คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ลูกแก้วในตำนาน
ลูกแก้วในตำนาน
----------------------------------------------------
สามวันต่อมา
หลังจากฉันและเหล่าเซอแวนท์หนุ่มทั้งหกได้พักร้อนไปสามวันรวดที่ดา วินชี่ยอมเป็นสิทธิพิเศษอย่างชุ่มเนื้อชุ่มใจแล้ว อีเว้นท์ Journey to the West ก็เริ่มจัดให้เข้าร่วมต่อ แต่จริงๆ มันไม่ได้จัดขึ้นครั้งแรกหรอก เรียกว่า Re-run น่าจะถูกกว่า ซึ่งครั้งนี้มีพระถังซัมจั๋งและคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างหงอคง(มาสเตอร์) นาจา ตือโป๊ยก่าย(เดวิด) หรือแม้แต่ซัวเจ๋ง(อาจารย์หลี่ ซู่เหวิน)เป็นตัวละครในการดำเนินเรื่องราวทั้งหมด
และบัดนี้ฉันกำลังนั่งพักผ่อนบนเตียงภายในห้องสว่างจ้า
มือซ้ายถือซองคุกกี้รสวานิลลา มือขวาหยิบขึ้นมากินด้วยอารมณ์เอือมๆ
เซอแวนท์ที่เหลือต่างพากันกินข้าวหรือแยกกันพักผ่อนคนละทาง
ส่วนคูจังตอนนี้น่าจะถูกคูที่เหลือลากไปก๊งเหล้าก๊งเบียร์อยู่
มีแค่มินิคูจังเท่านั้นที่นั่งกินขนมด้วยกัน
“ยูมิ...อ้าปากที”
“หือ? มีอะไรเหรอ...อ่ะ...!” ฉันหันไปทางนุยตัวน้อยแล้วจู่ๆ
เขาก็ยื่นขนมป๊อกกี้รสคุกกี้แอนด์ครีมจ่อมาทางปากก่อนที่มันจะขยับให้กินเข้าไปโดยไม่ทันตั้งตัว
แต่จะว่าไปป๊อกกี้รสนี้อร่อยจังแฮะ...ขอยอมรับตรงๆ ว่ามินิคูจังคัดเลือกขนมอร่อยๆ
เก่งมากจริง ถ้าจะให้ลองคิดอีกแง่หนึ่งล่ะก็...คงจะถูกตั้งตำแหน่งเป็นนักชิมแห่งคาลเดียตัวน้อยไปเลยก็ว่าได้
ต่อมาเขาก็กระโดดขึ้นนั่งบนตัก ยื่นมือสะกิดแขนพร้อมชี้นิ้วมายังซองคุกกี้รสวานิลลาที่กำลังถืออยู่เหมือนพยายามจะบอกให้ป้อนคืนบ้าง ฉันแอบยิ้มเล็กๆ แล้วหยิบคุกกี้แบ่งครึ่งก่อนที่จะยื่นส่วนหนึ่งให้ แต่พอกำลังจะได้ปล่อยมือออก เขาก็จับรั้งไว้และนั่งกินทีละนิด
พวกเราทั้งสองป้อนขนมสลับผลัดกันไปมาจนหมดซองและกระดกน้ำเป๊ปซี่เย็นๆ
อย่างสดชื่น ทั้งที่รู้ดีว่าของพวกนี้กินไปเยอะๆ แล้วจะไม่ดีต่อสุขภาพ แต่ทำไงได้
อากาศก็ร้อน ไอติมก็ไม่มีในตู้เย็น มีแค่เป๊ปซี่แช่ไว้ประมาณ 2-3 ขวด
สุดท้ายต้องจำใจดับร้อนด้วยน้ำอัดลมนี่แหละ
“ฮ้า...ช่างซ่าและสดชื่นจริงๆ” ฉันพูดหลังได้กระดกน้ำเป๊ปซี่ไปสองสามอึกพร้อมปิดฝาวางขวดบนโต๊ะข้างหัวเตียงแล้วเอนตัวนั่งพิงกำแพง
“ให้ข้าเอาไปแช่ตู้เย็นก่อนดีมั้ย เดี๋ยวมันจะหายเย็นและไม่สดชื่นเอา”
“อื้ม...รบกวนหน่อยนะ มินิคูจัง” มินิคูจังเก็บขวดเป๊ปซี่ใส่ถุงแล้วเดินออกจากมายรูมไปอย่างไว
ฉันถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะหยิบโน๊ตแพ็ดขึ้นมาตรวจเช็คเหล่าไอเทมอีเว้นท์ที่ยังเหลืออยู่ในตอนนี้
พอเห็นจำนวนนั้นปุ๊บก็แทบจะทรุดลงนอน คือมันมีน้อยมากกกกกกก และรายการรางวัลในร้านค้าก็ใช้เยอะพอสมควรอีก แบบนี้คงต้องไปฟาร์มข้ามวันข้ามคืนสักครั้งแล้วแหละ
โดยเฉพาะลูกแก้วนี่ยิ่งเน้นเป็นพิเศษเลย
เพราะมันต้องเอาไปเป็นตัวทางผ่านด่านฟาร์มดอกบัวสีม่วงคล้ายกับตั๋วตามสถานต่างๆ
และดอกบัวเป็นไอเทมที่ต้องฟาร์มเยอะโคตรๆ อีก จังหวะนี้กระหม่อมตายตาหลับแน่นอนค่ะ
อีกอย่างเซอแวนท์บางส่วนในอีเว้นท์ครั้งนี้จะมีโบนัสไอเทมแตกต่างกันไป
ย้ำว่าแค่บางส่วน ไม่ใช่ทุกคน
ดังนั้นคนที่อัญเชิญได้น้อยหรือไม่ได้ปั้นบางตัวอาจจะฟาร์มไอเทมลำบากหน่อย
ฉันปิดโน๊ตแพ็ดแล้ววางบนโต๊ะ
ขยับตัวนอนลงบนเตียงพร้อมหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน
ฟาร์มจนไปแลกรางวัลเล็กๆ น้อยๆ และไอเทมก็หมดอย่างรวดเร็ว ทีนี้รอตื่นขึ้นค่อยไปฟาร์มไอเทมต่ออีกทีละกัน
แล้วครั้งนี้จะนอนฝันอะไรแปลกๆ
อีกมั้ยนี่...ฉันคิดเช่นนั้นก่อนที่จะหลับลงจริงจัง...
