คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : เกิดอาการแปลกๆ จากศึกชาเล้นจ์
เกิดอาการแปลกๆ จากศึกชาเล้นจ์
----------------------------------------------------
ณ คาลเดีย
หลังจากได้เดินทางกลับด้วยประตูของโดเรม่อนของดา
วินชี่แล้ว ทั้งฉันและแก๊งค์หมาสี่ช่า(ไม่มีคูจัง)ก็พากันนั่งพักที่ห้องครัวเพื่อหาของกินมาเติมพลังเวทเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งแน่นอนว่าเอมิยะยังเป็นคนเฝ้าครัวอยู่เช่นเดิม
เขามองพวกฉันสักพักก่อนที่จะเปิดตู้เย็นเตรียมหยิบวัตถุดิบทำอาหารให้
“ทีนี้ก็...เล่าเรื่องอาการประหลาดนั่นของมาสเตอร์ได้แล้วสินะ มุทสึโนะคามิ” คูแคสเตอร์นั่งตรงข้ามมุทสึโนะคามิและฉันพร้อมเริ่มการสนทนาด้วยเรื่องที่ไม่อยากจะนึกถึงเลย
“อ้อ...เรื่องนั้นสิน้อ” ดาบหนุ่มลูบหัวฉันก่อนที่จะเปิดปากเล่าให้ฟัง
“นายท่านเคยเป็นโรคลมชักมาก่อน
ออกอาการครั้งแรกเมื่อสมัยเป็นซานิวะมือใหม่ที่ฮงมารุ เพราะช่วงนั้นนางยังอยู่ในวัยเรียนมัธยมปลายแล้วมีการบ้านเยอะพอสมควร
บวกกับสภาพสังคมในโรงเรียนที่ไม่ดีสักเท่าไหร่
แล้วยิ่งตอนกลับมาก็ต้องดูแลงานในฐานะซานิวะต่ออีก เลยทำให้มีปัญหาทางจิตตามด้วย”
“โรคลมชัก? จะว่าไปมาสเตอร์ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้พวกข้าฟังเลยแฮะ
แถมยังไม่เคยแสดงอาการให้เห็นด้วย” คูแลนเซอร์นั่งเท้าคางมองมาทางฉันอย่างสงสัย
“อาจจะหายดีแล้วก็ได้มั้ง...แลนเซอร์ แต่เห็นเจ้ามุทสึโนะคามิบอกว่า ‘ถ้าไม่ตั้งสติ อาการแปลกๆ นั่นจะเกิดขึ้นอีกรอบ’
แปลว่ายังเสี่ยงต่อการเป็นลมชักอีกสินะ”
“ใช่แล้ว...โปรโตไทป์ ถึงจะได้รับการรักษาแล้ว ข้าก็ยังกังวลอยู่เหมือนเดิม เพราะงั้นพวกเจ้าอย่าทำให้นางเครียดหนักไปมากกว่านี้เด็ดขาดล่ะ” ดาบหนุ่มตักเตือนคูที่เหลือพร้อมลูบหัวฉันอีกรอบ
“อา...ขอบใจมากที่เตือนเรื่องนี้ให้พวกข้า
ถ้าไม่มีเจ้าอยู่ด้วย คงไม่รู้เรื่องนี้ต่อไปแน่ๆ”
คูแคสเตอร์ยิ้มเล็กพร้อมพูดขอบคุณให้อีกฝ่าย
“แต่ว่าฉัน...ยังมีเรื่องค้างคาใจอยู่เลย ไม่ว่ายังไงก็ต้องเคลียร์มันให้ไวที่สุดน่ะ”
พอนึกถึงหน้าของคูจัง ฉันค่อยๆ ก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วกุมมือตัวเองเอาไว้
ในหัวเอาแต่คิดกังวลว่า ถ้าไปคุยด้วยจริงๆ เขาจะยอมยกโทษให้รึเปล่า
