ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Bungo Stray Dogs] นางฟ้าแห่งคำสาป

    ลำดับตอนที่ #6 : Episode 6 เกิดเหตุด่วน!?

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 63


    B
    E
    R
    L
    I
    N
     Tiny Hand 

    หลังได้ทัวร์เมืองโยโกฮาม่าเกือบทั้งหมด ฉันและชูยะพากันหยุดพักในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนี้แทบไม่มีใครเดินเพ่นพ่านแถวนี้เลย พวกเราเสพบรรยากาศอันร่มรื่นบวกกับแดดอ่อนๆ มีสายลมแอบพัดมาบ้างพอให้ได้รู้สึกสบายใจ ทางมาเฟียหนุ่มนั่งไขว่ห้างบนเก้าอี้ยาวพร้อมโยนใบไม้ขึ้นและใช้พลังพิเศษควบคุมแรงโน้มถ่วงให้ฉันได้เห็น

    ล่องลอยอย่างกับพรมวิเศษในการ์ตูนที่เคยดูสมัยเด็กเลยแฮะ

    พรมวิเศษ? หืมม...ถ้ามันมีอยู่จริง กลุ่มคนที่ขายพวกยานพาหนะส่วนตัวคงขาดทุนย่อยยับอ่ะ

    ฉันแอบหัวเราะเบาๆ แล้วขอให้เขาช่วยควบคุมแรงโน้มถ่วงอย่างอื่นบ้าง ซึ่งครั้งนี้เป็นชิงช้าที่กำลังนั่งอยู่พอดี มันค่อยๆ ออกแรงเหวี่ยงไปมาจนทำให้เกือบเหวอและจับโซ่ด้านข้างไม่ทัน เขาใช้พลังพิเศษแกว่งชิงช้าเหมือนกับพ่อแม่แกว่งให้ลูกน้อยของตัวเองก็ไม่ปาน บางทีมีแอบแกล้งเหวี่ยงแรงบ้างแต่ไม่บ่อยนัก

    ถึงเขาจะเป็นมาเฟียแต่ในใจกลับดูอ่อนโยนมากเลย...

    ความคิดนั้นทำให้ฉันรู้สึกถึงความสุขที่เพิ่มพูนมาเติมเต็มภายในใจหลังจากได้ประสบกับความมืดหม่นเพราะคำสาปของพลังพิเศษมานาน 20 ปี แต่เอาจริงๆ โตมาขนาดนี้ก็ยังคงนึกถึงเหตุการณ์ตอนอายุสองขวบที่พ่อแม่ถูกฆ่าตายต่อหน้า

    รู้สึกจะจำความในช่วงนั้นได้ว่า ฉันยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเลย แค่นอนมองพวกเขาที่กำลังดูโทรทัศน์ด้วยกันเท่านั้น และก็เพราะมองอย่างเดียวนี่แหละที่เป็นจุดชนวนของการเกิดคำสาป โดยพ่อตายก่อนรายแรก แม่กรีดร้องด้วยความตกใจและถูกเล่นงานตามกัน เสียงกรีดร้องนั่นดังออกลั่นจนถึงหูของญาติข้างบ้าน พวกเขารีบตามเข้ามาแล้วมองสภาพศพสลับกับตัวฉันที่มีคราบเลือดกระเด็นใส่

     

    นี่เธอ...ฆ่าพ่อแม่ตัวเองงั้นเหรอ!”

    ช่างเป็นลูกที่บาปหนาอะไรเช่นนี้!”

    พลังพิเศษที่สืบทอดมาเป็นคำสาปแน่ๆ

    นังกาลกิณี! อยู่กับใครก็ตายหมดใช่มั้ย!”

    บ้านเริ่มพังพินาศเพราะแกคนเดียวเลย ยูกิ!”

    แบบนี้คงไม่มีใครเขารับเลี้ยงแกหรอก!”

     

    คำพูดเหล่านั้นมันยังคงฝังลึกในใจอยู่ไม่เลือนราง เหมือนเป็นปมด้อยสำหรับใครหลายคน แต่คุณลุงนายพรานกลับแก้ปมด้อยนั่นและหาวิธีผนึกไว้ได้ เขาเป็นคนแรกที่รับมือพร้อมแก้ไขเรื่องคำสาปอย่างตรงจุด ทำให้ฉันใช้ชีวิตจนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าบางครั้งจะต้องมีคนตายเพราะพลังพิเศษก็ตาม

    ยูกิ...ยูกิ!”

