ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    UNLOVEABLE มึงรักกู...ไม่ได้นะ [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #7 : UNLOVEABLE 7: have you ever notice? + แปะเพลงให้ค่ะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 697
      4
      18 พ.ค. 53

     

    UNLOVEABLE 7: have you ever notice?

     

    ควิซชีวะครั้งล่าสุดคะแนนออกมาน่าเกลียดพิลึก แต่ไอ้ตัวเผยแพร่วิชามันดันได้เต็มครับ! งงล่ะสิว่าลอกกันมาคะแนนจะทิ้งห่างกันขนาดนี้ได้ยังไง

    ไอ้ตัวผมก็ลอกถูกครับ ไอ้ตัวกฤตก็ไม่ได้บอกผิดหรอก ไอ้ตัวคนกลางตาดำๆ หน้าตาดีๆ ที่มันชมตัวเองต่างหากล่ะที่ผิดซะเต็มประตู เพราะมันดันโง่ลอกผิดหน้าครับ แถมยังมีหน้ายื่นมาให้ผมลอกต่ออีก ทั้งที่ความจริงแล้วผมก็นั่งเยื้องๆ กับกฤต จะลอกมันก็ง่ายยิ่งกว่าเล่นวินนิ่งอีก

    แต่ผมก็ดันโง่กว่าไอ้นาย...ที่ไปลอกมันน่ะครับ เห็นคะแนนแล้วเซ็งชีวิต ผมว่าให้ผมอ่านเองทำเองยังได้คะแนนดีกว่านี้อีกนะเนี่ย

    ควิซมันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านๆ ไป ตอนนี้ที่ต้องมานั่งกังวลคือเคลียร์งานสภาฯ ให้เสร็จก่อนสอบต่างหากครับ เวลาจัดงบจัดตารางใหม่เทอมสองจะได้ง่ายขึ้น อะไรนะ...ใครบอกว่าต้องกังวลเรื่องสอบมากกว่า เถียงครับเถียง!

    “โจ้...” ผมเรียกไอ้คุณประธานฯ ที่จนเกือบหกโมงแล้วมันยังไม่คิดจะกลับบ้าน ในเมื่อมันยังไม่กลับ ลูกกระจ๊อกโดดงานอย่างผมก็มียางอายครับ เลยอยู่เป็นเพื่อน แต่ผมอยากกลับบ้านแล้วน้า

    “อะไร”

    ดูมัน ปากก็ขานรับคำผมนะ แต่สายตายังมองจดหมายร้องเรียนไร้สาระ (อาจจะไม่ไร้สาระก็ได้ ผมไม่เคยอ่านครับ ฮ่าๆ)

    “ไม่กลับบ้านเหรอมึง ท่านพ่อท่านแม่เป็นห่วงแล้ว ลูกชายตัวคนเดียวกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ อย่างนี้อันตรายออก เดี๋ยวโดนดักฉุดพ่อแม่มึงจะทำใจได้ยังไง”

    “กูไม่ใช่มึงครับไอ้ศิ” หือ? ที่มึงต้องพูดคือ ‘กูไม่ใช่ผู้หญิงครับไอ้ศิ’ ไม่ใช่เหรอวะ

    “พูดผิดป่ะวะ”

    “ผิดไม่ผิดก็ช่างมันเหอะ จะกลับบ้านก็กลับไป กูเคลียร์ตรงนี้อีกนิดนึงก็จบเรื่องแล้ว เหลือปิดงบก็หมดงานเอกสาร ช่วงปิดเทอมก็มีแค่นิดหน่อย เออว่ะ ยังไม่ได้บำบัดบ่อเลย”

    “ไม่เอาๆ ไม่กลับ อยู่ช่วยงานมึงก่อน”

    คราวนี้มันเลยหน้าขึ้นมามองผมครับ แววตามันฉายแววประหลาดๆ อะไรว้า แค่คนอย่างศิราจะช่วยทำงานมันน่าแปลกใจนักรึไงเนี่ย ผมเลยยักคิ้วให้มันไปแล้วเริ่มเช็คจดหมายร้องเรียนล้านแปดที่แม่งเกี่ยวกับเกือบทุกอย่างในโรงเรียน แหม่...จะร้องเรียนอะไรกันมากมายวะ จะจบเทอมอยู่แล้ว สงสารไอ้พวกสภาฯ ม. ห้ามั่งนะครับแบบนี้

    “มึงอ่ะกลับบ้านไปเหอะ” ไอ้โจ้พูดกับผม ไล่กันทางอ้อมรึเปล่าวะเนี่ย “กลับบ้านดึกๆ ป๊าม้ามึงสิต้องเป็นห่วง ปกติกลับบ้านเร็วไม่ใช่รึไง”

    ใช่เลย เห็นอย่างนี้ผมก็เด็กดีไม่ค่อยหนีไปดอทที่ไหนหรอกนะครับ แค่วันก่อนไปวินนิ่งเอ๊งงง แต่ก็กลับบ้านก่อนหนึ่งทุ่มนะเออ

    “โทรบอกป๊าบอกม้าก็ได้ครับท่านประธานฯ กลับดึกวันเดียวไม่ตายครับ”

    “ตามใจ อุตส่าห์เป็นห่วง” มันว่าแล้วก็ก้มหน้าลงไปทำงานต่อ ขอบคุณพระเจ้าที่มันอุตส่าห์เป็นห่วงผมด้วยแน่ะ

    ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย~ เป็นประชารัฐ...

