ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ๐SECRET ROOM๐

    ลำดับตอนที่ #18 : Duflin - Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 55


    Duflin ลำนำรัก...เรื่องราวแห่งมิตรภาพ

    ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังรอใครบางคนอย่างไร้เหตุผล

    ข้ากำลังตามหาใครบางคนอย่างไร้จุดหมาย

    ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกอย่างนั้น

    ข้ารู้เพียงแต่ว่าข้าต้องหาคนคนนั้นให้เจอ

    ผมรู้สึกเพียงว่ามีใครกำลังตามหาผม

    และคนคนนั้นกำลังรอข้าอยู่

    เพราะฉะนั้นผมจึงหยุดอยู่ตรงนี้

    ต้องรออยู่แน่..ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้

    เพื่อที่จะรอ...เพียงเท่านั้น

    เพราะฉะนั้น... ข้าต้องหาให้เจอ...

    บทที่

    พบกัน

    ...กล่าวกันว่า...  โลกของเรานั้นได้เกิดการชำระล้างมาหลายครั้งหลายคราว  สิ่งที่ถูกชะล้างคือความดำมืดในจิตใจคน   และว่ากันว่าการชำระล้างจิตใจดำมืดนั้นคือการทำให้มนุษย์หลงผิดและฆ่ากันเองอย่างถึงที่สุด  เพื่อให้ความมืดดำหายไปจากจิตใจของมนุษย์   เราเรียกช่วงเวลานั้นว่า วันสิ้นโลก

    ในช่วงเวลาวันสิ้นโลกนั้นเองที่เหล่ามนุษย์จะหายไปจากโลก  รอให้ธรรมชาติฟื้นตัว   และจากนั้น...มนุษย์ผู้บริสุทธิ์คนแรกก็จะถือกำเนิดขึ้นอย่างลึกลับ  ไม่สามารถอธิบายได้ว่าเขาหรือเธอเกิดขึ้นมาได้อย่างไร   ในยุคปัจจุบันนี้คาดว่าน่าจะเป็นยุคถัดจากวันสิ้นโลกครั้งล่าสุด 400 กว่าปี

    เล่าต่อกันมาว่า  มนุษย์ผู้บริสุทธิ์ในยุคแรกนั้นมีพลังอำนาจที่เหนือมนุษย์  หรืออาจเรียกได้ว่าเป็น พลังเวทย์ก็ว่าได้  พวกเขาหรือพวกเธอสามารถเนรมิตทุกสิ่งได้ดังใจนึก  ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป  มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์ที่ความมืดดำในจิตใจเกิดขึ้นได้เสมอ  ดังนั้นเมื่อพวกเขาเริ่มเข่นฆ่ากันเองในยุคต่อมา  ผู้นำของพวกเขาก็ได้ใช้พลังทั้งหมดที่ตนมีลบล้างพลังวิเศษในตัวพวกเขาไป  นั่นรวมถึงตัวผู้นำเองด้วย

    และในช่วง 300 ปีหลังจากนั้นที่มนุษย์ไร้พลังวิเศษ  พวกเราก็ได้ทำการวิวัฒนาการต่าง ๆ มากมายจนเกิดเป็นวิทยาการในปัจจุบัน   ตั้งชื่อโลกของเราใหม่ว่า ดัฟลิน ...

    ติ๊ด!

    หน้าต่างข้อมูลที่เปิดไว้ถูกปิดลงโดยเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีขาวและดวงตาสีเขียวมรกต  เขาถอนหายใจพลางมองแล็บทอปของตัวเองอย่างไม่พอใจเท่าไรนัก

    “ให้ตายเถอะ... จะเป็นบรรณารักษ์ชั้นสูงไม่ได้จะเป็นนักประวัติศาสตร์สักหน่อย  ทำไมต้องทำอะไรอย่างนี้ด้วยเนี่ย!” เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ดปีเจ้าของนามอันแสนไพเราะเพราะพริ้ง ลาเพรียล  ทัวลัสต์บ่นอุบอย่างไม่เข้าใจ   ปิดจอแล็บทอป-ลงก่อนจะกดปุ่มสีแดงเล็ก ๆ ที่อยู่ใต้เครื่อง

