือแบบดิจิตอลและแว่นตากรอบสีดำ เนื่องจากตอนนั้นเธอสายตาเอียงจึงต้องใส่ไปเรียนด้วย

    โดยรวมแล้วถือว่าจืดชืดมากสำหรับคนในห้อง...ไม่สิ สำหรับคนทั้งโรงเรียนด้วยซ้ำ

    ช่วงเช้าก่อนไปเรียน หญิงสาวได้ฝากฝังให้มุทสึโนะคามิ โยชิยูกิ เลขาประจำฮงมารุช่วยเฝ้าดูแลห้องของเธอด้วย ไม่ว่าจะเป็นการดูแลทำความสะอาดห้อง จัดระเบียบข้าวของ ตีดาบเล่มใหม่เพื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว

    สมาชิกดาบตอนนั้นมีเพียงแค่ไม่กี่คน นอกจากมุทสึโนะคามิแล้ว ยังมีโชคุไดคิริ มิทสึทาดะ ยะเก็น โทวชิโร่ และคาเซ็น คาเนะซาดะ พวกเขาทั้งสี่ต่างมีหน้าที่คนละแบบ เช่น ทำอาหารเช้าถึงเย็น ซักผ้าของสมาชิกดาบ ปรุงยาไว้ใช้เอง หรือบางครั้งก็พากันช่วยปัดกวาดทั่วฮงมารุให้สะอาด

    มุทสึคุง...ยังไงก็ฝากดูแลห้องฉันหน่อยนะ และถ้าได้สมาชิกคนใหม่ ค่อยพามาแนะนำตัวหลังเลิกเรียนละกัน

    ได้เลย! ขอให้เปิดเทอมวันแรกของเจ้าผ่านไปอย่างราบรื่นเด้อ นายท่าน!”

    ดาบหนุ่มพูดพร้อมยิ้มแฉ่งให้จนเห็นเขี้ยวอันมีเสน่ห์ ซานิวะสาวยิ้มบางๆ และเตรียมจัดกระเป๋านักเรียนสีดำอ่อนให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินออกจากห้องเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องครัว

    .

    ..

    ...

    ....

    .....

    พอเดินลงมาถึงจุดหมายปลายทาง ยูมิพบกับดาบหนุ่มเจ้าของผ้าปิดตาที่กำลังทำอาหารเช้าเสร็จพอดี เธอตรงเข้าไปทักทายยามเช้าด้วยรอยยิ้มบางเหมือนเคย

    อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณแม่มิทสึ

    หืมม...? อรุณสวัสดิ์ นายท่านเขาทักทายกลับและยิ้มกว้างให้อย่างสดใสพร้อมจัดเตรียมข้าวกล่องให้โดยมัดห่อด้วยไว้ผ้าสีฟ้าอ่อนๆ เช้านี้ตื่นไวดีแฮะ รู้สึกตื่นเต้นกับวันเปิดเทอมใหม่งั้นเหรอ

    กะ...ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ เพียงแต่...มันต้องเตรียมการอะไรหลายๆ อย่างด้วย

    อ๋อ...เพิ่งย้ายเข้าโรงเรียนใหม่นี่เอง เอาเป็นว่าขอให้วันแรกผ่านไปอย่างราบรื่นนะ และอย่าลืมหาเพื่อนไว้พูดคุยหรือทำการบ้านด้วยกันซะล่ะ

    ว่าจบหญิงสาวก็พยักหน้าลงตอบรับหนึ่งทีพร้อมนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ ดาบหนุ่มผมดำจ้องมองสักพักแล้วหยิบข้าวกล่องมาวางบนโต๊ะไม้ก่อนที่จะเตรียมอาหารเช้าไว้เติมพลังกายให้ในครั้งนี้ อย่างเช่นเบคอน ไข่ดาว ข้าวสวยหนึ่งถ้วย และน้ำเปล่าหนึ่งแก้ว ถือเป็นเซ็ตเมนูที่เบสิคสุดเท่าที่ทุกคนเคยเจอ

    จะทานแล้วนะคะ...

    ณ ช่วงเวลานั้น ในใจของเขาเริ่มรู้สึกกังวลเล็กน้อยว่าเจ้านายจะรับมือกับสถานการณ์ใหม่ๆ ภายในรั้วโรงเรียนได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นเด็กใหม่ แถมยังไม่มีเพื่อนเก่าร่วมไปเรียนที่นั่นด้วย

    “...”