ในขณะเดียวกัน เอมิยะได้ทำอาหารเสร็จพอดี เขาเดินมาแล้ววางถาดใบใหญ่บนโต๊ะซึ่งมีจานสลัดทูน่ารวมทั้งสิ้นห้าจาน รวมไปถึงแก้วน้ำเปล่าด้วย เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงค่ำ จึงได้ทำเมนูกินง่ายและดีต่อสุขภาพ ต่อจากนั้นเขาเดินกลับไปเก็บของครัวให้เป็นระเบียบก่อนที่จะนั่งเฝ้าตรงมุมห้อง
“จะทานแล้วนะครับ/คะ!!!” และพวกเราทั้งห้าคนก็เตรียมตัวกินสลัดทูน่าจานนี้กันอย่างสงบ
ฉันจำเป็นต้องกินให้เร็วที่สุดเพื่อให้ได้ไปเคลียร์ปัญหา
ปรับความเข้าใจกับคูจัง โดยหวังไว้ว่ามันจะเป็นไปได้ด้วยดีพร้อมกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป คงจะฟุ้งซ่าน
ไม่เป็นงานเป็นการแน่ๆ
ฉันทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้คูจังได้เป็นเบอเซิกเกอร์ที่แข็งแกร่งที่สุด
เขาเป็นความหวังในการต่อสู้ที่สำคัญที่สุดมาโดยตลอด
เปรียบเหมือนหอกคอยปกป้องชีวิตจากเหล่าศัตรูทั้งหลายจนถึงทุกวันนี้...
ฉะนั้น...ปล่อยไว้ต่อไปไม่ได้จริงๆ
ผ่านไปห้านาที
หลังจากที่ได้กินอาหารเย็นจนหมดแล้ว
ฉันขอตัวออกจากห้องครัวโดยไม่บอกให้คูฮูลินน์ทั้งสามและมุทสึโนะคามิตามหลังมา เพราะต้องการปรับความเข้าใจกับคูจังแค่สองคนเท่านั้น
ฉันเป็นฝ่ายผิดสำหรับเขา ส่วนคนที่เหลือไม่ผิดเลย แล้วถ้าการพูดคุยครั้งนี้ไม่ได้ผล
ก็คงต้องจำใจยอมรับชะตากรรมต่อจากนี้ต่อไป
พอเดินมาถึงหน้ามายรูมแล้วค่อยๆ เปิดประตูออกพร้อมกวาดสายตามองทั่วห้อง พบคูจังที่กำลังนั่งพิงกำแพงบนพื้นห้องอย่างนิ่งเงียบ ฉันสูดหายใจเข้าออกลึกๆ
ไปประมาณสองสามรอบก่อนที่จะเดินมุ่งเข้าไปหาเขา
“เอ่อ...คูจัง...”
“...?”
คนตรงหน้าหันมามองด้วยสีหน้านิ่งเรียบแล้วเตรียมฟังสิ่งที่กำลังจะได้พูด
“เรื่องศึกในชาเล้นจ์ล่าสุดน่ะ...ขอโทษนะ ฉันเป็นฝ่ายผิดเองที่ไปร่วมสู้ด้วยไม่ทัน ยิ่งตอนนั้นเผลอใช้กันด์ใส่บิลลี่ก่อนที่จะจัดการเขาไปแล้ว เรย์จูก็ไม่ได้ใช้เติมพลังเวทให้จนต้องตายกลับมาที่นี่อีก”
ฉันพูดไปก้มหน้าลงไปด้วยความสำนึกผิดพร้อมกุมมือตัวเองอย่างแน่น ซึ่ง
“...”
“ตะ...แต่ก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว ฉันดีใจมาก ถ้าไม่มีอยู่เคียงข้างด้วย...คงไม่มีทางเอาชนะศัตรูต่อไปจนจบและกลับมาที่นี่อย่างปลอดภัยแน่ๆ” มือเริ่มยื่นออกไปหวังที่จะแตะไหล่เขา แต่...