    ทันใดนั้นแล็บทอปก็ย่อขนาดลง  เปลี่ยนรูปร่างอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นแหวนเงินเกลี้ยงที่มีปุ่มเล็ก ๆ ต่างสีสันอยู่ด้านข้าง   และที่หัวแหวนมีปุ่มเล็ก ๆ สีใสอยู่ด้วย

    อุปกรณ์ชิ้นนี้คือ เรเกียสริงวิทยาการชนิดใหม่ของดัฟลิน   ลักษณะที่แท้จริงคือแหวนเงินเกลี้ยงธรรมดา   แต่ที่พิเศษคือปุ่มหลากสีที่ติดตั้งอยู่ด้านข้าง   ผู้ประดิษฐ์อุปกรณ์ชิ้นนี้คือเรเกียส  โฮมุส  แรกเริ่มเขาประดิษฐ์มีปุ่มสีแดงปุ่มเดียวเท่านั้น  ซึ่งเมื่อกดปุ่มนั้นแหวนจะทำการเปลี่ยนรูปร่างอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นแล็บทอป

    แต่ปัจจุบันเรเกียสได้ทำการพัฒนาอุปกรณ์ชิ้นนี้ของเขาทำให้มีปุ่มมากที่สุดสิบสองปุ่ม  ซึ่งในตอนนี้แหวนรุ่นที่ลาเพรียลใช้อยู่เป็นแหวนรุ่นหกปุ่ม   ด้านซ้ายของแหวนสามปุ่ม  และด้านขวาอีกสาม

    ด้านซ้ายประกอบไปด้วยสีเขียว  สีน้ำเงิน  และสีม่วง   หากกดสีเขียว  ปุ่มสีใสที่หัวแหวนจะทำการฉายภาพโฮโลแกรมสามมิติขึ้นเป็นปฏิทินและกำหนดการสำคัญต่าง ๆ ของเจ้าของแหวน   หากกดปุ่มสีน้ำเงิน  แหวนจะฉายภาพโฮโลแกรมขึ้นเป็นนาฬิกา   และนาฬิกาที่ว่านี้ไม่ได้มีเพียงแค่เวลาสามัญของดัฟลินเท่านั้น  แต่ยังคงแสดงเวลาสามัญของดวงดาวอื่น ๆ ได้อีกด้วย

    อาใช่...ทุกคนฟังไม่ผิด  ไม่ใช่ ประเทศอื่น ๆแต่เป็น ดาวอื่น ๆเพราะแผ่นดินทุกตารางนิ้วของดัฟลินติดกันแน่นเป็นปึกแผ่น  มีแม่น้ำสายเล็กใหญ่ตัดบ้างในบางพื้นที่  แต่หากจะหาเมืองที่ติดทะเลต้องไปทางตะวันออกสุด  ตะวันตกสุด  เหนือสุด  และใต้สุดเท่านั้น

    และทุกพื้นที่จะมีเวลาและอุณหภูมิเหมือนกันอย่างไม่ผิดเพี้ยน  ไม่คลาดเคลื่อนไปสักนิดเดียว

    หากกดปุ่มสีม่วง  ปุ่มนี้เป็นปุ่มเคลื่อนย้ายสิ่งของฉับพลัน  แค่เล็งหัวแหวนไปที่สิ่งของที่ต้องการเคลื่อนย้าย  จากนั้นก็กดปุ่ม   หัวแหวนจะยิงเลเซอร์ไปที่ของสิ่งนั้น  จากนั้นเราแค่พูดสถานที่ที่ต้องการส่งของไปเท่านั้น  ของสิ่งนั้นก็จะไปอยู่ในสถานที่ที่เราพูดถึงทันที  ถือเป็นระบบไปรษณีย์ที่ใช้เทคโนโลยีสูงที่สุดในปัจจุบัน  เพราะสถานที่ที่จะส่งไปนั้นก็ต้องติดเครื่องรับสัญญาณไว้เหมือนกัน  หากไม่ใช่อุปกรณ์ที่มีคนใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบันล่ะก็...  ระบบนี้คงใช้การไม่ได้เป็นแน่

