ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ๐SECRET ROOM๐

    ลำดับตอนที่ #19 : Duflin - Chapter 2

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 55


    บทที่ 2

    ซองเร  ฟาลเซโร่

    “นี่ ๆ ! ลาร์พน้อย... ตกลงเจ้าหนุ่มนี่ใครกันน่ะ?” สกายลาร์ค  บลูสเปล  ชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดปีเอ่ยถามน้องชายข้างบ้านด้วยคำถามเดิมมาเป็นครั้งที่ร้อยแล้วเห็นจะได้   และคำตอบที่เขาได้รับ..ก็ยังเป็นแบบเดิม

    “ผมบอกพี่ไปแล้วนะฮะว่าผมไม่รู้”

    “น้องชายที่รัก  ไม่นึกเลยนะว่าเด็กอัจฉริยะที่เรียนจบตั้งแต่อายุ 15 ปีอย่างนายจะไร้เดียงสาขนาดช่วยเหลือคนที่ไม่ได้รู้จัก” สกายลาร์คบ่น “ลาร์พน้อย ๆ ไม่รู้เหรอว่าเราอาจจะเอางูเห่าเข้าบ้านก็ได้”

    “ผมรู้ฮะ  แต่...” ในขณะที่ลาเพรียลกำลังจะบอกกับพี่ชายข้างบ้านที่ไว้ใจที่สุดว่าชายหนุ่มที่ช่วยเหลือมาซึ่งนอนอยู่บนเตียงของเขานั้น...มีบางอย่างที่เขาคุ้ยเคย  บางอย่างที่เขาไม่แน่ใจว่าคืออะไร   แต่แล้วเขาก็ยั้งปากไว้ทันพร้อมกับบอกปัดสกายลาร์คไปว่า “ไม่มีอะไรฮะ  เดี๋ยวถ้าเขาฟื้นแล้ว  ผมจะบอกให้เขาไป”

    “ตกลง! ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็เรียกฉันแล้วกันนะลาร์พน้อย” สกายลาร์คบอก “แต่ว่าตอนนี้มีงานต้องทำ  จะมาหาใหม่ตอนเย็น  แล้วหวังว่าลาร์พน้อยจะทำอย่างที่พูดนะ”

    “ฮะ ๆ  เดี๋ยวพอเขาตื่นผมจะบอกให้เขาไปเอง” เด็กหนุ่มย้ำอีกครั้ง  ก่อนที่สกายลาร์คจะพยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องไป

    ลาเพรียลทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเตียงเท่าไร   และแม้ว่าเวลาที่เหลืออยู่สามเดือนจะไม่เอื้ออำนวย  แต่เขาก็ไม่ได้มีกะจิตกะใจจะหาข้อมูลทำรายงานนัก

    ...หาไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา  ในเมื่อไม่เจอข้อมูลที่ต้องการเสียที

    สักพัก  ลาเพรียลก็รู้สึกได้ว่าคนบนเตียงกำลังขยับ  เด็กหนุ่มลุกขึ้นก่อนจะสาวเท้าก้าวไปที่เตียง  พินิจพิจารณาชายหนุ่มที่อยู่บนเตียง

    ความจริงแล้ว...ที่บอกว่าเป็นชายหนุ่ม  ลาเพรียลประมาณเอาจากส่วนสูงของเขา  น่าจะราว ๆ ร้อยเจ็ดสิบกว่า ๆ  คงจะอายุมากกว่าเขาสองถึงสามปี  ไม่น่าจะเกินไปมากกว่านั้น

    ใบหน้าของเขาขาวซีดกว่าบุคคลธรรมดาสามัญทั่วไป  มันช่างตัดกับเรือนผมสีดำขลับยาวสยายถึงกลางหลังซึ่งมัดไว้อย่างเรียบร้อยได้ดีเสียนี่กระไร

    ลาเพรียลเห็นว่าเปลือกตานั้นกำลังขยับ  และดวงตาเรียวคมคู่นั้นก็เปิดขึ้น!!

    “คุณ...” ลาเพรียลคราง   ชายหนุ่มคนนั้นเบิกตาโพลงเมื่อมองเห็นเขา

    หมับ!!

