ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Super Junior {SF} || _ Yaoi ;

    ลำดับตอนที่ #2 : {SF} Chapter 1 : Forbidden love - hanhyuk { 20%}

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 66
      0
      7 มี.ค. 53

     

    Forbidden love : {SF Hanhyuk} *

    *Story by : allrise {only_suju-13}

     

     

    “ แรกพบ.. ”

     

     

    Chapter 1 :

    ในฤดูร้อนที่แสงอาทิตย์ส่องเป็นประกายเจิดจ้า ผู้คนมากมายพากันออกมาชมขบวนเสด็จขององค์ชายต่างแดนที่กำลังเคลื่อนผ่าน สีสันหลากหลายของเครื่องแต่งกายของผู้คนที่เดินทางมากับขบวนราวกับว่าจะบดบังความงามจากดอกไม้ไปเสียสิ้น ชาวบ้านต่างส่งเสียงโห่ร้องดีใจที่บัดนี้การมาเยือนของผู้คนต่างแดนกำลังจะทำให้ศึกสงครามสงบลงหลังจากการฟาดฟันกันเป็นเวลานานของทั้งสองแผ่นดิน..

                แต่ใครเล่าจะรู้.. ท่ามกลางบรรดาผู้คน เด็กหนุ่มอายุรุ่นราวประมาณสิบห้าปี เจ้าของใบหน้าเรียวคมผุดผ่องดูโด่ดเด่น อาภรณ์ที่สวมใส่ตัดเย็บด้วยความประณีตงดงาม เมื่ออยู่บนร่างสูงก็ดูดีเสียจนไม่ว่าหญิงใดก็ต้องเป็นอันเหลียวมอง นัยน์ตาสีนิลฉายแววสงบนิ่งขัดกับเรียวปากที่กำลังเหยียดยิ้มด้วยความพอใจ.. ฐานันดรศักดิ์ที่พยายามปิดบังดูทว่าจะทำได้ยากเสียเต็มประดา เมื่อเด็กหนุ่มผู้ดูหล่อเหลาทั้งใบหน้าและกิริยาคนนี้ ไม่ว่าจะพินิจมองอย่างไรก็ดูแตกต่างกับผู้คนที่รายล้อมมากมายรอบตัว..

    ข้าว่า..เราออกไปก่อนดีไหมขอรับเด็กหนุ่มอายุไล่เลี่ยกันติดจะอายุน้อยกว่าเอ่ย สายตาสอดส่ายไปมาราวกับไม่ไว้ใจผู้คนรอบข้างติดว่าออกจะหวาดระแวงเกินไปด้วยซ้ำ ดวงหน้าหวานเกลี้ยงเกลากับรูปร่างบอบบางดูไม่เข้ากับกระบี่สีดำขลับในมือเล็กนั่นเลยสักนิด สีหน้าเครียดขึงนั้นช่างต่างกับอีกคนที่ยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดีราวกับฟ้ากับเหว

    “ไม่ล่ะ ข้ายังสนุกอยู่เลย” เสียงทุ้มเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจเป็นผลเจ้าคนฟังถึงขั้นตีหน้าเคร่งเสียยิ่งกว่าเก่า

    “แต่ว่า..ขืนชักช้าไปมากกว่านี้ ท่านเสนามีอันจับได้แน่ ๆ ว่าพระองค์แอบหนีจากขบวนเสด็จนะพะย่ะค่ะ”

    “ช่างหัวตาเฒ่านั่นสิ แก่ปานนั้นจะมีปัญญาทำอะไรข้าได้” คนเอาแต่ใจหันมาตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเบนสายตากลับไปมองผู้คนมากมายจากทั่วทุกสารทิศอย่างสนุกสนานจนไม่ได้สังเกตเลยว่า เจ้าเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆทำหน้าจะร้องให้อยู่รอมร่อ..

     

    จริงอยู่ที่ตาเฒ่านั่นแตะต้องอะไรพระองค์ไม่ได้.. แต่มันจะมาตามเด็ดหัวที่ข้าแทนฉันน่ะสิพะย่ะค่ะ T^T

     

    “ฝ่าบาท...” คิดได้ดังนั้นเจ้าตัวเล็กเลยลองเรียกอีกรอบ เผื่อว่าน้ำเสียงเอื่อยๆกับท่าทางอ้อนๆของเขาจะพอใช้ได้ผลกับองค์ชายบ้าง แต่ก็ต้องหุปปากฉับเมื่อโดนองค์รัชทายาทพ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทตะคอกซะเสียงเขียว

    “อย่าตะคอกข้าแบบนั้นสิขอรับ...” เด็กหนุ่มพูดด้วยเสียงตัดพ้อปนน้อยใจหลังจากเงียบไปสักพัก

    “ก็เจ้ามันน่ารำคารนี่”

    “ฝ่าบาทอ่ะ!

