ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fate/Grand Order] วันๆ ณ คาลเดียกับยูมิ [END]

    ลำดับตอนที่ #30 : วันฮาโลวีนที่เหมือนไม่ใช่ฮาโลวีน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 338
      16
      15 ก.ย. 63

    B
    E
    R
    L
    I
    N

    วันฮาโลวีนที่เหมือนไม่ใช่ฮาโลวีน

    ----------------------------------------------------

    ในช่วงท้ายอีเว้นท์ฮาโลวีน 2017 รีรัน

    เวลา 15.00 น.

    ฮู้ว...ในที่สุดก็ได้พักสักที

    หลังจากที่ฉันพยายามลากกระสอบใส่ขนมสามชนิดซึ่งเป็นไอเทมประจำอีเว้นท์จากปราสาท เรย์ชิพถึงคาลเดียจนเข้ามายรูมแล้ว แขนขาก็เริ่มอ่อนแรง แน่นอนว่าต้องกระโดดฟุ่บลงนอนบนเตียงเพื่อเป็นทางเลือกในการพักผ่อนและฟื้นฟูพลังเวทของตัวเอง

    ส่วนเหล่าเซอแวนท์ก็ต่างฟาร์มไอเทมเพิ่มเติมให้ในแต่ละด่านตามความเหมาะสม เพื่อแลกไอเทมในร้านให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มค่า Bond ตัน (ยังจะลุยต่ออีกเนอะ) แก๊งค์หมาสี่ช่า กลุ่มตบเฉพาะสายอย่างอิโซ แจ๊ค รวมไปถึงสองดาบหนุ่มกับมาชูที่ขออาสาช่วยด้วยอีกแรงเช่นกัน

    มินิคูจังกับโฟว์คุงก็วิ่งเล่นในคาลเดียหรือนั่งมองดูลมหิมะข้างนอกอย่างสุขอกสุขใจเหมือนเดิม พวกเขาจะคอยมาหาฉันเป็นระยะๆ พร้อมนำถุงขนมและนมให้ได้แกะกินด้วยกันยามว่าง

    เรื่องชาเล้นจ์ประจำอีเว้นท์นี้ยังคงเหมือนปีก่อน มีตัวเมก้าเอลี่คอยก่อกวนประสาทเล็กน้อย แต่ถือว่าไม่ยากจนหัวไหม้เกรียม ใครมีซัพพอร์ตเตอร์บวกกับตัวแลนเซอร์ตบผู้ชายแรงๆ คริติคอลกระจาย หรือตัวโบนัสดาเมจเช่นคิโยฮิเมะว่ายน้ำกับเอลิซาเบธคงหวานหมู

    โดยครั้งนี้ฉันแบกทีมเดิมทุกประการ ตัวหลักจะเป็นใครได้นอกจากรองหัวหน้าแก๊งค์หมา(แลงสาบ)เลเวล 100 ในปัจจุบันอย่างคูฮูลินน์แลนเซอร์ ตามด้วยมาชู นักบุญจอร์จ เมอลิน(ชาวบ้าน) คูจัง ส่วนคนสุดท้ายคือเมดูซ่าแลนเซอร์ ผลลัพธ์คือได้ออกลุยเกือบทุกคนยกเว้นเมดูซ่าน้อย และเซอแวนท์ที่ม่องเท่งอย่างยิ่งใหญ่มีเพียงไรเดอร์ล่อตีนกับรุ่นน้องผมชมพูเท่านั้น

    โอเค พล่ามมาพอสมควรแล้ว เพราะงั้นขอนอนพักก่อนดีกว่า

    “...Zzz”

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    อะไรกัน มาถึงก็หลับเลยงั้นเหรอ...ยูมิ

    “...!!?”

    จังหวะที่กำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างสมบูรณ์แบบ เสียงชายหนุ่มอันน่าคุ้นเคยก็ได้ดังขึ้นจนต้องลืมตามองไปหา และมันก็ดันคุ้นเคยเกิ๊น เพราะเขาคนนั้นคือเบอเซิกเกอร์เจ้าของผมสีน้ำเงินเข้มและฮู้ดสีม่วงเข้ม เมื่อบวกกับสีหน้าเรียบนิ่งปุ๊บ ตู้ม!! กลายเป็นคูฮูลินน์อัลเตอร์นั่นเอง! (ไรท์ : อ้าว...ไม่ใช่โกโก้ครั้นช์หรอกเหรอ//โดนถีบคว่ำ)

    ตอนนี้เขากำลังนั่งจ้องมองฉันอย่างนิ่งๆ บนขอบเตียง หางใหญ่เคลื่อนมาโอบหลังให้ลุกขึ้นนั่งกะจะไม่ให้นอนสบายๆ เลยแม้แต่วินาทีเดียว ฝ่ามือใหญ่ข้างซ้ายของอีกฝ่ายยกขึ้นยีหัวในขณะที่ข้างขวายื่นมานวดแก้มเล่นเหมือนไม่มีอะไรทำนอกจากนี้แล้ว

    “...”

    จะว่าไป...ครั้งนี้ทำไมคูจังถึงฟาร์มไอเทมเสร็จเร็วจังล่ะ

    ก็เปล่าหรอก ได้แค่บางส่วนน่ะ อีกอย่าง...ข้าแอบหนีและอู้งานเพื่อมาหาเจ้าเฉยๆ

    What!? แค่นี้เรอะ!!

    โธ่...คนบ้าเอ๊ย มาอู้งานเพราะแค่อยากเจอหน้านี่เอง

    พอนึกเรื่องเมื่อครู่ได้สักพัก เขาก็เปลี่ยนท่าทีเป็นการโอบกอดพร้อมแนบแก้มซบบนหน้าอกฉันเบาๆ ดูท่าทางหมดแรงจากการฟาร์มไอเทมมาไม่น้อยเพราะบังเอิญสังเกตเห็นกระสอบผ้าอีกใบหนึ่งที่ถูกวางพิงกำแพงห้องไว้

    งั้นพวกเรานอนพักสักหน่อยดีกว่าเนาะ ไว้ตื่นมาค่อยลุยต่อ

    เฮ้อ...ทำตัวเป็นเด็กเป็นเล็กจริงๆ เลย แต่เอาเถอะ ข้าเองก็เริ่มเหนื่อยแล้ว เพราะงั้นขอพักงีบด้วยละกัน

    คูจังเอนตัวลงนอนข้างๆ ในช่วงที่ฉันกำลังได้หนุนหมอนพอดิบพอดีแล้วเริ่มทำการสลายผ้าคลุม หางและเหล่าเกราะหนามตามแขนขาออกให้หมดก่อนที่จะยื่นแขนมาโอบรอบเอวจากด้านหน้า แถมยังสไลด์ตัวลงซุกอกแนบแน่นจนทำเอาสติแทบกระเจิง

    คะ...คูจังยะ...อย่าเข้ามาซุกเล่นแบบนั้นสิ!”

    “...” เขาไม่พูดจาตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้นแล้วกอดแน่นกว่าเดิม มีแอบเนียนเอาหัวถูไถขึ้นลงด้วยความเพลิดเพลินราวกับน้องแมว

    อืมม...บางทีก็แอบคิดนะว่า ถ้าความหึงหวงของคูจังเพิ่มขึ้นมันจะกลายเป็นความยันเดเระในภายหลังรึเปล่า ถ้าเกิดขึ้นจริงๆ ทุกคนคงไม่มีสิทธิ์แม้แต่เข้ามาพูดคุย คือลองคิดดูสิ ตอนเอียนชิงจะให้ขี่หลังก่อนพาปีนปราสาทในอีเว้นท์ เขารีบจับลากคอออกไปไกลๆ และอุ้มฉันให้ขี่หลังแทน 

    แต่คราวก่อนเจ้าตัวบอกเองแล้วว่าจะยอมให้พูดคุยตามปกติ มีปฏิสัมพันธ์ในทางมิตรภาพเพื่อเติมเต็มอดีตอันแสนโดดเดี่ยว ขอแค่อย่าล่วงล้ำเกินเขตก็พอ ถือว่ายังดีที่เห็นความสำคัญของเพื่อนเท่ากับคนรักคนเดียว

    ฉันก้มหน้าลงมองเบอเซิกเกอร์หนุ่มผู้หลับใหลในอ้อมกอดสักพักแล้วยกมือขึ้นถอดฮู้ดออกพร้อมลูบหัวเบาๆ ถึงทรงผมสีน้ำเงินเข้มของเขาจะตั้งขึ้นบน แต่มันกลับนุ่มมือกว่าที่คิดไว้ แถมมีกลิ่นแชมพูอ่อนๆ ลอยอบอวลเตะจมูกจนรู้สึกหอมกำลังดี

    “...”