    เสียงโทรศัพท์ผมเหมือนเดิมนี่แหละครับ

    “ฮัลโหล”

    “อยู่บ้านป่ะ กูไปหาได้มั้ย”  ไอ้กฤตครับที่โทรเข้ามา

    “ไปหาที่บ้านได้ แต่กูไม่ได้อยู่บ้านนะมึง”

    “กวนตีน... อยู่ไหนล่ะเนี่ย ไม่ยอมกลับบ้าน ป๊าม้าเป็นห่วงตายเลย” นั่น มาแนวเดียวกับไอ้โจ้เลยแฮะ

    “อยู่สภาฯ ช่วยงานไอ้โจ้อยู่ สงสัยกลับบ้านดึกว่ะ มีอะไรเปล่า? ให้กูไปหามั้ย?”

    “โดดงานบ่อยเลยต้องมาทำโอทีอย่างงี้แหละ” แล้วมันก็หัวเราะ...เยาะผม เชอะ! มาหัวเราะใส่ เดี๋ยวเถอะ รู้นะว่าทะเลาะกับพ่อมาอีกล่ะสิถึงจะหนีมากบดานบ้านผมเนี่ย

    “เดี๋ยวกูไปหาที่สภาฯ แล้วกัน”

    “ทะเลาะมาอีกแล้วเหรอไง” ผมถามโดยละคำพูดบางคำเอาไว้ให้เข้าใจกันสองคน เพราะในเมื่อโจ้นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย ผมก็ไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวของกฤตมาพูดกันปาวๆ นี่นา

    “เออ แสนรู้”

    “แหม ชมกูด้วย ตื่นเต้นจัง ประชดนะนั่นน่ะ

    “ด้วยความยินดีครับ รออยู่ที่สภาฯ นะ เดี๋ยวไปหา”

    “อือ” ผมขานรับมัน แล้วหันไปสนใจงานโอทีบนโต๊ะต่อ มือก็ถือโทรศัพท์ค้างเอาไว้รอมันวาง แต่มันก็ไม่วาง เอาไงนี่ไอ้กฤต ไม่เปลืองเงินเหรอไงวะ

    “ไม่วางล่ะ” มันถาม

    “ไม่อ่ะ มึงกดวางดิ” ผมปฏิเสธ ก็ไม่อยากกดวางก่อนนี่ครับ

    “มึงกดดิ” ยังดื้ออีกวุ้ย!

    “ไม่” ผมเถียงสั้นๆ ง่ายๆ แต่ได้ใจความ ดูเอาสิครับความปัญญาอ่อนของคนสองคน เถียงกันได้กระทั่งเรื่องวางหูโทรศัพท์เนี่ย

    “เฮ้อ...” ได้ยินเสียงมันถอนหายใจ สงสัยเหนื่อยขี้เกียจเถียงกับผมอีกคน แทนที่ผมจะทำให้มันหายเครียดเนอะ ฮ่าๆ “วางพร้อมกันละกัน”

    “ไร้สาระว่ะ” ผมด่ามัน แล้วพูดต่อ “หนึ่ง”

    “ไร้สาระกว่า” มันว่า “สอง”

    ผมกับมันนับสามพร้อมกันแล้วกดวางสายก่อนวาง BB ลงบนโต๊ะ รู้สึกว่าไอคิวตัวเองมันลดต่ำลงจนน่าเป็นห่วงยังไงไม่รู้สิ ถึงได้กล้าเล่นอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้ได้ลง

    “ใครวะ” ไอ้โจ้เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยถาม

    “กฤต” ผมตอบคำมัน “เดี๋ยวมันมาสภาฯ นะ”

    “เหรอ...อือ” มันขานรับแบบเงียบเป็นพิเศษ ผมเลยเงยหน้าขึ้นมองมันแล้วเลิกคิ้วถาม

    “เป็นไร?” ผมมองมันแล้วกะพริบตาปริบๆ ถี่ๆ ใส่ไอ้โจ้จนมันคงหมั่นไส้เอาปากกามาเคาะหัวผมอีก ท่าทางมันจะชอบทำร้ายผมด้วยวิธีนี้นะเนี่ย ผมยิ่งเป็นเด็กหัวอ่อนกะโหลกบางอยู่ เล่นแบบนี้เดี๋ยวก็โง่กว่าเดิมหรอก (เกี่ยวมั้ยครับ?)

    โจ้ก็มองหน้าผมบ้างครับ แต่ไม่ยักจะกะพริบตาตามผมแฮะ “เปล่า แต่เดี๋ยวกฤตมามึงก็โดดงานอีกอ่ะ”

    ง่ะ...มันพูดซะผมรู้สึกผิดเลย ฟังแล้วเหมือนไอ้กฤตจะแอบเสียหาย

    “โอ๋พี่โจ้ คราวนี้น้องศิสัญญาจะอยู่กับพี่โจ้จนงานเสร็จครับ สัญญาไม่เสร็จไม่กลับ” ผมทำตาปิ๊งๆ ใส่มันต่อ รู้สึกว่าตัวเองตอแหลยังไงพิกล ผมเป็นโจ้ผมก็ไม่เชื่อหรอกนะ

    “ไม่เชื่อ”

    ...นั่นไง

    มันยักคิ้วข้างเดียวใส่ผมครับ หมั่นไส้จริงๆ ผมล่ะอยากให้สาวคอนแวนต์มาเห็นมันตอนกวนตีนจังแฮะ จะได้ลดดีกรีความฮอตลงไปบ้าง ไอ้กฤตก็พอกัน

     “ไม่ง้อ” ผมแลบลิ้นใส่มันบ้าง

    คนหน้าตาดีอย่างผมก็หยิ่งเป็นนะเออ หือ? อะไรนะ ใครด่าผม?

