ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fate/Grand Order] วันๆ ณ คาลเดียกับยูมิ [END]

    ลำดับตอนที่ #34 : Episode 1 วันหนึ่ง...ที่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 271
      22
      15 ก.ย. 63

    B
    E
    R
    L
    I
    N

    Episode 1 วันหนึ่ง...ที่ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยน

    ----------------------------------------------------

    ในเช้าวันที่ 23 พฤศจิกายน

    ใกล้จบเต็มทนแล้วสินะ...อีเว้นท์คริสต์มาส 2017 รีรัน

    ฉันพูดพึมพำกับตัวเองหลังจากพาเหล่าเซอแวนท์บางส่วนฟาร์มไอเทมพร้อมลุยชาเล้นจ์รอบสอง ซึ่งทีมนั้นมีตัวเด่นที่ต้องพกจริงจังอย่างมอเดรดเซเบอร์ ต่อด้วยมาชู เมอลิน(ชาวบ้าน) นักบุญจอร์จ คูจัง และคินโทกิไรเดอร์ ผลการต่อสู้ถือว่าดีขึ้นกว่าปีก่อน เพชรกับเรย์จูยังปลอดภัยดีทั้งหมด เซอแวนท์ผู้สละชีพมีนักบุญล่อตีน รุ่นน้องถือโล่ สุดท้ายคือพ่อมดผมขาว

    แหม่...แต่ละคนนี่หน้าเดิมๆ ตายแบบเดิมๆ ทั้งนั้นจ้า

    พอลองเปิดเช็คข้อมูลเกี่ยวกับ QP จำนวน Exp. เหล่าเพชรหรือแอปเปิ้ลปุ๊บแทบจะปิดเครื่องโน้ตแพ็ดแล้วนอนลงบนเตียงทั้งวัน เพราะมีอยู่เหลือเฟือ เซอแวนท์ตัวใหม่ไม่ได้รับการอัญเชิญมาสักตัว ถือเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่งแต่ก็แอบเสียดายเรื่องเอนคิดูไม่น้อย

     

    เอนคิดูจ๋าา~ มาหาพวกเราทีเถ๊อออ~

    วิ้งง~

    สิ่งที่ได้ : เซอแวนท์ คลาสแลนเซอร์ ใบสีทอง พลิกออกเป็นเมดูซ่าแลนเซอร์

    เมดูซ่าอีกแล้วเรอะ...! ไม่จริงใช่มั้ยเนี่ยย! เอาใหม่...อีกหกเม็ดพอ!!”

    วิ้งง~

    สิ่งที่ได้ : เซอแวนท์ คลาสแลนเซอร์ ใบสีทอง พลิกออกเป็นเมดูซ่าแลนเซอร์ (อีกครั้ง)

    “What the hell...!!? มาบ่อยอะไรขนาดนี้เนี่ย...!!”

    วิ้งง~

    สิ่งที่ได้ : เซอแวนท์ คลาสแลนเซอร์ วงทอง ใบสีทอง พลิกออกเป็นเมดูซ่าแลนเซอร์ (และอีกครั้ง)

    เอาจนได้...เธอชื่อ เอนคิดู งั้นเหรอจ๊ะ

    ขอโทษด้วยค่ะ...ที่ฉันโผล่ออกมาให้เห็นหน้าครบห้าครั้ง นี่คงเป็นเดจาวูสินะคะเนี่ย

     

    ให้ตายเถอะ...ยิ่งนึกถึงยิ่งปวดช้ำใจจริงๆ ค่ะ คือบรรดาเซอแวนท์สี่ดาวที่ได้ NP5 ณ ปัจจุบันต่อจากเอมิยะก็เป็นแม่หนูผมม่วงสายควิกคนนี้ พอมีเรทกาชาของเธอเพิ่มทีไร มันต้องรุนแรงขนาดนี้ตลอดเลยเชียว

    ในจังหวะที่กำลังหย่อนตัวลงนั่งบนเตียงพร้อมครุ่นคิดถึงความเกลืออันขาวโพลนเหมือนดั่งแสงไฟในมายรูมนั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออกและมีการปรากฏตัวของเซอแวนท์หนุ่มสองคน คลาสแอสซาซินกับแคสเตอร์ คู่หูบิโชเน็นประจำคาลเดียอย่างโคทาโร่กับซิก พวกเขาเดินเข้ามาทักทายพร้อมรอยยิ้มสุดแสนจะน่ารัก แถมยังมีการหิ้วถุงใส่ขนมด้วย เมื่อลองดูปริมาณทั้งหมดแล้วค่อยโล่งอกหน่อย อย่างน้อยก็ไม่เยอะจนกลายเป็นมื้อเช้ารอบสอง