    อ่า...เริ่มง่วงนอนจริงจังแล้วสิ งั้นขอนอนพักเลยละกันนะ

     

    ผ่านไปหลายชั่วโมง

    มาสเตอร์...ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วนะ

    อืมม...

    ฉันเริ่มถูกปลุกขึ้นจากห้วงนิทราเมื่อมีใครบางคนเรียกอยู่ใกล้ๆ ก่อนที่จะลืมตาอย่างช้าๆ แสงไฟจากเพดานห้องสาดส่องเข้ามาซะจนต้องหลับลงแน่นในไม่กี่วินาที พอลองขยี้ตาพร้อมหันมองตามต้นเสียงอีกทีจึงพบเซอแวนท์หนุ่มคลาสอเวนเจอร์ในชุดว่ายน้ำครั้งล่าสุด เพียงแต่ถอดผ้าคลุมและหมวกออกเท่านั้น

    ดันเต้...?” ฉันเรียกชื่อคนตรงหน้าที่กำลังวางถาดอาหารเย็นไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงแต่ก็สะดุ้งและเพิ่งรู้สึกตัวว่าเซอแวนท์อีกหนึ่งคนหายตัวไป “ละ...แล้วคูจังล่ะ!”

    อย่ากังวลนักเลย เจ้านั่นกำลังร่วมกินข้าวในห้องครัวน่ะ ไม่หายไปไหนไกลหรอก อ้อ...แถมมีบางอย่างเอามาฝากด้วย รับไว้ซะ

    เขาตอบพร้อมหยิบบางอย่างจากใต้จานและยื่นให้ โดยเจ้าสิ่งนี้คือแผ่นกระดาษเล็กๆ ถูกพับครึ่งอย่างเนี๊ยบ ไม่มียับเยิน เมื่อลองคลี่ออกมาอ่านแล้ว มันมีใจความข้างในอยู่ว่า

     

    ยูมิ เย็นนี้เจ้าไม่ต้องตามเก็บไอเทมในอีเว้นท์แล้ว สิ่งที่ต้องทำคือ เข้าร่วมกิจกรรมวันฮาโลวีนกับเซอแวนท์คนอื่นๆ แทนซะ จะได้ไม่เหนื่อยหรือเครียดเกินไป

    ขอให้สนุกล่ะ...

    จาก คูฮูลินน์อัลเตอร์

     

    คูจัง...

    ตอนนี้พวกข้าทุกคนเก็บไอเทมครบตามกำหนดแล้ว เพราะงั้นถึงอยากให้พักผ่อนตามอัธยาศัยบ้าง” ดันเต้พูดในขณะที่กำลังยื่นมือหยิบกระดาษจากมือของฉันคืนและเก็บไว้ในลิ้นชัก “ส่วนกิจกรรมที่ว่านั่นทางดา วินชี่จัดขึ้นในคาลเดียแห่งนี้เรียบร้อย อีกเดี๋ยวคงมีใครสักคนมาชวนเจ้าแล้วล่ะ

    ดีจังแฮะ...วันต่อไปจะได้นอนพักหรือทำภารกิจอื่นรออีเว้นท์ใหม่สักที

    ยังไงก็ขอบคุณสำหรับอาหารเย็นกับโน้ตจากคูจังนะ ดันเต้” 

    ฉันยิ้มกว้างให้กับอีกฝ่ายและหยิบถาดอาหารเย็นเตรียมเติมพลังกายที่ขาดหายจากการฟาร์มไอเทมประจำอีเว้นท์ เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยพร้อมลูบหัวเบาๆ ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป

    คือแบบดูแล้วเหมือนตัวเองเป็นคนป่วยแปลกๆ พิลึก เกือบทุกครั้งเลยที่เซอแวนท์ของฉันจะคอยถือถาดอาหารสามมื้อสลับกัน บางทีก็มีการชวนให้กินด้วยกันในห้องครัว แต่พักหลังมันกลับมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก สงสัยกลัวชุลมุนวุ่นวายหรือเหม็นความรักล่ะมั้ง

    “...”

    เอาเป็นว่าช่างมันเถอะเนาะ รีบกินให้เสร็จ เก็บถาดจานให้เอมิยะแล้วรอคนมาชวนเข้าร่วมกิจกรรมวันฮาโลวีนดีกว่า

     

    เวลาประมาณ 19.30 น.

    หลังจากกินอาหารเย็นจนยกถาดจานฝากให้เอมิยะกับโรบิ้นล้างแล้ว ฉันก็เอาแต่นั่งเอื่อยๆ บนเตียงในมายรูมเพื่อรอคอยการชักชวนเข้าร่วมงานที่ดา วินชี่จัดขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งยังไม่รู้แน่ชัดว่านางจะจิตพิลึกจัดสรรอะไรแปลกประหลาดมากน้อยแค่ไหน

    ถ้าพูดถึงฮาโลวีน กิจกรรมที่แสนโดดเด่นอันดับแรกคือ Trick or Treat (หลอกหรือเลี้ยงโดยเป็นกิจกรรมที่ส่วนใหญ่เด็กๆ รอคอยเพื่อแต่งตัวเป็นภูตผีออกตระเวนตามบ้านที่ประดับตกแต่งด้วยโคมไฟฟักทองกับตุ๊กตาหุ่นฟาง จากนั้นก็เคาะประตูแล้วขอขนมหรือลูกอม

    ทางเจ้าบ้านมีสิทธิ์ตอบว่า Treat (เพราะยอมแพ้)พร้อมมอบขนมให้เด็กๆ หรือจะ Trick (เพราะอยากท้าทาย)และปล่อยให้อาละวาดตามใจชอบจนท้ายสุดค่อยมอบให้ภายหลัง

    บางครั้งผู้คนก็จะพากันรวมกลุ่มจับเข่าคุยเรื่องผี ดูหนังผี และล่าท้าผีหากชอบลองของดี ซึ่งถ้าแก๊งค์คูฮูลินน์นัดท้าน้องฮานาโกะคืนนี้ฉันคงไม่พ้นถูกพวกเขาลากไปร่วมด้วยแน่นอน

    ก๊อก...ก๊อก

    ในระหว่างนั้น เสียงเคาะประตูห้องได้ดังขึ้น ฉันค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพร้อมเดินเข้าหาแต่ยังไม่เปิดประตูต้อนรับแขกข้างนอกเพื่อลองเชิงว่าจะมีใครพูดอะไรรึเปล่า

    “...”

    เงียบกริบ...ผิดปกติพิลึก

    พอเห็นเช่นนั้น มือข้างขวาก็ยื่นออกจับบานประตูและค่อยๆ เปิดทีละนิดก่อนที่จะพบกับสิ่งๆ หนึ่งที่เกือบทำให้กรีดร้องหรือล้มลงพื้นหัวใจวายตาย นั่นคือ...

    “Trick or Treat!!!”

