ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fate/Grand Order] วันๆ ณ คาลเดียกับยูมิ [END]

    ลำดับตอนที่ #47 : Ending Bonus 3 [บทป่วนๆ ช่วงสงกรานต์]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 206
      12
      5 เม.ย. 64

    B
    E
    R
    L
    I
    N

    ฮัลโหลว~ เจแปนเองค่าา~ หลังจากเผยโบนัสเกี่ยวกับประวัติโดยรวมของอิชิมารุ ยูมิ เหล่าสเตตัสสกิล โฮกุ และความสัมพันธ์ต่างๆ จากเซอแวนท์คนอื่นหากได้รับเป็นเซอแวนท์คนใหม่ ทีนี้ก็เป็นโบนัสพิเศษฉบับกาว มึน อึนจากไรท์จอมป่วนเอง

    โดยโบนัสในครั้งนี้ก็คือ...บทป่วนๆ ช่วงสงกรานต์ นั่นเองค่าา~

    [ อันนี้จะถือว่าเป็นช่วงที่ยูมิกับเซอแวนท์อีกห้าคนยังอยู่เมืองฟุยุกิครบถ้วนละกันเนาะ ]

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    วันที่ 13 เมษายน

    ฉัน...อิชิมารุ ยูมิ อดีตมาสเตอร์แห่งคาลเดียซึ่งปัจจุบันกลายเป็นจอมเวทธรรมดา แต่ไม่ได้ออกมามือเปล่านะ เพราะเซอแวนท์ทั้งห้าก็ได้รับกายหยาบแล้วกลับมาหาอย่างปาฏิหาริย์โคตรๆ

    ต้องขอขอบคุณไอริสฟีลด้วยที่อุตส่าห์พยายามดลบันดาลความปรารถนาเพื่อฉันขนาดนี้ ทำซะรู้สึกซึ้งน้ำตาตกในเลยล่ะ (คนอ่านส่วนหนึ่งเองก็น้ำตาซึมเช่นกัน)

    และขณะนี้...พวกเราทั้งหกได้กลับมายืนบนผืนแผ่นดินประเทศไทยอีกครั้งด้วยฝีมือคนเขียนที่ชอบดองๆ อู้ๆ แถมมีอะไรใหม่ๆ ลองทำบ่อยเกิน แม่นางเกิดเมากาวหรือมีอาการคึกจากไหนไม่ทราบถึงพาย้อนกลับมาเช่นนี้โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นโบนัสฉลองวันสงกรานต์

    เอิ่มคือ...ฉันดีใจอยู่หรอกที่ได้มาเมืองระยองอีกครั้งอ่ะ แต่ว่า...

    แต่อะไรเอ่ย~ คุณนางเอก~

    พวกเรายังไม่มีชุดเล่นน้ำสงกรานต์เลยนะเฮ้ยยย!!”

    ใช่แล้ว...สภาพเดิมทุกประการเลยด้วย ทั้งชุดจากร่างใหม่ของฉันและชุดเข้างานเทศกาลหน้าร้อนของเหล่าเซอแวนท์ คือตอนที่เดินสังเกตการณ์ในเมืองฟุยุกิเสร็จพร้อมกลับเข้าบ้าน จู่ๆ ทุกอย่างรอบตัวก็กลายเป็นบรรยากาศชายทะเลเฉย

    บอกได้คำเดียวว่า...เงิบแดก

    อะไรเล่าา พวกเธอไม่ยอมเตรียมตัวให้ดีเองนี่นาา

    ยัยคนเขียนบ้านี่ชื่อ เจแปน มีเรือนผมสีดำสนิท ปล่อยลงระดับไหล่ นัยน์ตาสีเหลืองทองที่ส่องสว่างกว่า ความสูงก็เทียบเท่ากับฉันมาก เจ้าตัวกำลังใส่เสื้อแขนยาวสีดำอ่อนๆ กางเกงขาสั้นเอวสูงสีน้ำตาล รองเท้าแตะฟิตฟล็อปสีดำ

    แต่คำถามคือ เอ็งจะใส่หมวกเบเร่ต์สีดำกับผ้าพันคอลายสก๊อตสีเข้มเพื่ออิหยังวะคะ!!

    อย่าว่าแต่พวกตูเลย...เอ็งก็เหมือนกันน่ะแหละ ยัยเพี้ยน!!”

    เอาน่าๆ ถึงจะแปลกใจไปหน่อย แต่อย่างน้อยก็ได้กลับมาย้อนรอยใหม่ไม่ใช่เหรอ ยูมิเอมิยะแอบหัวเราะเบาๆ แล้วยิ้มอ่อนให้ฉันพลางยกมือขึ้นลูบหัวอย่างเบามือ

    ที่นี่คือ...ที่ไหนเหรอ โคทาโร่

    ส่วนซิกกับโคทาโร่ที่เพิ่งจะมาประเทศไทยครั้งแรกต่างหันมองรอบตัวด้วยความสงสัยก่อนที่นินจาผมแดงจะนึกขึ้นได้

    อืมม...เห็นครั้งก่อนมินิคูบอกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทย ชื่อ หาดสวนสน ขอรับ...

