ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fate/Grand Order] วันๆ ณ คาลเดียกับยูมิ [END]

    ลำดับตอนที่ #12 : เกิดอาการแปลกๆ จากศึกชาเล้นจ์

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 488
      34
      13 ก.พ. 64

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     

    เกิดอาการแปลกๆ จากศึกชาเล้นจ์

    ----------------------------------------------------

    ณ คาลเดีย

    หลังจากได้เดินทางกลับด้วยประตูของโดเรม่อนของดา วินชี่แล้ว ทั้งฉันและแก๊งค์หมาสี่ช่า(ไม่มีคูจัง)ก็พากันนั่งพักที่ห้องครัวเพื่อหาของกินมาเติมพลังเวทเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งแน่นอนว่าเอมิยะยังเป็นคนเฝ้าครัวอยู่เช่นเดิม เขามองพวกฉันสักพักก่อนที่จะเปิดตู้เย็นเตรียมหยิบวัตถุดิบทำอาหารให้

    ทีนี้ก็...เล่าเรื่องอาการประหลาดนั่นของมาสเตอร์ได้แล้วสินะ มุทสึโนะคามิ คูแคสเตอร์นั่งตรงข้ามมุทสึโนะคามิและฉันพร้อมเริ่มการสนทนาด้วยเรื่องที่ไม่อยากจะนึกถึงเลย

    อ้อ...เรื่องนั้นสิน้อ ดาบหนุ่มลูบหัวฉันก่อนที่จะเปิดปากเล่าให้ฟัง

    นายท่านเคยเป็นโรคลมชักมาก่อน ออกอาการครั้งแรกเมื่อสมัยเป็นซานิวะมือใหม่ที่ฮงมารุ เพราะช่วงนั้นนางยังอยู่ในวัยเรียนมัธยมปลายแล้วมีการบ้านเยอะพอสมควร บวกกับสภาพสังคมในโรงเรียนที่ไม่ดีสักเท่าไหร่ แล้วยิ่งตอนกลับมาก็ต้องดูแลงานในฐานะซานิวะต่ออีก เลยทำให้มีปัญหาทางจิตตามด้วย

    โรคลมชัก? จะว่าไปมาสเตอร์ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้พวกข้าฟังเลยแฮะ แถมยังไม่เคยแสดงอาการให้เห็นด้วย คูแลนเซอร์นั่งเท้าคางมองมาทางฉันอย่างสงสัย

    อาจจะหายดีแล้วก็ได้มั้ง...แลนเซอร์ แต่เห็นเจ้ามุทสึโนะคามิบอกว่า ถ้าไม่ตั้งสติ อาการแปลกๆ นั่นจะเกิดขึ้นอีกรอบ แปลว่ายังเสี่ยงต่อการเป็นลมชักอีกสินะ

    ใช่แล้ว...โปรโตไทป์ ถึงจะได้รับการรักษาแล้ว ข้าก็ยังกังวลอยู่เหมือนเดิม เพราะงั้นพวกเจ้าอย่าทำให้นางเครียดหนักไปมากกว่านี้เด็ดขาดล่ะ ดาบหนุ่มตักเตือนคูที่เหลือพร้อมลูบหัวฉันอีกรอบ

    อา...ขอบใจมากที่เตือนเรื่องนี้ให้พวกข้า ถ้าไม่มีเจ้าอยู่ด้วย คงไม่รู้เรื่องนี้ต่อไปแน่ๆ คูแคสเตอร์ยิ้มเล็กพร้อมพูดขอบคุณให้อีกฝ่าย

    แต่ว่าฉัน...ยังมีเรื่องค้างคาใจอยู่เลย ไม่ว่ายังไงก็ต้องเคลียร์มันให้ไวที่สุดน่ะ 

    พอนึกถึงหน้าของคูจัง ฉันค่อยๆ ก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วกุมมือตัวเองเอาไว้ ในหัวเอาแต่คิดกังวลว่า ถ้าไปคุยด้วยจริงๆ เขาจะยอมยกโทษให้รึเปล่า

