ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fate/Grand Order] วันๆ ณ คาลเดียกับยูมิ [END]

    ลำดับตอนที่ #4 : หาเงินจ่ายค่าไฟ [Part 2]

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 63


    B
    E
    R
    L
    I
    N

    หาเงินจ่ายค่าไฟ [Part 2]

    ----------------------------------------------------

    ณ ฟุยุกิ

    “เฮ้อ...”

    ในที่สุด...ฉัน โอจิมังเดียส และกิลกาเมชแคสเตอร์ ผู้เป็นตัวแทนราชา/ราชินีร่วมประกวดในการถ่ายแบบก็ได้มาถึงที่หมายเป็นที่เรียบร้อย บรรยากาศรอบๆ มีความสงบสุข ผู้คนต่างใช้ชีวิตประจำวันอย่างปกติ โลกที่มีแต่ความสดใส ไม่มีพิษภัยแม้แต่นิด เป็นภาพบรรยากาศที่เห็นแล้วรู้สึกสบายใจมากเลย

    “เอาล่ะ...ทีนี้พวกเรารีบไปหาที่พักกันได้แล้วเพคะ พวกท่าน” ฉันไม่รอช้าพาราชาทั้งสองไปหาที่พักเพื่อเช่าชั่วคราวแค่วันเดียวเท่านั้น แต่พวกเขากลับทำตัวดื้อดึง ไม่ยอมเดินตามมาสักก้าว

    นี่พวกเขากำลังแอบกวนประสาทฉันอยู่ใช่มั้ยเนี่ย...

    “พวกท่านตามมาสักทีได้มั้ยเพคะ พวกเราไม่มีเวลาแล้ว”

    “...” พวกเขาต่างเงียบไปอย่างหน้าตายมากๆ เหมือนกำลังยืนตายทั้งเป็นยังไงยังงั้น

    ฉันแอบสงสัยบวกกับหงุดหงิดเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปจับมือทั้งสองคนก่อนที่จะเดินลากไปยังที่หมาย แต่เรี่ยวแรงดันน้อยเกินที่จะลากได้ รวมน้ำหนักกันแค่สองคนก็เยอะกันเหลือเกินแล้ว

    “นี่เจ้าพันทาง...คิดดีแล้วรึที่เรย์ชิพตรงจุดนี้น่ะ...” กิลกาเมชพูดกล่าวพร้อมกับนัยน์ตาสีแดงที่จ้องมองอย่างจริงจังแปลกๆ

    “ยูมิเอ๋ย...ข้าเองก็เริ่มรู้สึกหงุดหงิดใจยังไงพิลึก...มันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่...” โอจิมังเดียสร่วมด้วยกับราชาอีกคน นัยน์ตาสีเหลืองทองของเขาจ้องฉันไม่หยุด

    “ห๊ะ...? ทำไมพวกท่านถึงคิดแบบนี้กันเพคะ”

    ทั้งสองไม่ตอบคำถามก่อนที่จะส่งสัญญาณบอกให้หันไปดูรอบๆ ฉันหันตามนั้นจนพบว่า พวกเราทั้งสามถูกวงล้อมท่ามกลางฝูงชนที่กำลังยืนจ้องมองและซุบซิบคุยกันอย่างสงสัย ราวกับว่าได้พบคนประหลาดที่หน้าตาดีเยี่ยมพร้อมชุดแต่งกายที่ไม่เหมือนชาวบ้าน

    เออจริงด้วย...ถึงว่าล่ะ ทำไมบรรยากาศเริ่มดูแปลกๆ

    “คนพวกนั้นคือใครกันน่ะ...”

    “ชุดนั่นทำไมดูเหมือนเป็นคนชนชั้นสูงจัง...”

    “แกดูผู้ชายสองคนนั้นสิ...หล่อโคตรๆ อ่ะ”

    “เฮ้ย...จริงด้วย ยิ่งคนผมทองเนี่ย...เลิศมากแก”

    “คนผิวแทนก็ดูแซ่บไม่แพ้กับอีกคนเลยนะ...”