ณ พื้นที่อีเว้นท์ Journey to the West
“แฮ่ก...แฮ่ก...” ฉันยืนหอบเหนื่อยเพราะร่วมต่อสู้กับอาเธอเรีย
เพนดราก้อน (แลนเซอร์อัลเตอร์) ครั้งนี้ในทีมมีคูจัง มุทสึโนะคามิ เมอลิน(ชาวบ้าน)
โอจิมังเดียส มิทสึทาดะ และมาชู เมื่อพบว่าโฮกุพร้อมใช้งานจึงยกมือขวาใช้เรย์จูสั่งการทันที
“ด้วยอำนาจแห่งเรย์จูข้าขอสั่งการ...เบอเซิกเกอร์
คูฮูลินน์อัลเตอร์ จงจัดการศัตรูตรงหน้าด้วยโฮกุของตนซะ!”
วิ้งง~
แสงสีแดงบนมือขวาค่อยๆ
ปรากฏขึ้นพร้อมออร่าสีฟ้าอ่อนรอบๆ ตัวของเบอเซิกเกอร์ตรงหน้า
นั่นหมายความว่าการถ่ายโอนพลังเวทจากเรย์จูได้ผล และท่ามกลางออร่านี้ เขาก็ยิ้มมุมปากแล้วเดินไปตรงหน้า
เปลี่ยนร่างให้เป็นโฮกุของตัวเองเตรียมจัดการศัตรูทันที
“ปลดปล่อยคำสาปทั้งหมด ไร้ซึ่งความปราณีใดๆ จงมุ่งเข้าเผชิญหน้ากับความสิ้นหวังนี้เสีย...”
ในช่วงที่คูจังกำลังพุ่งไปข้างหน้า เมอลินได้บัฟดาเมจซัพพอร์ตไปด้วย
ทางอาเธอเรียอัลเตอร์ก็แสดงสีหน้าไม่พอใจ เธอยกหอกที่หมุนขึ้นฟ้าพร้อมออร่าสีดำม่วงรอบๆ
หอก พลังเวทอันมหาศาลนี้ทำให้สัมผัสได้ว่า กำลังใช้โฮกุอัดตัดหน้า
“เขี้ยวทั้งสิบสามเอ๋ย...จงบุกทะลวงไป!
ลองโกมิเนียด...!!”
“กันด์!!” ฉันรีบใช้กันด์สตั๊นเธอทันทีแล้วสั่งการอีกคนให้ลงมือ
“มุทสึคุง! ยิงม้าสีขาวตัวนั้นซะ!”
“ตามนั้นเลย นายท่าน!”
ดาบหนุ่มควงปืนประจำกายเล็งไปที่ม้าสีขาวของอีกฝ่ายก่อนที่จะเหนี่ยวไกยิงออกจนหมดกระสุน
แน่นอนว่ามันต้องร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมล้มลงพื้น อาเธอเรียอัลเตอร์ล้มกลิ้งสองสามตลบ
ออร่าสีดำม่วงรอบหอกหายไปกับอากาศและในจังหวะนั้นเองคูจังก็ได้พุ่งไปใกล้เรียบร้อย
“กรีด คอนย์เฮน!!”
เบอเซิกเกอร์หนุ่มโจมตีศัตรูอย่างต่อเนื่อง
ไม่ปล่อยจังหวะให้ลุกขึ้นยืนหรือตั้งตัวหาทางป้องกันแม้แต่นิดเดียว สุดท้ายเขายกมือจ้วงเข้าที่กลางอกและหนามอันใหญ่ก็แทงทะลุออกข้างหลัง
เลือดสีแดงพุ่งออกจากอกพร้อมออร่าสีเหลืองลอยรอบตัวเธอก่อนที่จะสลายหายไปแล้วมีไอเทมลูกแก้วร่วงลงพื้น
“สำเร็จอย่างหวุดหวิดจริงๆ แฮะ...ทำได้ดีมากเลย คูจัง” ฉันรีบวิ่งไปหาคนตรงหน้า เอื้อมมือขึ้นเตรียมถอดฮู้ดออกและลูบหัว แต่กลับเอื้อมไม่ถึงเพราะความเตี้ย(เกินไป)ของตัวเอง
“อา...ถ้าไม่ได้เจ้าช่วยซัพพอร์ต ข้าก็คงตายต่อหน้าอีกรอบแล้วล่ะ” เขาย่อตัวลงแล้วปล่อยให้ลูบหัวด้วยมือซ้าย
ส่วนมือขวาของฉันถูกจับเอาไว้พร้อมใช้นิ้วโป้งลูบบนสัญลักษณ์เรย์จูเบาๆ
“ฉันไม่ยอมให้ตายง่ายๆ หรอก เพราะคูจังแข็งแกร่งที่สุดนี่นา รักมากด้วย” ฉันยิ้มกว้างก่อนที่จะยื่นหน้าไปประทับจูบบนหน้าผากของเขา
จุ๊บ!
