ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Bungo Stray Dogs] นางฟ้าแห่งคำสาป

    ลำดับตอนที่ #21 : Episode 12 หญิงสาวปริศนา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 662
      58
      5 มี.ค. 63

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     Tiny Hand 

    หลังจากพวกเราประชุมเรื่ององค์กรลับชื่อ แบล็คโคลเวอร์ เสร็จสิ้น สมาชิกกลุ่มพอร์ตมาเฟียต่างเริ่มแยกย้ายพากันกลับฐานของตัวเองเพื่อเตรียมการหลายๆ อย่างพร้อมรับมือกับศัตรู ถึงพวกเขาจะบอกแบบนั้น แต่ทั้งโมริ ชูยะและอาคุตางาวะก็ขออยู่คุยกับฉันในห้องประชุมนี้ก่อน

    ยูกิคุง...เธอพอจะเล่าถึงพลังพิเศษนั่นให้พวกเราฟังได้รึเปล่าเอ่ย...บอสแห่งพอร์ตมาเฟียที่นั่งหัวโต๊ะเริ่มเปิดประเด็นเรื่องพลังพิเศษจนทำเอาฉันรู้สึกหวาดกลัวเพราะมีค่าหัวปักหลักเอาไว้

    เอ่อ...พลังของฉัน...ไม่ต่างอะไรจากปีศาจหรอกค่ะ อย่างที่เคยบอก...อสรพิษอัปยศมีคำสาปติดตัวอยู่ แถมยังไม่รู้วิธีชำระที่ถูกต้องด้วย...ฉันก็เลยกลัว...กลัวว่าทุกคนจะตกเป็นเหยื่อริปเปอร์เหมือนกับคุณน้าคานาเอะ...

    แต่เธอยังมีอสรพิษที่ไม่ทำร้ายมนุษย์นี่นา...ยูกิ บางทีถ้าเรียกแค่กลุ่มเดียว การเข่นฆ่าอาจจะไม่เกิดขึ้นใช่มั้ยล่ะ อย่างน้อยก็...ทำให้หมดสติเฉยๆ และพาส่งไปกรมตำรวจชูยะที่นั่งข้างๆ ฉันจับหมวกออกวางบนโต๊ะพร้อมเท้าคางหันหน้าพูดคุย

    เท่าที่กระผมสังเกตตอนหลุดพ้นจากโลกแห่งโซ่ตรวนคล้องบุปผา...ผ้าปิดตานั่นคงเป็นเงื่อนไขของการเรียกอสรพิษอีกด้านหนึ่งสินะอาคุตางาวะที่นั่งฝั่งตรงข้ามนั่งกอดอกมองมายังผ้าปิดตาภายใต้ผมหน้าม้าสีดำอย่างจดจ่อ

    อืม...ขืนเปิดมันแล้วเรียกออกมาอีกล่ะก็...ฉันค่อยๆ ยกมือขึ้นทาบบนใบหน้าซีกขวาแล้วพูดด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย ทุกคน...จะต้องตาย...

    ลึกๆ ภายในใจแอบเชื่อว่าริปเปอร์ที่เคยลงมือฆ่าน้าคานาเอะต้องมีคำสาปเพิ่มขึ้นอีกมากมาย การหยุดเรียกออกมาสู้อีกครั้งจึงกลายเป็นเงื่อนไขอันยุ่งยากสำหรับหลายๆ คน ซึ่งตัวฉันเองก็ไม่อยากปฏิเสธว่าแค่แคทเชอร์กลุ่มเดียวคงรับมือกับแบล็คโคลเวอร์ไม่ไหว

    ไม่ต้องห่วงหรอก...ยูกิคุง เธอต้องรอดพ้นจากคำสาปแน่นอนบอสส่งรอยยิ้มบางๆ เชิงปลอบใจและขอให้เชื่อใจพวกเขา อืมม...เอาเป็นว่าพวกฉันจะพยายามสืบค้นวิธีชำระล้างคำสาปให้ละกันเนาะ ทางชูยะคุงกับอาคุตางาวะคุงเองก็...

    แน่นอนอยู่แล้วครับ...บอส ผมจะคอยช่วยยูกิสุดกำลังเอง

    ถ้าการช่วยเหลือทาจิบานะทำให้คุณดาไซพอใจ...กระผมก็จะทำ

    ทุกคน...ฉันมองสมาชิกพอร์ตมาเฟียทั้งสามคนอย่างประหลาดใจสักพักหนึ่งก่อนที่จะค่อยๆ ส่งรอยยิ้มบางๆ ให้กับพวกเรา ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งนะคะ...

    แน่นอน...พวกเราไม่ได้ทำแค่เพราะความจำเป็น แต่อยากช่วยเหลือผู้คนภายในเมืองโยโกฮาม่าที่เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มคนนั้นด้วย...ยูกิคุง

    ว่าจบโมริก็ลุกขึ้นออกจากเก้าอี้แล้วขอตัวพาสมาชิกสองคนกลับฐานพอร์ตมาเฟียอย่างจริงจังโดยไม่ลืมที่จะบอกประธานประจำสำนักงานนักสืบบุโซ ซึ่งระหว่างนั้นเอง มาเฟียผมส้มได้หันมายิ้มกว้างและพูดทิ้งท้ายอีกด้วยว่า...