    “ผู้หญิงคนนั้นโชคดีจังแฮะ...ที่ได้อยู่กับหนุ่มหล่อๆ แบบนี้”

    “น่าอิจฉามากกกก...ฉันเองก็อยากจะไปอยู่กึ่งกลางพวกเขาจัง”

    “นั่นมันหน้าท้องศักดิ์สิทธิ์เลยไม่ใช่เหรอ! ช่างดีต่อใจมากมาย”

    อืมม...แล้วคือแบบ...แค่คุยซุบซิบกันไม่พอ พวกเขายังเริ่มคันไม้คันมือหยิบโทรศัพท์หรือกล้องออกจากกระเป๋าของตัวเองมาถ่ายรูปพวกฉันทั้งสามเก็บไว้เฉยเลย พอถ่ายรูปกันเสร็จปุ๊บ ผู้หญิงบางส่วนก็ดันกระดี๊กระด๊าวิ่งมาทางนี้เพื่อขอลายเซ็นจากราชาทั้งสองคนนั้นอย่างดื้อๆ

    “ขอลายเซ็นหน่อยค่าา พี่ผมทองดูดีม๊ากก มากเลยค่าา”

    “พี่ผิวแทนค้าา หนูขอเป็นแฟนคลับพี่หน่อยได้มั้ยค้าา”

    “เซ็นชื่อมาที่หลังมือหนูเลยค่าา ถ้ายังไม่หนำใจก็เซ็นตรงไหล่ได้ค่าา”

    แหม่...พวกคุณนี่ไม่ค่อยจะเก็บอาการกันเลยเนอะ...

    ฉันแอบมองด้วยความหมั่นไส้พร้อมกับเดินออกไปหาที่พักเองคนเดียว ปล่อยให้พวกเขาอยู่ท่ามกลางฝูงชนสัตว์ดึกดำบรรพ์กันต่อไป ไม่ใช่เพราะอิจฉาหรืองอนอะไรหรอก แค่รู้สึกว่าพวกเขาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เผลอๆ ถ้าเข้าร่วมประกวดถ่ายแบบราชา/ราชินีแล้ว อาจมีคะแนนโหวตเยอะท่วมท้นจนบอกไม่ถูกก็ได้

    “หือ...? เดินไปไหนคนเดียวเหรอจ๊ะน้องสาว...”

    ระหว่างทางนั้น เสียงผู้ชายคนหนึ่งที่ค่อนข้างจะหลอนยาได้ดังขึ้น เขาเดินมาซักถามด้วยวาจาสายขี้หลีผู้หญิง สภาพชุดที่ใส่อยู่เป็นเหมือนชุดไปรเวทธรรมดาแต่ดาวน์เกรดลงในเวอร์ชั่นเก่า เลอะเทอะ ขาดลุ่ยแทบจะหมดทั้งตัว

    “...” ฉันเลือกที่จะเงียบ ไม่พูดตอบอะไรทั้งสิ้นแล้วเดินมุ่งหน้าไปหาที่พักต่อ แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะถูกอีกฝ่ายจับแขนรั้งเอาไว้ก่อน

    หมับ!

    “จะรีบไปไหนล่ะจ๊ะ ไปคนเดียวท่าทางจะเหงา ให้พี่พาไปส่งมั้ยเอ่ย”

    “ฉันเดินเองได้น่า...” ฉันเริ่มเงยหน้าโต้ตอบกับเขาด้วยน้ำเสียงที่ดุดันเล็กน้อย

    “ไม่ต้องกลัวพี่หรอกน่า พี่ฉีดยาแล้วไม่กัดน้องแน่นอนจ้ะ เฮอะๆ” เขายิ้มทะเล้นให้แล้วเริ่มขยับเข้ามาใกล้ทีละนิด “เพราะงั้น...ให้พี่ไปด้วยนะจ๊ะ”

    “...ก็บอกแล้วไงว่าเดินไปเองก็ได้ มันเสียเวลานะเฟ้ย บักห่านี่!!”

    ฉันเริ่มรู้สึกไม่ทนกับความทุเรศจนต้องตะโกนใส่ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว จากนั้นก็สะบัดแขนให้ออกจากมือของชายโสมมตรงหน้าแล้วยกขาขวาถีบยันเต็มแรงไปที่เป้ากางเกงจนทำให้เขาจุกและทรุดลงกับพื้น

    แน่นอน...แค่นี้ยังไม่พอหรอก...