    มินิคูจัง...? แสดงว่าหลังจากดา วินชี่อนุญาตให้ฉันมาเที่ยวพักร้อนสามวันรวดปุ๊บ เขาคงได้ตอบคำถามให้กับเซอแวนท์คนอื่นแทนสินะ ช่างเป็นนุยที่น่ารักจริงๆ

    วะ...หวังว่าจะไม่เจอเหตุการณ์เดิมละกัน...ระแวงพวกกลุ่มนั้นชิบหาย...คูแลนเซอร์พูดด้วยท่าทีแอบขนลุกขนพองแล้วเดินไปหลบหลังเอมิยะอย่างหวาดกลัว

    ฮึๆๆ ขี้ขลาดจังนะ...แลนเซอร์ แค่เจอกลุ่มกระเทยถึงกับต้องกลัวจนหัวหดเลยงั้นรึ...คูจังยิ้มมุมปาก หัวเราะในลำคอพร้อมยืนกอดอกมองเชิงเยาะเย้ยตัวเขาอีกคน

    ฉึ่ก!!

    รู้สึกว่าจะได้ยินเสียงแทงใจดำจากอีกฝ่ายเต็มๆ หูเลยนะเนี่ย...

    ห๊าา? พูดงี้สิหมี่เหลืองกับข้อยบ่...อัลเตอร์

    หมี่เหลืองไม่มี...มีแต่เส้นหมี่ เอามั้ยล่ะ...

    นะ...หน่านี๊!!?”

    ทั้งฉัน เจแปนและเซอแวนท์อีกสามคนต่างตกอกตกใจที่พลหอกน้ำเงินพูดสำเนียงบ้านนอกส่วนหนึ่งใส่อย่างลื่นปรื๋อ ส่วนเบอเซิกเกอร์หนุ่มก็ฉีกยิ้มกว้างพร้อมยกมือขึ้นจับเส้นผมตัวเองประกอบคำว่า เส้นหมี่ ด้วยความเกรียนและกวนบาทา

    หนอยยย...ไอ้บ้านี่~!!

    ฮ่ะๆๆ ท่านอัลเตอร์เนี่ย...พูดติดตลกดีเหมือนกันนะขอรับ

    แน่นอน โคทาโร่คุง~ คุณแฟนยูมิต้องหล่อ ขรึม มึน เกรียนอยู่แล้ว ถ้านางเอกม่องเท่งเมื่อไหร่ ฉันจะรีบขอเป็นแฟนแทนซะเล--- เจี๊ยกกก!!!”

    วินาทีนั้นเอง ฉันแอบรู้สึกหมั่นไส้คนเขียนในใจแปลกๆ แล้วรีบมุ่งหน้าไปซื้อกระป๋องหูหิ้วขนาดเล็กก่อนที่จะตักน้ำทะเลสาดใส่จากด้านหลัง

    คือแบบขอสักหน่อยเถอะ...บังอาจทำให้พวกฉันหวั่นใจเล่นตั้งแต่ตอนอยู่จุดพลิกผันสีแดงนั่นแล้วจะพากลับบัลลังค์วีรชนตลอดกาลเนี่ย

    เหอะๆๆ ดูท่าทางเอ็งก็อยากหมี่เหลืองเหมือนกันใช่มั้ย...ยัยเจแปน!!”

    เอาเซ่...คุณนางเอก!!” เจแปนทำท่ารับคำท้าพร้อมเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ อย่างพวกน้ำแข็ง แป้งเย็น ถังน้ำ ปืนฉีดน้ำ กระป๋องหูหิ้ว และลำโพงสีดำบนรถกระบะสีเงิน “อ้อ...อีกอย่าง ครั้งนี้ตูมีผู้ช่วยดีเจคนใหม่ที่โคตรคุ้นเคยด้วยนะเฮ้ยย

    ...!!? เดี๋ยวนะ จะ...เจ้าคือ...

    ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ...แลนเซอร์ เป็นเซอแวนท์ของแม่หนูยูมิแล้วอยู่ดีกินดีมั้ยล่ะ

    คะ...โคโตมิเนะ คิเรย์!!?”

    ใช่ค่ะ...คุณผู้อ่านไม่ได้ตาฝาด ยัยคนเขียนเกิดพิเรนทร์หรือเมากาวยี่ห้อไหนไม่ทราบถึงได้พาผู้ชายวัยเลขสี่แทนดีเจหนุ่มคนเดิมเมื่อคราวนู้น เขากำลังอยู่ในสภาพเปลือยท่อนบนโชว์ให้เห็นซิกแพ็ค บวกกับสร้อยกางเขนสีทอง กางเกงขายาวสีดำจากชุดบาทหลวง แถมยังค่อนข้างยิ้มแย้มแจ่มใส เตรียมพร้อมเปิดเพลงแด๊นซ์สุดๆ ด้วย

    เอ่อ...ว่าแต่ทำไมคุณถึงยอมออกมาตามคำเรียกของยัยเพี้ยนนั่นล่ะคะ

    แหมๆ จะเป็นไรไปล่ะ ฉันอยู่โบสถ์คนเดียวแล้วมันรู้สึกเหงานี่นา...

    เออเนาะ...จริงด้วย ทุกครั้งที่พวกเราทั้งหกเยี่ยมเยือนโบสถ์แห่งฟุยุกิ ไม่มีทางเจอบาทหลวงคนอื่นนอกจากคิเรย์ ราวกับว่าสถานที่แห่งนั้นคือบ้านหลังหนึ่งของเขาเองเลย

    “อย่างที่ได้ยินแหละ พอดีลุงแกเกิดอาการเหงาหงอย ก็เลยอยากออกมาเจอเธอข้างนอกอ่ะ

    เจแปนพูดในขณะที่กำลังเติมน้ำใส่กระบอกของปืนฉีดน้ำรูปแบบทั่วไปแล้วค่อยโยนให้เหล่าเซอแวนท์ทั้งห้าอย่างแม่นยำ จากนั้นจึงเริ่มเลือกเพลงจากสมาร์ทโฟนของตัวเอง