    อรุณสวัสดิ์นะขอรับ นายท่าน กระผมมีของว่างยามเช้าให้กินด้วยล่ะ

    ส่วนฉันมีพุดดิ้งนมสดกับชาเขียวอีกสองถ้วย คุณจะเลือกอันไหนก็ได้ตามสะดวกเลยนะ

    อ่อ...มาช่วยตบท้ายหลังศึกด้วยของหวานนี่เอง

    ฉันจับคางมองอย่างเข้าใจเหตุผล(หรือมโนไปเองไม่รู้)แล้วเรียกให้ทั้งสองมานั่งกินด้วยกัน ซึ่งในถุงของนินจาผมแดงนั้นมีขนมปังโทสต์กับขวดนมกลิ่นชิบูย่าโทสต์สามชุด เขาหยิบออกมาแจกจนครบสามคนก่อนที่จะเริ่มแกะซองกินขนมปังเป็นอย่างแรก

    “...!?”

    อื้อหือ...กลิ่นหอมอุ่นๆ นี่ลอยเตะจมูกก่อนเลยเชียว ชิ้นขนมถูกตัดแบ่งเป็นเก้าชิ้น ราดหน้าด้วยน้ำตาลเล็กน้อยและนมข้นหวานบางๆ ทำให้ส่วนประกอบสามอย่างมีความเข้ากันมากถึงมากที่สุด

    ง่ำๆๆ

    อะ...อร่อยมาก! การใส่ตัวราดหน้าพวกนี้ถือว่าหวานพอดีไม่มีเลี่ยน เนื้อขนมปังที่ปิ้งใหม่ๆ ก็นุ่มกินง่าย แบบนั้นต้องลองกินคู่กับนมแล้วล่ะ

    ว่าจบฉันก็วางซองขนมปังโทสต์ไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียงแล้วหยิบขวดนมขึ้นแกะฟรอยด์ออกจากฝาพร้อมจิบรับรสหนึ่งอึก วินาทีนั้นคือเหมือนตัวเองกำลังหลงอยู่ในโลกแห่งของหวานที่มีลมโชยอ่อนๆ เลย พอกินคู่กันปุ๊บสวรรค์ยังเรียกพี่ เหล่านางฟ้าตัวน้อยต้องยอมถวายตัวมารุมล้อมเพิ่มความอร่อยให้กับขนมหลากรูปแบบ

    ฮ้าา~ มันช่างรู้สึกฟินอะไรเช่นนี้น้าา~ (เดี๋ยวๆ สติลูกสติ อย่าเพ้อ)

    โอเค...นั่งฟินกับครั้งแรกมามากพอแล้ว(?) รีบโซ้ยให้หมดรับความอร่อยให้เต็มที่ดีกว่า ต้องขอขอบคุณเซอแวนท์หนุ่มสุดแสนใจดีและน่ารักสองคนที่นำของว่างถูกปากพวกนี้จริงๆ เรี่ยวแรงที่หมดไปกับการลุยอีเว้นท์นี่พุ่งกระฉูดอย่างกับเรทติ้งหนังเลยทีเดียว

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    หลังจากที่ได้กินขนมปังโทสต์คู่นมสดกลิ่นชิบูย่าโทสต์ร่วมกับโคทาโร่และซิกจนเกลี้ยงเรียบร้อย พวกเขาทั้งสองก็ขออาสาเก็บขยะก่อนที่จะเดินออกจากมายรูม ทิ้งให้ฉันนั่งอิ่มอยู่คนเดียว ซึ่งระหว่างนั้นเซอแวนท์หนุ่มคลาสเบอเซิกเกอร์เจ้าของฮู้ดสีม่วงเข้มอย่างคูจังได้เปิดประตูห้องพอดี เขาเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเหมือนเดิมแล้ววางถุงพลาสติกที่หิ้วติดมือบนโต๊ะข้างหัวเตียง

    เหนื่อยหน่อยสำหรับวันนี้นะ...ยูมิแฟนหนุ่มนั่งลงข้างๆ พร้อมยกมือขึ้นลูบหัวอย่างที่เคยทำทุกวัน ทำให้ยังคงรู้สึกอบอุ่นใจและหายเหนื่อยตลอดเวลา

    อื้ม! คูจังเองก็เหมือนกัน เรื่องชาเล้นจ์ประจำอีเว้นท์น่ะฉันยิ้มตอบเล็กน้อยและเริ่มหยิบของในถุงพลาสติกใบนั้นออกมา พบว่าเป็นพุดดิ้งรสนมสดหนึ่งถ้วยแบบเดียวกันกับของซิกที่วางอยู่บนโต๊ะเป๊ะ

    พวกเซอแวนท์ในคาลเดียแห่งนี้ชอบหาเรื่องให้อ้วนกันจริงๆ สินะเนี่ย

    พุดดิ้งถ้วยนั้น...ให้ข้าช่วยกินดีมั้ย

    เอ๊ะ!? มะ...ไม่เป็นไรหรอก พอดีซิกคุงให้มาเมื่อกี้น่ะ งั้นคูจังกินอีกถ้วยแทนละกันเนาะ

    เขาไม่ตอบอะไรนอกจากหยิบพุดดิ้งในมือของฉันมาแกะฝาออกแล้วยกซดนมทั้งถ้วย แม้แต่ตัวเนื้อยังถูกจับบีบจนแหลกและกินหมดเกลี้ยง ด้วยการที่เป็นเบอเซิกเกอร์จึงไม่แปลกใจอะไรมากมายตั้งแต่ตอนไปงานวัดครั้งนู้น

    “...”