    “น้องจ๊ะ...ทำไมช่างรุนแรงกับพี่จัง...”

    “เหอะ...ทำเป็นผู้ชายปวกเปียกไปได้ ช่างน่าขันสิ้นดี...ต่อไปก็อย่ามาหือแล้วทำตัวโสโครกให้เห็นอีกล่ะ...เจ้าคนชั้นต่ำ!”

    ฉันปรับคำพูดจากกิลกาเมชมาใช้แล้วฟาดแข้งเตะฟรีคิกใส่คนตรงหน้าอย่างรุนแรงจนสลบลงกับพื้น มองดูสภาพคนน่าสมเพชแล้วแอบแสยะยิ้มก่อนที่จะเดินสะบัดผมจากไปอย่างผู้ชนะ ต่อจากนั้นก็มุ่งหน้าต่อไปเพื่อหาที่พักอย่างจริงจัง

    เฮ้อ...นี่ขนาดยังไม่ทันได้เข้างานประกวดของจริง ยังเหนื่อยขนาดนี้เลย

    ฉันว่า...ถ้าได้ที่พักแล้ว ต้องนอนพักสักหน่อยแล้วล่ะ...

    .

    .

    .

    .

    .

    เช้าวันต่อมา

    “อืมม...เช้าแล้วเหรอเนี่ย...” ฉันค่อยๆ ลืมตาที่หนักอึ้งให้เบิกออกเมื่อรู้สึกได้ถึงแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงบนใบหน้าอันเป็นสัญญาณแห่งรุ่งอรุณ

    เมื่อวานถือว่าเป็นวันที่เหนื่อยพอสมควร ทั้งเรื่องการชุลมุนของผู้คนพันธุ์ดึกดำบรรพ์ที่ถ่ายรูปฉัน โอจิมังเดียสและกิลกาเมชแคสเตอร์เก็บไว้เป็นที่ระลึกพร้อมมาวิ่งขอลายเซ็นอย่างตื่นเต้น แล้วไม่ได้ขอลายเซ็นฉันซะด้วย

    พอหมั่นไส้จัดๆ จึงตัดสินใจหาที่พักก่อนล่วงหน้า แต่ผ่านไปสักพักดันเจอผู้ชายหลอนยาที่ทะลึ่งขอเดินด้วย ในตอนนั้นแอบอารมณ์ร้อนนิดหน่อย เพราะออกแรงถีบพร้อมเตะใส่หน้าจนสลบเลย

    พอถึงตอนเย็นหลังจากได้ที่พักมาอย่างสมใจ นอนพักเป็นที่เรียบร้อย ฉันตื่นขึ้นเพื่อหาซื้อของกินมาเป็นมื้อเย็น แต่ยังไม่ทันได้ไปไหน ราชาทั้งสองดื้อดันรั้งไว้พร้อมเสนอว่า จะให้กิลกาเมชเป็นคนเสกอาหารสำเร็จจากเกท ออฟ บาบิโลนให้เอง ส่วนโอจิมังเดียสก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งกอดฉันจากด้านหลัง สลับกับป้อนอาหารให้แทน 

    ผ่านไปหลายชั่วโมง ฉันเป็นฝ่ายที่เริ่มง่วงคนแรก จึงบอกกับพวกเขาว่าขอนอนก่อน ต่อจากนั้นก็หลับปุ๋ยไปยาวๆ

    ก็...นะ ถ้าแฟนคลับพวกนั้นมาเห็นเข้า คงอิจฉาตาร้อนกันน่าดู

    “...”