    จบไปสำหรับปุ่มด้านซ้าย  มาถึงปุ่มเล็ก ๆ ด้านขวาของแหวนบ้าง  ด้านขวาของแหวนประกอบไปด้วยปุ่มสีแดง  สีเหลือง   และสีชมพู   หากกดปุ่มสีแดงก็อย่างที่ได้กล่าวไปว่าแหวนจะเปลี่ยนรูปร่างอย่างรวดเร็วกลายเป็นแล็บทอปขนาดมาตรฐาน    หากกดปุ่มสีเหลือง  แหวนจะกลายเป็นเครื่องสื่อสารระบบโฮโลแกรมที่สามารถโต้ตอบกันได้โดยเห็นหน้ากันผ่านจอโฮโลแกรมที่ฉายขึ้นมาจากหัวแหวน  และยังสามารถได้ยินเสียงได้ด้วย  วิธีการติดต่อไปที่บุคคลใด ๆ ก็แค่เรียกชื่อ  จากนั้นแหวนจะติดต่อไปที่แหวนของอีกคนโดยอัตโนมัติ

    และกดปุ่มสีชมพู   ปุ่มนี้จะเป็นปุ่มที่หลายคนชื่นชอบที่สุดก็เป็นได้  มันคือปุ่ม สั่งอาหารเมื่อกดไประบบสัญญาณของแหวนจะเชื่อมต่อกับรายการอาหารของร้านอาหารที่ติดตั้งเครื่องรับสัญญาณไว้ในพื้นที่ที่ใกล้ที่สุด   หัวแหวนจะฉายรายการอาหารและเราสามารถสั่งอาหารได้เพียงแค่จิ้มไปที่ชื่ออาหารนั้น  และอาหารนั้นก็จะส่งมาถึงตัวเราภายในเวลาไม่กี่นาที

    เอ... ท่าทางจะลืมบอกไปแฮะว่าทุกระบบของแหวนใช้เป็นระบบสัมผัสได้ทั้งหมด

    ติ๊ด! ติ๊ด!

    เสียงร้องเตือนจากแหวนดังขึ้น   เมื่อได้ยินเสียงนั้น  ลาเพรียลก็จัดการกดปุ่มสีเหลืองที่อยู่ด้านขวาของแหวนทันที

    [ฮ้ายย... ตอบช้าเสมอเลยนะลาร์พ] เสียงตัดพ้ออย่างล้อเลียนดังขึ้นจากชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาเจ้าของเรือนผมยาวประบ่าสีส้มสด  ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของเขาฉายแววขี้เล่น

    “ขอโทษฮะพี่กาย  ผมหาข้อมูลรายงานเพลินไปหน่อย” ลาเพรียลตอบ

    [น้อย ๆ หน่อยลาร์พ  โกหกคนอื่นได้แต่โกหกฉันไม่ได้หรอก!] ชายหนุ่มวัยยี่สิบปีเจ้าของนาม สกายลาร์ค  บลูสเปลตอบกลับมา [นายน่ะ!  หลังจากถอดใจเรื่องข้อมูลรายงาน  ก็มานั่งเหม่อเรื่องเสียงที่ได้ยินในฝันใช่มั้ยล่ะ?!]

    “เปล่าสักหน่อยฮะ!  ผมไม่ได้นั่งเหม่อสักหน่อย” ลาเพรียลปฏิเสธเสียงแข็ง

    [เฮ้ ๆๆ ! นายน่ะปรึกษาเรื่องเสียงในฝันนั้นกับฉันมากี่ครั้งแล้ว  โถ ๆๆ ! ลาร์พน้อยผู้น่าสงสาร  ช่างไม่รู้ตัวเอาซะเลยว่าตกหลุมรักเจ้าของเสียงปริศนาที่อยู่ในฝันซะแล้ว  ฮ่า ๆๆๆ ]

    “พี่กายฮะ!  เสียงในฝันนั้นน่ะมันเสียงผู้ชายนะฮะ!!