    ในขณะเดียวกัน เอมิยะได้ทำอาหารเสร็จพอดี เขาเดินมาแล้ววางถาดใบใหญ่บนโต๊ะซึ่งมีจานสลัดทูน่ารวมทั้งสิ้นห้าจาน รวมไปถึงแก้วน้ำเปล่าด้วย เพราะตอนนี้อยู่ในช่วงค่ำ จึงได้ทำเมนูกินง่ายและดีต่อสุขภาพ ต่อจากนั้นเขาเดินกลับไปเก็บของครัวให้เป็นระเบียบก่อนที่จะนั่งเฝ้าตรงมุมห้อง

    จะทานแล้วนะครับ/คะ!!!” และพวกเราทั้งห้าคนก็เตรียมตัวกินสลัดทูน่าจานนี้กันอย่างสงบ

    ฉันจำเป็นต้องกินให้เร็วที่สุดเพื่อให้ได้ไปเคลียร์ปัญหา ปรับความเข้าใจกับคูจัง โดยหวังไว้ว่ามันจะเป็นไปได้ด้วยดีพร้อมกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป คงจะฟุ้งซ่าน ไม่เป็นงานเป็นการแน่ๆ

    ฉันทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้คูจังได้เป็นเบอเซิกเกอร์ที่แข็งแกร่งที่สุด เขาเป็นความหวังในการต่อสู้ที่สำคัญที่สุดมาโดยตลอด เปรียบเหมือนหอกคอยปกป้องชีวิตจากเหล่าศัตรูทั้งหลายจนถึงทุกวันนี้...

    ฉะนั้น...ปล่อยไว้ต่อไปไม่ได้จริงๆ

     

    ผ่านไปห้านาที

    หลังจากที่ได้กินอาหารเย็นจนหมดแล้ว ฉันขอตัวออกจากห้องครัวโดยไม่บอกให้คูฮูลินน์ทั้งสามและมุทสึโนะคามิตามหลังมา เพราะต้องการปรับความเข้าใจกับคูจังแค่สองคนเท่านั้น ฉันเป็นฝ่ายผิดสำหรับเขา ส่วนคนที่เหลือไม่ผิดเลย แล้วถ้าการพูดคุยครั้งนี้ไม่ได้ผล ก็คงต้องจำใจยอมรับชะตากรรมต่อจากนี้ต่อไป

    พอเดินมาถึงหน้ามายรูมแล้วค่อยๆ เปิดประตูออกพร้อมกวาดสายตามองทั่วห้อง พบคูจังที่กำลังนั่งพิงกำแพงบนพื้นห้องอย่างนิ่งเงียบ ฉันสูดหายใจเข้าออกลึกๆ ไปประมาณสองสามรอบก่อนที่จะเดินมุ่งเข้าไปหาเขา

    เอ่อ...คูจัง...

    “...?” คนตรงหน้าหันมามองด้วยสีหน้านิ่งเรียบแล้วเตรียมฟังสิ่งที่กำลังจะได้พูด

    เรื่องศึกในชาเล้นจ์ล่าสุดน่ะ...ขอโทษนะ ฉันเป็นฝ่ายผิดเองที่ไปร่วมสู้ด้วยไม่ทัน ยิ่งตอนนั้นเผลอใช้กันด์ใส่บิลลี่ก่อนที่จะจัดการเขาไปแล้ว เรย์จูก็ไม่ได้ใช้เติมพลังเวทให้จนต้องตายกลับมาที่นี่อีก 

    ฉันพูดไปก้มหน้าลงไปด้วยความสำนึกผิดพร้อมกุมมือตัวเองอย่างแน่น ซึ่งคูจังยังคงนิ่งไม่พูดตอบกลับอะไรทั้งสิ้นจนทำให้เริ่มรู้สึกใจคอไม่ดียิ่งกว่าเดิม

    “...” 