    ห๊ะ!? มะ...มีอะไรเหรอ ชูยะ

    เมื่อกี้เห็นเหม่อลอยไปน่ะ คิดเรื่องอะไรอยู่รึเปล่าชูยะที่เข้ามานั่งบนชิงช้าข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้จับไหล่ซ้ายฉันและมองอย่างสงสัย

    อ่อ...เปล่าหรอก แค่นึกย้อนเรื่องอดีตเท่านั้นเองฉันยิ้มให้เล็กน้อยกลบเกลื่อนความขมขื่นในชีวิตของตัวเองไว้

    มาเฟียหนุ่มผมส้มขมวดคิ้วจ้องมาสักพักแล้วค่อยลุกขึ้นยืนและยื่นมือซ้ายมาตรงหน้า เขาบอกว่าเดี๋ยวจะพากลับไปที่หน้าสำนักงานนักสืบบุโซตอนนี้เลย ฉันเอื้อมมือจับไว้โดยอีกฝ่ายดึงร่างให้ลุกขึ้นยืน ต่อมาพวกเราจึงพากันเดินออกจากสวนสาธารณะเพื่อมุ่งหน้าไปยังเป้าหมาย

    ชูยะเล่าเรื่องเหตุการณ์เกี่ยวกับเมืองโยโกฮาม่าแห่งนี้ที่ตอนแรกเปรียบเสมือนเมืองมืดซึ่งเต็มไปด้วยอาชญากรรม หนักสุดคือเหตุการณ์ผู้ใช้พลังพิเศษล้มตายต่อเนื่อง แต่วันนี้บ้านเมืองสงบสุขได้เพราะมีความร่วมมือระหว่างกลุ่มสำนักงานนักสืบบุโซกับพอร์ตมาเฟีย ถึงเจ้าตัวจะยังแอบหมั่นไส้คู่หูเก่าอย่างดาไซก็ตาม แต่การร่วมต่อสู้ด้วยกันของพวกเขาถือว่าวิเศษจริงๆ

    แต่ประเด็นต่อไปคือ...พอถึงหน้าสำนักงานปุ๊บฉันควรทำยังไงล่ะ จะกลับบ้านพักคนเดียวก็กลัวหลงทางอีก เฮ้อ...การผันตัวจากคนป่ามาเป็นคนเมืองนี่มันยุ่งยากเหลือเกิน

    เอ่อ...ชูยะ ตัวฉันที่ไม่ได้เป็นสมาชิกในสำนักงานนักสืบบุโซเนี่ย...

    ยังไม่ทันได้พูดจบประโยค จู่ๆ ชูยะก็พาหยุดเดิน ส่งสัญญาณให้เงียบเสียงและหลบหลังกำแพงพร้อมแอบมองใครบางคนที่กำลังอยู่ด้วยกันในซอกหลืบ(อีกแล้วเรอะ!) ซึ่งเป็นผู้ชายสองคนในธีมที่ต่างกัน นั่นคือขาว-ดำ

    ทางธีมขาวมีรูปลักษณ์เป็นคนผมสั้นสีขาวออกเทานิดๆ หน้าม้าถูกตัดเฉียงไม่สม่ำเสมอกัน ดวงตาสีม่วงที่ถูกแรเงาด้วยสีเหลืองด้านล่างจนดูแปลกใหม่ องค์ประกอบของชุดมีเสื้อแขนยาวสีขาวที่พับแขนเสื้อขึ้นประมาณศอก เนคไทสีดำใส่ไว้หลวมๆ ถุงมือไม่มีนิ้วสีดำ กางเกงสีดำที่ขายาวต่ำกว่าเข่าเล็กน้อย รูปแบบการใส่เข็มขัดของเขาเป็นการห้อยปลายเข็มขัดทางด้านซ้ายลงจากหัวเข็มขัด และสุดท้ายคือรองเท้าบู๊ทสีดำ

    ส่วนทางธีมดำมีรูปลักษณ์เป็นคนผมสั้นประมาณคางสีดำ ปลายผมทั้งสองข้างของใบหน้ามีสีขาว ดวงตาสีเทาเข้มอันเรียวคม องค์ประกอบของชุดมีเสื้อคลุมยาวสีดำที่มีปกเสื้อด้านหลังค่อนข้างใหญ่บวกกับกางเกงขายาวและรองเท้าคัทชูสีดำ จุดสำคัญอยู่ตรงบริเวณคอเสื้อแขนยาวด้านในของเขาที่มีผ้าผูกคอสีขาวดูท่าทางนุ่มมือดี

    พิจารณาลักษณะภายนอกของพวกเขาสองคนมาจนครบแล้ว ทีนี้พิจารณาสถานการณ์ที่กำลังพบเห็นบ้างละกัน

    ทางชายหนุ่มฝั่งขาวถูกบุกรุกให้แผ่นหลังแนบบนกำแพงโดยชายหนุ่มฝั่งดำ มือซ้ายพยายามจับหูหิ้วถุงพลาสติกที่เต็มไปด้วยเหล่าเสบียงมากมายเอาไว้มั่น ส่วนมือขวาก็พยายามผลักอีกฝ่ายให้ถอยหลังออก ใบหน้าของพวกเขาที่แสดงออกคนละอารมณ์มันโคตรจะใกล้ชิด

    ถอยไป...อาคุตางาวะ...