    เอาเป็นว่า...เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอนั่งกินของว่างพวกนี้ก่อนเลยดีกว่า

     

    ผ่านไปไม่กี่นาที

    หลังจากพวกเราสองคนพากันกินของว่างเติมแรงจนหมด เบอเซิกเกอร์หนุ่มก็หยิบถ้วยพุดดิ้งนมสดใส่ถุงพลาสติกและมัดปากถุงให้เรียบร้อย แต่ยังไม่เอาไปทิ้งตอนนี้เพราะเขาขอนั่งคุยเป็นเพื่อนแก้เหงาโดยให้ฉันเปิดประเด็นก่อนคนแรก

    อืมม...จะว่าไปมันก็ผ่านไปหนึ่งปีแล้วแฮะ ตั้งแต่ตอนที่รู้สึกท้อแท้ ความเป็นมาสเตอร์เริ่มแหลกสลาย จนกระทั่งสู้กับเซอแวนท์สองตัวในร่างเงาสีดำเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ได้ ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นคือคูจังกับกิลกาเมชแคสเตอร์

    “นี่...คูจัง จำเรื่องราวในช่วงปีที่แล้วได้มั้ย ตอนนั้นคือรู้สึกแย่และเสียใจมากที่ไม่ยอมรับฟังเหตุผลจากปากฉัน สารภาพตรงๆ ว่าคำนวณผิดพลาดไปหลายรอบเลย

    อีเว้นท์คริสต์มาสครั้งก่อนสินะ...

    ใช่แล้วล่ะ แถมยังได้พิสูจน์ตัวเองด้วยการต่อสู้กับทั้งสองคนอีก หลังกลับมาถึงคาลเดียน่าจะมีเซอแวนท์บางส่วนเล่าให้ฟังบ้างแล้วแหละเนาะ

    ฉันเล่าเพิ่มเติมอีกว่า ตัวเขาในร่างเงาเคยทำท่าเตรียมสังหารเด็กสาวผมม่วงคนหนึ่งให้สิ้นลมหายใจตายอย่างโหดเหี้ยมด้วยโฮกุ แถมกิลกาเมชยังเรียกโซ่รั้งขาไว้อีก วินาทีนั้นหัวใจแทบสลายเป็นเสี่ยงๆ และหวาดกลัวจนเกือบเสียสติ

    ถ้าตอนนั้นคูจังลงมือฆ่าเธอต่อหน้าจริงๆ ตัวฉันที่ไม่สามารถปกป้องใครสักคน...คงเป็นมาสเตอร์แห่งคาลเดียไม่ได้อีกต่อไปแล้ว...

    พออีกฝ่ายฟังจบก็ถอนหายใจเบาๆ มือขวายกขึ้นยีหัวเล่นพร้อมจับประคองแก้มด้วยมืออีกข้าง เขาพยายามบอกให้ลืมความผิดพลาดครั้งก่อนทั้งหมดทั้งปวง ทำหน้าที่ของตัวเองในปัจจุบัน อย่าปล่อยให้พวกมันกลับมาควบคุมจิตใจเด็ดขาด

    เคยบอกไปแล้วนี่...ข้าจะคอยเป็นหอกปกป้องเจ้าโดยไม่ย้อนกลับไปนึกถึงความผิดพลาดหรือทิ้งเจ้าไว้ข้างหลังอีก เพราะงั้นอย่าคิดมากนักเลย

    อื้ม...ขอบคุณมากนะ

    สิ้นเสียงพูดเมื่อครู่ปุ๊บ ฉันเริ่มขยับเข้าใกล้และเอนตัวไปหาคูจังอย่างช้าๆ แขนสองข้างยื่นออกตรงหน้าเพื่อขอกอดไว้แน่น เขานั่งนิ่งสักพักแล้วค่อยโอบเอวโดยมีการจับท้ายทอยให้ใบหน้าซุกลงบนไหล่พร้อมลูบหัวอย่างเบามือ 

    ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ ก็เป็นฝ่ายอยากกอดด้วยตัวเอง ทั้งที่ทุกวันนี้เขาจะออดอ้อนก่อนตลอด

    “...”

    ความรู้สึกแปลกๆ ภายในใจนี่มันอะไรกัน...

