คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Episode 13 เวทีโชว์ตัวตน (การเตรียมแผน)
หลังจากหญิงสาวที่ชื่อ เรียวโกะ
แนะนำตัวให้รู้จักเป็นเพื่อนแล้ว เธอก็เตรียมตัวก้าวเท้าเดินออกจากซอกหลืบแห่งนี้เพื่อทำธุระต่อ
แต่ฉันได้ชิงบอกไว้ก่อนว่า ถ้ามีโอกาสให้เจอกันที่คาเฟ่ประจำสำนักงานนักสืบบุโซพร้อมเขียนที่อยู่ในสมุดและฉีกกระดาษออกยื่นตรงหน้า
“นี่คือที่อยู่นะ...ฉันเพิ่งเป็นหน้าใหม่เข้าทำงานในสำนักงานนักสืบบุโซ
เอ่อ...ถ้ามีพวกคดี เรื่องที่อยากร้องเรียนหรือปรึกษา...ก็เดินขึ้นชั้นสี่ได้เลย”
“หืมม...นักสืบ...” อีกฝ่ายจับกระดาษมองผ่านผ้าคาดตาสีเทานั่นซึ่งไม่อาจแน่ใจได้ว่ามองเห็นจริงๆ
รึเปล่า ฉะนั้น...ฉันจึงเริ่มเปิดปากถามออกไป
“เอ่อ...เรียวโกะ เธอใส่ผ้าคาดตาแบบนั้นแล้ว...มองเห็นภาพทุกอย่างเลยงั้นเหรอ”
“อืม ถึงมันจะแปลกไปหน่อย...แต่ฉันยังพอมองเห็นอยู่”
“สะ...สุดยอด...ขนาดผ้าปิดตาสีดำข้างขวาของฉันยังเทียบอะไรไม่ติดจริงๆ”
แม้พยายามสังเกตผ้าคาดตาของเรียวโกะทั่วทุกซอกมุม
แต่พอมีสายคาดเล็กๆ อยู่ จึงรู้คำตอบว่าไม่มีช่องว่างให้กับสายตาคู่นั้นแน่นอน
แปลกดีแฮะ...
ตื๊ดด~ ตื๊ดด~ ตื๊ดด~
“...?”
ในช่วงเวลานั้นเอง
เสียงโทรศัพท์สั่นในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นขัดจังหวะการพูดคุยของพวกเราพอดี
เมื่อหยิบมาดูหน้าจอพบกับเบอร์โทรของเสือสมิงตัวขาว
ฉันขอตัวคุยโทรศัพท์แล้วเดินออกห่างไปประมาณสามก้าวจากหญิงสาวผมน้ำตาลเข้มพร้อมกดรับสาย
“ฮัลโหล...อัตสึชิคุง”
“คุณทาจิบานะ...ผมซื้อของตามลิสต์รายการครบเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนเหรอครับ”
“อะ...อ่อ กำลังจะกลับไปหาแล้วล่ะ ยังไงก็ยืนรออยู่จุดเดิมที่ฉันแยกทางละกันเนาะ”
“โอเคครับ”
ติ๊ด!
ว่าจบก็กดวางสายพร้อมเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไว้แล้วค่อยเดินบอกเรียวโกะเกี่ยวกับเรื่องเมื่อครู่
พวกเราเริ่มแยกย้ายทำธุระของตัวเองต่อจากนี้ไปโดยต่างคนต่างมุ่งหน้ากันคนละทาง ซึ่งระหว่างนั้นเอง
สัญชาตญาณนักสืบได้ถูกปลุกขึ้นเองก่อนที่จะหยิบสมุดจดบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ตั้งแต่เจอกลุ่มแบล็คโคลเวอร์จนถึงเรื่องของเรียวโกะ
“...”
จะว่าไป...ผู้หญิงชุดสีม่วงคนนั้นมีโค้ดเนมเป็นตัวอักษรไหนกันนะ
ข้อมูลเล็กๆ แค่นี้มัน...ยังดูน้อยเกินแฮะ
“อืม...”