    เหล่าเด็กๆ อย่างแจ๊ค ไรม์ กับอบิเกลในชุดภูติผีต่างสายพันธุ์ทำการถามดังสนั่นอัดหน้าเข้ามาว่าจะให้หลอกหรือเลี้ยงขนม ซึ่งลูกสาวผมขาวแต่งตัวเป็นแวมไพร์น้อย แคสเตอร์น้อยรับบทเป็นแม่มด ส่วนฟอรีเนอร์ผมทองเล่นเป็นแมวดำที่ใส่เครื่องประดับเกี่ยวกับแมวทั้งหมด

    คือแบบน่ารักอ่ะ ผีอะไรไม่เห็นน่ากลัวสักนิด

    ฮู้ว...เมื่อกี้ทำเอาเกือบหงายเลยแฮะ จะว่าไปเพิ่งเริ่มเคาะห้องนี้เป็นห้องแรกรึเปล่าเอ่ย” ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมย่อตัวลงถามพวกเธอตรงหน้า

    ใช่แล้วๆ แต่ก่อนอื่น หนูขอขนมจากคุณแม่หน่อยได้มั้ยอ่า~”

    ถ้ามาสเตอร์ไม่ยอมมอบลูกอม หนูจะปลุกเสกให้พี่คูอัลเตอร์เป็นปีศาจล่ากินคนนะค้า~”

    เอาแพนเค้กมาแลกกับลูกอมข้าวโพดในตะกร้าก่อนที่หนูจะตามหลอกหลอนคืนนี้น้า~”

    ชิบละ ขอถอนคำพูดตอนนี้ยังทันมั้ยเนี่ย...

    ฉันบอกเด็กๆ ทั้งสามไปตามตรงเลยว่าไม่มีขนมหรือลูกอมให้เลยสักอย่าง ซึ่งจังหวะที่พวกเธอกำลังเตรียมเรียกอาวุธทุบตีเพื่อลงโทษ ก็รีบห้ามปรามและขอแลกเปลี่ยนเป็นการแต่งคอสตูมภูติผีพร้อมร่วมเล่นกิจกรรม Trick or Treat ในครั้งนี้แทน นั่นจึงเกิดผลลัพธ์ที่ดีตามมา

    เย้~ คุณแม่ยอมเล่นกับพวกเราด้วยล่ะ” แจ๊คตรงเข้ามากอดแขนไว้แน่น แสดงท่าทีดีใจสุดฤทธิ์แล้วบอกว่า “หนูรักคุณแม่ที่สุดเลย

    เอาตามนั้นก็ได้ค่ะ หนูจะเป็นแม่มดที่ดี ไม่ปลุกเสกพี่คูอัลเตอร์ละกัน” ไรม์ยิ้มกว้างพลางเรียกหนังสือเล่มหนึ่งออกมาเปิดดูอะไรบางอย่างและเรียกให้สหายอีกสองคนช่วยกันดูด้วย

    “...?” ฉันทำได้แต่นั่งคุกเข่าลงมองอย่างงุนงงพักหนึ่งก่อนที่จะถูกอบิเกลสะกิดแขนเบาๆ

    หนูรู้แล้วล่ะว่าจะให้มาสเตอร์แต่งคอสตูมเป็นผีตัวไหนดี เพราะงั้นช่วยตามมาทางนี้หน่อยนะคะ

    ว่าจบเด็กๆ ทั้งสามคนก็พาฉันออกจากมายรูมเพื่อมุ่งหน้าไปยังที่ไหนสักแห่ง พอก้าวขาเหยียบบนทางเดินปุ๊บ จึงได้เห็นว่าทุกห้องถูกตกแต่งด้วยโคมไฟฟักทองกับตุ๊กตาหุ่นฟางตามประเพณี แถมยังมีความสลัวๆ แสงจันทร์ไม่มีสาดส่องเข้ามา บรรยากาศเริ่มมีความน่ากลัวอย่างกับบ้านผีสิง

    เอาเป็นว่าตอนนี้เราจดจ่อในเรื่องแต่งคอสตูมและสถานที่ที่พวกเธอกำลังพาไปดีกว่า

    .

    ..

    ...

    ....

    .....

    ผ่านไปห้านาที

    เอ่อ...อบิเกลจ๊ะ บางทีก็ไม่ต้องถึงกับพาเข้าห้องดา วินชี่จังก็ได้นี่นา

    นั่นแหละค่ะ...ท่านผู้อ่าน ฉันถูกเด็กๆ นำพามายังห้องทำงานของสาวใหญ่ประจำคาลเดียโดยไม่บอกกล่าวใดๆ เลย ใจจริงอยากกลับมายรูมเหมือนเดิมและหาชุดใส่เองอยู่หรอก แต่เด็กสาวผมทองดันพูดตัดหน้าว่าห้องนี้น่าจะมีชุดคอสตูมที่เหมาะยิ่งกว่า

    แถมบรรยากาศภายในห้องยังถูกตกแต่งในธีมฮาโลวีนด้วย มีโคมไฟฟักทองกับตุ๊กตาหุ่นฟางบนโต๊ะทำงาน โซฟาถูกเปลี่ยนแทนที่เป็นเก้าอี้ฟักทอง รูปปั้นแม่มดสูงเท่าคนจริงตั้งใกล้ประตูทางเข้า โปสเตอร์รูปเผ่าพันธุ์ผีตระกูลต่างๆ นั่งเรียงแถวหน้ากระดานมองกล้องหน้านิ่งเหมือนถ่ายรูปบรรพบุรุษ

    โอเค งั้นระหว่างนี้คงต้องจำใจยอมรอดูต่อไปสินะ

    “...”

    คุณแม่ ลองเปรียบเทียบระหว่างแม่มดตรงนั้นกับไรม์ดูสิว่าใครแต่งตัวสวยกว่า” แจ๊คพาเดินไปนั่งบนเก้าอี้ฟักทองแล้วชี้นิ้วที่รูปปั้นข้างประตูและเพื่อนของตัวเองพร้อมยิ้มออกกว้าง

    อืมม...” ฉันนั่งจับคางตัวเองแล้วมองทั้งสองอย่างครุ่นคิดก่อนที่จะตอบโดยไม่ลังเล “แม่คิดว่าน่าจะเป็นไรม์นะ เป็นเด็กน้อยน่ารัก เหมาะกับตำแหน่งแม่มดสมกับคลาสแคสเตอร์ซะด้วย

    ใช่ม้าๆ หนูเองก็เห็นด้วยเหมือนกัน

    โอ๊ะโอก็นึกไว้อยู่ว่าใครมาหา ที่แท้เป็นมาสเตอร์สาวนัมเบอร์ 021 ยูมิจังนี่เอง

    จังหวะนั้นเอง สาวใหญ่แห่งคาลเดียตัวจริงได้เดินออกจากห้องส่วนตัวของตัวเองในชุดแม่มดเช่นเดียวกับไรม์ แตกต่างตรงแค่ธีมสีจากโทนชมพู-ดำเป็นแดง-ดำแทน เธอกลับมานั่งประจำที่ตามเคยพลางหยิบตะเกียงไฟตัวหนึ่งขึ้นมองซึ่งยังไม่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่นัก

    ดา วินชี่จังจัดกิจกรรมฮาโลวีนเพื่อทุกๆ คนสินะเนี่ย เห็นห้องนอนแถวทางเดินตกแต่งโทนสีส้มหมดเลย” ฉันหันไปพูดกับเธอที่กำลังทำการประดิษฐ์ตะเกียงไฟให้เป็นรูปอะไรสักอย่าง

    ก็กว่าอีเว้นท์ใหม่จะมาคงเบื่อแย่น่ะ เลยคิดได้ว่าต้องหาจัดกิจกรรมดีๆ แก้ขัดไปก่อน แน่นอนทุกคนร่วมมือหมดด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้เธอรู้สึกมีความสุข สนุกสนานหลากหลายรูปแบบ ไม่ต้องเหนื่อยหรือเครียดเกินกว่านี้

    เหตุผลเหมือนกับที่คูจังเขียนไว้ในกระดาษโน้ตจริงๆ ด้วยแฮะ...

    ระหว่างนั้น อบิเกลก็วิ่งกรูเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมขอร้องให้ช่วยแต่งคอสตูมผีและกระซิบบอกบางอย่าง คำตอบที่ได้มาไร้ซึ่งความลังเลแม้แต่นิด เธอพยักหน้าตกลงพร้อมวางของในมือลงแล้วเริ่มนำพาฉันเข้าสู่ห้องส่วนตัวหลังโต๊ะทำงาน อีกทั้งยังเรียกมาชูให้ช่วยด้วยอีกแรง

    หวังว่าจะไม่เป็นผีที่แปลกประหลาดไปกว่านี้ละกัน

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ผ่านไปสิบนาที

    เอาล่ะ พร้อมออกจากห้องรึยังเอ่ย ยูมิจัง

    เอ่อ...พะ...พร้อมแล้วจ้า~”

    สู้ๆ นะคะ รุ่นพี่ แบบนี้ทุกคนต้องยอม Treat อย่างแน่นอน!”