    ไล่ตามทันขนาดนี้ คิดว่าจะยอมปล่อยงั้นรึ...เสือสมิง

    พวกเราไม่มีเรื่องต้องบาดหมางกันแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมยังไล่ตามผมอยู่ล่ะ...!”

    ตราบใดที่ยังฆ่าแกไม่ได้ กระผมก็จะไม่ล้มเลิกง่ายๆ หรอก!”

    “ยังบ้าคลั่งในผลงานโชกเลือดเหมือนเดิมอีกเหรอ...ถ้าคุณดาไซเห็นเข้าคงไม่ปลื้มหรอกนะ

    ปึง!

    หลังจาก เสือสมิงพูดประโยคเมื่อครู่จบ อาคุตางาวะก็ทำท่าทีเหมือนโมโหและโกรธเคือง มือทั้งสองจับตรึงข้อมืออีกฝ่ายไว้กับกำแพงพร้อมขยับใบหน้าชิดยิ่งกว่าเดิมจนปลายจมูกชนกัน

    หุบปากไปเลย! ครั้งนี้แหละที่จะต้องทรมานแกให้หมดแรง...แล้วฆ่าทิ้งซะ!”

    “...!?”

    สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นต่อจากนี้ถือเป็นเหตุการณ์ช็อกโลกสำหรับฉันเลยก็ว่าได้ ชายหนุ่มชุดดำเริ่มกระแทกริมฝีปากเข้ากับของอีกฝ่ายอย่างแน่น สีหน้าตกตะลึงอันแดงระรื่นถูกเปิดเผยชัดเจน มือไม้ที่กำลังถือหูหิ้วพลาสติกสั่นเล็กน้อยและค่อยๆ คลายออกทีละนิด อาคุตางาวะพยายามสอดแทรกลิ้นเข้าช่องปากแต่ถูกต่อต้าน ทำให้ต้องงัดไม้ตายโดยการขบกัดริมฝีปากล่างให้เผยอปากออกจากกัน เมื่อทำสำเร็จก็โลมเลียเลือดแล้วสอดลิ้นเข้าจูบอย่างเร่าร้อน ทางเสือสมิงดูท่าทางจะต้านทานไม่ไหวจนต้องปล่อยถุงพลาสติกลงพื้นและคล้อยตามอีกฝ่ายไป

    ที่บอกว่าจะทรมานให้หมดแรงนี่คือการจูบแบบดูดดื่ม...เรอะ!!

    ขนาดดาไซกับชูยะที่ฉันเจอรอบแรกยังไม่รุกถึงขั้นนี้เลย คู่นี้แจวกันแรงชะมัด!

    ฉันแอบมองพวกเขาจูบกันแล้วรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวบนแก้มสองข้าง มือซ้ายกุมอก มือขวาปิดปากตัวเองไว้ คือแบบร่างกายตอนนี้เริ่มแสดงอาการแปลกๆ แถมเหงื่อไหลลงเล็กน้อย อย่างกับว่าเหตุการณ์ตรงหน้ามันกำลังปลุกเร้าอารมณ์อยู่

    “...!”

    และอารมณ์นั้นก็ได้หายไปเมื่ออาคุตางาวะมองพวกฉันด้วยหางตา หลังเสื้อคลุมถูกแปลงให้เป็นใบหน้าของสัตว์ประหลาดแล้วพุ่งเข้ามาเตรียมโจมตี แต่ชูยะกำหมัดแน่นพร้อมต่อยมันให้ปลิวกระแทกกำแพงจนต้องดึงตัวเองกลับเข้าที่เดิม เรียกว่าเขาช่วยชีวิตฉันได้อย่างเฉียดฉิวเลยทีเดียว

    เฮ้ยๆ พวกแกจะหวานทั้งทีก็เชิญที่โรงแรมเถอะ เกรงว่าสาธารณชนแถวนี้บังเอิญมาเจอเข้าน่ะ

    ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณชูยะจะชอบสอดเรื่องของคนอื่นเช่นนี้...กระผมกำลังยุ่งอยู่กับเมนูหลักอย่างเสือสมิงแท้ๆ เชียวอาคุตางาวะปล่อยมือออกจากข้อมืออีกฝ่ายแล้วหันมาคุยกับชูยะด้วยท่ายืนล้วงกระเป๋าเสื้อคลุมเข้าทั้งสองข้าง แล้วผู้หญิงคนนั้น...เป็นใครจากไหนกัน

    อ้อ...เป็นแค่คนรู้จักของไอ้เบื๊อกดาไซน่ะ เจ้าแว่นนั่นฝากให้ฉันช่วยเดินทัวร์เมืองโยโกฮาม่าแล้วเดินไปทำตามกำหนดการอะไรของมันเฉยเลย

    เอ๊ะ...? คุณคือทาจิบานะ ยูกิ...ที่คุณดาไซเล่าให้ฟังเมื่อเช้าเองเหรอครับชายหนุ่มผมขาวหยิบถุงเสบียงขึ้นพร้อมเดินตรงเข้ามาหาอย่างสงสัย