    “เชื่อก็ได้”

    “ทำไมง่ายจังวะ” ผมทำหน้าเหรอถามมัน มันก็ได้แต่ยักไหล่แล้วเอามือถือผมไปเปิดเพลงอย่างกับเป็นของตัวเองแน่ะ เอ๊อออ ก็ผมมันมนุษย์สาธารณะนี่หว่า มีสมบัติอะไรก็กลายเป็นของทุกคนครับ

    จะว่าไป...PSP ของผมยังอยู่กับไอ้บูมอยู่เลยนี่หว่า

    แอบมองสายตาของเธออยู่ อยากรู้เธอคิดอะไรกับฉัน

    เสียงเพลงที่ดังขึ้นมาเรียกสายตาผมให้ไปมองหน้ามันอย่างโคตรสงสัย สงสัยว่าอะไรดลใจให้มันเลือกเพลงนี้ขึ้นมาฟังวะ?

    “เลือกเพลงได้กระแดะมาก” ผมค่อน แล้วค่อยมาคิดได้ว่ามันเข้าตัวด้วยนี่หว่า ในเมื่อนั่นมันเครื่องผม

    ไม่ได้ว่าที่ตัวศิลปินนะครับ แต่แค่เพลงแบบนี้ช่างไม่เข้ากับหนุ่มโสดหน้าตาดีอย่างพวกผมเอาเสียเลย หรือเถียงว่าไอ้โจ้ไม่หล่อ!

    “กูไม่ผิด Trackball มือถือมึงแหละเลื่อนมาเจอเพลงนี้” ดูมันเถียงครับ นี่คือเหตุผลของประธานนักเรียนใช่มั้ยนี่ น่าเคารพจริงจริ๊ง

    “แล้วก็ยังจะฟังเนอะ”

    มันมองหน้าผมสักพักหนึ่งนิ่งๆ แล้วยักไหล่ใส่ “เพลงนี้ก็เพราะดี”

    จากเพื่อน...ที่รู้จัก เป็นคน...ที่รู้ใจ

    “ศิ” โจ้เอ่ยเรียกผม

    “หือ?”

    รู้ไหมในวันนี้ไม่เหมือนเก่า รู้ไหมใครแอบเหงาคิดถึงเธอ

    ผมได้ยินเสียงลูกบิดประตูหมุน สงสัยกฤตคงจะมาถึงแล้ว พร้อมกันนั้นโจ้ก็หยิบแฟ้มดำมาวางไว้ตรงหน้าผม แล้วคว้ากองกระดาษที่ผมทำค้างไว้ออกไป

    รู้ไหมอยากบอกรักแต่กลัวเก้อ...

    “มึงตรวจนี่ให้กูหน่อย พรุ่งนี้ต้องส่งฝ่ายธุรการแล้ว ไอ้นี่เดี๋ยวกูเคลียร์เอง” ท่านประธานฯ สั่งงานจบก็หันไปทักทายคนที่เพิ่งเข้ามา “วันนี้ขอนะกฤต นั่งคุมศิไม่ให้อู้หน่อย”

    มันนั่นแหละที่พากูโดด จะให้มันมานั่งคุมเนี่ยนะ?

    “อย่าเลยว่ะโจ้ ไอ้เนี่ยแหละที่ลากกูไปเคมีวันก่อนอ่ะ” ผมได้ทีโยนความผิดหน้าตาเฉยครับ ไม่ครับไม่เลว เรียกว่าใช้คำพูดอย่างมีประโยชน์

    “กูลากมึงไปเคมี แต่มึงลากตัวเองไปดอทไปวินนิ่งนะ” ดูมันย้อน...เล่นเอาสะอึกเพราะเถียงไม่ออกเลยครับ ในเมื่อมันเป็นความจริง เออแฮะจะว่าไป เมื่อวานซืนที่ไปวินนิ่งมาก็ดันแพ้ไอ้นักเรียนดีเด่นนี่ซะหมดคราบเลย แค้นนี้ต้องชำระ คอยดูซะคราวหน้าจะเล่นทีมโกงเผื่อจะชนะมัน หุหุ

    “เออนั่นแหละ กูไม่โดดงานหรอกน่า สัญญาแล้วว่าวันนี้จะทำงานเป็นเพื่อนมึงนี่ไง” ผมทำปากยื่นใส่โจ้ อ่ะโด่ ไม่ยอมเชื่อใจกันมั่งเลย ผมออกจะรักษาสัญญา บอกว่าจะอยู่คือจะอยู่น่า แต่จะทำงานให้เสร็จไวๆ เดี๋ยวไอ้กฤตเครียดตายซะก่อนเนี่ย

    “อย่าทำเลยศิ” ไอ้โจ้มองหน้าผมหน้าตาพิลึก ทำไมวะ! ทำปากยื่นแล้วผิดตรงไหน

    “มึงจะทำไมกูล่ะ” ผมรวนกลับ

    แต่ไอ้คนต่อประโยคดันไม่ใช่โจ้ แต่เป็นไอ้กฤตที่ยิ้มแย้มหลั่นล้าไม่เหมือนทะเลาะกับที่บ้านมาเลยว่ะ

    “มันอุบาทว์”

    อาเมน...ด่าตรงมากครับ ขอไว้อาลัยให้ตัวเองต่อหน้าพระแม่มารีบนยอดตึกหน่อยแล้วกัน

    “แม่งรุมกู” ผมบ่นกระปอดกระแปด แต่ยังไม่ทันได้ทำตัวไร้สาระอะไรต่อก็โดนอีกแล้วครับ ไอ้กฤตล่ะเข้ากันดีกับไอ้โจ้เหลือเกิ้นนน มันผลักหัวผมเบาๆ แล้วเร่ง

    “ทำงานไปเถอะมึงอ่ะ เดี๋ยวงานก็ไม่เสร็จจนได้น่ะ”

    “ครับๆ คุณพ่อ”

    ทนไม่ไหว ที่จะห้ามใจ...รู้ไหมเธอ

     