    ฉันขยี้ตาแล้วพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียง แต่เมื่อสัมผัสถึงความหนักอึ้งที่ตัวและอุ่นแปลกๆ จึงได้ก้มหน้าไปดูใต้ผ้าห่ม พบว่ามีร่างของราชาแห่งอิยิปต์ ฟาโรห์รามเสสที่ 2 หรือโอจิมังเดียสกำลังนอนคว่ำทับตัวฉันอย่างกับน้องสาวที่แอบนอนทับพี่ชายตัวเองพร้อมส่งรอยยิ้มทะเล้นทักทายยามเช้า

    “หืม...? ตื่นแล้วงั้นรึ ยูมิเอ๋ย...เจ้านี่ช่างตื่นช้าเสียเหลือเกิน เห็นทีข้าต้องขอรับโบนัสจากเจ้าเพื่อเป็นการชดเชยสักหน่อยล่ะนะ”

    “ดะ...เดี๋ยวสิ โบนัสเพิ่มอะไรกัน ช่วงเช้าวันนี้พวกเราต้องรีบเตรียมตัวซ้อมเพื่อไปประกวดถ่ายแบบไม่ใช่เหรอเพคะ” 

    “พูดจาอะไรเช่นนั้นเล่า...” อีกฝ่ายเริ่มขยับตัวเข้ามาหาแล้วอยู่ในท่าคร่อมอย่างดื้อๆ สภาพเขาเหมือนคนตื่นนอนมาแล้วประมาณห้านาที ผมไม่ค่อยเซอเท่าไหร่ นัยน์ตาสีเหลืองทองในตอนนี้จับจ้องมองไม่หยุด

    “อึ่ก...” ฉันหลบหน้าเล็กน้อยเพราะไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ แต่ก็ถูกบังคับให้หันกลับไปเหมือนเดิม เมื่อฝ่ามือหนาทั้งสองของเขาเอื้อมมาประคองหน้าเอาไว้

    “ข้าแค่อยากจะขอมองดวงตาของเจ้าในตอนเช้าเท่านั้นเอง...มันช่างดูงดงามและมหัศจรรย์ ราวกับว่ากำลังมีพลังเวทเข้ามาเมื่อได้จับจ้องก็มิปาน”

    “เอ่อ...ขะ...ขอบพระทัยเพคะ...”

    ความต้านทานฉันลดลงอย่างรวดเร็วพร้อมแสดงสีหน้าที่แดงก่ำ เขาใช้นิ้วโป้งลูบใต้หนังตาขึ้นมาถึงหางตาแล้วจ้องมองอยู่อย่างนั้น ใจจริงอยากหลับตาไว้แน่นใจจะขาดเนื่องจากไม่กล้าสบตาอย่างมาก

    “ยูมิ...ข้าขอ...พลังเวทเพิ่มเติมจะได้หรือไม่...”

    “ห๊ะ...?”

    ในขณะที่กำลังสตั๊นกับประโยคเมื่อครู่ มือไม้ของโอจิมังเดียสเริ่มอยู่ไม่สุข ลูบไล้แขนไปมาอย่างเบามือพร้อมค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าใกล้ ฉันเริ่มตื่นตระหนกและตกใจจนต้องรีบดันไว้ก่อนที่จะยกมือขวาขึ้นมาแล้วใช้เรย์จูสั่งการแทน

    “ด้วยอำนาจแห่งเรย์จูข้าขอสั่งการ...ไรเดอร์ โอจิมังเดียส จงรับพลังเวทนี่แล้วไปเตรียมตัวซ้อมประกวดถ่ายแบบซะ!”

    วิ้งง~

    แสงสีแดงบนมือขวาค่อยๆ ปรากฏขึ้นพร้อมออร่าสีฟ้าอ่อนรอบๆ ตัวของฟาโรห์รามเสสที่ 2 ตรงหน้า นั่นหมายความว่าการถ่ายโอนพลังเวทจากเรย์จูได้ผล และท่ามกลางออร่านี้ เขาแอบแสดงสีหน้างอนเล็กน้อยและขยับตัวออกอย่างเลี่ยงไม่ได้ ท้ายสุดฉันก็ได้อิสระลุกขึ้นนั่งบนเตียงสักที

    “ให้ตายเถอะ...เหตุใดเจ้าถึงใจร้ายเช่นนี้กัน”

    “หยุดพูดแล้วไปเตรียมตัวได้แล้วเพคะ ป่านนี้ท่านราชากิลกาเมชคงรอนานแล้วล่ะมั้ง เพราะท่านแอบโทรจิตหาหม่อมฉันอยู่”

    “เอาน่าๆ ข้าเป็นคนที่เตรียมตัวเสร็จเร็วอยู่แล้ว เจ้าเองก็ไปด้วยกันกับข้าสิ...จะได้เสร็จพร้อมกัน” โอจิมังเดียสยื่นหน้าเข้ามากระซิบประโยคสุดท้ายใกล้หูขวาฉันก่อนที่จะเป่าหูเบาๆ หวังหยอกเล่น

    ฟู่วว~

    “มะ...ไม่ได้! ท่านไปเตรียมตัวในโซนของท่านเองสิเพคะ!”