    ฉันพยักหน้าให้และถามชื่อจริงของเขา คำตอบคือ นากาจิมะ อัตสึชิ คนที่นักสืบจิตพิลึกนั่นพูดแว่วๆ ตอนช่วยดึงขึ้นจากแม่น้ำว่า เคยขัดขวางการฆ่าตัวตายมาก่อน เมื่อลองถามชื่ออีกคน เขาไม่ตอบอะไรเลย แถมยังมองด้วยสายตาเย็นชาอีก อัตสึชิแอบโมโหแล้วจึงตอบคำถามแทน นั่นคือ อาคุตางาวะ ริวโนะสึเกะ

    กระผมไม่ได้อยากมีเพื่อนเพิ่มเลยสักนิด...ขอแค่คุณดาไซคนเดียวก็เพียงพอแล้ว

    เออๆ ทั้งชีวิตพล่ามแต่ชื่อดาไซอยู่นั่นแหละ เป็นลูกแหง่ติดพ่อรึไง

    “...”

    ชูยะถึงกับต้องพูดดุเหมือนเป็นพ่อแม่ช่างจุ้นจ้าน อาคุตางาวะเงียบไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งก่อนที่จะเดินออกจากซอกหลืบ ทิ้งพวกเราสามคนไว้ด้านหลัง

    ถ้าคุณท่านจะเกิดมาเย็นชาขนาดนี้ ก็เชิญกักขังตัวเองในห้องนอนแล้วไม่ต้องออกมาพบปะกับคนอื่นเขาหรอกนะคะ...

    เอาล่ะ...ถึงเวลาที่ฉันจะต้องกลับฐานพอร์ตมาเฟียแล้วสิ ฝากส่งยูกิหน้าสำนักงานนักสืบบุโซด้วยละกัน เจ้าเสือสมิง” มาเฟียหนุ่มผมส้มเดินตามออกไปและโบกมือลาแบบส่งๆ

    อัตสึชิถอนหายใจหนักหน่วงที่รอดพ้นจากสถานการณ์ย่ำแย่เมื่อครู่สักที เขาเล่าให้ฟังว่า ก่อนที่อาคุตางาวะจะไล่ตามนั้น หนึ่งในสมาชิกสำนักงานนักสืบบุโซได้สั่งให้ไปซื้อเสบียงที่ใกล้หมดตู้แต่กลับไม่มีใครช่วยเลยสักคน เขาพูดประโยคที่ดาไซบอกทิ้งท้ายให้ว่า ถ้าเดินในตัวเมืองเช้านี้เดี๋ยวจะเจอตัวยูกิจังเอง พอถึงคราวนั้นค่อยขอให้ช่วยถือของก็ได้และดันมีการเลียนเสียงด้วย จนทำให้ฉันต้องหลุดขำออกมาเล็กน้อย

    เอ่อ...ผมพูดส่วนไหนเพี้ยนไปรึเปล่าครับ คุณทาจิบานะ

    ปะ...เปล่าจ้ะ แค่รู้สึกว่าเลียนเสียงได้เหมือนพอควรเลยน่ะ ก็เลยเผลอนิดหน่อย

    ตื๊ดด~ ตื๊ดด~ ตื๊ดด~

    เสียงโทรศัพท์สั่นจากกระเป๋ากางเกงดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาพอดี เมื่อหยิบมาดูหน้าจอพบกับเบอร์โทรแปลกๆ (อีกแล้วเหรอ) ฉันชักจะเริ่มไม่มั่นใจหรือไว้ใจพิลึกแต่ก็ยังคงต้องกดรับสายโดยไม่พูดอะไรจนกว่าปลายสายจะยืนยันตัวตน

    “...”

    หืมม? กดรับสายแต่ไม่พูดอะไรเลยงั้นเหรอ ใจร้ายจังน้า...ยูกิจัง

    ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจปนกับประหลาดใจ เสียงนั่นเป็นเสียงของผู้ชายที่คุ้นหูอย่างดี ใช่...ตัวตนนั่นคือ นักสืบหนุ่มจิตพิลึกหาเรื่องฆ่าตัวตายอย่างดาไซยังไงล่ะ

    นี่คุณ...รู้จักเบอร์ฉันได้ไงกัน

    มันก็ต้องมีการค้นตัวเอาโทรศัพท์ตอนเธอนอนอยู่แล้วสิ โชคดีจังนะที่ได้บันทึกเบอร์ไว้พอดี อ้อ...และก็มีอีกอย่างที่ไม่บอกไม่ได้เลยด้วย ตั้งใจฟังนะ

    เดี๋ยวๆ แพทเทิลการคุยนี่มันจะเหมือนของอาชญากรนั่นไปไหนฟะ! อีกอย่างเขากลับแอบลักลอบโทรศัพท์ไปส่องเบอร์ฉันด้วย...ขี้โกงชะมัด