“...”
“คู...จัง...?”
สิ่งที่ฉันได้รับกลับมาคือ เขาหันหน้าหนีโดยไม่มีการพูดตอบประโยคใดๆ ให้รับรู้แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องโดยไม่สนใจแม้แต่จะหันมามอง
“...”
ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมยกโทษให้เลย แบบนี้คงต้องจำใจสู้คนเดียวแล้วแหละ...
หากว่าถึงตอนที่เหล่าเซอแวนท์ตายกลับมาหมดทุกคนในทีม ฉัน...ต้องอยู่ด้วยตัวคนเดียว
“ทำไมกัน...ทำไมฉันต้องมาเป็นตัวก่อปัญหาแบบนี้ เขาควรให้โอกาสและฟังฉันบ้างสิ...”
หลังจากคาดหวังกับผลลัพธ์อีกแบบมากเกินไปจนกลัวกะทันหัน ในหัวเริ่มเกิดการประมวลผลแปลกๆ รวมถึงมีความรู้สึกวูบๆ ภายในท้อง เหมือนมันกำลังบ่งบอกว่า เคยพบเจอเหตุการณ์นี้มาก่อนแล้ว ทั้งที่เพิ่งเป็นครั้งแรก ฉันรีบเตรียมทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้เกิดอาการผิดปกติกับร่างกายตัวเอง
“ไม่จริง...เหตุการณ์เพิ่งเกิดเมื่อกี้เอง! ไอ้เดจาวู! แกอย่ามาโกหกฉัน...!!”
พอได้เดินออกจากมายรูมไม่กี่ก้าว สติของฉันยังมีครบถ้วนและรู้สึกว่า ปากเริ่มอ้าออกเองพร้อมเสียงที่เปล่งคล้ายจะขาดอากาศหายใจโดยไม่สามารถพูดอะไรได้เลย มือขวาปิดมันไว้จนสัมผัสถึงน้ำลายที่ไหลออกมา มือซ้ายจับกลางอกเสื้อตัวเองไว้แน่นด้วยความทรมาน ทั้งแขนขารู้สึกชาไปหมดจนต้องล้มลงพื้น
มันเริ่มกลับมาหลอกหลอนอีกแล้ว...สิ่งที่เรียกว่า เดจาวู...ตัวก่อเกิดอาการลมชักกำเริบ!!
[ มุมมองที่ 3 ]
ยูมิเงยหน้ามองพร้อมคลานไปอย่างหมดแรง สายตาจับจ้องแต่คูฮูลินน์อัลเตอร์ที่กำลังเดินออกอย่างช้าๆ
มือซ้ายเริ่มยื่นออกหวังขอความช่วยเหลือทั้งที่รู้ดีว่าเขาจะไม่เห็น ด้วยการที่เป็นลมชักกำเริบ
เธอจึงไม่สามารถเรียกเขากลับมาได้ตอนนี้
ช่วยด้วย...คูจัง...
“ยูมิ!! เจ้าเป็นอะไรไป!!”
ในขณะเดียวกันก็ได้มีใครบางคนวิ่งเข้ามาจากข้างหลัง
และเจ้าของเสียงเรียกที่โดดเด่นคนนั้นคือ ฟาโรห์รามเสสที่ 2 โอจิมังเดียส เขาคุกเข่าลงพร้อมยกตัวเธอให้นอนในอ้อมแขนแล้วพยายามไถ่ถามอาการ
แต่มาสเตอร์สาวพูดตอบกลับไปไม่ได้นอกจากออกเสียงร้องในลำคอคล้ายขาดอากาศหายใจก่อนที่จะเริ่มเอานิ้วโป้งมือขวาจ่อที่ปากตัวเองหวังกัดมันแทนลิ้น
ตึกๆๆๆ
“อย่าปล่อยให้นางทำเช่นนั้นเด็ดขาดนะ!!” มิทสึทาดะที่เดินสวนทางคูอัลเตอร์บังเอิญพบเจอพอดี
จึงได้วิ่งเข้ามาข้างหน้าแล้วจับมือของคนตรงหน้าออกจากปากเพื่อเลี่ยงไม่ให้กัดเข้าไป
“นายท่าน!! ทำใจดีๆ แล้วตั้งสติไว้นะ!!”