    ไว้ว่างๆ พวกฉันจะมาแวะเวียนเข้าคาเฟ่อีกนะ ยูกิ

    ให้ตายเถอะ...ช่างเป็นมาเฟียที่แปลกดีแฮะ

    .

    ..

    ...

    ....

    .....

    เอี๊ยดด~

    เมื่อเวลาผ่านพ้นไม่นานที่นั่งพูดคุยกับสมาชิกพอร์ตมาเฟียสามคนในห้องประชุม ฉันค่อยๆ เดินออกมาปิดห้องไว้เตรียมมุ่งหน้าเข้าห้องสำนักงาน พอหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้แล้วมองรอบห้องก็พบว่าทุกคนต่างนั่งประจำที่กันเรียบร้อยยกเว้นรัมโปและโยซาโนะที่หายไป

    แต่เอาเถอะ...พวกเขาคงจะได้รับงานสืบสวนเพิ่มแหละมั้ง

    ยู...กิจวางง~

    เอาแล้วไง...ตัวก่อกวนและจอมอู้ประจำสำนักงานนักสืบบุโซนัมเบอร์วัน

    มีอะไรจะพูดรึเปล่า...ดาไซ ตอนนี้ฉันกำลังจัดการเอกสารประจำวันอยู่นะฉันถามดาไซด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ บวกหน้าตายขณะที่มือทั้งสองกำลังพิมพ์ข้อความในโน้ตบุ๊กอย่างตั้งใจ

    เลิกงานเย็นนี้ว่างมั้ยเอ่ย พอดีฉันอยากจะพาไปดูคอนเสิร์ตสักหน่อยน่ะ เห็นลือกันว่ามีไอดอลสาวน้อยน่ารักมาร้องเพลงด้วย~นักสืบจิตพิลึกเดินมาคุยอยู่ด้านหลังฉันพร้อมเลื่อนมือนวดไหล่ทั้งสองข้างพลางๆ

    สรุปคือ...คุณจะตามหลีสาว?”

    รู้ใจดีจังเลยน้าา~ สมกับเป็นคนน่ารักประจำสำนั--- แอ่ก!!”

    ยังไม่ทันที่เจ้าตัวจะพูดชมจบประโยค ฝ่ามืออรหันต์จากคู่หูร่วมงานอย่างคุนิคิดะก็ฟาดเข้ามาที่กะโหลกเต็มแรงแล้วค่อยลากคอเสื้อให้ห่างออกจากฉันเตรียมลงไม้ลงมือเขย่าตัวสั่งสอนเช่นเดิม

    แกนี่มันสอนยากสอนเย็นเหลือเกินนะ ดาไซ!! บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้สนใจงานมากกว่านี้หน่อย!! ตัวก็โตเท่าก็อตซิล่าแล้ว...ยังมัวแต่ตามก่อกวนชาวบ้านเหมือนลูกหมาอีก!!”

    ขอ~ ประทานโทษ~ ด้วยคร้าบบ~ ยอมแล้วคร้าบบ~

    เอ่อ...นี่สินะที่ดาไซบอกว่าเป็นคุณแม่แห่งสำนักงานนักสืบบุโซ

    พอเจอแบบนี้หลายๆ รอบปุ๊บ...ดิฉันขออนุญาตแสดงความรู้สึกเช่นเดียวกับเขาด้วยละกันค่ะ

    อ้อจริงด้วย! ฉันมีเรื่องอยากขอร้องเธออยู่พอดีเลย ทาจิบานะคุนิคิดะทำท่าเหมือนนึกบางอย่างออกแล้วค่อยๆ ปล่อยให้ดาไซล้มนอนคว่ำบนพื้นด้วยความอนาจ

    คุนิคิดะคุงใจร้ายอ่า~

    เธอคงจะเห็นแล้วแหละว่าคุณหมอโยซาโนะหายไปเพราะตามช่วยหนุนหลังคุณรัมโป แถมเสบียงยังใกล้หมดอีก ถ้าไม่เป็นการรบกวนอะไรมากก็อยากจะฝากตามซื้อเข้ามาเพิ่มหน่อย

    อ่อ...ไม่มีปัญหาหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันจะช่วยซื้อให้เอง

    ฉันพยักหน้าตอบรับและยิ้มบางๆ ในช่วงที่มือสองข้างพิมพ์เอกสารประจำวันเสร็จพอดีพร้อมจับหน้าจอโน้ตบุ๊กพับปิดไว้ โดยจังหวะนั้นเองหนึ่งในสมาชิกอีกคนอย่างเสือสมิงได้ยกมือขึ้นหลังจากเช็คงานเสร็จเรียบร้อย