“เอาล่ะ...พวกเราเริ่มตามเก็บลูกแก้วกันต่อเถอะเนาะ
จะให้เสียเวลามากกว่านี้คงไม่ดีแน่” ว่าจบพวกเราทุกคนก็พากันช่วยเก็บลูกแก้วบนพื้นใส่ถุงกระสอบสีขาว
ในระหว่างที่กำลังจะเก็บสองลูกสุดท้าย สายตาของฉันได้สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของมัน
เพราะลวดลายบนนั้นไม่ใช่สัญลักษณ์แบบที่ควรจะเป็น แต่กลับมีรูปดาวแทน
โดยสองลูกนี้มีทั้งสี่ดาว และห้าดาว
รู้สึกคุ้นตาแปลกๆ ยังไงไม่รู้แฮะ...
“นายท่านๆ สองลูกนั้นเหมือนข้าเคยเห็นจากเว็บเลย ใช่ลูกแก้วที่ต้องเก็บรวบรวมให้ครบเจ็ดลูกแล้วถึงจะสามารถอัญเชิญเทพเจ้ามังกรและขอพรอะไรก็ได้สามข้อนั่นรึเปล่าน้อ”
“นายรู้จักด้วยเหรอนี่ มุทสึคุง”
“มันคุ้นๆ อ่ะนา ขอข้ายืมใช้สมาร์ทโฟนของเจ้าเปิดหาสักหน่อยได้บ่” มุทสึโนะคามิยื่นมือขวามาแล้วกวักมือสองสามทีเพื่อขอใช้สมาร์ทโฟน
ฉันเปิดสมาร์ทโฟนและเว็บ Google ให้ดาบหนุ่มก่อนที่จะยื่นให้ใช้ เขาเริ่มกดค้นหาเรื่องลูกแก้วแปลกๆ
ทั้งสองลูกนี้ เซอแวนท์ที่เหลือพากันมุงดูอยู่ข้างหลังก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะร้องอ๋อพร้อมกัน
“จริงด้วยแฮะ...ลูกแก้วในตำนานที่ใครๆ ก็รู้จักกันทั่วโลก มันคือ...” มิทสึทาดะจับคางพูดเว้นช่วงให้ลุ้นเล่นๆ สักพักเขาก็ให้คำตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
“ลูกแก้วดราก้อนบอลยังไงล่ะ!!”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ทั้งมิทสึทาดะและมุทสึโนะคามิต่างอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับลูกแก้วที่เรียกกันว่า
ดราก้อนบอล ทำให้ฉันเริ่มรู้สึกคุ้นๆ และนึกออกจนได้ มันเก่ามาก แทบจะลืมไปเลย
ตอนสมัยยังเรียนชั้นประถมดูอย่างบ่อย
แต่เพราะมันมีหลายตอนบวกกับภาระงานการบ้านที่ท่วมท้นเป็นภูเขา ก็เลยไม่ได้ดูต่อและลืมชื่อตัวละครบางตัวด้วย
“แต่มันก็แปลกดีแฮะ...งั้นถ้าเราลงด่านในอีเว้นท์นี้เรื่อยๆ
จนเก็บลูกแก้วดราก้อนบอลครบเจ็ดลูกแล้ว ก็น่าจะลองขอพรสักตั้งดูนะ
เผื่อมันจะกลายเป็นจริงได้”
คือตอนแรกฉันจะรีบฟาร์มลูกแก้วเพื่อเป็นทางผ่านด่านฟาร์มดอกบัวให้มันครบๆ
ไปไร้กังวล แต่ในเมื่อลงเอยแบบนี้แล้วก็คงต้องลองบ้างแหละนะ
“น่าลองนะ นายท่าน! ข้าอยากลองหาดราก้อนบอลเหมือนในอนิเมะนั่นแล้วขอพรจากเทพเจ้ามังกรตัวจริงมากเลย!”
มุทสึโนะคามิพูดและจับมือทั้งสองของฉันเขย่าไปมา
สังเกตจากชายผ้าสีไข่ที่กำลังส่ายอยู่ทำให้รู้ว่าเขาตื่นเต้นมากแค่ไหน
“โห...น่าสนใจดีไม่ใช่รึ ยูมิเอ๋ย
เช่นนั้นพวกเราควรรีบตามหาเลยดีกว่านะ และอย่าได้กังวลอะไรมากมาย พวกข้าจะคอยเก็บไอเทมลูกแก้ว ส่วนเจ้ากับมุทสึโนะคามิก็หาลูกแก้วที่ว่านั่นไป ตามนั้นนะ”
พวกเราทั้งหมดพยักหน้าตอบรับโอจิมังเดียสด้วยความพร้อมเพรียงก่อนที่จะแยกย้ายกันทำภารกิจของตน
ฉันและมุทสึโนะคามิวิ่งตามหาลูกแก้วดราก้อนบอลด้วยกันจนต่อมารู้สึกถึงพลังงานบางอย่างอยู่ข้างหลัง
จากนั้นก็พบว่าคูจังพุ่งตรงเข้ามาดักหน้าอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของเขาดูนิ่งขรึมแต่แฝงความน่ากลัวเล็กน้อย
“ให้ข้าไปด้วยสิ ยูมิ”
“เอ๊ะ? คูจังไม่ไปหาไอเทมร่วมกับพวกเขาเหรอ
ถ้าเรื่องความปลอดภัยล่ะก็...ฉันฝากบอกให้มาชูช่วยซัพพอร์ตแล้ว...”