    เพราะถ้าราบรื่นจนจบมัธยมปลายจริง คงไม่ต้องกังวลอะไรมากมายขนาดนี้หรอก...ใช่มั้ยล่ะ

     

    ณ โรงเรียนมัธยมเซย์โชว

    ยูมิเดินทางเท้าจากฮงมารุอยู่นานจนกระทั่งมาถึงบ้านหลังที่สองของมนุษย์ทุกคนบนโลก เมื่อเริ่มย่างก้าวผ่านประตูเหล็กแล้ว เธอพบว่าทางเดินซ้ายขวามีดอกไม้เล็กปลูกไว้ข้างทาง ทั้งสองฝั่งนี้มีลักษณะเหมือนกันคือ บ่อน้ำพุตรงหน้าต้นซากุระเตี้ยๆ ห่างจากทางเข้าประมาณ 500 เมตร และพุ่มไม้กลมที่ถูกปลูกขนาบข้าง รวมทั้งเก้าอี้นั่งเล่นฝั่งละสองตัว

    บรรยากาศในตอนนี้ถือว่าค่อนข้างครึกครื้นเพราะมีนักเรียนคนอื่นๆ พบปะพูดคุย ถามหาสารทุกข์สุขดิบหลังจากปิดเทอมแสนยาวนาน ซึ่งพวกเขาต่างรวมกลุ่มกันเหมือนที่เคยอยู่ บ้างก็เป็นเพื่อนเก่าสมัยประถม มัธยมต้น หรือแม้กระทั่งเพื่อนที่คุยในโลกออนไลน์แล้วบังเอิญย้ายมาเรียนด้วยกันพอดี

    “...”

    เด็กใหม่ผมดำที่แยกย้ายจากกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมต้นจึงทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไหร่นัก เธอพยายามปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมรอบตัวจนกระทั่งได้พบกับอาจารย์คนหนึ่งเดินสวนทางมาพอดี 

    เขามีเรือนผมสีดำยาวระต้นคอ ปัดหน้าม้าลงตามสไตล์ผู้ชายมีเสน่ห์ทั่วไป นัยน์ตาสีแดงเข้มที่ไม่ว่าสาวคนไหนก็ต้องหลงใหล ชุดที่ใส่คือ เสื้อเชิ้ตสีขาว พับแขนเสื้อขึ้นระดับศอก ผูกเนคไทสีน้ำเงิน เข็มขัดสีเทาเข้ม กางเกงขายาวและรองเท้าคัทชูสีดำ เครื่องประดับที่ใส่มีเพียงนาฬิกาข้อมือและแว่นตากรอบเหลี่ยมมนสีดำ

    หืมม? หนูเป็นเด็กที่เพิ่งมาใหม่ใช่มั้ยเอ่ยอาจารย์หนุ่มเริ่มถามนักเรียนสาวตรงหน้าด้วยความสงสัยหลังจากสังเกตปฏิกิริยาหลายวินาที

    เอ่อ...ใช่ค่ะ หนูชื่อ อิชิมารุ ยูมิ เพิ่งย้ายเข้าชั้นปีหนึ่งค่ะ แต่ยังไม่แน่ใจเลยว่าได้เรียนห้องไหน

    อิชิมารุ ยูมิ...อ๋อ จำได้ละๆ คือหนูได้เรียนห้อง 1-A ส่วนครูก็เป็นที่ปรึกษาด้วยพอดี เอาเป็นว่าเดี๋ยวจะพาไปรับสมุดเรียนที่ห้องสวัสดิการละกันเนาะ

    ...เธอเงียบปากไปเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อนอกจากพยักหน้าลงตอบรับหนึ่งที

    อ่ะ...ลืมแนะนำตัวซะสนิทเลยแฮะ ครูชื่อ โคนามะ จุนอิจิ ยินดีที่ได้รู้จักนะ

    อาจารย์โคนามะแนะนำชื่อของตัวเองพร้อมส่งยิ้มกว้างให้กับยูมิก่อนที่จะพาเดินเข้าสู่อาคารหลังใหญ่สามชั้นตรงหน้า

    ระหว่างทาง เขาได้บอกคร่าวๆ ว่า อาคารนี้มีทั้งห้องเรียน ชมรม พยาบาล แนะแนว หรือแม้แต่ห้องพักครู สวัสดิการ วิชาการ และทะเบียนวัดผล โดยมีการทำทางเดินล้อมรอบเป็นสี่เหลี่ยม ทำให้ครอบคลุมได้ภายในหลังเดียว จากนั้นก็ไม่ได้บอกอะไรเพิ่มเติมอีกเพื่อรอยกหน้าที่ให้ หัวหน้าห้องช่วยแนะนำต่อไปในช่วงพักกลางวัน

    หญิงสาวสังเกตดูบรรยากาศรอบตัวแล้วเริ่มรู้สึกอบอุ่นใจ คิดว่าน่าจะไว้วางใจอาจารย์ เพื่อนๆ หรือรุ่นพี่ภายในโรงเรียนแห่งนี้ได้ หากมีปัญหาใดๆ ก็คงตามปรึกษาหารือได้อย่างไม่ต้องเกรงกลัว

    แต่มัน...จะเป็นเช่นนั้นไปจนจบปีสามจริงๆ งั้นเหรอ

    มั่นใจแล้วรึยังว่าจะไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นในชีวิต

    ความคิดใสซื่อของเธอเปรียบเหมือนขนมหวานชวนลิ้มรสชาติ...