    “เลิกเรียกข้าว่าฝ่าบาทสักทีเถ่อะน่า ข้าเป็นเพื่อนเจ้านะ! ไม่ได้อยู่ในวังจะมากพิธีไปทำไมกัน” ร่างสูงเอ่ยอย่างเบื่อหน่ายกับความมากพิธีของเจ้าเพื่อนตัวเล็กที่มักจะชอบทำตัวจู้จี้ขี้บ่นประหนึ่งเป็นท่านเสนาคนที่สอง

    “ก็ข้าเป็นองค์รักษ์ประจำตัวพระองค์ จะปฏิบัติกับพระองค์เฉกเช่นพระสหายได้อย่างไรล่ะขอรับ” เด็กหนุ่มเอ่ยเต็มเสียงอย่างภาคภูมิกับตำแหน่งของตนเพราะคิดว่าเป็นภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีชายชาตรี โดยไม่รู้เลยว่าผู้ถูกปกป้องอย่างฮันกยองได้แต่ส่ายหน้าและหัวเราะหึๆ ในลำคอเสียไม่ได้..

     

    ก็อย่างทงเฮน่ะเหมาะสมกับรูปลักษณ์ทหารราชองค์รักษ์ซะที่ไหน = =;

     

    รูปร่างอ้อนแอ้นอรชรราวกับเด็กผู้หญิงจนถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กสาวรับใช้ในวังเสียออกบ่อย ใบหน้าหวานๆก็เหมาะจะจับเครื่องดนตรีเพื่อบรรเลงทำนองไพเราะเสนาะหู มากกว่าจับกระบี่จับทวนให้ระคายเคืองจนมือหยาบกร้านเช่นนี้

    ไม่ว่างมองยังไง ก็ไม่มีตรงไหนที่มันน่าจะเรียกได้ว่า “ชายชาตรี” สักนิด -___-;

     

    “ไม่รู้ล่ะ ถ้าเจ้ายังไม่เรียกข้าแบบสหายเขาเรียกกัน ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ที่นี่จริงๆด้วย” ฮันกยองตัดบท ก่อนจะก้าวเดินเร็วๆจากไปอย่างหงุดหงิด ปล่อยให้อีกคนมัวแต่ยืนครุ่นคิดโดยไม่รู้สึกเลยว่าตนถูกทิ้งซะแล้ว คิ้วเรียวขมวดมุ่นเมื่อพยายามตีความกับไอ้เจ้าสรรพนามที่สหายเขาใช้เรียกกัน แต่คิดให้ตายอย่างไรก็คิดไม่ออก..

    ตั้งแต่เกิดจนโตป่านนี้ ทงเฮเคยเรียกฮันกยองอย่างอื่นนอกจากฝ่าบาทซะที่ไหนกัน - -*  ถึงแม้ว่าจะอยู่ในฐานะของความเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ฮันกยองหยิบยื่นให้ แต่ชนชั้นสามัญเช่นเขาจะกล้าเอ่ยนามขององค์รัชทายาทได้อย่างไร..

    เจ้าตัวเล็กถอนหายใจและกำลังจะหันไปบอกฝ่าบาทของเขาว่าคงไม่สามารถทำอย่างที่บอกได้ แต่ก็ต้องสะดุดกึกเมื่อนึกถึงคำพูดประโยคสุดท้ายที่เพิ่งได้ยินไปเมื่อครู่

    “ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ที่นี่จริงๆด้วย”

                ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าคนข้างกายที่ตนต้องอารักขาเดินลิ่วๆนำหน้าเขาไปไกลโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว ร่างเล็กรีบกุลีกุจอฝ่าฝูงชนตามแต่ทว่า จำนวนคนนั้นดูเบียดเสียดเนืองแน่นมากขึ้นซะจนขยับตัวเดินได้ไม่สะดวก ด้านฮันกยองที่ตั้งแง่ตั้งงอนเดินหนีก็ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิด ขายาวยังคงจ้ำอ้าวต่อไปเพราะคิดว่าทงเฮคงวิ่งติดเป็นเงาตามตัวเหมือนปกติโดยไม่รู้เลยว่าเพื่อนตัวบางของเขากำลังจะตายเพราะขาดอากาศหายใจอยู่รอมร่อ..