“เพราะเป็นห่วงเจ้าไงล่ะ อีกอย่างข้าเป็นเบอเซิกเกอร์
ถ้าซัพพอร์ตไม่ทันอาจตายก่อนก็ได้ เรื่องนี้เจ้าน่าจะรู้ดีไม่ใช่เหรอ” เขาเดินเข้าใกล้แล้วลูบหัวฉันเบาๆ พร้อมจับมือเอาไว้แน่น สายตาจ้องมองตรงมาอย่างจริงจัง
ทำให้รู้สึกใจเต้นตึกตักแปลกๆ
อย่างที่เขาบอกแหละ...ฉันคงปล่อยให้ตายก่อนจะช่วยซัพพอร์ตด้วยพลังเวทไม่ได้
นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนสติว่า เขากำลังเตรียมทำหน้าที่เป็นหอกปกป้องฉันต่อ
เวลามีภัยอันตรายจะได้ช่วยทัน
“นะ...นั่นสินะ งั้นตามหาลูกแก้วที่ว่านั่นด้วยกันสามคนดีกว่า
เผื่อหาเจอเร็วขึ้น โอเคมั้ย...มุทสึคุง”
“แน่นอนอยู่แล้วล่ะนา นายท่านมีเจ้าอัลเตอร์เป็นคนรักด้วยทั้งที
จะให้ทิ้งกันคงแย่เลย” ดาบหนุ่มยิ้มกว้างให้เหมือนที่เคยทำผ่านๆ
มาก่อนที่จะตบบ่าฉันและคูจังอย่างเป็นมิตร
ในขณะที่ถูกแซวเล็กๆ แบบนี้แล้วก็แอบเขินในใจ
เผลอยิ้มอ่อนให้ทั้งสองคนจนกระทั่งรู้สึกตัวอีกทีตอนที่พวกเขาได้กุมอกด้วยมือขวาอย่างแน่นพร้อมทรุดลงคุกเข่าบนพื้นและมีคำว่า
Critical
โผล่เหนือหัวประมาณสองวินาที
อ้าวกรรม...ขออภัยด้วยค่ะ
ฉันเดินไปยื่นมือทั้งสองข้างพร้อมช่วยดึงพวกเขาให้ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเตรียมออกเดินทางตามหาลูกแก้วดราก้อนบอลเพิ่มอีกห้าลูก ซึ่งปัจจุบันมีเพียงสองลูกที่เป็นสี่ดาวและห้าดาว พอลองมองดูแล้ว มันเหมือนบอกสเตตัสของเหล่าอาเธอเรียเฟซเลย
เพราะพวกนางเป็นทั้งเซอแวนท์ 4-5 ดาว
ระหว่างนั้นเองสายตาได้กวาดไปเจอสิ่งๆ
หนึ่งกำลังถูกวางบนพื้นดิน พวกฉันทั้งสามรีบวิ่งไปดูก่อนที่จะพบว่า มันคืออุปกรณ์ตามหาลูกแก้วดราก้อนบอลโดยเฉพาะ
หรืออีกชื่อหนึ่งว่า ดราก้อนเรดาห์ ถือว่าโชคดีอย่างยิ่งสำหรับครั้งนี้
ต่อมามุทสึโนะคามิก้มลงเก็บมันขึ้นมาพร้อมบอกว่า
จะเป็นคนบอกตำแหน่งของดราก้อนบอลเอง และให้ฉันกับคูจังเป็นคนไปเก็บรวบรวม
พอแบ่งหน้าที่กันเรียบร้อย พวกเราก็ได้เริ่มปฏิบัติการตามล่าหาดราก้อนบอลอีกห้าลูก
ณ บัดนี้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ผ่านไปหลายชั่วโมง
“แฮ่ก...แฮ่ก...ในที่สุด...ก็ครบสักที” ฉันพูดด้วยความอ่อนเพลียสลับกับหายใจแรงพร้อมทรุดลงนั่งพิงหินบนพื้น
ในถุงกระสอบมีลูกแก้วดราก้อนบอลทั้งหมดเจ็ดลูก
ซึ่งเอาสองลูกแรกเข้าไปรวมเรียบร้อย
แล้วคือช่วงที่พวกฉันออกตามล่า ดันมีพวกมอนสเตอร์หลากสายพันธุ์ขัดขวางและพุ่งมารุมโจมตี
คนที่จัดการพวกนั้นจนตายหมดคือ คูจัง วันนี้เขาดูพร้อมทุกอย่างเพื่อให้ได้ปกป้องฉันทุกวิถีทางจริงๆ
ขนาดตอนกำลังเอื้อมไปเก็บจากที่สูง เขาก็ยังอาสาเก็บให้ด้วยความเต็มใจ เล่นซะจนมุทสึโนะคามิแซวเกือบตลอดเวลา
จะว่าไปอีกกลุ่มหนึ่งในตอนนี้เป็นตายร้ายดียังไงบ้างแล้วนะ
การที่มาสเตอร์อย่างฉันไม่ได้อยู่ช่วยซัพพอร์ตเรื่องพลังเวทมันรู้สึกน่ากังวลแปลกๆ
ถึงจะมีมาชูและเมอลินช่วยยื้อศึกและปกป้องเซอแวนท์ที่เหลือ แต่ถ้าเสียท่าให้ศัตรูจะซวยทันที
พอคิดได้แบบนี้ฉันก็ขืนสังขารลุกขึ้นยืนแล้วรีบซัพพอร์ตพวกเขาให้เร็วที่สุด โดยมุทสึโนะคามิขออาสาช่วยแบกถุงกระสอบเพื่อให้คูจังช่วยแบกร่างฉันไว้ พวกเราทั้งสามรีบมุ่งหน้าไปตามหา ถ้ามีพวกมอนสเตอร์ตัวไหนโผล่มาก็จะไม่ยอมสู้ให้เสียเวลา
ในขณะนั้นเอง ก็มีใครบางคนกำลังยืนอยู่ตรงหน้า เขาเป็นผู้ชายผมตั้งสีทอง ร่างกายกำยำ ใส่เสื้อกั๊กสีส้มทับเสื้อแขนสั้นธรรมดาสีน้ำเงิน
กางเกงสีส้มที่มีเชือกผูกเอวสีน้ำเงิน รองเท้าบู๊ทสีดำ-น้ำเงินเข้มขอบเหลือง เชือกสีแดงผูกข้อเท้าทั้งสองข้าง
มีเอกลักษณ์มากมายขนาดนี้จะเป็นใครได้นอกจาก ซุน โกคู!