    งั้นผมจะไปเป็นเพื่อนคุณทาจิบานะเองครับ คุณคุนิคิดะ ยิ่งพักนี้องค์กรแบล็คโคลเวอร์ก็เล็งค่าหัวไว้ ขืนออกข้างนอกเพียงคนเดียวคงไม่ดีแน่

    อา...ฝากด้วยนะ อัตสึชินักสืบแว่นเปิดสมุดอุดมคติและหยิบปากกาขึ้นเตรียมเขียนลิสต์รายการที่ดูๆ แล้วไม่ค่อยเยอะมากเท่าไหร่ก่อนที่จะฉีกกระดาษแผ่นนั้นออกมาให้ นี่คือเสบียงที่ต้องซื้อครั้งนี้ อ้อ...ในนั้นมีของที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องซื้อมาให้ได้ด้วย

    ต้องซื้อมาให้ได้...ฉันเอียงคอเล็กน้อยด้วยความสงสัยพร้อมก้มมองลิสต์รายการเมื่อครู่จนสังเกตเห็นเครื่องหมายดอกจันเน้นๆ สีดำ เอ่อ...หนังสือแฟนตาซีสยองขวัญ?”

    เพราะคุณรัมโปชื่นชอบตามสืบคดีอาชญากรรม ฉันก็เลยคิดว่าเขาน่าจะชอบอ่านหนังสือพวกนั้นด้วย ถือเป็นของขวัญต้อนรับกลับจากงานสืบสวนวันนี้ละกัน เขาพูดพร้อมกับนั่งเคลียร์งานเอกสารประจำวันในโน้ตบุ๊กของตัวเองต่อไป

    แบบนี้ก็ต้องแบ่งลิสต์รายการสักครึ่งหนึ่งแล้วค่อยรีบตรงไปร้านหนังสือให้ไวเลยสิเนี่ย...

    ทาจิบานะ...อัตสึชิ...

    ระหว่างนั้นเอง เสียงเรียกได้ดังจากปากของประธานประจำสำนักงานนักสืบบุโซอย่าฟุคุซาวะรวมทั้งก้าวเดินออกมาหาพวกเราด้วยความเกรงขามเช่นเดิม

    ท่านประธาน...!? เอ่อคือ...พอดีครั้งนี้พวกฉันจะออกไปซื้อเสบียงเข้าสำนักงานสักหน่อยน่ะค่ะ ถะ...ถ้านั่นทำให้เสียงานการสำหรับเด็กใหม่ล่ะก็...

    ไม่เป็นไร...ในเมื่อเธอมีสมาชิกอีกหนึ่งคนคอยอยู่เป็นเพื่อน เพราะงั้นฉันไม่ว่าอะไรหรอก แต่...อีกฝ่ายเว้นช่วงประโยคไว้แล้วยื่นซองสีน้ำตาลตรงหน้าฉันที่ดูทรงแล้วเหมือนจะมีเงินอยู่ข้างใน ต้องกลับมาที่นี่อย่างปลอดภัยให้ได้ล่ะ...

    กลับมาอย่างปลอดภัย...ก็แอบหวังอยู่ลึกๆ เหมือนกันว่าจะเป็นอย่างนั้น

    รับทราบครับ...ท่านประธาน เดี๋ยวผมจะคอยติดตามและช่วยพากลับมาที่นี่เองอัตสึชิพยักหน้าตอบรับแล้วรับซองขนาดเล็กนั่นไว้

    ตึก...ตึก...ตึก

    ยูกิจัง...ถ้าระหว่างนั้นเธอสืบเจอเหตุการณ์อะไรบางอย่างได้ก็ช่วยจดเก็บไว้หน่อยนะดาไซในสภาพปกติดีทุกอย่างทั้งกายและจิตใจย่างก้าวเข้าหาพร้อมถือสมุดเล่มเล็กกับปากกาหนึ่งด้ามยื่นมาให้ตรงหน้า เผื่อเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับองค์กรแบล็คโคลเวอร์ด้วย

    “...” ฉันไม่พูดตอบอะไรนอกจากพยักหน้าตอบรับแล้วรับของเหล่านั้นเก็บใส่กระเป๋าเสื้อแขนยาว

    อย่าลืมนะ...เธอไม่ได้เป็นแค่คนมีพลังพิเศษเฉยๆ แล้ว เธอมีค่าหัว...ถูกองค์กรตามล่า...เผลอๆ อาจเจอใครคนอื่นที่บังเอิญรู้เรื่องนี้ด้วย เพราะงั้น...ระวังตัวด้วยล่ะ

    ว่าจบนักสืบผมน้ำตาลก็เดินมาใกล้ ยกมือขวาขึ้นลูบหัวเบาๆ อยู่หลายวินาทีพร้อมส่งรอยยิ้มอ่อนสักพักแล้วค่อยๆ ผละตัวออกไปนั่งประจำที่เช่นเดิมก่อนที่นักสืบผมขาวจะหันมาพูดกับฉัน

    ไปกันเถอะครับ...คุณทาจิบานะ

    อื้ม...