    ...และท้ายสุดผู้คนก็เริ่มเบื่อจนต้องปรุงแต่งใหม่ให้น่าลองยิ่งกว่าเดิม!


    เวลา 08.25 น.

    พอเวลาผ่านไปนานๆ จนใกล้ถึงเวลาโฮมรูม นักเรียนทุกชั้นเรียนต่างแยกย้ายเข้าห้องที่ตัวเองได้เรียนประจำปีนี้ โดยก่อนอื่นพวกเขาก็ขอตัวจัดการธุระให้เสร็จ ส่วนใหญ่กลุ่มที่ขอแต่งหน้าทาปากจะเป็นเหล่าสาวแกลมากกว่า แต่ยังพอมีบางกลุ่มรีบแจ้นเข้าห้องด้วยความเร่งรีบและนั่งเม้าท์ต่อจนกว่าอาจารย์จะมา

    เมื่อยูมิได้รับสมุดเรียนจากอาจารย์โคนามะในห้องสวัสดิการเรียบร้อย เธอขอตัวเข้าห้องน้ำเพื่อล้างไม้ล้างมือบวกกับทำใจให้สงบ พยายามคิดไว้ว่าโรงเรียนแห่งนี้คงไม่มีอะไรเลวร้ายเกิดขึ้น ถึงแม้แยกออกจากกลุ่มเพื่อนเก่า แต่ก็ต้องปรับตัวและพบปะเพื่อนคนใหม่ให้ได้

     

    ฮิๆๆ

     

    “...!?”

    ระหว่างนั้นเอง หญิงสาวผมดำสะดุ้งตกใจกับเสียงหัวเราะของใครบางคนที่ดังกึกก้องขึ้นภายในหัว เธอพยายามสะบัดหัวไปมาเพื่อสลัดมันออก ไม่เก็บไว้นึกถึงและบอกย้ำตัวเองซ้ำๆ ก็แค่คิดไปเองแหละน่า จากนั้นจึงเริ่มออกจากห้องน้ำพร้อมก้มหน้าก้มตาเดินไปยังห้องเรียน 1-A อย่างเงียบๆ

    ตึก...ตึก...ตึก

    เสียงฝีเท้าดังกระทบลงพื้นอาคารเรียนรวมถึงสายตาของนักเรียนบางส่วนที่จับจ้องมองด้วยความรู้สึกเดียวกัน พวกเขาต่างมองว่าเธอเป็นผู้หญิงจืดชืด ทรงผมก็งั้นๆ ใส่ชุดมิดชิดจนไม่มีเสน่ห์หรือโดดเด่นสักจุด แถมยังมีแต่โทนสีเข้มราวกับเด็กเนิร์ดผู้ทำตัวมืดหม่น

    “...”

    เด็กใหม่รู้สึกกดดันเล็กๆ ภายในใจเพราะถูกคนอื่นจ้องมองกันเรียงรายจนกระทั่งพบกับอาจารย์ที่ปรึกษากำลังจะก้าวเท้าเดินเข้าห้องเรียน วินาทีนั้นหางตาของเขาได้สังเกตเห็นนักเรียนแว่นผมดำพอดีแล้วค่อยหันมายิ้มกว้างให้หนึ่งที

    มาได้ทันเวลาดีนี่นา...อิชิมารุ งั้นเดี๋ยวรอหน้าห้องก่อนนะ พอครูแจ้งกับเพื่อนร่วมห้องจบเมื่อไหร่ก็ไปแนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักได้เลย

    “...เข้าใจแล้วค่ะ

    ว่าจบอาจารย์หนุ่มก็เริ่มเดินเข้าห้องเรียน 1-A ทันทีเพื่อพบปะกับเหล่านักเรียนเก่าทั้งหลาย เขาสอดส่องเช็คสมาชิกภายในห้องแล้วพบว่ายังคงเหลือเท่าเดิมจากชั้นมัธยมต้น แสดงให้เห็นเหตุผลหลักคือ พวกเขารักโรงเรียนแห่งนี้เนื่องจากอยู่ใกล้บ้านและสามารถเรียนต่อชั้นมัธยมปลายได้โดยไม่ต้องเสียเวลาสมัครเรียนที่อื่น

    พอเขายืนอยู่หน้ากระดานดำแล้ว นักเรียนหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าห้องได้เริ่มทำหน้าที่ของตนทันที

    ลุกขึ้น! ทำความเคารพ!”