    อ่ะ...ว่ามาเลย

    ยูกิจังตอนนี้ได้เจออัตสึชิคุงรึยังเอ่ย ถ้าอยู่แล้วช่วยเปิดลำโพงที

    อื้ม...เขายืนอยู่ข้างฉันแล้วล่ะฉันพูดตอบรับอีกฝ่ายพร้อมกดเปิดโหมดลำโพงให้อัตสึชิได้ฟังด้วย

    ดีเลยๆ คืองี้...ที่สำนักงานนักสืบกำลังตกอยู่ในอันตราย ฉันอยากให้พวกเธอสองคนรีบกลับมาช่วยให้ไวที่สุดน่ะ

    ห๊ะ? เอาอีกแล้ว...ตกอยู่ในอันตรายแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะแก้ไขมันง่ายๆ ขนาดนั้นนะ เมื่อวานก็เหนื่อยและลำบากกับคดีคนหายต่อเนื่องเหลือเกินแล้ว

    คุณดาไซ? แล้วที่นั่นยังมีสมาชิกคนอื่นรวมอยู่ด้วยรึเปล่าครับ

    มีเพียงประธานคนเดียวเท่านั้นที่โดนผู้บุกรุกจับเป็นตัวประกัน ที่เหลือยังไม่เข้ามาทำงานเลยสักคน ส่วนคุนิคิดะคุงกับฉันก็โดนไล่ให้ลงมาอยู่ในคาเฟ่ประจำสำนักงานนี่แหละ

    ดันเกิดเรื่องตั้งแต่เช้าแบบนี้ กำหนดการของฉันที่กะว่าจะทำถึงได้ยุ่งเหยิงทั้งตารางเลย ฉันและอัตสึชิได้ยินเสียงคุนิคิดะกำลังบ่นงึมงำเกี่ยวกับกำหนดการในสมุดอุดมคติด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย อ้อ...พวกนายอย่าชักช้าละกัน ขืนปล่อยนานไป สำนักงานของเราเละเทะแน่ๆ

    รับทราบ!! จะไปตอนนี้เลยครับ/ค่ะ!!”

    ติ๊ด!

    ฉันกดวางสายและเก็บใส่กระเป๋ากางเกงอย่างไว จากนั้นพวกเราสองคนก็รีบมุ่งหน้ากลับไปยังสำนักงานนักสืบบุโซโดยให้อัตสึชิเป็นคนนำทาง ตอนนี้ยังโชคดีบ้างที่ผู้คนพากันทำธุระของตัวเอง ไม่ค่อยเดินเพ่นพ่านหรือการจราจรทางถนนแล้ว ทำให้วิ่งกลับได้รวดเร็วยิ่งกว่า

    ฉันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคนเมืองทั้งทีต้องทำสิ่งที่เคยใฝ่ฝันให้สำเร็จ ถึงแม้จะไม่ใช่สมาชิกในสำนักงานนักสืบบุโซ แต่การช่วยเหลือชีวิตผู้คนก็ยังคงเป็นหน้าที่ที่อยากทำเพื่อสังคมบ้านเมืองอยู่ดี

    หวังว่าประธานคนนั้นจะปลอดภัยนะ...

     

    ณ หน้าอาคารสำนักงานนักสืบบุโซ

    หลังจากฉันและอัตสึชิวิ่งมาประมาณเกือบห้านาที พวกเราก็ได้มาถึงจุดหมายอย่างสำนักงานนักสืบบุโซสักที สภาพภายนอกตอนนี้ยังดูปกติดี แต่ภายในอาจจะย่ำแย่กว่าที่คิดหลายเท่า

    แฮ่ก...แฮ่ก...ในที่สุดก็ถึงจนได้นะครับ เล่นเอาเหนื่อยหอบพอควรเลย

    นะ...นั่นสินะ แต่เราจะยืนพักนานๆ ไม่ได้ ยิ่งประธานโดนจับเป็นตัวประกันแบบนี้...มันแย่ที่สุดเลยไม่ใช่เหรอฉันพักหายใจเป็นจังหวะด้วยความเหนื่อยอ่อนและค่อยๆ เดินไปเปิดประตูอาคารคนแรก เอ่อ...ฉันว่าให้อัตสึชิคุงที่เป็นหนึ่งในสมาชิกนำทางก่อนเลยดีกว่า

    ชายหนุ่มผมขาวพยักหน้าตกลงพร้อมเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ฉันมองซ้ายขวาเพื่อความมั่นใจในความปลอดภัย เดินตามและปิดประตูไว้ เขานำทางจนถึงลิฟต์ตรงหน้าแล้วกดปุ่มพาขึ้นไปยังชั้นสี่ หัวใจของฉันเต้นรัวด้วยความกังวลและหวั่นระแวง มือทั้งสองกุมไว้กลางอก ภาวนาให้เขายังอยู่รอดต่อ

     

    ไม่ต้องกลัวหรอก พอถึงเวลาจริงๆ เธอก็คงจะหาทางรับมือมันได้ ฉันเชื่อมั่นแบบนั้นนะ...ยูกิจัง

     

    ในขณะที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ประโยคเดิมๆ ของดาไซก็ลอยเข้ามาให้กำลังใจ มันทำให้เพิ่งรู้สึกนึกได้ว่าทั้งตัวเขาและคุนิคิดะถูกไล่ให้อยู่ในคาเฟ่ ฉันจึงรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนหาเบอร์ที่โทรครั้งล่าสุดพร้อมกดโทรหาอย่างไม่รีรอ

    “...”