    พวกเราสองคนต่างเดินออกจากสำนักงานเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าเตรียมซื้อเสบียงกับหนังสือตามลิสต์รายการที่คุนิคิดะจดไว้ให้โดยไม่รอช้าทั้งสิ้น

    “...”

    แต่พอนึกย้อนกลับอีกที...ทำไมคำเตือนของดาไซดูเหมือนรู้ทันเรื่องอะไรบางอย่างเลยแฮะ

    ใครจะไปคิดล่ะ...บางทีเขาอาจรู้เยอะยิ่งกว่าทุกคนในสำนักงานพอๆ กับรัมโปก็ได้นี่

    “...”

    นักสืบอย่างเขาน่ะ...ต้องมีข้อมูลมากกว่าที่เคยประชุมไว้ไม่นานแน่ๆ


    ณ บริเวณทางเดินริมถนน 

    ทั้งฉันและอัตสึชิต่างยังไม่เปิดปากพูดคุยเรื่องใดๆ นอกจากเดินมุ่งหน้าเตรียมซื้อเสบียงในห้างสรรพสินค้า เมื่อมองรอบๆ ตัวก็ยังคงพบเหล่าผู้คนที่สัญจรไปมาด้วยยานพาหนะทางบก รวมถึงการเดินเท้าคนเดียว คู่ และกลุ่ม

    ส่วนเรื่องอสรพิษอัปยศ ฉันจะขอเรียกแค่แคทเชอร์กลุ่มเดียวแล้วผนึกริปเปอร์ภายใต้ผ้าปิดตาสีดำต่อไปด้วยเหตุผลที่ว่าไม่ยอมรับหรือไว้ใจให้ร่วมต่อสู้

    “...”

    ตึก...ตึก...ตึก

    พอเวลาผ่านไปไม่กี่นาที จู่ๆ อัตสึชิก็เริ่มเปิดประเด็นเมื่อครู่ด้วยความสงสัย

    เอ่อ...คุณทาจิบานะ ตอนที่พวกเราประชุมเรื่องแบล็คโคลเวอร์เสร็จ...พอร์ตมาเฟียได้คุยเรื่องอะไรกับคุณไว้เหรอครับ...

    อืมม...ไม่มีอะไรมากมายหรอก แค่...พูดถึงพลังพิเศษของฉันน่ะ

    คือ...ผมไม่รู้หรอกว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่คุณมีค่าหัวติดอยู่ไม่ใช่เหรอครับ แถมยังมีเรื่อง...อาคุตางาวะเสือสมิงผมขาวพูดอย่างกังวลใจแล้วกำหมัดไว้หลวมๆ พร้อมหันมองฉัน วันดีคืนดีเจ้านั่นอาจจะหลอกฆ่าคุณเพื่อเงินก็ได้

    “แหะๆ ขอบคุณที่อุตส่าห์เป็นห่วงเป็นใยฉันนะ...อัตสึชิคุง แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอก พวกเขาต้องช่วยต่อกรกับองค์กรลับอย่างแน่นอนฉันพยายามยิ้มบางให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจขึ้นแม้ในใจจะแอบกังวลด้วยก็ตาม

    งั้น...ผมจะพยายามปกป้องคุณ...ด้วยน้ำมือของเสือสมิงผู้เคยอ่อนด้อยนี้ให้ได้นะครับ

    อะ...อื้ม...”

    บ้าจริง...พอเขาพูดแบบนั้นแล้ว ทำไมถึงดูหล่อขึ้นขนาดนี้นะ...

    ไม่ได้ๆๆ ตอนนี้เป้าหมายคือห้างสรรพสินค้าและซื้อของเท่านั้น เลิกคิดเพ้อเรื่องอื่นได้แล้ว!

    งะ...งั้นไปกันเถอะเนาะ เดี๋ยวคุณคุนิคิดะจะดุเอา

    โอเคครับ!”

    ว่าจบฉันก็รีบพาอัตสึชิเดินทางต่อไปโดยพยายามไม่เปิดสนทนาต่อทั้งสิ้น โดยบรรยากาศรอบตัวยังคงเต็มไปด้วยผู้คนเช่นเดิม เหล่านักเรียนนักศึกษาบางส่วนต่างเดินเพ่นพ่านไปมาเป็นกลุ่มอย่างไม่มีทุกข์ร้อนคล้ายกับกำลังตั้งใจโดดเรียน

    แต่ทันใดนั้นเอง พวกเธอได้เปิดบทสนทนาที่เรียกได้ว่าค่อนข้างดึงดูดความสนใจเอาเรื่อง

    นี่ๆ รู้เปล่าแก เย็นนี้จะมีไอดอลคนหนึ่งมาพบปะแฟนคลับที่คอนเสิร์ตด้วยล่ะ

    ไอดอล...? ฉันไม่เคยได้ยินข่าวคราวเรื่องสังกัดไหนเลยนะ

    ก็แหม~ ไอดอลหน้าใหม่นี่เนอะ แถมยังเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ด้วย