    เอ่อ...งั้นฉันขอเดินสำรวจพื้นที่แห่งนี้กับโคทาโร่ก่อนนะ ยูมิ

    เดี๋ยวพวกกระผมจะกลับมาพร้อมของกินด้วยแน่นอนขอรับ นายท่าน

    ว่าจบสองหนุ่มเสียงเดียวกันก็พากันออกตัวเดินสำรวจบนชายหาดและมองบรรยากาศรอบๆ ทำเอาฉันเริ่มรู้สึกเป็นห่วงแปลกๆ แอบกลัวว่าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นกับพวกเขาบ้าง

    หวังว่าครั้งนี้พวกข้าจะไม่ต้องย่อละกัน...คูจังแอบถอนหายใจพร้อมยืนถือปืนฉีดน้ำอยู่ข้างฉันและลองฉีดลงบนขาเชิงหยอกเล่นเบาๆ

    แต่หารู้ไม่ว่าจังหวะแห่งความปวดเมื่อยเหนื่อยแรงกำลังจะบังเกิด!!

    ฮึๆๆ ไม่เหลือหรอกค่ะ พี่อัลเตอร์~

    ติ๊ด!

    เอ้า! งัดถั่งงัดถั่งงัดถั่งงัด งัดถั่งงัดถั่งงัดถั่งง๊าดด~”

    หน่านี๊!!? เอ็งเล่นเพลงนี้ก่อนเลยบ่ ยัยเพี้ยน!!”

    ทันทีที่ได้ยินเนื้อเพลงเมื่อครู่ ฉันก็แอบสะดุ้งในใจพร้อมใบหน้าที่ร้อนผ่าวขึ้นเรื่อยๆ เพราะท่าเต้นเพลงนี้แม่มไม่ใช่แค่ย่ออย่างเดียวเนี่ยสิ!

    โอเค จัดเบสหนักๆ ไปเลยค่าา ลุงคิเรย์~ เจแปนถอดหมวกกับผ้าพันคอออก ดีดนิ้วหนึ่งครั้งให้บาทหลวงผมน้ำตาลจัดเบสให้กับเพลงแด๊นซ์ก่อนที่จะเตรียมเข้าตำแหน่งดีเจ คนโสดอยู่ไหน ขอเสียงหน่อยเร็ววว!!”

    ฮิ้ววววววว!!!”

    ชัดเจนมากค่าา~!! งั้นย่อให้เต็มที่ สุดเหวี่ยงไปเลยนะค้าา~!!”

    สิ้นเสียงของยัยคนเขียนจอมเพี้ยน เพลงแด๊นซ์เริ่มดังออกจากลำโพงกระหึ่มทั่วพื้นที่นี้ในจังหวะสามช่าชวนย่อชวนตื๊ด เหล่าชาวบ้านพากันสาดน้ำ ยิงปืนฉีดน้ำข้างทางหรือเต้นอย่างเมามันส์  ซึ่งทางคิเรย์เองก็สนุกสนานไปกับคนอื่นๆ สไตล์คนวัยเลขสี่

    ส่วนเซอแวนท์ส่วนหนึ่งของฉัน...

    ให้ตายเถอะ...สุดท้ายข้าก็ต้องลองเต้นใหม่อีกรอบงั้นเหรอ

    แหม่~ ไม่ได้เต้นแบบนี้มานานเลยแฮะ~

    ฮ่ะๆๆ นั่นสินะ เรื่องราวตึงเครียดที่ผ่านมาพวกนั้นหายไปจากหัวหมดเลยล่ะ

    ...ดันทะลึ่งบ้าจี้เต้นตามจนได้

    วันสงกรานต์ทั้งที ลุยให้เต็มที่ซะสิ...แม่หนูยูมิบาทหลวงเดินเข้ามาหาฉันแล้วยกมือขึ้นแตะไหล่เบาๆ พร้อมเนียนยื่นหน้าใกล้ในจังหวะที่พ้นจากสายตาคูจังพอดี ไม่สิ...วันนี้ฉันขอเรียกว่า ยูมิคุง หน่อยละกัน ฮึๆๆ

    อึ่ก...

    อะ...เอาวะ!! ถ้าพวกเขาบ้าจี้ได้...

    ...ฉันก็ต้องบ้าจี้ได้เหมือนกันแหละน่า!!

    .

    .

    .

    .

    .

    ผ่านไปหลายนาที

    แฮ่ก...แฮ่ก...นะ...เหนื่อยชิบหาย แขนขาเริ่มไปแล้ว...

    หลังจากเต้นย่อตามจังหวะเพลงของเจแปนจนรู้สึกเหมือนไขมันถูกรีดหายโดยไม่รู้ตัว ฉันเริ่มเข้าสู่สถานะพักเครื่อง เอนตัวลงนอนบนเปลพับแล้วมองทะเลที่มีคลื่นไม่ค่อยแรงเท่าไหร่ สักพักสายตาก็เหลือบไปเห็นเซอแวนท์สองคนที่กำลังเดินมาพลางถือไอติมแท่งรสนมทั้งหมดแปดแท่ง

    นายท่าน กระผมซื้อไอติมมาด้วยนะขอรับโคทาโร่นั่งลงบนเปลพับข้างๆ พร้อมยื่นซองบรรจุของเย็นๆ และส่งรอยยิ้มอ่อนอันแฝงไปด้วยความน่ารักเกินบรรยาย

    แหะๆ ขอบคุณที่อุตส่าห์ซื้อมานะ โคทาโร่คุ---

    เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะ คุณนางเอก~

    ยังไม่ทันที่จะได้ยื่นมือไปแตะแม้แต่ปลายเล็บ ยัยคนเขียนจอมเพี้ยนก็รีบพุ่งตรงเข้ามาคว้าไอติมทุกแท่งมาเก็บใส่กระติกเก็บความเย็นไว้มิดชิดสนิทยิ่งกว่าการรูดซิป