เขาแอบส่งสัญญาณมือบอกให้พวกฉันวิ่งต่อพร้อมพุ่งเข้าไปสู้กับเหล่ามอนสเตอร์อย่างรวดเร็ว
ความมุ่งมั่นตั้งใจปกป้องมวลมนุษย์ยังคงอยู่ในสายเลือดเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน
ในใจอยากจะยกมือกราบขอบคุณจริงๆ ที่มาช่วยจัดการด้านหลังให้
ถ้าทุกอย่างจบคงต้องใช้โอกาสครั้งนั้นพูดคุยบ้างแล้วล่ะ
ต่อมามอนสเตอร์มังกรทั้งหมด 3 ตัวได้บินเข้ามาตรงหน้า
ฉันรู้สึกหงุดหงิดใจจนต้องยอมหยิบกลัดมณีเวทย์ขึ้นมาบีบให้แตกแล้วหลอมรวมเป็นดาบหนึ่งเล่ม
จากนั้นก็บอกมุทสึโนะคามิให้มุ่งหน้าไปหาเซอแวนท์กลุ่มนั้นก่อนที่จะกระโดดลงพื้นและบิดด้ามดาบหนึ่งที
“ดาบเอ๋ย...จงเบิกทางเสีย”
พลังเวทมหาศาลจากร่างกายฉันกำลังถูกหล่อเลี้ยงออกไป
ออร่าสีฟ้าค่อยๆ เปล่งประกายท่วมท้นทั้งเล่ม อารมณ์หงุดหงิดได้ส่งผ่านจนสายลมพัดมาอย่างรุนแรงเกือบทั่วบริเวณ
ขาข้างขวาก้าวถอยหลังออก มือทั้งสองง้างดาบขึ้นเหนือหัว
สายตาจ้องจดจ่อไปยังเหล่ามังกรที่กำลังบินตรงมา
ในจังหวะนี้แหละที่ฉันต้องจัดการมันให้สิ้นซากซะ!
“บัลมุงค์!!!”
ฉันลงแรงเหยียบที่ขาข้างซ้าย จับด้ามดาบไว้แน่นพร้อมฟาดฟันลงกับพื้น
ลำแสงสีฟ้าพุ่งออกเพื่อล้างบางเหล่ามังกรทั้งสาม ลมพายุพัดมาบ่งบอกถึงความรุนแรงจากพลังเวทเมื่อครู่
ไม่นานร่างของพวกมันรวมถึงดาบบัลมุงค์ก็ได้แหลกสลายหายกับออร่าสีเหลืองที่ลอยขึ้นอากาศ
หลังจากฉันปราบพวกมันสำเร็จ ก็ค่อยๆ ทรุดลงนั่งคุกเข่าบนพื้นด้วยความอ่อนแรงยิ่งกว่าเดิม
จะเรียกว่าแทบเป็นลมเลยก็ได้ สติสัมปชัญญะเหลืออยู่เพียงนิดจนกระทั่งเริ่มรู้สึกถึงความอบอุ่นจากคูจัง
เขาเดินมาจับร่างฉันให้อยู่ในท่าอุ้มเจ้าหญิงก่อนที่จะออกแรงวิ่งกลับไปหากลุ่มเซอแวนท์ที่เหลือทันที
‘โปรดพาไปส่งอย่างปลอดภัยนะ...คูจัง’
‘รับทราบ...มาสเตอร์แห่งข้า’
ในระหว่างนั้นก็ขอหลับตาลงสักหน่อยละกัน...เผื่อจะฟื้นฟูพลังเวทได้บ้าง...
“เรื่องราวของพวกเธอจะถูกเติมเต็มด้วยคำอวยพร ณ บัดนี้...การ์เด้น ออฟ
อวาลอน!!”
“จงสำแดงฤทธิ์เสียเถิด...ลอร์ด คาเมล็อต!!”
“เกียรติยศไร้ที่สิ้นสุดของข้า บัดนี้ได้มีดวงอาทิตย์จุติลงมาแล้ว...รามเซม
เทนทีรีส!!”