    เสียงรอสายดังคลอไปหลายวินาที ไม่มีวี่แววการกดรับ พอลองกดวางสายแล้วกดโทรใหม่อีกรอบสองรอบ ผลตอบกลับก็ยังเหมือนเดิม ดาไซไม่ยอมรับสายเลย จนกระทั่งลิฟต์ได้เลื่อนขึ้นถึงชั้นสี่เรียบร้อย ฉันเริ่มไม่ทนกดวางสายและไม่โทรต่ออีก

    ปิ๊ง!

    จากนั้นอัตสึชิก็ค่อยๆ พาเดินนำเหมือนย่องเบาไม่ให้คนในห้องได้ยินจนถึงหน้าประตูที่มีป้ายติดชื่อว่า Armed detective agency พวกเรายืนมองสักพักก็เริ่มทำการตกลงว่าใครจะเป็นคนเดินเข้าปะทะกับอีกฝ่าย หรือใครจะเป็นคนสนับสนุนอยู่ด้านหลัง ผลสรุปคือฉันกลายเป็นแนวหน้าซะนี่

    คุณทาจิบานะเริ่มก่อนเลยครับ...ผมจะคอยซัพพอร์ตอยู่ข้างหลังเอง

    เอ่อ...อื้ม จะพยายามนะ

    ว่าจบมือซ้ายของฉันก็จับใส่ฮู้ดหูกระต่ายคลุมหัวไว้ มือขวายื่นตรงหน้าจับลูกบิดประตูแล้วค่อยๆ เปิดเข้าไปข้างใน สิ่งที่พบมีแต่ความว่างเปล่า บรรยากาศห้องเป็นสไตล์การทำงานเอกสารทั้งนั้น ทางด้านซ้ายมือมีจุดรับแขกไว้ให้นั่งพักหรือคุยเรื่องธุระต่างๆ แปลกยิ่งกว่าคือ ไม่มีใครอยู่สักคน ทั้งผู้บุกรุกและประธานคนนั้นเลย แถมโต๊ะทุกตัวยังไม่มีอะไรวางอยู่ด้วย

    เอ๊ะ...? เดี๋ยวนะ...นี่มันกับดักหรืออะไรรึเปล่าเนี่ย...

    “ก็...ตามนั้นแหละครับ คุณได้ติดกับดักเป็นที่เรียบร้อย

    สิ้นเสียงของอัตสึชิจากด้านหลังแล้ว ฉันรีบหันกลับไปดูก่อนที่จะพบว่า เขากำลังถือปืนจ่อมาทางนี้อยู่ และยังมีคนอื่นเคลื่อนตัวออกจากจุดซ่อนต่างๆ พร้อมจ่อปืนคนละรูปแบบกันอีกด้วย แต่มีเพียงคนเดียวที่เดินออกมาปกติ เขาคนนั้นเป็นผู้ชายวัยเลขสี่ผู้มาพร้อมผมสีเงินยาวระต้นคอจนถึงบนไหล่ ดวงตาสีโลหะออกน้ำเงินนิดๆ ชุดที่ใส่เป็นยูกาตะสีเขียวภายใต้ผ้าคลุมสีดำขอบทอง จนถึงถุงเท้าสีขาวและรองเท้าแตะ

    เธอคือทาจิบานะ ยูกิ ผู้หญิงที่มีพลังพิเศษเป็นอสรพิษสินะคนตรงหน้าที่คิดว่าน่าจะเป็นประธานประจำสำนักงานนักสืบเปิดปากถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่งปนกับความน่าเกรงขาม

    “เอ่อ...คุณรู้เรื่องนี้มาจากไหนเหรอคะ...ฉันยกมือขึ้นระดับหัวทั้งสองข้างเพื่อยอมจำนนป้องกันตัวเองไม่ให้ทุกคนในบริเวณนี้เหนี่ยวไกปืน

    มีคนมาเล่าข่าวลือให้ฟังไม่นานนี้เอง...และก็ขอถามอะไรอย่างนะเขาเริ่มเดินเข้ามาใกล้แล้วจ้องมองที่ดวงตาและผ้าปิดตาของฉัน ตัวเธอที่เคยสังหารผู้คนด้วยคำสาปของตนมาก่อน...สามารถกลับตัวเป็นคนดีได้หรือไม่

     

    เอาจริงๆ ฉันไม่ได้อยากฆ่าใครเลยด้วยซ้ำ ขืนมีพลังพิเศษแบบนี้ต่อไปล่ะก็...