    กว่างานเอกสารปึกแค่นั้นจะเสร็จก็ใช้เวลาไปมากเหมือนกัน จนตอนนี้เกือบสองทุ่มได้แล้วเนี่ย ดีนะยามเข้าใจว่างานสภาฯ แม่งโคตรยุ่งเลยช่วงนี้ แต่ผมก็โคตรเหนื่อยเหมือนกัน จะเปิดปากบ่นก็ไม่ได้ เชื่อเถ๊อะะะ ไอ้มนุษย์ข้างๆ ผมต้องมีอันสมน้ำหน้าแน่ๆ

    แต่ไม่บ่นมันก็ค้าง...คันปาก

    “สองทุ่มแล้ววว” ผมโอดกับมันทันทีที่เข้ารถแท็กซี่

    “ใครใช้ให้อู้บ่อยๆ ล่ะ” อ้าว...ไม่ยักด่าแฮะ

    “แล้วไงล่ะมึง?” ผมเปลี่ยนเรื่องซะเลย ไม่ตอบมันหรอกว่าไม่มีใครใช้ แค่พอใจจะอู้! “วันนี้เป็นอะไรอีกล่ะ”

    ไอ้กฤตให้คำตอบผมแค่การยักไหล่แล้วหลบสายตาผมมองออกไปนอกหน้าต่าง ถนนเส้นสีลมเวลานี้รถเยอะมาก อันที่จริงมันก็รถเยอะตลอดเวลานั่นแหละนะ แต่เย็นวันศุกร์ต้นเดือนแบบนี้รถบนถนนทุกเส้นจะมากกว่าเดิมเป็นสามเท่า ไม่เชื่อลองสังเกตดูครับ

    “มองอะไรนอกหน้าต่าง หันหน้ามาตอบคำถามกูนี่” ผมวางมาดเข้ม แต่เหมือนจะทำไม่ขึ้นอ่ะ เพราะไอ้กฤตมันหันหน้ากลับมาก็จริง แต่ดูมันทำหน้าสิ...มันเลิกคิ้วมองหน้าประมาณว่าอย่ามาเบ่งใส่กู แม่งงงง

    “นอกหน้าต่างสวยดีเลยมอง” กวนสัดๆ! ไม่ติดว่าควรจะเครียดผมจะกราบเท้ามันงามๆ หนึ่งทีแล้วขอต่อยทีเถอะ อยากอัดคลิปไปฟ้องสาวๆ ที่ปลื้มมันจริงๆ เลย “ไปทำหน้าให้สวยกว่านอกหน้าต่างสิ เผื่อกูจะอยากมอง ฮ่าๆ”

    มีหน้ามาหัวเราะอีกมึง! กูเป็นห่วงจนจะเลิกเป็นห่วงแล้วเนี่ย

    “ศิ” มันเรียก อ้อ...ยอมหันหน้ามามองกูแล้วไง? เชอะ!

    “ไรมึง อย่ามากวนตีนนะ ไม่งั้นกูจะไม่เปิดบ้านให้มึงเข้าแน่”

    ได้ยินเสียงมันหัวเราะแผ่วๆ แต่ตาไม่เห็นจะยิ้มไปด้วยนี่สิน่าเป็นห่วง

    “ไม่กวนๆ แต่อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ได้มั้ยวะ กูขี้เกียจคิด ขี้เกียจเครียด” ไอ้เครียดนี่มันมีขี้เกียจด้วยเหรอครับ เพิ่งรู้อ่ะ

    “เออ มึงอยากพูดปีหน้ากูก็ยังรอฟัง” ได้ยินคำตอบตัวเองก็ขนลุกที่มันฟังดูซึ้งแปลกๆ พูดแบบนี้ไปผื่นจะขึ้นตัวมั้ยครับ? คือมันซึ้งไปอ่ะ เขินตัวเอง คิดแล้วสยึยยังไงไม่รู้สิ

    แต่อย่าถามนะว่าสยึยแปลว่าอะไร เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ยืมไอ้นายมาใช้

    “อย่ามาทำซึ้ง” ปากมันไปเองนะเว่ย กูม่ายผิดด

    “กลัวเผลอใจล่ะสิ” เอ่อ...อันนี้ปากก็ไปเองเหมือนกันน้า มันเป็นระบบออโตเมติกรีแอคชั่นที่มีสำหรับไอ้กฤตโดยเฉพาะ แถมชอบเป็นตอนที่นั่งบนแท็กซี่ดึกๆ กับไอ้กฤตสองคนอีกตะหาก เฮ้อออ อายจนเลิกอายคนขับแท๊กซี่ไปแล้วล่ะครับ ถ้าอู่เดียวกันนี่สงสัยคงเม้าท์กันแซ่ดไปแล้วแหละ ว่ามีไอ้เด็กนักเรียนชาย (หน้าตาดี...?) แถวๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาชอบมาพูดล่อสายฟ้าในรถเนี่ย

    แล้วใครเอาคำว่าหน้าตาดีของผมไปใส่ไว้ในวงเล็บล่ะครับ!!

    กฤตฟังระบบออโตเมติกของผมด้วยสีหน้าปกติ เออ ผมเป็นมันผมก็ชินแล้วล่ะ เพราะผมเป็นผม (งงไหม?) ก็ชินกับเวลาที่มันพูดอะไรเป็นสายล่อฟ้าแบบนี้เหมือนกัน

    แถมมันยังตอบกลับมาหน้าตายอีกแน่ะ

    “เผลอใจไม่กลัว กลัวมึงเผลอตัวมากกว่า”

    สราดดดดด... มึงจะเครียดดีๆ เป็นมั้ยวะ ต้องกวนตีนกูทุกทีเลยเวลามึงเครียดเนี่ย

    “กูเผลอตัวแล้วหน้าอย่างมึงจะทำไรได้ หืมมม?”