เสียงร่ายโฮกุของเซอแวนท์สามคนดังเข้ามาในหูของฉันก่อนที่จะลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ
เมื่อลองหันไปทางต้นเสียงก็พบว่า พวกเขากำลังทุ่มเทกับการต่อสู้ครั้งนี้ มิทสึทาดะคอยจัดการลูกน้องให้ มุทสึโนะคามิเฝ้าถุงกระสอบที่มีลูกแก้วบรรจุข้างใน
ส่วนคูจังพุ่งไปช่วยเซอแวนท์ที่เหลือหลังได้วางร่างของฉันนั่งพิงหินก้อนใหญ่เรียบร้อยแล้ว
และสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้คือ...ระวังด้านหลัง
ฉันค่อยๆ กวาดสายตามองทั่วบริเวณพร้อมล้วงกระเป๋ากระโปรงเตรียมจับกลัดมณีเวทย์ไว้
ถึงจะรู้ตัวดีว่าพลังเวทในร่างกายถูกใช้ตอนปราบมังกรด้วยดาบบัลมุงค์ไปเยอะแล้ว แต่ก็ยังคงอดทนฝืนเพื่อปกป้องทุกคน จากนั้นหางตาข้างขวาได้พบเจอกับมอนสเตอร์ประเภทมังกรที่รอบนี้มาประมาณสิบตัว
“มังกรอีกแล้ว...แบบนี้ขืนใช้ดาบบัลมุงค์ต่อไป ฉันสลบกลางศึกก่อนแน่ๆ”
เอาไงดี...ตอนนี้พวกเขาก็ยังยุ่งอยู่กับศัตรูอีกฝั่งด้วย
สู้ด้วยดาบธรรมดาดีมั้ยนะ
แต่มันคงมีโอกาสชนะน้อยเกินกว่าจะคาดคิด
หรือจะลองงัดไม้ตายมาใช้ดี และถ้าทำแบบนั้นจริงๆ
พลังเวทน่าจะหมดทั้งตัวเลยก็ได้ วิธีนี้จึงเสี่ยงมากเกินไปสำหรับตอนนี้
แต่ถึงอย่างนั้น...ฉันก็ต้องปกป้องพวกเขาด้วยทุกอย่างที่มีให้ได้!!
ว่าแล้วก็รีบควักเอากลัดมณีเวทย์ทั้งหมดออกมาแล้วร่ายคำมนตราดังต่อไปนี้...
“เหล่ากลัดมณีเวทย์ที่ตัวข้ามีอยู่ทั้งหมด จงฟังข้า! ต่อจากนี้ไป...ถึงโอกาสอันดีแล้วที่เจ้าจะได้แสดงถึงพลังอำนาจให้ประจักษ์และเป็นตัวนำพาซึ่งชัยชนะ! ไม่มีเหตุผลต้องปกปิดมันไว้อีกแล้ว! จงออกมาซะ!! ฟรอเซ่น คราฟ!! [Frozen Craft]”
ฉันโยนพวกมันขึ้นไปบนฟ้า
แสงสีขาวสาดส่องลงมายังทั่วบริเวณ รวมถึงตัวฉันด้วย แสงนี้มอบพลังเวทให้อย่างเต็มเปี่ยมจนตอนนี้เริ่มรู้สึกได้ว่ามันกำลังหล่อเลี้ยงไปทั่วร่าง และพื้นที่อีเว้นท์นี้ได้ถูกเปลี่ยนเป็นสนามรบหิมะที่มีเหล่าอาวุธน้ำแข็งปักอยู่ทั่ว
นี่คือไม้ตายสุดท้ายที่มีในฐานะมาสเตอร์และจอมเวทจริงๆ ของฉัน
“นายท่าน...พลังนี้มัน...”
“เฝ้าถุงกระสอบให้ดีๆ นะ มุทสึคุง เจ้าพวกมังกรนี้ฉันจะเป็นคนจัดการมันเอง!”
เหล่ามังกรเริ่มบินตรงมาอย่างรวดเร็ว
ฉันรีบวิ่งอ้อมไปพร้อมดีดนิ้วเรียกเหล่าอาวุธหิมะให้พุ่งใส่พวกมัน ซึ่งกำลังพยายามหลบหลีกการโจมตีและหวังเอาคืนในระยะใกล้
หนึ่งในฝูงมังกรบินดักหน้าจนเกือบใกล้ใบหน้า ตัวฉันที่วิ่งอยู่เอื้อมมือขวาไปข้างหลังเรียกดาบน้ำแข็งมาจับฟาดฟันจนตายแหลกสลายหายกับออร่าสีเหลืองทอง
แบบนี้ก็ค่อยโล่งใจไปบ้างแล้วล่ะ...
ฉันออกตัววิ่งเพื่อตั้งหลัก มือทั้งสองเรียกดาบคู่หิมะมาจับไว้ มังกรสองตัวบุกเข้าหาอย่างไม่เกรงกลัว พอมองดูสถานการณ์สักพักก็เริ่มรู้สึกว่าต้องใช้ทริคบ้างแล้ว ฉันออกตัววิ่งและใช้มือขวาขว้างดาบหนึ่งเล่มตรงไปข้างหน้า ผลลัพธ์เป็นอย่างที่หวังจริงๆ นั่นคือ พวกมันต่างบินหลบพร้อมกัน ในจังหวะนั้นจึงได้ออกแรงวิ่งตรงไปก่อนที่จะจับดาบอีกเล่มไว้แน่นพร้อมฟาดฟันลงพื้น บีมสีฟ้าพุ่งโจมตีอีกฝ่ายปลิดชีพเป็นที่เรียบร้อย
“ทีนี้ก็เหลืออีกเจ็ดตัวสินะ...”
ทันใดนั้นฉันสัมผัสได้ถึงความอันตรายบางอย่าง
เมื่อหันไปข้างหลังก็พบมังกรตัวหนึ่งบินเข้ามาเตรียมลอบโจมตีอย่างรวดเร็ว
ตัวฉันที่ยังไม่ทันตั้งตัวกำลังจะดีดนิ้วเรียกหอกน้ำแข็งแต่มันก็ชะงักลงชั่วขณะ
พอลองสังเกตดูจึงได้รับรู้เพราะดาบของมุทสึโนะคามิปักกลางหลังอยู่ เขาส่งสัญญาณมือบ่งบอกให้รีบจัดการตอนนี้
ฉันพยักหน้าแล้วกระโดดถอยหลัง ดีดนิ้วเรียกหอกน้ำแข็งจำนวนห้าเล่มพร้อมสั่งโจมตีทันที
จากนั้นก็ดึงดาบของเขาออกและโยนกลับคืน
“เยี่ยมไปเลย นายท่าน!”