    “ฮ่าๆ เจ้าเนี่ยเป็นราชินีที่น่าแกล้งเสียเหลือเกิน...งั้นข้าจะรอเจ้าข้างนอกพร้อมกับราชาแห่งอุรุคละกัน อย่าให้พวกข้าต้องรอช้าเสียล่ะ”

    ว่าจบ ฟาโรห์รามเสสที่ 2 ค่อยๆ ลุกออกจากเตียงพร้อมเดินหายไปยังข้างนอกตามที่เพิ่งพูดไป ฉันถอนหายใจเบาๆ ด้วยความโล่งใจที่ไม่โดนล้ำเส้นจนเกินไป ต่อจากนั้นก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำเตรียมตัวซ้อมเล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าประกวดของจริง

    เหล่าราชาสมัยก่อนนี่...ทำไมชอบแกล้งฉันอยู่เรื่อยเลยน้าา...


    ณ Fashion Show Station

    ในที่สุด...พวกฉันก็ได้มาถึงจนได้! เวทีในการประกวดถ่ายแบบราชา-ราชินีประจำปี 2018 ที่ทุกคนต่างก็รอคอย (?) ตัวอาคารนี่ต้องเรียกได้ว่า...ใหญ่เท่าบ้านสามชั้นเลยทีเดียว ตรงกลางมุมบนมีชื่อ Fashion Show Station ตัวพิมพ์หนาสีฟ้า-ขาวติดอยู่

    แน่นอน...งานที่ดูท่าทางยิ่งใหญ่แบบนี้ สิ่งที่ตามมาคือ ผู้คนที่มารับชม เชียร์ โหวต ให้กำลังใจผู้เข้าแข่งขันอย่างล้นเหลือ มันเยอะจนจะบรรจุเข้าอาคารได้เกือบครึ่งหนึ่งเลย

    ตัวฉันในชุดยูนิฟอร์มคาลเดียที่ถือกล่องบรรจุชุดราชินียืนมองด้วยความตะลึงเล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัยที่สุด ส่วนราชาทั้งสองคนนั้นอยู่ในร่างวิญญาณวีรชน มุ่งหน้าไปรอในห้องเก็บตัวของเหล่าผู้เข้าประกวดก่อนหน้าแล้ว

    เมื่อได้เข้าไปข้างในห้องเก็บตัวผู้เข้าร่วมประกวดแล้ว พบกับโต๊ะฝั่งขวามือที่ดูเหมือนเป็นการลงชื่อผู้เข้าร่วมตั้งอยู่พร้อมพนักงานสาวประเภทสองหน้าตาสวยใส เซ็กซี่จัดจนนับได้ว่า ผู้หญิงแท้ๆ อย่างพวกเรายังอาย ฉันเดินเข้าไปลงชื่อแล้วยิ้มให้แกเล็กน้อยพอเป็นมารยาทก่อนที่จะถือกล่องชุดราชินีเข้าไปยังห้องแต่งตัว

    “...?”

    ระหว่างที่กำลังเปลี่ยนชุดใหม่นั้น ฉันก็ได้ยินเสียงของเหล่าผู้เข้าประกวดคนอื่นๆ พูดคุยกันอยู่ ซึ่งเรื่องที่คุยนี่ไม่พ้นเรื่องพวกเราสามคนผู้มาเยือนจากคาลเดียแน่นอน

    “เธอเห็นผู้หญิงคนเมื่อกี้มั้ย ที่เพิ่งเข้าห้องแต่งตัวไปอ่ะ...”