    มันช่างสับสน...หวาดระแวงเหลือเกิน...

    หรือลางสังหรณ์กำลังบอกว่าต่อจากนี้ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน...?

    “...”

    ไม่เอา...ไม่เอาแบบนี้...

    ขอร้องล่ะ...อย่าให้มันเกิดขึ้นเลย

    เมื่อความกลัวเพิ่มพูนเรื่อยๆ มือสองข้างก็สั่นระริกเบาๆ พยายามจิกเล็บเข้าแผ่นหลังเพื่อหยุดยั้งมันไว้ คูจังคลายอ้อมกอดออกทีละนิดพร้อมดึงมือของฉันมากุมเข้าหากันตรงหน้าแล้วจ้องหน้ามองตา

    ยูมิ...ไม่ต้องกลัวหรอก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม...อีกฝ่ายเว้นช่วงประโยคไว้ก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าใกล้เพื่อประทับริมฝีปากบนหน้าผากเชิงปลอบใจ เจ้ายังมีพวกข้าทุกคนที่คอยช่วยเหลือและปกป้องอยู่นะ

    หลังจากฟังจบ ฉันไม่รู้จะพูดยังไงนอกจากพยักหน้าตอบรับ จากนั้นเขาจึงบอกให้นอนพักซะ ตื่นมาอีกทีค่อยตามฟาร์ม QP ด้วยกัน ซึ่งระหว่างนั้นเขาก็ขอนั่งเฝ้าตรงขอบเตียงและไม่ยอมออกไปไหนเด็ดขาด เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ช่วยจัดการทันที

    “...”

    ถ้ามีบางอย่างเปลี่ยนไปจนต้องเกิดเหตุร้ายตามที่ลางสังหรณ์บอกจริงๆ ล่ะก็...

    ...ขอให้มันเป็นเพียงแค่ฝันร้ายเถอะนะ

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ยู~ มิ~

    “...”

    อยู่ที่ไหนน้า~

    เสียงเรียกของใครบางคนนั้นพาปลุกให้ตื่นจากห้วงภวังค์ ฉันค่อยๆ ลืมตาสองข้างพร้อมลุกขึ้นนั่งมองรอบตัว ทว่าสถานที่แห่งนี้กลับไม่ใช่มายรูม มันมืดมิดทั่วทั้งบริเวณ ไร้ซึ่งแสงสว่างจากหลอดไฟหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นใด สักพักก็เริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยราวกับไม่มีแรงโน้มถ่วงเข้าช่วย

    นี่เป็นแค่...ความฝันใช่มั้ย

    นี่ๆ หัดพูดอะไรสักหน่อยสิ...

    พอลองฟังเสียงปริศนานั่นอีกรอบ สมองก็ประมวลผลออกมาว่าเจ้าของเสียงเป็นผู้ชายวัยละอ่อน น่าจะเด็กกว่าด้วยซ้ำ ฉันอดสงสัยไม่ได้อีกต่อไปก่อนที่จะเริ่มเปิดปากถามทันที แม้ว่าจะไม่เห็นรูปลักษณ์อีกฝ่ายก็เถอะ

    นายเป็นใครน่ะ...

    อ่ะ...ยูมิ! ในที่สุดก็ยอมคุยด้วยจนได้ อยู่ทางนั้นเองสินะ

    เขาพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างสดใสตามประสาวัยเด็กในขณะที่มุ่งหน้าตรงเข้าหา กลิ่นอายแปลกประหลาดอันเปี่ยมไปด้วยพิษสงและอันตรายเริ่มแผ่กระจายรอบตัว อุณหภูมิภายในสถานที่นี้เย็นลงเรื่อยๆ แต่มือไม้ทั้งสองกลับรู้สึกตรงข้ามกัน

    ตอบมา! นายเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉัน!”

    แหม...ถ้าตอบชื่อเอาตอนนี้มันก็ไม่เซอไพรส์สิ จริงมั้ย? ฉันแค่อยากอยู่ร่วมกันกับเธอ...โดยไม่มีใครขวางหน้าขวางตาเท่านั้นเอง

    ขวางหน้าขวางตา? นายหมายถึงคูจังงั้นเหรอ...

    โอ๊ะ! รู้ทันด้วยแฮะ สมกับเป็นมาสเตอร์แห่งคาลเดียจริงๆ แต่ว่านะ...ตั้งแต่บัดนี้ ด้ายแดงแห่งพันธสัญญาของพวกเธอทุกคนจะต้องถูกตัดขาดออกจากกัน ผูกมัดใหม่ให้ตายยังไงก็ไร้ประโยชน์

    บรรยากาศกับคำพูดแปลกๆ แบบนั้นมันผิดปกติเกินไป จะเป็นมาสเตอร์คนอื่นก็ไม่ใช่ เซอแวนท์ก็ไม่เชิง แถมยังไม่เคยมีใครเล่นพิเรนทร์ปิดไฟช่วงเช้าจนมืดเกินด้วย

    ขอล่ะ หยุดพูดอะไรไม่เข้าเรื่องแล้วพาฉันออกจากฝันบ้าบอนี่สักที!”