ในเบื้องหลังเหตุการณ์นี้ มีเหล่าเด็กๆ อย่างแจ๊ค ไรม์
และอบิเกลที่พบเห็นเข้า พวกเธอจึงรีบแยกกันตามหาคนที่มีความผูกพันกับยูมิอย่างเมเดีย
เอมิยะ เหล่าคูฮูลินน์ โคทาโร่ มุทสึโนะคามิ อราช และกิลกาเมชแคสเตอร์ โดยอบิเกลขออาสาไปเรียกคูอัลเตอร์ด้วยตัวเอง
“ยังไงก็ช่วยพานางเข้าไปนอนพักที่ห้องก่อน ปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่”
มิทสึทาดะบอกกับโอจิมังเดียสพร้อมเปิดประตูมายรูมให้
อีกฝ่ายพยักหน้าตกลงแล้วอุ้มยูมิขึ้นก่อนที่จะเดินไปอย่างไว จากนั้นเขาก็วางร่างเธอลงบนเตียง มือหนาได้ยื่นเข้ามาแตะบนหน้าผากไว้เพื่อตรวจเช็คอาการ
“หือ? นางเป็นไข้ด้วยนี่...ต้องรีบหาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวและยาแก้ไข้ซะแล้วสิ”
ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเพื่อรีบมุ่งหน้าไปห้องพยาบาล แต่ในระหว่างนั้น เขากลับพบเหล่าเซอแวนท์ที่เด็กๆ
ได้เรียกมาทั้งหมด ดังนั้นจึงเริ่มมอบหมายให้แต่ละคนช่วยพากันหาผ้าเช็ดตัว กะละมังใบเล็กใส่น้ำ
ยาแก้ไข้และน้ำเปล่าอย่างเร่งด่วน
ทุกคนได้ให้ความร่วมมือหมดยกเว้นคูอัลเตอร์และกิลกาเมชแคสเตอร์ที่ยังคงยืนมองนิ่งๆ
พวกเขาเริ่มเดินเข้าไปหามาสเตอร์สาวเพื่อดูอาการ
ทางฟาโรห์ขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัยก่อนที่จะปล่อยให้อยู่ด้วยแต่โดยดี
ยูมิค่อยๆ ตั้งสติ
หายใจเข้าออกเต็มปอดแล้วเริ่มหยุดแสดงอาการแปลกๆ เมื่อครู่
แต่สิ่งที่เธอได้รับต่อมาคือ ความอ่อนเพลียทั่วทั้งร่างกาย เวลายกมือขึ้นจะยกไม่สุดแรง เวลาพูดจะเปล่งเสียงได้ไม่ชัดเท่าที่ควร
เธอพยายามยกมือขวาขึ้นพร้อมยื่นออกไปหาทางคูอัลเตอร์
คูจัง...ขอร้องล่ะ...อย่างน้อยๆ
ก็จับมือฉันให้รู้สึกสบายใจที...
“คู...จัง...”
“...”