    นักเรียนชายหญิงต่างลุกขึ้นออกจากเก้าอี้และยืนตัวตรงอย่างพร้อมเพรียง จากนั้นพวกเขาก็โน้มตัวลงข้างหน้าทำความเคารพหนึ่งรอบก่อนที่จะพูดทักทายอาจารย์ประจำชั้นตามธรรมเนียมแล้วนั่งลง

    อรุณสวัสดิ์ครับ/ค่ะ!!”

    อรุณสวัสดิ์ นักเรียนทุกคน ดูท่าทางพวกเธอจะยังยืนหยัดเรียนที่นี่ต่อจนจบชั้นปีสามจริงๆ สิเนี่ย ถึงจะไม่เคยเป็นที่ปรึกษาสักครั้ง แต่พอครูมองหน้าใครต่อใครก็จำได้หมดเลยนะ

    โธ่...อาจารย์โคนามะนี่ก็พูดเป็นเล่นไปนะคะ

    นอกจากหน้าตาดีแล้วยังความจำดีด้วย สุดยอดไปเลยค่ะ

    ใช่ๆ ก็อาจารย์เขาหน้าตาดีที่สุดในโรงเรียนนี่นา

    เหล่านักเรียนสาวต่างกรี๊ดกร๊าดให้กับอาจารย์โคนามะแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แสดงท่าทีเคอะเขินบ้าง แซวเล่นบ้าง ซึ่งยังมีนักเรียนชายโห่ร้องด้วยความหมั่นไส้เล็กๆ ต่อมาพวกเขาทั้งหมดก็หยุดนั่งฟังหลังจากอีกฝ่ายเริ่มพูดต่อ

    อะแฮ่ม! ก่อนที่พวกเราจะได้เข้าชั่วโมงโฮมรูม พวกเรามีนักเรียนย้ายมาใหม่ด้วยนะ

    หลังอาจารย์หนุ่มเอ่ยคำว่า ‘นักเรียนย้ายมาใหม่’ สมาชิกภายในห้องเริ่มพากันซุบซิบ ตื่นเต้นและลุ้นว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ต่อมาเสียงซุบซิบนั่นก็หายไปโดยถูกสั่งให้ฟังอาจารย์อย่างเงียบๆ เขากวาดสายตามองนักเรียนที่นั่งอย่างสงบแล้วหันไปเรียกอีกคนที่กำลังยืนอยู่นอกห้อง

    เอาล่ะ...เด็กใหม่ ถึงเวลาแนะนำตัวให้เพื่อนๆ รู้จักแล้วนะ

    “...”

    ยูมิค่อยๆ พยักหน้าให้ก่อนที่จะย่างก้าวเข้าห้องอย่างช้าๆ ทำให้ปฏิกิริยาของทุกคนผิดแปลกและนิ่งเงียบ เพราะมองว่าหน้าตารูปลักษณ์จืดชืด ไม่ได้เป็นอย่างที่หวัง เมื่อเดินถึงหน้าห้อง อาจารย์แยกตัวออกทางซ้ายมือของห้องสามก้าว ส่วนเธอหยิบชอล์กสีขาวขึ้นมาเขียนชื่อบนกระดานว่า 石丸由美

    สวัสดีค่ะ...ชื่อ อิชิมารุ ยูมิ เพิ่งย้ายมาใหม่ในปีนี้ เอ่อ...ขอฝากตัวด้วยนะคะ

    หลังสิ้นสุดการแนะนำตัว เหล่านักเรียนเก่าต่างเริ่มซุบซิบด้วยกันหนักกว่าเดิม ซึ่งทางผู้หญิงคงไม่พ้นคำว่า จืดชืด หน้าตาบ้านๆ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังชอบน้ำเสียงที่ค่อนข้างน่ารักพอตัว โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชายที่เริ่มมีความรู้สึกอยากลองคุยด้วยและไม่อยากทำอะไรให้เกิดอันตรายต่อเธอ

    เอ้าๆ ทุกคนเงียบได้แล้ว ต่อจากนี้ก็ขอให้พวกเธอทุกคนสนิทกันเข้าไว้ ส่วนอิชิมารุก็...นั่งตรงริมหน้าต่างที่มีโต๊ะข้างๆ โทมะคุงละกัน

    “...ได้ค่ะ

    เด็กใหม่ผมดำพยักหน้าตอบรับพร้อมก้าวเท้าเดินตรงไปยังโต๊ะว่างข้างนักเรียนหนุ่มแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ เมื่อเธอลองพิจารณารูปลักษณ์ พบว่าเขามีหน้าตาอันหล่อเหลา นัยน์ตาสีเหลืองทอง ไว้ทรงผมสีน้ำเงินยาวลงประมาณติ่งหู ปัดหน้าม้าเสยออกข้าง โดยแบ่งผมออกทางด้านขวามากกว่าด้านซ้าย