    ตะ...แต่ก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีที่สุดแล้ว ฉันดีใจมาก ถ้าไม่มีอยู่เคียงข้างด้วย...คงไม่มีทางเอาชนะศัตรูต่อไปจนจบและกลับมาที่นี่อย่างปลอดภัยแน่ๆ มือเริ่มยื่นออกไปหวังที่จะแตะไหล่เขา แต่...

    “...”

    คู...จัง...?”

    สิ่งที่ฉันได้รับกลับมาคือ เขาหันหน้าหนีโดยไม่มีการพูดตอบประโยคใดๆ ให้รับรู้แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้องโดยไม่สนใจแม้แต่จะหันมามอง

    “...”

    ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมยกโทษให้เลย แบบนี้คงต้องจำใจสู้คนเดียวแล้วแหละ...

    หากว่าถึงตอนที่เหล่าเซอแวนท์ตายกลับมาหมดทุกคนในทีม ฉัน...ต้องอยู่ด้วยตัวคนเดียว

    ทำไมกัน...ทำไมฉันต้องมาเป็นตัวก่อปัญหาแบบนี้ เขาควรให้โอกาสและฟังฉันบ้างสิ...

    หลังจากคาดหวังกับผลลัพธ์อีกแบบมากเกินไปจนกลัวกะทันหัน ในหัวเริ่มเกิดการประมวลผลแปลกๆ รวมถึงมีความรู้สึกวูบๆ ภายในท้อง เหมือนมันกำลังบ่งบอกว่า เคยพบเจอเหตุการณ์นี้มาก่อนแล้ว ทั้งที่เพิ่งเป็นครั้งแรก ฉันรีบเตรียมทำอะไรสักอย่างเพื่อไม่ให้เกิดอาการผิดปกติกับร่างกายตัวเอง

    ไม่จริง...เหตุการณ์เพิ่งเกิดเมื่อกี้เอง! ไอ้เดจาวู! แกอย่ามาโกหกฉัน...!!”

    พอได้เดินออกจากมายรูมไม่กี่ก้าว สติของฉันยังมีครบถ้วนและรู้สึกว่า ปากเริ่มอ้าออกเองพร้อมเสียงที่เปล่งคล้ายจะขาดอากาศหายใจโดยไม่สามารถพูดอะไรได้เลย มือขวาปิดมันไว้จนสัมผัสถึงน้ำลายที่ไหลออกมา มือซ้ายจับกลางอกเสื้อตัวเองไว้แน่นด้วยความทรมาน ทั้งแขนขารู้สึกชาไปหมดจนต้องล้มลงพื้น 

    มันเริ่มกลับมาหลอกหลอนอีกแล้ว...สิ่งที่เรียกว่า เดจาวู...ตัวก่อเกิดอาการลมชักกำเริบ!!


    [ มุมมองที่ 3 ]

    ยูมิเงยหน้ามองพร้อมคลานไปอย่างหมดแรง สายตาจับจ้องแต่คูฮูลินน์อัลเตอร์ที่กำลังเดินออกอย่างช้าๆ มือซ้ายเริ่มยื่นออกหวังขอความช่วยเหลือทั้งที่รู้ดีว่าเขาจะไม่เห็น ด้วยการที่เป็นลมชักกำเริบ เธอจึงไม่สามารถเรียกเขากลับมาได้ตอนนี้

    ช่วยด้วย...คูจัง...

    ยูมิ!! เจ้าเป็นอะไรไป!!”