    หืมม...เล่นงี้ร่างกายอยากปะทะใช่มั้ย...ยัยเพี้ยนฉันค่อยๆ ลุกออกจากเปล มุมปากกระตุกไปมาด้วยความโมโหเล็กน้อย รวมถึงหมัดสองข้างที่ยกขึ้นหักนิ้วเตรียมลงไม้ลงมือตลอดเวลา

    ปะ...เปล่านาา~ ฉันแค่อยากให้พวกเธอร่วมนั่งกินข้าวกลางวันด้วยกันก่อน ส่วนพวกไอติมหรือของหวานค่อยตบท้ายทีหลัง...เนาะ

    เจ้าตัวรีบลดมือของฉันอย่างไวและหัวเราะให้เบาๆ ก่อนที่จะจูงมือพาเดินไปยังโซนกินข้าว สิ่งแรกคือ ชื่อป้ายอาหาร ซึ่งมีรูปอาหารไทยทั่วไป ใครๆ ก็รู้จักกัน แต่กลับมีเมนูหนึ่งที่น่าคุ้นเคยยิ่งกว่า แถมยังเป็นสิ่งที่คอยหลอกหลอนตั้งแต่ช่วงสมัยมาสเตอร์มือใหม่

    นั่นคือ...

    “Ma...Mapo Tofu!!?”

    ฮึๆๆ เมนูเด็ดของวันนี้เลยนะ...ยูมิคุงคิเรย์ยืนจัดวางจานอาหารเต้าหู้ผัดเผ็ดสุดแสนจะนรกแล้วหันมาชูนิ้วโป้งให้ชนิดที่ว่ามีออร่าของหยาดเหงื่อแห่งความพยายามเปล่งประกายจนแสบตา

    เมนูเด็ดเผ็ดยันไส้ติ่งสินะคะ...

    ฉันค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ กวาดสายตามองโต๊ะอาหารกลางวันด้วยความรู้สึกเสียวทั่วท้องไส้ เหงื่อหยดลงอาบแก้มทั้งที่ยังไม่ได้ตักเข้าปาก มือไม้สั่นแบบกล้าๆ กลัวๆ กลืนน้ำลายเข้าหนึ่งอึก ไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามันจะเผ็ดเบอร์ไหน

    เอาน่า คุณหนู อาหารของเจ้าคิเรย์น่ะ...กระจอกอยู่แล้วคูแลนเซอร์ยิ้มแฉ่งเผยให้เห็นเขี้ยวอันมีเสน่ห์ก่อนที่จะเริ่มตักเต้าหู้เข้าปากอย่างมั่นใจ ทว่า... อึ่ก...!!”

    คูฮูลินน์...?” เอมิยะเอียงคอมองพลหอกน้ำเงินด้วยความสงสัยแล้วลองชิมเครื่องพริกในจานอาหารใบนั้นเพื่อความแน่ใจ “...!?”

    ท่านคูฮูลินน์...? ท่านเอมิยะ...?” โคทาโร่นั่งงุนงงกับท่าทีของหนุ่มคู่จิ้นแดง-น้ำเงินที่หยุดชะงักชั่วคราวพร้อมลองชิมด้วยอีกคน อึ่ก...!?”

    ...?” ซิกผู้เป็นโฮมุนครุสหนุ่มเองก็งงกับท่าทีของเซอแวนท์สามคนตรงหน้าที่พากันนั่งค้างท่าจับช้อนตักอาหารเข้าปาก จากนั้นจึงลองกินเต้าหู้หนึ่งก้อนบนจานเครื่องพริก อ่ะ...

    อืม...ตูเริ่มเห็นอนาคตละ...

    นั่นสินะ...ข้าเองก็สัมผัสได้เหมือนกัน...

    แหมๆ จะเป็นไรไปเล่า...คุณคู่รัก ของแค่นี้ทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก!!” เจแปนชูนิ้วโป้งให้เหมือนกำลังเรียกกำลังใจใส่ตัวเองพร้อมตักเต้าหู้ชุ่มเครื่องพริกแดงแปร๊ดเข้าปาก เดอะฟัค...!!”

    เป็นไงบ้างล่ะ...ทุกคน อร่อยถูกปากถูกคอมั้ยเอ่ย

    “...”

    แน่นิ่งประดุจสายน้ำยามฤดูหนาวเลยค่ะ...คุณบาทหลวง

    ใบหน้าของพวกเขาเริ่มแดงตามสีเครื่องพริกของเต้าหู้ผัดเผ็ด หยาดเหงื่อไหลลงท่วมหน้า มือที่จับช้อนค่อยๆ ลดลงต่ำก่อนที่จะพุ่งออกไปดับเผ็ดทางใครทางมัน แถมยังถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่ท่อนล่างอย่างเดียว(เฉพาะพวกผู้ชาย)

    คูแลนเซอร์ซื้อน้ำเปล่าขวดลิตรกว่าๆ เอมิยะรวบรวมถุงเกลือและมะนาว โคทาโร่กับซิกซื้อขนมช็อกโกแลตคิทแคทหลากสี ส่วนยัยคนเขียนจอมเพี้ยนก็ผลาญเงินในกระเป๋าซื้อขวดนมไซส์ใหญ่ครบทั้งแปดคน ทำให้คิเรย์มองกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยสีหน้าผิดหวังนิดหน่อยที่ไม่ตั้งใจกินอาหารฝีมือของตัวเองแล้วคุกเข่าทรุดตัวลงพื้น

    ฮึก...อาหารที่พยายามทำสุดฝีมือของฉัน...ต้องมาล้มเหลวเพราะเจ้าพวกนี้งั้นเหรอเนี่ย...