    แต่ขณะนั้นจู่ๆ โมเม้นต์ยอดฮิตภายในโรงเรียนก็เกิดขึ้นด้วย นักเรียนสาวเกือบทั้งหมดแสดงสีหน้าคนละแบบ ทั้งอิจฉา หมั่นไส้ และโมโหเพียงแค่เพราะนักเรียนใหม่แสนจืดชืดได้นั่งข้างเพื่อนหนุ่มที่หล่อที่สุดในห้องเท่านั้น หรือบางคนก็เฉยเมย โดยบางทีมันอาจเป็นแค่การเก็บกดอารมณ์ไว้ในใจ

    ก่อนเข้าชั่วโมงโฮมรูมในอีกไม่นาน โทมะหันหน้าทางซ้ายเพื่อทักทายยูมิแล้วยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

    อรุณสวัสดิ์ อิชิมารุ ฉันเป็นหัวหน้าห้องประจำปีนี้ มาเอโนะ โทมะ ยินดีที่ได้รู้จักนะ

    อะ...อื้ม ขอฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งด้วยนะ...มาเอโนะ

    เอาล่ะ ทีนี้ก็ไม่มีอะไรมากมายแล้ว ขอเริ่มชั่วโมงโฮมรูมของพวกเราจริงๆ เลยละกัน

    ว่าจบ ทุกคนเริ่มเข้าสู่ภาวะเล่าเรียนตามปกติ โดยยังมีสิ่งผิดปกติเช่นออร่าความอิจฉาริษยาเล็กน้อยลอยวนเวียนรอบตัวเด็กใหม่ผมดำ เธอพยายามไม่คิดอะไรแล้วหยิบสมุดเล่มบางพร้อมอุปกรณ์การเรียนขึ้นมาวางบนโต๊ะอย่างเงียบๆ

     

    ฮิๆๆ

     

    “...!?”

    เอาอีกแล้ว...เสียงหัวเราะนี่มันหลอกหลอนมาสองรอบแล้วนะ

    ยูมิแอบสะดุ้งเล็กน้อยและพูดประโยคเมื่อครู่กับตัวเองในใจ จากนั้นก็เลี่ยงที่จะไม่สะบัดหัวตัวเองหรือแสดงอาการแปลกๆ ให้คนในห้องเห็นตั้งแต่วันเปิดเทอมแรก

    เธอต้องเล่าเรียนในโรงเรียนแห่งใหม่ตามปกติ...

    หาเพื่อนสักคนเพื่อพูดคุย แลกเปลี่ยนความเห็น...

    และกลับฮงมารุเพื่อดูแลดาบหนุ่มพร้อมปกป้องประวัติศาสตร์โดยไม่มีเรื่องไหนให้กังวล

    .

    ..

    ...

    ....

    .....

    ช่วงพักกลางวัน

    เมื่อเวลาช่วงเช้าผ่านไปจนถึงเวลาเที่ยงตรง นักเรียนแต่ละคนต่างเดินออกจากห้องเพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงอาหาร ซึ่งปกติควรจะถูกแยกให้เป็นอีกอาคารหนึ่ง แต่ทางผู้อำนวยการเสนอความคิดมาว่า ควรสร้างไว้ในชั้นใต้ดินเพื่อไม่ให้นักเรียนต้องเหนื่อยกับการเดินข้างนอกต่อให้ไกล

    เด็กใหม่ประจำโรงเรียนมัธยมเซย์โชวอย่างยูมิเป็นคนเดียวที่ไม่ตามติดกลุ่มคนเหล่านั้นแล้วนั่งกินข้าวในห้องเรียนริมหน้าต่างแทน เธอยังไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าจะมีใครอยู่เป็นเพื่อนได้บ้าง เพราะถ้ากลุ่มเพื่อนเก่ามาเรียนด้วยจะไม่รู้สึกกลัวเลย แม้เคยบอกตัวเองว่าต้องหาเพื่อน แต่กลับไม่มีความกล้ามากพอ

    ตึก...ตึก...ตึก

    ในวินาทีที่หญิงสาวเปิดกล่องข้าวสีขาวใสออก เสียงฝีเท้าของใครสักคนดังขึ้นทีละนิดจนเข้ามายืนอยู่ใกล้ เมื่อลองหันไปมอง พบกับร่างของนักเรียนหนุ่มหน้าตาอันคุ้นเคยและเพิ่งทำความรู้จักเมื่อชั่วโมงโฮมรูม โดยจะเป็นใครได้นอกจากหัวหน้าห้องปี 1-A หรือมาเอโนะ โทมะนั่นเอง