    ในขณะเดียวกันก็ได้มีใครบางคนวิ่งเข้ามาจากข้างหลัง และเจ้าของเสียงเรียกที่โดดเด่นคนนั้นคือ ฟาโรห์รามเสสที่ 2 โอจิมังเดียส เขาคุกเข่าลงพร้อมยกตัวเธอให้นอนในอ้อมแขนแล้วพยายามไถ่ถามอาการ แต่มาสเตอร์สาวพูดตอบกลับไปไม่ได้นอกจากออกเสียงร้องในลำคอคล้ายขาดอากาศหายใจก่อนที่จะเริ่มเอานิ้วโป้งมือขวาจ่อที่ปากตัวเองหวังกัดมันแทนลิ้น

    ตึกๆๆๆ

    อย่าปล่อยให้นางทำเช่นนั้นเด็ดขาดนะ!!” มิทสึทาดะที่เดินสวนทางคูอัลเตอร์บังเอิญพบเจอพอดี จึงได้วิ่งเข้ามาข้างหน้าแล้วจับมือของคนตรงหน้าออกจากปากเพื่อเลี่ยงไม่ให้กัดเข้าไป นายท่าน!! ทำใจดีๆ แล้วตั้งสติไว้นะ!!”

    ในเบื้องหลังเหตุการณ์นี้ มีเหล่าเด็กๆ อย่างแจ๊ค ไรม์ และอบิเกลที่พบเห็นเข้า พวกเธอจึงรีบแยกกันตามหาคนที่มีความผูกพันกับยูมิอย่างเมเดีย เอมิยะ เหล่าคูฮูลินน์ โคทาโร่ มุทสึโนะคามิ อราช และกิลกาเมชแคสเตอร์ โดยอบิเกลขออาสาไปเรียกคูอัลเตอร์ด้วยตัวเอง

    ยังไงก็ช่วยพานางเข้าไปนอนพักที่ห้องก่อน ปล่อยไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่

    มิทสึทาดะบอกกับโอจิมังเดียสพร้อมเปิดประตูมายรูมให้ อีกฝ่ายพยักหน้าตกลงแล้วอุ้มยูมิขึ้นก่อนที่จะเดินไปอย่างไว จากนั้นเขาก็วางร่างเธอลงบนเตียง มือหนาได้ยื่นเข้ามาแตะบนหน้าผากไว้เพื่อตรวจเช็คอาการ

    หือ? นางเป็นไข้ด้วยนี่...ต้องรีบหาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวและยาแก้ไข้ซะแล้วสิ

    ว่าแล้วก็ลุกขึ้นเพื่อรีบมุ่งหน้าไปห้องพยาบาล แต่ในระหว่างนั้น เขากลับพบเหล่าเซอแวนท์ที่เด็กๆ ได้เรียกมาทั้งหมด ดังนั้นจึงเริ่มมอบหมายให้แต่ละคนช่วยพากันหาผ้าเช็ดตัว กะละมังใบเล็กใส่น้ำ ยาแก้ไข้และน้ำเปล่าอย่างเร่งด่วน

    ทุกคนได้ให้ความร่วมมือหมดยกเว้นคูอัลเตอร์และกิลกาเมชแคสเตอร์ที่ยังคงยืนมองนิ่งๆ พวกเขาเริ่มเดินเข้าไปหามาสเตอร์สาวเพื่อดูอาการ ทางฟาโรห์ขมวดคิ้วมองด้วยความสงสัยก่อนที่จะปล่อยให้อยู่ด้วยแต่โดยดี

    ยูมิค่อยๆ ตั้งสติ หายใจเข้าออกเต็มปอดแล้วเริ่มหยุดแสดงอาการแปลกๆ เมื่อครู่ แต่สิ่งที่เธอได้รับต่อมาคือ ความอ่อนเพลียทั่วทั้งร่างกาย เวลายกมือขึ้นจะยกไม่สุดแรง เวลาพูดจะเปล่งเสียงได้ไม่ชัดเท่าที่ควร เธอพยายามยกมือขวาขึ้นพร้อมยื่นออกไปหาทางคูอัลเตอร์

    คูจัง...ขอร้องล่ะ...อย่างน้อยๆ ก็จับมือฉันให้รู้สึกสบายใจที...

    คู...จัง...

    “...”