    “เรเพียร์... ในที่สุด...ข้าก็หาเจ้าเจอ...” ชายหนุ่มครางเสียงเบา  แต่เพราะเขากอดลาเพรียลไว้  ทำให้ลาเพรียลได้ยินสิ่งที่เขาพูดอย่างชัดเจน

    เรเพียร์...ใครกัน?  และที่สำคัญ...

    ทำไมเสียงนี้ถึงได้คุ้นเคยนัก  สัมผัสนี้อีก

    “เอ่อ... ขอโทษฮะ  เรเพียร์คือใครกันเหรอฮะ?” ลาเพรียลเอ่ยถามหลังจากที่ดันชายหนุ่มออกไปจากตัวเขาได้แล้ว “แล้วคุณเป็นใครกัน?”

    ชายหนุ่มคนนั้นชะงักไปเล็กน้อย  ก่อนจะตอบเสียงเรียบ

    “ข้าชื่อซองเร  ฟาลเซโร่” ชายหนุ่มคนนั้นตอบ “แล้วเจ้า...ไม่ได้ชื่อเรเพียร์  ทอร์ทาแลน หรอกเหรอ?”

    เด็กหนุ่มสั่นหัว “ไม่ฮะ  ผมชื่อลาเพรียล  ทัวลัสต์”

    “...” ซองเรเงียบไป  ใช้สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างใช้ความคิด  ก่อนจะมาหยุดจ้องหน้าลาเพรียล

    ลาเพรียลเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า... ดวงตาของซองเร  ฟาลเซโร่ คนนี้   เป็นดวงตาที่สวยมาก  ไม่ใช่สีน้ำตาลเข้มธรรมดา  และที่สำคัญสีน้ำตาลมักจะให้ความรู้สึกอบอุ่น  แต่ดวงตาของคนคนนี้...

    กลับให้ความรู้สึกเยือกเย็น  และโหยหาอย่างไรบอกไม่ถูก...

    “หน้าผม...มีอะไรติดรึเปล่าฮะ?” เด็กหนุ่มถามเพราะรู้สึกว่าซองเรชักจะจ้องหน้าเขานานเกินไปจนเริ่มรู้สึกประหม่าเสียแล้ว   ชายหนุ่มชะงักก่อนจะโคลงหัวเล็กน้อยเป็นเชิงขอโทษ

    “ไม่มี  หน้าเจ้าไม่มีอะไรติด”

    “อ่า... ผมรู้สึกว่าคำพูดแทนตัวของคุณมันดูแปลก ๆ นะฮะ” ลาเพรียลเอ่ยขึ้น

    ถ้าเทียบกันระหว่าง ข้าและ เจ้ากับ ผมและ คุณสรรพนามแรกก็ดูแปลกกว่ากันเยอะทีเดียวล่ะ  แต่มันไม่ใช่แค่นั้น!!

    ไม่ใช่แค่ว่าสรรพนามเจ้ากับข้าถูกเลิกใช้ไปตั้งนานแล้ว  แต่สิ่งมีชีวิตที่ยังใช้สรรพนามนี้อยู่ก็มีแต่สิ่งมีชีวิตนอกดัฟลินเท่านั้น!!  หรือว่าซองเรคนนี้จะเป็น...?!

    ไม่...ไม่มีทางเป็นไปได้หรอก   ปัจจุบันยังไม่พบสิ่งมีชีวิตนอกดัฟลินที่มีลักษณะใกล้เคียงกับมนุษย์ขนาดนี้  ใกล้เคียงที่สุดก็มีลักษณะเหมือนกันทุกประการ  แต่สีผิวของพวกนั้นเป็นสีเขียว ๆ ที่ดูยังไงก็ไม่น่าอยู่ใกล้เลยสักนิด!!

    “แปลก?  อ้อ! นั่นสินะ...” ซองเรพึมพำ “แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าแปลกมั้ย?”

    ชายหนุ่มยกมือขึ้นระดับอก  ทันใดนั้นลูกบอลสีฟ้าใสที่ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกก็ปรากฏขึ้นเหนือฝ่ามือของเขา   ลาเพรียลจ้องมองลูกบอลนั้นด้วยความตกตะลึง  แต่ซองเรจ้องมองมันด้วยความรู้สึกที่ล้ำลึกยิ่งกว่า  ดวงตาสีเข้มไหววูบเล็กน้อยจนไม่อาจสังเกตเห็น

    ...คนคนนี้คือคนคนนั้นแน่ ๆ...แต่ทำไมล่ะ?...