    อะฮ่าๆๆๆ ขอบใจจ้า มาชู~”

    อย่าหาว่าฉันสติแตกหรือสมองกลับด้านจนเป็นบ้าเลยนะ เพราะไอ้สิ่งที่ทำให้ต้องหัวเราะเสียงหลงพร้อมยอมจำนนอย่างช่วยไม่ได้คือ พวกนางดันช่วยแต่งคอสตูมให้เป็นซอมบี้กินคนนี่แหละ!!!

    เรื่องสภาพชุดไม่ต้องบรรยายอะไรมากมาย ง่ายๆ คือเละเทะ ขาดลุ่ย เปรอะเปื้อนอย่างแรง ดีแค่ไหนแล้วที่ไม่แต่งหน้าให้สมจริงเกิน แถมเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวสีเทาสไตล์เด็กกำพร้าก็ไม่ได้ขาดเยอะจนโป๊เปลือยขนาดนั้นด้วย เดี๋ยวเผลอๆ มันจะกลายเป็นซอมบี้รับจ้างในผับบาร์ไปแทน

    พอเริ่มเปิดประตูเดินออกจากห้องส่วนตัวของดา วินชี่แบบโซซัดโซเซสมบทบาทแล้ว เด็กๆ ทั้งสามก็ต่างทำสีหน้าหวาดกลัวเป็นแถวและร่วมกันหาที่หลบคนละทิศละทาง

    เดี๋ยวนะ...ก่อนหน้านี้พวกหนูบอกว่ามีคอสตูมที่เหมาะสมดีอยู่เลยไม่ใช่เรอะ อีกอย่างผีจะไปกลัวผีด้วยกันเองได้ไงเนี่ย!

    เอ่อ...ยะ...อย่าหลบกันแบบนั้นสิ แม่ไม่กัดหรอกนะ โอเค๊?”

    ฉันรีบเดินเข้าไปหาเหมือนคนปกติและพยายามพูดเกลี้ยกล่อมพวกเธอไม่ให้กลัวซอมบี้ที่สุดแสนจืดชืดบวกกับสภาพเยี่ยงเด็กกำพร้าเพิ่งฟื้นจากความตายเช่นนี้ คือแบบใช้เวลาหลายวินาทีกว่าจะกลับมาอารมณ์ดีพร้อมร่วมกิจกรรมฮาโลวีนต่อ

    โอเค งั้นก็เริ่มเดินขอขนมจากเจ้าของห้องทั่วคาลเดียแห่งนี้กันดีกว่าเนาะ

    ได้ค่า~!!!”

    หลังฉันพูดชักชวนจบ เหล่าเด็กๆ ในชุดคอสตูมผีโมเอะ(เกิน)ก็ตอบตกลงด้วยความร่าเริงตามประสาเด็กน้อยแล้วจูงไม้จูงมือออกจากห้องของดา วินชี่ทันที โดยเมื่อลองหันกลับไปมอง ทั้งเธอและมาชูต่างยิ้มกว้างพลางโบกไม้โบกมือให้ตบท้าย

    เอาล่ะ...พวกเราเหล่าภูติผีสี่เผ่าพันธุ์จะเริ่มตามล่าหาขนมในกิจกรรม Trick or Treat ประจำวันฮาโลวีน ณ บัดนี้!!

     

    ห้องที่ 1 [ กิลกาเมช & โอจิมังเดียส ]

    อืมม...ทีนี้พวกเราจะเอาไงกันดีล่ะ

    พอฉันและเด็กๆ ทั้งสามคนลองเคาะประตูห้องหลายรอบแล้ว ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีคนเดินออกมาดูเลย แต่ทันใดนั้นเองแจ๊คได้ดึงแขนเสื้อสองสามทีพร้อมชี้นิ้วขึ้นไปยังเหนือประตู สิ่งที่พบคือกระดาษแผ่นใหญ่แปะอย่างโดดเด่นและมีข้อความเขียนไว้ว่า

     

    ใครจะ Trick or Treat ล่ะก็เข้ามาได้เลย ไม่ต้องรอให้พวกข้าเปิดหรอก

     

    พวกท่านกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย กิจกรรมนี้มันต้องให้เจ้าของห้องเปิดประตูเองไม่ใช่เรอะ!

    คุณแม่ ทำไมพวกเขาถึงไม่เปิดประตูล่ะ

    อาจจะนั่งพักจากอีเว้นท์อยู่ก็ได้นะ

    ไม่หรอก ไรม์ ท่านคงอยากให้พวกเราเข้าไปเซอไพรส์ตรงๆ อย่างแน่นอน

    อบิเกลพูดกับไรม์ในขณะที่กำลังจัดชุดองค์ทรงเครื่องให้เรียบร้อย จากนั้นจึงค่อยๆ ยื่นมือออกเปิดประตูด้วยตัวเอง ทั้งฉันและเด็กอีกสองคนต่างกวาดสายตามองรอบห้องก่อนที่จะยืนช็อกผสมเอ๋อแดกตามกัน เพราะธีมห้องไม่ได้เหมือนฮาโลวีนเลยสักอย่าง!!

    เริ่มแรกเลยคือสี ทุกอย่างในห้องมันจะทองอร่ามเกินไปไหน กลัวว่าตัวเองไม่เป็นเศรษฐีผู้ร่ำรวยรึไง ต่อมาคือของตกแต่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทศกาลเลย ล้วนแล้วมีแต่ของมาจากเกมตีป้อมกับโดดร่มยอดฮิตในวัยรุ่นสมัยใหม่ทั้งนั้น แถมพวกเขายังแต่งชุดเป็นผู้เล่นเกมโดดร่มพร้อมมีกระทะสีดำพาดไว้ข้างหลัง

    เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิดจริงวุ้ย!

    เอาล่ะ เจ้าฟาโรห์ ครั้งนี้จะตีป้อมหรือโดดร่มดีล่ะกิลกาเมชแคสเตอร์นั่งขอบเตียงหันหน้าไปถามฟาโรห์รามเสสที่ 2 พร้อมหยิบโทรศัพท์รุ่นไอโฟนเคลือบทองขึ้นใช้งาน

    ข้าว่าตีป้อมกันดีกว่านะ เกมโดดร่มเริ่มจะเน่าเต็มทนแล้วไม่ใช่รึโอจิมังเดียสตอบในระหว่างที่กำลังนอนเปิดสมาร์ทโฟนจนแสงไฟสีขาวจากหน้าจอสาดส่องใบหน้าอันผดผ่อง

    การทำตัวเหมือนไม่รู้งานรู้การนี่มันอะไรกันฟะ เท่านั้นยังไม่พอ ตั้งแต่กิลกาเมชใช้ไอแพ็ดครั้งแรกในช่วงซัมเมอร์รอบล่าสุดเขาก็กลายเป็นราชาติดเกมโดยปริยาย ติดอยู่คนเดียวไม่ว่า แต่พาราชาอีกคนร่วมด้วยนี่แบบ...ทำไมก๊านนน!!!

    ฉันพยายามอัดอั้นใจไว้ไม่พูดหรือแสดงความรู้สึกอื่นๆ แล้วเริ่มถามพวกเขาทั้งสองคนอย่างเสียงดังให้ตกใจเล่นตามประเพณี

    “T...Trick or Treat!!”

    ราชาแห่งอุรุคตกใจสะดุ้งและเผลอเปิดเกท ออฟ บาบิโลนเรียกโซ่ตรวนเส้นหนึ่งให้เข้ามาฟาดเอวจนตัวฉันปลิวออกไปข้างๆ แผ่นหลังกระแทกกับกำแพงห้องก่อนที่จะทรุดลงนอนคว่ำหน้าบนพื้น

    ตุ้บ!!

    ขอเวลานอนแกล้งตายภายในห้าวินาทีแป๊บ...