    ไม่ได้ยินที่นางเรียกรึไง...คูฮูลินน์ ข้าไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้าสองคน และก็ไม่อยากจะยุ่งด้วย แต่ขอเถอะ...อย่าปล่อยให้นางไม่สบายใจแบบนี้ต่อไปได้มั้ย โอจิมังเดียสกอดอกพูดด้วยความไม่พอใจในการกระทำของอีกฝ่าย

    ให้ตายเถอะ...ยุ่งยากชะมัด เขาแอบหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนที่จะยื่นมือขวาไปจับมือหญิงสาวไว้ ความร้อนผ่าวจากไข้ของเธอได้แผ่มาทั่วมือ ถึงจะรู้สึกเช่นนั้นแต่ก็ไม่คิดจะเปิดปากถามเลยสักคำ

    ขอบคุณ...นะ... เธอพูดอย่างอ่อนแรงพร้อมยิ้มบางๆ น้ำตาไหลลงมาต่อเพราะทรมานกับอาการลมชักกำเริบ ความรู้สึกวูบๆ ในท้องยังคงวนเวียนไปเรื่อย จึงทำให้พูดประโยคที่ยาวกว่านี้ไม่ได้

    มันเกิดอะไรขึ้นงั้นรึ...เจ้าพันทาง กิลกาเมชนั่งกอดอกพร้อมไขว่ห้างแล้วเริ่มถามมาสเตอร์สาวด้วยความสงสัย

    ในขณะเดียวกัน เหล่าเซอแวนท์ที่เหลือได้เตรียมของตามที่โอจิมังเดียสได้มอบหมายเป็นที่เรียบร้อย พวกเขาจัดวางของเอาไว้บนโต๊ะโดยเอมิยะเริ่มชุบผ้าผืนเล็กในน้ำพร้อมเดินเข้ามาเช็ดหน้าผากและลงมาตามคอของหญิงสาว ในระหว่างนั้น เขาก็สังเกตเห็นคราบน้ำตาบางๆ จึงได้เช็ดออกให้อย่างอ่อนโยน

    เอาล่ะ...ไหนๆ ทุกคนก็รวมตัวกันที่นี่แล้ว ตัวข้าในฐานะดาบของยูมิผู้เป็นเจ้านายเก่าจะเล่าเรื่องราวของนางให้ฟังเลยละกัน มิทสึทาดะนั่งลงบนขอบเตียงก่อนที่จะเริ่มบอกความจริงเกี่ยวกับยูมิให้กับเซอแวนท์ ณ ตรงนี้ให้ได้รับรู้และกระจ่างอย่างแท้จริง

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    โรคลมชัก?”

    อย่างที่ได้ยินไปน่ะแหละ...เอมิยะคุง ข้าก็ไม่มั่นใจเหมือนกันนะว่า เกิดจากทางพันธุกรรมรึเปล่า เท่าที่สืบมา...พี่ชายของนางเคยมีโรคนี้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก ถือว่าน่ากังวลยิ่งกว่าคนโตซะอีก แต่เขาคนนั้นได้รับการรักษาไปประมาณ 2-3 ปีด้วยการกินยาตามใบสั่งของหมอทุกวันจนหายดี

    โห...ดูท่าทางเจ้าจะสนิทกับนางมากเลยนะนี่ โชคุไดคิริเอ๋ย... โอจิมังเดียสพูดในขณะที่หยิบยาแก้ไข้และแก้วน้ำเปล่าให้ยูมิได้กิน

    ตอนที่พวกข้าพบอาการนั่นครั้งแรกก็รู้สึกใจหายจริงๆ เลยนา...หลายคนพากันแตกตื่นและพยายามขอให้เจ้ายะเก็นปรุงยาที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคนี้ ถือว่าใช้เวลาหาวัตถุดิบปรุงยานานพอสมควรเลยล่ะ มุทสึโนะคามิรับแก้วจากหญิงสาวหลังได้กินยาไปเรียบร้อยก่อนที่จะวางไว้บนโต๊ะ

    ข้าขอเดาเลยว่า ครั้งนี้มีสาเหตุเพราะมาสเตอร์เครียดเรื่องเจ้าอัลเตอร์อยู่แน่ๆ คูแลนเซอร์เริ่มมองไปยังอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจอย่างมาก

    เฮ้อ...