    ...ไม่มีทาง...ไม่มีทางที่คนคนนั้นจะลืม...แล้วเพราะอะไร...

    “คุณทำได้ยังไงฮะ?!  ยังไม่มีวิทยาการไหนที่เรียกของได้ดังใจนี่นา!” ลาเพรียลถามอย่างตื่นตะลึง

    “สิ่งนี้ไม่ใช่วิทยาการของพวกเจ้าหรอก...” ซองเรตอบเสียงเรียบ “มันเรียกว่า พลังเวทย์พลังที่พวกเจ้าเชื่อกันว่ามีอยู่จริงในยุคสี่ร้อยกว่าปีที่แล้วยังไงล่ะ”

    “สุดยอดเลย!! ทำไมยุคนี้ไม่มีของแบบนี้บ้างนะ!!” ลาเพรียลบอกด้วยความรู้สึกตื่นเต้นราวกับเด็กได้ของเล่นใหม่  ดวงตาสีเขียวมรกตเปล่งประกายระยิบระยับ   ซองเรจ้องมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกจุกในอก

    เจ้าเป็นคนที่สุดยอดที่สุดเลยรู้มั้ย?!  พวกข้าไม่มีใครทำแบบนั้นได้สักคน!!’

    เขาได้ยินประโยคนี้เมื่อนานมาแล้ว   และตอนนี้...เขาก็ได้ยินอีกประโยคที่คล้ายคลึงกัน

    คนคนนั้น...อย่างไม่ต้องสงสัย   แต่เป็นไปได้เหรอ?...

    “เอ่อ.. ขอโทษฮะ” ลาเพรียลบอก  ก่อนจะละออกจากลูกบอลสีฟ้าใสนั้น “คุณน่ะ...อายุเท่าไรเหรอฮะ?”

    “แล้วเจ้าล่ะ...อายุเท่าไร?” ซองเรถามกลับ   ลาเพรียลยิ้มออกมาก่อนจะตอบว่า

    17 ฮะ”

    “ข้าอายุเท่าเจ้า”

    “ห๊ะ?”

    “...เดี๋ยวข้าจะเล่าอะไรให้ฟัง” ซองเรเอ่ย  ในขณะที่ลาเพรียลก็ยิ่งทำตัวคล้ายเด็ก ๆ มากขึ้นเมื่อเขาไปลากเก้าอี้มาจากมุมห้องและนั่งลงข้างเตียงพร้อมด้วยความสงสัยในใจ...

    ทำไมกัน... ถึงรู้สึกไว้วางใจผู้ชายคนนี้อย่างประหลาด?

    ควรจะสงสัย  ควรจะหวาดกลัวสิ!!  เราเอาเขาเข้ามาทำอะไรแปลก ๆ ในบ้านของเรา  ควรจะไล่ออกไปสิ!

    “เล่าสิฮะ” ทว่าร่างกายกลับไม่ทำตามสิ่งที่ควรทำ  ลาเพรียลนั่งอยู่ข้างเตียงและจ้องซองเรอย่างไม่วางตา

    “...นานมาแล้ว  ในตอนที่โลกนี้ยังคงมีเพียงสิ่งมีชีวิตที่มีพลังเวทมนตร์  พลังถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมด 6 สาย  ก็คือดิน  น้ำ  ลม  ไฟ  แสงสว่าง  และความมืด เด็กชายกำพร้าคนหนึ่งเกิดมาพร้อมกับความพิเศษเหนือใคร  ปกติหนึ่งคนจะมีพลังเพียงหนึ่งสาย  ไม่มากและไม่น้อยกว่านั้น  แต่เด็กชายคนนั้น...กลับควบคุมพลังได้ทุกสาย”

    “งั้นก็สุดยอดไปเลยสิฮะ!  ต้องเป็นที่ยอมรับของทุกคนแน่ ๆ !!” ลาเพรียลบอก

    “ไม่... กว่าทุกคนจะยอมรับ  เด็กชายคนนั้นผ่านความดำมืดของสังคมมามากมาย” ซองเรบอก “ถูกกลั่นแกล้งเพราะไม่มีพ่อแม่  ถูกกลั่นแกล้งเพียงเพราะพวกไร้หัวคิดหวาดกลัวพลังที่อยู่ในร่างกาย  ถ้าไม่ทำให้ตกอยู่ในอำนาจเรา  เราก็ต้องตกอยู่ในอำนาจฝ่ายตรงข้ามนั่นคือสิ่งที่ทุกคนในยุคนั้นคิด”