    ไง อิชิมารุ มานั่งกินข้าวด้วยกันกับฉันมั้ย

    เขาทักทายด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรพร้อมถือกล่องข้าวที่ยังไม่ผ่านการแกะผ้าห่อสีขาวสะอาดรวมถึงขวดน้ำเปล่าขนาดเล็กสองขวดที่อยู่ในถุงผ้า

    เอ่อ...จะดีเหรอ มาเอโนะน่าจะมีเพื่อนอยู่สักคนสองคนนี่นา

    อันที่จริงฉันยังไม่มีเพื่อนใหม่หรอก แถมเพื่อนเก่าบางส่วนก็ย้ายไปเรียนที่อื่นหมดแล้วด้วย

    เมื่อได้ฟังคำตอบจากอีกฝ่ายแล้ว เธอแอบคิดในใจว่า อย่างน้อยก็ยังมีเขาที่สามารถเริ่มต้นมิตรภาพภายในรั้วโรงเรียนแห่งนี้ได้เป็นคนแรก ต่อมาจึงค่อยๆ พยักหน้าเป็นการตอบรับหนึ่งที

    อื้ม...งั้นมากินด้วยกันเถอะ

    ว่าจบโทมะก็ยิ้มกว้างให้เด็กใหม่แล้วขยับโต๊ะ-เก้าอี้ไปนั่งกินข้าวใกล้ๆ ซึ่งมีอีกหนึ่งเหตุผลหลักคือ พูดคุยทำความรู้จักกันและกัน แม้อีกฝ่ายไม่ใช่ผู้ชาย แต่เขายังคงเลือกที่จะขอสร้างสายใยความเป็นเพื่อนกับเธอ

    ระหว่างนั้น หัวหน้าห้องเล่าให้ฟังว่า ตัวเองไม่เคยเข้าตีสนิทกับเพื่อนผู้หญิงมาก่อน ถึงจะเด่นดังที่สุดในห้อง มีสาวๆ คุยด้วยหรือขอร้องนู่นนี่อยู่บ่อยครั้ง พอทำตามคำขอเสร็จ เหมือนพวกเธอเหล่านั้นจะลืมบุญคุณและเสพสุขด้วยรูปลักษณ์ภายนอกแทน

    อิชิมารุ...เคยประสบกับเหตุการณ์นี้รึเปล่า ที่โดนใครสักคนหลอกใช้แล้วทิ้งอย่างไร้เยื่อใยน่ะ...

    หลังจากเล่าจบ นักเรียนหนุ่มผมน้ำเงินเปิดปากถามอย่างจริงจังจนทำให้เธอแอบสะดุ้งด้วยความประหลาดใจ

    มะ...เมื่อก่อนฉันคอยช่วยทุกคนและได้รับการสนับสนุนในบางเรื่องมาโดยตลอด การหลอกใช้แล้วทิ้งก็เลยไม่เคยเกิดขึ้น ฉันเชื่อว่าทุกคนในโรงเรียนแห่งนี้ต้องสานสัมพันธ์ด้วยกันได้ดีนะ

    หญิงสาวผมดำพยายามยิ้มบางให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจ ผลคือเขายิ้มตอบกลับเล็กน้อยราวกับกำลังฝืนตัวเอง แต่ถึงอย่างนั้น...คำพูดนั่นเป็นแค่คำโกหก เธอเคยประสบพบเจอกับเหตุการณ์ดังกล่าวมาแล้วตอนสมัยมัธยมต้น 

    ถ้าเป็นจริงก็คงดี...เผื่อฝันร้ายจะได้จบอยู่ที่ฉันคนเดียว...”

    “...? มาเอโนะ เมื่อกี้พูดพึมพำอะไรรึเปล่า

    “...!? อ้อ...เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก เอาเป็นว่ารีบกินข้าวก่อนที่มันจะหมดเวลาพักกลางวันดีกว่า ส่วนเรื่องพื้นที่โรงเรียนเดี๋ยวค่อยแนะนำก่อนกลับบ้านละกัน โอเคเนาะ

    โทมะเริ่มเปลี่ยนประเด็นใหม่พลางนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนโดยไม่ปล่อยให้เสียเวลามากกว่านี้ ยูมินั่งมองด้วยความงุนงงพักใหญ่แล้วค่อยพยักหน้าลงหนึ่งทีก่อนที่จะนั่งกินต่อไป ในใจยังคงคิดเรื่องเมื่อครู่วนเวียน รู้สึกเป็นกังวลและแอบหวังไว้ในใจว่าทุกอย่างต้องดีขึ้น

    ...

    แต่หารู้ไม่ว่า...

    ...

    เมื่อถึงเวลาอันควร...ฝันร้ายของตัวเธอเองก็จะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน

    และเธอ...จะไม่มีวันหนีพ้นอีกต่อไป!