    “คนที่ใส่ชุดสีขาวแล้วถือกล่องใบสีน้ำตาล...ฉันว่าฉันเคยเห็นเมื่อวานนะ”

    “หรือว่าจะเป็นคนที่อยู่กับผู้ชายมาดราชาสองคนนั้น?”

    “แล้วทีนี้ใครจะมาเป็นคู่กับเธอคนนั้นกันล่ะ”

    “ฉันว่าต้องเป็นคนผมทองแน่ๆ หล่อมากเลย”

    “คนผมน้ำตาลผิวแทนนี่น่าจะเหมาะนะ อืมม...แค่คิดก็รู้เลยว่าพวกเราแพ้แน่ๆ”

    “บ้าน่า...อย่างน้อยพวกเราก็โชคดีนะที่ได้มาที่นี่ จะได้รับชมความเจิดจรัสของพวกเขาด้วย ดูท่าทางหายากสุดๆ ไปเลยล่ะ”

    อืม...ขอบพระคุณที่กล่าวชมนะคะ สาวๆ ทั้งหลาย

    พวกเธอคงเห็นแล้วสินะว่าผู้ชนะในการคว้ารางวัลอันดับหนึ่งเป็นใครมาจากไหน และถ้าได้มาปุ๊บ เรื่องค่าไฟจะราบรื่นขึ้น เตรียมใช้กันต่อได้ยาวๆ ตลอดปีเลย 

    เอาล่ะ จงคำนึงไว้...ค่าไฟของคาลเดียเป็นสิ่งสำคัญ

    เพราะงั้นเธออย่าประมาทเด็ดขาดล่ะ ยูมิ!!


    ณ เวลาเริ่มประกวด

    “เอาล่ะครับท่านผู้ชม ขณะนี้พวกคุณอยู่ในรายการ แฟชั่นโชว์ ทาเล้นท์ ที่ในครั้งนี้จะได้พบกับการประกวดอันยิ่งใหญ่ หนึ่งปีมีโอกาสจัดแค่ครั้งเดียว ถ้าพวกคุณได้มาหรือรับชมแล้ว นั่นแปลว่าโชคดีมากเลยนะครับ!”

    พิธีกรหนุ่มในชุดสูทสีขาวที่หน้าตาหล่อเหลากำลังเริ่มดำเนินรายการของตนเองบนเวที ส่วนฉันและราชาทั้งสองอย่างโอจิมังเดียสกับกิลกาเมชแคสเตอร์ในชุดประจำตัวก็กำลังรออยู่หลังผ้าม่านของเวที ซึ่งชุดราชินีที่ใส่อยู่นั้นเป็นชุดของเซอแวนท์สาวชื่อ มาตา ฮารี [แอสซาซิน] รู้สึกได้เลยว่าทั้งอก เอวกับเรียวขาโคตรโล่ง ไม่มีอะไรมาปิดเลย

    “อย่าได้กลัวเลย ยูมิของข้า...ชุดนี้เหมาะกับเจ้าดีแล้ว...” โอจิมังเดียสเข้ามากระซิบข้างหูขวาแล้วแอบซนเอามือลูบเอวขึ้นลงจนสะดุ้งและเสียวสะท้านไปทั้งตัว

    “...! ทะ...ท่านฟาโรห์...”

    “พูดจาอะไรเช่นนั้นเล่า เจ้าฟาโรห์ ยูมิน่ะ...ต้องเป็นของข้าผู้นี้ต่างหาก ใช่มั้ยล่ะ...หืม?” กิลกาเมชผู้อยากเอาชนะขยับตัวเข้ามาใกล้จนแนบชิดเกินก่อนที่จะโอบเอวไว้แล้วแอบเลียหลังหูซ้ายเบาๆ

    “อ่ะ...! ท่านกิล...กาเมช...ไม่ได้นะเพคะ”

    นี่พวกเขากะแย่งคะแนนกันก่อนประกวดเลยงั้นเหรอ...!!