    “น่าสงสารจังเลยนะฮะ” ลาเพรียลว่า “ไม่มีความผิดก็ยังจะมาโดนแบบนั้นอีก”

    ราวกับซองเรเห็นภาพซ้อนทับในอดีต  ประโยคที่คล้ายคลึงกัน   คิดไว้ไม่มีผิด... ยังไงก็ต้องหาเจอ  เป็นคนคนนี้แน่ ๆ

    “แต่แล้วก็มีเด็กผู้ชายอีกคนหนึ่ง  เด็กผู้ชายที่ไม่มีพลังอะไรเลย  แต่ได้รับการคุ้มครองจากราชวงศ์  ทำให้ใคร ๆ ไม่กล้าต่อล้อต่อเถียงกับเขา   ใช้ชีวิตอย่างเลิศเลอ...แต่ไร้ความสุข” ซองเรเล่าต่อ “จนวันหนึ่งทั้งสองคนได้มาเจอกัน  เด็กผู้ชายที่มีพลังอันยิ่งใหญ่แต่ถูกรังเกียจ  กับเด็กผู้ชายที่ไร้ซึ่งพลังแต่เต็มไปด้วยอำนาจ...”

    “แล้วไงต่อฮะ?” ลาเพรียลถาม   ท่าทางอย่างนั้นทำให้นึกถึงเด็กเวลาฟังคุณครูเล่านิทาน  แต่ทำไมนะ...ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเรื่องราวนี้คุ้นเคยอย่างประหลาด  ราวกับอยู่ในส่วนลึกของความทรงจำ

    “สำหรับเด็กชายผู้มีพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่นั้น... เด็กชายผู้ไร้ซึ่งพลัง  แต่ไม่กลั่นแกล้งและหวาดกลัว  ทั้งยังให้ความช่วยเหลือนั้นถือเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต  เป็นทั้งเพื่อน  ทั้งครู  เป็นทุกทุกอย่างในเวลาเดียวกัน   ส่วนสำหรับเด็กชายผู้ไร้พลังนั้น  เด็กชายผู้ครอบครองอำนาจอันยิ่งใหญ่  อีกทั้งยังไม่ยอมก้มหัวให้เขาและยังต่อล้อต่อเถียงกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอถือเป็นเพื่อนคนแรกและคนเดียว   ให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน”

    “ดีจังเลยนะฮะ  งั้นทั้งสองคนก็ได้สิ่งที่ต้องการแล้วสิ” ลาเพรียลบอก

    “ใช่  แล้วเจ้าจะเชื่อมั้ย?  ถ้าบอกว่าเด็กชายในเรื่องเล่านั้นน่ะ...คือข้า” ซองเรบอก  ลาเพรียลนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้างและพยักหน้ารัว

    “เชื่อสิฮะ!  แล้วก็คงเป็นเด็กชายที่ครอบครองพลังทุกสายคนนั้นด้วยใช่มั้ยฮะ” ลาเพรียลบอก  และเมื่อซองเรพยักหน้ารับ  เด็กหนุ่มก็พึมพำ “แล้วเด็กชายที่ไม่มีพลัง...”

    “เรเพียร์  ทอร์ทาแลน  คือชื่อของเด็กคนนั้น” ซองเรเอ่ยขึ้น

    “งั้นคุณก็ต้องอายุมากกว่าสามร้อยปีแล้วน่ะสิฮะ!  จะอายุสิบเจ็ดได้ยังไง!” ลาเพรียลวกกับมาที่จุดประสงค์แรกอีกครั้ง   ราวกับจะเห็นซองเรยิ้มนิด ๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะอธิบายว่า

    “ข้ากับเรเพียร์น่ะ...ทำพันธสัญญาที่เรียกว่า  พันธสัญญาหยุดเวลา เอาไว้   ทำให้เวลาของข้าถูกหยุดลงตั้งแต่อายุ 17 เมื่อสามร้อยหรือสี่ร้อยกว่าปีก่อน” ซองเรบอก “เวลาของข้าหยุดลงเพื่อตามหา   ส่วนเวลาของคนคนนั้น...หยุดลงเพื่อรอคอย”

    ลาเพรียลแทบสะอึกเมื่อได้ยินคำว่า รอคอย

    งั้นเรเพียร์คนนั้น... ก็คงเป็นคนเหมือนเขาสินะ    ที่กำลังรอคอยอะไรบางอย่าง

    “ทำไมถึงต้องทำสัญญานั้นล่ะฮะ?”