    คูอัลเตอร์ถอนหายใจพร้อมปล่อยมือยูมิไปแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นเตรียมเดินออกจากห้อง แต่ในจังหวะนั้น เขาถูกมุทสึโนะคามิจับผ้าคลุมรั้งเอาไว้ก่อนที่จะได้หันไปเผชิญหน้า

    มีปัญหาอะไรกับข้าอีกล่ะ...

    ให้ตายเถอะ...นี่เจ้าไม่ยอมยกโทษให้นางเลยรึไง น่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอ การวางแผนต่อสู้ในทุกๆ ครั้งย่อมมีผิดพลาดบ้าง โชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ตายและหายจากไปเหมือนกับพวกข้าในฮงมารุน่ะ

    “...”

    ลองคิดให้ดีๆ นะ...อัลเตอร์ ถ้าเจ้าเกิดมาเป็นหอกในฮงมารุและตายในช่วงแก้ไขประวัติศาสตร์ล่ะก็...บางทีนายท่านอาจจะอัญเชิญกลับมาไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่หวังเอาไว้ นางจะเสียใจมากเพราะทุ่มเททุกอย่างให้หมด

    ... ทุกคนยังคงเงียบอยู่เพื่อรับฟังคำอธิบายจากปากมุทสึโนะคามิจนจบ บรรยากาศในตอนนี้เรียกได้ว่า มีความมาคุมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม

    หรือถ้าเจ้าถูกความมืดเข้าครอบงำขึ้นมา นางอาจจะจำเป็นต้องฆ่าทิ้งและแบกรับความเจ็บปวดจากการช่วงชิงชีวิตของเจ้า จนบางครั้งฝันร้ายก็ตามมาหลอกหลอนทุกคืน ความเจ็บปวดพวกนั้นจะคอยกัดกินชีวิตของนางไปทีละนิด ลึกเข้าไปในใจ และท้ายสุดก็ตายไปอย่างทรมาน...

    เอาเถอะ ที่นี่ไม่ใช่ฮงมารุอยู่แล้ว แต่ถ้าให้เปรียบเทียบมันก็ทำได้เหมือนกัน จำเอาไว้นะ...ทุกคน นายท่านเป็นคนที่อ่อนแอทางจิตใจ นางพยายามทำตัวเข้มแข็งไม่ให้พวกเราเป็นห่วงมาตลอด แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เสียสติจากการสูญเสียบางอย่างโดยไม่มีทางหวนกลับมา...โอกาสการฆ่าตัวตายจะสูงมาก โดยเฉพาะเจ้า...อัลเตอร์คุง

    มิทสึทาดะเสริมคำอธิบายตบท้ายให้มุทสึโนะคามิ ต่อจากนั้นพวกเขาสองคนก็ได้เดินออกจากห้องไป เหล่าเซอแวนท์ที่เหลือเริ่มรู้สึกเครียดในใจและรับรู้เรื่องของมาสเตอร์สาวมากขึ้น เอมิยะลูบหัวเธอเบาๆ แล้วบอกให้นอนพักก่อนที่จะพาทุกคนยกเว้นคูอัลเตอร์เดินกลับห้องตัวเอง

    ยูมิหันมองแล้วก้มหน้าลงก่อนที่จะเอาผ้าห่มคลุมโปงนอนโดยหันหลังให้อีกคน เธอค่อยๆ หมดกำลังใจทีละนิดในการเคลียร์ปัญหาครั้งนี้ มือขวากุมอกด้วยความเจ็บใจที่เขาให้ความหวังเพียงแค่นิดแล้วทำลายมันทิ้ง เธอเอาแต่นึกถึงชื่อของเขาในหัววนไปมา ดวงตาทั้งสองปิดลงอย่างช้าๆ พร้อมเข้าสู่ห้วงนิทรา