เอาเป็นว่ารีบกลับไปหาอัตสึชิแล้วกลับสำนักงานดีกว่า
ตึกๆๆๆๆ
ฉันรีบมุ่งหน้าออกจากซอกหลืบนั้นอย่างเร่งรีบ
สับเท้าวิ่งตามริมถนนอันไร้ซึ่งผู้คนเดินเพ่นพ่านจนกระทั่งมาถึงหน้าร้านขายของแห่งหนึ่งซึ่งเป็นจุดที่ได้รับข้อความของดาไซแล้วค่อยแยกทางออกไป
“แฮ่ก...แฮ่ก...กะ...กลับมาแล้วจ้ะ ขอโทษทีที่ทำให้รอนาน...”
“แล้ว...คุณดาไซได้คุยเรื่องอะไรไว้เหรอครับ” อัตสึชิมีท่าทีประหลาดใจก่อนที่จะหันมาถามด้วยความสงสัย ทำเอาฉันรู้สึกสะดุ้งเบาๆ
แล้วพูดกระตุกกระตัก
“...!? อะ...เอ่อ...คือ...”
ชิบละ...เรื่องนี้มันไม่ใช่อย่างที่เขาคิดไว้ซะด้วยสิ
เพราะสิ่งที่ฉันพบเจอไม่ใช่นักสืบสองคน แต่กลับเป็นกลุ่มแบล็คโคลเวอร์แทน
“ความจริงฉัน...จะ...เจอ...”
“เจอ...?”
“อะ...เอาเป็นว่าพวกเรารีบกลับสำนักงานกันดีกว่านะ ดูท่าทางจะเสียเวลาไปค่อนข้างเยอะเลย”
ด้วยการที่ยังไม่กล้าพูดท่ามกลางสาธารณะ
ฉันจึงเริ่มตัดสินใจพูดเปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นแทนพร้อมเดินนำทางเพื่อกลับสำนักงานนักสืบบุโซอย่างเร็วไวพร้อมรำลึกว่าข้อมูลทั้งหมดต้องได้รับรายงานให้สมาชิกทุกคนเพื่อเตรียมแผนการอย่างถูกต้อง
บ้าจริง...นี่เราเป็นอะไรไปกันแน่เนี่ย รู้สึกไม่มั่นใจตัวเองเลย
ณ สำนักงานนักสืบบุโซ
หลังจากตามซื้อเสบียงตามลิสต์รายการของคุนิคิดะจนเกิดเรื่องใหม่ขึ้น
พวกเราทั้งสองคนก็หิ้วถุงพลาสติกเข้าห้องเก็บเสบียงแล้วหยิบหนังสือแฟนตาซีสยองขวัญแยกออกไว้เป็นของขวัญต้อนรับรัมโปหลังเลิกงาน
ตึก...ตึก...ตึก
“เอ่อ...นี่ค่ะ คุณคุนิคิดะ” ฉันค่อยๆ เดินไปนั่งประจำที่เดิมพร้อมยื่นหนังสือให้ตรงหน้านักสืบแว่นผมบลอนด์เข้มซึ่งตอนนี้เคลียร์งานเรียบร้อยแล้ว
“ขอบใจนะ...ทาจิบานะ แบบนี้คุณรัมโปต้องชอบมากแน่ๆ”
“...” ฉันส่งรอยยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะนั่งกวาดสายตามองรอบตัว
นักสืบผมน้ำตาล...ดาไซยังคงนั่งอ่านคู่มือสีแดงเล่มโปรดอย่างสบายใจราวกับว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ
แต่มันกลับทำให้ฉันรู้สึกสงสัยเพราะข้อความที่ส่งมาหาเมื่อไม่นานนี้
“ยูกิจัง...? เป็นอะไรไปเหรอ
ดูท่าทางเคร่งเครียดนะเนี่ย...”
“...ดาไซ วันนี้ฉันเผชิญหน้ากับหนึ่งในองค์กรแบล็คโคลเวอร์แล้วล่ะ”
“...!!?” เหล่าสมาชิกนักสืบในห้องที่เหลือต่างหยุดชะงัก
วางงานทุกอย่างลงแล้วหันมามองทางนี้ด้วยความพร้อมเพรียง
“งะ...งั้นตอนที่คุณบอกว่าเจอ...อะไรสักอย่างนั่น...”
“อืม...มันหมายถึงเรื่องนี้น่ะแหละ อัตสึชิคุง อ้อ...จริงด้วยสิ...” ฉันหันมองนักสืบข้างๆ ในขณะที่มือขวาล้วงกระเป๋าหยิบโทรศัพท์พร้อมกดเมนู Message แล้วเปิดข้อความจากเบอร์ดาไซ
“...?”