    “ลองดูป่ะล่ะ” เอ่อ...ลองนี่ลองอะไรครับ ลองเสื้อ ลองกางเกง ลองรองเท้า อะไรประมาณนี้รึเปล่า?

    “จบเถอะ...กูเริ่มห่วงสวัสดิภาพของตัวเองขึ้นมาแล้วว่ะ หน้ามึงโคตรหื่นเลยตอนนี้” ผมขยับตัวออกมาจากมันอีกนิดนึงแล้วมองมันตาปริบๆ

    ดูมัน! มีหน้ามายักคิ้วแล้วยิ้มมุมปากใส่อีก อย่าขยับเข้ามานะมึง หยุดอยู่ตรงน้านนน!

    “ใครจะไปลองกับมึงวะ! ดูทำหน้าซะกูอยากลองจริงๆ เลยนี่”

    แล้วสรุปนี่มันจะลองหรือไม่ลองอะไรยังไงวะครับ? เว๊ยยย ผมกลัวน้า

    “เหี้ยนี่ เดี๋ยวกูไม่ให้เข้าบ้านจริงๆ นะมึง”

    “เออๆ ไม่เล่นแล้ว”

    ...เชื่อได้ป่ะมึง?

     

    สุดท้ายแล้วผมก็ยอมเปิดประตูบ้านให้มันแหละครับ เพราะว่าหน้าตอนนี้ไม่หื่นแล้ว ไม่เกี่ยวนี่หว่า เพราะว่าใครมันจะไปซีเรียสอะไรมากครับ ล้อเล่นกันเฮฮา ฮ่าๆๆ

    “แล้วจะนอนนี่เหรอมึง?” ผมถามหลังจากที่เปิดบ้านเข้ามาและพบว่า...ป๊าม้าหนีไปเที่ยวกลางคืน! เอ้ย ไม่ใช่ ป๊าม้าไปงานแต่งงานอากิ๋มต่างหาก ที่ไม่เอาผมไปด้วยไม่ใช่อะไรหรอก แต่เหมือนจะลืมโทรบอกแหละครับ คนแก่ก็เงี้ย อย่าฟ้องป๊าม้าผมก็พอนะ แหะๆ

    “ไม่รู้ ให้นอนป่ะล่ะ”

    “ถ้าไม่ให้ล่ะ?” ผมย้อน

    ไอ้กฤตมองหน้าผมแล้วยิ้มให้ สัด...นั่นมึงพยายามยิ้มให้ดูดีแล้วใช่มั้ย ทำไมมันดูหลอนๆ วะ

    “มึงมีสิทธิ์ปฏิเสธกูด้วยเหรอ” ดูมัน ดูม้านนน!! คุ้นๆ ว่านี่บ้านผมนะเว้ยครับ

    “มี -_- นี่บ้านกู อย่าลืมสิ หรือมึงอยากบริจาคบ้านมึงให้กู กูก็ไม่เกี่ยงบ้านมือสองนะ

    มันไม่ตอบอะไร แค่ยักไหล่ให้แล้วเดินสำรวจรอบบ้านเหมือนหมาไม่คุ้นสถานที่ เปรียบเทียบได้เห็นภาพดีเนอะ :p

    ไม่รู้จะเดินดูอะไรของมัน ทำอย่างกับไม่เคยมาบ้านผมงั้นแหละ

    กฤตเดินไปส่วนรับแขกที่จัดกรอบรูปไว้บนชั้น เปล่าครับ ไอ้รูปรวมครอบครัวมันก็ดูมาหมดแล้ว แต่มันดันเดินไปหยิบอัลบั้มลายหมีพูห์สีเหลืองๆ ที่วางไว้อยู่ข้างๆ ขึ้นมาครับ สงสัยจะเล็งไว้ตั้งแต่คราวก่อนแล้วแหละ แล้วดันมารู้ดีอีกนะมึงว่าอันไหนของกู

    มันคืออัลบั้มภาพเด็กน้อยศิราครับ...

    ทั้งๆ ที่มีลายมายเมโลดี้กับพาวเวอร์เรนเจอร์วางอยู่ข้างๆ กัน ทำไมมันรู้วะ!

    ผมอยากจะกระโจนเข้าไปยื้อแย่งอัลบั้มภาพออกมาจากมือมัน แต่ด้วยระยะทางและความยาวของขาผมไม่ค่อยจะอำนวย กว่าผมจะวิ่งเข้าไปถึงตัวมัน มันก็เปิดดูเรียบร้อยแล้ว

    เชสสสส! มันมีแต่รูปทุเรศๆ นะโว้ยยยย

    อายว่ะ... ลองคิดดูนะครับ หรือถ้าอยากได้ภาพประกอบก็ลองไปเปิดดูอัลบั้มภาพตัวเองสมัยเด็กๆ ยิ่งเด็กเท่าไหร่ยิ่งดี ช่วงนั้นป๊าม้าจะบ้ากล้องมากๆ ถ่ายไว้แทบทุกช็อต จะร้องไห้ ถ่ายหนัก ถ่ายเบา แชะมันทุกวินาทีไม่เว้นแม้แต่ตอนเปลี่ยนผ้าอ้อม

    “กฤตตต อย่าดูสิมึงงง กูอายยย” ผมขอร้องมันไปก็สับขาหลอกจะแย่งอัลบั้มจากมือมันไปด้วย ส่วนมันก็เอาแต่หัวเราะก๊ากกับรูปผม

    รูปนี้ผมอยู่ในเสื้อกล้ามสีชมพูช็อคกี้พิ้งค์ตัวเดียวครับ กางเกงไม่ใส่ โชคดีนะผ้าห่มมันคลุมช่วงล่างไปหมด โผล่มาให้เห็นแค่ขาอ่อนแว๊บๆ แอบเซ็กซี่ (?) นอกนั้นปลอดภัย ซึ่งไอ้คุณนักเรียนดีเด่นก็ดีเด่นจริงๆ เลยครับ หาเรื่องมาล้อเลียนผมได้อีกแน่ะ

    “นี่โดนผ้าห่มปิดหรือว่ามันไม่มีวะ?” มันถามแล้วก็เอานิ้วจิ้มๆ ไปที่ตรงกลางเป๊ะ!