    เอ่อ...สะ...สงสัยพวกเราคงต้องลองชิมบ้างซะแล้วสิ...

    ว่าจบฉันก็ค่อยๆ ทำใจหยิบช้อนสีขาวตักเต้าหู้ชุ่มเครื่องพริกขึ้นมามองสักสามวินาทีแล้วลองชิมคำแรก ความรู้สึกแรกที่เด้งออกจากหัวจะไม่ใช่อย่างอื่นใดนอกจากความเผ็ดแทบจะเทียบกับมาม่าเกาหลีสองห่อ (เว่อร์เกิ๊นน)

    บอกได้เลยว่า คำเดียวรู้เรื่องถึงทรวงในค่ะ...

    ...

    แต่ถ้าจะยอมแพ้แบบคนอื่นๆ มีหวังบั่นทอนจิตใจบาทหลวงแน่นอน...

    เพราะงั้น...ศัตรูเช่นนี้คงต้องสู้หน่อยแหละโว้ยยย!!!

    .

    ..

    ...

    ....

    .....

    สะ...สุดท้าย...

    ฮึก...ฮึก...นะ...หนู...ไม่ไหวแล้วค่ะ...คุณบาทหลวง...

    น็อกเอ้าท์เยี่ยงผู้แพ้...สู้บ่ไหวแล้วค่ะ

    พอฉันกินเต้าหู้ผัดเผ็ดไปได้ประมาณครึ่งจาน ความเผ็ดนรกก็แตกซ่านทั่วทั้งปากและลิ้นจนเริ่มกินต่อไม่ไหว น้ำมูกน้ำตาไหลเป็นว่าเล่น หยาดเหงื่อท่วมหน้าหยดลงทั่วคอ รู้สึกร้อนผ่าวทั่วใบหน้าและแสบท้องไส้จริงจัง พอบวกกับอากาศที่ร้อนเกินรับไหวปุ๊บ นรกเดินดินชัดๆ

    ฮ่ะๆๆ ไม่เป็นไรหรอกเนาะ...ยูมิคุง อย่างน้อยก็กินได้เยอะกว่าคนที่เหลือหลายเท่าเลย

    คิเรย์ยิ้มอ่อนให้พร้อมหยิบขวดนมรสมอลต์จากเจแปนมาตั้งตรงหน้า ส่วนคูจังก็ช่วยหยิบขนมช็อกโกแลตคิทแคทสีแดงจากโคทาโร่อย่างเงียบๆ เรียกว่าการบริการนี่เต็มที่มากมาย

    อ้อ...ลืมไปว่ากระติกของฉันยังแช่ไอติมครบทุกแท่งเด้อ เพราะงั้นเชิญคุณนางเอกหยิบได้เล---

    ชิ้ง~!! งั้นไอติมทั้งหมด...ต้องเป็นของฉัน...!!”

    ว่าจบฉันก็รีบพุ่งไปเปิดกระติก จับขวดนมแช่ไว้ หยิบไอติมขึ้นครบทั้งแปดแท่ง จับฉีกซองอย่างรวดเร็วแล้วกินดับร้อนด้วยความเอร็ดอร่อยและบ้าคลั่ง

    ฮึๆๆ แม้เป็นอัลเตอร์ไม่สมบูรณ์แบบ...แต่ความหิวโหยเยี่ยงสัตว์ร้าย ณ บัดนี้...

    ...ได้ถูกปลุกทันทีที่เห็นของหวานเรียบร้อยแล้ว!!

    คะ...คุณพระ...นางเอกตูหิวโหยมาตั้งแต่ล้านปีเลยรึไงนิยัยคนเขียนหันมองแบบเงิบๆ ในขณะที่สองมือกำลังเลื่อนสมาร์ทโฟนดูอะไรสักอย่างพร้อมกับกระดกขวดนมรสกล้วยดับเผ็ด งืออ...แต่เต้าหู้รอบนี้เผ็ดเกินสิบริกเตอร์จริงๆ เลยอ่า ลุงคิเรย์~”

    นั่นมันแผ่นดินไหวป่ะ...ยัยหนูเพี้ยน

    แง่ะ...!!”

    อุ๊ย! พูดได้ดีมากค่ะ!!” ฉันโยนไม้ไอติมแท่งสุดท้ายลงถังขยะ ยกนิ้วโป้งให้บาทหลวงผมน้ำตาลและแอบหัวเราะด้วยความสะใจเบาๆ ที่คิเรย์ตบมุกพร้อมกับคำว่า เพี้ยน อย่างเจ็บแสบลึกถึงรูขุมขน

    อะ...เอาเถอะ! เดี๋ยวฉันขอซื้อเพิ่มสักหน่อยดีกว่า อย่ามาแย่งกินซะล่ะ

    เจแปนเก็บสมาร์ทโฟนเข้าถุงกันน้ำประจำเทศกาลสงกรานต์ ลุกออกจากเก้าอี้ไปจ่ายเงินซื้อไอติมแบบเดิม เพิ่มเติมคือเยลลี่แท่งสีชมพูข้างใน จากนั้นก็ไม่รอช้าฉีกซองออก จับยัดเข้าปากด้วยความฟิน

    เหอะๆๆ ยัดขนาดนั้นแล้ว...จะแย่งกินเพื่อรับเชื้อเพี้ยนรึไงกัน

    แหม่ๆ ไม่พูดงี้สิจ๊ะ...แต่ให้ตายเถอะ เห็นไอติมแบบนี้ทีไร มันอดใจไม่ไหวทุกทีเลยนา...