    มะ...มาถึงซอมบี้อย่างฉันก็โดนเล่นงานก่อนเลยเหรอฟะเนี่ย...แอ่ก~”

    ง่าา~ คุณแม่ตายไปแล้วอ่า” < แจ๊ค

    ราชาท่านนี้ไม่ใช่คนแล้ว!!!” < ไรม์กับอบิเกล

    ยูมิเอ๋ย เจ้าเป็นอะไรไปรึเปล่า!” โอจิมังเดียสรีบวางสมาร์ทโฟนลงพร้อมลุกขึ้นออกจากเตียงเพื่อตามสมทบอย่างรวดเร็ว

    จังหวะที่เด็กๆ ทั้งสามบวกฟาโรห์อีกคนกำลังไทยมุงเข้ามาช่วยเขย่าตัวเหมือนกำลังปลุกสติคน(แกล้ง)ตายนั้น กิลกาเมชก็หันหน้ากลับมามองพวกเราพลางขมวดคิ้วจ้องมองอยู่นานนมแล้วค่อยโยนไอโฟนของตัวเองเข้าคลังแสงสีทอง

    หืมม? เจ้าพันทางเองหรอกรึ นึกว่าผีบ้าตัวไหนตะโกนอัดห้องพวกข้าซะอีก

    ท่านเพิ่งจะรู้ตัว!!? ฟาดเอาเต็มๆ ขนาดนั้นยังไม่รู้เรื่องอีก บ้าจริง!

    ฉันเบิกตาขึ้นกว้างเหมือนฉากจั๊มพ์สแกร์ในเกมสยองขวัญแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างอ่อนแรงให้สมบทบาทซอมบี้กินคน(ที่ถูกบังคับจับแต่ง)จนโอจิมังเดียสนั่งเงิบแดกนิดๆ แต่คิดว่าสักพักเขาคงเริ่มเข้าใจบ้างแหละ

    เย้ๆ คุณแม่ฟื้นจากความตายแล้ววพอลูกสาวผมขาวได้เห็นฉันยืนแบบคนปกติปุ๊บก็รีบเข้าสวมกอดแน่นด้วยความดีใจสุดฤทธิ์

    ค่อยโล่งอกไปที ว่าแต่เมื่อกี้เจ้าถามว่า Trick or Treat สินะฟาโรห์ผมน้ำตาลพูดพร้อมเดินไปยังโต๊ะข้างหัวเตียงเพื่อหยิบอะไรบางอย่างก่อนที่จะย้อนกลับมาหาและยื่นให้พลางยิ้มกว้าง เจ้าสิ่งนั้นคือถุงขนมห่อเล็กสีส้มลายฟักทองน้อยน่ารักเว่อร์ งั้นข้ายอม Treat เลยละกัน

    ห๊ะ? เทคเดียวจอดเลยงั้นรึ!?

    ขะ...ขอบพระทัยนะเพคะ ท่านฟาโรห์

    นี่ๆ แล้วของพวกหนูล่ะ ท่านโอจี้แจ๊คเงยหน้าถามร่างสูงแล้วเรียกอาวุธประจำตัวมาฟันรัวๆ จนขึ้น Weak เหนือหัวและมีดาวคริติคอลร่วงเต็มพื้น

    นั่นสิ ท่านกิลกาเมชก็ด้วย ทำไมไม่ยอมให้ลูกอมสักทีอ่าไรม์วิ่งไปนั่งบนเตียงและทุบตีแผ่นหลังราชาแห่งอุรุคที่ยังคงนั่งจับไอโฟนหลายนาที สีหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนจากเฉยๆ กลายเป็นโมโหทีละนิด

    ถ้าท่านไม่ยอมมอบขนม หนูจะทำลายข้าวของในห้องนี้ทิ้งให้ราบคาบน้า~อบิเกลตามสมทบกับแคสเตอร์น้อยพร้อมเรียกหนวดสีขาวออกรอบตัวอีกฝ่ายเตรียมสแตนด์บาย แน่นอนว่าเขาต้องหงุดหงิดเข้าให้จริงจังซะแล้ว

    เอ่อ...งั้นฝากช่วยจัดการเรื่องนี้ทีนะเพคะฉันยืนมองอย่างไร้ทางเลือกก่อนที่จะบอกให้โอจิมังเดียสช่วยจัดการกับกิลกาเมชรวมถึงเด็กๆ ทั้งสามคน จากนั้นจึงเดินออกจากห้องนี้เพื่อเคาะประตูห้องต่อไป

    เอาล่ะ ครั้งนี้ซอมบี้อย่างเราคงต้องขอลุยเดี่ยวบ้างละนะ!

     

    ห้องที่ 2 [ แก๊งค์คูฮูลินน์ ]

    หลังจากได้ขนมมาและขอแยกตัวจากเด็กทั้งสามคนอย่างเงียบๆ แล้ว ฉันก็เดินมาถึงหน้าห้องที่มีป้ายเขียนไว้ว่า Cu’s Room นั่นคือห้องของเหล่าหมาสามช่า(ลบคูจังออกเพราะไม่ได้นอนห้องนี้) การตกแต่งภายนอกยังคงเอกลักษณ์ความเป็นฮาโลวีนเหมือนห้องอื่น แต่ชักไม่แน่ใจว่าภายในจะกาวรึเปล่า

    ทีนี้จะรอช้าอยู่ไย ลองเคาะประตูเรียกคนในห้องเลยละกัน

    ก๊อกๆๆ

    “...”

    เอิ่ม...เงียบกริบ ผิดปกติพิลึก(รอบสอง)

    พอเคาะสามครั้งแล้วยังไม่มีการเปิดต้อนรับจนต้องยืนรอไปประมาณห้าวินาทีปุ๊บ ท้ายสุดก็เริ่มมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นเรื่อยๆ แถมเสียงรองเท้าใครคนนั้นยังดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้ซะด้วย แต่ฉันพยายามคิดแค่สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้เพียงเรื่องเดียว

    ติ๊ด!

    ครืดด~

    เสียงกดปุ่มจากภายในห้องดังพร้อมประตูที่เลื่อนเองอัตโนมัติราวกับห้างสรรพสินค้า ทำเอาเกือบตกใจสะดุ้งอยู่นิดๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว ฉันไม่รีรอให้เสียเวลาเดินเข้าไปก่อนที่จะซักถามตามประเพณี

    “Trick or...Treat!!!?”

    แต่สิ่งที่พบตรงหน้ากลับทำให้การจบประโยคเมื่อครู่ต้องเผลอส่งเสียงดังด้วยความตกใจอย่างแรง เพราะภายในห้องไม่ได้ถูกตกแต่งตามธีมฮาโลวีนอีกแล้ว เตียงนอนหายไปราวกับถูกดูดเข้าหลุมดำ ยิ่งมองดูรอบๆ ปุ๊บแทบกรีดร้องลั่นในใจเลยว่า นี่มันเมดคาเฟ่ชัดๆ ไม่ใช่เรอะ!!

    หนักสุดคือแก๊งค์คูฮูลินน์สามคนที่เปลี่ยนจากชุดเซอแวนท์ดั้งเดิมเป็นชุดเมดคนละรูปแบบ โดยคูแคสเตอร์ใส่แขนยาว-กระโปรงยาวถึงพื้นออกแนวเมดเรียบร้อยเว่อร์จนบางทีแอบคิดว่า ถ้าเขาเผลอเดินเหยียบและสะดุดล้มหน้าคว่ำขึ้นมาจะเป็นยังไง ส่วนคูแลนเซอร์ใส่แขนสั้น-กระโปรงสั้นบวกกับเลคกิ้งสีขาว

    หนักยิ่งไปกว่าสองคนนั้นก็คือคูจังนี่แหละ ธีมสีชุดเหมือนเดิมแต่เป็นชุดแขนสั้น-กระโปรงสั้น ใส่ถุงน่องเผยต้นขาศักดิ์สิทธิ์ หางยังคงติดอยู่ด้านหลัง จุดโฟกัสที่เด่นโคตรๆ อีกอย่างคือแผงอกซึ่งมีลวดลายสีแดงตรงกลางผนวกกับไม่ยอมใส่แบบปิดหัวนมให้มิดชิด

    คือตอนปกติเผยอยู่แล้วก็จริง แต่คุณช่วยยกเว้นชุดเมดหน่อยจะได้ม้ายย!!!