    “ไอ้สาดดด มีเว่ย อย่าหยามกูๆ”

    มันหัวเราะหึๆ แล้วเปิดรูปต่อไป หัวเราะงี้หมายความว่าไรฮะมึง

    “จะดูก็ดูไป” ผมขี้เกียจไปปกปิดอดีตจากสายตามันแล้วครับ “กูขึ้นห้องละ ฝากล็อคบ้านด้วยล่ะ” แล้วผมก็เดินฉิวขึ้นห้องไปเลยครับ

    ได้ยินเสียงประตูบ้านล็อคหลังจากที่ผมพูดจบไปพักหนึ่งครับ สงสัยว่ามันคงจะแอบส่ายหัวในสันดานของผมแน่ๆ เลย จากนั้นมันก็ตามขึ้นมาบนห้อง แต่ยังไม่ยอมเลิกดูรูปซะที ไอ้นี่นิ!

    “ไม่เลิกชื่นชมรูปกูอีกมึง เอาไปนอนกอดที่บ้านเลยมะ” ผมเหล่ตามองมันที่หัวเราะขำกับทุกรูปที่มันเปิดผ่าน มือก็เปิดคอมไปด้วย

    มันเงยหน้าขึ้นมองผมแว๊บนึงแล้วก็ตอบ “ไม่เอาอ่ะ กลัว”

    “กลัวห่าไรของมึง”

    “กลัววิญญาณมึงเฮี้ยนสิงบ้านกู” เชี่ยกฤตตอบหน้าตาย เจริญเนอะ กูกลายเป็นวิญญาณตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ผมสบถคำหยาบใส่มันคำหนึ่งแล้วหันไป Sign in เข้า MSN

    ไม่ได้เข้ามาหาใครหรอกครับ...แต่จะเข้ามาเอาสรุปเลขหลักตะหาก ยิ่งใกล้ๆ สอบอยู่ เดี๋ยวคะแนนตกแล้วจะยุ่ง แล้วเจ้าของสรุปวิชาคณิตศาสตร์คนนี้ก็ไม่ใช่คนอื่นไง ประธานนักเรียนสุดหล่อของเรานั่นเองครับ :)

    ผมทักมันไปก่อน และหน้าด้านเข้าเรื่องทวงสรุปทันทีครับ แต่แล้วหางตาก็เห็นแว๊บๆ ที่หลังชื่อเอ็มของมัน เป็นเพลง ‘รู้ไหม’ เพลงเดิม มึงนี่เพ้อเจ้อไม่เลิกเนอะ

     

    Sira says:

                    ประธาน ขอสรุป

                    แสดดดด มึงนี่เพ้อเจ้อสัดๆว่ะ

    Jirayut says:

                    เพ้อเจ้ออะไรของมึง

     

    แล้วมันก็ส่งสรุปมาให้ผมครับ ฮี่ๆๆ อย่างงี้ก็ผ่านเลขแล้วแหละ

     

    Sira says:

                    ดูมึงฟังเพลงสิ

    Jirayut says:

                    กูก็ว่ามันก็เพราะดี

                    กูชอบเนื้อเพลงมัน

     

    ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ไอ้กฤตย่องเงียบเป็นนินจาเข้ามาหาผมแล้วใช้อัลบั้มภาพแตะๆ หลังหัวผม แต่ก็หนักใช่เล่นนะนั่นน่ะ ผมเลยหันไปต่อยท้องมันคืนดังปั้ก แม่ง...แข็งเป็นบ้าเลย ไปฟิตซิกซ์แพ็คมาจากไหนวะ ผมก็เรียนรด. ไม่เห็นได้แบบนี้มั่งเลย

    กฤตเปิดหน้าหนึ่งค้างเอาไว้เหมือนจะเอามาถามอะไรผม แต่ไม่ยอมถาม เพราะตอนนี้สายตามันมองอยู่ที่หน้าจอที่เปิดโปรแกรม MSN เอาไว้ แถมทำท่าเหมือนจะอ่านอยู่ด้วย

    เอ้า...เสือกนะมึงน่ะ

    “มีไรกับรูปกูเหรอไงมึง” ผมหันไปถามมันที่ตอนนี้มาแย่งที่นั่งบนเก้าอี้ผมไปครึ่ง ดีนะเก้าอี้ไม่มีที่วางแขน ไม่งั้นไม่มีทางวางก้นของชายหนุ่มสองคนได้หรอก แค่ตอนนี้ก็แทบจะนั่งเกยกันจนจะเป็นเกย์อยู่แล้ว

    หลังจากคำถามผมกฤตเลยละสายตาจากความเสือกมาสนใจรูปผมต่อแทน แล้วจิ้มให้ดูรูป

    “ไม่น่าโตเลยนะมึงเนี่ย เด็กๆ ก็น่ารักดีออก”

    “โตขึ้นแล้วหล่อไง” ผมตอบคำมัน สงสัยมันจะรับความจริงไม่ได้เลยถอนหายใจแล้วส่ายหัวเบาๆ มือก็พลิกหน้าถัดไปที่เป็นรูปผมตอนประมาณประถมต้นหน้าตากำลังน่ารักแอ๊บแบ๊วทำปากจู๋ใส่กล้องอยู่

    “ปากน่าจูบนะมึง” มันคอมเม้นท์รูปผมได้สยดสยองมากครับ

    “ก็จูบสิ” ผมก็คอมเม้นท์คำตอบมันได้สยดสยองไม่แพ้กัน... กลัวฟ้าจะผ่าเอาจริงๆ ล่ะเนี่ย เลยเปลี่ยนเรื่องซะ “เฮ้ย ไอ้เนื้อเพลงรู้ไหมนี่มันร้องยังไงวะ?”