    แรกเริ่ม...ซองเรคิดจะไม่บอกเด็กหนุ่มตรงหน้า  แต่พอคิดอีกที... คนคนนี้กับคนคนนั้น  ก็คือคนเดียวกัน...ไม่ผิดแน่ “ก็เรเพียร์...บังเอิญไปรู้ความลับของขุมพลังทั้งหก  โดยมีข้าเป็นต้นเหตุน่ะสิ”

     

     

    ลาเพรียลออกมาเดินเล่นกับซองเรที่สวนสาธารณะเดลฟีนหลังจากที่ชายหนุ่ม...ความจริงก็เด็กหนุ่มเหมือนเขานั่นแหละ เล่าทุกอย่างออกมา

    พันธสัญญาหยุดเวลา... คือพันธะที่คนทั้งสองกระทำโดยการใช้เพียงลมปาก   แค่พูดออกมาเท่านั้น...คำพูดนั้นจะผูกมัดคนทั้งสองโดยทันที    และจะมีสัญลักษณ์ของการหยุดเวลาอยู่ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย  อย่างที่ท่อนแขนของซองเรจะมีลวดลายเป็นนาฬิกาสีดำอยู่  และคู่สัญญาของซองเรก็จะมีสัญลักษณ์อยู่เหมือนกัน  พันธสัญญานี้สามารถทำได้ขอแค่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีเวทมนตร์  แต่หากไร้เวทมนตร์ทั้งสองคนจะไม่สามารถทำได้

    ...แต่ซองเรไม่ได้บอกเขาว่าความลับของขุมพลังทั้งหกคืออะไร

    “นี่...คุณมีบ้านอยู่รึเปล่าฮะ?” ลาเพรียลถามขึ้น  ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ถึงถามคำถามนี้ขึ้นมา

    คงเพราะว่าถ้าอีกฝ่ายไม่มีบ้านอยู่  เขาคงเต็มใจให้มาอยู่บ้านเขากระมัง (ฮา...)

    “ต้องมีสิ  ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้ข้าจะไปอยู่ไหนล่ะ?” จนแล้วจนรอด... ซองเรก็ไม่ได้เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวนั้นอยู่ดี

    “...งั้นบ้านคุณอยู่ไหนล่ะ?  แล้วทำไมเมื่อบ่ายถึงไปอยู่ในพุ่มไม้สวนสาธารณะล่ะ?”

    “บ้านข้าอยู่...อืมม  พวกเจ้าน่าจะเรียกที่นั่นว่า หอพักบรรณารักษ์ขั้นสูงล่ะมั้ง?” ซองเรตอบ “ส่วนคำถามต่อไป... เรเพียร์ชอบป่า  ข้าก็เลยคิดว่าถ้าไปตามหาแถว ๆ ป่า  ข้าอาจจะเจอก็ได้”

    ...ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเจอแล้วก็เถอะ

    ลาเพรียลตาโต “นี่คุณ!!  คุณเป็นบรรณารักษ์ขั้นสูงเหรอ?!  ผมนึกว่าคุณจะซ่อนอยู่แต่ในบ้านซะอีก!!

    “ถ้าไม่ทำงานข้าจะมีเงินมั้ยล่ะ?  ใช้เวทมนตร์ได้ก็จริงแต่ไม่มีเวทมนตร์เสกอาหารสำเร็จรูปได้หรอกนะ” ซองเรบอก “ข้าน่ะ... ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปจนกว่าจะหาเรเพียร์เจอ”

    “ทำไมถึงมุ่งมั่นขนาดนั้นล่ะฮะ?”

    “...” ซองเรเงียบไป “ถ้าเจ้ารู้ความหมายของคำว่า คนที่เป็นทุกอย่างของชีวิตน่ะ  เจ้าก็จะรู้เองว่าทำไมข้าถึงมุ่งมั่นขนาดนั้น   เพราะเรเพียร์น่ะ...เป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับข้า”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×