         [ เครดิต : https://twitter.com/mazaki_kei/status/1049434607920107521 ]

    ยินดีต้อนรับกลับนะ นายท่าน!!” คูฮูลินน์ทั้งสามกล่าวต้อนรับตามสไตล์เมดทั่วไปแล้วยิ้มทะเล้น(ยกเว้นคูจังที่ยังคงหน้าเดิม) เล่นเอาขนลุกขนพองแปลกๆ ขึ้นมาทันทีทันใด

    พวกเอ็งนี่แม่มเล่นได้สมบทบาทจริงๆ เลย...

    ว่าแต่ทำไมพวกนายถึงไม่ยอมแต่งธีมฮาโลวีนกันล่ะฉันยืนกอดอกถามด้วยความสงสัยพร้อมพยายามมองหาคูโปรโตไทป์ในชุดพ่อบ้านกับมินิคูจังในชุดเมดน้อย ซึ่งพวกเขากำลังยืนอยู่อีกฟากหนึ่ง

    ไม่ได้แต่งซะที่ไหนเล่า คุณหนูคูแคสเตอร์เอียงคอมองและยิ้มให้เห็นเขี้ยวที่ดูเหมือนจะแหลมกว่าเดิม เพราะแค่มีเขี้ยวอย่างเดียวก็สามารถเป็นแวมไพร์ผู้แฝงตัวในร่างมนุษย์ได้นี่นา

    เอิ่ม...มีเขี้ยวแต่ไม่ได้ใส่ชุดแวมไพร์นี่มันใช่เหรอวะคะ

    เอาน่าๆ ไม่ต้องกังวลไป พวกข้าบริการด้วยอาหารที่เหมาะกับงานฮาโลวีนอยู่แล้ว เอาเป็นว่าช่วยนั่งรออยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวจะบอกโปรโตไทป์ให้ทำขนมสำหรับคุณหนูเป็นพิเศษเลย

    ในช่วงเวลานั้นคูแลนเซอร์ได้เริ่มดันตัวฉันให้นั่งลงบนเก้าอี้คลุมผ้าสีขาว จัดข้าวของบนโต๊ะตรงหน้าก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังโซนทำครัวอย่างไว

    งั้น...ส่วนคูจังที่ยืนนิ่งอยู่นานก็ย่างก้าวเข้ามาหาพร้อมยื่นแผ่นเมนูอาหารให้แล้วหยิบสมุดเล่มเล็กกับปากกาน้ำเงินออกจากเสื้อของตัวเอง เจ้าจะรับเครื่องดื่มแบบไหนดีล่ะ

    ฉันนั่งขมวดคิ้วมองสารรูปเบอเซิกเกอร์หนุ่มที่เตรียมจะจดออเดอร์หลายวินาทีแล้วค่อยหันกลับมาไล่ดูทีละรายการ แน่นอนว่ายังมีแบบธรรมดาทั่วไปปะปนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ ชานม โกโก้ นมเย็น โดยสิ่งที่เพิ่มเข้ามาเป็นพิเศษคือ น้ำแดงธรรมดา(สำหรับกุมารทอง) ค็อกเทลสีเลือด ยาพิษแม่มด น้ำพั้นช์ฮาโลวีน แวมไพร์ค็อกเทล สุดท้ายคือ ซอมบี้ค็อกเทล

    อะไรกันฟะ...อุตส่าห์ได้เจอเครื่องดื่มที่เหมาะกับฉันในร่างซอมบี้แล้ว ทำไมมันต้องเป็นค็อกเทลด้วยล่ะเนี่ย

    เอ่อ...อะ...เอาเป็นนมเย็นปั่นดีกว่านะ

    รับทราบคูจังเริ่มจับปากกาเขียนออเดอร์เมื่อครู่บนสมุดเล่มเล็กอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบจนบางทีก็แอบคิดว่านี่เมดหรือหมอกันแน่ จากนั้นก็ค่อยๆ มุ่งหน้าไปยังโซนครัวพร้อมพูดทิ้งท้ายไว้ว่า นั่งรอตรงนั้นก่อนนะ นายท่าน

    ฉึ่ก!!

    มะ...ไม่จริง! ดาเมจจากการพูดคำว่านายท่านต่อหน้าฉันนี่มันอะไรกัน ช่างปักอกปักใจเหลือเกิน พุ่งทะลุทะลวงแรงยิ่งกว่าหอกเกโบล์กซะอีก

    อ่า~ อยากแกล้งตายอีกสักรอบจัง แต่อย่าทำในห้องนี้เลยน่าจะดีกว่า

     

    ผ่านไปหลายนาที

    ขอโทษที่ให้รอนานนะ นายท่านคูแลนเซอร์เดินเข้ามาหาพร้อมถาดเสิร์ฟขนม-เครื่องดื่มตามที่สั่งไว้ เขาค่อยๆ วางบนโต๊ะอย่างเบามือแล้วหยิบจานขนมมาการองลายฮาโลวีนและแก้วนมเย็นปั่นออกจากถาดให้ตรงหน้า

    คือมันน่ากินมาก!! คูโปรโตไทป์ไปหัดทำขนมจากใคร ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

    โอ๊ะ! ทำมาเยอะดีนี่นา โปรโตไทป์ ถ้านั่งกินร่วมกันคงเป็นช่วงเวลาที่ดีไม่น้อยเลยล่ะคูแคสเตอร์หันมองจานมาการองด้วยแววตาอันลุกวาวเล็กน้อยก่อนที่จะเดินมานั่งตรงข้ามกับฉัน

    ก็นะ ข้าตั้งใจว่าจะทำเพื่อให้พวกเจ้าได้กินขนมกับคุณหนูอยู่แล้วนี่นาพ่อบ้านฝ่ายทำครัวล้างมือจนสะอาดพร้อมตามมานั่งฝั่งซ้ายของโต๊ะ

    เยี่ยมไปเลย! งั้นในระหว่างนี้ข้าขอกินขนมด้วยละกันพลหอกน้ำเงินยิ้มกว้างพลางเดินเข้ามาร่วมฝั่งตรงข้ามกับพลหอกอีกคน

    ถ้าพวกเจ้ารวมตัวกันขนาดนั้น ข้าเองก็จะนั่งด้วยคูจังยอมร่วมโต๊ะกับเหล่าคูทั้งสามโดยการนั่งข้างๆ ฉันชนิดที่ว่าค่อนข้างใกล้ชิด

    เดี๋ยวนะ...แล้วพวกเอ็งไม่ทำงานต่อรึไงนิ!!

    ก่อนที่จะได้ถามแบบนั้นออกไป คูแลนเซอร์ก็อธิบายว่าเดี๋ยวต้องรอเวลาประมาณสามทุ่มก่อน (ซึ่งตอนนี้เพิ่งสองทุ่ม) เพราะเหล่านักวิจัยเวทกำลังทำงานอยู่ อีกทั้งยังรอดา วินชี่ มาชูหรือเซอแวนท์คนอื่นๆ ที่ว่างงานมาแวะเวียนด้วย

    ยะ...อย่างนี้นี่เอง

    อย่างที่ว่าไปนั่นแหละ อ้อ...และก็เรื่อง Trick or Treat ของเจ้าน่ะ พวกข้ายอม Treat เลยละกันคูแคสเตอร์พูดพร้อมยิ้มกว้างแล้วหยิบขนมมาการองชิ้นหนึ่งขึ้นมากินอย่างยั่วยวน

    ในจังหวะที่ฉันกำลังกินขนมชิ้นที่ห้า คูจังก็สะกิดแขนให้หันไปจ้องหน้ามองตาแล้วเริ่มส่งโทรจิตบอกสิ่งต่อจากนี้

    ยูมิ พอร่วมกิจกรรม Trick or Treat จนถึงช่วงเที่ยงคืนแล้ว อย่าเพิ่งนอนนะ รอให้ข้าทำงานเสร็จและกลับมายรูมมาหาเจ้าก่อน

    เอ๊ะ? ละ...แล้วถ้าฉันง่วงนอนก่อนล่ะ

    ไม่ได้...เด็ดขาด อีกอย่าง...อย่าเพิ่งเปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาด้วย เพราะงั้นช่วยใส่แบบนั้นต่อไปจนกว่าพวกเราจะได้นอนด้วยกันเถอะ

    ชิบละ ซอมบี้อย่างฉันกำลังถูกข่มขู่โดยเมดหนุ่มอัลเตอร์อยู่งั้นเหรอเนี่ย!