“ไม่ได้ยินที่นางเรียกรึไง...คูฮูลินน์
ข้าไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าสองคน และก็ไม่อยากจะยุ่งด้วย แต่ขอเถอะ...อย่าปล่อยให้นางไม่สบายใจแบบนี้ต่อไปได้มั้ย”
โอจิมังเดียสกอดอกพูดด้วยความไม่พอใจในการกระทำของอีกฝ่าย
“ให้ตายเถอะ...ยุ่งยากชะมัด”
เขาแอบหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนที่จะยื่นมือขวาไปจับมือหญิงสาวไว้ ความร้อนผ่าวจากไข้ของเธอได้แผ่มาทั่วมือ
ถึงจะรู้สึกเช่นนั้นแต่ก็ไม่คิดจะเปิดปากถามเลยสักคำ
“ขอบคุณ...นะ...” เธอพูดอย่างอ่อนแรงพร้อมยิ้มบางๆ
น้ำตาไหลลงมาต่อเพราะทรมานกับอาการลมชักกำเริบ ความรู้สึกวูบๆ
ในท้องยังคงวนเวียนไปเรื่อย จึงทำให้พูดประโยคที่ยาวกว่านี้ไม่ได้
“มันเกิดอะไรขึ้นงั้นรึ...เจ้าพันทาง” กิลกาเมชนั่งกอดอกพร้อมไขว่ห้างแล้วเริ่มถามมาสเตอร์สาวด้วยความสงสัย
ในขณะเดียวกัน เหล่าเซอแวนท์ที่เหลือได้เตรียมของตามที่โอจิมังเดียสได้มอบหมายเป็นที่เรียบร้อย
พวกเขาจัดวางของเอาไว้บนโต๊ะโดยเอมิยะเริ่มชุบผ้าผืนเล็กในน้ำพร้อมเดินเข้ามาเช็ดหน้าผากและลงมาตามคอของหญิงสาว
ในระหว่างนั้น เขาก็สังเกตเห็นคราบน้ำตาบางๆ จึงได้เช็ดออกให้อย่างอ่อนโยน
“เอาล่ะ...ไหนๆ ทุกคนก็รวมตัวกันที่นี่แล้ว ตัวข้าในฐานะดาบของยูมิผู้เป็นเจ้านายเก่าจะเล่าเรื่องราวของนางให้ฟังเลยละกัน” มิทสึทาดะนั่งลงบนขอบเตียงก่อนที่จะเริ่มบอกความจริงเกี่ยวกับยูมิให้กับเซอแวนท์ ณ ตรงนี้ให้ได้รับรู้และกระจ่างอย่างแท้จริง
.
.
.
.
.
.
.
“โรคลมชัก?”
“อย่างที่ได้ยินไปน่ะแหละ...เอมิยะคุง ข้าก็ไม่มั่นใจเหมือนกันนะว่า
เกิดจากทางพันธุกรรมรึเปล่า เท่าที่สืบมา...พี่ชายของนางเคยมีโรคนี้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก
ถือว่าน่ากังวลยิ่งกว่าคนโตซะอีก แต่เขาคนนั้นได้รับการรักษาไปประมาณ 2-3 ปีด้วยการกินยาตามใบสั่งของหมอทุกวันจนหายดี”
“โห...ดูท่าทางเจ้าจะสนิทกับนางมากเลยนะนี่ โชคุไดคิริเอ๋ย...” โอจิมังเดียสพูดในขณะที่หยิบยาแก้ไข้และแก้วน้ำเปล่าให้ยูมิได้กิน
“ตอนที่พวกข้าพบอาการนั่นครั้งแรกก็รู้สึกใจหายจริงๆ เลยนา...หลายคนพากันแตกตื่นและพยายามขอให้เจ้ายะเก็นปรุงยาที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคนี้ ถือว่าใช้เวลาหาวัตถุดิบปรุงยานานพอสมควรเลยล่ะ”
มุทสึโนะคามิรับแก้วจากหญิงสาวหลังได้กินยาไปเรียบร้อยก่อนที่จะวางไว้บนโต๊ะ
“ข้าขอเดาเลยว่า ครั้งนี้มีสาเหตุเพราะมาสเตอร์เครียดเรื่องเจ้าอัลเตอร์อยู่แน่ๆ” คูแลนเซอร์เริ่มมองไปยังอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างมาก
“เฮ้อ...”