    อะไรกัน...นี่ไม่ใช่ความฝันสักหน่อยนา~

    ตัวเขาภายใต้ความมืดมิดเริ่มเข้าใกล้ชิดทุกที อุณหภูมิรอบตัวเย็นลงยิ่งกว่าเดิมพร้อมกับพลังงานบางอย่างที่ค่อยๆ โอบรัดทั่วทั้งร่าง ทำให้รู้สึกอึดอัด แทบขยับเขยื้อนไม่ได้ หายใจลำบาก เสียงเรียกชื่อคูจังจากปากฉันเริ่มแหบขึ้นมาก ท้ายสุดก็ทำได้เพียงออกเสียงร้องในลำคอคล้ายขาดอากาศหายใจ

    ชะ...ช่วย...ด้วย...คู...จัง...

    “นี่ๆ ทำไมต้องพยายามต่อต้านและเรียกร้องขอความช่วยเหลือด้วยล่ะ เธอเองก็รู้ตัวดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอว่ามันไม่มีความหมายทั้งนั้น

    “...”

    ฉันไม่ฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดแล้วพยายามเรียกร้องหาเซอแวนท์คนอื่นต่อ มือขวาค่อยๆ ฝืนแรงยกขึ้นเตรียมใช้เรย์จูสั่งการ แต่พอผ่านไปไม่นานและยังไม่ทันที่จะใช้มัน พลังงานเหล่านั้นก็สลายหายไป ร่างกายของฉันถูกปลดออกจากพันธนาการจนร่วงลงนั่งจุดเดิม

    โธ่...เป็นมาสเตอร์ที่ดื้อด้านจริงๆ งั้นขอยอมปล่อยให้พักหายใจก่อน ไว้เจอกันใหม่ในอีกไม่ช้านี้ และเธอ...จะได้เห็นตัวตนของฉันที่แท้จริงสักที

    ว่าจบบุคคลปริศนาคนนั้นก็เริ่มหายตัวไปโดยมีแสงสีขาวแผ่กระจายออกกลางอากาศราวกับรอยร้าวบนกระจก ต่อมาภาพตรงหน้าจึงเปลี่ยนเป็นมายรูมเหมือนเดิม หากแต่สภาพห้องกลับค่อนข้างเละเทะพร้อมหยดเลือดที่ลากยาวถึงหน้าประตู

    แค่กๆๆ

    ฉันนั่งไอสองสามรอบ สูดอากาศหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วมองดูนาฬิกาข้อมือ เวลาที่ปรากฏคือเที่ยงตรง จากนั้นก็ลองตบแก้มขวาตัวเองเพื่อทดสอบความมั่นใจ ซึ่งถือเป็นข้อพิสูจน์ว่าสถานการณ์ปัจจุบันนี้ไม่ใช่ความฝันอย่างที่คิดไว้

    ให้ตายเถอะ...มันเกิดบ้าอะไรขึ้นนะ

    “...”

    ในเมื่อพิสูจน์เรียบร้อย สิ่งที่ควรทำต่อคือสืบหาความจริง ฉันเริ่มลุกขึ้นออกจากเตียงสีขาวและเดินตามหยดเลือดสีแดงนั่น มือขวายื่นไปตรงหน้าเพื่อเปิดประตูห้องอย่างช้าๆ แต่ก่อนที่จะได้ทำอย่างอื่นนั้น สายตาทั้งสองกลับสังเกตเห็นบางอย่างเข้า ทำเอาเกือบช็อกอยู่นาน

    ใช่แล้ว...สิ่งนั้นคือ ร่างของเซอแวนท์หนุ่มคลาสเบอเซิกเกอร์ในสภาพอาบเลือดเนื่องจากถูกของมีคมฟันแนวเฉียงกลางลำตัว

    คูจัง!!” ฉันไม่รอช้าอะไรพร้อมรีบวิ่งเข้าหาคูจังที่กำลังนั่งพิงกำแพงห้องตรงข้ามแล้วแตะเลือดบนแผงอกของเขา คาดเดาไม่ยากเลยว่าเพิ่งถูกใครสักคนโจมตีไม่นานเกิดอะไรกันแน่น่ะ!!”