    [แล้วไงล่ะ!!  ถ้าสองคนรักกันยังไงก็ได้อยู่แล้ว  ฮ่า ๆๆๆ   โอเค ๆ  ฉันล้อเล่น  แค่ล้อนายเล่นเท่านั้นเองไม่เห็นต้องทำหน้าจริงจังอย่างนั้นเลย]

    “ฮะ ๆๆ  ผมก็ชินกับนิสัยล้อเล่นไปทั่วของพี่แล้วล่ะฮะ” ลาเพรียลบอกปัดพี่ชายข้างบ้านของตัวเอง “แล้วพี่กายติดต่อมานี่มีอะไรล่ะฮะ?”

    [ไม่มีอะไร้!  แค่ติดต่อมาทวงรายงานเท่านั้นแหละ!  อีกสามเดือนก็เข้ากำหนดส่งแล้วเลื่อนขั้นเป็นบรรณารักษ์ขั้นสูงแล้วนา...]

    “พี่จะติดต่อมากดดันผมให้ได้อะไรฮะเนี่ย?!  ผมจะรีบก็แล้วกันฮะ” ลาเพรียลเอ่ยตัดบท  ก่อนจะกดปุ่มสีเหลืองอีกครั้งเพื่อตัดสายการสนทนาทิ้งเสีย

    เด็กหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหัวเสีย  เครียดเรื่องรายงานที่ต้องทำเพื่อเลื่อนขั้นยังไม่พอ  ยังต้องมาโดยสะกิดปมเรื่องเสียงในฝันอีก!

    เรามาเท้าความกันเสียหน่อย... ลาเพรียล  ทัวลัสต์  เป็นเด็กหนุ่มอัจฉริยะที่เรียนจบหลักสูตรด้านบรรณารักษ์และจิตวิทยาศาสตร์ตั้งแต่อายุ 15 ปี  ตอนนี้กำลังจะส่งรายงานพร้อมกับยื่นแบบจำนงสอบเลื่อนขั้นเป็นบรรณารักษ์ขั้นสูง

    บรรณารักษ์ขั้นสูงคืออะไร?  ก็บรรณารักษ์ธรรมดาก็คือผู้ดูแลคอมพิวเตอร์สมาร์ททีวี...

    เอ...ตกเรื่องอะไรไปรึเปล่านะ...

    อ้อใช่!  คงต้องอธิบายเกี่ยวกับห้องสมุดเสียก่อน   ห้องสมุดตามประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกไว้ในยุคก่อน ๆ ก็คือห้องกว้าง ๆ ที่มีแต่ชั้นหนังสือและหนังสือเรียงกันเต็มไปหมดใช่มั้ยล่ะ?!  แต่สำหรับยุคนี้แล้ว...ลบภาพห้องสมุดแบบนั้นไปได้เลย!!

    ห้องสมุดในยุคนี้ไม่มีหนังสืออีกแล้ว  มีก็แต่คอมพิวเตอร์ระบบทัชสกรีน...  เอ่อ...เรียกง่าย ๆ ว่าแท็บเล็ตขนาดสี่สิบสองนิ้วนั่นแหละ   ถ้าเรียกง่ายกว่านั้นก็สมาร์ททีวีระบบทัชสกรีนไปเลยก็ได้  แต่สมาร์ททีวีของห้องสมุดน่ะเจ๋งกว่าสมาร์ททีวีธรรมดาเยอะ!!

    เพราะหนังสือที่มีต่างก็ถูกเก็บเข้าพิพิธภัณฑ์ของหายากไปหมดแล้ว  ทำให้วิธีที่ทำให้เรื่องราวต่าง ๆ อยู่ยงคงกระพันต่อไปก็คือการบันทึกโดยใช้วิธีนี้เท่านั้น   ผู้คนทั่วไปสามารถมาค้นหาข้อมูลจากห้องสมุดได้เต็มที่   โดยมีบรรณารักษ์คอยดูแลและควบคุมการใช้งานของสมาร์ททีวี  รวมไปถึงการยืมข้อมูลด้วย

    การยืมข้อมูล...  ก็เหมือนกับว่าถ้าเอกสารมีความยาวมากเกินไปและไม่สามารถอ่านวันเดียวได้จบ  ห้องสมุดจะมีบริการให้ยืมข้อมูลกลับไปอ่านที่แล็บทอปหรือคอมพิวเตอร์ของตัวเองซึ่งอยู่ที่บ้าน   โดยการบันทึกข้อมูลลงในแฟลชไดรฟ์ของห้องสมุด   แล้วให้ยืมกลับไปอ่านได้