    กฤตเหมือนจะรู้ว่าผมถามทำไม ก็แน่สิ นั่งอ่านอยู่เต็มๆ ตาเนี่ย

    แล้วแทนที่มันจะตอบเป็นทำนองนะ มันดันท่องเนื้อร้องออกมาให้ผมฟังเหมือนท่องอาขยาน โคตรบิลท์อารมณ์เล้ยยย

    “รู้ไหมในวันนี้ไม่เหมือนเก่า รู้ไหมใครแอบเหงาคิดถึงเธอ รู้ไหมอยากบอกรักแต่กลัวเก้อ ...ประมาณนี้แหละ มึงเพิ่งฟังไปเมื่อเย็น สมองเสื่อมว่ะสัส”

    “เรื่องของกูน่า” พอผมได้คำตอบแล้วก็เอาไปล้อเลียนไอ้โจ้ล่ะครับ!

     

    Sira says:

                    แน่ะๆๆ หนุ่มน้อยยยย

    Jirayut says:

                    อะไรของมึง - -

    Sira says:

                    แอบเหงาคิดถึงใครอยู่ครับบบบ

     

    เงียบ...ไร้เสียงตึ่งตึงตึ๊งตอบรับ มีแต่เสียงแอร์ และเสียงลมหายใจของผม อ้าว? แล้วไอ้เชี่ยกฤตล่ะ

    ผมหันไปมองมัน ซึ่งมันก็มองมาอยู่ก่อนแล้ว มันหายใจเงียบๆ บนเก้าอี้ตัวเดียวกันนั่นแหละ คิ้วของมันยกสูงขึ้นคล้ายเป็นคำถาม

    เงียบกันไปนาน ทั้งผม ทั้งกฤต ทั้งโจ้

    ผมมองหน้ากฤตอย่างงงๆ ไม่รู้ว่ามันพยายามจะสื่อถึงอะไร ไม่รู้ว่าไอ้โจ้มันเขินหรือทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ตอบซักที

    สุดท้าย ไอ้กฤตก็ขยับปากพูด พร้อมๆ กับที่หน้าจอ MSN ที่เปิดค้างไว้เริ่มมีการเคลื่อนไหว บอกว่านายจิรายุสเริ่มพิมพ์อะไรบางอย่าง

    กฤตหลบสายตาผม เบี่ยงไปมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์แทน แต่พอจะรู้ว่ามันไม่ได้อ่านบทสนทนาบนนั้นหรอก มือของมันที่วางเกยอยู่บนพนักพิงพาดหลังผมไปขยับเล็กน้อย แล้วมันก็หันกลับมาสบตาผมอีกที พร้อมๆ กับที่เสียงเตือนข้อความจากคอมพิวเตอร์ดังขึ้น

    “นี่มึงไม่รู้จริงๆ เหรอ?”

     

    Jirayut says:

                    นี่มึงไม่รู้จริงๆ เหรอ?

     

    ประโยคเดียวกันที่ออกมาจากสองคนผ่านสองทางทำผมนิ่งไปสักพัก สมองกำลังกระตุ้นเซลล์ให้ประมวลผลคำพูด

    “ไม่รู้...แต่คงเริ่มรู้แล้วแหละ...” ผมตอบกฤตไปอย่างนั้น แต่มือที่พิมพ์อยู่บนคีย์บอร์ดพิมพ์อีกประโยค ทั้งที่ตอบคำถามเดียวกัน

     

    Sira says:

                    ไม่รู้ว่ะ เขินอ่ะดิ้ ;p

                    กูไปละ แต๊งกิ้วสำหรับสรุป

     

    ผม Sign out ออกมาแบบงงๆ และปิดคอมแบบงงๆ

    “มึง...รู้นานแล้วเหรอ?”

    “อือ”

    “แล้วรู้ได้ไงวะ”

    “มองสายตามันสิ”

    “แล้ว...ทำไมกูไม่เห็นรู้เลยวะ” ผมขมวดคิ้ว ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่แบ่งกันนั่งอยู่แล้วเปลี่ยนมานั่งบนเตียงให้ไอ้กฤตจองเก้าอี้ไปคนเดียว

    “มึงดักดานไง”

    โอเค...ไม่ว่ากูจะเครียดหรือมึงจะเครียดก็กวนตีนกูได้ตลอดเลยเนอะ

    “แล้วมึงว่าไงวะ?” มันถามผมในรูปแบบประโยคงงๆ เอ๊ะ หรือเพราะผมงงอยู่ก่อนแล้วหว่า?

    “ว่าไง?” ผมเลยโชว์โง่ทวนคำพูดออกไป

    “ที่มันชอบมึง” เยสเข้! พูดซะตรงเป๊ะ กูก็กระดากมียางอายนะมึงเว้ยเฮ้ย

    “กูไม่ได้ชอบมัน...” ผมตอบ แล้วเอนตัวลงนอนเงยหน้ามองเพดาน ไอ้กฤตลุกจากเก้าอี้แล้วล้มตัวลงข้างๆ “แต่กูไม่ได้รังเกียจ ต่อให้มันเป็น มึงเป็น ไอ้นาย ไอ้เชษฏ์ ไอ้บูม ไอ้ณัฐเป็น...กูก็ไม่รังเกียจ ต่อให้มัน...กูอย่างนี้ กูก็อยากเป็นเพื่อนกับมันต่อ”

    อาจจะเพราะมีภูมิต้านทานแล้วนานแล้วตั้งแต่โดนสี่เกลอสุดรักล้อเลียน หรืออันที่จริงก็คือทั้งห้อง หรืออาจจะเพราะอะไรไม่รู้ แต่สาบานได้ ผมไม่ได้รู้สึกอี๋เลยสักนิด...