“คุณคุนิคิดะ...คุณกับดาไซได้ส่งข้อความนี้ให้ฉันรึเปล่าคะ...”
“ห๊ะ...? ข้อความนั่นพวกฉันไม่ได้ส่งให้เลยนี่นา
เธอลองดูรายละเอียดให้ทั่วก่อนสิ”
มะ...ไม่ได้ส่ง? บ้าน่า...มันจะเป็นไปได้ยังไง
พอคิดเช่นนั้น ฉันจึงตัดสินใจยื่นโทรศัพท์ให้คุนิคิดะอ่านเนื้อหาใจความทั้งหมด
“...”
“จาก : ดาไซ โอซามุ
ถึง :
ทาจิบานะ ยูกิ
ขอโทษที่รบกวนนะ ยูกิจัง แต่ฉันและคุนิคิดะคุงอยากคุยธุระกับเธอด้วยหน่อย
ระหว่างนั้นก็ฝากอัตสึชิคุงซื้อเสบียงรอไว้ก่อนเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอย่างเปล่าประโยชน์
งั้นเจอกันตามพิกัดที่ฉันแนบส่งไว้นะ”
หลังจากนักสืบแว่นอ่านถึงช่วงสุดท้ายของข้อความ
เขาก็จับจ้องมองแล้วกดดูรายละเอียดนู่นนี่ ตั้งแต่วันเวลาที่ส่ง หมายเลขเบอร์และจุดพิกัดนัดหมาย
“ทาจิบานะ...นี่มันหมายความว่าไงกัน...” เขาถามด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดแล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะทำงานก่อนที่จะจับไหล่ฉันไว้แน่น
“เธอยอมออกไปหากับดักคนเดียวแบบนี้...ไม่คิดจะระวังเนื้อระวังตัวเลยงั้นเหรอ!!”
“น่าๆๆ คุนิคิดะคุง ใจเย็นก่อนนะ” ดาไซพูดห้ามปรามไว้ในขณะที่ตัวเองกำลังเก็บคู่มือเล่มสีแดงวางลงเบาๆ
แล้วค่อยหันหน้าคุยอย่างจริงจัง “คืองี้นะ...ยูกิจัง
ความจริงแล้วเนี่ย...โทรศัพท์ของฉันก็เพิ่งหายไปไม่นานนี้เอง คิดว่าน่าจะหายตั้งแต่ตอนลืมพกติดตัวแน่ๆ”
“...!? จริงด้วย...ตอนที่พวกเราประชุมเรื่องคดีคานาเอะ นายลืมเอาไว้ในห้องพักจนต้องใช้โทรศัพท์ของฉันสินะ
งั้นแปลว่า...”
“เรื่องนี้คุณคานาเอะไม่ได้สารภาพมาน่ะ
คิดว่าน่าจะเป็นฝีมือคนอื่นมากกว่า”
ฝีมือคนอื่น...? ใช่สมาชิกคนที่เหลือรึเปล่านะ
“อ่ะ...จะว่าไปเมื่อกี้...ยูกิจังบอกว่าเจอหนึ่งในองค์กรแบล็คโคลเวอร์สินะ”
ดาไซเริ่มเปิดประเด็นใหม่ต่อจากตอนที่ฉันบอกเขาตั้งแต่เนิ่นๆ นี้ “ไหนลองบรรยายรูปลักษณ์ของคนๆ นั้นให้ฟังที”
“อะ...อื้ม” ฉันพยักหน้าตกลงพร้อมหยิบสมุดจดขึ้นมาเปิดอ่านหลักฐานดังกล่าว
“สมาชิกที่เจอเป็นผู้หญิงในชุดออฟฟิศทั่วไปธีมสีม่วง ผมเกล้ามวยสีชมพู
นัยน์ตาสีน้ำตาล-ทองเข้มไร้อารมณ์ แถมยังมีลูกน้องพกอาวุธปืนค่อนข้างเยอะพอควร
ส่วนเรื่องพลังพิเศษยังไม่มีการเปิดเผย”
“ฮืม...สาวออฟฟิศ...” นักสืบผมน้ำตาลทำท่าครุ่นคิดไปไม่กี่วินาทีแล้วลองคาดเดาให้ฟังหนึ่งข้อ
“ถ้าเป็นเหมือนฮิกุจินี่ก็อาจมีความเป็นไปได้สูง
เพราะเธอคนนั้นไม่มีพลังพิเศษแต่ยังมีความสามารถและเชี่ยวชาญเรื่องปืน”
“อย่างนี้นี่เอง...แอบคิดลึกๆ อยู่เหมือนกันว่าทำไมฮิกุจิใช้แต่ปืนอย่างเดียว”
“ก็ประมาณนั้นแหละนะ แล้ว...มีข้อมูลอะไรที่จดเพิ่มเติมอีกรึเปล่า”
“เอ่อ...ก็มีอยู่อีกแค่สองเรื่องน่ะ” ฉันเปิดสมุดหน้าถัดไปจนกระทั่งถึงช่วงที่ตัวเองจดไว้ “เรื่องแรกคือ...งานคอนเสิร์ตของไอดอลหน้าใหม่ชื่อ ฮารุกะ
หลายคนต่างพูดถึงกันเยอะ โดยเฉพาะเหล่านักเรียนหญิง งานจะเริ่มภายในเย็นนี้”
“อ๋อ~ ไอดอลที่ฉันเคยพูดถึงนี่เอง~ ลองไปตามหลีหลังเลิกงานสักหน่อยดีกว่---
แอ่ก!!”
ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะพูดจบประโยค
ฝ่ามืออรหันต์จากคู่หูร่วมงานอย่างคุนิคิดะก็ฟาดเข้ามาที่กะโหลกเต็มแรงแล้วค่อยลากคอเสื้อเตรียมลงไม้ลงมือเขย่าตัวสั่งสอน(รอบสองของวันนี้)
“จำไม่ได้รึไงว่าให้สนใจเรื่องงานมากกว่าผู้หญิง!!
ไอ้ตัวสิ้นเปลืองผ้าพันแผลผีบ้า!! แกนี่มันสอนยากเย็นเกินคนจริงๆ
เลยนะ!!”
“อ้าว~ คุนิ-คิดะคุง-เคยบอกว่า~ หลีสาวได้-เมื่อว่างงาน-นี่นาา~”
“อ่ะ...”
ดาไซนี่...ช่างรู้ทันจริงอะไรจริง ทำเอาหลายคนเงิบเป็นแถวเลย!
“นะ...หนอยย~ ฉันเกลียดคนรู้ทันอย่างแกจริงๆ” เจ้าตัวทำท่าทีหมั่นไส้คู่หูก่อนที่จะยอมปล่อยลงให้ล้มนอนคว่ำบนพื้นตามเคย
“แล้ว...เรื่องที่สองล่ะ ทาจิบานะ”
สะ...สุดยอด เพิ่งจะลงไม้ลงมือเมื่อกี้เอง พอผ่านไปแป๊บเดียวนี่สงบใจง่ายแท้ๆ
“เอ่อ...คะ...ค่ะ เรื่องนี้อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรมากเท่าไหร่
แต่ฉันได้รู้จักเพื่อนใหม่ที่ช่วยจัดการลูกน้องของผู้หญิงคนนั้นพอดี”
“เพื่อนใหม่...? นี่เธอไว้ใจดีแล้วเหรอ...บางทีนั่นอาจเป็นกับดักต่อจากข้อความอีกก็ได้นะ”
“...” ฉันเงียบปากไปสักพักใหญ่และลองพูดโน้มน้าวให้เขาเชื่อใจผู้หญิงที่เคยไร้เพื่อนสักครั้ง
“คุณคุนิคิดะ...ฉันรู้ว่าพวกคุณกังวลเรื่องนี้มากแค่ไหน
แต่เชื่อฉันเถอะค่ะ...เขาต้องเป็นเพื่อนที่ดีได้แน่นอน”
ตึก...ตึก...ตึก
“เพื่อนคนนั้น...ชื่ออะไรเหรอ ฉันอยากลองคุยด้วย...”