    อีกฝ่ายส่งสายตามองอย่างมีเลศนัยก่อนที่จะเริ่มกินไอติมรสนมชวนเสียวสวาท เธอค่อยๆ เล็มด้วยปลายลิ้นแล้วก้มหน้าเลียขึ้นจากด้านล่างขึ้นบนพร้อมส่งเสียงชวนคิดลึก พออยู่ท่ามกลางอากาศร้อนนี้ เนื้อไอติมสีขาวบางส่วนก็ละลายหยดลงมือขวาข้างนั้น

    อื้มม~ อ่าา~

    ฮะ...เฮ้ย...ยัยเพี้ยน...อย่าร้องอะไรแปลกๆ ชวนคิดลึกสิฟะ...

    หืมม...หรือว่าเธอจะลืมน้ำเสียงครวญครางของตัวเองตอนอยู่กับคูอัลเตอร์ไปแล้ว...?

    อึ่ก...!!? นะ...นี่เอ็งหมายความว่าไง...

    ก็แหม~ เสียงน่ารักๆ แบบนั้น...ใครมันจะไปลืมได้ลงล่ะ

    ยัยคนเขียนขยับเข้ามาใกล้พลางจับเชยคางให้หันมองด้วยความยั่วยวน ฉันแอบรู้สึกเสียวๆ ในใจพร้อมกับใบหน้าที่ร้อนผ่าวขึ้นแปลกๆ ทำเอานึกถึงตอนมอเดรดแลกพลังเวทกลางเวทีอีเว้นท์ Battle in New York เลยทีเดียว

    นี่...เดี๋ยวครั้งนี้ฉันจะขอป้อนไอติมเธอเองนะ ยูมิ

    มะ...ไม่ต้องก็ได้เฮ้--- อะ...อื้มม~

    ยังไม่ทันได้ปฏิเสธ เจ้าตัวเริ่มกัดไอติมครึ่งแท่ง ฝากไว้กับคิเรย์พร้อมยื่นหน้ามาประทับจูบบนริมฝีปากอย่างแนบแน่นแล้วเตรียมใช้ลิ้นเปิดช่องทางอย่างช่ำชอง พอฉันพยายามขัดขืนก็ถูกกำราบด้วยการถอดเสื้อคลุมแขนยาวออก จับรวบข้อมือก่อนที่จะงัดไม้ตายลูบไล้สะบักหลังเบาๆ

    อึ่ก...!! อ่ะ~

    เนื้อไอติมเย็นค่อยๆ ไหลลงเข้าปากตามทางลิ้นเจแปน เสียงครวญครางในลำคอระหว่างการจูบดูดดื่มของพวกเราดังประสานกัน ทั้งการแลกลิ้น ดูดลิ้น ดูดริมฝีปากบน-ล่าง

    อืมม~ ฮ้าา~

    การบุกรุกครั้งนี้ทำให้สติสตางค์ของฉันเลือนรางทีละนิดละหน่อย เวลาผ่านไปประมาณสองนาที อีกฝ่ายยอมถอนจูบออกอย่างช้าๆ พร้อมกับน้ำลายที่เยิ้มออกปลายลิ้น เธอจ้องหน้ามองตาแล้วเลื่อนมือมาลูบไล้แก้มขึ้นลงเบาๆ

    ฮึๆๆ ยูมิ...ท่าทางเธอจะจูบเก่งดีนะเนี่ย...

    แฮ่ก...แฮ่ก...ยะ...อย่าทำเป็นพูดหน่อยเลย...ยัยเพี้ยน...

    ทีนี้ก็นั่งกินขนมนมเนยได้ตามสบายเนอะ เดี๋ยวฉันต้องจัดการเรื่องข้าวของบนโต๊ะนี้ก่อน

    ว่าจบยัยคนเขียนจอมเพี้ยนก็ขอไอติมคืนจากบาทหลวง คาบเอาไว้ในปากแล้วช่วยเดินเก็บจานเต้าหู้ผัดเผ็ดนรกบนโต๊ะให้หมด ทุกคนล้วนกินเหลือเกินครึ่งจานยกเว้นฉันที่กินได้ครึ่งกับคูจังที่กินหมดเกลี้ยงจนจานสะอาดประหนึ่งเพิ่งซื้อใหม่

    อะ...เอาล่ะ...กินคิทแคทกับนมขวดต่อเลยละกัน...

    ฉันรีบดึงสติให้กลับมาเป็นปกติ แอบตบหน้าเบาๆ รัวๆ เพื่อปลุกตัวเองให้หลุดจากห้วงแห่งความเร่าร้อนเมื่อครู่ แกะซองขนมช็อกโกแลตที่เสี่ยงละลายกลางแดดซึ่งมันก็เริ่มละลายไปบางส่วนแล้ว เรียกได้ว่าเลอะติดมือเลยทีเดียว

    ยูมิ...เมื่อปีที่แล้วก่อนพักแรม เจ้าเคยบอกว่าชอบกินแตงโมสินะ

    อะ...อื้ม ใช่แล้วล่ะ

    งั้นเดี๋ยววันนี้ข้าซื้อมาให้เอง...และสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นนอกจากเจ้าเพียงผู้เดียว

    เบอเซิกเกอร์หนุ่มยืนมองนิ่งสักพักพลางยกมือขึ้นลูบหัวเล่นเหมือนเคยทำประจำ ยื่นหน้าประทับจูบบนหน้าผากหนึ่งทีแล้วค่อยเดินออกไปซื้อแตงโมในโซนขายของ

    ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน อยู่ผืนแผ่นดินใด...เขาก็อ่อนโยนต่อฉันตลอดจริงๆ

    หืม? ยูมิคุงไม่ลงไปเล่นน้ำกับพวกนั้นหน่อยเหรอ... คิเรย์เดินตรงเข้าหาและนั่งเก้าอี้ข้างๆ พร้อมกับขวดนมสตรอเบอรี่ในมือ ซึ่งมันทำให้ฉันแปลกใจมากเกินจะบรรยาย

    อืมม...