    ใครก็ได้ช่วยหยุดยั้งความคอมมิวนิสต์ในใจเขาที ฮืออ...


    ห้องที่ 3 [ เซอแวนท์ญี่ปุ่น ]

    ให้ตายเถอะ...ช่างเป็นการเลี้ยงขนมที่นานจริงๆ เลยเชียว เพราะคูฮูลินน์ทั้งสี่บวกมินิคูจังพากันชวนคุยเยอะจนถึงเวลาทำงาน โดยเฉพาะเรื่องผีนี่เน้นจัด เน้นยิ่งกว่าตอนรวมกลุ่มเล่าเรื่องช่วงตีสามหลายเท่า และตอนนั้นพวกเขายังอุตส่าห์ช่วยสร้างบรรยากาศหลอนๆ ด้วยการปิดไฟห้องพร้อมจุดเทียนหนึ่งเล่มปักกลางโต๊ะอีก

    พอออกจากห้องปุ๊บ สายตาของฉันเริ่มมองเห็นแต่บรรยากาศแห่งความสยองขวัญ วิญญาณสาวสีขาวล่องลอยตามมาหลอกหลอนพร้อมกับเสียงหัวเราะจากโคมไฟฟักทองหน้าห้องที่ดังคลอระหว่างทาง ทำเอารู้สึกขนลุกขนพองทั่วแขน คือทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นซอมบี้แต่กลับหวาดกลัวเองซะงั้น

    อืมม...เอาเป็นว่าลองไปอีกสักหนึ่งห้องพอละ

    ว่าจบซอมบี้สุดเตี้ยและโทรมก็เดินตามหาห้องสุดท้ายเพื่อขอขนมจากกิจกรรม Trick or Treat ซึ่งยอมทนเดินเอื่อยๆ โซซัดโซเซจนแทบล้มนอนตามสไตล์ผีดิบผู้เพิ่งตื่นจากความตาย เอาให้มันรู้กันไปว่าฉันนี่แหละคือสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดในคืนนี้! (รึเปล่า)

    พอเดินไปเรื่อยๆ หลายวินาที จึงได้พบกับห้องใหม่เกือบสุดทางเดิน ข้างบนเหนือประตูมีป้ายแปะไว้ว่า 日本人 (คนญี่ปุ่น) ส่วนการตกแต่งภายนอกยังคงเอกลักษณ์ความเป็นฮาโลวีน แต่ถ้าภายในไม่ยอมมีธีมสีส้มหรือเหล่าภูตผีอีก จะขอสรุปรวบยอดเลยว่าห้องอื่นๆ ต้องกาวด้วยทั้งหมด

    ทีนี้จะรอช้าอยู่ไย ลองเคาะประตูเรียกคนในห้องเลยละกัน

    ก๊อกๆๆ

    “...”

    เอิ่ม...เงียบกริบ ผิดปกติพิลึก(รอบสาม)

    ถามจริงเหอะ ไอ้คนพวกนี้มันเป็นง่อยกันทั้งคาลเดียรึไงฟะ!!

    พอเคาะสามครั้งแล้วยังไม่มีการต้อนรับจนต้องยืนรอไปประมาณห้าวินาทีปุ๊บ ท้ายสุดก็ต้องจำยอมยื่นมือออกเปิดประตูเองอย่างเบาๆ สายตากวาดมองทั่วห้องจนกระทั่งความเงิบแดกได้บังเกิด!!

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

    เสียงบทสวดมนต์ดังจากเครื่องวิทยุสีดำพร้อมเหล่าเซอแวนท์ญี่ปุ่นอย่างมุทสึโนะคามิ มิทสึทาดะ โคทาโร่ อิโซ โอเรียว เรียวมะ และชูเท็นกำลังนั่งท่าเทพบุตร-เทพธิดาเรียงหน้ากระดานพลางยกมือไหว้โฮโซอิน อินชุน [แลนเซอร์] ผู้เปรียบเสมือนหลวงพี่ประจำคาลเดียคนใหม่ แน่นอนว่าตอนนี้เขากำลังบ้าจี้สวมบทบาทอย่างเหมาะสมด้วยการแยกร่างและนั่งขัดสมาธิถือใบตาลปัตรตั้งขึ้นบังหน้า

    ส่วนสภาพห้องนี่อย่าให้บรรยายเยอะนักเลย เพราะมันคือโบสถ์ในวัดเมืองไทยดีๆ นี่แหละ!!

    ถ้าจะจัดเต็มขนาดนี้ พวกเอ็งช่วยไปสลับป้ายหน้าห้องให้เป็น タイ人 (คนไทย) เถอะนะ

    อะ...อ๊ากกกกก!!!”

    ในจังหวะนั้น ฉันเริ่มเปลี่ยนความคิดจากถาม Trick or Treat เป็นการสวมบทบาทภูตผีวิญญาณหลอน กรีดร้องประหนึ่งถูกน้ำมนต์สาดทั้งที่ยังไม่มีอะไรปะทะร่างกายสักอย่าง มือไม้สองข้างยกขึ้นกุมหัวตัวเอง ขาสั่นระริกไปมาจนทรุดลงคุกเข่าก่อนที่จะล้มนอนคว่ำหน้าบนพื้น

    แอ่ก~

    ขอเวลาแกล้งตายอีกสักสิบวินาทีละกัน...

    พอลองเหล่ตามอง พบว่าเหล่าสาวกชาวพุทธ(?)ต่างหยุดสวดมนต์กันทั้งแถวแล้วรีบเข้ามาไทยมุงอย่างรวดเร็ว จับเขย่าตัวปลุกสติบ้าง สวดมนต์หรือจ่อสร้อยพระใส่บ้าง หนักยิ่งกว่าคือใช้บทสวดมนต์สำหรับคนตาย!

    สต๊อป!! ตูยังหายใจอยู่ ไม่ได้ตายเฟ้ย!!” ฉันรีบเบิกตากว้างเหมือนฉากจั๊มพ์สแกร์ในเกมสยองขวัญพร้อมลุกขึ้นนั่งด้วยความรวดเร็วและสั่งให้หยุดการกระทำดังกล่าว ณ บัดดล 

    ถึงจะแต่งตัวเป็นผี แต่มันก็ไม่ใช่วิญญาณทั่วๆ ไปสักหน่อยนะ!

    โอ๊ะ! นายท่านฟื้นจากความตายแล้ว แสดงว่าบทสวดเมื่อกี้ได้ผลจริงๆ สิน้อมุทสึโนะคามิหันมายิ้มแฉ่งหลังจากเก็บสมุดสวดมนต์เล่มสีน้ำเงินเข้าเสื้อตัวเองเรียบร้อย

    ในสมุดเล่มนั้นมันมีบทสวดคนตายด้วยเหรอฟะ...

    แหม...อย่าใส่ใจเรื่องนี้นักเลย นายท่าน พวกข้าแค่อยากลองอะไรใหม่ๆ จากเมืองไทยเท่านั้นเองมิทสึทาดะยกมือขึ้นลูบหัวเล่นเบาๆ แล้วเดินไปหยิบขวดน้ำส้มขนาดเล็กให้จากบนโต๊ะริมห้อง

    ระหว่างนั้นเอง โอเรียวก็ชวนเรียวมะคุยเรื่องฮาโลวีน เธอบอกว่าอยากลองแต่งคอสตูมผีสักตัวบ้าง ส่วนชูเท็นเสกน้ำเต้ากับจอกเหล้าไว้บนพื้นเพื่อดื่มด่ำหลังพิธีกรรมทางศาสนา แถมยังชวนโคทาโร่ อิโซและอินชุนให้ร่วมวงด้วยกัน

    แต่...เดี๋ยวนะ พวกเอ็งเพิ่งจะสวดมนต์เสร็จ ผ่านไปแป๊บๆ ชวนกินเหล้าเลยงั้นเรอะ!!

    .

    ..