เคียวกะค่อยๆ เดินเข้าหาแล้วยื่นมือจับแขนเสื้อฉันไว้เบาๆ
“อิชิคาวะ เรียวโกะ จ้ะ...คิดว่าน่าจะได้คุยกันหลังจากเคลียร์เรื่ององค์กร---”
ตื๊ดด~ ตื๊ดด~ ตื๊ดด~
ระหว่างนั้นเอง
เสียงโทรศัพท์สั่นในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นขัดจังหวะพอดี เมื่อหยิบมาดูหน้าจอพบกับเบอร์โทรของบอสแห่งพอร์ตมาเฟีย
ฉันพยายามคิดเรื่องที่เขาต้องการคุยแล้วขอตัวลุกขึ้นเดินออกไปนั่งโซนต้อนรับแขกเพื่อกดรับสายทันที
“สวัสดีค่ะ...คุณโมริ”
“ขอโทษที่รบกวนเวลาทำงานของเธอด้วยนะ ยูกิคุง
พอดีฉันอยากคุยเรื่องแผนการนิดหน่อย”
“แผนการ...? มะ...ไม่รบกวนอะไรเลยค่ะ
ฉันพร้อมรับฟังเสมอ”
“ดีเลย งั้นเรื่องแรก...เธอได้ยินข่าวเกี่ยวกับเรื่องคอนเสิร์ตเย็นนี้รึเปล่าเอ่ย”
เอ๊ะ...? แม้แต่โมริเองก็ยังพูดถึงด้วยเหรอเนี่ย ท่าทางจะสำคัญไม่ใช่น้อยเลย...
ฉันนั่งตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องเมื่อครู่ไปว่า
ได้ยินมาจากข่าวลือของนักเรียนที่พูดถึงกันก่อนที่จะเปิดปากถามอีกฝ่ายด้วย
“ฉันเพิ่งได้รับฟังจากลูกน้องส่วนหนึ่ง ถึงไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก
แต่พอลองคิดดูดีๆ แล้วเนี่ย...เธอไม่คิดสงสัยบ้างเหรอว่าทำไมผู้คนเพิ่งพูดถึงไอดอลหน้าใหม่กันเยอะผิดปกติ”
“เยอะผิดปกติ...? ตะ...แต่นั่นไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องทั่วๆ
ไป...”
“ก็จริงอยู่ที่ดูเผินๆ เหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่การที่ทุกคนในเมืองต่างรีบทำสกินปลอกหมอนข้าง
ผลิตของที่ระลึกเสร็จเร็วเกินไปภายในครึ่งวันเดียว...มันเป็นไปไม่ได้”
“ละ...แล้วเรื่องบัตรตั๋วล่ะคะ...”
“ไม่มีขายเลย เรื่องที่สองคือ...อาคุตางาวะคุงสังเกตเห็นว่าหลายๆ
คนต่างหายริบพร้อมกับสายลมหลังพูดถึงชื่อไอดอลหน้าใหม่อย่างคลั่งไคล้เกินไป”
อึ่ก...ผิดปกติจริงด้วยแฮะ ผู้คนหายพร้อมสายลมแบบนี้...แสดงว่าต้องมีใครสักคนในกลุ่มแบล็คโคลเวอร์กำลังบงการอยู่เบื้องหลัง
ถ้าไม่รีบจัดการเคลียร์ให้จบมีหวังเกิดหายนะเรื่องคนหายแน่ๆ
“เข้าใจแล้วค่ะ...งั้นบอกแผนการมาได้เลยค่ะ”
“โอเค...” โมริเว้นช่วงประโยคไม่กี่วินาทีซึ่งน่าจะกำลังเตรียมการอะไรบางอย่างอยู่แล้วค่อยคุยโทรศัพท์ต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เย็นนี้พวกเราพอร์ตมาเฟียจะไปที่คอนเสิร์ตกัน...และอยากให้เธอกับดาไซคุงร่วมตามสืบดูว่ามีใครอยู่เบื้องหลังรึเปล่า
ที่สำคัญ...คนๆ นั้นจะต้องไม่หลุดจากสายตาเด็ดขาด”
“รับทราบค่ะ...พวกเราสมาชิกนักสืบจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ”
“ขอบใจนะ...ยูกิคุง งั้นแค่นี้ก่อนละกัน...เตรียมตัวให้พร้อมด้วยล่ะ”
ติ๊ด!