                เมื่อเอาตัวรอดจากฝูงชนมากมายออกมาได้ ทงเฮก็รีบสอดส่ายสายตาหาร่างสูงที่เดินหลุดออกมาจากวงโคจรก่อนหน้านี้ด้วยความร้อนรน แต่ก็ต้องใจหายวาบเมื่อมองไปทางใดก็ไม่เห็นร่างสูงๆที่คุ้นตาเลยสักนิด ดวงตากลมโตพยายามกวาดมองทั่วๆหลายๆครั้งแต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเป็นเช่นเดิม ร่างเล็กเริ่มตำหนิตัวเองในใจที่ปล่อยให้องค์รัชทายาทหายตัวไปเพราะความประมาท ลำพังแค่ความผิดที่ยอมใจอ่อนให้ฮันกยอง จนหนีออกจากขบวนเสด็จมาเดินเล่นในเมืองศัตรูที่ไร้ซึ่งทหารคุ้มกันก็มากพอแล้วกับโทษประหารที่สมควรได้รับ..

    แล้วถ้าองค์รัชทายาทเกิดเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ?

    คำถามที่ผุดขึ้นมาในใจเป็นผลให้คนตัวเล็กถึงกับแข้งขาอ่อน เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดจากความประมาทเลินเล่อของเขา หากองค์รัชทายาทโดนทำร้ายหรือถูกลอบปลงพระชนม์แล้วล่ะก็ แม้ว่าจะแลกด้วยชีวิตไร้ค่าของอีทงเฮก็ไม่อาจชดเชยกับความผิดอันใหญ่หลวงนี้ได้ และหากความทราบไปถึงองค์ราชาฮัน สงครามของอาณาจักรโซซอนและแคว้นหยวนคงมีอันได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้งเป็นแน่ ..

    “ แล้วอีกกี่คนที่จะต้องตายเพราะความโง่เขลาของเจ้าล่ะทงเฮ ? ”

    คิดได้เพียงเท่านั้นทงเฮก็เกิดอาการลนลานจนไม่อาจยืนนิ่งได้ ร่างเล็กตัดสินใจออกตามหาฮันกยองให้พบโดยไม่ได้แจ้งแก่ท่านเสนาผู้ทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบการมาเยือนอาณาจักรโซซอนครั้งนี้.. เพราะหากท่านเสนารู้เรื่องเข้าจะต้องส่งทหารออกตามหาเสียจนวุ่นวายไปทั้งเมืองหลวงแน่ๆ หากเข้าตาจนหาตัวฮันกยองไม่พบจริงๆทงเฮจึงจะยอมกลับไปยังขบวนเสด็จและยอมรับผิดทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว..

    .

    .

     จวบจนเวลาเวลาผ่านไป..จนแล้วจนรอดร่างเล็กที่เดินมาหลายชั่วยามก็ยังหาร่างสูงไม่พบซะที ทงเฮที่เหนื่อยล้าจากการเดินทางมาเป็นเวลานาน ประกอบกับการเดินหาร่างสูงจนเกือบจะรอบเมืองหลวงทำเอาเรี่ยวแรงโรยราจนมิอาจะฝืนเดินต่อไปได้..

    ร่างเล็กขดตัวลงนั่งกับพื้นตรงตรอกข้างถนนโทรมๆแห่งหนึ่งโดยซุกหน้าลงกับเข่าและพยายามบอกกับตัวเองว่าขอพักเพียงชั่วครู่ก็จะออกตามหาฮันกยองต่อ แต่ร่างกายเจ้ากรรมก็ดันเพลียหนักจนสุดท้ายทนไม่ไหวเข้าสู่ห้วงนิทราไป ณ ตรงที่นั้น

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเององค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่กำลังสนุกกับการกลั่นแกล้งของเล่นชิ้นใหม่อย่างเพลิดเพลิน..

     

    “ใครอนุญาตให้เจ้ากินผัก ผอมกระหร่องแบบนี้มิสิทธิ์กินแต่เนื้อสัตว์เท่านั้นเข้าใจไหม!

    “ใครให้เจ้าหน้าบึ้ง ยิ้มสิอยู่กับข้าเจ้าต้องยิ้ม!

    “ทำไมเจ้าตัวเหม็นแบบนี้ห๊ะ! ต้องราดด้วยเครื่องหอมกี่กระสอบเนี่ยถึงจะหายเหม็น สกปรกจริง!        