    รู้สึกว่าจะชื่อ...ฮารุกะจังใช่ม้า~

    ใช่ๆ ฮารุกะจัง! น่าร๊ากกกก~ มากเลยล่ะ

    ฮารุกะ...? แถมยังเป็นไอดอลผู้หญิงซะด้วย...ตรงกับเรื่องที่ดาไซเคยพูดชักชวนไว้เลย

    ฉันเริ่มหยิบสมุดกับปากกาในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาจดเรื่องเมื่อครู่โดยไม่ลืมโน้ตทิ้งท้ายว่าได้รับฟังข้อมูลมาจากเหล่านักเรียนผู้หญิงอย่างละเอียดยิบแล้วค่อยพาเสือสมิงเดินไปห้างสรรพสินค้าต่อ ในใจยังคงนึกลังเลอยู่ว่าตอนเย็นจะเข้าคอนเสิร์ตร่วมกับนักสืบผ้าพันแผลหรือจะพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายดี

    ตึก...ตึก...ตึก

    “...”

    คุณทาจิบานะ...เย็นนี้ลองไปส่องดูไอดอลตามที่พวกเขาคุยกันดีมั้ยครับ

    อ่ะ...จะว่าไปดาไซเองก็ชวนฉันเหมือนกัน บางทีพวกนายสองคนอาจน่าจะ...ไปกันเองได้

    หมายความว่า...คุณจะไม่เข้าร่วมด้วย?” นักสืบผมขาวหยุดเดินอีกครั้งแล้วหันมองด้วยสีหน้าผิดหวังปนกับเสียดายในใจ ทำเอาฉันรู้สึกผิดทันทีที่พูดออกไปแบบนั้น

    มะ...ไม่ใช่ๆๆ คือแบบว่าฉัน...เอ่อ...

    ไปด้วยกันเถอะครับ...พวกเราอยู่สำนักงานเดียวกันต้องคอยดูแลเพื่อนร่วมงาน ถือว่าได้เปิดโลกกว้างให้กับคุณในตัวเลยไงล่ะอัตสึชิพยายามพูดโน้มน้าวสุดกำลังในขณะที่มือทั้งสองยกขึ้นจับไหล่ฉันไว้พร้อมจ้องมองรอฟังคำตอบอย่างมีความหวัง

    สีหน้าของเขาดูท่าทางคาดหวังมากขึ้นยิ่งกว่าที่เคยคิดไว้ซะอีกนะเนี่ย...

    แบบนี้คงต้องยอมใจนักสืบอายุน้อยแล้วล่ะ...

    อื้ม...โอเค เดี๋ยวฉันจะไปด้วยละกัน ส่วนดาไซก็...

    ตื๊ดด~ ตื๊ดด~

    ช่วงที่ยังไม่ทันพูดจบประโยค เสียงโทรศัพท์สั่นดังจากกระเป๋ากางเกงของฉันขัดจังหวะเสียก่อน เมื่อหยิบมาดูหน้าจอพบกับข้อความใหม่จากนักสืบผ้าพันแผล นั่นทำให้ฉันแอบรู้สึกถึงลางสังหรณ์แปลกๆ ขึ้นมา จากนั้นจึงเริ่มกดเปิดอ่านเนื้อหาใจความ

     

    จาก : ดาไซ โอซามุ

    ถึง : ทาจิบานะ ยูกิ

    ขอโทษที่รบกวนเวลาเดินทางนะ ยูกิจัง แต่ฉันและคุนิคิดะคุงอยากคุยธุระกับเธอด้วยหน่อย ระหว่างนั้นก็ฝากอัตสึชิคุงซื้อเสบียงรอไว้ก่อนเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอย่างเปล่าประโยชน์

    งั้น...เจอกันตามพิกัดที่ฉันแนบส่งไว้นะ

    [แนบพิกัดแผนที่]

     

    ธุระ...? แต่เมื่อกี้คุนิคิดะเพิ่งสั่งให้ซื้อเสบียงอยู่เลยนี่นา

    อืมม...บางทีอาจจะเป็นเรื่องสำคัญก็ได้มั้ง...

    ต้องรีบแล้วล่ะ...

    เอ่อ...อัตสึชิคุง เมื่อกี้ดาไซส่งข้อความเรียกให้ฉันคุยธุระน่ะ

    ฉันหันไปคุยกับอัตสึชิพลางเปิดดูพิกัดแผนที่จากข้อความเมื่อครู่ ซึ่งพอตรวจสอบคร่าวๆ ปุ๊บ จุดมุ่งหมายคือซอกหลืบเดิมที่เคยเจอเหตุการณ์ระหว่างดาไซกับชูยะครั้งนู้น

    เอ๊ะ...? ถ้าแบบนั้นพวกเราไปหาคุณดาไซก่อนก็ได้นี่ครั---

    “แต่ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้ไปที่ไหนไกลเลย เพราะงั้นช่วยซื้อเสบียงแทนฉันหน่อยเนาะ อ้อ...อย่าลืมลิสต์รายการที่ยังไงก็ต้องซื้อละกัน

    ช่วงวินาทีนั้นฉันไม่รอช้าหยิบกระดาษลิสต์รายการกับซองสีน้ำตาลแล้วจับวางไว้ในมืออีกฝ่ายพร้อมย้ำว่าต้องซื้อให้ได้ ต่อมาก็รีบวิ่งมุ่งหน้าตามคำเรียกของนักสืบผมน้ำตาล

    ตึกๆๆๆๆ

    เรื่องที่อยากเขาคุย...หรือว่าจะเป็นข้อมูลใหม่เกี่ยวกับองค์กรแบล็คโคลเวอร์?