ว่าจบก็กดวางสายพร้อมเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไว้แล้วเดินกลับไปหาสมาชิกนักสืบบุโซ
จากนั้นจึงเริ่มบอกเล่าเรื่องแผนการเย็นนี้ให้ฟังทุกรายละเอียดจากโมริ แน่นอนว่าดันเข้าทางดาไซพอดิบพอดีเป๊ะ เขายิ้มอ่อนและพยักหน้าตกลงตามนั้น
“แหมๆ ได้งานที่ฉันถนัดซะด้วย คุณโมริเนี่ยดูมีแผนการตลอดเลย”
“ก็เหมือนกับคุณแหละ...ดาไซ อย่าลืมนะ...โฟกัสเรื่องงานและแผนการเท่านั้น”
“เห็นมั้ยล่ะ...ทาจิบานะยังสนใจเรื่องงานเหมือนฉันเลย นายเป็นรุ่นพี่ทั้งทีน่าจะเป็นแบบอย่างให้คนอื่นเขาบ้าง” คุนิคิดะส่งสายตามองจิกนักสืบจิตพิลึกพลางหยิบสมุดอุดมคติขึ้นขีดเขียนอะไรบางอย่างด้วยความตั้งใจจนลายมือสวยเป็นระเบียบจ๋า
“ฮ่ะๆๆ เอาเป็นว่าผมจะไปกับพวกคุณสองคนละกันนะครับ
คุณทาจิบานะ...คุณดาไซ” อัตสึชิหัวเราะให้กับดาไซเบาๆ
แล้วค่อยส่งรอยยิ้มกว้างต่อฉันหลังอาสาขอไปด้วย
“ได้สิ...เพราะอัตสึชิคุงเองก็เป็นกองกำลังสำคัญของพวกเราเหมือนกัน
อ่อ...งั้นฝากรายงานเรื่องนี้ให้กับท่านประธานด้วยนะ คุนิคิดะคุง”
“อ่าๆ รู้แล้วน่า” นักสืบผมบลอนด์เข้มพูดจบพร้อมเดินมุ่งหน้าออกไปยังห้องประธานฟุคุซาวะอย่างช้าๆ ระหว่างนั้นเขาก็หันหน้ามาพูดกับฉันด้วย “เฮ้...ทาจิบานะ”
“คะ...?”
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม...อย่าทำให้อุดมคติต้องแปดเปื้อนเพราะความล้มเหลวเด็ดขาด...เข้าใจนะ”
เวลา 17.00 น.
แกร๊กๆๆๆ
“อืมม...โอเค เรียบร้อยแล้วค่ะ”
หลังจากจัดการพิมพ์งานเอกสารและรายงานต่างๆ
ที่เหลือเสร็จเรียบร้อย ฉันเริ่มเก็บพับเครื่องโน้ตบุ๊กสีดำพร้อมจัดข้าวของบนโต๊ะให้เป็นระเบียบ
ราวกับว่าตัวเองได้แบบอย่างจากคุนิคิดะเต็มๆ
“ขอบใจมาก...ทาจิบานะ ทีนี้ก็คงเริ่มทำตามแผนการนั่นได้แล้ว”
“ประมาณนั้นค่ะ...แต่ฉัน...ยังกังวลอยู่ดีว่าจะมีสมาชิกคนอื่นในแบล็คโคลเวอร์ตามลอบโจมตีพวกคุณที่เหลือเอาน่ะ”
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ยูกิจัง
พวกเราเป็นถึงสมาชิกนักสืบบุโซ ไม่มีทางแพ้ใครง่ายๆ อยู่แล้ว” ดาไซที่นั่งบนโต๊ะของตัวเองหันมาคุยกับฉันด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ ซึ่งตอนนี้เขามีหูฟังสวมบนคอไว้
“ใช่ครับ คุณทาจิบานะ พวกเราทุกคนน่ะ...ทำได้แน่นอน”
ตื๊ดด~ ตื๊ดด~ ตื๊ดด~
ระหว่างนั้นเอง
เสียงโทรศัพท์สั่นในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นขัดจังหวะอัตสึชิพอดี เมื่อหยิบมาดูหน้าจอพบกับเบอร์โทรของบอสแห่งพอร์ตมาเฟียอีกครั้ง
ฉันตัดสินใจยืนคุยที่เดิมพร้อมกดรับสายทันที
“สวัสดีค่ะ...คุณโมริ”
“ยูกิคุง
ตอนนี้ฉันได้ส่งลูกน้องส่วนหนึ่งให้มุ่งหน้าไปคอนเสิร์ตเรียบร้อย แต่ก็นะ...คนที่ขาดไม่ได้ในแผนการนี้เลยคือ
ชูยะคุง และคิดว่าเขาน่าจะไปถึงก่อนคนแรกแล้วแหละ”
“รับทราบค่ะ...ทางพวกเราก็เตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว”
“ส่วนเรื่องพิกัด...เธอรอรับข้อความจากอาคุตางาวะคุงได้เลย
อีกไม่นานเกินรอหรอก”
ติ๊ด!
ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรต่อสักคำ โมริกดวางสายตัดหน้าอย่างไวราวกับสายฟ้าแล๊บ
ฉันนั่งถือโทรศัพท์รอสักพักหนึ่งจนกระทั่งมีเสียงแจ้งเตือนข้อความใหม่จากไลน์ของอาคุตางาวะ
แน่นอนว่าเป็นการแนบพิกัดแผนที่ที่ชัดเจนมาก รวมถึงมีข้อความทิ้งท้ายสั้นๆ
‘เดี๋ยวกระผมคอยสังเกตจากเบื้องบนเอง...หากมีศัตรูจะตามเก็บทันที’
อาคุตางาวะคุงเนี่ย...ถึงดูเหมือนคนเคียดแค้นกับอัตสึชินักหนาแต่ก็ยังมีการใจอ่อนแฮะ
“อ้อ...จะว่าไปทางประธานได้พูดอะไรไว้ด้วยรึเปล่า
คุนิคิดะคุง” นักสืบผมน้ำตาลโดดตัวลงจากโต๊ะไม้เบาๆ
แล้วหยิบเสื้อโค้ทยาวสีเหลืองน้ำตาลอ่อนมาใส่
“ไม่มีอะไรมากมายหรอก แค่ขอให้พวกนายสามคนจัดการเรื่องนี้ให้สำเร็จและต้องกลับมาอย่างปลอดภัย
ส่วนเรื่องสำนักงานแห่งนี้พวกฉันที่เหลือจะคอยดูแลเอง”
“แน่นอนว่าฉันต้องอยู่ด้วยใช่มั้ยล่า~
เป็นหมอทั้งทีต้องรอรักษาสมาชิกที่เหลืออ่ะนะ”
จังหวะนั้นเอง คุณหมอโยซาโนะได้ย่างก้าวเดินเข้าสำนักงาน
มือขวาตบบ่านักสืบแว่นสองสามทีแล้วค่อยหันหน้ายิ้มทักทายทุกคน ส่วนรัมโปก็ตามกลับมาพร้อมกับเหล่าขนมนมเนยเต็มไม้เต็มมือ
“คุนิคิดะ~ ช่วยฉันถือขนมเก็บเข้าตู้ที~”
“ดะ...ได้ครับ! คุณรัมโป!”
ฉันมองคุนิคิดะช่วยถือของโดยไม่ลังเลอะไรทั้งสิ้นและแอบหัวเราะเบาๆ
สงสัยคงเป็นเพราะรัมโปเป็นนักสืบผู้น่านับถือที่สุดประจำสำนักงานนักสืบ
รวมถึงตัวเขาด้วยเช่นกัน “ตอนไปสืบคดีใหม่เป็นไงบ้างคะ คุณหมอโยซาโนะ”
“ง่ายดายเลยล่ะ ยูกิจัง คุณรัมโปเขาเก่งเรื่องสืบคดีฆาตกรรมอยู่แล้ว
เพราะงั้นสบายมาก ตัวฉันที่ไปเป็นเพื่อนแทบไม่ต้องทำอะไรมากมายนอกจากเอ่อ...พาขึ้นรถไฟ”
“ฮ่ะๆๆ ถึงจะไม่ใช่คนมีพลังพิเศษแต่ก็น่านับถือนะคะเนี่ย...”
“ขนาดตอนนั้นผมยังช็อกหนักเลยครับ เวลานับถอยหลังนี่คือไม่จำเป็นสักนาทีเดียว”
“ก็แหม...อัตสึชิคุงคิดว่าคุณรัมโปเขามีพลังพิเศษนี่นา
จะช็อกหนักคงเป็นเรื่องธรรมดา” ดาไซพูดในขณะที่กำลังยืนใส่หูฟังพลางตบบ่าอัตสึชิอยู่ข้างๆ
แล้วส่งรอยยิ้มอ่อนตามปกติ
นี่คงจะเป็น...
...บรรยากาศก่อนทำภารกิจต่อไปที่ดูอบอุ่นจริงๆ
[ To be continued in next part ]
ความคิดเห็น