    ถ้าไอ้สี่ตัวนั้นรู้มันรุมจัดผมแน่ๆ ข้อหาไม่เชื่อคำพูดพวกมันจนเป็นอย่างนี้เนี่ย

    “ดีแล้ว” ไอ้กฤตว่าพร้อมกับเอามือมาตบหัวผมเบาๆ สองสามที คนนะเว่ย ไม่ใช่หมา

    แต่จะว่าไป...

    “ช่างเรื่องของกูเถอะ เรื่องของมึงสำคัญกว่าเยอะ” ผมพลิกตัวนอนตะแคงแล้วหันไปพูดกับมัน

    มันอมยิ้มแล้วส่ายหัวกับท่าทางโคตรจะจริงจังของผม แล้วพึมพำกับตัวเองที่ไม่ได้เบาเลยสักนิด เพราะผมก็ได้ยินอยู่เต็มสองรูหู

    “เพราะงี้ไงมึง...”

    “เพราะงี้อะไร?”

    มันก็อมยิ้มต่อเนอะ

    “เปล่า...”

    อะไรวะ?

     
    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




    รู้ไหม - ณัฏฐ์ ทิวไผ่งาม
    เอาเพลงมาใส่ให้ค่ะ :)
    นั่งจิ้มกับ Youtube และ MixPod อยู่นานมาก URL ใช้ไม่ได้ซักที!
    สุดท้ายก็ได้แปะเพลงพร้อมโลโก้ตัวเอง
    เอิ๊กกกกส์ > <// ฟังเพลงให้มีความสุขนะคะ
    แล้วก็ขออภัยถ้าเพลงนี้ไปทำให้ใครอารมณ์เสียเข้า (_ _)//
    [180510]




    มาต่อให้แบบงงๆ
    5555 ถ้าอารมณ์ในเรื่องมันชึ้บๆชับๆ ก็ขอโทษนะคะ แต่งก่อนสอบกับหลังสอบ ก่อนสอบชิวๆ แต่หลังสอบมันเครียด! เพราะเรียนพิเศษหนักกว่าเรียนปกติอีกค่ะ! รู้สึกว่าทำไมตอนนี้มันยาวแบบเอิ่มๆ และ อ่าๆ (?) ไม่รู้ว่าจะยังมีคนรออยู่รึเปล่านี่ หายไปเกือบยี่สิบวันแล้ววว

     

    มาคราวนี้โจ้ก็เผยธาตุแท้...จริงๆแล้วรู้สึกว่าเร็วไปอ่ะ แต่มือมันไปอย่างนี้ เลยปล่อยเลยตามเลย ถ้ารู้สึกขัดๆ หรือไม่ชอบใจยังไงก็บอกหน่อยนะคะ :) ส่วนเรื่องใครเป็นพระเอกก็ไม่คิดว่าไม่รู้นะ...แต่ก็ไม่แน่แฮะ อาจจะอยากเปลี่ยนขึ้นมากะทันหัน 55555 ไงล่ะ เห็นกฤตรุกหนักไม่ใช่นายโจ้จะนิ่งเฉยนะเออ

     

    อยากเพ้อเจ้อต่อ แต่ไม่รู้จะอะไรดี แถมพรุ่งนี้มีเรียนตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่ง TT ใครเผชิญชะตากรรมแบบนี้มั่งคะ... ตอนหน้าก็ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไหร่นะ แหะๆ แต่คงไม่นานหรอกค่ะ หรือถ้านานจะบอกอีกที ขอบคุณนะคะที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณที่คอมเม้นท์ด้วยค่ะ จุ๊บๆ

     

    maikum

    ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และคำชมค่ะ (ซาบซึ้งงง) จะพยายามไม่หายค่ะ ;) พอเห็นคอมเม้นท์มันก็มีกำลังใจจะแต่งต่อเนอะ

     

    HanZo

    มันฮาใช่มั้ยคะ? แอบกังวลว่ามันจะไม่ฮาเอามากๆ ถึงบทนี้ก็คงจะรู้แล้วค่ะว่าโจ้ชอบศิอ๊ะเปล่า (ทำไมไม่ไปตอบไปเลยวะ?) เสน่ห์แรงสำหรับศินี่มันก็ไม่รู้ว่าดีรึเปล่านะ (ต้องดีสิ!)

     

    KIRAYA-RY

    ดีค่าเรย์ ;) ใช่ค่ะ มาต่อแล้ว และนี่ก็ต่ออีกนะ ติดตามกันนานๆ นะเออ

     

    nuin

    ดีใจที่เห็นคำว่าสนุกนะเนี่ยยย ;p น่ารักนี่ใครคะ? ศิ? โจ้? กฤต? นาย? บูม? เชษฏ์? ณัฐ? ...พอเถอะ... เอาเป็นว่าจะเหมารวมว่าน่ารักทุกคนนะ ฮี่ๆ

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++


    [060310]: แก้คำผิดอีกแล้วววว
    [140510]: ทำไมคำผิดมันเยอะจังคะ? > <!!
    [160510]: มาใส่เพลงค่ะ :D
    [180510]: แก้โค้ดเพลง ใส่เป็น MixPod แทนดีก่า~

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×