หลังจากได้รับดาบกลับมา เขาก็พูดพร้อมยิ้มกว้างเหมือนที่เคยทำ
ฉันยิ้มเล็กๆ กลับแล้วเตรียมออกวิ่งไปจัดการมังกรที่เหลือ แต่ในตอนนี้ฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อเลย
พวกมันก็เริ่มรุกเกมโดยแยกกลุ่มให้กระจายออกคนละทิศล้อมวงรอบตัว เป็นเหตุทำให้ต้องหยุดชะงักกะทันหัน
“ชิ...ดันมาล้อมวงจนได้นะ!” ความรู้สึกหงุดหงิดใจเกิดขึ้นในตัวฉันอีกครั้ง
มือขวาดีดนิ้วเรียกเหล่าดาบ-หอกขึ้นฟ้าแล้วสั่งการให้พุ่งโจมตีจากด้านหลังของพวกมันทั้งหมดจนล้มนอนลงพื้น
จังหวะนั้นเองฉันรีบกระโดดข้ามและวิ่งให้ห่างออกไปก่อนที่จะเรียกอาวุธหิมะทั้งหมดทั่วบริเวณเตรียมเล็งศัตรูทุกตัวไม่เว้นแต่กลุ่มที่เซอแวนท์ของฉันกำลังสู้อยู่
จากนั้นก็ยื่นแขนขวาตรงไปข้างหน้าโดยมือซ้ายจับท่อนแขนไว้
นิ้วมือขวาแบออกจากกันและเกร็งให้เหมือนกรงเล็บแมว ขาซ้ายก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว
ถ่ายทอดพลังเวทในร่างกายไปสู่อาวุธหิมะ
“กำจัดพวกมันซะ! ฟรอเซ่น คราฟ!!” ท้ายสุดก็เบิกตากว้างพร้อมสั่งการพวกมันปลิดชีพศัตรูให้สิ้น ลมพายุหิมะพัดอย่างรุนแรงจนเกือบทำให้พวกเราทุกคนปลิวตามๆ
กัน
.
.
.
.
.
เมื่อลมสงบ เขตแดนหิมะก็จางหายและเปลี่ยนกลับมาเป็นพื้นที่อีเว้นท์เดิม
ร่างของฉันทรุดลงนอนกับพื้น รู้สึกถึงพลังเวทที่ริบหรี่อย่างมาก
เพราะไม้ตายนี้จะคอยดูดออกไปเรื่อยๆ เขตแดนจะหายเมื่อจัดการศัตรูหมดหรือตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัส
“นายท่าน!!” มุทสึโนะคามิวิ่งตรงเข้ามาหาแล้วจับประคองตัวฉันไว้ในอ้อมแขน
“เป็นอะไรไปน่ะ! บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า!”
“มุทสึ...คุง ฉันปกป้องทุกคนไว้ได้แล้วสินะ...ปลอดภัยกันแล้วสินะ” ฉันพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง จะยกมือมาจับอกเสื้อของคนตรงหน้าก็ยังทำได้ยากเลย
“แน่นอนสิ! ทุกคนปลอดภัยดีแล้ว! เพราะงั้น...”
“ดีใจจัง...แบบนี้ค่อยโล่งอกไปที...เพราะการช่วยเหลือมวลมนุษยชาติหรือแม้แต่เซอแวนท์ทุกคน...เป็นหน้าที่ของฉันในฐานะมาสเตอร์อยู่แล้ว...”
รอยยิ้มกว้างพร้อมหยดน้ำตาแห่งความปลื้มปิติถูกเผยบนใบหน้าของฉัน
มือขวาพยายามยกขึ้นไปแตะหัวแต่ก็ถูกมือมุทสึโนะคามิจับเอาไว้แน่น สีหน้าของเขาดูเจ็บปวดและวิตกกังวลอย่างมาก
เพราะสมัยฉันยังเป็นซานิวะ พวกเราไม่ได้อยู่ต่อสู้ด้วยกันบ่อยเท่าไหร่นักเพียงแต่ต้องเตรียมทุกอย่างให้ดีตั้งแต่ในฮงมารุและมั่นใจว่าพวกเขาจะทำภารกิจสำเร็จโดยได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด
ในระหว่างนั้นก็มีใครบางคนวิ่งเข้ามาตรงหน้าพร้อมเปิดถุงกระเป๋าใบเล็กสีน้ำตาลหยิบอะไรบางอย่างออก
มันมีลักษณะเป็นเม็ดถั่วเล็กๆ สีเขียว เมื่อฉันหันไปมองก็พบกับซุน โกคูในสภาพเหนื่อยหอบ
ซึ่งเม็ดถั่วนั่นคือ ถั่วเซียน สรรพคุณของมันนี่เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ชั้นเจ็ดเลย
เพราะเวลากินเข้าไปจะสามารถฟื้นฟูร่างกายได้อย่างสมบูรณ์
ต่อมาคูจังได้เดินมายื่นมือขอเม็ดถั่วเซียนจากอีกคนพร้อมอาสาจะป้อนให้
“นี่เจ้า...เอาเม็ดถั่วนั่นมาให้ข้าที”
“หือ? อ้อ...นายในตอนนั้นนี่เอง จะป้อนถั่วให้เธอคนนี้กินงั้นเหรอ
เอาสิ...ฉันรู้ว่านายต้องเป็นห่วงยิ่งกว่าคนอื่นๆ เพราะงั้นจัดเลย”
โกคูเริ่มยื่นเม็ดถั่วเซียนไปให้คูจัง มุทสึโนะคามิได้เห็นเช่นนั้นปุ๊บถึงกับต้องอุ้มร่างฉันและส่งต่อด้วยรอยยิ้มกว้าง
เหมือนกำลังจะบอกนัยๆ ว่า ให้คุณแฟนดูแลนี่แหละดีที่สุด ต่อมาทุกคนทั้งหมดต่างเดินห่างออกไป
คูจังจ้องหน้าฉันไม่กี่วินาทีก่อนที่จะเริ่มเอาเม็ดถั่วเข้าไปเคี้ยวสองสามทีแล้วจึงจับป้อนมาทางปาก
“...!?”
ฉันแอบตกใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมกินอย่างเลี่ยงไม่ได้ เศษถั่วที่ปนกับน้ำลายของคูจังค่อยๆ
ไหลลงคอ เขาพยายามส่งสัญญาณให้ใช้ลิ้นกวาดเข้าให้หมด ฉันทำตามนั้นด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด
อีกฝ่ายจับท้ายทอยและกดจูบแน่นกว่าเดิม เล่นเอาเกือบหายใจไม่ออก ผ่านไปไม่นานเขาก็ถอนจูบออกแล้วลูบหัวอย่างเบามือ
“ที่รัก...ได้เวลาฟื้นแล้วนะ”
ตึกตัก!
หลังจากคูจังกระซิบใกล้หู เสียงหัวใจภายในอกก็ดังกึกก้อง
พลังเวทเริ่มถูกเติมเต็มทั่วร่าง รู้สึกได้เลยว่าเรี่ยวแรงเพิ่มขึ้นอย่างทันตา ฉันเอนตัวขึ้นนั่งแล้วเงยหน้ามองอีกคนที่ยังคงลูบหัวต่อเนื่อง
พอหันมองรอบๆ ใบหน้าก็ร้อนผ่าวหนักหน่วง เพราะพวกเขาดันถ่ายวีดีโอ จ้องมองพร้อมยิ้มกว้างแบบมีเลศนัย
“เห...สองคนนี้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกว่าที่คิดอีกแฮะ” < ซุน โกคู
“แน่นอนอยู่แล้ว นายท่านที่เปลี่ยนหัวใจเจ้าอัลเตอร์ได้เนี่ย สุดยอดจริงๆ นา” < มุทสึโนะคามิ
“อืมม...รู้สึกว่าจะไม่มีโอกาสดูแลต่อแล้วสิ เดี๋ยวอัลเตอร์คุงจะหึงเอา” < มิทสึทาดะ
“ก็นะ...พวกเรามีหน้าที่แค่ไม่กีดกั้นคู่รักแสนหวานนั่นเท่านั้นแหละ”
< โอจิมังเดียส
“ระ...รุ่นพี่...” < มาชู
“อย่างนี้ต้องจัดสวนดอกไม้ให้พวกเขาสองคนเดินจับมือชมด้วยกันแล้วล่ะมั้งเนี่ย”
< เมอลิน
พวกเขาทั้งหกยืนแซวด้วยความสมัครสมานสามัคคียิ่งกว่ากลุ่มทหารรบ คูจังหันมองไปสักพักแล้วขอให้ดา วินชี่เปิดระบบเรย์ชิพกลับทันที นางตอบตกลงอย่างไวก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการเปิดระบบ
ส่วนเรื่องลูกแก้วดราก้อนบอล ฉันขอสละพวกมันแก่ซุน โกคูแทน รวมถึงตัวดราก้อนเรดาห์ด้วย แต่เขาก็ยืนยันว่าจะยกให้พวกเราที่เป็นคนหาเจอ และบอกว่ามาที่นี่เพราะพระถังซัมจั๋งเรียกพบเฉยๆ
สุดท้ายสมบัติใหม่ของดา วินชี่ก็กำลังจะถูกเพิ่มในคลังจนได้
เอาเถอะ...ถือว่าได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ จากการลุยอีเว้นท์ครั้งนี้ไปละกันเนาะ
[ ของแถมสั้นๆ ]
มุทสึโนะคามิ : นายท่าน แล้วเรื่องที่ว่าจะลองขอพรจากเทพเจ้ามังกรล่ะ
ยูมิ : คงไม่ต้องขอหรอกมั้ง ไม่มีอะไรให้น่ากังวลเลย ทั้งเซอแวนท์ QP กับ Exp. ก็พร้อมหมดแล้ว
มุทสึโนะคามิ : อดเลยอ่าา~ กะว่าจะลองขอให้มีขนมคาสเตล่าเพิ่มในกองเสบียงเยอะๆ หน่อยน่ะ
อราช : คาสเตล่างั้นรึ! ฟังดูน่าอร่อยดีนี่นา มุทสึโนะคามิ
มุทสึโนะคามิ : ใช่มั้ยล่าา~
ยูมิ : อ่ะ...ชิบแล้วสิ
มุทสึโนะคามิ : หืม? นายท่าน...?
ตู้มมม!!! (เสียงระเบิดจากโฮกุของอราช)
อราช : อะไรกัน...ข้าแค่พูดชื่อขนมนั่นเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ...ทำไมถึงเป็นแบบนี้...แอ่ก //สลบ
ยูมิ : โธ่...ก็เพราะมี สเตล่า ในนั้นไงเล่า ฝากหามร่างของเขาไปห้องพยาบาลทีนะ มุทสึคุง
มุทสึโนะคามิ : อะ...โอเค งั้นเดี๋ยวกลับมาเด้อ //หามร่างอราชไป
และต่อจากนั้นเป็นต้นมา ทุกคนก็ไม่กล้าซื้อขนมคาสเตล่าให้อราชเห็นอีกเลย...
[ To be continued ]
ความคิดเห็น