    ฉันหันมองเหล่าเซอแวนท์อีกสี่คนอย่างคูแลนเซอร์ เอมิยะ โคทาโร่ และซิกที่ต่างพากันเปลี่ยนเป็นชุดเล่นน้ำเพื่อโดดลงว่ายน้ำทะเล เล่นเจ็ตสกีสลับกับบานาน่าโบ้ทอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะพลหอกน้ำเงินที่นั่งหน้าสุด ร่าเริงกว่าชาวบ้านจนออร่าความหล่อเปล่งประกายทั่วท้องทะเล

    วู้ฮู้ววว~!!”

    แม้กระทั่งเสียงของเจ้าตัวเองก็ดังลั่นมาถึงริมทะเลด้วยเช่นกัน...

    ไม่เป็นไรค่ะ...แค่ได้เห็นพวกเขามีความสุขก็รู้สึกดีใจแล้ว

    ฮืม...เธอคงเป็นมาสเตอร์ที่ทุ่มเทเพื่อคนอื่นมาโดยตลอดเลยสิเนี่ย...

    แหะๆ ก็คงจะเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ...

    มือทั้งสองของฉันจับเปิดขวดนมรสมอลต์ในระหว่างพูดคุยกันและยกขึ้นกระดกทีละนิดทีหน่อย บาทหลวงผมน้ำตาลยิ้มบางๆ เปิดฝาขวดนมของตัวเองพร้อมหย่อนหลอดสีขาวลงไป

    สักวัน...เธออาจถูกเลือกให้เข้าสู่เส้นทางวีรชนแหละนะ อ้อ...แต่ถ้าเป็นเคาน์เตอร์การ์เดี้ยนคงดีกว่าแน่ๆ เพราะเธอจะได้ตามช่วยเหลือคนอื่นบนโลกใบนี้ตามที่เคยมุ่งมั่นไว้...

    คุณบาทหลวง...

    เรียกว่า คิเรย์ ก็ได้ ฉันไม่ถือสาหรอก...โอเคเนาะ อีกฝ่ายนั่งดูดนมรสสตรอเบอรี่สักพักแล้วค่อยยกมือขึ้นลูบหัวต่อจากคูจังอย่างเบามือ

    แม้นัยน์ตาคู่นั้นจะดูว่างเปล่าแต่จิตใจกลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย...แปลกดีจัง

    และทันใดนั้นเอง...

    สวัสดีค่า! ขณะนี้พวกคุณกำลังอยู่ในรายการ ดีวีดีอินไดเร็กต์ นะคะ! วันนี้วันสงกรานต์ขอให้ชาวไทยและเทศทุกคนมีความสุข ชุ่มฉ่ำกับชีวิตเย็นๆ ท่ามกลางอากาศร้อนระอุทะลุปรอทเด้อค่า~

    ยัยคนเขียนจอมเพี้ยนถือไมค์ในชุดว่ายน้ำผูกคอสีดำแล้วเริ่มเมากาวด้วยการเปิดรายการอะไรสักอย่าง พร้อมกับผู้หญิงมีหู-หางแมวอีกคนจากส่วนไหนของโลกใบนี้ก็ไม่รู้ถือกล้องในชุดทูพีชสีฟ้า

    แต่ที่แน่ๆ คือ...มันเล่นมุกอัดหน้าตูค่ะ!

    ย๊ากกก!!”

    ฉันรีบวางขวดบนโต๊ะ ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ กำหมัดข้างขวาแน่นเสยคางอีกฝ่ายด้วยความโมโหปนหมั่นไส้อย่างจังจนเท้าลอยพ้นพื้นประมาณห้าเซนติเมตรแล้วค่อยกลิ้งตลบออกด้านหลัง

    อะเฮื้อออ~ ฟันตูเกือบจะหลุดออกแล้วว~

    “เอาให้มันฟันหลอไปด้วยดีกว่ามั้ยล่ะ!! เขามีแต่ ทีวีไดเร็กต์ ไม่มี ดีวีดีอินไดเร็กต์ โว้ยย!!”

    บ้าบออ~ จะไปโฆษณาให้คุณผู้อ่านเขาทำไมกันเล่าา~เจแปนพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างกระแดะเอาเรื่องในขณะที่กำลังยันตัวลุกขึ้นในสภาพทรายเปื้อนตัว

    แล้วผู้หญิงคนนี้เป็นใคร มาจากไหน เกิดวันที่เท่าไหร่ สูติบัตรและมรณบัตรอยู่จังหวั---

    เอิ่ม...เอ็งจะถามรัวจนลามถึงมรณบัตรเพื่ออิหยังวะคะ คุณนางเอก

    เราคือแมวเหมียวจอมขี้เกียจ...น้องบลูสุดแสนจะชอบนอนอู้ อยู่แต่กับการวาดรูป ลูบไล้คีย์บอร์ดเป็นว่าเล่นค่า~

    เดี๋ยวๆๆๆ มาถึงก็แฉพฤติกรรมตัวเองเลยบ่...!!