    คูอัลเตอร์มองด้วยสายตานิ่งเรียบแล้วเดินเข้าไปหา เขาดึงผ้าห่มออกพร้อมนอนกอดจากด้านหลัง นั่นทำให้เธอตกใจตื่นด้วยความตะลึงและไม่คาดคิด

    ยูมิ...ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องเสียน้ำตาและทุกข์ทรมานแบบนี้อีก ข้าคงจะเป็นหอกที่ยังทื่อเกินไปกับการปกป้องเจ้า แถมวันนี้ยังไม่ยอมฟังเหตุผลที่พยายามพูดอธิบายในตอนนั้นด้วย

    “...”

    ข้าพอจะเข้าใจบ้างแล้วล่ะ...เจ้าเคยเป็นคนที่ขาดความรักความอบอุ่น มีแผลใจหลายๆ เรื่องตอนยังเป็นนักเรียน...แต่พอได้เข้ามาทำงานในคาลเดียแห่งนี้ ความอบอุ่นได้เติมเต็มจนทำให้เจ้าเริ่มรู้สึกมีความสุขและผูกพันกับทุกคน คูอัลเตอร์พูดไปพร้อมกอดเอาไว้แน่นโดยไม่สนอาการเจ็บไข้ทั้งสิ้น

    คู...จัง...

    รอยยิ้มของเจ้าถือเป็นกำลังใจที่ดีสำหรับทางนักวิจัย รวมถึงพวกข้าผู้เป็นเซอแวนท์ที่คอยรับใช้จนถึงทุกวันนี้ ฉะนั้น...ขอให้กลับมาอารมณ์ดีเหมือนอย่างที่เคยเป็นมาตลอดเถอะ...ข้าขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้จริงๆ

    หลังพูดจบประโยคเมื่อครู่แล้ว ยูมิหันตัวกลับไปโอบกอดและนอนซุกอกแน่น น้ำตาได้แอบเอ่อไหลลงอีกครั้ง คูอัลเตอร์ยื่นมือปาดน้ำตาออกอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะจับประคองแก้มอีกฝ่าย ใบหน้าของเขาค่อยๆ ยื่นเข้าประทับริมฝีปากบนหน้าผากเบาๆ

    คูจัง...ยกโทษให้แล้วใช่มั้ย...

    อา...ยกโทษให้แล้ว ข้าขอสาบานว่า จะเป็นหอกคอยปกป้องเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง และนี่อาจเป็นประโยคที่เจ้าไม่คาดคิดมาก่อน แต่ข้าก็ต้องพูดออกมาจากใจจนได้

    “...?”

    ข้า...รักเจ้านะ อิชิมารุ ยูมิ จากนี้ไป...ข้าจะช่วยดูแลและรักษาแผลในใจเจ้าเอง

    “...!! อะ...อื้ม ฉัน...ก็รักเหมือนกัน คูฮูลินน์อัลเตอร์ รักมาโดยตลอดเลยล่ะ

    ทั้งสองคนจบการสนทนาแล้วค่อยๆ หลับตาลงพร้อมประทับริมฝีปากเข้าด้วยกัน นั่นไม่ใช่การจูบที่ดูดดื่ม แต่เป็นการจูบที่เต็มไปด้วยความรักจากใจของพวกเขาเอง ท้ายสุดก็พากันนอนหลับโดยคูอัลเตอร์ยังคงกอดร่างของยูมิเอาไว้

    ลืมเรื่องราวแสนเจ็บปวดนั่นไปแล้วตื่นมาเผชิญหน้ากับเรื่องราวใหม่ๆ ที่สดใสกว่าเดิม

    ราตรีสวัสดิ์...อิชิมารุ ยูมิ มาสเตอร์นัมเบอร์ 021 แห่งคาลเดียเอ๋ย

    [ To be continued ]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×