    งั้นถือเป็นโอกาสที่ค่อนข้างโอเคไม่น้อยเลย เพราะทางฉันอยากขอลองเสนอข้อมูลที่รับฟังมาและจดเก็บไว้ในสมุด ถึงไม่ค่อยแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์เนื่องจากนักเรียนกลุ่มนั้นคุยเรื่องไอดอลคนใหม่

    เอาเถอะ...พอไปถึงก็คงจะรู้เองแหละ

    .

    ..

    ...

    ....

    .....

    ผ่านไปไม่กี่วินาที (วิ่งอย่างกับมาราธอน)

    แฮ่ก...แฮ่ก...ตรงนี้สินะที่ดาไซนัดพบ...

    กลับมาเจอกันอีกแล้วนะ...ซอกหลืบคุง นายนี่มันเป็นสถานที่ในตำนานจริงๆ

    ฉันมองรอบๆ ทั้งซ้ายขวาพร้อมก้าวเท้าเดินเหยียบเขตบริเวณนี้ ในหัวนึกถึงภาพเหตุการณ์ครั้งก่อนที่ดาไซเคยแกล้งชูยะและทำเอารู้สึกเพี้ยนเพราะคิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงประเภททอมบอย จนปัจจุบันความมึนงงพวกนั้นก็ยังแอบตามหลอกหลอนเบาๆ

    อืมม...บรรยากาศดูเงียบจัง เงียบอย่างแปลกประหลาดเลย...”

    ตึก...ตึก...ตึก

    อ่ะ...นั่นมัน...ทางเข้าตอนลึก? ไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยแฮะ

    พอเดินเข้าเรื่อยๆ ปุ๊บ บริเวณตรงหน้านี้ยังมีทางเลี้ยวด้านซ้ายมืออีก แต่มันกลับมืดกว่า ไม่ค่อยมีแสงสว่างสาดส่องลงมา จึงไม่แน่ใจว่าดาไซกับคุนิคิดะจะรอแถวนั้นจริงรึเปล่า

    ตึก...ตึก...ตึก

    เอ่อ...ดาไซ...คุณคุนิคิดะ...ฉันมาตามที่คุณส่งข้อความบอกไว้แล้วนะคะ

    “...”

    .

    ..

    ...

    มะ...ไม่มีเสียงตอบรับ...?

    หรือว่าพวกเขาจะ...

    ตายจริง...มีหนูซกมกเดินเข้าซอกหลืบด้วย

    “...!!?”

    จังหวะที่กำลังจะเตรียมหยิบโทรศัพท์ติดต่อนักสืบทั้งสองนั้น เสียงของใครบางคนก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง พอหันกลับไปจึงพบกับผู้หญิงวัยประมาณเลขสองใกล้สามยืนมองด้วยความเย่อหยิ่งเชิงเหยียดหยามประกอบคำว่า หนูซกมก

    เธอมีรูปร่างค่อนข้างสูง เรือนผมสีชมพูที่ปล่อยหน้าม้าออกข้างและลงตรงกลาง ทางด้านหลังรวบทรงเกล้ามวยสูงขึ้นเป็นวงกลม นัยน์ตาสีน้ำตาล-ทองเข้มไร้ซึ่งอารมณ์เหมือนมนุษย์มนา ชุดที่ใส่เป็นเซ็ตสาวทำงานสไตล์เซ็กซี่ธีมสีม่วง ไม่มีเนคไท ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตไว้ประมาณสองเม็ด เลคกิ้งรูปแบบมีสายสีน้ำตาลอ่อนๆ และรองเท้าส้นต่ำสีม่วง


    คือดูโดยรวมแล้วเหมือนสาวออฟฟิศทั่วไป...

    ...แต่ไม่น่าจะธรรมดาแน่ๆ

    เพราะเธอมาพร้อมกองกำลังชายฉกรรจ์ชุดดำที่กำลังถืออาวุธปืนอยู่ หนำซ้ำคนเหล่านั้นยังมีสัญลักษณ์ใบโคลเวอร์สีดำติดไว้อีกด้วย!

    บะ...แบล็คโคลเวอร์...!?”

    หืมม...นี่คือคำพูดแรกจากปากกาลกิณีแห่งตระกูลทาจิบานะงั้นเหรอ ช่างไร้มารยาทในการทักทายซะจริง ผู้หญิงตรงหน้าค่อยๆ ย่างก้าวมาหาอย่างช้าๆ เหมือนกำลังลองเชิงอะไรบางอย่างจนกระทั่งหยุดยืนบริเวณกึ่งกลางทางเดิน

    แต่คำว่า กาลกิณี เมื่อกี้มัน...เป็นคำเหยียดจากทางครอบครัวกับญาติพี่น้องไม่ใช่เหรอ 

    คนอื่นไม่น่าจะรู้ได้นี่!