    อย่าคิดว่าห้องสมุดจะกระจอกขนาดขโมยข้อมูลได้นะ!!  แฟลชไดรฟ์จะติดตั้งโปรแกรมเฉลี่ยว่าผู้อ่านจะเข้ามาอ่านกี่รอบถึงจะจบ  จากนั้นเมื่อครบรอบที่กำหนดไว้... ข้อมูลที่อยู่ในแฟลชไดรฟ์จะทำลายตัวเอง  และแฟลชไดรฟ์จะถูกส่งกลับห้องสมุดด้วยระบบเคลื่อนย้ายอัตโนมัติที่ติดตั้งไว้ที่ห้องสมุดทันที   และผู้ที่ยืมข้อมูลไปไม่สามารถนำข้อมูลไปลงในคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้

    ขอบเขตการดูแลทั้งหมดเป็นหน้าที่ของบรรณารักษ์... ในที่นี้คือบรรณารักษ์ธรรมดา  ไม่ใช่บรรณารักษ์ขั้นสูงนะ

    มาต่อกันที่แล้วบรรณารักษ์ขั้นสูงทำอะไร?   ก็คือบรรณารักษ์ที่เรียกได้ว่า...เอ่อ... อาจจะเป็นปราชญ์ไปในตัวเลยก็ว่าได้  เพราะคนที่จะเป็นบรรณารักษ์ขั้นสูงนั้นจะต้องดูแลห้องสมุดไปพร้อม ๆ กับการทำงานวิจัยด้านหนังสือและพัฒนาการทางสมองของมนุษย์   ในขณะเดียวกันก็ต้องศึกษาศาสตร์โบราณแขนงต่าง ๆ และบางครั้งอาจจะต้องประสบภาวะงานล้นมือ  ดูแลห้องสมุด  ทำงานวิจัย   วิเคราะห์หลักฐานโบราณ  ฯลฯ ประเดประดังเข้ามาพร้อมกัน

    ...ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าแค่เขามีความคิดจะต่อเป็นบรรณารักษ์ขั้นสูง  ทางสถาบันก็แทบจะอ้าแขนรับโดยไม่ต้องสอบแล้ว  เพราะคนที่สอบสายนี้มีน้อยยิ่งกว่าน้อย!!

    แต่ที่เขาต้องทำรายงานแล้วทำข้อสอบน่ะหรือ... เหตุผลนั้นง่ายมาก...

    ก็พี่ชายข้างบ้านตัวดีน่ะสิไปเป่าหูศาสตราจารย์ที่สถาบันเข้า!!  เขาก็เลยตกที่นั่งลำบากแบบนี้

    เอ... นี่เราลืมพูดถึงอะไรไปรึเปล่า?

    อ้อใช่! ก่อนหน้านี้เคยกล่าวถึงว่าลาเพรียลมีปมเกี่ยวกับเสียงในฝันใช่มั้ย?  อันนี้อธิบายไม่ถูกแฮะ...

    “ฮ้าววว!!  ง่วงจัง... เมื่อคืนแทบไม่ได้นอน” ลาเพรียลว่าพลางปิดปากหาว  เด็กหนุ่มคว้าหนังสือเล่มโตซึ่งวางอยู่บนโต๊ะข้างโซฟาไปหนุนก่อนจะหลับตาลงเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์...

    เจ้าน่ะ... ทำไมถึงต้องไป...เสียงหนึ่งดังขึ้นในขณะที่รอบกายมีเพียงความมืด   เสียงทุ้มนุ่มลึกที่ได้ยินมาตลอดตั้งแต่มาอยู่ที่นี่

    ...เสียงนี้...อีกแล้ว...

    ข้าก็ไม่ได้ไปไหนไกลสักหน่อยเสียงที่คล้ายคลึงกับเสียงของลาเพรียลเองตอบกลับมา

    เจ้าโกหกเสียงทุ้มนั้นดังตอบ ...ถ้าเจ้าไป...แล้วข้าจะเหลือใครล่ะ

    ข้าก็ไม่หายไปไหนสักหน่อยเสียงที่คล้ายกับลาเพรียลตอบกลับ ถ้าข้าหายไปนาน ๆ ... เจ้าก็ตามหาข้าสิ!’