    มีศัตรูบุกเข้ามาคาลเดียในร่างเงาสีดำ...ตอนนี้ข้ายืนยันไม่ได้ว่าเจ้านั่นเป็นวิญญาณวีรชนหรือมอนสเตอร์จากที่ไหน

    แต่นั่นมันเป็นไปไม่ได้นี่นา ถ้าเป็นมอนสเตอร์จากคาลเดียเกทคงไม่มีทางเดินเตร่ออกมาหรอก

    ระหว่างนั้นก็พยายามใช้เรย์จูในการรักษาบาดแผลแสนฉกรรจ์ของอีกฝ่ายด้วย แต่เขาดันจับข้อมือรั้งเอาไว้และขอให้ช่วยพาไปหาไนติงเกลแทน ฉันนั่งคิดหนักหลายวินาทีก่อนที่จะจับประคองร่างไว้ข้างๆ แล้วพาเดินมุ่งหน้าไปยังห้องพยาบาล

    ถึงจะหนักหน่อยแต่ก็ต้องพยายามเพื่อเขาล่ะนะ

    ตื๊ดด~ ตื๊ดด~ ตื๊ดด~

    พอผ่านไปไม่กี่นาที เสียงเตือนตามสายลำโพงของคาลเดียได้ดังขึ้นพร้อมกับคำประกาศจากหญิงสาวผู้เป็นหนึ่งในกลุ่มนักวิจัยเวททั้งหมด

     

    ถึงมาสเตอร์สาวนัมเบอร์ 021 อิชิมารุ ยูมิ ขณะนี้ภายในคาลเดียของเราได้เกิดเหตุด่วนโดยไม่คาดคิด มีใครบางคนกำลังบุกโจมตีซึ่งไม่อาจทราบตัวตนที่แท้จริงได้ เมื่อพยายามตรวจสอบข้อมูลแล้ว พบว่าไม่ใช่ทั้งเซอแวนท์หรือมอนสเตอร์จากคาลเดียเกท เป็นบุคคลปริศนาที่ปรากฏตัวในร่างเงาสีดำ

    ทางเราจึงขอให้ท่านรีบมาที่ห้องเรย์ชิพเตรียมแผนการรับมือกับสถานการณ์เลวร้าย ณ บัดนี้

     

    หลังจากฟังคำประกาศเมื่อครู่จบ ทั้งฉันและคูจังต่างก็พูดในประโยคเดียวกันโดยบังเอิญราวกับนัดไว้ล่วงหน้า แสดงให้เห็นว่ามีความคิดเดียวกันเป๊ะ

    เป็นเจ้านั่นจริงๆ ด้วยสินะ...!!”

     

    ณ ห้องเรย์ชิพ

    หลังจากได้พาคูจังรักษาแผลที่ห้องพยาบาลเรียบร้อย ฉันรีบแจ้นวิ่งตามนัด ซึ่งพอมาถึงปุ๊บก็สัมผัสถึงอารมณ์หรือความรู้สึกของกลุ่มนักวิจัยเวท บรรยากาศภายในห้องตอนนี้เต็มไปด้วยความอึดอัด กังวล หวาดกลัว และสับสนปะปนกัน

    ส่วนฉันทำได้แต่ยืนนิ่งเงียบ พยายามเก็บอารมณ์ทั้งหมดไว้ในใจแล้วครุ่นคิดถึงเหตุการณ์หลังจากนอนพักหลายชั่วโมง แต่ว่าตอนนี้กลับไม่สามารถสานต่อความคิดเรื่องพวกนั้นสักนิด ยิ่งนึกถึงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งปวดหัว

    ทุกอย่าง...ดูดำมืดไปหมด

    กำลังรออยู่พอดีเลย ยูมิจัง

    จังหวะนั้นเอง ดา วินชี่ได้เดินทางมาถึงพอดี โดยยังคงใส่ชุดเดิม สภาพเดิม ไม่มีบาดแผลใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนไม่มีใครสนใจจะเข้าโจมตี เธอยิ้มทักทายเล็กน้อยพอเป็นพิธีก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่โหมดจริงจังพร้อมประชุม

    เมื่อกี้คงได้ยินประกาศของนักวิจัยเวทแล้ว...ท่าทางครั้งนี้จะเป็นสถานการณ์ที่ไม่ว่ายังไงก็ต้องเร่งแก้ไขให้ได้ เพราะมันมีเวลาจำกัดอยู่ไม่มาก

    เวลาจำกัด? หมายความว่าไงกันเหรอ ดา วินชี่จัง

    เหตุผลหลักข้อแรกคือ...มาชู เธอหายตัวไปพร้อมกับบุคคลปริศนาคนนั้นทันที

    มาชูถูกลักพาตัว!!? บ้าจริง...ทำไมฉันถึงโง่เง่าไม่ยอมนึกถึงเธอและตามปกป้องกันนะ

    ฉันก้มหน้าลงเล็กน้อยและกำหมัดทั้งสองข้างไว้แน่นด้วยความเจ็บใจ อีกฝ่ายยืนเงียบพักใหญ่แล้วค่อยประชุมต่อ

    เหตุผลหลักข้อสอง...หลังจากเจ้านั่นหายตัวไปแล้ว สิ่งที่เพิ่มเข้ามาบนคาลเดียสคือ จุดพลิกผันสีแดง แสดงให้เห็นว่าเป็นจุดอันตราย ถ้าไม่รีบตามแก้ไขภายในสองชั่วโมง ยุคของมวลมนุษยชาติจะจบลง ทั้งโลก จักรวาล และคาลเดียจะถูกทำลายทันที

    เอ๊ะ!? แบบนั้นมันเลวร้ายกว่าที่คิดไว้หลายเท่าอีกนะ!!”