    คะ...คุณรู้จักน้าคานาเอะด้วยสินะ...ฉันเริ่มเดินถอยออกห่างจนเกือบชิดทางตันด้วยใจคอที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก มือซ้ายเตรียมสแตนด์บายไว้ทางด้านหลังเผื่อเกิดเหตุขึ้นจนต้องใช้พลังพิเศษ

    คานาเอะ...? เธอคงหมายถึงมินาโตะ คานาเอะผู้ใช้พลังเกี่ยวกับดอกไม้สินะ...

    อึ่ก...งั้นคำว่า กาลกิณี นั่นก็...

    เฮอะ! ได้ยินบ่อยจนเบื่อละ...เพราะถึงยังไงซะ...อีกฝ่ายเว้นช่วงประโยคแล้วดีดนิ้วหนึ่งทีจนกระทั่งลูกน้องทั้งหมดยกปืนกลเบากับปืนพกขึ้นเล็งมาที่ฉันอย่างพร้อมเพรียง การได้เจอตัวจริง...มันรู้สึกดีกว่าเยอะ

    “...!!”

    ขอลองทดสอบสักหน่อยละกัน...ระหว่างปกป้องเจ้านาย...หรือฆ่าพวกฉัน...”

    “...”

    “...คำสาปอันน่ารังเกียจนั่นจะเลือกทางไหน!!

    ปัง!!

    พอสิ้นเสียงของผู้หญิงผมชมพูคนนั้น ลูกน้องถือปืนพกก็เริ่มเหนี่ยวไกยิงออกมาเป็นกระสุนนัดแรก ดูทรงแล้วน่าจะเป็นปืนที่รุนแรงไม่ใช่น้อย ฉันรีบดีดตัวถอยหลังออกเตรียมดีดนิ้วเรียกแคทเชอร์ช่วยป้องกัน ทว่า...

    ฟึ่บ!!

    อ่ะ...!?”

    เสี้ยววินาทีที่กำลังจะได้ดีด จู่ๆ ร่างของฉันก็ล่องลอยขึ้นฟ้าโดยมีใครบางคนโดดลงมาอุ้มไว้ระดับเอวของตัวเองแล้วค่อยพาปล่อยลงให้ยืนทางด้านหลังกลุ่มแบล็คโคลเวอร์ พอลองหันมองคนๆ นั้นปุ๊บ สิ่งที่เห็นคือร่างสูงซึ่งน่าจะเป็นผู้ชายภายใต้ผ้าคลุมสีดำรอบตั้งแต่หัวจรดเท้า

    “...”

    คะ...คุณคือ...

    ตึก...ตึก...ตึก

    ถอยออกไปก่อน...

    ต่อมาเสียงผู้หญิงปริศนาของอีกหนึ่งคนดังขึ้นจากทางซ้ายมือ ร่างที่ปรากฏเพิ่มเติมน่าจะสูงประมาณ 153 เซนติเมตร แน่นอน...เธอเองก็ใส่ผ้าคลุมสีดำเช่นเดียวกับผู้ชายคนนี้ เหมือนทั้งสองมีความสัมพันธ์ไม่ด้านใดก็ด้านหนึ่ง

    พวกแกเป็นใครกัน! ทำไมถึงกล้าขัดขวางการทดสอบของฉัน!”

    “...”

    หญิงสาวตัวเล็กไม่พูดตอบอะไรกับอีกฝ่ายทั้งสิ้น เธอส่งสัญญาณให้อีกคนคอยยืนปกป้องไว้พร้อมค่อยๆ ก้าวเท้าเดินเข้าหา จากนั้นจึงเริ่มหยิบร่มพกพาสีดำออกจากผ้าคลุมและจับดึงด้ามร่มจนกลายเป็นมีดเรียวคมเล่มหนึ่ง

    ชิ...งั้นไม่ต้องสนว่าเป็นใครแล้ว! ยิงยัยคนนั้นทิ้งซะ!”

    ตัวแทนแบล็คโคลเวอร์ชุดม่วงสั่งการลูกน้องทุกคนให้กราดยิงโดยไม่รีรอ ต่อมากระสุนเหล่านั้นไม่เกิดผลใดๆ เมื่ออีกคนกางร่มออกเป็นโล่ป้องกัน โดยปกติมันควรจะทะลุเข้าแท้ๆ แต่นี่กลับทนเหมือนโล่กันกระสุนไม่มีผิด

    บ้าจริง...กระสุนหมดแล้ว

    ร่มนั่นทำจากอะไรกันแน่เนี่ย!”

    หนอย...คนขี้ขลาด! แน่จริงอย่าใช้ร่มสิวะ!!”

    “...”