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ช่วงเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงวันเปิดเรียนหลังหยุดปีใหม่ ยูมิศึกษาเล่าเรียนในโรงเรียนมัธยมเซย์โชวร่วมกับเพื่อนด้วยความราบรื่น ไร้ซึ่งปัญหาใดๆ แถมยังมีการปรึกษาหารือเรื่องงาน ซึ่งส่วนใหญ่จะตกอยู่ที่เธอและโทมะ แม้เหล่านักเรียนสาวจะไม่ค่อยชอบใจเด็กใหม่เท่าไหร่นัก แต่ด้วยเพราะเป็นคนตั้งใจเรียน พาทุกคนส่งงานตรงเวลา ดังนั้นพวกเธอจึงยอมให้อภัยได้

    ส่วนเรื่องฮงมารุเองก็เริ่มมีสมาชิกคนใหม่เพิ่มขึ้นพร้อมรวมหัวเป็นครอบครัวในฐานะที่มีชื่อตระกูลหรือเจ้านายเก่าคนเดียวกัน พวกเขาต่างแบ่งหน้าที่ดูแลโซนคอกม้า สวนผัก-ผลไม้ เสื้อผ้า พื้นที่นั่งเล่น โรงฝึกดาบ และห้องนอน ส่วนห้องซานิวะจะมีเลขาคอยดูแลให้ โดยปัจจุบันยังเป็นมุทสึโนะคามิสลับกับมิทสึทาดะในบางโอกาส

    ขณะนี้เวลา 17.00 น. หญิงสาวผมดำกำลังนั่งจัดการกับเหล่างานที่กองอยู่บนโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นการบ้านของทางโรงเรียน เอกสารรายงานจากหัวหน้าทัพที่ถูกเขียนส่งมาหลังข้ามเวลาเพื่อปกป้องประวัติศาสตร์ยุคต่างๆ อีกทั้งยังต้องจัดทีมกองทัพดาบ ตรวจเช็คความเสียหายและช่วยซ่อมแซม เวลาพักผ่อนจึงมีค่อนข้างน้อย

    อืมม...เริ่มรู้สึกง่วงแล้วสิ นอนพักสักหน่อยดีมั้ยนะ...

    ครืดด~

    เสียงเปิดประตูไม้ดังขึ้นขัดจังหวะจนทำให้ซานิวะสาวสะดุ้งตื่นแล้วลุกลี้ลุกลนทำงานต่อ แต่หางตาของเธอได้สังเกตเห็นดาบหนุ่มผมดำเจ้าของผ้าปิดตาในชุดธรรมดาประจำฮงมารุที่กำลังเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มกว้างพอดี

    นายท่าน ข้ามีสมาชิกใหม่มาแนะนำด้วยล่ะ เพิ่งจะตีเสร็จหมาดๆ นี่เอง

    สมาชิกใหม่...?”

    ครั้งนี้เป็นผลงานดาบของท่านฮิโระมิทสึอ่ะนะ อาจดูนิ่งๆ ไปหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับเย็นชาอะไรมากมายหรอก

    ว่าจบมิทสึทาดะก็เรียกดาบหนุ่มคนใหม่ให้เตรียมแนะนำตัว คนๆ นั้นมีรูปร่างผอมเพรียว ผิวสีคล้ำหน่อยๆ นัยน์ตาสีเหลืองทองอันเรียวคม เรือนผมสีน้ำตาลเข้มยาวระต้นคอพร้อมปัดหน้าม้าทางขวา เขาใส่แจ็คเก็ตแขนยาวสีดำที่พับแขนเสื้อขึ้นพอประมาณและคลุมบนเสื้อคอวีแขนสั้นสีขาว ถุงมือสั้นสีดำ กางเกงขายาวและรองเท้าคัทชูสีดำ

    จุดโดดเด่นสามอย่างคือ สร้อยคอ ผ้าคลุมสีส้มอันมีเกราะหนังบวกกับผ้าผืนยาวสีม่วงผูกมัดไว้รอบเอว และรอยสักลายมังกรบนแขนข้างซ้าย


    “...”

    เอ่อคือ...”

    โอคุริคาระ...นอกเหนือจากชื่อก็ไม่มีอะไรให้แนะนำมากกว่านี้แล้ว อีกอย่าง...ข้าไม่ได้ต้องการเป็นมิตรด้วยหรอกนะ

    หลังจากยูมิพยายามเริ่มต้นบทสนทนา เจ้าตัวก็แนะนำชื่อด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ สายตาคู่นั้นจับจ้องมองด้วยสายตานิ่งเรียบ ดาบหนุ่มอีกคนแอบหัวเราะเบาๆ ให้กับทั้งสองก่อนที่จะขอกระดิ่งสีเหลืองขนาดเล็กจากซานิวะแล้วเดินลงไปแขวนรวมกับระฆัง ณ จุดรวมพล

    “...”