    แล้วแบบนี้จะมีสมาธิในการเดินเวทีได้ไง...กลัวว่าจะระทวยก่อนได้แชมป์เนี่ยสิ

    แต่คือเอาจริงๆ พวกฉันได้เดินเป็นกลุ่มสุดท้ายของทั้งหมดที่สมัครกันเข้ามาร่วมประกวด เน้นย้ำว่ากลุ่มสุดท้าย เพราะที่เหลือมาเป็นคู่สองคนธรรมดาหมดเลย

    “เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาพบกับคู่ราชา-ราชินีคู่แรกกันเลยนะครับ ขอเชิญผู้เข้าร่วมประกวดคู่ที่หนึ่ง ในธีมที่มีชื่อว่า...ราชาแห่งเพลิงและราชินีแห่งน้ำแข็งกันเลยครับ!! ”

    เสียงพิธีกรประกาศเรียกผู้เข้าร่วมประกวดคู่แรกเป็นที่เรียบร้อย ฉันนึกอยากลองส่องดูว่าพวกเขาแต่งชุดมายังไงบ้าง แต่ลุกไปไหนไม่ได้เพราะถูกราชาทั้งสองรั้งเอาไว้แล้วเล่นซนอยู่ จนนึกว่าพวกเขาลืมเรื่องการประกวดเสียแล้ว

    “พวกเรายังเหลืออีกหลายคิวนี่...ให้พวกข้าได้อยู่แบบนี้ก่อนก็ไม่น่าจะเสียหายไม่ใช่รึ...ยูมิ”  กิลกาเมชยอมเรียกชื่อฉันแทนคำว่า เจ้าพันทาง และยังคงหยอกต่อไป ซึ่งครั้งนี้เขาเริ่มซุกไซ้คอแล้ว เรียกว่านับวันยิ่งดื้อมากขึ้นเรื่อยๆ เลย

    “มะ...ไม่ได้เพคะ ตอนประกวดจริงๆ หม่อมฉันจะมีสมาธิได้ยังไงกัน...”

    “เจ้าคงไม่รู้ว่าพวกข้าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรสินะ...ยูมิเอ๋ย ข้าเชื่อว่าความงดงามและน่ารักบนใบหน้าของเจ้าจะเกิดขึ้นได้อย่างธรรมชาติ...ด้วยการแสดงสีหน้าเขินอายเล็กน้อยพร้อมนัยน์ตาอันเคลิบเคลิ้มเช่นตอนนี้ที่เป็นอยู่ยังไงล่ะ...”

    ท่านฟาโรห์ไปเรียนเรื่องนั้นมาจากไหนกันล่ะนั่น...ไม่จริงหรอกมั้ง

    “พวกท่านนี่มัน...บ้าจริงๆ เลย...” ฉันเริ่มแสดงสีหน้าเขินอย่างไม่รู้ตัว เพราะพวกเขาหยอกเล่นมากเกินไป อีกทั้งยังบุกซะเต็มเหนี่ยวอีก

    ...เล่นมาขนาดนี้ใครมันจะทนไหวกันเล่า!

    “ราชินีแห่งข้า...ตัวเจ้า ณ ตอนนี้ช่างงดงามยิ่งนัก...ยิ่งสีหน้าเขินอายและแววตาเช่นนี้...ยิ่งทำให้งดงามขึ้นไปอีก” โอจิมังเดียสพูดพร้อมยกมือขึ้นแตะแก้มเบาๆ ตามด้วยกิลกาเมชที่แตะแก้มอีกข้างหนึ่งแล้วยื่นหน้ามากระซิบเบาๆ

    “ฉะนั้น...จงแสดงสีหน้านั้นต่อไปเสียเถิด ชัยชนะในการเข้าประกวดครั้งนี้...อยู่ที่เจ้าแล้วล่ะ...ยูมิของข้า”

    ตั้งแต่นั้นมา ความต้านทานต่อราชาก็ลดน้อยลงจนไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว จากตอนแรกที่ฉันควรเป็นผู้ควบคุมพฤติกรรมของพวกเขา กลับกลายเป็นว่าถูกควบคุมทั้งร่างกายและจิตใจซะเอง

    “อึ่ก...”

    อะ...เอาวะ ถ้าพวกท่านจะประสงค์เช่นนี้ กระหม่อมจะแสดงความสามารถเพื่อเรียกคะแนนกรรมการพร้อมผู้ชมมากอบโกยมายังทีมตัวเองให้ได้ประจักษ์เอง...!

    [ To be continued in next part ]

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×