    ใช่...ตอนแรกฉันก็คิดว่าเจ้านั่นจะเล็งแค่คาลเดียอย่างเดียวเหมือนกัน แปลกยิ่งกว่านั้นคือ...

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ผ่านไปหลายนาที

    หลังประชุมกับดา วินชี่เรื่องแผนการแก้ไขจุดพลิกผันล่าสุดเสร็จ ฉันก็ค่อยๆ เดินออกจากห้องเรย์ชิพและเรียกเซอแวนท์ทั้งหมดให้มารวมตัวที่โรงอาหาร พวกเขาต่างนั่งมองพลางพูดคุยซุบซิบกันเอง ทุกกลุ่มแสดงสีหน้าที่แตกต่าง มีทั้งนิ่งเฉย ซีเรียส วิตกกังวล โดยเฉพาะเด็กๆ สามคนที่ร่วมจับมือเพื่อพยายามกำจัดความกลัวออกไป

    “...”

    เอ่อ...ฟังนะ ทุกคน ดูท่าทางศึกครั้งนี้จะรุนแรงยิ่งกว่าการแก้ไขจุดพลิกผันอื่นๆ เพราะมีเวลาจำกัดน้อยมาก ทำเอาฉันรู้สึกว่าช่วงเวลาแห่งความสนุกสนานเริ่มจบลงจริงๆ ถ้าให้เรียกว่าศึกครั้งสุดท้ายก็ไม่ผิดหรอก

    ครั้งสุดท้าย? หมายความว่าไงเหรอ คุณหนูคูแลนเซอร์ที่นั่งรวมกลุ่มกับคูคนอื่นหันมาถามด้วยความสงสัย

    จากการประชุมเมื่อไม่นาน ศึกที่พวกเราต้องเข้าร่วมคือจุดพลิกผันสีแดงจุดใหม่ ซึ่งมันปรากฏบนคาลเดียส ทางตะวันตกของบริเวณคาบมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ หรือที่หลายๆ คนชอบเรียกกันว่า สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้า

    แต่นั่นเป็นมหาสมุทรที่ไม่มีเกาะให้ยืนนี่นา แถมยังเป็นตำนานหลุมดำอีก

    “อย่างที่นายพูดเลยแหละ...โปรโตไทป์ สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือ...เสามารทั้งเจ็ดคลาสกลับมาอีกครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ

    เสามาร!!? อย่าบอกนะว่าเป็นจุดพลิกผันโซโลมอน!!?” ทุกคนต่างรีแอคชั่นเหมือนกันหมด พวกเขาคงไม่อยากเชื่อแน่ๆ ว่ามันจะตามหลอกหลอนอีกทั้งที่ควรจบตั้งนานแล้ว

    ขนาดฉันยังไม่อยากเชื่อเลย...จนกระทั่งลองปลุกตัวเองดูแล้วรู้ตัวทันทีว่าไม่ใช่แค่ฝันร้าย สภาพมายรูมที่เละเทะหลังพูดคุยกับบุคคลปริศนาในความมืดมิด คราบเลือดของคูจังที่ไหลลงพื้นจากบาดแผล นี่มันบ้าบอชัดๆ

     

    อ้อ! และก็อีกหนึ่งข้อที่อยากเตือนยูมิจังไว้นะ

    “...?”

    พอไปถึงจุดนั้นแล้ว...ความตายของเหล่าเซอแวนท์จะกลายเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะถ้าสูญเสียพลังเวทจนเหลือศูนย์หรือถูกฆ่าตาย...พวกเขาจะกลับบัลลังค์วีรชนของตัวเอง ไม่มีทางย้อนกลับมายังคาลเดียแห่งนี้ได้อีกต่อไป

     

    พอนึกถึงคำเตือนสุดท้ายของดา วินชี่ มือไม้สองข้างที่ถือโน้ตแพ็ดก็เริ่มสั่นระริกด้วยความกลัว รู้สึกกังวลว่าตัวเองจะสามารถปกป้องทุกคนกลางสนามรบได้หรือไม่ ความประมาทจากศึกที่ผ่านมาจะโถมเข้าครอบงำจิตใจรึเปล่า

    แต่คูจังเพิ่งบอกเมื่อเช้าว่าไม่ต้องกลัว ฉันยังมีพวกเขาคอยสู้ร่วมกันและเป็นอาวุธปกป้องจากภัยอันตรายตรงหน้า ดังนั้น...ถ้าให้ยอมแพ้ตอนนี้ ทุกคนคงผิดหวังหรือล้มตายกันหมดพอดี

    เพราะความหวังของเหล่ามวลมนุษยชาติตอนนี้...อยู่ที่มาสเตอร์แห่งคาลเดียเพียงคนเดียว!

    แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น! พวกเราทุกคนต้องแก้ไขมันให้ได้!!”

    สิ้นเสียงพูดของฉันปุ๊บก็เริ่มทวนสมาชิกเซอแวนท์เพื่อออกลุยศึกครั้งใหญ่ทันที ซึ่งบอกเลยว่าไม่ใช่แค่หกคนอีกแล้ว

    เซเบอร์ : อัลติล่า มอเดรด ซิกรูด เบดิเวียร์ แลนสล็อต

    อาเชอร์ : เอมิยะ เอมิยะอัลเตอร์ โรบิ้นฮู้ด ยูริเอล อราช อาจารย์ไครอน

    แลนเซอร์ : คูฮูลินน์ คูฮูลินน์โปรโตไทป์ กรรณะ เมดูซ่า ไรโค อาจารย์หลี่

    ไรเดอร์ : ท่านฟาโรห์ อิชทาร์ เรียวมะ มอเดรด คินโทกิ นักบุญจอร์จ

    แคสเตอร์ : คูฮูลินน์แคสเตอร์ ท่านกิลกาเมช ซิกคุง เมเดีย ทามาโมะ ไรม์ ไอริสฟีล

    แอสซาซิน : แจ๊ค โคทาโร่คุง ชูเท็น คิงฮัสซัน อิโซ ชิกิ

    เบอเซิกเกอร์ : คูจัง ไนติงเกล โจนอัลเตอร์

    สุดท้ายคือคลาสพิเศษ : อบิเกล ดันเต้ โฮล์มส เอลี่เมก้า บีบี

    เหล่าเซอแวนท์ในรายชื่อเมื่อครู่ต่างนั่งรวมกันครบ ไม่มีขาดหายแม้แต่นิด ซึ่งมีการวางแผนแยกทางกันกำจัดเสามารทั้งเจ็ด โดยฉันจะขอให้คูจังกับคูแลนเซอร์ร่วมกันไปช่วยมาชูให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือเจ้านั่น แต่ในระหว่างนั้นเอง ดาบหนุ่มทั้งสองคนก็วิ่งเข้าหาด้วยความเร่งรีบ แถมยังถืออาวุธประจำตัวไว้กับมือ

    มุทสึคุง! คุณแม่มิทสึ! ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะ!”

    ไม่มีอะไรมากมายหรอก นายท่าน พวกข้าแค่อยากบอกว่าเดี๋ยวจะช่วยปกป้องคาลเดียแห่งนี้ให้เท่านั้นเองมุทสึโนะคามิยืนหอบสักพักหนึ่งแล้วเดินมาตบไหล่พร้อมกับยิ้มกว้าง

    “กลุ่มเซอแวนท์บางส่วนของเจ้าก็เหมือนกัน พวกเขาไม่อยากนั่งเฉยๆ เป็นภาระในศึกครั้งสุดท้ายแบบนี้น่ะมิทสึทาดะยิ้มอ่อนและยกมือขึ้นลูบหัว ความอบอุ่นจากฝ่ามือของเขาเปรียบเหมือนกำลังใจที่ดีไม่น้อยเลย

    เอ่อ...อื้ม ขอบคุณนะฉันยิ้มตอบกลับบางๆ ให้อีกฝ่ายแล้วค่อยหันไปพูดกับเซอแวนท์คนอื่น งั้นเอาเป็นว่า...พวกเรามาเริ่มแผนการเมื่อกี้เพื่อจบศึกครั้งนี้กันเถอะ!”

    ทุกคนรับทราบตามนั้นแล้วลุกออกจากเก้าอี้เพื่อแยกย้ายทำหน้าที่ของตัวเอง กลุ่มพวกฉันไม่รอช้ามุ่งหน้าไปยังห้องเรย์ชิพเตรียมเข้าสู่จุดพลิกผันสีแดงบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าที่เหล่าเสามารเจ็ดต้นรอคอยอยู่

    ความหลังต่างๆ ที่ไม่ควรถูกย้อนกลับไปพบเจอ รวมถึงการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของบุคคลปริศนาในร่างเงาสีดำนั่นกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

    พวกเรากลุ่มคาลเดีย...ต้องปกป้องมวลมนุษยชาติภายในสองชั่วโมงอันเป็นเวลาจำกัดให้ได้!!

    [ To be continued ]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×