    ...?

    มาสัญญากันดีกว่า   เวลาของเจ้าจะหยุดเพื่อตามหาข้า   แล้วเวลาของข้าจะหยุดเพื่อรอเจ้า  ตกลงไหม?

    ...ตกลงเสียงทุ้มเงียบไปนานกว่าจะตอบ รอข้าด้วยแล้วกัน...เพื่อนรักของข้า

    ติ๊ด! เฮือก!

    ลาเพรียลสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อแหวนร้องเตือนเขา  อา... เขาตั้งให้แล็บทอปดังตอบสนองทุกครั้งที่ค้นหาเจอข้อมูลที่เขาต้องการนี่นะ...

    เขาถอดแหวนออกมาก่อนจะกดที่ปุ่มสีแดง  ไม่นานแหวนก็เปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นแล็บทอปคู่ใจ   แค่เปิดจอแล็บทอปขึ้น   หน้าต่างข้อมูลก็เด้งขึ้นมาในทันทีทันใด

    โลกที่มีเพียงปริศนา...ดัฟลิน...

     

    “ให้ตาย... ทำไมไม่เจอข้อมูลที่ต้องการสักทีนะ...” ลาเพรียลบ่นอุบขณะออกมาเดินเล่นข้างนอก  สูดอากาศ  ชมนกชมไม้ในสวนสาธารณะไปเรื่อย   และคิดอะไรเรื่อยเปื่อย

    เสียงใสฝันนั่น... ทำไมคราวนี้ถึงได้ยินมากกว่าทุกครั้งนะ   ปกติเขาจะได้ยินแค่คำว่า รอข้าหน่อยนะ  เพื่อนรักของข้าแค่นี้แท้ ๆ

    กรอบ...แกรบ

    เสียงเหยียบใบไม้แห้งแถว ๆ พุ่มไม้ใหญ่ดังเข้ามาในโสตประสาทของเด็กหนุ่ม  ทำลายภวังค์ความคิดของเขาจนหมดสิ้น  ด้วยความสงสัย...เด็กหนุ่มจึงค่อย ๆ ก้าวเข้าไปทางพุ่มไม้ที่ตนได้ยินเสียง

    เดินใกล้เข้าไป...ใกล้เข้าไป...

    พริบตานั้น...ก็มีร่างหนึ่งแหวกพุ่มไม้ออกมา   เพียงแค่เห็นร่างนั้น...ลาเพรียลก็หยุดนิ่งกับที่ทันที

    ...ความรู้สึกคุ้นเคยนี้...อะไรกัน...

    ไม่ใช่แค่ลาเพรียลที่หยุดนิ่งกับที่  ชายหนุ่มคนนั้นก็ชะงักงันไปเหมือนกัน  ดวงตาเรียวคมสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นเบิกโพลง.

    “เรเพียร์...เจ้า...” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังออกมาจากปากของร่างสูง  เขาเดินเข้ามาด้วยท่าทางโงนเงน  ก่อนจะล้มลงตรงหน้าลาเพรียล  โชคยังดีที่ลาเพรียลรับไว้ทัน

    “คุณ...คุณครับ!” ลาเพรียลร้อง  เขย่าชายหนุ่มในอ้อมแขนอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร   เมื่อเหลือบเห็นวงแหวนสีเงินเกลี้ยงที่นิ้วกลางข้างขวา   เด็กหนุ่มจึงกดปุ่มสีเหลืองแล้วพูดว่า สกายลาร์ค  บลูสเปลไม่รอให้สัญญาณเชื่อมถึงกันเสร็จดี  เด็กหนุ่มร้องจนเกือบจะเป็นตะโกนใส่ไปว่า

    “พี่กายฮะ!!  พี่มาหาผมที่สวนสาธารณะเดลฟีน  ด่วนที่สุด  เดี๋ยวผมจะอธิบายให้พี่ฟังทีหลัง   แต่พี่ต้องมาหาผมเดี๋ยวนี้!

    1
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×