    ...

    ....

    .....

    ผ่านไปห้านาที

    เอิ่ม...โอเรียว

    หืมม? มีอะไรงั้นรึ มาสเตอร์

    ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะ Trick or Treat แค่อย่างเดียวเองนะ

    แล้วยังไงต่อล่ะ

    ยังไงต่อบ้าบออะไรเล่า! ก็เธอกำลังจับฉันห่มผ้าขาวอยู่นี่ไง!”

    ซวยกว่านี้มีอีกมั้ยคะ คือครั้งที่แล้วถูกดา วินชี่กับมาชูแต่งเป็นซอมบี้กินคนตามคำขอของอบิเกล พอถึงรอบนี้โอเรียวก็ลากเข้าห้องแต่งตัว เธอพยายามจับถอดชุดอันขาดลุ่ยออกและหยิบผ้าขาวในตู้เสื้อผ้ามาห่มรอบตัว

    เท่านั้นยังไม่พอ เธอยังนำพากลับห้องเดิมแล้วบอกให้นั่งขัดสมาธิถือใบตาลปัตรตั้งขึ้นร่วมกับอินชุน จากนั้นจึงเรียกรวมตัวให้ทุกคนนั่งเรียงหน้ากระดาน เปิดเครื่องวิทยุ วางถาดขนมนมเนยไว้ตรงหน้า หยิบสมุดเล่มสีน้ำเงินออกเปิดหน้ากลางและเริ่มทำการสวดมนต์ต่อ

    อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุโน ภันเต ภิกขุ สังโฆ อิมานิ ภัตตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคัณหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ

    เหล่าเซอแวนท์ญี่ปุ่นนั่งพับเพียบสวดคำถวายสังฆทานประจำเมืองไทยอัดใส่ฉัน(ซึ่งจู่ๆ กลายเป็นแม่ชีโดยไม่ได้ตั้งใจ)หลายวินาทีจนจบบท พวกเขายกถาดขนมขึ้นประเคนด้วยความพร้อมเพรียงแล้วค่อยร่วมใจกันพูดว่า

    ฮาโลวีนครั้งนี้ ข้าขอยอม Treat ละกัน!!!”

    อะฮ่าๆๆๆๆ ขอบพระคุณหลายๆ ค่ะ ทุกท่าน

    คุณผู้อ่านรู้มั้ย...ภายในลมปากที่หัวเราะออกไปเมื่อกี้น่ะ มันแฝงด้วยน้ำตาที่ไหลรินอยู่ไม่น้อยเลย

    แม่มเอ๊ย...พวกเอ็งนี่มันเมากาวหนักเกินไปแล้วนะเฟ้ยยยย!!!


    หลังจบกิจกรรม ]

    เวลา 23.55 น.

    อืมม...ใกล้ง่วงเต็มทนแล้วอ่า เมื่อไหร่คูจังจะทำงานเสร็จล่ะเนี่ยย

    ตัวฉันในคอสตูมซอมบี้กินคนนั่งๆ นอนๆ รอเซอแวนท์ของตัวเองพร้อมมองเหล่าขนมหรือกล่องนมในถุงหลากสีที่ดันได้มาเพิ่มจากเหล่านักวิจัยเวท ซึ่งพวกเขาเดินผ่านไปมาเพื่อแวะเวียนห้องกิจกรรมต่างๆ รวมถึงเมดคาเฟ่ของแก๊งค์คูฮูลินน์สี่ช่า

    บางกลุ่มเล่าให้ฟังว่าเป็นคาเฟ่ที่ดีมาก ขนมและเครื่องดื่มอร่อยถูกปาก งานบริการดีต่อใจ เพราะนอกจากจะได้อาหารตาจากรูปลักษณ์เซอแวนท์หนุ่มในชุดเมดแล้ว ยังรู้สึกถึงความแปลกใหม่ที่เติมเต็มสีสันภายในคาลเดียอีกด้วย

    อืมม...มันก็จริงแฮะ พวกเขาแต่งตัวได้เหมาะสมอย่างคาดไม่ถึงเลยล่ะ ยกเว้นเบอเซิกเกอร์หนุ่มคนเดียวที่แอบตงิดเรื่องท่อนบนอ่ะนะ

    ตึก...ตึก...ตึก

    ช่วงที่กำลังจะหลับตาลงนอนรอ เสียงรองเท้าส้นสูงได้ดังขึ้นจากหน้ามายรูมขัดจังหวะพอดี ฉันค่อยๆ ขยี้ตาตัวเอง ลุกขึ้นออกจากเตียงและเดินไปต้อนรับคนๆ นั้น พอยื่นมือจับเปิดประตูปุ๊บแทบสะดุ้งโหยง เพราะคนตรงหน้าคือคูจัง...ที่ยังใส่ชุดเมดอยู่!!

    ข้าทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะเขาพูดพร้อมเดินเข้ามาข้างในแล้วจูงมือพาไปนั่งพักบนเตียง

    เอ่อ...อื้ม เหนื่อยหน่อยเนอะ

    ในจังหวะนั้น ฉันคิดได้ว่าต้องรีบหาอะไรสักอย่างให้กินเพื่อช่วยในการเติมเต็มพลังงาน แต่กลับถูกอีกฝ่ายรั้งไว้และส่ายหน้าสองรอบเชิงปฏิเสธ ต่อมาหางใหญ่ของเขาก็ค่อยๆ สลายหายไป มือขวาที่กำลังรั้งข้อมือเริ่มออกแรงดึงเข้าหา ส่งผลให้ร่างของฉันล้มนอนทับอยู่ข้างบน

    อ๊ะ!?”

    นี่...ซอมบี้ตัวน้อย คืนนี้เจ้าได้ลิ้มลองเนื้อของผู้คนบ้างรึยัง

    คูจังยกมือขึ้นจับท้ายทอยให้ใบหน้าซุกลงบนไหล่ซ้าย มืออีกข้างที่ว่างยื่นมาโอบรอบเอว เหมือนกับว่าเขากำลังจงใจปล่อยเนื้อปล่อยตัวยอมถูกซอมบี้กัดกินเนื้อหนังขาวๆ ของตัวเอง

    คะ...คูจัง จู่ๆ เป็นอะไรไป...

    “...”

    เบอเซิกเกอร์หนุ่มในชุดเมดเงียบปากและทำการเป่าลมหายใจรดใบหูข้างซ้ายยั่วยวนให้รู้สึกสะดุ้ง ใจเต้นรัว จากนั้นจึงพยายามกระซิบบอกให้ลองสวมบทบาทในตอนนี้ ฉันเริ่มอดกลั้นไว้ไม่อยู่จนกระทั่งค่อยๆ อ้าปากออกงับลงเบาๆ

    งั่บ!

    “...”

    ยังคงเป็นซอมบี้ฝึกหัดอยู่สินะ...ถ้างั้นเดี๋ยวข้าจะสาธิตให้ดูละกัน

    อีกฝ่ายพูดจบก่อนที่จะเริ่มยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ไหล่ขวาพร้อมอ้าปากออกแล้วฝังเขี้ยวลงลึก ทำเอาซอมบี้อย่างฉันต้องร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด แต่ลึกๆ กลับรู้สึกดีแปลกๆ ต่อมาเลือดสีแดงก็ไหลทีละนิด เขาใช้ลิ้นอุ่นโลมเลียจนเกือบหมดและปล่อยให้น้ำลายเปรอะเปื้อนอยู่แบบนั้นต่อไป

    จะ...เจ็บอ่า...

    เอาล่ะ ทีนี้ตาเจ้าแล้ว พยายามกัดให้เกิดรอยชัดเจนที่สุดนะ

    ตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา ฉันกับคูจังก็เริ่มบทเรียนเกี่ยวกับการกินเนื้อมนุษย์ของซอมบี้ตลอดทั้งคืน แถมยังจริงจังยิ่งกว่าทบทวนหนังสือในห้องเรียนซะด้วย ถามว่าจะเอาไปสอนหรือไล่กัดใครมั้ย...

    คำตอบคือไม่ใช่ พวกเราเรียนไว้เพื่อกัดกันเองในภายหลังนี่แหละ!!(?)

    [ To be continued ]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×