    “ไม่ ๆ ไม่เอาชุดนั้น ไหนหยิบชุดนั้นสิ สูชมพูตัวนั้นน่ะ ตัวนั้นข้างๆเจ้าไง เจ้าเด็กโง่”

     

    และนั่น.. คือหนึ่งในหลายบทสนทนาอันสุดแสนจะเอาแต่ใจของท่านองค์รัชทายาทตลอดหลายชั่วยามที่ผ่านมา.. บัดนี้เจ้าเด็กยุ่งฮยอกแจ เด็กน้อยที่จับพลัดจับพลูจนต้องมาเป็นข้ารับใช้(ชั่วคราว)กำลังพาฮันกยองมายังลำธารที่ริมหุบเขาด้านตะวันตกของเมืองจากคำสั่งที่ขัดไม่ได้ของคนร่างสูง.. เจ้าตัวเล็กที่เดินนำหน้าแอบทำหน้าบูดยามสบโอกาสที่อีกคนไม่เห็นเมื่อตนเป็นฝ่ายเดินนำหน้า ใบหน้ามอมเมมของเด็กน้อยที่กำลังก่นด่าคนตัวสูงหงุบหงิบเป็นใครมาเห็นคงอดไม่ได้ที่จะเอ็นดูระคนหัวเราะเหมือนกับอีกคนที่ชอบมองแต่กลับแสร้งทำท่าทางไม่ชอบไม่พอใจอีกฝ่ายไม่เสียทุกเรื่อง

    “ถึงแล้วขอรับ” เจ้าตัวเล็กหันไปบอกเมื่อเดินมาถึงโขดหินบริเวณลำธารพลางปรับสีหน้างอง้ำให้เป็นปกติเช่นเดิม ฮันกยองพึมพำตอบและทอดมองไปยังธรรมชาติรอบกายที่งดงามอย่างพึงพอใจ..เสียงธาราใสที่ไหลรินเป็นสายนั้นช่างสอดคล้องกับท่วงทำนองขับขานของเจ้านกน้อยตัวจ้อย ที่โฉบบินมายังบริเวณนั้นและเอื้อนเอ่ยเสียงอันไพเราะก้องกังวาลจับใจ หมู่มวลเมกไม้เขียวชอุ่มเป็นดั่งปราการให้ทุกสรรพสิ่งท่ามกลางผืนป่ากว้างได้หลีกเร้นหลบกายจากผู้มาเยือนต่างถิ่นได้ชื่นชมความงดงามจากธรรมชาติที่หาได้ยากยิ่งจากดินแดนที่ตนจากมา..

    “มัวทำอะไรอยู่ รีบถอดเสื้อผ้าแล้วโดดลงน้ำไปสิ” ร่างสูงเอ่ยพลางละสายตาจากภาพเบื้องหน้ากลับมามองเจ้าตัวเล็ก

    “อะ..เอ๋?” ฮยอกแจซึ่งไม่เข้าใจคำพูดของฮันกยองที่จู่ๆก็เอ่ยขึ้นมาหลังจากเงียบไปได้แต่สงสัย

    “ไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือไง ยืนทื่ออยู่ได้เจ้านี่”

    “ไม่เข้าใจขอรับ” ฮยอกแจส่ายหน้า ดวงตากลมโตจ้องแป๋วรอคำอธิบายจากร่างสูง โดยไม่รู้เลยว่าท่าทางไร้เดียงสานั้นช่างดูน่ารักน่าชังในสายตาร่างสูงจนอดที่จะแกล้งตีหน้าโหดใส่ไม่ได้

    “ข้าหมายความว่าให้เจ้าอาบน้ำ เจ้าเด็กบื้อ!

    “อะ..อาบน้ำ?”

    “อืม.. เร็วๆเข้า ข้าจะนอนรอเจ้าตรงนี้แล้วกัน” ว่าจบก็ล้มตัวลงนอนบนโขดหินริมลำธารเสียตรงนั้น แต่ดวงตาเรียวคมยังคงทอดมองไปยังอีกฝ่ายอย่างเจ้าเลห์

    “มะ..ไม่ได้นะขอรับ!” ฮยอกแจค้านหน้าแดง

    “ทำไมจะไม่ได้?” ฮันอกยองเลิกคิ้วสูงเมื่อได้รับคำตอบที่ไม่ค่อยจะถูกใจนัก

    “กะ...ก็” เจ้าตัวเล็กอ้ำอึ้งพลันใบหน้ายิ่งแดงระเรื่อขึ้นไปอีก

     

    ก็จะให้ฮยอกแจพูดได้ยังไงว่าอาย.. โดนหัวเราะเยาะแน่ๆ !!

     

    “ก็อะไรว่ามาสิ”



     

     

    ||- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ||






    Start : 091102
    rewrite&edit : 100307 (ดองจนเค็ม = =;)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×