คูอัลเตอร์ถอนหายใจพร้อมปล่อยมือยูมิไปแล้วค่อยๆ
ลุกขึ้นเตรียมเดินออกจากห้อง แต่ในจังหวะนั้น เขาถูกมุทสึโนะคามิจับผ้าคลุมรั้งเอาไว้ก่อนที่จะได้หันไปเผชิญหน้า
“มีปัญหาอะไรกับข้าอีกล่ะ...”
“ให้ตายเถอะ...นี่เจ้าไม่ยอมยกโทษให้นางเลยรึไง
น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอ การวางแผนต่อสู้ในทุกๆ ครั้งย่อมมีผิดพลาดบ้าง
โชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ตายและหายจากไปเหมือนกับพวกข้าในฮงมารุน่ะ”
“...”
“ลองคิดให้ดีๆ นะ...อัลเตอร์ ถ้าเจ้าเกิดมาเป็นหอกในฮงมารุและตายในช่วงแก้ไขประวัติศาสตร์ล่ะก็...บางทีนายท่านอาจจะอัญเชิญกลับมาไม่ได้ง่ายๆ
อย่างที่หวังเอาไว้ นางจะเสียใจมากเพราะทุ่มเททุกอย่างให้หมด”
“...”
ทุกคนยังคงเงียบอยู่เพื่อรับฟังคำอธิบายจากปากมุทสึโนะคามิจนจบ
บรรยากาศในตอนนี้เรียกได้ว่า มีความมาคุมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“หรือถ้าเจ้าถูกความมืดเข้าครอบงำขึ้นมา
นางอาจจะจำเป็นต้องฆ่าทิ้งและแบกรับความเจ็บปวดจากการช่วงชิงชีวิตของเจ้า จนบางครั้งฝันร้ายก็ตามมาหลอกหลอนทุกคืน
ความเจ็บปวดพวกนั้นจะคอยกัดกินชีวิตของนางไปทีละนิด ลึกเข้าไปในใจ และท้ายสุดก็ตายไปอย่างทรมาน...”
“เอาเถอะ ที่นี่ไม่ใช่ฮงมารุอยู่แล้ว
แต่ถ้าให้เปรียบเทียบมันก็ทำได้เหมือนกัน จำเอาไว้นะ...ทุกคน นายท่านเป็นคนที่อ่อนแอทางจิตใจ
นางพยายามทำตัวเข้มแข็งไม่ให้พวกเราเป็นห่วงมาตลอด แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เสียสติจากการสูญเสียบางอย่างโดยไม่มีทางหวนกลับมา...โอกาสการฆ่าตัวตายจะสูงมาก
โดยเฉพาะเจ้า...อัลเตอร์คุง”
มิทสึทาดะเสริมคำอธิบายตบท้ายให้มุทสึโนะคามิ ต่อจากนั้นพวกเขาสองคนก็ได้เดินออกจากห้องไป
เหล่าเซอแวนท์ที่เหลือเริ่มรู้สึกเครียดในใจและรับรู้เรื่องของมาสเตอร์สาวมากขึ้น
เอมิยะลูบหัวเธอเบาๆ แล้วบอกให้นอนพักก่อนที่จะพาทุกคนยกเว้นคูอัลเตอร์เดินกลับห้องตัวเอง
ยูมิหันมองแล้วก้มหน้าลงก่อนที่จะเอาผ้าห่มคลุมโปงนอนโดยหันหลังให้อีกคน เธอค่อยๆ หมดกำลังใจทีละนิดในการเคลียร์ปัญหาครั้งนี้ มือขวากุมอกด้วยความเจ็บใจที่เขาให้ความหวังเพียงแค่นิดแล้วทำลายมันทิ้ง เธอเอาแต่นึกถึงชื่อของเขาในหัววนไปมา ดวงตาทั้งสองปิดลงอย่างช้าๆ พร้อมเข้าสู่ห้วงนิทรา
คูอัลเตอร์มองด้วยสายตานิ่งเรียบแล้วเดินเข้าไปหา เขาดึงผ้าห่มออกพร้อมนอนกอดจากด้านหลัง
นั่นทำให้เธอตกใจตื่นด้วยความตะลึงและไม่คาดคิด
“ยูมิ...ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องเสียน้ำตาและทุกข์ทรมานแบบนี้อีก ข้าคงจะเป็นหอกที่ยังทื่อเกินไปกับการปกป้องเจ้า
แถมวันนี้ยังไม่ยอมฟังเหตุผลที่พยายามพูดอธิบายในตอนนั้นด้วย”
“...”