    แน่นอนว่าเราเป็นแมวน่ารัก ที่สวยและรวยเพราะกระบวยเต็มบ้าน~

    บลูเสนอตัวเองอย่างภาคภูมิใจคูณล้านเท่าภายใต้ออร่าเปล่งเปล่งแตกกระจายรอบๆ หู-หางแมวของนางกระดิกไปมาจนรู้สึกมือไม้สั่นอยากตัดทิ้งปล่อยวัดแทนหมาซะตอนนี้

    โหๆๆ กระบวยเต็มบ้านแบบนั้น...แสดงว่าบลูมีแต่น้ำให้กินแทนวิสกัสสินาา~

    ไม่อ่ะเพื่อน...กระบวยคือเฟอร์นิเจอร์ประจำบ้านเราต่างหากก~

    สรุปพวกเอ็งสองคนมาเพื่อกาวกันเองรึไงฟะ...

    เอิ่ม...” ฉันทำได้แต่ยืนมองคนเขียนทั้งสองที่ต่างเล่นมุกด้วยกันอย่างซี้ปึ้กเหมือนรู้จักมานานล้านปีเศษ(?) พร้อมกับความเอ๋อแดกและไม่รู้จะไปต่อยังไง

    อ้อ...ลืมไปๆ พวกเราสองคนมาจากรายการ ดีวีดีอินไดเร็กต์ จะนำเสนอชุดว่ายน้ำใหม่รูปแบบพิเศษสำหรับคุณโดยเฉพาะเลยค่า

    ยัยคนเขียนจอมเพี้ยนเปิดรายการใหม่ ดำเนินเรื่อยๆ เหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็ดีดนิ้วเรียกให้ยัยคนเขียนจอมขี้เกียจตั้งขากล้องไว้ให้เรียบร้อยแล้วเปิดกระเป๋าสะพายสีฟ้าหยิบอะไรบางอย่างออกมา

    สิ่งที่คุณจะได้รับคือ ชุดหนังแบบใหม่จากทางบริษัทกาวเกลือแห่งประเทศไทย จำกัดค่า~

    แทนแท๊นน~!!

    เดี๋ยวนะ...ชะ...ชุดหนัง...?”

    ใช่ค่า~ ชุดนี้มีคุณสมบัติเพื่อใส่ควบคู่กับชุดว่ายน้ำทั่วไป ช่วยให้เผยเนื้อหนังอย่างมั่นอกมั่นใจ ไร้กังวลเรื่องรอยช้ำ รอยแผลเป็น แผลไฟไหม้ แม้แต่สิวบนหลังก็สามารถถูกปกปิดมิดชิดได้เป๊ะๆ โป๊ะเชะ เตะวอลเลย์สบาย~

    สำหรับราคา...เราไม่คิด กระเป๋าตังค์ฟิตอย่างแน่นอนค่า~

    เจแปนรับชุดหนังจากบลูแล้วพูดโฆษณาด้วยกันที่ไม่ใช่แค่เกินจริง แต่มันเกินจินตนาการกับความเมากาว บวกกับสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสตามประสานักโฆษณาในโทรทัศน์ ฉันมองชุดนั่นไปนานๆ พร้อมแอบคันไม้คันมือและคันเท้าทั้งสองข้าง เกิดความรู้สึกหมั่นไส้เบาๆ

    อิอิ สนใจมั้ยคะ คุณลูกค้าผิวสีเข้มม~ พวกเรามีโปรโมชั่นสำหรับการเริ่มใช้งานคู่กับชุดว่ายน้ำช่วงวันสงกรานต์เท่านั้นเพียบเลยนะค---

    ผลัวะ!!

    ชุดหนังมนุษย์แท้ 100% เลยมั้ย ยัยเจแปน~!!!”

    ฉันกำหมัดขวาเสยคางคนเขียนผมดำขึ้นซ้ำจุดเดิมแรงยิ่งกว่าเดิม ทำให้ร่างของอีกฝ่ายลอยพ้นพื้นสูงขึ้นอีกประมาณห้าเซนติเมตรแล้วค่อยกลิ้งหลายตลบออกด้านหลัง

    อะเฮื้ออออ~ ตูโดนเสยคางอีกแล้วค่าา~ เพื่อนเอ๋ยย~ ฝากฟันทั้ง 32 ซี่ของข้าด้วยย~ แอ่ก...

    ได้เลยเพื่อน...ฟันของออเจ้าทุกซี่จะต้องได้รับการดูแลจากเฮาจนขาวสะอาดต่อไป...

    ตั้งแต่ ณ เวลานั้นเป็นต้นมา ยัยคนเขียนเพี้ยนก็น็อกเอ้าท์คาพื้นทรายประจำหาดสวนสนยาวๆ ทำให้คิเรย์ต้องพาลากออกไปนอนพักในรถกระบะสีเงินที่ยังคงเปิดเพลงแด๊นซ์ให้เหล่าชาวบ้านชาวเมืองได้โยกย้ายส่ายสะโพกจนกว่าเทศกาลสงกรานต์ประจำวันที่ 13 เมษายนจะจบลง

    ส่วนฉัน...ขอนอนพักผ่อนใต้ร่มเงาของเต้นท์ต่อไปให้หายเหนื่อยใจละกัน

    พอยัยนั่นเมากาวที...มันต้องมีเรื่องน่าปวดหัวประจำเลยจริงๆ

    [ The (Bonus) End ]

    [ เย้~ เรียบร้อยสำหรับโบนัสกาวๆ และก็อย่าเพิ่งหายไปไหนเด้อ เดี๋ยวจะมีอีกหนึ่งโบนัสมาลงตบท้ายด้วยย ]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×