    คงจะเป็นคนดีไม่ได้คืองี้นะ...ยูกิจัง ตราบใดที่ยังมีผ้าปิดตาผนึกคำสาปไว้ ถือว่าเรื่องนั้นเป็นแค่อดีตที่โหดร้ายในวัยเด็ก ฉะนั้นสิ่งที่ควรทำคือ ลืมๆ มันไปและใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอ” 

     

    หลังจากเขาถามจบ จู่ๆ คำพูดตอนที่ฉันเล่าเรื่องพลังพิเศษให้ดาไซและคุนิคิดะจบแล้วคิดว่ามันยากที่จะกลับเป็นคนดีก็ลอยเข้ามาโดยไม่รู้ตัว เหมือนกำลังตอกย้ำความคิดภายในใจ แต่ว่า...สุดท้ายคำสาปก็ค่อยๆ ถูกชำระล้างหลังจากช่วยเหลือคนบริสุทธิ์กลุ่มนั้นเรียบร้อยแล้ว

    ฉันถอดฮู้ดหูกระต่ายออก ตอบคำถามจากใจด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น จริงจัง ไม่มีการเสแสร้งใดๆ ทั้งสิ้น

    ได้แน่นอนค่ะ...ล่าสุดฉันเคยช่วยเหลือเหยื่อในคดีคนหายต่อเนื่องเพื่อการค้าอวัยวะมาแล้ว คำสาปถูกชำระล้างตั้งแต่ตอนนั้นจนยืนหยัดมีชีวิตต่อถึงตอนนี้ได้ ฉัน...ใฝ่ฝันอยากจะช่วยเหลือผู้คนมานาน และในที่สุดมันก็กลายเป็นจริง ความมุ่งมั่นที่จะช่วยพวกเขายังคงฝังอยู่ไม่เลือนราง เพราะงั้น...ขอแค่มีชีวิตพร้อมทำตามความฝันนั้นจนวันตายก็พอใจแล้วค่ะ

     เมื่อฉันพูดจบ เขาก็จ้องเข้ามาลึกในดวงตาสักพักแล้วพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่จะกวักมือหนึ่งทีลงเชิงส่งสัญญาณให้ทุกคนวางปืนลง

    เป็นแววตาที่ดีเลย...ทาจิบานะ ฉันเชื่อว่าเธอต้องมีโอกาสใช้พลังพิเศษให้เป็นประโยชน์อย่างแน่นอน ที่พูดแบบนี้ได้ก็เพราะ...การพิสูจน์ความบริสุทธิ์จากตัวเธอถูกประเมินผลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    เอ๊ะ...? หมายความว่ายังไงเหรอคะ...

    “...” เขาไม่ตอบแต่กลับดีดนิ้วเรียกอะไรสักอย่างแล้วเดินเข้าห้องทางขวามือ

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    เซอไพรส์!!!” คนที่เหลือรอบตัวฉันต่างร่วมกันโยนปืนลงและดึงพลุฉลองให้ซะจนหัวใจแทบร่วงลงตาตุ่ม ทาจิบานะ ยูกิ!! ยินดีด้วยนะที่ผ่านบททดสอบอย่างแท้จริงแล้ว!!”

    เอ๊ะ? เอ๋!?”

    เงิบสิคะรออะไร อยู่ๆ ฉันก็ผ่านบททดสอบกับอีแค่ตอบคำถามเมื่อกี้เองเรอะ!

    ดีจัง...เป็นอย่างที่ฉันคาดไว้เลยแฮะ แถมยังวิ่งกลับมาเร็วด้วย นั่นคงเพราะสัญชาตญาณของผู้ใช้พลังพิเศษที่พร้อมช่วยเหลือทุกคนสินะดาไซที่เดิมทีควรอยู่ในคาเฟ่ได้เดินเข้ามาจากข้างหลังแล้วยืนตบบ่าขวาฉันข้างๆ พร้อมแสดงสีหน้ายิ้มแย้มให้

    ให้ตายเถอะ...ไม่คิดเลยว่าความฝันของเธอจะดูยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แต่อย่างน้อยมันก็เป็นไปตามกำหนดการของฉันแล้วล่ะนะคุนิคิดะที่ติดตามหลังอีกคนมานั้นหยิบสมุดอุดมคติขึ้นมาขีดเขียนอะไรบางอย่างเพิ่มเติม คิดว่าจะน่าตรวจเช็ครายการที่ทำไปแล้วมากกว่า

    ความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือผู้คนของคุณวิเศษมากจริงๆ นะครับ คุณทาจิบานะอัตสึชิเดินอ้อมมาพูดพร้อมแสดงรอยยิ้มอันแสนอ่อนโยนให้

    และก็ต้องขอโทษที่แอบโกหกเรื่องเหตุด่วนเมื่อกี้นะ เจ้าสิ่งนี้ฉันคิดมาเพื่อทดสอบความจริงใจของเธออีกขั้นหนึ่งต่อจากการช่วยคลี่คลายคดีเมื่อคืนโดยเฉพาะ จะได้ยืนยันและพิจารณาชัดเจนยิ่งขึ้น