    คำท้าทายของเหล่าชายฉกรรจ์เหมือนจะยั่วต่อมอะไรสักอย่างหนึ่งจนทำให้หญิงสาวคนนั้นหุบร่มแล้วขว้างใส่เต็มใบหน้าก่อนที่จะใช้ด้ามมีดจากร่มพกพากับสันมือทุบท้ายทอยหนักๆ เรียงคนด้วยความรวดเร็ว รวมถึงกระโดดฟาดแข้งใส่ต้นคอจนล้มนอน

    เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอดูชำนาญในการต่อสู้ไม่น้อย

    .

    ..

    ...

    อั่ก...!!”

    เวลาผ่านไปแป๊บเดียว ชายฉกรรจ์ชุดดำคนสุดท้ายก็น็อกเอ้าท์ลงพื้นโดยถูกด้ามมีดร่มพกพาทุบลงท้ายทอยจนกระทั่งเหลือแค่ผู้หญิงชุดสีม่วงที่กำลังยืนกำหมัดแน่นสองข้างด้วยความโมโหสไตล์ตัวร้ายในละคร

    อึ่ก...นี่เธอ...

    “...”

    เฮอะ...! ถือว่าครั้งนี้โชคดีที่มีคนช่วยละกันนะ ยัยกาลกิณี ไว้คราวหน้า...เราได้เห็นดีกันแน่!!”

    ว่าจบเธอรีบเดินหนีออกจากซอกหลืบเพียงลำพัง ทิ้งให้เหล่าลูกน้องล้มนอนกันอย่างสุขสบายเรียงแถวโดยฝีมือผู้หญิงคนเดียว ขนาดฉันที่มีพลังพิเศษติดตัวยังตะลึงไม่หาย

    “แอบตามติดผู้หญิงคนนั้นซะ...คูแลนน์

    “...รับทราบ

    ฟุ่บ!!

    ผู้ชายชุดคลุมหัวสีดำชื่อ คูแลนน์ รับคำสั่งดังกล่าวพร้อมกระโดดขึ้นบนตึกข้างๆ นี้ซึ่งเป็นจุดเดียวกันกับที่ชูยะเคยพาขึ้นไปไม่มีผิด ส่วนคนออกคำสั่งก็หันมาถามอาการนู่นนี่ตามประสาการยื่นมือเข้าช่วยเหลือคนๆ หนึ่ง

    เอ่อ...ขอบคุณนะคะที่พวกคุณทั้งสองคนช่วยฉันไว้...

    อืม...พวกเราก็น่าจะรุ่นเดียวกันแหละ...เพราะงั้นคุยเหมือนเป็นเพื่อนได้เลยเจ้าตัวพูดในขณะที่เก็บมีดเข้าร่มพกพาแล้วค่อยเก็บเข้าผ้าคลุมเหมือนเดิม

    เอ่อ...อื้ม ว่าแต่พวกเธอ...เป็นใครเหรอ

    ก็นะ...ฉันกับคูแลนน์เป็นแค่นักเดินทางเที่ยวเมืองโยโกฮาม่าเท่านั้นเอง

    นักเดินทาง...? แต่ความสามารถการทำให้น็อกเอ้าท์เมื่อกี้นี่มัน...

    เก่งเกินฐานะนักเดินทางธรรมดาแล้วนะเนี่ย...

    เอาเป็นว่า...ในฐานะที่ฉันเคยเจอเหตุการณ์พวกนี้จนเป็นข่าวแล้ว เธอควรระวังคนๆ นั้นให้ดีนะ และที่สำคัญ...ห้ามไปไหนมาไหนคนเดียวเด็ดขาด

    ว่าจบหญิงสาวตรงหน้าก็ค่อยๆ หันตัวเตรียมเดินออกจากซอกหลืบในตำนานนี้โดยที่ฉันยังไม่ทันได้ถามถึงเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเลยสักนิด

    อึ่ก...

    แต่อย่างน้อย...สิ่งที่ควรรู้ไว้มีเพียงหนึ่งข้อ...

    ...เป็นเรื่องเบสิกสำหรับชีวิตพวกเรา

    เอ่อคือ...

    “...?”

    เธอ...ชื่ออะไรเหรอ ฉันชื่อ ทาจิบานะ ยูกิ แบบว่า...เผื่อจะได้เจอหน้ากันอีก

    หลังจากถามคำถามเมื่อครู่จบ อีกฝ่ายก็หยุดเดินและหันหน้ามองพร้อมจับฮู้ดของผ้าคลุมสีดำออกเผยให้เห็นรูปหน้าคร่าตาบางส่วน เธอมีสีผิวคล้ำหน่อยๆ เรือนผมสีน้ำตาลเข้มตัดสั้นประมาณไหล่ ตบท้ายด้วยผ้าคาดตาสีเทาที่ปกปิดนัยน์ตาทั้งสองไว้

    วินาทีนั้น...เธอเปิดปากแนะนำชื่อตัวเองให้ได้รู้จักเป็นเพื่อนว่า...

    อิชิคาวะ เรียวโกะ ยินดีที่ได้รู้จักละกันนะ...ยูกิ

    [ To be continued ]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×