“ข้าพอจะเข้าใจบ้างแล้วล่ะ...เจ้าเคยเป็นคนที่ขาดความรักความอบอุ่น
มีแผลใจหลายๆ เรื่องตอนยังเป็นนักเรียน...แต่พอได้เข้ามาทำงานในคาลเดียแห่งนี้ ความอบอุ่นได้เติมเต็มจนทำให้เจ้าเริ่มรู้สึกมีความสุขและผูกพันกับทุกคน” คูอัลเตอร์พูดไปพร้อมกอดเอาไว้แน่นโดยไม่สนอาการเจ็บไข้ทั้งสิ้น
“คู...จัง...”
“รอยยิ้มของเจ้าถือเป็นกำลังใจที่ดีสำหรับทางนักวิจัย รวมถึงพวกข้าผู้เป็นเซอแวนท์ที่คอยรับใช้จนถึงทุกวันนี้ ฉะนั้น...ขอให้กลับมาอารมณ์ดีเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตลอดเถอะ...ข้าขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้จริงๆ”
หลังพูดจบประโยคเมื่อครู่แล้ว ยูมิหันตัวกลับไปโอบกอดและนอนซุกอกแน่น
น้ำตาได้แอบเอ่อไหลลงอีกครั้ง คูอัลเตอร์ยื่นมือปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะจับประคองแก้มอีกฝ่าย ใบหน้าของเขาค่อยๆ ยื่นเข้าประทับริมฝีปากบนหน้าผากเบาๆ
“คูจัง...ยกโทษให้แล้วใช่มั้ย...”
“อา...ยกโทษให้แล้ว ข้าขอสาบานว่า จะเป็นหอกคอยปกป้องเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง และนี่อาจเป็นประโยคที่เจ้าไม่คาดคิดมาก่อน แต่ข้าก็ต้องพูดออกมาจากใจจนได้”
“...?”
“ข้า...รักเจ้านะ อิชิมารุ ยูมิ จากนี้ไป...ข้าจะช่วยดูแลและรักษาแผลในใจเจ้าเอง”
“...!! อะ...อื้ม ฉัน...ก็รักเหมือนกัน คูฮูลินน์อัลเตอร์ รักมาโดยตลอดเลยล่ะ”
ทั้งสองคนจบการสนทนาแล้วค่อยๆ หลับตาลงพร้อมประทับริมฝีปากเข้าด้วยกัน
นั่นไม่ใช่การจูบที่ดูดดื่ม แต่เป็นการจูบที่เต็มไปด้วยความรักจากใจของพวกเขาเอง ท้ายสุดก็พากันนอนหลับโดยคูอัลเตอร์ยังคงกอดร่างของยูมิเอาไว้
ลืมเรื่องราวแสนเจ็บปวดนั่นไปแล้วตื่นมาเผชิญหน้ากับเรื่องราวใหม่ๆ ที่สดใสกว่าเดิม
ราตรีสวัสดิ์...อิชิมารุ ยูมิ มาสเตอร์นัมเบอร์ 021 แห่งคาลเดียเอ๋ย
[ To be continued ]
ความคิดเห็น