    นักสืบจิตพิลึกอธิบายนู่นนี่นั่นให้แจ่มแจ้งยิ่งกว่าบางอ้อ อย่างแรกคือตอนร่วมกันทำภารกิจช่วยเหลือคนบริสุทธิ์ผู้เป็นเหยื่อในคดีคนหายต่อเนื่องเมื่อคืน สาเหตุที่ฉันรู้สึกหวั่นระแวงว่ากำลังมีใครบางคนแอบมองข้างหลัง นั่นไม่ใช่หนึ่งในอาชญากรชุดดำ แต่เป็นประธานประจำสำนักงานนักสืบแทน แถมไม่ได้มาคนเดียวด้วย สมาชิกคนอื่นต่างแอบเดินตามดูสถานการณ์ในแต่ละช่วง

    และตอนที่ฉันต้องรับมือกับกลุ่มคุณลุงนายพรานคนเดียว เขากับคุนิคิดะได้แอบวางแผนโดยให้เพื่อนร่วมงานทำเป็นโวยวายไม่อยากอยู่สำรวจที่บ้านฉันต่อ พอทุกอย่างเริ่มลงตัว ทางหนุ่มแว่นติดต่อสมาชิกแต่ละคนให้ลองสังเกตการณ์การกระทำของฉันพร้อมประเมินผลทดสอบก่อนที่จะรายงานไปทางประธาน

    คือแบบ...อะไรมันจะแผนซ้อนแผนขนาดนั้นคะ ฉันฟังจบถึงกับเอ๋อและเงิบแดกนานเลย

    ทีนี้ก็รู้ถึงวิธีการทดสอบเข้าเป็นพนักงานสำนักงานนักสืบบุโซของพวกเราแล้วสินะ ยูกิจัง

    อะ...อื้ม ไม่คิดเลยว่าจะมีการแอบทดสอบแบบนี้อยู่จริง ตอนที่คุณบอกมาแว่วๆ ว่า ให้ฉันลองใช้พลังพิเศษในการช่วยคนดู นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งด้วยสินะ

    ทุกคนยกเว้นคุนิคิดะต่างยิ้มกว้างให้แทนคำตอบของพวกเขา ฉันเบิกตาด้วยความตกตะลึงและแอบดีใจที่ความฝันได้ไต่ขึ้นไปหนึ่งขั้นแล้ว ต่อมาเหล่าสมาชิกเก่าในสำนักงานนักสืบก็พากันเตรียมข้าวของมาเฉลิมฉลองเต็มโต๊ะ 

    แม้ว่าห้องจะไม่ได้ถูกตกแต่งหรูหรามากมายนัก แต่มันดูยิ่งใหญ่พอสำหรับตัวฉันในฐานะสมาชิกคนใหม่ที่เคยเป็นคนป่าแล้วล่ะ

    อย่าลืมรักษากฎระเบียบของพวกเราที่จะได้ฟังต่อจากนี้ด้วย ทาจิบานะคุนิคิดะขยับแว่นตัวเองหนึ่งทีและบอกหลักการพื้นฐานของสำนักงานนักสืบแห่งนี้ พวกเราเป็นองค์กรที่ทำงานเป็นกลุ่ม จะลุยเดี่ยวมันเป็นแค่กรณียกเว้นเท่านั้น พึงระลึกด้วยว่าเธอเป็นพนักงานนักสืบแล้ว อย่าให้การกระทำแย่ๆ มาส่งผลเสียในภายหลังเป็นอันขาด...เข้าใจนะ

    รับทราบค่ะ...คุณคุนิคิดะฉันไม่มีคำพูดอื่นใดจะพูดต่อเลยนอกจากพยักหน้าตกลงพร้อมรอยยิ้มกว้างที่สดใสยิ่งกว่าครั้งก่อน

    ดีแล้วล่ะ...ทีนี้พวกเราไปร่วมฉลองกันเถอะ เรื่องค่าใช้จ่ายในบัญชีของฉันก็ไม่ได้มากมาย เพราะงั้นไม่ต้องกังวลหรอก

    ว่าจบเขาก็แอบยิ้มให้บางๆ แล้วเดินรวมกลุ่มกับสมาชิกคนที่เหลือ นั่นทำให้รู้สึกได้ถึงความหายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร รอยยิ้มจากคนบ้าคลั่งในอุดมคติและกำหนดการเหมือนเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ตอบแทนเรื่องที่เคยถูกช่วยคลี่คลายคดีให้เลย ฉันแอบหัวเราะเล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าร่วมฉลองเนื่องในโอกาสได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานนักสืบบุโซครั้งนี้

    ขอบคุณมากจริงๆ นะ ดาไซ...คุนิคิดะ...และก็ทุกคนๆ ที่ทำให้ฝันของฉันได้กลายเป็นจริงสักที...

    [ To be continued ]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×