    งั้นพวกเราก็...

     

    ฮิๆๆ

     

    “...!!?”

    ทำไมกัน...ทำไมเสียงหัวเราะบ้าบอนี่ยังตามหลอกหลอนอยู่อีกล่ะ!!

    ยังไม่ทันที่หญิงสาวผมดำจะพูดอะไรต่อ เสียงหัวเราะเดิมได้กลับมาตามหลอกหลอนอีกครั้ง เธอตะโกนถามในใจพร้อมยกมือสองข้างกุมหัวตัวเองไว้ สีหน้าตอนนี้เริ่มดูทรมานและซีดเผือดต่างจากครั้งคราวที่เคยเป็นในโรงเรียน 

    โอคุริคาระแอบรู้สึกสงสัยแล้วค่อยๆ มุ่งตรงหน้า แต่ในขณะเดียวกัน เขาดันเหลือบไปเห็นเงาดำรางๆ กำลังลอยวนเวียนรอบตัวเธอ ซึ่งหากมองดูเผินๆ แบบไม่ใส่ใจ อาจจะไม่เห็นเลย

    จังหวะที่เขาเริ่มจับด้ามอาวุธดาบประจำตัว ร่างเงานั่นกลับหยุดมองด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนที่จะสลายหายไปพร้อมแอบฝังอะไรบางอย่างบนท้ายทอย เหยื่อของมัน

    “...”

    ต่อมาซานิวะสาวก็ค่อยๆ รู้สึกปกติหลังจากได้ยินเสียงหัวเราะเมื่อไม่นาน เธอหันมองซ้ายขวาและพบกับดาบหนุ่มผมน้ำตาลเข้มกำลังปล่อยมือออกจากด้ามพลางยืนมองอย่างนิ่งเรียบ

    โอคุริคาระ...?”

    นายท่าน...เมื่อกี้ข้าเห็นเงาดำกำลังลอยวนเวียนอยู่น่ะ

    ร่างเงา...? งั้นแปลว่าเสียงหัวเราะนั่น...

    ใช่...มันเป็นของเจ้านั่นเองแหละ ถึงจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ แต่ถ้าปล่อยให้ตามติดนานๆ อาจทำอันตรายต่อเจ้าในภายหลังก็ได้

    ปกติโอคุริคาระจะมีนิสัยเย็นชา ไม่ยอมเข้าร่วมกับฝูงชน ชอบแยกตัวอยู่คนเดียวราวกับหมาป่าเดียวดาย แต่เอาเข้าจริงๆ เขาก็แอบเป็นห่วงทุกคนด้วยเหมือนกัน เพียงแค่ไม่รู้ว่าจะแสดงออกยังไงเท่านั้นเอง

    แล้วยิ่งตอนนี้...คนที่เริ่มเป็นห่วงตั้งแต่ต้นกลายเป็นนายท่านคนใหม่ตรงหน้าด้วย

    “เฮ้อ...เอาเป็นว่าถ้ามันกลับมาทำอะไรเจ้าอีก ขอให้ระวังตัวด้วยละกัน

    ว่าจบดาบหนุ่มก็เริ่มหันหลังกลับไปพร้อมเดินออกจากห้องอย่างช้าๆ โดยเขายังแอบมองอีกฝ่ายด้วยหางตาในไม่กี่วินาทีและรู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนัก

    ยูมิเอียงคอมองสมาชิกคนใหม่อย่างงุนงงได้ไม่นานก่อนที่จะเก็บข้าวของบนโต๊ะเตรียมนอนพักผ่อนจากเหล่างานการทั้งหลาย พอถึงเวลามื้อเย็นแล้วค่อยลุกขึ้นตื่นไปร่วมกินข้าวกับทุกคน

    “...”

    ทันทีที่เธอเข้าสู่ห้วงนิทรา ร่างเงาดำนั่นก็ค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมล่องลอยรอบตัวด้วยความสนุกสนาน มันแอบหัวเราะในลำคอและยิ้มกว้างเสมือนปีศาจร้ายในขุมนรก นอกจากนี้ยังมีส่วนหนึ่งของเงาที่เริ่มแยกตัวเข้าไปภายในเสื้อเพื่อฝังบางอย่างบนแผ่นหลังต่อจากท้ายทอย

     

    ฮิๆๆ น่าสนุกจังเลยน้าา ชักอดทนรอเห็นสีหน้าทุกข์ทรมานของเด็กเรียนไม่ได้แล้วสิ...

     

    “...”

     

    ‘...และพอถึงฤกษ์งามยามดีเมื่อไหร่ หยุดทำตัวใสซื่อแล้วรีบๆ เผยสันดานดิบซะนะ...ยูมิ

    [ To be continued ]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×